
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า ที่ด่านพรมแดนมุกดาหาร เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 และเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังสุรนารี เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร -สะหวันนะเขต) อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจตรารถโดยสารที่วิ่งเข้าออกสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะรถโดยสารประจำทางที่วิ่งระหว่างประเทศ สายมุกดาหาร-สะหวันนะเขต โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตรวจพบว่ารถโดยสารระหว่างประเทศสายมุกดาหาร-สะหวันนะเขต หมายเลขทะเบียน 10-0716 มุกดาหาร ได้มีการดัดแปลงพื้นที่ด้านหลังห้องโดยสารทำเป็นช่องลับและใช้ซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าและของผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าได้กว่า 4,000 แท่ง และสินค้าหนีภาษีศุลกากรอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ คดีตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวยังสร้างความกังขาให้กับหน่วยงานที่ตรวจยึดว่า เหตุใดด่านศุลกากรมุกดาหาร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในเรื่องการปราบปรามดำเนินคดีเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร และสินค้าหนีภาษี กลับไม่ดำเนินคดีกับพนักงานขับรถโดยสารคันดังกล่าว ทั้งที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าอาจมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนในการกระทำความผิด

เนื่องจากการนำเอาสิ่งของซึ่งเป็นกระสอบและกล่องขนาดใหญ่เข้ามาไว้ในรถโดยสาร ทั้งยังนำไปซุกซ่อนไว้ในบริเวณที่ถูกดัดแปลงให้เป็นช่องลับ โดยปกติการนำพัสดุหรือสิ่งของใดๆขึ้นมาบนรถย่อมจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานขับรถซึ่งเป็นผู้ควบคุมรถ อีกทั้ง บขส. ยังมีระเบียบขั้นตอนการส่งพัสดุภัณฑ์ ว่าต้องกรอกใบฝากส่งพัสดุภัณฑ์ ระบุที่อยู่ผู้รับและผู้ส่ง หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับและผู้ส่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพัสดุภัณฑ์เพื่อป้องกันสิ่งของผิดกฎหมายหรือยาเสพติด ไว้ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างชัดเจน

ดังนั้น การที่ด่านศุลกากรมุกดาหารไม่ดำเนินคดีกับพนักงานขับรถโดยสารที่บรรทุกบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักรดังกล่าว ย่อมอาจทำให้สังคมเกิดข้อครหาถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างโปร่งใสหรือมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
