

เมื่อ วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา13.00 น. อาจารย์สุชาติ กนกรัตน์มณี ประธานชมรมตามรอยเจ้าตาก, นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา, อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ร่วมด้วย ชาวบ้านจำนวนหนึ่งใน ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก จ.ตาก เข้ายื่นหนังสือต่อ อธิบดี กรมศิลปากร เรื่องมีผู้บุกรุก “วัดดอยข่อยเขาแก้ว” ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก จ.ตาก ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญของจังหวัดตาก เดิมเคยเป็นวัดที่ “พระเจ้าตากสินมหาราช” เคยไปประกอบพิธีเสี่ยงทายบารมีครั้งยังเป็นเจ้าเมืองตาก โดยมี นายวสันต์ เทพสุริยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เป็นผู้รับหนังสือแทน ณ ชั้น 1 กรมศิลปากร ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ ทั้งนี้ “วัดดอยข่อยเขาแก้ว” มี “โบสถ์มหาอุตม์” ซึ่งเป็นโบราณสถาณ และโบราณวัตถุ ขึ้นทะเบียนกับ “กรมศิลปากร” ไว้ในราชกิจจานุเบกษา ได้ถูกทิ้งไว้เป็นวัดร้าง จนกระทั่งปัจจุบันมี “พระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง” อาศัยโบสถ์มหาอุตม์ ทำพิธี เชิญชวนชาวบ้านมาบวช โดยอ้างว่าบวชให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และทำพิธีบวชพระ บวชเณร เป็นเวลานาน ทำให้โบสถ์เสื่อมโทรม

ชาวบ้านในตำบลแม่ท้อ ได้คัดค้านการกระทำของกลุ่มพระเหล่านี้ และได้มีการร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้ใช้โบสถ์นี้ทำพิธีกรรมต่างๆ เนื่องจากทรุดโทรมมาก และไม่มีผู้ดูแล กลุ่มพระเหล่านี้ยังมีการหาผลประโยชน์จากการทำกิจกรรมในโบสถ์ เป็นเวลานานหลายปี นักวิชาการทั้งหลาย จึงเข้ามาช่วยชาวบ้านแม่ท้อต่อสู้ไม่ให้กลุ่มพระเหล่านี้อาศัยโบสถ์ และพระนาม “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” เป็นเครื่องมือชักชวนให้คน มาทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นโบสถ์ที่ไม่สมบูรณ์ เรียกว่า “เสมาวิบัติ” แต่กลุ่มพระเหล่านี้ก็ยังดื้อรั้น จัดทำพิธีบวชในโบสถ์ตลอดมา และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2568 มีการเชิญชวนเจ้าคณะจังหวัด มาทำพิธี “เสมาสมมุติ” เพื่อฝืนจัดงาน ซึ่งงานบวชจะจัดขึ้นในวันที่ 17 เมษายน 2569 ในขณะที่ยังมีกรณีพิพาทอยู่ในพื้นที่

นักวิชาการพร้อมด้วยผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นชาวบ้านตำบลแม่ท้อ จังหวัดตาก มาขอร้องเรียน และคัดค้านการใช้โบสถ์ดังกล่าว เพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณนี้ ให้ลูกหลาน และประชาชน ได้เก็บไว้รักษาดูแล และศึกษา เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะโบสถ์หลังนี้ใกล้พลุพังเต็มที่แล้วโดย อาจารย์สุชาติ เผยถึงที่มาในครั้งนี้ว่า“วันนี้มายื่นหนังสือที่ กรมศิลปากร ให้กับท่านอธิบดีเรื่องมีผู้ไปบุกรุกโบราณสถานที่จังหวัดตาก ซึ่งเดิมเคยเป็นวัดที่พระเจ้าตากสินมหาราชเคยไปประกอบพิธีเสี่ยงทายบารมีครั้งยังเป็นเจ้าเมืองตาก ต่อมาปัจจุบันวันนี้เป็นวัดร้าง ถูกประกาศให้เป็นเขตโบราณสถานมาหลาย 10 ปีแล้ว

มีผู้ไปบุกรุกมานานหลาย 10 ปี เราเลยมายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ท่านอธิบดีช่วยพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย จริงๆ เรื่องนี้ยืดเยื้อมานานแล้ว แต่ไม่มีการใช้บังคับกฎหมายอย่างจริงจัง เราก็เลยมานำเรียนท่านอธิบดี โดยมี พี่วสันต์ ที่เป็นผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ดูแลพื้นที่อยู่พอดี ก็มารับเรื่อง ขอให้ท่านช่วยพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย มิฉะนั้นต่อไปมันก็เป็นตัวอย่างที่ใครจะทำอะไรก็ได้ เข้าไปบุกรุกโบราณสถานที่ไหนก็ได้ครับ”ด้าน นายวสันต์ เทพสุริยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ผู้รับหนังสือแทน อธิบดี กรมศิลปากร ก็เผยว่า “วันนี้ได้รับมอบหมายจาก ท่านอธิบดีกรมศิลปากร ให้มารับเรื่องจาก พี่สุชาตินะครับ เบื้องต้นเลยขอขอบคุณ พี่สุชาติและคณะอย่างยิ่งนะครับที่ให้ความสำคัญกับโบราณสถาน และร่วมกับ กรมศิลปากร ในการปกป้อง แต่อย่างไรก็ตาม

เรื่องนี้มีความซับซ้อนอยู่ค่อนข้างสูง เนื่องจากที่ดินที่ วัดดอยข่อยเขาแก้ว เป็นที่ธรณีสงฆ์ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ คือ สำนักพุทธนะครับ กรมศิลปากร ประกาศเขตโบราณสถานก็จริง แต่เราเป็นผู้คุ้มครอง เรากำกับดูแล แต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองจริงๆ คือสำนักพุทธ แล้วก็ด้วยความอาจจะไม่เข้าใจในข้อกฎหมายที่ผ่านมา ก็เลยทำให้การดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมายเท่าที่ควร แต่ทั้งนี้เราได้ประชุมล่าสุดแล้ว เมื่อเดือนตุลาคม โดยมีท่านเจ้าคณะจังหวัดตาก เป็นประธานในที่ประชุม แล้วก็มีมติร่วมกันแล้ว ก็น่าจะเป็นมติสุดท้ายแล้วนะครับว่า หลังสงกรานต์ช่วงปลายเดือนเมษายน 2569 เราจะเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้างที่บุกรุกบนสถานออกจากพื้นที่ หลังจากนั้นถ้าจะมีการดำเนินการใดๆ ในพื้นที่โบราณสถาน ผู้เกี่ยวข้องที่จะต้องการดำเนินการจะขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โอกาสนี้ก็คงต้องขอขอบพระคุณพี่สุชาติและคณะ แล้วก็คอยติดตามผลงานของ สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ว่าจะเป็นไปตามมติที่นำเรียนของพี่ๆ เค้าหรือเปล่านะครับก็อยากฝากทุกท่านติดตามด้วยเช่นกันครับ”

นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา กล่าวถึงความคืบหน้าในกรณีนี้ว่า“ตอนนี้เราร้องเรียนทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ก่อนการจัดงานปีนี้ไปรอบหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ทางที่ประชุมของจังหวัดตาก เขาก็มีมติมาว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกลุกล้ำนะ โดยไม่ได้ขออนุญาต กรมศิลปากร ออกจากพื้นที่ แต่ก็ปรากฏว่าจนบัดนี้ไม่เป็นไปตามแผนที่นี่อยู่กันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มันมีความสำคัญ แล้วอยู่ๆ จะมีพระรูปหนึ่งรูปใดไปสร้างห้องสุขาทับหลุมศพของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์เหรอครับ มันเป็นเรื่องที่เราต้องอนุรักษ์ไว้ และเราถ้าทำกันไม่ได้ ถ้ารัฐดูแลใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมไม่ได้ ผมว่ารัฐเราล้มเหลวแล้วครับ”
ในส่วนของ อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่า

“ก็ให้ทนายเขาจัดการอย่างเต็มที่นะครับ เต็มเหนี่ยว ก็ถือว่าเต็มเหนี่ยว ใส่ผมมา ผมก็เต็มเหนี่ยวใส่กลับไปนะครับอันนี้เรียนเลย แล้วก็…เวรกรรมมีจริงนะครับ ได้ข่าวว่าพระที่ขี่ออดี้ที่ผมเคยร้องเรียนไป ก็ได้ข่าวว่าเอาออดี้ไปชนสามล้ออีกแล้ว ไม่รู้ว่าใครขับนะ ก็ฝากด้วยละกัน ชาวบ้านหัวเราะ ชาวบ้านยังรู้เลยว่าพระมีตังค์ขี่ออดี้ แล้วก็เอาออดี้ไปชนกันสามล้อ ก็ต้องดูกันไปครับว่า วัดแบบในหนังเรื่อง บุพเพสันนิวาส วัดสวยๆ อย่างงั้น พวกคุณโอเคไหมหรือแบบว่า ผมไปสร้างส้วมอยู่ตรงพระนอนแถวศรีสัชนาลัย สุโขทัย พวกคุณโอเคกันไหม มันคือโบราณสถาน คุณจะมายึดอาศัยว่า ฉันเป็นพระ ฉันจะครอบครองโบราณสถานได้ ผมยืนยันนะครับว่า ผมเอาหมด เพราะผมถือว่า ผมพูดกับพวกท่านดีๆ แล้ว เจ้าคณะปกครองทุกรูป ผมก็ย้ำว่าผมเอาหมด”
นอกจากนี้ อาจารย์สุชาติ ยังทิ้งท้ายต่อว่า
“เรื่องเนี้ยมันยืดเยื้อมาเป็นสิบปีแล้วนะ ผู้ที่ขึ้นไปบุกรุกก็เคยต้องพิพากษาจำคุกมาแล้วนะครับ แล้วก็ยังขึ้นไปอยู่เป็นประจำ เราพบว่าขึ้นไปอยู่เป็นประจำ แล้วก็มีหน่วยงานรัฐเข้าไปเรียกว่าตรวจสอบมาตลอดก็ยังอยู่ ดังนั้นเราก็เลยไม่ค่อยมั่นใจว่า ทางหน่วยงานรัฐจะทำหน้าที่จริงจังไหม แต่เมื่อได้คุยกับ พี่วสันต์ แล้วก็คิดว่าเราจะรอดูว่าหลังเมษาฯ ปี 69 ทางเจ้าคณะจังหวัดตาก เป็นคนขอไว้ เราคิดว่าพระนั้นไม่มุสา แต่บังเอิญว่าพวกผมก็ไม่ค่อยเชื่อนะครับ สิ่งที่ท่านพูด ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเจ้าคณะจังหวัดจะปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านพูดหรือไม่ครับ”

