สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดโครงการ “พลังชุมชน สร้างถนนปลอดภัย ปี 4” ลงนามความร่วมมือ ยกระดับความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่ปะทิว

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00–12.00 น. ณ สนามฟุตบอลเทศบาลตำบลมาบอำมฤต ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร มีการจัดพิธีลง

นามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการ “พลังชุมชน สร้างถนนปลอดภัย ปี 4” โดยได้รับเกียรติจาก ว่าที่ร้อยตรี กิตติภาพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธี

พิธีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน ซึ่งยังคงเกิดเหตุซ้ำซากและมีความเสี่ยงสูงธนชาตประกันภัยนำทีม เอกชน–ชุมชน จับมือสร้างเส้นทางปลอดภัย

นางวิชินี โอรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเจตนารมณ์ขององค์กรที่มุ่งลดอุบัติเหตุบนถนนระดับชุมชนตามแนวคิด “พลังชุมชน สร้าง

ถนนปลอดภัย” ซึ่งได้ดำเนินงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปี พร้อมเผยว่าโครงการสามารถลดอุบัติเหตุในพื้นที่ที่เข้าร่วมได้กว่า 50% และไม่พบความสูญเสียใหญ่ในพื้นที่ดำเนินงาน ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน

เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า ธนชาตประกันภัยในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์รายใหญ่ มีความกังวลต่อจำนวนอุบัติเหตุบนถนนสายรองในชุมชนที่เพิ่มขึ้น

โดยพบปัญหาความสูญเสียที่ส่งผลกระทบหนักต่อครอบครัวผู้ประสบเหตุ จึงผลักดันโครงการนี้เพื่อช่วยสร้างความปลอดภัยอย่างยั่งยืน เทศบาลมาบอำมฤต–ภาคีเครือข่าย ผนึกกำลังกำจัด “จุดเสี่ยง”

นายวีระชัย เตือนวีระเดช นายกเทศมนตรีตำบลมาบอำมฤต กล่าวรายงานว่า เทศบาลได้คัดเลือกพื้นที่เสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเข้าร่วมโครงการ และได้รับการสนับสนุนให้แก้ไขจุดเสี่ยงสำคัญ บริเวณสามแยกโบสถ์คริสต์ ตำบลดอนยาง ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง

เขาย้ำว่า โครงการนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ชุมชนจะได้ร่วมกันสะท้อนปัญหา วิเคราะห์ และจัดลำดับแนวทางแก้ไขที่ตรงจุด โดยเทศบาลจะร่วมดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยอย่างต่อเนื่องรองผู้ว่าฯ เปิดงาน ย้ำจังหวัดชุมพรเอาจริง “ลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน”

ว่าที่ร้อยตรี กิตติภาพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยในพิธีว่า จังหวัดชุมพรให้ความสำคัญกับการลดอุบัติเหตุทางถนนในทุกมิติ

ทั้งมาตรการด้านคน รถ ถนน สภาพแวดล้อม การบังคับใช้กฎหมาย และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย โดยเห็นว่าโครงการระดับชุมชนเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดการสูญเสียได้อย่างแท้จริง

พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ เอกชน เครือข่ายความปลอดภัยทางถนน และชุมชนที่ร่วมแรงผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม