สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาฯ ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เตรียมจัดการแสดงละครเสภา “ขุนช้าง ขุนแผน”

มูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาฯ ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เตรียมจัดการแสดงละครเทิดพระเกียรติต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยปีนี้จัดการแสดงละครเสภา “ขุนช้าง ขุนแผน”

มูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี โดย นางสาวอัญชุลี สิมะเสถียร ประธานมูลนิธิ ฯ

ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกันจัดการแสดงละครเสภาเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน ตอนพลายชุมพล” เพื่อ

เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา โดยจะจัดแสดงในวันอังคารที่ 23 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

ซึ่งเป็นการจัดการแสดงเพื่อเทิดพระเกียรติต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในปี 2566 เป็นการแสดงละครเรื่อง “มโนราห์” ปี 2567 เป็นละครนอกเรื่อง

“สังข์ทอง ตอนนางมณฑาลงกระท่อม” มาปีนี้ จัดแสดงละครเสภาเรื่อง “ขุนช้าง ขุนแผน ตอน พลายชุมพล” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 องก์ คือ ” ขุนแผนได้แก้วกิริยา“ และองก์ที่ 2 ตอน ” ศึกโกลา สองพี่น้อง“ คือพระไวยกับพลายชุมพล

โดยมี ดร.วันทนีย์ ม่วงบุญผู้ชำนาญการศิลปการแสดง กรมศิลปากร เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ และควบคุมและกำกับการแสดง ร่วมด้วย นางสาวตวงฤดี ถาพรพาสี และนางสาวธนันดา

มณีฉาย นาฏศิลปินอาวุโส กรมศิลปากรเป็นผู้ช่วยกำกับการแสดงก่อนการแสดงละครเสภา ขุนข้าง ขุนแผน มีการแสดงหน้าม่าน ชุด ชุมนุมเผ่าไทย รำถวายอาลัย ชุด ”24 ตุลา มหาวิปโยค“

เพื่อถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และการแสดงรำถวายพระพร เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี แต่งเนื้อร้องและประดิษฐ์ท่ารำโดย ดร.วันทนีย์ ม่วงบุญ

ต่อด้วยละครเสภาเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน ซึ่งจะเริ่มด้วยการขับเสภาโดยนายสมชาย ทับพร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรี – ขับร้องปีพุทธศักราช 2565 ต่อด้วยละครภาคแรก

ตอน ขุนแผนได้แก้วกิริยา อันเนื้อเริ่องโดยสังเขปมีว่า ขุนแผนโกรธแค้นที่ขุนข้างลักพานางวันทองไปอยู่กับตนจึงหาของวิเศษ 3 อย่างได้แก่ ดาบฟ้าฟื้น กุมารทอง และม้าสีหมอก แล้วเดินทางไปยังบ้านขุนช้าง หวังจะพานางวันทองหนี

เมื่อมาถึงเรือนชุนช้าง ขุนแผนได้ชมพันธุ์ไม้นานาที่ขุนช้างปลูกไว้ และได้พบนางแก้วกิริยา ทั้งสองเกิดมีปฏิพัทธ์ต่อกัน จึงเป็นที่มาของการแสดงอีก 2 ชุดในองก์แรกนี้ คือระบำม้า และระบำดอกไม้ และเพื่อให้ได้บรรยากาศ จึงได้ นำเพลง ” รักไม่รู้ดับ“

จากคณะนักร้องประสานเสียงอาวุโสไทย และวงประสานเสียงหญิง “ทับทิมสยาม “ มาขับร้องในครั้งนี้ นำโดย นางโสภาวรรณ มงคลธรรมกุล นายกสมาคมนักร้องประสานเสียงอาวุโสไทย โดยมีนายธนาวุฒิ ศรีวัฒนะ เป็นผู้อำนวยเพลง

การแสดงละครเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนองก์ที่ 2 ตอน ศึกโกลา สองพี่น้อง เริ่มจากการขับเสภา เพื่อให้ดำเนินเรื่องสอดคล้องกับองก์ที่ 1 หลังจากขุนแผนและแก้วกิริยา ให้กำเนิดพลายชุมพลแล้ว ได้ส่งพลายชุมพลให้ไปอยู่กับย่า ร่วมกับพระไวย ซึ่งเป็นลูกชายของนางวันทองกับขุนแผน

พระไวยได้แต่งงานกับนางศรีมาลา และนางสร้อยฟ้า และถูกนางสร้อยฟ้า ทำเสน่ห์ จนเกลียดขังและเฆี่ยนตีศรีมาลา เมื่อขุนแผนและพลายชุมพลว่ากล่าวตักเตือน ทำให้พระไวยไม่พอใจ ถึงกับลำเลิกบุญคุณว่าตนเป็นผู้ขอพระพันวษาอภัยโทษให้ขุนแผน ออกจากคุก

และยังเข้าใจผิดว่าพลายชุมพลเป็นชู้กับศรีมาลา ทำให้ขุนแผนและพลายชุมพลโกรธเคือง จึงร่วมกันทำอุบายโดยพลายชุมพลปลอมตัวเป็นมอญใหม่ ยกทัพมาทำศึกกับพระไวยพี่ชาย อันเป็นที่มาของ ศึกโกลา สองพี่น้อง และเพื่อให้ได้บรรยากาศ จึงได้นำเพลง ”ใครหนอ“

จากคณะนักร้องประสานเสียงอาวุโสไทย และวงประสานเสียงหญิงทับทิมสยาม มาขับร้องในตอนสุดท้าย ในการนี้ทาง มูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาฯ ได้จัดงานแถลงข่าว และให้สื่อมวลชนเก็บภาพการซ้อมรำในแต่ละชุด เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์เผยแพร่การจัดการแสดงดังกล่าวด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อ.สุชาติ แท็คมือ อ.จตุรงค์ พร้อมชาวบ้านยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมศิลปากร เรื่อง พระสงฆ์ บุกรุกโบราณสถาน จ.ตาก

เมื่อ วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา13.00 น. อาจารย์สุชาติ กนกรัตน์มณี ประธานชมรมตามรอยเจ้าตาก, นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา, อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ร่วมด้วย ชาวบ้านจำนวนหนึ่งใน ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก จ.ตาก เข้ายื่นหนังสือต่อ อธิบดี กรมศิลปากร เรื่องมีผู้บุกรุก “วัดดอยข่อยเขาแก้ว” ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก จ.ตาก ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญของจังหวัดตาก เดิมเคยเป็นวัดที่ “พระเจ้าตากสินมหาราช” เคยไปประกอบพิธีเสี่ยงทายบารมีครั้งยังเป็นเจ้าเมืองตาก โดยมี นายวสันต์ เทพสุริยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เป็นผู้รับหนังสือแทน ณ ชั้น 1 กรมศิลปากร ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ​ ทั้งนี้ “วัดดอยข่อยเขาแก้ว” มี “โบสถ์มหาอุตม์” ซึ่งเป็นโบราณสถาณ และโบราณวัตถุ ขึ้นทะเบียนกับ “กรมศิลปากร” ไว้ในราชกิจจานุเบกษา ได้ถูกทิ้งไว้เป็นวัดร้าง จนกระทั่งปัจจุบันมี “พระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง” อาศัยโบสถ์มหาอุตม์ ทำพิธี เชิญชวนชาวบ้านมาบวช โดยอ้างว่าบวชให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และทำพิธีบวชพระ บวชเณร เป็นเวลานาน ทำให้โบสถ์เสื่อมโทรม

ชาวบ้านในตำบลแม่ท้อ ได้คัดค้านการกระทำของกลุ่มพระเหล่านี้ และได้มีการร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้ใช้โบสถ์นี้ทำพิธีกรรมต่างๆ เนื่องจากทรุดโทรมมาก และไม่มีผู้ดูแล กลุ่มพระเหล่านี้ยังมีการหาผลประโยชน์จากการทำกิจกรรมในโบสถ์ เป็นเวลานานหลายปี นักวิชาการทั้งหลาย จึงเข้ามาช่วยชาวบ้านแม่ท้อต่อสู้ไม่ให้กลุ่มพระเหล่านี้อาศัยโบสถ์ และพระนาม “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” เป็นเครื่องมือชักชวนให้คน มาทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นโบสถ์ที่ไม่สมบูรณ์ เรียกว่า “เสมาวิบัติ” แต่กลุ่มพระเหล่านี้ก็ยังดื้อรั้น จัดทำพิธีบวชในโบสถ์ตลอดมา และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2568 มีการเชิญชวนเจ้าคณะจังหวัด มาทำพิธี “เสมาสมมุติ” เพื่อฝืนจัดงาน ซึ่งงานบวชจะจัดขึ้นในวันที่ 17 เมษายน 2569 ในขณะที่ยังมีกรณีพิพาทอยู่ในพื้นที่

นักวิชาการพร้อมด้วยผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นชาวบ้านตำบลแม่ท้อ จังหวัดตาก มาขอร้องเรียน และคัดค้านการใช้โบสถ์ดังกล่าว เพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณนี้ ให้ลูกหลาน และประชาชน ได้เก็บไว้รักษาดูแล และศึกษา เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะโบสถ์หลังนี้ใกล้พลุพังเต็มที่แล้ว​โดย อาจารย์สุชาติ เผยถึงที่มาในครั้งนี้ว่า​“วันนี้มายื่นหนังสือที่ กรมศิลปากร ให้กับท่านอธิบดีเรื่องมีผู้ไปบุกรุกโบราณสถานที่จังหวัดตาก ซึ่งเดิมเคยเป็นวัดที่พระเจ้าตากสินมหาราชเคยไปประกอบพิธีเสี่ยงทายบารมีครั้งยังเป็นเจ้าเมืองตาก ต่อมาปัจจุบันวันนี้เป็นวัดร้าง ถูกประกาศให้เป็นเขตโบราณสถานมาหลาย 10 ปีแล้ว

มีผู้ไปบุกรุกมานานหลาย 10 ปี เราเลยมายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ท่านอธิบดีช่วยพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย จริงๆ เรื่องนี้ยืดเยื้อมานานแล้ว แต่ไม่มีการใช้บังคับกฎหมายอย่างจริงจัง เราก็เลยมานำเรียนท่านอธิบดี โดยมี พี่วสันต์ ที่เป็นผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ดูแลพื้นที่อยู่พอดี ก็มารับเรื่อง ขอให้ท่านช่วยพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย มิฉะนั้นต่อไปมันก็เป็นตัวอย่างที่ใครจะทำอะไรก็ได้ เข้าไปบุกรุกโบราณสถานที่ไหนก็ได้ครับ”ด้าน นายวสันต์ เทพสุริยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ผู้รับหนังสือแทน อธิบดี กรมศิลปากร ก็เผยว่า “วันนี้ได้รับมอบหมายจาก ท่านอธิบดีกรมศิลปากร ให้มารับเรื่องจาก พี่สุชาตินะครับ เบื้องต้นเลยขอขอบคุณ พี่สุชาติและคณะอย่างยิ่งนะครับที่ให้ความสำคัญกับโบราณสถาน และร่วมกับ กรมศิลปากร ในการปกป้อง แต่อย่างไรก็ตาม

เรื่องนี้มีความซับซ้อนอยู่ค่อนข้างสูง เนื่องจากที่ดินที่ วัดดอยข่อยเขาแก้ว เป็นที่ธรณีสงฆ์ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ คือ สำนักพุทธนะครับ กรมศิลปากร ประกาศเขตโบราณสถานก็จริง แต่เราเป็นผู้คุ้มครอง เรากำกับดูแล แต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองจริงๆ คือสำนักพุทธ แล้วก็ด้วยความอาจจะไม่เข้าใจในข้อกฎหมายที่ผ่านมา ก็เลยทำให้การดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมายเท่าที่ควร แต่ทั้งนี้เราได้ประชุมล่าสุดแล้ว เมื่อเดือนตุลาคม โดยมีท่านเจ้าคณะจังหวัดตาก เป็นประธานในที่ประชุม แล้วก็มีมติร่วมกันแล้ว ก็น่าจะเป็นมติสุดท้ายแล้วนะครับว่า หลังสงกรานต์ช่วงปลายเดือนเมษายน 2569 เราจะเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้างที่บุกรุกบนสถานออกจากพื้นที่ หลังจากนั้นถ้าจะมีการดำเนินการใดๆ ในพื้นที่โบราณสถาน ผู้เกี่ยวข้องที่จะต้องการดำเนินการจะขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โอกาสนี้ก็คงต้องขอขอบพระคุณพี่สุชาติและคณะ แล้วก็คอยติดตามผลงานของ สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ว่าจะเป็นไปตามมติที่นำเรียนของพี่ๆ เค้าหรือเปล่านะครับก็อยากฝากทุกท่านติดตามด้วยเช่นกันครับ”


นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา กล่าวถึงความคืบหน้าในกรณีนี้ว่า“ตอนนี้เราร้องเรียนทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ก่อนการจัดงานปีนี้ไปรอบหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ทางที่ประชุมของจังหวัดตาก เขาก็มีมติมาว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกลุกล้ำนะ โดยไม่ได้ขออนุญาต กรมศิลปากร ออกจากพื้นที่ แต่ก็ปรากฏว่าจนบัดนี้ไม่เป็นไปตามแผนที่นี่อยู่กันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มันมีความสำคัญ แล้วอยู่ๆ จะมีพระรูปหนึ่งรูปใดไปสร้างห้องสุขาทับหลุมศพของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์เหรอครับ มันเป็นเรื่องที่เราต้องอนุรักษ์ไว้ และเราถ้าทำกันไม่ได้ ถ้ารัฐดูแลใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมไม่ได้ ผมว่ารัฐเราล้มเหลวแล้วครับ”
ในส่วนของ อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่า

“ก็ให้ทนายเขาจัดการอย่างเต็มที่นะครับ เต็มเหนี่ยว ก็ถือว่าเต็มเหนี่ยว ใส่ผมมา ผมก็เต็มเหนี่ยวใส่กลับไปนะครับอันนี้เรียนเลย แล้วก็…เวรกรรมมีจริงนะครับ ได้ข่าวว่าพระที่ขี่ออดี้ที่ผมเคยร้องเรียนไป ก็ได้ข่าวว่าเอาออดี้ไปชนสามล้ออีกแล้ว ไม่รู้ว่าใครขับนะ ก็ฝากด้วยละกัน ชาวบ้านหัวเราะ ชาวบ้านยังรู้เลยว่าพระมีตังค์ขี่ออดี้ แล้วก็เอาออดี้ไปชนกันสามล้อ ก็ต้องดูกันไปครับว่า วัดแบบในหนังเรื่อง บุพเพสันนิวาส วัดสวยๆ อย่างงั้น พวกคุณโอเคไหมหรือแบบว่า ผมไปสร้างส้วมอยู่ตรงพระนอนแถวศรีสัชนาลัย สุโขทัย พวกคุณโอเคกันไหม มันคือโบราณสถาน คุณจะมายึดอาศัยว่า ฉันเป็นพระ ฉันจะครอบครองโบราณสถานได้ ผมยืนยันนะครับว่า ผมเอาหมด เพราะผมถือว่า ผมพูดกับพวกท่านดีๆ แล้ว เจ้าคณะปกครองทุกรูป ผมก็ย้ำว่าผมเอาหมด”
นอกจากนี้ อาจารย์สุชาติ ยังทิ้งท้ายต่อว่า
“เรื่องเนี้ยมันยืดเยื้อมาเป็นสิบปีแล้วนะ ผู้ที่ขึ้นไปบุกรุกก็เคยต้องพิพากษาจำคุกมาแล้วนะครับ แล้วก็ยังขึ้นไปอยู่เป็นประจำ เราพบว่าขึ้นไปอยู่เป็นประจำ แล้วก็มีหน่วยงานรัฐเข้าไปเรียกว่าตรวจสอบมาตลอดก็ยังอยู่ ดังนั้นเราก็เลยไม่ค่อยมั่นใจว่า ทางหน่วยงานรัฐจะทำหน้าที่จริงจังไหม แต่เมื่อได้คุยกับ พี่วสันต์ แล้วก็คิดว่าเราจะรอดูว่าหลังเมษาฯ ปี 69 ทางเจ้าคณะจังหวัดตาก เป็นคนขอไว้ เราคิดว่าพระนั้นไม่มุสา แต่บังเอิญว่าพวกผมก็ไม่ค่อยเชื่อนะครับ สิ่งที่ท่านพูด ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเจ้าคณะจังหวัดจะปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านพูดหรือไม่ครับ”

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กกต.มุกดาหาร เปิดอบรมผู้สมัคร อบต. 27 แห่ง เน้นเลือกตั้งโปร่งใส–เที่ยงธรรม รับศึกเลือกตั้ง 11 ม.ค.

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 นายจักรินทร์ ชาลีพุทธาพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดโครงการบูรณาการความร่วมมือในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (อบต.)

ครบวาระและยกฐานะ ณ ห้องริเวอร์แกรนด์ บอลลูน โรงแรมริเวอร์ซิตี้ อำเภอเมืองมุกดาหาร โดยมีผู้ตรวจการเลือกตั้งและผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายก อบต. จากทั้ง 27 แห่งในจังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมอบรมอย่างพร้อมเพรียง

นายจักรินทร์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบแผนจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายก อบต. ที่ครบวาระ โดยกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม 2569 เป็นวันเลือกตั้ง ส่วนช่วงวันสมัครรับเลือกตั้งกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 1–5 ธันวาคม 2568

เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม สนง.กกต.จว.มุกดาหาร จึงจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการเลือกตั้ง กระบวนการลงคะแนน ข้อควรระวัง และข้อห้ามตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการกระทำผิดหรือทุจริตเลือกตั้ง รวมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้สมัครทุกคน

ผอ.กกต.มุกดาหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การอบรมครั้งนี้เป็นกลไกสำคัญในการลดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง พร้อมรณรงค์ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และส่งเสริมให้ผู้สมัครปฏิบัติตามระเบียบเดียวกัน เพื่อให้การเลือกตั้ง อบต.ทั่วจังหวัดมุกดาหารเป็นไปด้วยความโปร่งใส สุจริต และเป็นธรรมตามกรอบกฎหมาย

เลือกตั้งอบต2569 #กกตมุกดาหาร #อบรมผู้สมัครอบต #เลือกตั้งท้องถิ่น #ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง #โปร่งใสเที่ยงธรรม #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้///ภาพ/ข่าว เดวิท-ธวัชชัย โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ประเทศไทย เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของทุกหน่วยงานภาครัฐ ที่มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการทุจริต

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครปฐม นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ประเทศไทย โดยมี คณะกรรมการจังหวัดนครปฐม

คณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายธีรชัย สุขเกษม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ซึ่งจังหวัดนครปฐม

ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม ได้จัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อสร้างพลังทางสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม ให้เกิดขึ้นในสังคม และยกระดับค่าดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI)

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเจตจำนงของผู้นำประเทศ และผู้นำทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขและปราบปรามการทุจริต รวมถึงผสานพลังคนไทยและทุกภาคส่วนให้ตื่นรู้พร้อมต้านการทุจริตในทุกรูปแบบเพื่อให้สังคมไทยมีวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต ตลอดจนให้คนไทย

และนานาชาติรับรู้ถึงความมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย เพื่อผลักดันการยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (ค่า CPI) ให้สูงกว่าร้อยละ 50 ตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ

ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย ชมการถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรมวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) กายใต้แนวคิด ปลุกพลัง “HERO OF THE TRUTH ร่วมหยุดคอร์รัปชัน” และการรับชมการประกาศเจตนารมณ์

เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี การมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่ผ่านการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2568

ทั้งนี้ จังหวัดนครปฐม ได้ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การส่งเสริมสังคมด้านคุณธรรมจริยธรรม และธรรมาภิบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดัน และส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐที่เข้ารับการประเมินคุณธรรม

และความโปร่งใสของการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) มีผลการประเมินภาพรวมระดับจังหวัดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณพ.ศ. 2557

จังหวัดนครปฐมมีผลการประเมินเพิ่มขึ้นเป็น 96.15 คะแนน หน่วยงานภาครัฐในจังหวัดนครปฐม ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 118 หน่วยงาน หรือคิดเป็นร้อยละ 100 และในปีงบประมาณ 2568 จังหวัดนครปฐม ได้คะแนนที่ 96.64 สูงขึ้น

กว่าปีที่ผ่านมา 0.49 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.51 หน่วยงานภาครัฐในจังหวัดนครปฐมผ่านเกณฑ์การประเมินจำนวน 117 หน่วยงาน หรือคิดเป็น 99.15 อยู่ในลำดับที่ 14 ของประเทศ จะเห็นได้ว่าในภาพรวมระดับจังหวัดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
……………………….
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธีรับมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน และเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการฯ เพื่อส่งเสริมเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน จัด พิธีรับมอบอุปกรณ์การเรียนการสอนและเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ ภายใต้โครงการ ส่งเสริมเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime)

ณ โรงเรียนสตรีศรีน่าน โดยได้รับเกียรติจาก นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธานในพิธี โดยมี นางนัฑวิภรณ์ จันต๊ะพรมมา ผู้อำนวยการ สพม.น่าน เป็นผู้กล่าวรายงาน มีผู้เข้าร่วมการรับมอบและอบรมฯ ประกอบด้วยผู้แทนครูและนักเรียน รวมทั้งสิ้น 340 คน

มุ่งยกระดับการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21 พิธีนี้จัดขึ้นสืบเนื่องจากนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มุ่งเน้นการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ ผ่านแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้แห่งชาติ (NDLP)

วัตถุประสงค์หลักของการจัดพิธีและอบรมในครั้งนี้มี 3 ประการสำคัญ

  1. เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้แบบทุกที่ทุกเวลา ตามนโยบาย Anywhere Anytime ของกระทรวงศึกษาธิการ
  2. เพื่อมอบอุปกรณ์การเรียนการสอนจำนวน 6,577 เครื่อง สำหรับครูและนักเรียน
  3. ให้กับโรงเรียนนำร่อง 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ สังกัด สพม.น่าน จำนวน 15 โรงเรียน
  1. เพื่อให้ครูและนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ การลงทะเบียนใช้งาน และการดูแลรักษาอุปกรณ์ฯ ผ่านระบบบริหารจัดการทรัพย์สิน (IT Asset Management) ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

การอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ ได้รับความร่วมมือจากทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 ท่าน เพื่อให้ผู้รับมอบสามารถใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยั่งยืน

เรียนดีมีคุณธรรม #สพฐ #สพม #น่าน #สพมน่าน #SESAONAN #ทีมน่านการศึกษา #NanOneTeam/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปราสาทสัจธรรมจัดใหญ่! คนแห่ร่วมงานพิธี 5 ศาสนา ประจำปี 68 ถวายเป็นพระราชกุศล/ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ปล่อยพันธุ์ปูม้าและพันธุ์กุ้งทะเล 8.9 แสนตัวลงอ่าวพัทยา

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 มีรายงานว่า วิริยะประกันภัย และเมืองพัทยา ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมกันจัดงานพิธี 5 ศาสนา ประจำปี 2568 เพื่อถวายพระราชกุศล และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดดุลยเคชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พิพิธภัณฑ์ปราสาทสัจธรรม พัทยา จ.ชลบุรี โดยมีแขกผู้มีเกียรติและประชาชนร่วมกันใส่ชุดสีขาวเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

ในพิธีการ นายพิจารณ์ และนางวรากร วิริยะพันธุ์ ผู้บริหารพิพิพิธภัณฑ์ปราสาทสัจธรรม ได้นำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแต่พระภิกษุสงฆ์และสามเณรจำนวนประมาณ 500 รูป เพื่อ ถวายเป็นพระราชกุศล โดยงานพิธี 5 ศาสนาในครั้งนี้

ประกอบด้วย ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และชิกข์ ซึ่งตัวแทนแต่ละศาสนาต่างร่วมประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนธรรมเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและถวายความจงรักภักภักดีแค่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ภายในงานยังมีกิจกรรมนิทรรศการถ่ายทอดคุณค่าที่ทั้งสองพระองค์ทรงบำเพ็ญเพื่อแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นพระวิริยะอุตสาหะในการทรงงาน พระเมตตาที่แผ่ไปทั่วผืนแผ่นดิน และการทรงยึดมั่นในหลักทศพิธราชธรรมสู่ประชาชนไทยมาโดยตลอด อีกทั้งยังทรงเป็นพุทธมามกะ

และทรงดำรงพระราชภารกิจศาสนูปถัมภก ให้การสนับสนุนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียม ด้วยพระบารมีนี้เอง ทำให้ประชาชนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา แม้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขบนแผ่นดินไทยใต้ตลอดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารตราบจนปัจจุบัน

ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ปล่อยพันธุ์ปูม้าและพันธุ์กุ้งทะเล 8.9 แสนตัวลงอ่าวพัทยา

เวลา 15.30 น.วันที่ 8 ธ.ค.68 ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปูม้าและพันธุ์กุ้งทะเล ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ณ ปราสาทสัจธรรม พัทยา จ.ชลบุรี

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงานพิธี 5 ศาสนา ถวายพระราชกุศล น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดดุลยเคชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี 2568

ภายในพิธีได้จัดให้มีการแสดงและจินตลีลาสร้างสีสันของตัวแทนจากศาสนาต่างๆ ก่อนได้รับเกียรติจากนายพิจารณ์ และนางวรากร วิริยะพันธุ์ ผู้บริหารพิพิพิธภัณฑ์ปราสาทสัจธรรม เป็น

ประธานปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเป็นพันธุ์ปูทะเล 5 แสนตัว และพันธุ์กุ้งทะเล 3.9 แสนตัว รวม 8.9 แสนตัวลงทะเลพัทยา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานพระปณิธานการให้ความสำคัญของแหล่งน้ำและการประมงไทยต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ที่ อ.ละแม จ.ชุมพร จัดพิธีบวงสรวงและอัญเชิญพระรูป “เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ประดิษฐาน ศูนย์รวมจิตใจแห่งใหม่

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 9 ธันวาคม 2568 จังหวัดชุมพรจัดพิธีบวงสรวง อัญเชิญ และประดิษฐานพระรูปพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ

พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เสด็จเตี่ย) ณ มณฑลพิธีหน้าที่ว่าการอำเภอละแม โดยมีนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธี

พร้อมด้วยนายสุพล จุลใส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร นางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร นายนรินทร์ พันธ์เจริญ กำนันตำบลละแม หัวหน้าส่วนราชการ และชาวอำเภอละแมที่

เดินทางมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความศรัทธาและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

พิธีการช่วงเช้าเริ่มด้วยการทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่นายสุพล จุลใส ประธานในพิธีช่วงเช้า จะจุดธูปเทียนบูชา

พระรัตนตรัย โดยมีพระครูปริยัติกิจวิธาน เจ้าคณะอำเภอละแม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ผู้มาร่วม

งานได้เขียนรายชื่อบนแผ่นทองเพื่อนำไปบรรจุใต้ฐานพระรูป
ต่อจากนั้น นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยนางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์

และนายสุพล จุลใส ร่วมประกอบพิธีวางแผ่นทอง ซึ่งได้รับประทานจากสมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้

ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ จังหวัดตรัง ลงในฐานพระรูป ท่ามกลางบรรยากาศอันสง่างามและเปี่ยมด้วยสิริมงคลช่วงบ่าย ข้าราชการและผู้มีเกียรติได้ตั้งแถวเกียรติยศรอรับขบวนอัญเชิญพระรูป โดยเจ้าหน้าที่ทหารเรือเป็นผู้ทำการอัญเชิญขึ้นสู่แท่นประดิษฐานในฤกษ์มงคล

ท่ามกลางเสียงสวดชยันโต เสียงฆ้อง และเสียงประทัดดังกึกก้อง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้คล้องมาลัยพระกร และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร ถวายช่อกุหลาบแดงสักการะ ก่อนที่

พระสงฆ์จะประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชน์อนุสาวรีย์ และประธานพิธีพร้อมผู้มีเกียรติถวายจตุปัจจัยไทยธรรม กรวดน้ำรับพร เป็นอันเสร็จพิธีอย่างสมบูรณ์

การประดิษฐานอนุสาวรีย์เสด็จเตี่ย ณ หน้าที่ว่าการอำเภอละแมครั้งนี้ ถือเป็นการยกย่องเชิดชูพระเกียรติของ “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และเป็นศูนย์รวมศรัทธาแห่งใหม่ของชาวละแมและจังหวัดชุมพร

นายนรินทร์ พันธ์เจริญ กำนันตำบลละแม ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอละแม และประธานการจัดสร้างอนุสาวรีย์ฯ กล่าวว่าการสร้างอนุสาวรีย์ในครั้งนี้เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนในอำเภอละแมและพื้นที่ใกล้เคียง โดยไม่ใช้งบประมาณจากภาครัฐ

ทุกขั้นตอนเกิดจากการหารือร่วมกันของผู้นำท้องที่–ท้องถิ่น และการสนับสนุนจากประชาชนที่ต้องการมีสถานที่สักการะเสด็จเตี่ยอย่างเป็นทางการ เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจและสร้างความรักความสามัคคีของคนในชุมชนเขากล่าวเพิ่มเติมว่า “พี่

น้องชาวละแนมาทั้งแรงกายแรงใจร่วมกันสร้าง เพราะศูนย์รวมจิตใจจะสำเร็จได้ ต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชนอย่างแท้จริง” การจัดสร้างอนุสาวรีย์เสด็จเตี่ยครั้งนี้จึงนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนพลังความศรัทธา ความสามัคคี และความรักต่อบ้านเกิดของชาวอำเภอละแมอย่างงดงาม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดงาน.วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล เพื่อแสดงเจตนารมณ์ ภาครัฐ มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการทุจริต / อบต.ทุ่งขวาง จัดโครงการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรม รร.ผู้สุงอายุในชุมชน

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครปฐม นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ประเทศไทย โดยมี คณะกรรมการจังหวัดนครปฐม คณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายธีรชัย สุขเกษม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ซึ่งจังหวัดนครปฐม ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม ได้จัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อสร้างพลังทางสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม ให้เกิดขึ้นในสังคม และยกระดับค่าดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI)

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเจตจำนงของผู้นำประเทศ และผู้นำทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขและปราบปรามการทุจริต รวมถึงผสานพลังคนไทยและทุกภาคส่วนให้ตื่นรู้พร้อมต้านการทุจริตในทุกรูปแบบเพื่อให้สังคมไทยมีวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต ตลอดจนให้คนไทยและนานาชาติรับรู้ถึงความมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย เพื่อผลักดันการยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (ค่า CPI) ให้สูงกว่าร้อยละ 50 ตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ

ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย ชมการถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรมวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) กายใต้แนวคิด ปลุกพลัง “HERO OF THE TRUTH ร่วมหยุดคอร์รัปชัน” และการรับชมการประกาศเจตนารมณ์เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี การมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่ผ่านการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2568

ทั้งนี้ จังหวัดนครปฐม ได้ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การส่งเสริมสังคมด้านคุณธรรมจริยธรรม และธรรมาภิบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดัน และส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐที่เข้ารับการประเมินคุณธรรม และความโปร่งใสของการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) มีผลการประเมินภาพรวมระดับจังหวัดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณพ.ศ. 2557

จังหวัดนครปฐมมีผลการประเมินเพิ่มขึ้นเป็น 96.15 คะแนน หน่วยงานภาครัฐในจังหวัดนครปฐม ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 118 หน่วยงาน หรือคิดเป็นร้อยละ 100 และในปีงบประมาณ 2568 จังหวัดนครปฐม ได้คะแนนที่ 96.64 สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 0.49 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.51 หน่วยงานภาครัฐในจังหวัดนครปฐมผ่านเกณฑ์การประเมินจำนวน 117 หน่วยงาน หรือคิดเป็น 99.15 อยู่ในลำดับที่ 14 ของประเทศ จะเห็นได้ว่าในภาพรวมระดับจังหวัดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
……………………….
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

อบต.ทุ่งขวางจัดโครงการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมโรงเรียนผู้สุงอายุให้กับผู้สูงอายุในชุมชน
วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น.องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง ได้ดำเนินการจัดโครงการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ ประจำเดือน ธันวาคม 2568

โดยมีนายสุนทร สมัยนิยมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการพร้อมด้วยคณะผู้บริหารนายพุธิชัย หนุ่มกันนารองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง
นางสาววรรณภา คำดีรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง

นางสาวอำพร อินทร์คงเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวางนายจอมใจ กองเกตุใหญ่ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวางนางแสงเทียน เศรษฐวิทยารองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวางและผู้นำชุมชน, ชมรมผู้สูงอายุ,เจ้าหน้าที่ อบต.ทุ่งขวาง ,เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ทุ่งขวาง
เข้าร่วมกิจกรรม ณ ศาลาเอนกประสงค์หมู่ที่ 6
สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครปฐม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เจ้าคุณแจ้ เป็นประธานพิธีบวงสรวงศาลพระพรหม–ศาลตายาย สภ.บางแก้ว

สภ.บางแก้ว จัดพิธีบวงสรวงศาลพระพรหมและศาลตายายประจำโรงพัก เพื่อความเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี เจ้าคุณแจ้ หรือ

พระวชิรคณาทร ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานประกอบพิธี พร้อมผู้บังคับบัญชา–ข้าราชการตำรวจและผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้

จัดพิธีบวงสรวงศาลพระพรหมและศาลตายายประจำสถานีตำรวจ โดยมี เจ้าคุณแจ้ หรือ พระวชิรคณาทร ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานในพิธีบวงสรวง

ภายในงานมี พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทร์สุวรรณ ผู้กำกับการ สภ.บางแก้ว เป็นประธานจุดเทียนชัยมงคล พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัชระ เทพเสน ผู้กำกับการ สภ.บางปู

และรองผู้กำกับการ สภ.บางแก้ว ในสายงานต่างๆ อาทิ งานป้องกันปราบปราม งานสอบสวน งานสืบสวน และงานจราจร รวมถึงข้าราชการตำรวจ สภ.บางแก้ว

คณะกรรมการ กต.ตร. กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง พิธีบวงสรวงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พราหมณ์ ณฐกร โทนะศรี จากหอบรมครูพระพิราพสถิตย์ ทำหน้าที่เป็นเจ้าพิธีบวงสรวงตลอดงาน


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าว..งานวันพริก ของดี อ.ขามสะแกแสง พริกเผ็ดที่สุดในโลก ประกวดธิดาพริก แข่งขันส้มตำลีลา แข่งขันผัดหมี่

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่บริเวณหน้าอำเภอขามสะแกแสง ว่าที่ร้อยตรีพรสรร อุ่นบรรเทิง นายอำเภอขามสะแกแสง พร้อมด้วย นางสาวกนกอร รวมกลาง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอขามสะแกแสง, นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายจิรศักดิ์ อ่วมอุไร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา และ พ.ต.อ.ดำรงศิลป์ ดวงกลาง นายกเทศมนตรีตำบลขามสะแกแสง นายบัญชา กันหาสินธุ์
ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมาร่วมแถลงข่าวจัดงาน “วันพริกและของดีอำเภอขามสะแกแสง ประจำปี 2568” ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16–20 ธันวาคม 2568 รวม 5 วัน ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอขามสะแกแสง

นายอำเภอขามสะแกแสงเปิดเผยว่า พื้นที่แห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกพริกสำคัญของจังหวัด มีเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจรวม 6,997 ครัวเรือน บนพื้นที่กว่า 197,680 ไร่ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกพริกกว่า 200 ครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูกรวม 418.50 ไร่ ให้ผลผลิตพริกสดเฉลี่ย 1,200 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อจำนวนมาก ทั้งเส้นหมี่ ข้าวแตน กล้วยน้ำว้า มะละกอ มะพร้าว มะขามเทศ ฝรั่ง ข้าวโพด อ้อยโรงงาน และมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด

นางสาวกนกอร รวมกลาง สมาชิกสภา อบจ.นครราชสีมา ได้เปิดเผยว่า“งานวันพริกถือเป็นเวทีสำคัญในการผลักดันสินค้าเกษตรของชาวขามสะแกแสงให้ก้าวสู่ตลาดใหญ่ ทั้งระดับจังหวัดและภูมิภาค อบจ.นครราชสีมาพร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ปีนี้เราตั้งใจทำให้เป็นงานเชิงเศรษฐกิจที่เห็นผลได้จริงในพื้นที่”

ภายในงานยังมีกิจกรรมหลากหลายดึงดูดนักท่องเที่ยว อาทิ การประกวดริ้วขบวน การประกวดรถธิดาพริก , การแข่งขันส้มตำลีลา , การแข่งขันผัดหมี่, การแข่งขันขนมจีนน้ำยาไก่ , การประกวดผลผลิตทางการเกษตร , การประกวดไก่พื้นเมือง , การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง , การประกวดเต้นไลน์แดนซ์ , การแข่งขันตำน้ำพริกแจ่วปลาร้าพริกสด , การประกวดบูธกิจกรรมงานวันพริกผู้จัดคาดการณ์ว่าตลอด 5 วันของการจัดงานจะมีผู้ร่วมงานไม่ต่ำกว่า 50,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนให้พ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร และผู้ประกอบการท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์ของดีอำเภอขามสะแกแสงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

“งานนี้เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งอำเภอ อปท. เกษตรกร และชุมชน เราตั้งใจให้เป็นเวทีแสดงอัตลักษณ์ของดีในพื้นที่ และกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีอย่างเต็มที่”งานวันพริกปีนี้จึงนับเป็นกิจกรรมใหญ่ที่มุ่งผลักดันสินค้าเกษตรและของดีท้องถิ่นสู่ตลาดระดับจังหวัดและภูมิภาค พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปลายปีที่กำลังมาถึงอย่างคึกคัก

ภาพ นายประสิทธิ์ วนะชกิจ/ข่าว นายกันตินันท์ เรืองประโคน จ.นครราชสีมา

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง