คลังเก็บหมวดหมู่: ไม่มีหมวดหมู่

สื่อรัฐนิวส์สื่อรัฐทีวี / เสมอดาว เมาน์เทน เทรล “วิ่งนับดาว คืนฟื้นฟูป่า” ครั้งที่ 3งานวิ่งเทรลที่จะพาทุกก้าวกลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูป่า…เพื่อฮีลใจคุณ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. นางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน มอบหมายให้นายภัคพงศ์ ทองฟู ผู้ปฏิบัติงานสำนักงานจังหวัด และนายภัทร์ศรุต คล้ายสุบรรณ ผู้ปฏิบัติงานกลุ่มงานบริการ ลงพื้นที่อำเภอนาน้อย

เพื่อประชุมร่วมกับองค์กรเกษตรกร “โครงการสนับสนุนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และด้านอื่นๆในภารกิจของสำนักงาน ตามบันทึกข้อตกลงกรมบัญชีกลาง กิจกรรมที่ 2 สำนักงานสาขาจังหวัดติดตามประเมินผลการดำเนินงาน

โครงการที่ได้รับการสนับสนุนและพัฒนาปรับปรุงแผนและโครงการขององค์กรเกษตรกร” โดยมี ร.ต.อ.วินัย ก้อนสมบัติ รองประธานอนุกรรมการฯ คนที่ 2 จังหวัดน่าน เข้าร่วมด้วย ณ หอประชุมบ้านคลองชล ม.10 ต.นาน้อย อ.นาน้อย จ.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

เสมอดาว เมาน์เทน เทรล “วิ่งนับดาว คืนฟื้นฟูป่า” ครั้งที่ 3
งานวิ่งเทรลที่จะพาทุกก้าวกลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูป่า…เพื่อฮีลใจคุณ

สมาคมอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ชวนทุกคนมาวิ่งสนามเทรลท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมร่วมกันสร้างพื้นที่สีเขียวให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ในงาน “Samer Dao Mountain Trail” #3 “วิ่งนับดาว คืนฟื้นฟูป่า” โดยรายได้ 100 บาท จากค่าสมัครของทุกท่าน มอบให้สมาคมอุทยานแห่งชาติ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์ และโครงการคืนฟื้นฟูป่าประชาร่วมใจ จัดขึ้นในวันที่ 25 – 26 ตุลาคม 2568 ณ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน

งานนี้ได้จัดมาต่อเนื่อง 2 ครั้งในปี 2567 ซึ่งทำให้ประชาชนตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สร้างรายได้ให้กับชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน และพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถดำเนินการจัดหาทุนโครงการคืนฟื้นฟูป่าประชาร่วมใจ เพื่อขอคืนผืนป่าจากประชาชนที่ทำกินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่านโดยสมัครใจแล้วกว่า 840 ไร่

ซึ่งงานในครั้งที่ 3 นี้จะพาทุกคนไปท่องเที่ยวด้วยสองเท้า ก้าวสู่อ้อมกอดธรรมชาติ ปลุกชีวิตให้มีชีวา ผ่าน ‘การอาบป่า’ (Shinrin-yoku) ที่โอบล้อมใจด้วยความสงบและสดชื่น พบกับ 4 ระยะวิ่งเทรล 40 KM / 20 KM / 10 KM และ 5 KM ผ่านเส้นทางวิ่งธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความสนุกและท้าทาย ภายใต้สายหมอกที่ฟุ้งกระจาย และแสงทองอุ่น ๆ ยามเช้าที่จะมอบประสบการณ์สุดสดชื่นพร้อมเติมพลังบวกให้กับวันใหม่

สำหรับนักวิ่งที่ชอบความท้าท้ายและมีเป้าหมายในการแข่งขัน ระยะวิ่ง 40 KM 20 KM และ 10 KM มีการแข่งขันประเภทรุ่นอายุและรับโล่รางวัลทั้ง 3 ระยะทาง 4 รุ่น ๆ ละ 3 อันดับ ชายและหญิง ได้แก่ รุ่นอายุ 20 – 29 ปี, รุ่นอายุ 30 – 39 ปี, รุ่นอายุ 40 – 49 ปี และรุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป รวมทั้งหมด 72 รางวัล
นอกจากการวิ่งเทรลแล้วยังมีกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ กิจกรรมอาบป่า, ทัวร์รถรางเที่ยวนาน้อย, เยี่ยมชมพื้นที่โครงการคืนฟื้นฟูป่า ประชาร่วมใจ และกิจกรรมนอนแคมป์ดูดาวพร้อมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพดวงดาวอีกด้วย

เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ พิเศษ! โปรโมชั่น จับคู่มาสมัคร ลดทันที 10% โดยนักวิ่งทั้ง 2 คน สามารถเลือกคละระยะสมัครได้ และอีกหนึ่งโปรโมชั่น ยกก๊วนสมัคร 5 คน ฟรี 1 คน ในระยะ 5 KM โดยนักวิ่งทั้ง 5 คน เลือกคละระยะสมัครได้ สำหรับผู้ที่สนใจสมัครแบบ VIP เลือกระยะวิ่งได้ ในราคา 3,2000 บาท พิเศษ!! ร่วมกิจกรรมนอนแคมป์ดูดาวพร้อมอาหารเย็น นอกจากนี้ยังสามารถสมัครแบบไม่ร่วมวิ่ง ราคา 2,000 บาท รับกระติกน้ำ Zojirushi ลายพิเศษจากสมาคมอุทยานแห่งชาติ พร้อมจัดส่งฟรี และสมัครแบบไม่ร่วมวิ่ง

ราคา 500 บาท จะได้รับเสื้อวิ่ง 1 ตัว (เลือกได้จากทุกระยะ) และผู้จัดสมทบเสื้อวิ่งอีก 1 ตัว เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน พร้อมจัดส่งฟรี ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค Samer Dao Mountain Trail เสมอดาว เมาน์เทน เทรล, ไลน์ออฟฟิศเชียล @inspirerunner หรือโทรศัพท์ 098-945-6568 สมัครได้ที่ www.runlah.com/th/sdmt2025

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บริษัทใจบุญส่งตัวแทนช่วยเหลือครอบครับอดีตดูโอ้ดังยุค 90 “สมิทธิ์ วงสมิธแอนด์เชน ” ป่วยอัมพฤกษ์กว่า 10 ปี อยู่กับบิดาชราภาพคอยดูแลที่บ้านพักชลบุรี

แชร์เนื้อหานี้

มีรายงานว่าบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ได้ส่งตัวแทนลงพื้นที่บ้านพักอาศัยของนายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บัณฑิตย์ เลขที่ 68/24 หมู่บ้านคลองชเลรมย์ ถนนพระยาสัจจา ม.2 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบิดาของ “สมิทธิ์ บัณฑิตย์” หรือ สมิทธิ์ วงสมิธแอนด์เชน อดีตศิลปินดูโอ้ดังยุค 90 เพื่อให้การช่วยเหลือ หลังอดีตนักร้องดังป่วยเป็นอัมพฤกษ์มานานกว่า 10 ปี

เมื่อไปถึงพบ สมิทธิ์-สมิธแอนด์เชน อาศัยอยู่กับนายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บิดา ซึ่งมีอายุ 87 ปีแล้ว และพี่ชายอีกหนึ่งคน โดย สมิทธิ์-สมิธแอนด์เชน ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และเริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงพยาบาล ทราบว่าต้องใช้รถวีลแชร์ในการเคลื่อนที่ไปไหนมาไหน โดยมีบิดาในวัยชราภาพและเพื่อนบ้านคอยพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล และรายได้ของทางบ้านก็ไม่เพียงพอ มีเพียงเพื่อนสนิทมิตรสหายวนเวียนมาช่วยเหลืออยู่บ้างเท่านั้น

ตัวแทนบริษัทดังกล่าว เผยว่า ได้รับมอบหมายหลังจากติดตามเรื่องราวของสมิทธิ์-สมิธแอนด์เชน อดีตดูโอ้ดังในอดีตที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์อาศัยโดยมีบิดาที่แก่ชราคอยดูแล โดยทางบริษัทให้ลงพื้นที่ติดตามข้อมูลความต้องการ และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ด้วยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยสมุนไพรธรรมชาติ โดยมอบให้นายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บิดาของนายสมิทธิ์ ไว้ใช้ตามความจำเป็น ก่อนบริษัทจะช่วยเหลืออย่างเป็นทางการอีกครั้งเร็วๆ นี้

ด้าน นายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บิดาของนายสมิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณทางบริษัทดังกล่าว ก่อนเผยว่า ทุกวันนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงให้พอมีรายได้ประทังชีวิต ในส่วนของสิ่งของจำเป็นของผู้ป่วย จำพวกผ้าอ้อมเอนกประสงค์สำหรับผู้ใหญ่ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลนายสมิทธิ์นั้น ต้องคอยไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.มุกดาหาร สุดฉาว! ร.ต.ท.ปราบยาดีเด่น ผันตัวเป็นผู้ค้า ถูก ตชด. จับพร้อมของกลางยาบ้า 30,000 เม็ด / ตร.กาฬสินธุ์–มุกดาหาร ขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบค้ากระสุนปืนสงครามจาก สปป.ลาว กว่า 2,000 นัด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.234 มุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่า สามารถติดต่อล่อซื้อยาเสพติดในพื้นที่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.วิชาญ ตนุมาตร หน.ชุด ชปข.ร้อย ตชด.234 พร้อมกำลังพลรวม 15 นาย ร่วมวางแผนจับกุม กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายเกรียงศักดิ์ หรือ”ปื้ด” พิกุลศรี อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 227 ม.2 ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านศูนย์ไหม อ.เมืองมุกดาหาร

จากการขยายผลนายปื้ด รับว่าได้นำยาเสพติดทั้งหมดมาจาก ร.ต.ท.โทรจิตร แข็งแรง อายุ 57 ปี รอง สว.สส.สภ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร และได้นำยาเสพติดดังกล่าวมาขายให้กับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจริง จากนั้นจะนำเงินที่ได้จากการขายยาเสพติดดังกล่าวไปมอบให้ ร.ต.ท.โทรจิตร เจ้าหน้าที่จึงได้จึงได้วางแผนนัดหมายการรับมอบเงินที่บ้านนายปื๊ด ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมาย ร.ต.ท.โทรจิตร ได้เดินทางมารับเงินจำนวนดังกล่าว และนายปื้ดจึงได้ส่งมอบเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดให้ ร.ต.ท.โทรจิตร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการแสดงตัวเข้าจับกุม และควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมตรวจยึดยาบ้าจำนวนประมาณ 30,000 เม็ด และอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อสมิทแอนเวสสัน พร้อมเครื่องกระสุน 13 นัด ไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ร.ต.ท.โทรจิตร เพิ่งเข้ารับใบประกาศเกียรติคุณผู้มีผลการ ปฏิบัติงานดีเด่นด้านการปราบปรามยาเสพติดของตํารวจภูธรภาค 4 ที่ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

ตร.กาฬสินธุ์–มุกดาหาร ขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบค้ากระสุนปืนสงครามจาก สปป.ลาว กว่า 2,000 นัด

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้ตั้งจุดตรวจบนถนนกาฬสินธุ์–กุฉินารายณ์ ช่วงบ้านคอนเรียบ ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ จนพบและควบคุมตัว นายวิชัย ใจช่วง อายุ 24 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3223/2568 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ในคดีเกี่ยวกับการเปิดหรือยินยอมให้ใช้บัญชี/โทรศัพท์เพื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีระหว่างการสอบสวน นายวิชัยฯ ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการติดต่อกับชาวลาว เพื่อรับกระสุนปืนสงครามอาก้า หรือ AK-47 ขนาด 7.62 มม. จำนวน 2,000 นัด ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร

ตำรวจชุดจับกุมจึงประสาน พ.ต.ต.มนัส บุตรวงศ์ สว.กก.สส.ภ.จว.มุกดาหาร วางแผนล่อซื้อ ก่อนนัดหมายที่ถนนหน้าท่าทรายดาวเลิงนกทา ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร กระทั่งพบ นายสาคอน ไชยะมุงคุน อายุ 21 ปี ชาวแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ถือกระสอบต้องสงสัย เมื่อเห็นตำรวจแสดงตัวได้พยายามหลบหนี แต่ถูกจับกุมไว้ได้ตรวจสอบภายในกระสอบพบ กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. รวม 2,214 นัด นายสาคอนฯ รับสารภาพว่า ได้รับกระสุนมาจากชายลาวชื่อ “น้อย” เพื่อนำมาส่งให้ผู้ซื้อ โดยจะได้รับค่าจ้าง 9,000 บาท

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “มีกระสุนปืนสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พายุดีเปรสชันถล่มมุกดาหาร ฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำท่วมหลายจุด เขตเทศบาลอ่วม! – ระดับน้ำสูงถึงเอว

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง “พายุดีเปรสชันและฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย” ฉบับที่ 4 (227/2568) ระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น.

ของวันที่ 30 สิงหาคม 2568 พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยในช่วงวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

จังหวัดมุกดาหารนับเป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม ทำให้หลายพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะบริเวณชุมชนและซอยที่อยู่ใกล้แนวคลองระบายน้ำ

เวลา 06.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม นายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือประชาชนในซอยศรีประเสริฐ 3 และ 4

ซึ่งระดับน้ำท่วมสูงถึงระดับเอว หลายครอบครัวต้องอพยพออกจากบ้านเรือนชั่วคราว ขณะเดียวกันถนนศรีบุญเรืองบริเวณด้านข้างร้านเบียร์สดถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้

ที่ชุมชนศรีบุญเรือง ซอย 7 เจ้าหน้าที่เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ส่วนในซอยศรีประเสริฐ 2, 3 และ 4 ซึ่งอยู่ติดคลองระบายน้ำโยธาธิการ น้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคลองดังกล่าวรับน้ำจากคลองหินอ่างและคลองร่องปอ ก่อนจะไหลลงสู่ห้วยแข้ด้านหลังสำนักสงฆ์หนองพุทธโคตร แต่ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่สูงขึ้นทำให้น้ำเอ่อเข้าห้วยแข้ ส่งผลให้การระบายน้ำช้าลงและเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ชุมชน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯ ได้นำกระสอบทรายกั้นรอบบ้านเรือนและจัดทำแนวกั้นชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมยานพาหนะ พร้อมทั้งประสานขอเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งช่วยเหลือ

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองมุกดาหารได้จัดตั้งทีมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง หากฝนยังตกต่อเนื่องมีความเป็นไปได้ที่ระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก และได้ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

น้ำท่วมมุกดาหาร #ฝนตกหนัก #พายุดีเปรสชัน #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ลูกสาวสุดทน! พ่อแม่บาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุ รถคู่กรณีไร้การเยียวยา – คดีเงียบเกือบ 3 เดือน วอน ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร – ผกก.คำชะอี เร่งรัดความยุติธรรม”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 นางสาวลลาวัลย์ ฤทธิวงค์ ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว สำนักข่าว CIA ประเทศไทย ประจำจังหวัดมุกดาหาร ว่า บิดาและมารดาของตนประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์พุ่งข้ามเลนมาชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2568 แต่จนถึงปัจจุบันคดียังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุยังไม่ได้ถูกดำเนินคดี และไม่เคยเข้ามาให้การช่วยเหลือหรือเยียวยาความเสียหายแต่อย่างใด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนถนนสาย มุกดาหาร–กุฉินารายณ์ บริเวณหน้า อบต.คำชะอี ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2568 โดยรถยนต์โตโยต้า สีเทา–ดำ ทะเบียน กจ 5415 มุกดาหาร ซึ่งมี นายประพง คนซื่อ ขับมาจาก อ.หนองสูง มุ่งหน้าไป อ.คำชะอี

ได้ข้ามเลนไปชนอย่างแรงกับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กท 7596 สกลนคร ที่ขับสวนทางมาแรงกระแทกทำให้รถทั้งสองคันพังเสียหาย และผู้ที่นั่งมาในรถกระบะคือ นายอนันต์ โลหะสาร คนขับ และ นางเพลินฉวี โลหะสาร ภรรยา ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกขาและนิ้วหัก ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้

นางสาวลลาวัลย์เผยว่า ครอบครัวได้รับความทุกข์ร้อนอย่างมาก ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายของรถยนต์ที่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม พร้อมทั้งเรียกร้องให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ ไทยพุทรา ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร และ พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.คำชะอี กำชับพนักงานสอบสวน สภ.คำชะอี เจ้าของคดี เร่งรัดการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรมโดยด่วนด้วย

คดีล่าช้า #คดีไม่คืบหน้า #มุกดาหาร #อุบัติเหตุ #ความยุติธรรม #รถชนข้ามเลน #ตำรวจคำชะอี #สถานีตำรวจภูธรคำชะอี #กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #สตช #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.หว้านใหญ่ จับ “แม็ก โพนทราย” ยาบ้า 46,000 เม็ด – ปืน .32 กระสุน 12 นัด / อุบัติเหตุสลด! กระบะเสียหลักพลิกคว่ำ ถนนชยางกูร มุกดาหาร ดับ 2 เจ็บ 1

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 เวลา 18.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.เจด็จ ปรีพูล ผกก.สภ.หว้านใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เข้าตรวจค้นกระท่อมไม่มีเลขที่ หมู่ 4 ต.ดงหมู อ.หว้านใหญ่ หลังสืบ

ทราบว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติด พบ นายณรงค์ศักดิ์ หรือ “แม็ก” อุทุมภา อายุ 25 ปี ชาว ต.โพนทราย อ.เมืองมุกดาหาร ยืนอยู่บริเวณกระท่อม ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นภายในกระท่อม พบของกลางเป็น ยาบ้า 46,000 เม็ด, อาวุธปืนขนาด .32 ไม่มีหมายเลขทะเบียน 1 กระบอก และ กระสุนปืน .32 จำนวน 12 นัด

ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพ.ต.ท.พงษ์สักก์ หงษ์เวียง สว.(สอบสวน)ฯ พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

จับยาเสพติด #มุกดาหาร #หว้านใหญ่ #ยาบ้า46000เม็ด #ตำรวจหว้านใหญ่ #ปราบปรามยาเสพติด #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

มุกดาหาร​ -​ อุบัติเหตุสลด! กระบะเสียหลักพลิกคว่ำ ถนนชยางกูร มุกดาหาร ดับ 2 เจ็บ 1

เมื่อเวลา 02.15 น. วันที่ 20 สิงหาคม 2568 มูลนิธิการกุศลมุกดาหาร “เต็กก่า” จีหมกเกาะ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุตำรวจและศูนย์นเรนทรจังหวัดมุกดาหาร ให้เข้าช่วยเหลือเหตุรถยนต์ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ บริเวณถนนชยางกูรเลยโรงเรียนทีโอเอ เทศบาลเมืองมุกดาหาร ไปประมาณ 1 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่กู้ชีพ–กู้ภัยเต็กก่า พร้อมอาสาสมัครได้จัดกำลังเข้าที่เกิดเหตุ โดยนำรถพยาบาล 1 คัน และรถอุปกรณ์ตัดถ่าง–ส่องสว่าง 1 คัน เข้าสนับสนุน พบรถยนต์กระบะแคป Chevrolet ทะเบียน บบ 1142 ศรีสะเกษ พลิกคว่ำอยู่บริเวณข้างถนน

ตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง อายุ 24 ปี อยู่ด้านนอกตัวรถ และมีผู้เสียชีวิตติดภายในรถจำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ก่อนนำผู้บาดเจ็บและร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลมุกดาหาร

อุบัติเหตุ #มุกดาหาร #ถนนชยางกูร #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #ข่าวมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้/////เด​วิท​โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.ละแม จับกุมผู้ค้าและเสพจำนวน 3 ราย

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 ปฏิบัติการกวาดล้าง ยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ในห้วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระยะแต่วันที่ 18 ก.ค.68-30 ก.ย.68 วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ได้รับแจ้งจาก พ.ต.อ.อนันท์ อนุตรเวสารัช ผกก.สภ.ละแม วันที่ 14 ส.ค.68 เวลาประมาณ 13.30 น.

ร่วมกับ นายอเนกชำนาญนานายอำเภอละแม สั่งการให้ นายวิบูลย์ เกลี้ยงสงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน พ.ต.ท.สุชาติ สิงหา รอง ผกก.สส.สภ.ละแม และ พ.ต.ท.พชร อ่วมทองดี รอง ผกก.ป.สภ.ละแม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละแม นำโดย พ.ต.ต.โตษณ พันธุ์ทอง สว.สส.สภ.ละแม พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธนธัช ประเทียบอินทร์ รอง สว.สส.สภ.ละแม,ร.ต.ต.ธานินทร์ ทองแดง รอง สว.(สส.)สภ.ละแม, ด.ต.ทินกร ทองอ่อน ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ละแม และ ส.ต.ท.สุวพันธ์ ดำวรรณ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ละแม ในห้วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระยะแต่วันที่ 18 ก.ค.68-30 ก.ย.68

พ.ต.ต.โตษณ พันธุ์ทอง สว.สส.สภ.ละแม ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า พื้นที่ ม.4 ต.สวนแตง มีวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด จำหน่ายยาเสพติด ให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ จึงได้รายงาน พ.ต.อ.อนันท์ อนุตรเวสารัช ผกก.สภ.ละแม ผู้บังคับบัญชาทราบ จึงเดินทางไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบบ้านเลขที่ 14/2 ม.4 ต.สวนแตง อ.ละแม จังหวัดชุมพร นาย ปราโมทย์หรือโช้ง มีการมั่วสุมยาเสพติดจริง จึงได้จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย พร้อมด้วยยาเสพติด ยาบ้าจำนวน 9 เม็ด และยาไอซ์ 0.03 กรัมภายในบ้าน ที่บ้านมีลักษณะมั่วสุมเสพยาเสพติดกัน นายธีรภัท หรือธี ชาวต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร นางสาว เสาวลักษณ์ หรือกิ๊ฟ ชาว ต.ปังหวาน อ.พพโต๊ะ จ.ชุมพร ได้นำตัว ทั่ง 3 คนตรวจปัสสาวะจากโรงพยาบาลละแม พบสารเมทแอมเฟตามิน ทั้งสามราย ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ข้อกล่าวหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามิน) โดยไม่ได้รัยอนุญาต จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ละแม เพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดงานกินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1 / ตม.ประจวบ จับต่างด้าวต้องสงสัยแอบหลบซ่อนอยู่ป่าละเมาะ ในพื้นที่บ้านมะขามโพรง ม.9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์

แชร์เนื้อหานี้

.จัดงานกินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  จัดกิจกรรมส่งเสริมการรณรงค์บริโภคกุ้ง ในงาน “กินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 8-17 สิงหาคม 2568 ณ สนามตลาดการค้าชายแดนด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์  

ซึ่งทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ จัดจำหน่ายกุ้งขาวแวนนาไม โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ณ บริเวณอาคารตลาดไทยสิงขร (สนามตลาดการค้าชายแดนด่านสิงขร)
🔅เฉพาะวันที่ 9-11 สิงหาคม และ วันที่ 16-17 สิงหาคม 2568 เพียง 5 วันเท่านั้น
จำหน่ายกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 40-50 ตัว/กก.
เพียงวันละ 100 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 175 บาท
ไฮไลท์ภายในงานฯ แจกคูปองเงินสดส่วนลดราคากุ้ง มูลค่า 50 บาท ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนเช็คอิน 80 คนแรก/วัน
เหลือเพียง กก.ละ 125 บาท (จำกัดคนละ 1 กก.)
เริ่มลงทะเบียนเช็คอินในเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าคูปองจะหมด
มีบริการย่างฟรี  พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ
จำหน่ายกุ้งวันละ 100 กิโลกรัมเท่านั้น
คูปอง จำกัดคนละ 1 กก. (จำนวน 80 กก.)
ราคาปกติ จำกัดคนละ 2 กก. (จำนวน 20 กก.)
คูปองนี้ใช้ได้เฉพาะบูธของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

”ประชาธิปัตย์“ประกาศปลดประเทศไทยจากแชมป์โลก
แก้ปัญหาเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลก
ลด50%ท้าทายเป้ายูเอ็น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.เปิดเผยถึงแนวทางนโยบายแก้ปัญหาคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกวันนี้ว่า ประเทศไทยครองอันดับ1 ประเทศที่มีคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนทุก 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นหนึ่งในวิกฤตของชาติแม้วันเวลาที่ผ่านมาทุกภาคส่วนจะพยายามแก้ไขปัญหานี้แต่ยังไม่บรรลุผลจนภัยจากจักรยานยนต์มีสัดส่วนกว่า70% ของอุบัติภัยทางถนนยังไม่รวมความเสียหายจากการบาดเจ็บทุพลภาพและทรัพย์สินของแต่ละครอบครัวและประเทศชาติรวมทั้งอุบัติเหตุทางถนนยังส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉลี่ย 3% ของ GDP 
ด้วยเหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์จึงมอบหมายให้จัดทำแนวทางนโยบาย “ปลอดจากภัยจักรยานยนต์” ครอบคลุมหลายมิติทั้งด้านกฎหมาย ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน โครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างจิตสำนึกเพื่อร่วมในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ภายใต้ข้อมติของ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติซึ่งประกาศให้ช่วงปี พ.ศ. 2564–2573 เป็นทศวรรษที่สองของการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางถนนโดยมีเป้าหมายที่จะลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนนลงอย่างน้อยร้อยละ 50 ดังนี้

  1. นโยบายมาตรฐานความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์
    1.1จำกัดความเร็วและปรับสเปครถปัจจุบันรถจักรยานยนต์ในไทยมีความเร็วสูงสุด 140-160 กม./ชม. ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานสากล (120-140 กม./ชม.)
    ทำให้ควบคุมยาก เสนอให้ลดความเร็วสูงสุดและปรับหน้าปัดความเร็วให้สอดคล้องกับประเทศอื่น
    1.2 เปลี่ยนหน้ายางรถจักรยานยนต์ซึ่งมีขนาดหน้ายางแคบ (60-70 มม.)ทำให้เกาะถนนน้อยเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยเพิ่มความกว้างหน้ายางตามมาตรฐานสากลคือขนาด 80-90 มม.
    1.3บังคับใช้ระบบเบรก ABS
    รถจักรยานยนต์ขนาด 110 ซีซี ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมมักไม่มีระบบ ABS แม้ไทยมีโรงงานผลิตระบบนี้แต่ส่งออกทั้งหมด ควรบังคับให้รถทุกขนาดในไทยติดตั้ง ABS เพื่อลดอุบัติเหตุ เพราะ 80% ของการตายจากรถจักรยานยนต์เกิดจากรถขนาด 110 ซีซี
  2. ปฏิรูปกฎหมายและใบอนุญาตขับขี่
    2.1 ใช้ระบบใบอนุญาตแบบขั้นบันได (GDL)โดยจำกัดความเร็วและขนาดเครื่องยนต์สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ เช่น อนุญาตให้ขับรถไม่เกิน 50 ซีซี หรือความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. และห้ามขับกลางคืนหรือซ้อนท้ายจนกว่าจะมีประสบการณ์เพียงพอ ซึ่ง
    มีตัวอย่างความสำเร็จในต่างประเทศ
    เช่น ญี่ปุ่นและอังกฤษ ที่จำกัดความเร็วและใช้ระบบ GDL ช่วยลดอุบัติเหตุในวัยรุ่นได้ สามารถนำมาปรับใช้ในไทย
    โดยระบบ GDL (Graduated Driver Licensing)เป็นระบบใบอนุญาตขับขี่แบบเป็นขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ ระบบนี้จะค่อยๆ มอบสิทธิในการขับขี่ที่มากขึ้นตามประสบการณ์และอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหต
    2.2เพิ่มบทลงโทษ
    เช่นบังคับสวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด และลงโทษผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งปัจจุบันมีถึง 10 ล้านคน
  3. ปรับปรุงโครงสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวก
    3.1สร้างเลนจักรยานยนต์เฉพาะหรือเลนผสม
    แม้มีมติครม. ปี 2555 ให้มีเลนจักรยานยนต์ แต่ยังขาดการดำเนินการจริง ควรเร่งพัฒนามาตรฐานถนนเพื่อแยกการจราจรระหว่างรถเร็วรถช้า และรถจักรยานยนต์กับรถยนต์
    3.2ออกแบบถนนปลอดภัย
    และปรับปรุงสภาพผิวถนนเพื่อลดการลื่นไถล
  4. รณรงค์สร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมการใช้รถ
    4.1 ควบคุมการโฆษณา
    ห้ามโฆษณาที่เน้นความเร็วแรง และเพิ่มการสื่อสารเรื่องความปลอดภัย เช่น การสวมหมวกนิรภัยซึ่งลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 40%
    4.2ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย
    จัดโครงการสอนขับขี่ในโรงเรียนและชุมชน โดยเน้นกลุ่มอายุ 15-19 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
    5.การบังคับใช้กฎหมาย(Law Enforcement)อย่างเคร่งครัดเพราะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดแต่มีปัญหามากที่สุดทั้งผู้บังคับใช้กฎหมายและผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมา
    ““คนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนต่อ 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นวิกฤตชาติ พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางนโยบายแก้ไขปัญหานี้ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและประเมินผลเป็นระยะ โดยมีเป้าหมายลดอัตราการตายจาก 25 คนต่อประชากร 100,000 คน ให้เหลือ 12 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ไทยหลุดจากอันดับ 1 ของโลกในการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์โดยเร็วที่สุด“ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวย้ำในที่สุด.
  5. ตม.ประจวบฯร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักการข่าว กอ.รมน หน่วย ฉก.จงอางศึก สกัดจับแรงงานเมียนม่าร์กว่าครึ่งร้อย ลอบเข้าเมืองเตรียมลงใต้ไปมาเลย์
  6. เมื่อกลางดึกวันที่ 13 สิงหาคม 2568 พ.ต.อ.เทียนชัย ชมภ

ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์, ชุดสืบสวน ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์, ตชด.14

ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบ ภายหลังจากที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลต่างด้าวต้องสงสัยจำนวนหลายคนแอบหลบซ่อนอยู่บริเวณป่าละเมาะ ในพื้นที่หมู่บ้านมะขามโพรง ม.9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์  เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบยังจุดพิกัดตามที่ได้รับแจ้งมา พบกลุ่มบุคคล หลายสิบคนกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณดังกล่าว

เจ้าหน้าฯจึงได้แสดงตัวและเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวเมียนม่าร์ มีจำนวนทั้งสิ้น 55 คนจากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยอมรับว่าได้หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยลักลอบมาทางช่องทางธรรมชาติด้านจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งคนที่พามาได้ให้มาพักคอยคนที่จะมารับต่ออยู่บริเวณนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปนายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รมต.พงศ์กวิน ระดมทีมช่างกรมพัฒน์ 18 จังหวัด จัดหน่วยบริการ “ซ่อม สร้าง สุข” หลังน้ำลดช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน่าน

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ วัดดอนมูล ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกิจกรรม “ซ่อม สร้าง สุข” พร้อมพบปะและให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดน่าน

    โดยมีนายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดน่าน ว่าที่ร้อยตรีสุเทพ วงศ์วิเศษ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน นายเดชา สงค์ประเสริฐ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน ร่วมให้การต้อนรับ

    นายพงศ์กวิน เปิดเผยว่า จากเหตุพายุโซนร้อน “วิภา” ทำให้ฝนตกหนัก น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดน่าน 14 อำเภอ 84 ตำบล 695 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 33,681 ครัวเรือน รวม 90,208 คน พื้นที่เกษตรเสียหายประมาณ 141,795 ไร่ และเกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน กระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งช่วยเหลือ และเมื่อสถานการณ์น้ำลด

    จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทีมช่างจากทั่วประเทศลงพื้นที่ซ่อมแซมบ้านเรือน รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และตรวจเช็กระบบไฟฟ้าภายในบ้าน พร้อมได้รับการสนับสนุนน้ำมันหล่อลื่นจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน และวัสดุไฟฟ้าจากบริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด สำหรับภารกิจในวันนี้ ทีมช่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ให้บริการตรวจเช็กและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นรถจักรยานยนต์จำนวน 300 คัน

    ซ่อมเครื่องยนต์เล็กเพื่อการเกษตรจำนวน 100 เครื่อง ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 300 รายการ และส่งมอบอุปกรณ์ที่ซ่อมเสร็จแล้วให้แก่ประชาชน รวมถึงสาธิตการประกอบอาหารจานด่วนเพื่อมอบให้ผู้ประสบภัย และลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ประสพภัยซึ่งเป็นผู้พิการพร้อมมอบถุงยังชีพและตรวจเช็กความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน

    กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดทีมช่างจากสถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 หน่วยงาน ครอบคลุม 18 จังหวัด ได้แก่ น่าน นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย ตาก พะเยา ลำพูน อุทัยธานี เพชรบูรณ์ แพร่ กำแพงเพชร แม่ฮ่องสอน พิจิตร สุโขทัย และอำนาจเจริญ โดยสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานน่านยังได้จัดตั้งโรงครัวทำอาหารกล่องเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครแรงงาน และประชาชน

    โดยได้เปิดรับลงทะเบียนซ่อมอุปกรณ์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 และได้ดำเนินการซ่อมระหว่างวันที่ 8–9 สิงหาคม 2568 ซึ่งการออกหน่วยบริการครั้งนี้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดค่าใช้จ่ายซ่อมแซมอุปกรณ์ สร้างรายได้เสริมจากการฝึกอบรม และเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าภายในบ้านของผู้ประสบภัย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / SVL Group จัดซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปี 2568 ย้ำมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการขนส่งและโลจิสติกส์ / วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบฯ จัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม”

    แชร์เนื้อหานี้

    กลุ่มธุรกิจเอสวีแอล (SVL Group) ผู้นำด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร จัดโครงการ “ฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปี 2568” โดยมีส่วนงานความปลอดภัย-แผนกบริหารอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ส่วนบริหารมาตรฐานและเทคโนโลยี พร้อมด้วยหน่วยงานทรัพยากรบุคคลพันธมิตร – ธุรกิจขนส่ง และส่วนงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการหลัก เพื่อสร้างความพร้อมในการรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

    โดยมีการอบรมทบทวนความรู้ พร้อมฝึกซ้อมตลอด 2 วัน ด้วยการจัดทีมจำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ กรณีอุบัติเหตุ, สารเคมีรั่วไหล และอัคคีภัย โดยมีพนักงานจากทุกส่วนงานกว่า 40 คน เข้าร่วมกิจกรรม ณ สถานีบริการน้ำมันภายในสำหรับรถบรรทุกขนส่งสินค้าทางบก ของ SVL Group อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    วัตถุประสงค์หลักของการฝึกซ้อมครั้งนี้ คือการทบทวนความรู้ความเข้าใจ ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้พนักงานสามารถควบคุมสถานการณ์และปฏิบัติการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัยตามบทบาทหน้าที่ของตนเองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสอดคล้องตามกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรฐานการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยว

    กับสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556 SVL Group มุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในทุกมิติของการดำเนินงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน คู่ค้า และชุมชนโดยรอบ ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญด้าน “ความปลอดภัยมาเป็นที่ 1”
    /////////////////
    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบฯ จัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม” ถ่ายทอดความรู้และทักษะเชิงวิชาชีพให้แก่นักเรียน

    วันที่ 7 ส.ค.68 ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสมชาย ทิพย์ประเสริฐ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ พร้อม นางสาวนงนุช พุทธคุณบวร ผู้รับใบอนุญาตวิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ร่วมจัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม” ถ่ายทอดความรู้และทักษะเชิงวิชาชีพให้แก่นักเรียน

    โดยมี พันตำรวจเอก เอกราช หุ่นงาม ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายสมชาย ปี่แก้ว นายกอบต.คลองวาฬ นายสรานนท์ ใยบำรุง ผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภา
    นายพลสิต เวที สาธารณสุขอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อม นายอนันต์ ผิวคำ บาร์เทนเดอร์ อันดับที่ 4 ของโลก วิทยากรผู้ฝึกสอน และผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้มีเกียรติ และนักศึกษา ร่วมกิจกรรม

    นายสมชาย ทิพย์ประเสริฐ ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ตามที่วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดการเรียนการสอนในประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มอาชีพการโรงแรม โดยมีการบูรณาการเรียนรู้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน โดยทางวิทยาลัยเรียนเชิญ Mr. Anan Phiwkam ผู้เชี่ยวชาญด้าน Mixology ซึ่งได้รับรางวัล อันดับ 4 ของโลกจากการแข่งขัน World Championship มาร่วมถ่ายทอดความรู้และทักษะเชิงวิชาชีพให้แก่นักเรียนของวิทยาลัยในครั้งนี้ 

    วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ได้กำหนดจัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม” ขึ้น เพื่อเป็นเวทีให้นักเรียนได้แสดงศักยภาพด้านการรังสรรค์เครื่องดื่มนวัตกรรม

    ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดองค์ความรู้ด้านธุรกิจบริการ และเชื่อมโยงภาคการศึกษากับภาคอุตสาหกรรม และยกระดับความน่าสนใจของกิจกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการผลักดันผู้เรียนและเยาวชนให้มีทักษะความคิดสร้างสรรค์และเป็นมืออาชีพในอนาคตพร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการพัฒนาทักษะอาชีพของเยาวชนไทยในอนาคตต่อไป

    //////////////////

    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443