สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “สมพงษ์” ผอ.เครือข่ายสมาคม อสมช.ภาคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ลงพื้นที่ มอบของอุปโภคบริโภคให้กับศูนย์พักพิง และผู้อพยพตามหมู่บ้าน

วันนี้ (22 ธ.ค.68) เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมพงษ์ มีน้อย ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) จังหวัดปราจีนบุรี และสมาชิกอาสาอัยการอำเภอกบินทร์บุรี พร้อมคณะเจ้าหน้าที่และผู้บริหารสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) จังหวัดปราจีนบุรี ได้รับมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ประเภท ข้าวสาร อาหารแห้งและน้ำดื่ม

จาก นางสาวสุพรรษา ทองดี บริษัท ทองดีออโต้ชอป จำกัด กรรมการบริหารเครือข่าย จังหวัดปราจีนบุรี และ นายประพนธ์ นนท์สืบเผ่า กรรมการบริหารเครือข่าย จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเป็นตัวแทน นำสิ่งของ ดังกล่าวไปมอบให้เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตามแนวชายแดน จากเหตุปะทะชายแดนไทย- กัมพูชา

ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว ตำบลวังดาล อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัด ปราจีนบุรี โดยมี นายนิยม เผ่าแสง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 11 และคณะให้การต้อนรับ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น โดยทาง สมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) จังหวัดปราจีนบุรี ได้คำนึงถึงความ ปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้พักพิง เป็นสำคัญ

นายสมพงษ์ ผอ.สมาคมฯ จังหวัดปราจีนบุรี ยังได้กล่าว ให้กำลังใจกับประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราวขอให้ทุกคนเข้มแข็งและรักษาสุขภาพ เพื่อที่จะก้าวผ่านสถานการณ์ดังกล่าวไปได้ด้วยดีต่อจากนั้นทางสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) จังหวัดปราจีนบุรี และคณะได้เดินทางต่อไปมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพอีก 11 ครอบครัว ที่พักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องภายในหมู่บ้าน จนครบตามจำนวน หลังจากนั้นจึงได้เดินทางกลับ.

ภาพข่าว : ทีมข่าวจังหวัดปราจีนบุรี//รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดภาพเบื้องหลังปฏิบัติการเนิน 350 ภารกิจ 120 ชม. บทพิสูจน์ “แม่ทัพภาคที่ 2” ผู้นำการรบเพื่อชัยชนะ อย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อทำลายภัยคุกคามให้สิ้นสภาพ

จากสถานการณ์ชายแดนที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และใช้อาวุธโจมตีกำลังพลของไทยอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลาที่คนไทยต้องรับรู้เบื้องหลังปฏิบัติการเนิน 350 ภารกิจ120 ชม. การยึดพื้นที่คือจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบ ภาพสะท้อนจากเนิน 350 สู่สมรภูมิประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกต้องจดจำตลอดภารกิจของ พลโทวีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้บัญชาการรบอยู่หน้าแนวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับกำลังพลในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2

สถานการณ์บริเวณ เนิน 350 พื้นที่ปราสาทตาควาย ทำให้สังคมไทยได้ประจักษ์อีกครั้งว่า “พื้นที่สูง” ไม่ใช่เพียงตำแหน่งบนแผนที่ แต่คือจุดชี้ขาดของความมั่นคง เป็นทั้งสายตา เป็นทั้งเกราะ และเป็นเส้นแบ่งระหว่าง ความปลอดภัยของประชาชนกับความเสี่ยงในแนวหน้าภายใต้การบัญชาการรบของกองทัพภาคที่ 2 การปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าวดำเนินไปบนหลักความรอบคอบ ความแม่นยำ และการควบคุมสถานการณ์ เพื่อจำกัดความสูญเสีย การตัดสินใจแต่ละขั้น มิได้มุ่งผลลัพธ์เฉพาะหน้า แต่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวต่อเสถียรภาพและ
ความมั่นคงโดยรวมเพื่อให้เห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรม

ไทม์ไลน์ เหตุการณ์ 5 วัน เนิน 350 จากการปะทะสู่การควบคุมสถานการณ์ (16–20 ธันวาคม 2568)16 ธันวาคม 2568 วันที่ความกล้าหาญถูกพิสูจน์ มีรายงานเหตุปะทะในพื้นที่ เนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย ส่งผลให้กำลังพลไทย เสียชีวิต 2 นาย พื้นที่ดังกล่าวถูกจับตาในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ต้องได้รับการควบคุมอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม นี่คือวันที่ความกล้าหาญของทหารแนวหน้าปรากฏชัด และเป็นจุดตั้งต้นของการตัดสินใจเชิงความรับผิดชอบในระดับบัญชาการ

17 ธันวาคม 2568 คุมจังหวะสถานการณ์ การดำเนินการในพื้นที่ปรับเข้าสู่กรอบการควบคุมสถานการณ์อย่างเป็นระบบโดยมุ่งยับยั้งการรุกคืบ ควบคุมพื้นที่สำคัญและป้องกันการเสริมกำลังของฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายหลักในช่วงนี้คือ ไม่ให้ความสูญเสียเกิดซ้ำและไม่เปิดช่องให้ความรุนแรงขยายตัว18 ธันวาคม 2568 การทำงานของระบบบัญชาการรบ การปฏิบัติการดำเนินอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน ทีมบัญชาการรบ กำลังแนวหน้า และฝ่ายสนับสนุน ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดโดยยึดหลักความรอบคอบ ความแม่นยำ และการลดความเสี่ยงต่อชีวิตกำลังพล “ความนิ่งในวันนี้ไม่ใช่ความชะลอ แต่คือการตัดสินใจที่ไม่ใช้อารมณ์นำ”

19 ธันวาคม 2568 สถานการณ์เริ่มชัดเจนรายงานข่าวสะท้อนว่า การควบคุมพื้นที่มีความคืบหน้า การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่ยุทธศาสตร์ถูกจำกัด สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะที่การคุกคามไม่สามารถขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ 20 ธันวาคม 2568 ควบคุมพื้นที่ ปิดวงจรความสูญเสียมีการยืนยันว่าฝ่ายไทยสามารถ ควบคุมพื้นที่เนิน 350 และบริเวณปราสาทตาควายได้ พร้อมการลำเลียงร่างทหารผู้เสียสละลงมาประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ และการตรวจความเรียบร้อยของพื้นที่ รวมถึงการตรวจยึดอาวุธจากฐานปฏิบัติการ เพื่อป้องกันไม่ให้ความรุนแรงย้อนกลับมาอีก “วันนี้ไม่ใช่วันแห่งการเฉลิมชัย แต่คือวันที่ความสูญเสียถูก “หยุดไว้” ด้วยการตัดสินใจอย่างมีศักดิ์ศรี

สมรภูมิเนิน 350 มีผู้กล้ายืนหยัดฝ่ากระสุนตลอดการรบ 5 วัน หวังนำพี่น้องกลับบ้านอย่างสมเกียรติไม่ได้มีเพียง ผู้เสียสละที่จากเราไปเท่านั้น แต่ยังมี “ผู้กล้า” ที่ยืนหยัดฝ่ากระสุนและกับระเบิด ตลอดการรบ สู้กันยาวนานกว่า 120 ชั่วโมง หลังจาก กองทัพภาคที่ 2 สามารถเข้าควบคุมและสถาปนา “เนิน 350” พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญบริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้เป็นผลสำเร็จ หลังการปะทะอย่างรุนแรงกับกองกำลังฝ่ายกัมพูชา ในครั้งนี้ส่งผลให้ จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคน และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา ซึ่งเป็นกำลังพลจากหน่วย กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 พลีชีพ ขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่สมรภูมิปราสาทตาควาย และเนิน 350 และได้นำกลับบ้านอย่างสมเกียรติอย่างวีระบุรุษ ขอคำนับ กำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่หวั่นไหว พวกคุณคือคุณค่าแห่งเกียรติยศ คือหัวใจ ของคำว่า “ไม่ทิ้งกัน” ขอบคุณ และขอเป็นกำลังใจให้วีรบุรุษทุกนายอย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อทำลายภัยคุกคามให้สิ้นสภาพต่อไป
เดวิท โชคชัย รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายกนก เชิญชวนมาชม มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025

🗓️18 ธันวาคม 2568 – 7 มกราคม 2569
📍ณ สวนไม้งามริมน้ำกก อบจ.เชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย
💫ภายในงานพบกับ💫
✅สวนดอกไม้ 4 ฤดู — Summer / Rainy / Winter / Spring
✅นิทรรศการพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

✅งานศิลปะ–วัฒนธรรมล้านนา
✅ถนนคนเดินริมกก / โซน Food Truck / กาแฟ–ชาเชียงราย
✅วิถีชีวิตล้านนาและชาติพันธุ์กว่า 17 ชาติพันธุ์
✅ผลิตภัณฑ์ชุมชน และไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายสายพันธุ์

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย2025 #ChiangRaiFlowerAndArtFestival #สายนทีแห่งศรัทธา #เชียงราย #เที่ยวเชียงราย #เทศกาลไม้ดอก #งานศิลปะ #4ฤดูมหัศจรรย์ #อบจเชียงราย #RiverOfFaith #ทททเชียงราย #คนเก็บภาพแม่สาย #ชวนเที่ยวทั่วไทย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานแถลงข่าว เตรียมจัดงานศรีเกษเกมส์ นักเรียน อปท.ครั้งที่ 40/พิธีรับศพ “จ่ามิน” ทหารกล้าผู้สละชีพปกป้องชาติ

***เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 68 ที่ห้องศรีพฤเทศวงเรียเตอร์ ศูนยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ นายอนุรัฒน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อม ดร.ฉัตรมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ดร. รัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ นายสุริยนต์ หล่าคำ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ พ.ต.อ. นรินทร์ บุพตา ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ และนายสฤษฏ์ นาควารินทร์

อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมแถลงข่าวการจัดการแขางขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ครั้งที่ 40 “ศรีเกษเกมส์” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-29 ม.ค. 69 เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะด้านกีฬาในชนิดกีฬาต่างๆ และก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ตลอดจนการสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดศรีสะเกษ

***ทั้งนี้การแข่งขันกีฬา ศรีเกษเกมส์ จะการแข่งขังทั้งหมด 14 ชนิดกีฬาบังคับ คือ 1. กรีฑา 2. เซปักตะกร้อ 3. วอลเลย์บอลในร่ม 4. วอลเลย์บอลชายหาด 5. ฟุตบอล 6. ฟุตซอล 7. เปตอง 8. เทเบิลเทนนิส 9. แบดมินตัน 10. หมากรุกไทย 11. หมากฮอสไทย 12. จักรยานขาไถ 13. อีสปอร์ต (ROV) 14. เทคบอล และมี 2 ชนิดกีฬาสาธิต คือ กีฬาหมากล้อม และกีฬาว่ายน้ำ รวมทั้งหมด 16 ชนิดกีฬา

***โดยจะนักเรียนจาก 248 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมชิงชัยในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัด และจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนภายในจังหวัดศรีสะเกษ หลายล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทั้งโรงแรม ร้านค้า ผู้ประกอบการต่างๆ มีผู้เข้าไปใช้บริการกันอย่างหนาแน่น และสร้างความคึกคัดให้กับจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนความปลอดภัยโดยเฉพาะความปลอดภัยจากภัยสงครามของยืนยันในพื้นที่ที่จัดการแข่งขันปลอดภัย 100%
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

ศรีสะเกษ พิธีรับศพ “จ่ามิน” ทหารกล้าผู้สละชีพปกป้องชาติ พ่อเผยคำพูดสุดท้าย ขอให้ไปอยู่บนสวรรค์ ขณะที่ เจ้ามาลิ สุนัขสุดรัก ร่วมส่งนายครั้งสุดท้าย

***เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ณ วัดไลย์ชัยมงคล ตำบลจะกง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ มณฑลทหารบกที่ 25 (มทบ.25) ได้อำนวยการจัดกำลังพลและยานพาหนะประกอบพิธีรับศพ จ่าสิบเอกอนันดา อุดร หรือ “จ่ามิน” อายุ 39 ปี สังกัด ร.16 พัน.3 พล.ร.6 ค่ายบดินทรเดชา จังหวัดยโสธร ผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ในเหตุปะทะบริเวณ สมรภูมิภูมะเขือ ฐานปฏิบัติการฟีนิกซ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนหน้านั้น จ่าสิบเอกอนันดาได้รับบาดเจ็บสาหัสจาก สะเก็ดระเบิด BM-21 ของทหารกัมพูชา ถูกนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ แต่ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

***ขณะที่ เมื่อเวลา 15.09 น. ขบวนรถเชิญศพออกจากโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิ จังหวัดสุรินทร์ มาถึงวัดไลย์ชัยมงคล กองทหารเกียรติได้ตั้งแถวเป่าแตรรับ เพื่อสดุดีวีรกรรมของผู้กล้า เป็นภาพอันสงบสำรวมและเปี่ยมด้วยความอาลัย จากญาติพี่น้อง ข้าราชการ และประชาชนที่มารอรับอย่างเนืองแน่น
***ต่อมาเวลา 16.00 น. นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เดินทางมาประธานในพิธีมอบกระเช่าพระราชทานให้แกครอบครัวของ จ.ส.อ. อนันดา อุดร เพื่อเชิดชูเกียรติคุณและความเสียสละอันทรงคุณค่า ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มใจให้กับครอบครัวของ จ.ส.อ. อนันดา อุดร
***ต่อมา พลตรี ณัฐ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางมาเป็นประธาน รดน้ำหลวงอาบศพพาระราชทาน ตามด้วย นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานว่างพวงมาลาหลวง พระราชทานพวงมาลาหลวง ท่ามกลางเหล่าทหาร ข้าราชการ และประชาชน ที่ร่วมยืนสงบนิ่งไว้อาลัยอย่างพร้อมเพรียง


***นอกจากนี้ ในพิธีครั้งนี้ ยังได้มี “เจ้ามาลิ” สุนัขคู่ใจของจ่ามิน มาร่วมในพิธีศพอีกด้วย ทั้งนี้เจ้ามะลิ เป็นสุนัขที่แม่ของเจ้ามะลิหนีภัยสงครามในสมรภูมิรบครั้งแรก แล้วมาคลอดเจ้ามะลิ อยู่ใกล้กับที่พักหรือหลุมหลบภัย ก่อนที่ จ่ามิน จะเอามาเลี้ยงเหมือนลูก
***ด้าน นายเวียง อุดร อายุ 78 ปี บิดาของผู้วายชนม์ เปิดเผยด้วยความโศกเศร้าว่า ลูกชายเป็นผู้มีความประพฤติดี ว่านอนสอนง่าย ไม่เคยทำให้บิดามารดาเป็นกังวล ก่อนเกิดเหตุยังได้พูดคุยกัน และตนได้กำชับให้ลูกระมัดระวังตัว แต่เมื่อต้องพลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดิน แม้เต็มไปด้วยความเสียใจ ก็ยอมรับด้วยหัวใจของคนเป็นพ่อ
***นายเวียง เผย อีกว่า จ่าสิบเอกอนันดามีความฝันอยากศึกษาต่อเพื่อเติบโตในสายทหาร และหวังจะมียศใหญ่โตในอนาคต ก่อนทิ้งท้ายด้วยคำอธิษฐานให้ลูกชาย “ไปสู่สุคติ ณ สรวงสวรรค์”
***สำหรับกำหนดการสวดและพระราชทานเพลิง สวดอภิธรรม เวลา 18.00 น. ณ วัดไลย์ชัยมงคล ตำบลจะกง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทุกวัน ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2568 และพิธีพระราชทานเพลิงศพ กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2568
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปีใหม่อีสานเดือด ภ.3 งัดมาตรการลับ เฝ้าระวังสายลับต่างชาติก่อเหตุ / ตร.เขาใหญ่โฉมใหม่ โผล่หัวช้างน้อยสุดน่ารัก ยืนต้อนรับนักท่องเที่ยว

นครราชสีมา – เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นประธานการประชุมบูรณาการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า ได้วางมาตรการดูแลการเดินทางของประชาชนอย่างเข้มข้น ครอบคลุมเส้นทางหลักเชื่อมกรุงเทพมหานคร ภาคกลาง และจังหวัดสระบุรี เข้าสู่จังหวัดนครราชสีมา ก่อนกระจายสู่ภาคอีสานทั้งตอนบนและตอนล่าง พร้อมตั้งจุดบริการและจุดพักรถเพื่อลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

นอกจากนี้ ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าช่วยเหลือกรณีอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงทีและลดปัญหาการจราจรติดขัด ควบคู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยขอความร่วมมือประชาชนงดดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่
สำหรับการบริหารจัดการจราจรปีใหม่นี้ การเปิดใช้ มอเตอร์เวย์บางปะอิน–นครราชสีมา ตลอดแนว จะช่วยระบายรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดทิศทางขาออกจากกรุงเทพฯ

ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม–2 มกราคม และขาเข้าระหว่างวันที่ 2–6 มกราคมด้านความมั่นคงในพื้นที่อีสานตอนล่างซึ่งติดแนวชายแดน มีการตั้งด่านตรวจควบคู่จุดบริการประชาชน ประสานงานหน่วยงานความมั่นคงทุกมิติ รวมถึงการเดินทางทางถนน รถไฟ และอากาศ เพื่อป้องกันการแอบแฝงของบุคคลไม่หวังดี พร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติอย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้ ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินและการอพยพในพื้นที่แนวชายแดน ครอบคลุม 16–18 สถานีตำรวจใน 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง โดยย้ำว่าทุกภาคส่วนพร้อมผนึกกำลังให้การเดินทางช่วงปีใหม่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยสูงสุด.

ภาพ นายประสิทธิ์ วนะชกิจ/ข่าว กันตินันท์ เรืองประโคน จ.นครราชสีมา

ฮือฮา ป้อมตำรวจเขาใหญ่โฉมใหม่ โผล่หัวช้างน้อยสุดน่ารัก ยืนต้อนรับนักท่องเที่ยว กลายเป็นแลนด์มาร์คเช็กอินใหม่ถนนธนะรัชต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ที่สัญจรผ่านถนนธนะรัชต์–เขาใหญ่ บริเวณแยกบ้านไร่ 2 ต่างพากันชะลอรถและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพ หลังพบ “ป้อมตำรวจหัวช้าง” ดีไซน์แปลกตาและน่ารัก ตั้งตระหง่านอยู่ที่ป้อมตำรวจแยกบ้านไร่ 2 ในพื้นที่ เขาใหญ่ สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ผ่านไปมาอย่างต่อเนื่อง

ป้อมตำรวจดังกล่าวอยู่ในความดูแลของ สถานีตำรวจภูธรหมูสี โดยมีการตกแต่งป้อมในรูปแบบ “หัวช้าง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผืนป่าและธรรมชาติของเขาใหญ่ ให้ดูเป็นมิตร อบอุ่น และเข้าถึงง่าย แตกต่างจากภาพจำของป้อมตำรวจแบบเดิม ๆ จนกลายเป็นจุดสนใจบนเส้นทางท่องเที่ยวสายหลักการปรับปรุงครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ มูลนิธิอิ่มอกอิ่มใจ ภายใต้การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีหลายภาคส่วน ที่มีแนวคิดยกระดับป้อมตำรวจให้เป็น “จุดบริการประชาชน” ไม่เพียงทำหน้าที่ด้านความปลอดภัย แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สะท้อนความเป็นมิตรของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชื่นชมว่า ป้อมตำรวจหัวช้างแห่งนี้ ไม่เพียงเพิ่มสีสันให้กับเส้นทางท่องเที่ยวเขาใหญ่ แต่ยังช่วยสร้างความอุ่นใจในการเดินทาง หลายคนถึงกับแวะจอดรถถ่ายรูปเช็กอิน แชร์ลงโซเชียล พร้อมติดแฮชแท็กป้อมตำรวจที่สวยที่สุดในเขาใหญ่จนกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่ใครผ่านมาก็ไม่ควรพลาดแวะชมและเก็บภาพความประทับใจกลับไป.

ภาพ นายประสิทธิ์ วนะชกิจ /ข่าว กันตินันท์ เรืองประโคน/ จ.นครราชสีมา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เทศบาลตำบลบางปูจัดแข่งขันเรือพายพื้นบ้าน สืบสานวิถีชุมชน–ส่งเสริมท่องเที่ยวท้องถิ่น ณ ชุมชนคลองศาลาแดง

เมื่อช่วงสาย วันที่ 21 ธันวาคม 2568 ที่ ชุมชนคลองศาลาแดง ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ นายธีรพล ชุนเจริญ นายกเทศมนตรีตำบล

บางปู เป็นประธานเปิดโครงการแข่งขันเรือพายพื้นบ้าน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 โดยมี นางสาวปารณีย์ นาคคำ ปลัดเทศบาลตำบลบางปู

กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ พร้อมด้วย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร โดยมีคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลฯ หัวหน้าส่วนราชการ / เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางปู /

ประธาน คณะกรรมการชุมชนคลองศาลาแดง / ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา จังหวัดสมุทรปราการ ประชาชน และนักกีฬาพายเรือ ชาวชุมชนคลองศาลาแดง เข้าร่วมพิธี เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น สร้างความสามัคคี ความสัมพันธ์อันดีในชุมชน และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่น

การแข่งขันเรือพายดังกล่าวได้มีการแบ่งการแข่งขันเรือพายออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเรือมาด 9 ฝีพาย จำนวน 6 ทีม และประเภทเรือมาด 12 ฝีพาย จำนวน 8 ทีม รวมทั้งหมด จำนวน 14 ทีม

พร้อมพิธีมอบถ้วยรางวัล และเงินรางวัลรวมเกือบสี่หมื่นบาท ให้กับทีมที่ชนะการแข่งขัน โดยการแข่งขันเป็นไปด้วยความสนุกสนานทั้งผู้เข้าแข่งขันเรือและกองเชียร์ทั้งฝั่งคล

นายธีรพล ชุนเจริญ นายกเทศมนตรีตำบลบางปู เผยว่า กิจกรรมเรือพายพื้นบ้านของทางเทศบาลบางปู เริ่มต้นจากชุมชนที่มีภูมิศาสตร์ที่อยู่ติดน้ำ และมีชาวบ้านเริ่มแข่งกันเองก่อนมาหลายปี ทางเทศบาลจึงได้เสนอไปยังจังหวัด เพราะเทศบาลเห็นถึงความสำคัญและความรัก ความสามัคคี โดยจะจัดใกล้เทศกาลปีใหม่ ของทุกปี ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วิ่งพิชิตหัวเขาถ่าน ปี 2568” คึกคัก นักวิ่งทั่วสารทิศร่วมทดสอบพลังใจ ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงกีฬา

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 “พิชิตเขา ชมทะเล ไหว้เสด็จเตี่ย ที่ชุมพร เมืองธรรมชาติแห่งการวิ่งและการท่องเที่ยว” “มาเที่ยวชุมพร สูดอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวทะเลจากยอดเขา สัมผัสเสน่ห์เมืองสงบ เรียบง่าย และอบอุ่น ผ่านกิจกรรมกีฬาที่เชื่อมโยงวิถีชุมชนอย่างลงตัว”

เช้าวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2567 จังหวัดชุมพรจัดกิจกรรม “วิ่งเทิดพระเกียรติ พิชิตหัวเขาถ่าน ชุมพรมินิมาราธอน เทิดพระเกียรติ กรมหลวงชุมพร” ประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่ ณ โรงเรียนบ้านอ่าวมะม่วง ตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก มีนักวิ่งจากหลายพื้นที่เข้าร่วมอย่างเนืองแน่น

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชุมพร ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร และการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดชุมพร เพื่อเทิดพระเกียรติ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและสุขภาพของจังหวัด

พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ผศ.เสนีย์ นิลทจันทร์ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการแข่งขัน โดยมี นายนุกูล แก้วสวี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชุมพร กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า เป็นการผสานกิจกรรมกีฬาเข้ากับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชุมพร เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

มินิมาราธอน ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บริเวณหาดอรุโณทัย ตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก ไปสิ้นสุดที่ยอดเขาหัวเขาถ่าน ตำบลท่าหิน อำเภอสวีฟันรัน ระยะทาง 5 กิโลเมตร รวมถึงประเภทนักเรียนในพื้นที่ เริ่มต้นจากโรงเรียนบ้านอ่าวมะม่วง ไปเข้าเส้นชัยบนยอดเขาหัวเขาถ่านเช่นเดียวกัน

ตลอดเส้นทางการแข่งขัน นักวิ่งได้สัมผัสความสวยงามของถนนเลียบชายฝั่งทะเล ผสานความท้าทายของเส้นทางเนินสลับทางราบ และช่วงไฮไลต์ก่อนเข้าเส้นชัยที่ต้องพิชิตทางขึ้นเขาหัวเขาถ่านซึ่งมีความลาดชันถึง 60–70 องศา ถือเป็นบททดสอบทั้งกำลังกายและพลังใจ ก่อนขึ้นไปสักการะพระรูปกรมหลวงชุมพร ณ ศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพร บนยอดเขา พร้อมชมทัศนียภาพทะเลอันงดงามยามเช้า

บรรยากาศการแข่งขันปีนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสามัคคี โดยเฉพาะการเข้าร่วมของนักเรียนจากโรงเรียนทุ่งตะโกวิทยา และโรงเรียนสวีวิทยา รวมถึงนักวิ่งสมัครเล่นและนักวิ่งสายท้าทายจากหลายจังหวัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดชุมพรในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านกีฬาและการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ การจัดงานได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหิน โรงเรียนบ้านอ่าวมะม่วง และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ส่งผลให้กิจกรรมประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพรอย่างยั่งยืน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผบก ภ.จว.นครปฐมประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดทำโครงการ“นครปฐม 1 หมวก 1 น้ำใจ พิทักษ์ภัยทางถนน”

วันที่ 22 ธ.ค. 2568เวลา 10.30 น.พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ผบก.ภ.จว.นครปฐม
(ประธานการประชุม)พ.ต.อ.กฤษณัฐ วงษ์กล้าหาญรอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พร้อมด้วยพ.ต.อ.อชิรวัตติ์ ถาวรเจริญวัฒน์ผกก.สภ.เมืองนครปฐมพ.ต.ท.ธนากฤติ เนตรเกื้อกูลรอง ผกก.จร.สภ.เมืองนครปฐมพ.ต.ท.อุทัย สุมาลัยรองผกก.ป.สภ.บางเลนพ.ต.ท.อิสรภาพ แก้วชลครามรอง ผกก.ป.สภ.นครชัยศรี
พ.ต.ท.หญิง เบญญาภา เภสัชชารอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.นครปฐมพ.ต.ท.พนม ประทุมแสงสวป.สภ.สามพรานพ.ต.ต.วีระพล ขาวซูริจันทร์สว.(สอบสวน)ฯ

ปฏิบัติหน้าที่ หน.จร.สภ.โพธิ์แก้วสว.ฝอ.ภ.จว.นครปฐมและข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในสังกัด ภ.จว.นครปฐมประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดทำโครงการ
“นครปฐม 1 หมวก 1 น้ำใจ พิทักษ์ภัยทางถนน”โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ สร้างจิตสำนึกด้านวินัยจราจร ลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน และปลูกฝังน้ำใจในการใช้รถใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย

ในการประชุมได้มีการหารือแนวทางการดำเนินโครงการ แผนการประชาสัมพันธ์ การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการกำหนดบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เน้นย้ำการขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นที่ และมุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้ สามารถลดอุบัติเหตุและความสูญเสียได้อย่างยั่งยืน

ณ ห้องประชุม ศปก.ภ.จว.นครปฐม
ต.ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม
สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครปฐม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัรพ.นครปฐม Super App หมอพร้อมพลัส เชื่อมต่อทุกบริการ ผ่านเทคโนโลยี

วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐมเป็นประธานเปิด การประชาสัมพันธ์ "Super App หมอพร้อมพลัส เชื่อมต่อทุกบริการ ผ่านเทคโนโลยี โดย แพทย์หญิงจุฑาภรณ์ สามศรีทอง   รองผู้อำนวยการ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายแพทย์วีระเดช เฉลิมพลประภา คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐม เข้าร่วมพิธี วัตถุประสงค์ ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแอปพลิเคชัน หมอพร้อมเพื่อการรับบริการทางการแพทย์ที่สะดวก และเท่าเทียม สร้างความตระหนักในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างผู้ป่วยและหน่วยบริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาล ณ บริเวณชั้น 1 อาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลนครปฐม

สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครปฐม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัดรางหมัน จัดอุปสมบทนาคหมู่ 64 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลฯ

วัดรางหมัน จัดอุปสมบทนาคหมู่ 64 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 และถวายเป็นกตัญญูกตเวทิตาแด่ พระราชมงคลวชิราคม ( หลวงปู่แผ้ว ปวโร)

ที่วัดรางหมัน จัดพิธีอุปสมบทนาคหมู่จำนวน 64 รูป เพื่อถวายพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม

ราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯในรัชกาลที่ 10 โดยมี . นายเกียรติศักดิ์ ธนาวรรณโอภาส นายอำเภอกำแพงแสน เป็นประธานพิธีอุปสมบทนาคหมู่จำนวน 64 รูป

โดยอุปสมบทเป็นระยะเวลา 9 วัน ณ วัดประชาราษฎร์บำรุง (รางหมัน) ตำบลรางพิกุล อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม นำโดยสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่นอำเภอกำแพงแสน

หัวหน้าส่วนราชการอำเภอกำแพงแสน และประชาชนทั่วไปร่วมพิธีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศงานบรรพชาอุปสมบทหมู่ดำเนินไปด้วยความเรียบง่าย สงบ และเปี่ยมด้วยศรัทธา ตั้งแต่ขบวนแห่นาค พิธีภายในพระอุโบสถ

จนถึงการประกอบสังฆกรรมตามพระธรรมวินัยอย่างครบถ้วนสมบูรณ์โครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีถวายแด่ พระราชมงคลวชิราคม (หลวงปู่แผ้ว ปวโร)

ผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มธรรมและที่พึ่งทางจิตใจของศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย พร้อมกันนี้ ยังเป็นการถวายเป็น พระราชกุศล
แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร

มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงอีกด้วย

นายสมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครปฐม

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง