คลังเก็บหมวดหมู่: ไม่มีหมวดหมู่

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดงานกินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1 / ตม.ประจวบ จับต่างด้าวต้องสงสัยแอบหลบซ่อนอยู่ป่าละเมาะ ในพื้นที่บ้านมะขามโพรง ม.9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์

แชร์เนื้อหานี้

.จัดงานกินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  จัดกิจกรรมส่งเสริมการรณรงค์บริโภคกุ้ง ในงาน “กินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 8-17 สิงหาคม 2568 ณ สนามตลาดการค้าชายแดนด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์  

ซึ่งทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ จัดจำหน่ายกุ้งขาวแวนนาไม โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ณ บริเวณอาคารตลาดไทยสิงขร (สนามตลาดการค้าชายแดนด่านสิงขร)
🔅เฉพาะวันที่ 9-11 สิงหาคม และ วันที่ 16-17 สิงหาคม 2568 เพียง 5 วันเท่านั้น
จำหน่ายกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 40-50 ตัว/กก.
เพียงวันละ 100 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 175 บาท
ไฮไลท์ภายในงานฯ แจกคูปองเงินสดส่วนลดราคากุ้ง มูลค่า 50 บาท ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนเช็คอิน 80 คนแรก/วัน
เหลือเพียง กก.ละ 125 บาท (จำกัดคนละ 1 กก.)
เริ่มลงทะเบียนเช็คอินในเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าคูปองจะหมด
มีบริการย่างฟรี  พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ
จำหน่ายกุ้งวันละ 100 กิโลกรัมเท่านั้น
คูปอง จำกัดคนละ 1 กก. (จำนวน 80 กก.)
ราคาปกติ จำกัดคนละ 2 กก. (จำนวน 20 กก.)
คูปองนี้ใช้ได้เฉพาะบูธของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

”ประชาธิปัตย์“ประกาศปลดประเทศไทยจากแชมป์โลก
แก้ปัญหาเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลก
ลด50%ท้าทายเป้ายูเอ็น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.เปิดเผยถึงแนวทางนโยบายแก้ปัญหาคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกวันนี้ว่า ประเทศไทยครองอันดับ1 ประเทศที่มีคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนทุก 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นหนึ่งในวิกฤตของชาติแม้วันเวลาที่ผ่านมาทุกภาคส่วนจะพยายามแก้ไขปัญหานี้แต่ยังไม่บรรลุผลจนภัยจากจักรยานยนต์มีสัดส่วนกว่า70% ของอุบัติภัยทางถนนยังไม่รวมความเสียหายจากการบาดเจ็บทุพลภาพและทรัพย์สินของแต่ละครอบครัวและประเทศชาติรวมทั้งอุบัติเหตุทางถนนยังส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉลี่ย 3% ของ GDP 
ด้วยเหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์จึงมอบหมายให้จัดทำแนวทางนโยบาย “ปลอดจากภัยจักรยานยนต์” ครอบคลุมหลายมิติทั้งด้านกฎหมาย ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน โครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างจิตสำนึกเพื่อร่วมในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ภายใต้ข้อมติของ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติซึ่งประกาศให้ช่วงปี พ.ศ. 2564–2573 เป็นทศวรรษที่สองของการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางถนนโดยมีเป้าหมายที่จะลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนนลงอย่างน้อยร้อยละ 50 ดังนี้

  1. นโยบายมาตรฐานความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์
    1.1จำกัดความเร็วและปรับสเปครถปัจจุบันรถจักรยานยนต์ในไทยมีความเร็วสูงสุด 140-160 กม./ชม. ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานสากล (120-140 กม./ชม.)
    ทำให้ควบคุมยาก เสนอให้ลดความเร็วสูงสุดและปรับหน้าปัดความเร็วให้สอดคล้องกับประเทศอื่น
    1.2 เปลี่ยนหน้ายางรถจักรยานยนต์ซึ่งมีขนาดหน้ายางแคบ (60-70 มม.)ทำให้เกาะถนนน้อยเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยเพิ่มความกว้างหน้ายางตามมาตรฐานสากลคือขนาด 80-90 มม.
    1.3บังคับใช้ระบบเบรก ABS
    รถจักรยานยนต์ขนาด 110 ซีซี ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมมักไม่มีระบบ ABS แม้ไทยมีโรงงานผลิตระบบนี้แต่ส่งออกทั้งหมด ควรบังคับให้รถทุกขนาดในไทยติดตั้ง ABS เพื่อลดอุบัติเหตุ เพราะ 80% ของการตายจากรถจักรยานยนต์เกิดจากรถขนาด 110 ซีซี
  2. ปฏิรูปกฎหมายและใบอนุญาตขับขี่
    2.1 ใช้ระบบใบอนุญาตแบบขั้นบันได (GDL)โดยจำกัดความเร็วและขนาดเครื่องยนต์สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ เช่น อนุญาตให้ขับรถไม่เกิน 50 ซีซี หรือความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. และห้ามขับกลางคืนหรือซ้อนท้ายจนกว่าจะมีประสบการณ์เพียงพอ ซึ่ง
    มีตัวอย่างความสำเร็จในต่างประเทศ
    เช่น ญี่ปุ่นและอังกฤษ ที่จำกัดความเร็วและใช้ระบบ GDL ช่วยลดอุบัติเหตุในวัยรุ่นได้ สามารถนำมาปรับใช้ในไทย
    โดยระบบ GDL (Graduated Driver Licensing)เป็นระบบใบอนุญาตขับขี่แบบเป็นขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ ระบบนี้จะค่อยๆ มอบสิทธิในการขับขี่ที่มากขึ้นตามประสบการณ์และอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหต
    2.2เพิ่มบทลงโทษ
    เช่นบังคับสวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด และลงโทษผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งปัจจุบันมีถึง 10 ล้านคน
  3. ปรับปรุงโครงสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวก
    3.1สร้างเลนจักรยานยนต์เฉพาะหรือเลนผสม
    แม้มีมติครม. ปี 2555 ให้มีเลนจักรยานยนต์ แต่ยังขาดการดำเนินการจริง ควรเร่งพัฒนามาตรฐานถนนเพื่อแยกการจราจรระหว่างรถเร็วรถช้า และรถจักรยานยนต์กับรถยนต์
    3.2ออกแบบถนนปลอดภัย
    และปรับปรุงสภาพผิวถนนเพื่อลดการลื่นไถล
  4. รณรงค์สร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมการใช้รถ
    4.1 ควบคุมการโฆษณา
    ห้ามโฆษณาที่เน้นความเร็วแรง และเพิ่มการสื่อสารเรื่องความปลอดภัย เช่น การสวมหมวกนิรภัยซึ่งลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 40%
    4.2ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย
    จัดโครงการสอนขับขี่ในโรงเรียนและชุมชน โดยเน้นกลุ่มอายุ 15-19 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
    5.การบังคับใช้กฎหมาย(Law Enforcement)อย่างเคร่งครัดเพราะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดแต่มีปัญหามากที่สุดทั้งผู้บังคับใช้กฎหมายและผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมา
    ““คนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนต่อ 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นวิกฤตชาติ พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางนโยบายแก้ไขปัญหานี้ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและประเมินผลเป็นระยะ โดยมีเป้าหมายลดอัตราการตายจาก 25 คนต่อประชากร 100,000 คน ให้เหลือ 12 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ไทยหลุดจากอันดับ 1 ของโลกในการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์โดยเร็วที่สุด“ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวย้ำในที่สุด.
  5. ตม.ประจวบฯร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักการข่าว กอ.รมน หน่วย ฉก.จงอางศึก สกัดจับแรงงานเมียนม่าร์กว่าครึ่งร้อย ลอบเข้าเมืองเตรียมลงใต้ไปมาเลย์
  6. เมื่อกลางดึกวันที่ 13 สิงหาคม 2568 พ.ต.อ.เทียนชัย ชมภ

ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์, ชุดสืบสวน ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์, ตชด.14

ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบ ภายหลังจากที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลต่างด้าวต้องสงสัยจำนวนหลายคนแอบหลบซ่อนอยู่บริเวณป่าละเมาะ ในพื้นที่หมู่บ้านมะขามโพรง ม.9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์  เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบยังจุดพิกัดตามที่ได้รับแจ้งมา พบกลุ่มบุคคล หลายสิบคนกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณดังกล่าว

เจ้าหน้าฯจึงได้แสดงตัวและเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวเมียนม่าร์ มีจำนวนทั้งสิ้น 55 คนจากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยอมรับว่าได้หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยลักลอบมาทางช่องทางธรรมชาติด้านจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งคนที่พามาได้ให้มาพักคอยคนที่จะมารับต่ออยู่บริเวณนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปนายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รมต.พงศ์กวิน ระดมทีมช่างกรมพัฒน์ 18 จังหวัด จัดหน่วยบริการ “ซ่อม สร้าง สุข” หลังน้ำลดช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน่าน

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ วัดดอนมูล ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกิจกรรม “ซ่อม สร้าง สุข” พร้อมพบปะและให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดน่าน

    โดยมีนายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดน่าน ว่าที่ร้อยตรีสุเทพ วงศ์วิเศษ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน นายเดชา สงค์ประเสริฐ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน ร่วมให้การต้อนรับ

    นายพงศ์กวิน เปิดเผยว่า จากเหตุพายุโซนร้อน “วิภา” ทำให้ฝนตกหนัก น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดน่าน 14 อำเภอ 84 ตำบล 695 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 33,681 ครัวเรือน รวม 90,208 คน พื้นที่เกษตรเสียหายประมาณ 141,795 ไร่ และเกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน กระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งช่วยเหลือ และเมื่อสถานการณ์น้ำลด

    จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทีมช่างจากทั่วประเทศลงพื้นที่ซ่อมแซมบ้านเรือน รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และตรวจเช็กระบบไฟฟ้าภายในบ้าน พร้อมได้รับการสนับสนุนน้ำมันหล่อลื่นจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน และวัสดุไฟฟ้าจากบริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด สำหรับภารกิจในวันนี้ ทีมช่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ให้บริการตรวจเช็กและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นรถจักรยานยนต์จำนวน 300 คัน

    ซ่อมเครื่องยนต์เล็กเพื่อการเกษตรจำนวน 100 เครื่อง ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 300 รายการ และส่งมอบอุปกรณ์ที่ซ่อมเสร็จแล้วให้แก่ประชาชน รวมถึงสาธิตการประกอบอาหารจานด่วนเพื่อมอบให้ผู้ประสบภัย และลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ประสพภัยซึ่งเป็นผู้พิการพร้อมมอบถุงยังชีพและตรวจเช็กความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน

    กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดทีมช่างจากสถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 หน่วยงาน ครอบคลุม 18 จังหวัด ได้แก่ น่าน นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย ตาก พะเยา ลำพูน อุทัยธานี เพชรบูรณ์ แพร่ กำแพงเพชร แม่ฮ่องสอน พิจิตร สุโขทัย และอำนาจเจริญ โดยสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานน่านยังได้จัดตั้งโรงครัวทำอาหารกล่องเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครแรงงาน และประชาชน

    โดยได้เปิดรับลงทะเบียนซ่อมอุปกรณ์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 และได้ดำเนินการซ่อมระหว่างวันที่ 8–9 สิงหาคม 2568 ซึ่งการออกหน่วยบริการครั้งนี้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดค่าใช้จ่ายซ่อมแซมอุปกรณ์ สร้างรายได้เสริมจากการฝึกอบรม และเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าภายในบ้านของผู้ประสบภัย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / SVL Group จัดซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปี 2568 ย้ำมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการขนส่งและโลจิสติกส์ / วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบฯ จัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม”

    แชร์เนื้อหานี้

    กลุ่มธุรกิจเอสวีแอล (SVL Group) ผู้นำด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร จัดโครงการ “ฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปี 2568” โดยมีส่วนงานความปลอดภัย-แผนกบริหารอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ส่วนบริหารมาตรฐานและเทคโนโลยี พร้อมด้วยหน่วยงานทรัพยากรบุคคลพันธมิตร – ธุรกิจขนส่ง และส่วนงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการหลัก เพื่อสร้างความพร้อมในการรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

    โดยมีการอบรมทบทวนความรู้ พร้อมฝึกซ้อมตลอด 2 วัน ด้วยการจัดทีมจำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ กรณีอุบัติเหตุ, สารเคมีรั่วไหล และอัคคีภัย โดยมีพนักงานจากทุกส่วนงานกว่า 40 คน เข้าร่วมกิจกรรม ณ สถานีบริการน้ำมันภายในสำหรับรถบรรทุกขนส่งสินค้าทางบก ของ SVL Group อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    วัตถุประสงค์หลักของการฝึกซ้อมครั้งนี้ คือการทบทวนความรู้ความเข้าใจ ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้พนักงานสามารถควบคุมสถานการณ์และปฏิบัติการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัยตามบทบาทหน้าที่ของตนเองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสอดคล้องตามกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรฐานการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยว

    กับสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556 SVL Group มุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในทุกมิติของการดำเนินงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน คู่ค้า และชุมชนโดยรอบ ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญด้าน “ความปลอดภัยมาเป็นที่ 1”
    /////////////////
    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบฯ จัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม” ถ่ายทอดความรู้และทักษะเชิงวิชาชีพให้แก่นักเรียน

    วันที่ 7 ส.ค.68 ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสมชาย ทิพย์ประเสริฐ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ พร้อม นางสาวนงนุช พุทธคุณบวร ผู้รับใบอนุญาตวิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ร่วมจัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม” ถ่ายทอดความรู้และทักษะเชิงวิชาชีพให้แก่นักเรียน

    โดยมี พันตำรวจเอก เอกราช หุ่นงาม ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายสมชาย ปี่แก้ว นายกอบต.คลองวาฬ นายสรานนท์ ใยบำรุง ผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภา
    นายพลสิต เวที สาธารณสุขอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อม นายอนันต์ ผิวคำ บาร์เทนเดอร์ อันดับที่ 4 ของโลก วิทยากรผู้ฝึกสอน และผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้มีเกียรติ และนักศึกษา ร่วมกิจกรรม

    นายสมชาย ทิพย์ประเสริฐ ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ตามที่วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดการเรียนการสอนในประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มอาชีพการโรงแรม โดยมีการบูรณาการเรียนรู้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน โดยทางวิทยาลัยเรียนเชิญ Mr. Anan Phiwkam ผู้เชี่ยวชาญด้าน Mixology ซึ่งได้รับรางวัล อันดับ 4 ของโลกจากการแข่งขัน World Championship มาร่วมถ่ายทอดความรู้และทักษะเชิงวิชาชีพให้แก่นักเรียนของวิทยาลัยในครั้งนี้ 

    วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์ ได้กำหนดจัดกิจกรรม “PTECH BARTENDER STAR CHALLENGE 2025 ค้นหาสุดยอดนักสร้างสรรค์เครื่องดื่ม” ขึ้น เพื่อเป็นเวทีให้นักเรียนได้แสดงศักยภาพด้านการรังสรรค์เครื่องดื่มนวัตกรรม

    ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดองค์ความรู้ด้านธุรกิจบริการ และเชื่อมโยงภาคการศึกษากับภาคอุตสาหกรรม และยกระดับความน่าสนใจของกิจกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการผลักดันผู้เรียนและเยาวชนให้มีทักษะความคิดสร้างสรรค์และเป็นมืออาชีพในอนาคตพร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการพัฒนาทักษะอาชีพของเยาวชนไทยในอนาคตต่อไป

    //////////////////

    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    ​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พระราชทานเพลิงศพ “จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา” อย่างสมเกียรติ ครอบครัว-ประชาชนหลั่งน้ำตาร่วมอาลัยแน่นวัด

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 ธันวาคม 2567 ณ วัดเจริญธรรมาราม ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร พลตรี ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เดินทางมาเป็นประธาน

    ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 106 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

    โดยในพิธีพระราชทานเพลิงศพมี พลตำรวจตรีไพโรจน์ ไทยพุทรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอคำชะอี คณะผู้บังคับบัญชากองทัพ

    ภาคที่ 2 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก , หัวหน้าส่วนราชการ นายเฉลิมชัย บุสภา บิดาของผู้เสียชีวิต นางวิไล บุสภา มารดา นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา อาสาสมัครทหารพราน ทรงวุฒิ บุสภา น้องชาย ตลอดจนคณะญาติ และประชาชนในพื้นที่ จังหวัดมุกดาหารได้เข้าร่วมพิธีเพื่อแสดงความไว้อาลัย

    พิธีพระราชทานเพลิงศพในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ เพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้กับ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา โดยเมื่อขบวนอัญเชิญกล่องเพลิงพระราชทานมาถึงบริเวณประกอบพิธี ผู้บังคับบัญชา ข้าราชการ เพื่อนทหารตลอดจนครอบครัว และประชาชนในพื้นที่ตั้งแถวรอรับ

    เจ้าหน้าที่ได้มีการอัญเชิญกล่องเพลิงพระราชทานขึ้นวางประจำจุดเตรียมประกอบพิธี จากนั้นประธานในพิธีขึ้นทอดผ้าบังสุกุล กองเกียรติยศเป่าแตรนอน ผู้ร่วมพิธีได้ขึ้นวางดอกไม้จันทน์

    ร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แก่วีรชนผู้เสียสละ สร้างความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อผู้กล้าในวาระสุดท้ายของชีวิต และครอบครัวบุสภา ญาติผู้เสียชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้

    ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สทนช. เปิดศูนย์ส่วนหน้าฯ “ลุ่มน้ำยม-น่าน”จับมือทุกหน่วย คุมจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

    แชร์เนื้อหานี้


    สทนช. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ระดมทุกหน่วยจัดการจราจรน้ำที่ไหลจากภาคเหนือก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ให้เขื่อนสิริกิติ์ปรับลดการระบายช่วงฝนชุกปลายเดือน ก.ค. เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำจากลำน้ำยมไปยังลำน้ำน่าน พร้อมเตรียมพื้นที่ “ทุ่งบางระกำ” ช่วยหน่วงน้ำหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว
    วันนี้ (26 กรกฎาคม 2568) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธาน การประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ครั้งที่ 1/2568

    โดยมี นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ให้การต้อนรับ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนข. ผู้แทนจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดน่าน จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดแพร่ จังหวัดอุตรดิตถ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ จังหวัดสุโขทัย ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและติดตามการเตรียมความพร้อมในแต่ละจุด ได้แก่ จุดเสริมคันกั้นน้ำ หมู่ที่ 7 ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย เขื่อนป้องกันตลิ่งชั่วคราวริมแม่น้ำยม บริเวณสะพานสิริปัญญารัตน์ ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง ประตูระบายน้ำคลองหกบาท และประตูระบายน้ำปากคลองตะคร้อ ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก และจุดคันกั้นน้ำคลองยม โดยที่จุดนี้ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการเสริมคันดินชั่วคราวป้องกันน้ำให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้

    เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การประชุมคณะทำงานอำนวยการน้ำฯ พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ในวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก เนื่องจากการที่ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” ในช่วงนี้ และได้รายงานสถานการณ์เป็นรายวัน ให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้รับทราบ ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้ สทนช. จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน เพื่อบูรณาการกับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ร่วมบริหารจัดการน้ำที่จะไหล

    จากพื้นที่ตอนบนของประเทศลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาโดยลดผลกระทบในแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณฝนโดยกรมอุตุนิยมวิทยาร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลให้มีปริมาณฝนตกหนักบริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน และพะเยา โดยมีปริมาณฝนสูงสุดประมาณร้อยละ 70 ของพื้นที่ ระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2568 จากนั้นปริมาณฝนจะลดลงในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ยังไม่น่าเป็นห่วงและมีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาเพิ่มได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 70% มีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำได้อีก 2,761 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ปัจจุบันมีการระบายน้ำอยู่ที่ 15 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งจะต้องวางแผนการระบายให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่จะตกมาเพิ่มเพื่อไม่ให้น้ำในเขื่อนเกินระดับเก็บกักน้ำสูงสุด ในขณะเดียวกันยังคงต้องให้เขื่อนสิริกิติ์เป็นกลไกสำคัญในการช่วยบริหารจัดการมวลน้ำที่ไหลผ่านลำน้ำยมและลำน้ำน่านด้วย จากสถานการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแผนการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีมติเห็นชอบให้

    การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับลดการระบายน้ำลงอยู่ที่ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน ในช่วงวันที่ 26 – 30 กรกฎาคม 2568 เพื่อช่วยเร่งการระบายน้ำที่ไหลผ่านจากลำน้ำยมไปสู่ลำน้ำน่าน โดยขอให้ทุกหน่วยงานช่วยสนับสนุนการเร่งการระบายน้ำโดยเร็วที่สุด เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำเพิ่ม เพื่อระบายน้ำไปให้ได้มากที่สุดในช่วง 5 วันนี้ หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณฝนลดลง ให้ กฟผ. ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณฝนที่จะกลับมาอีกในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งการปรับแผนการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ในครั้งนี้ ได้ขอให้มีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์ด้วย สำหรับการเตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำหลาก “โครงการบางระกำโมเดล” พบว่าพื้นที่ปลูกข้าวรวม 327,000 ไร่ ขณะนี้เก็บเกี่ยวไปแล้ว 91,519 ไร่ ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีก 235,481 ไร่ ซึ่งมีแผนจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ก็จะสามารถใช้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำยมได้ในปริมาณ
    400 ล้าน ลบ.ม.

    “จากการลงพื้นที่ติดตามปริมาณน้ำในแต่ละจุด พบว่า ได้เตรียมการบริหารจัดการมวลน้ำที่คาดว่าจะมาสูงสุดในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ โดยระบายน้ำส่วนหนึ่งผ่านคลองยม – น่าน และแม่น้ำยมสายเก่า และอีกส่วนระบายผ่านประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ แม่น้ำยมสายหลัก เพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่จะผ่านตัวเมืองสุโขทัยให้อยู่ในระดับไม่เกิน 500 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่ก่อเกิดให้เกิดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจเมืองสุโขทัย อย่างไรก็ตาม การประชุมในวันนี้พบว่าหน่วยงานในพื้นที่ทุกจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่และเข้มแข็ง ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมการรองรับก่อนเกิดสถานการณ์
    การบริหารจัดการในระหว่างเกิดสถานการณ์ ไปจนถึงการช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังสถานการณ์ ทั้งนี้ ได้ขอให้แต่ละจังหวัดสะท้อนจุดอ่อนจากการทำงานให้กับที่ประชุม เพื่อเตรียมการขับเคลื่อนและพัฒนาประสิทธิภาพการรับมือสถานการณ์อุทกภัยในอนาคตต่อไป” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย
    พร้อมวันนี้ที่27กค.2567เวลา13.30ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)ได้ลงพื้นที่คลองหกบาท อำเภอสวรรคโลกเพื่อตรวจลงดูแนวตลิ่งคันคลองของแม่น้ำยมพร้อมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยนายอำเภอสวรรคโลกและผู้นำชุมชน นายกเทศบาลอีกหลายที่ด้วย.
    กิตติ พรดวงจันทร์สุโขทัย

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบมุ้งรักโลก ให้กับศูนย์พักพิง พร้อมเผยหลังเหตุการณ์สงบ จัดหาอาชีพ ให้กับผู้ประสบภัย

    แชร์เนื้อหานี้

    ***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์พักพิงผู้อพยพ อําเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อม ผศ.ดร พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และคณะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังผู้อพยพเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ที่ศูนย์ดังกล่าว และมอบสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้ง ยาสีฟัง แปรงสีฟัน แป้ง แพนเพิร์ธทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ นม ยากันยุง น้ำดื่ม มุ้งรักโลก โดยมี นายธนเดช พระอารักษ์ นายอําเภอเบญจลักษ์ และหัวหน้าส่วรนราชการให้การต้อนรับ

    ***นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่อพยพมาจากตะเข็บชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ หลังจากที่ตนได้ทราบข่าวการยิงปะทะกันกลับประเทศกัมพูชา ทำให้ประเทศไทยเกิดการสูญเสียและมีเด็กและประชาชนเสียชีวิตหลายราย ทางกระทรวง พม. มีความห่วงใยมากจึงให้ตนลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมและสอบถามความเดือดร้อนของผู้สูญเสีย และผู้อพยพที่เป็นกลุ่มเปราะบางรวมถึงพี่น้องประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนหลายๆส่วน อาทิเช่น ผู้ป่วยติดเตียง คนชรา และเด็ก ที่ได้รับผลกระทบการจากการยิงปะทะกันในครั้งนี้

    ***ทางกระทรวงได้เห็นความสำคัญของกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้รัฐมนตรี พม. ประนามการกระทำของกัมพูชาที่กระทำต่อประชาชนเด็กที่ไม่รู้เรื่องด้วยและมีทางสู้ ตนลงมาในครั้งนี้ได้รับทราบความเดือดร้อนและความต้องการสิ่งต่างๆที่ขาดแคลนในศูนย์อพยพ อาทิเช่น มุ้งกาง โลชั่นกันยุง พัดลม แปรงสีฟันยาสีฟันสบู่แป้ง ที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่เป็นจำนวนมากในตอนนี้ และหลังจากที่เหตุการสงบ พม. ก็จะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบความเสียหายของบ้านเรือนและจัดหาอาชีพและสงเสริมอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยต่อไป

    ***หลังจากมอบสิ่งของเสร็จแล้ว อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะ ก็ได้เข้าไปเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียง โดยได้สอบถามพูดคุยกับคุณยายสะแอม วันทรัพย์ อายุ 94 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่อพยพมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยที่เป็นสีแดงในอำเภอกันทรลักษ์ คุณยายมาอยู่ศูนย์อพยพแห่งนี้ได้ 2 คืนแล้ว คุณยายไม่อยากมาและบ่นกับลูกๆอยู่ตลอดว่าอยากกลับบ้าน ให้พากลับไปบ้านหน่อย เพราะคนแก่คิดถึงบ้าน

    ***ลูกสาวคุณยายยังเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันที่เกิดเหตุตนยังขายของตามปกติอยู่ที่บ้าน โดยไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเกิดรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่นาที วันที่เกิดเหตุระเบิดที่ปั๊ทน้ำมัน ตนเองยังได้ไปช่วยเหลือคนที่โดนระเบิดในวันนั้นด้วย ตนรู้สึกหดหัวใจและยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่ลืม

    ***ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้นี้ยังมกลุ่มวัยรุ่นจิตอาสามีน้ำใจ นำเสื้อผ้ามือสองที่ไม่ได้ใช้ เอามาแจกจ่าย ปันน้ำใจให้กับผู้อพยพในศูนย์แห่งนี้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สร้างรอยยิ้ม และกำลังใจให้กับผู้อพยพที่หนีมาพักพิงช่วงยามอยากในครั้งนี้

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เจ้าของแบรนด์มาสเตอร์เค้กร่วมทำบุญและบริจาคเค้กกว่า 3000ชิ้น ให้ทหารแนวหน้า จ.สุรินทร์และสระแก้ว

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 9.00น. นายบุญมี อาสาสร เจ้าของแบรนด์มาสเตอร์เค้กสัญจรทั่วไทยได้เดินทางไปร่วมทำบุญและบริจาคขนมเค้กแสนอร่อยจำนวนกว่า3000ชิ้นให้กับทหารในแนวหน้าที่จังหวัดสระแก้วและจังหวัดสุรินทร

    นอกจากนี้ทางนายบุญมีฯยังได้เดินทางต่อไปยังศูนย์ผู้อพยพทั้งสองจังหวัดอีกด้วย เพื่อนำขนมเค้กที่ทำสดใหม่ที่แสนนุ่มอร่อยไปแจกยังศูนย์ดังกล่าวเพื่อเป็นขวัญ และ กำลังใจให้กับพี่น้องทหารหาญที่ต่อสู้เพื่อเอกราชและอธิปไตยของชาติไทยในยามศึกสงคราม

    ขณะนี้คนไทยต้องช่วยเหลือกันหันหน้ามาช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย บ้านเมืองเราคนไทยต้องสู้ไปด้วยกันและตนจะออกมาช่วยเหลือเท่าที่ตนจะมีกำลังพอช่วยได้และอยากฝากถึงคนไทยใครพอที่จะมีเหลือก็ขอให้ออกมาช่วยคนไทยด้วยกันครับ นายบุญมีกล่าว

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าประจวบฯ เปิดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานรอบเขตวังไกลกังวล / กองกำกับการ ๔ กองบังคับการตำรวจสันติบาล ๑ จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ”

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 25 ก.ค.68 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568

    ที่โรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฝั่งประถมศึกษา อ.หัวหิน โดยมี คุณหญิงผกาพันธ์ เทหะมาศ ผู้ดูแลวังไกลกังวล นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จ.ประจวบฯ นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชนในเขตเทศบาลนครหัวหิน และประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมพิธี โดยผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ กล่าวถวายราชสดุดีแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    จากนั้น มีการประกอบพิธีรับมอบถุงพระราชทานเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้แก่ผู้นำชุมชนนำไปมอบให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากไร้ในพื้นที่ อ.หัวหิน ส่วนบริเวณภายในโรงเรียนวังไกลกังวล มีหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระราชกุศลฯ ได้แก่ การปรุงประกอบอาหารจากโรงครัวพระราชทาน บริการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ บริการตัดผม

    โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ขณะที่ รพ.หัวหิน ได้จัดหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป บริการทันตกรรม ตรวจวัดสายตา การรับบริจาคโลหิต พร้อมการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมรับบริการในครั้งนี้.
    นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

    กองกำกับการ ๔ กองบังคับการตำรวจสันติบาล ๑ จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘
           เมื่อเวลา10.00น. พ.ต.อ.วีรชาติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผกก.๔ บก.ส.๑ ร่วมกับข้าราชการ กก.๔ บก.ส.๑ จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

     เพื่อแสดงออกถึงความเสียสละ อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ซึ่งกิจกรรมของหน่วยที่จัดขึ้นในวันนี้ได้แก่ กิจกรรมจิตอาสาปลูกป่าชายเลน, กิจกรรมเก็บขยะชายทะเล, กิจกรรมปลูกป่า, กิจกรรมบริจาคโลหิต, กิจกรรมทำความสะอาดสถานที่ปฏิบัติธรรมทางศาสนา
          มีข้าราชการเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน  ๑๗๐ นาย
    นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ครอบครัวจ่าโต๋สุดเศร้ารับทราบข่าวการเสียชีวิตจากแนวชายแดน ศรีสะเกษ – ญาติร่วมจัดเตรียมบ้านเกิดรอรับร่างวีรบุรุษ

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ บ้านเลขที่ 37 หมู่ 3 บ้านโนนสังข์ศรี ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ครอบครัวและญาติของ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา หรือ “จ่าโต๋” นายสิบลาดตระเวนปืนใหญ่ 106 พัน.6 (กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 106 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 6)

    ทำหน้าที่ ผู้ตรวจการแนวหน้าฐานฟ้าลั่นได้รวมตัวกันด้วยความเศร้าโศก หลังทราบข่าวว่าเขา เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตโสม) อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาจากบริเวณเนิน 333

    โดยบรรยากาศภายในบ้านเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้านต่างเดินทางมาช่วยกันทำความสะอาดบ้าน และจัดเตรียมพื้นที่สำหรับรับศพกลับจากชายแดนเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาและบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

    💔 นางวิไล บุสภา อายุ 58 ปี มารดาของจ่าโต๋กล่าวทั้งน้ำตาว่า “เมื่อคืนลูกชายโทรมาคุย บอกว่าเพิ่งยิงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเสร็จ กำลังจะอาบน้ำนอนไม่คิดเลยว่าจะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย…” และกล่าวต่อด้วยความภาคภูมิใจว่า ลูกชายอยากเป็นทหารตั้งแต่เด็ก หลังจากเป็นทหารเกณฑ์ก็สอบเป็นนายสิบอยู่แนว

    ชายแดนมากว่า 10 ปี วันนี้แม้เขาจะไม่อยู่แล้ว แต่แม่ภูมิใจที่ลูกสละชีพอย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและบ้านเมือง นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยาของจ่าโต๋ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อเวลา 04 .00 น. ของวันที่ 25 กรกฎาคม จ่าโต๋ส่งข้อความมาขอรูปลูกชาย แต่ตนเพิ่งมาเปิดดูตอนตี 05.00 น. ยังไม่ทันได้ส่งให้

    หลังจากนั้นตอนเวลาประมาณ 9.00 น. ญาติโทรมาถามว่าติดต่อจ่าโต๋ได้ไหม ก็เลยโทรไปหาแต่ก็ไม่ติด ก่อนจะรู้ความจริงจากญาติในเวลาต่อมาว่าจ่าโต๋เสียชีวิตแล้ว “ตอนนี้ฉันยังไม่รู้จะอธิบายให้ลูกชายเข้าใจอย่างไร เขายังเล็กมาก เพิ่งขวบเศษเอง… แต่ก็จะเล่าให้เขาฟังว่า

    พ่อของเขาเป็นวีรบุรุษ…ที่พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย” นางสาวรจรินทร์ กล่าวRIPจ่าโต๋ #ทหารกล้าแห่งฟ้าลั่น #ธวัชชัยบุสภา #ฮีโร่มุกดาหารลูกผู้ชายหัวใจแผ่นดิน #สละชีพเพื่อชาติ #สดุดีทหารกล้า #แนวชายแดนศรีสะเกษ#ทหารกล้าแห่งมุกดาหาร

    #พลีชีพเพื่อชาติ #RIPวีรบุรุษ #ทหารไทย #เลือดนักรบเพื่อแผ่นดิน #บ้านโนนสังข์ศรี #คำชะอี #มุกดาหาร #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

    ผู้ว่าฯมุกดาหาร ร่วมแสดงความเสียใจครอบครัว “จ่าโต๋” วีรบุรุษชายแดน

    วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายวรญาณ บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นายนราวิชญ์ มณีฤทธิ์ นายอำเภอคำชะอี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดมุกดาหาร

    ได้เดินทางไปยัง บ้านโนนสังข์ศรี ตำบลบ้านซ่ง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร เพื่อร่วมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ จ่าสิบเอก ธวัชชัย บุสภา หรือ “จ่าโต๋” ทหารกล้าผู้สละชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ณ ฐานฟ้าลั่น เขาสัตโสม จ.ศรีสะเกษ

    ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้ กล่าวแสดงความเสียใจต่อมารดา ภรรยา และบุตรชาย ของนายทหารผู้เสียชีวิต พร้อมให้กำลังใจครอบครัวในการก้าวผ่านความสูญเสีย และ

    ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่นางวิไล บุสภา มารดาของจ่าโต๋ รวมถึง นางสาวรจรินทร์ สิงห์ศร ภรรยา และบุตรชายวัยขวบเศษในฐานะครอบครัวของ “ทหารผู้เสียสละเพื่อชาติ”

    บรรยากาศภายในบ้านเป็นไปอย่างโศกเศร้า ญาติพี่น้องและชาวบ้านในพื้นที่ต่างร่วมกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับรับร่างวีรบุรุษกลับบ้านเกิดเพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลอย่างสมเกียรติ

    RIPจ่าโต๋ ///เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / birthday ประธานวอ.บางระจัน เปิดบ้านให้เพื่อนมิตรสหายร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิด /“ตม.สตูล ตรวจสอบเคสร้องเรียนจับต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย / เฮง เฮง พร็อพเพอร์ตี้ ชื้อขาย บ้านที่ดิน

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 18 กรกฎาคม 2568สจ.เปี๊ยกอุทัย เสี่ยชายสุโขทัย ร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิดประธานวอ นายกเทศบาลเมืองบางระจัน นาย วีระ คำรอด ( ประธาน.วอ ) และเพื่อวงการมวย เสี่ยชูทางด่วนกำนันชาคริต ฉายวัฒนา ตำบลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี”นายธงชัย จ้อยชูคณะ ทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเพื่อนสนิทมิตรสหายอีกมากมายและชาวบ้านร่วมอวยพรให้กับประธานวอในครั้งนี้ ณ.บ้านบางระจัน

    วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 บริษัท เฮง เฮง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นาย ภูวดล พุทธ์เทศน์ะ ( เฮง ) กรรมการผู้จัดการบริษัท ฝากขาย – ซื้อหรือเช่า อสังหาริมทรัพย์ทุกชนิดคุณทำเนียบ มังคโชติ โอนบ้านแฝดหมู่บ้านพรนรินทร์ สวนเสือศรีราชา บ้านเลขที่ 153/91 ม.6 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาศรีราชา เสี่ย เฮงๆ จัดให้ท่านใดสนใจอยากได้บ้านมือสองบ้านสวยๆ ( แถวศรีราชา ) เสี่ย ( เฮง เฮง ) จัดให้มีทีมงานครบวงจรสนใจติดต่อเบอร์โทรนี้ได้ 0917432784 0813291222 ( เฮง เฮง )

    “ตม.จังหวัดสตูล ตรวจสอบเคสร้องเรียนจับต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย นายจ้างไม่รอดโดนปรับด้วย”

    ตามนโยบายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ให้ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดระดมกวาดล้างอาชญากรรมและปราบปรามคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

    พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.สตูล และ พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สตูล นำโดย พ.ต.ท.ยงยุทธ เลิศปรีชาพงศ์ สว.ตม.จว.สตูล พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.สตูล ตรวจสอบกรณีร้องเรียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดสตูล โดยวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สตูล ร่วมกับ จัดหางานจังหวัดสตูล และ สภ.เขาขาว

    ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนว่าที่ลานไม้ยางพาราแห่งหนึ่งใน ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล มีการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวและพบชายชาวเมียนมาคือนายไปยู อายุ 22 ปี มีหนังสือเดินทางแต่ทำงานโดยที่มีใบอนุญาตทำงานไม่ตรงกันกับนายจ้าง เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวทำงานนนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้” ส่วนนายจ้างชาวไทยเจ้าของลานไม้ยาง ยอมรับว่าไม่ตรวจสอบใบทำงานของคนต่างด้าวให้ดูให้ต่างด้าวหานายหน้าดำเนินการเอง

    จนเกิดความผิดพลาด เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินคดีในความผิดฐาน “รับคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้” ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาขาว ทั้งต่างด้าวและนายจ้างเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยคนต่างด้าวเมื่อเปรียบเทียบปรับเสร็จสิ้นแล้วจะต้องถูกส่งกับประเทศต่อไป และนายจ้างที่รับคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายก็โดนปรับหลักหมื่นเลยทีเดียว

    ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าหากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวหรือชาวต่างชาติในจังหวัดสตูล กรุณาแจ้งมายังตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล เลขที่ 6 ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล 91000 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 074711080 (ฝ่ายสืบสวนปราบปราม) หรือที่สายด่วน 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

    คนที่ 14 กรกฎาคม 2568 แซยิดยิ่งใหญ่ สจ.เปี๊ยก อุทัย โคตรทึ่ง คนดังร่วมอวยพร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานงานเลี้ยงฉลองอวยพรวันคล้ายวันเกิด สจ. เปี๊ยกอุทัย ปภาวิชญ์ บุษซะดี ประธานสภาอบจ.อุทัยธานี เจ้าของค่ายมวยชื่อดัง สจ.เปี๊ยกอุทัย ในงานโคตรทึ่งที่เก้าถึง 60 ปี เลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด มีคุณวิชัย ปั้นงาม ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สโมสรฟุตบอลอุทัยธานี FC พร้อมบุคคลวงการมวยโดยฮีโร่โอลิมปิกเจ้าของวลีไม่ได้โม้ สมรักษ์ คําสิงห์ และนักการเมืองข้าราชการทหารตำรวจและประชาชนร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิดกันอย่างมากมาย และวงดนตรีแอ๊ดคาราบาวเต็มวง
    ณ.สถานที่ค่ายมวยสจเปี๊ยกอุทัย