สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เจ้าคุณแจ้ วัดบางพลีใหญ่กลาง รับเผาศพไร้ญาติ “ลุงขายหมูปิ้งวัย 70” ฟรี และจัดพิธีสวดพระอภิธรรม ถวายพระราชกุศลแด่ พระพันปีหลวง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมตตาเผาศพชายวัย 70 ปี ซึ่งเป็นศพไร้ญาติ รายที่ 82 ในวันนี้วัดบางพลีใหญ่กลาง

โดย ท่านพระครูวชิรคณาทร (เจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตาเผาศพชายไร้ญาติ รายที่ 82 นายสมดี แซ่โง้ว ผู้ตาย

โดยมี นางสาวภิญญาพัชญ์ แตงอ่อน นักสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่วัด และสื่อมวลชน ร่วมฌาปนกิจนายสมดี แซ่โง้ว พระสงฆ์สวดบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ที่ล่วงลับ

จากการสอบถามนางสาวภิญญาพัชญ์ แตงอ่อน นักสังคมสงเคราะห์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามคนในชุมชนซอยท่อแก๊ส นายสมดี แซ่โง้ว (ผู้ตาย) พักอาศัยอยู่ภายในชุมชนซอยท่อแก๊ส ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีอาชีพขายหมูปิ้งเลี้ยงชีพไปวันๆ ไม่มีญาติพี่น้องและไม่มีครอบครัวแต่อย่างใด

นางสาวภิญญาพัชญ์ แตงอ่อน นักสังคมสงเคราะห์ ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาผู้ตายเป็นคนกำพร้าตั้งแต่อายุ 4 ปี มีเพียงคนในชุมชนซอยท่อแก๊สให้การช่วยเหลือในเรื่องข้าวปลาอาหารเป็นบางครั้งคราว และมีอาชีพขายหมู่ปิ้งอยู่ในชุมชนแห่งนี้เพื่อเลี้ยงตัวเองไปวันๆ

และจากการชันสูตรของแพทย์ทราบว่าผู้ตายป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจล้มเหลว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ตายมีอาการป่วยด้วยโรคประจำตัวมานาน ซึ่งเจ้าตัวไม่กล้าที่จะไปพบหมอรักษา เนื่องจากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนจนอาการทรุดหนักและเข้ารักษาตัวที่ รพ.บางพลี และเสียชีวิตลงขณะรักษาตัวที่ รพ.บางพลี

ก็ตาม หลังจากที่เสียชีวิตลงทางนักสังคมสงเคราะห์ทราบว่านายสมดี แซ่โง้ว ผู้ตาย ไม่มีญาติพี่น้องและไม่มีครอบครัวจึงประสานขอความอนุเคราะห์มายังวัดบางพลีใหญ่กลาง

ท่านพระวชิรคณาทร (เจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ทราบเรื่องจึงได้เมตตารับฌาปนกิจศพให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และเปฺ็นศพไร้ญาติรายที่ 82 ที่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางเผาศพให้ฟรี


วัดบางพลีใหญ่กลางจัดพิธีสวดพระอภิธรรม ถวายพระราชกุศลแด่ พระพันปีหลวง วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.00 น. ที่ศาลาการเปรียญหลังใหม่ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

และมีพ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางพลี เป็นประธานจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีพระวชิรคณาทร “เจ้าคุณแจ้” เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

พร้อมด้วยคณะพระสงฆ์ ไวยาวัจกร วัดบางพลีใหญ่กลาง คณะผู้บริหาร พนักงาน ข้าราชการ อบต.บางพลีใหญ่ เจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลบางพลี เจ้าหน้าที่ศูนย์แพทย์ชุมชนวัดบางพลีใหญ่กลางข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี

และประชาชนชาวอำเภอบางพลี ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล
โดยมีนายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางพลี นายชัยยันต์ กองอรรถ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ นายธนิต ปานรอด รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงพยาบาลบางพลี

ถวายผ้าไตรบังสุกุล พระสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง 9 รูป สวดพระอภิธรรมและพิจารณาผ้าบังสุกุล กรวดน้ำ เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แถลงเตรียมนำวงโยธวาทิต ระดับโลกมาร่วมประกวดให้ได้ชม ในงานเทศกาล ซาวสีเกด 2568 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

***เมื่อวันนี้ 18 พ.ย. 68 ที่บริเวณบ้านไม้โรงแรมสันติสุข ถนนราชการรถไฟ 1 อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร. ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ นายสักก์สีห์ พลสันติกุล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดร. รัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ และนางศรีสุภรณ์ ชมศรีหาราชพร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์-ศรีสะเกษ ร่วมแถลงข่าวเตรียมจัดงานเทศกาล “Sound of Sisaket 2025: ซาวสีเกด 2568”

ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ระหว่างวันที่ 18 – 21 ธันวาคม 2568 ณ ย่านวงเวียนแม่ศรี อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ภายใต้แนวคิด “Proud of Sisaket – คนพราว ของพราว เมืองพราว” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมดนตรี ร่วมกับนักสร้างสรรค์ ศิลปิน และภาคการศึกษา ตลอดจนผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจในระดับนานาชาติ กระตุ้นการท่องเที่ยว และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดการใช้จ่ายในภาคอีสานเพิ่มมากขึ้น

***โดยภายในจะได้พบกับ 6 รูปแบบโปรแกรมหลักใน Sound of Sisaket 2025 คือ 1. Creative Business Program โอกาสในการเจรจาธุรกิจและสร้างเครือข่ายที่เติบโตไปพร้อมกัน ระหว่างผู้ประกอบการและองค์กรต่าง ๆ 2. Event & Entertainment Program ที่รวบรวมศิลปิน นักดนตรี และนักสร้างสรรค์มากฝีมือ มาร่วมแสดงศักยภาพผ่านเสียงดนตรี ภาพยนตร์ และผลงานศิลปวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ 3. Creative Talk เวทีแห่งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ที่ชวนทุกคนมองอนาคตของศรีสะเกษในฐานะ “เมืองแห่งดนตรีและศิลปะ” รวมถึงเสวนา “อัตลักษณ์ดนตรีศรีสะเกษ สู่ UCCN, City of Music” 4. Creative Workshop

ลงมือเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ที่ผสมผสานศิลปะ ดนตรี และวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างมีชีวิตชีวา เติมเต็มแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นจริง 5. Showcase & Exhibition ที่ถ่ายทอดพลังของคนสีเกด ผ่านนิทรรศการและชิ้นงานสร้างสรรค์จากทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ และ 6. Creative Market ตลาดสร้างสรรค์ที่รวมร้านค้า อาหาร เครื่องดื่ม งานฝีมือ และของดีท้องถิ่นจากศรีสะเกษไว้ในที่เดียว พร้อมชมกิจกรรมไฮไลต์ การประกวดวงโยธวาทิตโลก (Thailand World Music Championships) การแสดงชุดพิเศษ Marching Band Performance
***นอกจากนี้ยังจะได้พบกับวงโยธวาทิต ระดับโลก โดยเฉพาะ 3 ประเทศมหาอำนาจ คือ ประเทศจีน ประเทศรัสเซีย และจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เป็นวงโยธวาทิตอันดับ 3 ของโลก ซึ่งหาดูได้อยาก ถ้าจะดูต้องไปดูที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ครั้งนี้อยากดูมาดูได้ที่จังหวัดศรีสะเกษ

;

***ทั้งนี้อยากจะเชิญชวนทุกคนมาร่วมสัมผัสทุกเสียงของศรีสะเกษและพราวไปกับ “Sound of Sisaket 2025: ซาวสีเกด 2568” เทศกาลที่รวบรวมเรื่องราวและแรงบันดาลใจจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในจังหวัดศรีสะเกษไว้ในที่เดียว พร้อมเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนศรีสะเกษให้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในเครือข่ายสมาชิก “เมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี” ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ในวันที่ 18 – 21 ธันวาคม 2568 ณ ย่านวงเวียงแม่ศรี ได้แก่ บ้านไม้ (อาคารตรงข้ามโรงแรมสันติสุข), โรงแรมสันติสุข, ถนนราชการรถไฟ 1, ตลาดสดเทศบาล ชั้น 2 และ ศรีสะเกษรามา จังหวัดศรีสะเกษ
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /พบศพหญิงสาว ถูกคลื่นซัด นอนเปลือยกายเสียชีวิตชายหาดแหลมกุ่ม เจ้าหน้าเร่งสืบสวน

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 17 พ.ย.68 พ.ต.ท.วินัย รายละเอียด สารวัตรสอบสวน สภ.ทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตบริเวณชายหาดแหลมกลุ่ม หมู่ที่ 7 ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก

จึงพร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน ชุดปราบปราม ฝ่ายปกครองอำเภอทับสะแก และอาสาสมัครมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานอำเภอทับสะแก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

บริเวณชายหาดแหลมกลุ่ม ห่างจาก ร็อคกี้พ้อยรีสอร์ท ไปทางทิศเหนือ (ซังเขาขวาง )ประมาณ 500 เมตร พบศพหญิงสาว อายุ ราวๆ 45-50 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณชายหาดถูกคลื่นซัดอยู่บริเวณหาดทราย สภาพศพเปลือยกาย

ด้านบนเสื้อยกทรงรูดขึ้นอยู่ที่เหนือราวนม ส่วนกางเกงลักษณะถอดมาไว้ที่บริเวณหน้าแข้ง ที่ร่างกายไม่พบว่ามีบาดแผลหรือถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงนำร่างผู้เสียชีวิตส่งผ่าพิสูจน์ยังโรงพยาบาลทับสะแกเพื่อตรวจสอบการเสียชีวิตในครั้งนี้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และเป็นใครมาจากไหน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่มาหาของทะเลว่าพบศพคนนอนเสียชีวิตถูกคลื่นซัดอยู่ชายหาดดังกล่าว ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เร่งออกหาข่าวว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหนและได้มาเสียชีวิตที่เกิดเหตุเพราะเหตุใด

โดยจะเร่งสืบสวนหาบุคคลสูญหาย ในละแวกใกล้เคียง และนำภาพถ่ายออกหาเบาะแส รูปร่างหน้าตาผู้เคยพบเห็น บ้านไหนมีบุคคลสูญหายสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ พนักงานสอบสวน สภ.ทับสะแก
////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มัสยิดถึงชุมชน จากผู้นำถึงประชาชน ร่วมแรงร่วมใจ เพื่อพี่น้องชายแดนใต้ สร้างความสุขสู่ชุมชน รวมพลังใจสร้างสันติสุข

จากมัสยิดถึงชุมชน จากผู้นำถึงประชาชน ร่วมแรงร่วมใจ เพื่อพี่น้องชายแดนใต้ สร้างความสุขสู่ชุมชน รวมพลังใจสร้างสันติสุขจ.ยะลา .-

ความเข้าใจคือสะพานเชื่อมใจ จากผู้นำถึงประชาชนจากมัสยิดถึงชุมชน จากผู้นำถึงประชาชน ร่วมแรงร่วมใจ เพื่อพี่น้องชายแดนใต้ สร้างความสุขสู่ชุมชน รวมพลังใจสร้างสันติสุข

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามนโยบายของ พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4

ที่เน้นการ “สานต่อพลัง เพื่อสันติสุข” ได้ย้ำว่า “ชายแดนใต้ไม่ใช่สมรภูมิรบ แต่คือบ้านของเรา ที่ต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจ” ในการสร้างความเข้าใจและะการลงพื้นที่ในครั้งนี้

พ.อ. เอกธวุฒิ คงคาเขตร ผู้อำนวยการโรงเรียนการเมือง ศูนย์สันติวิธี (ศสว.) ได้ลงพื้นที่ ณ สำนักงานสมาคมผู้นำอิสลามชายแดนใต้ ถนนสุขยางค์ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา

สำหรับการพบปะและพูดคุยกับชาวบ้านและผู้นำศาสนา ได้พบกับ นายมะหามะ แสแลแม หัวหน้าหน่วยแพทย์ กลุ่มดะวะห์ตับ

ลีฆ และ นายฮัสบูเล๊าะ หิเล นายกสมาคมผู้นำอิสลามชายแดนใต้ พร้อมด้วยทีมงานแกนนำเครือข่ายในพื้นที่

โดยมีเป้าหมายหลัก เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างภาครัฐ กับ ผู้นำศาสนาและชุมชน โดยการถ่ายทอดนโยบายเพื่อเสริมสร้างความรัก ความเข้าใจ และความร่วมมือ

จึงเชิญชวน ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ เพื่อให้ชายแดนใต้นั้น กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง //ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน //

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดพิธีปลงผมนาควิษณุ (แม็ก) บุญริ้ว ทายาทนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ /วัดแทบแตก! งานบวชลูกชายนายกฯ เมืองแพรกษาใหม่ ประชาชนแห่ร่วมอนุโมทนาคับคั่ง

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ถือฤกษ์งามยามดี แรม 11 ค่ำ เดือน 12 จัดพิธีตัดปอยผมและปลงผมนาควิษณุ (แม็ก) บุญริ้ว บุตรชาย คนโต

ก่อนวันรุ่งขึ้นจะบวชเป็นพระ ณ พัทธสีมาวัดน้อยสุวรรณาราม(วัดคลองเก้า) ตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี นายสุนทร ปานแสงทอง นายก อบจ.สมุทรปราการ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายวรพร อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายธีรพล ชุนเจริญ นายกเทศมนตรีตำบลบางปู นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์

ดร.สัมพันธ์ เตชะเจริญกุล นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1สจ.ชนะ หง่วนงามศรี รองประธานสภา อบจ.สมุทรปราการ ตลอดจน คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน ข้าราชการเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่

ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบลแพรกษาใหม่ นำโดยกำนันธนสัน วสันต์ (กำนันปี๊บ) กำนันตำบลแพรกษาใหม่ และพ่อค้าประชาชน ร่วมพิธีตัดปอยผมและปลงผมนาควิษณุ (แม็ก) บุญริ้ว กันอย่างเนื่องแน่น

ภายในงานได้รับความเมตตาจากพระอุปัชฌาย์ พระครูสุวรรณสิทธิธาดา เจ้าอาวาสวัดน้อยสุวรรณาราม เจ้าคณะตำบลบางปู เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์ ฉลองผ้าไตร

ซึ่งการลาอุปสมบทในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของบุพการี ครูอาจารย์ และผู้ให้การอุปการะคุณ ทั้งหลาย ตลอดจนเพื่อเข้าศึกษาธรรมมะ ปฏิบัติในศีลธรรมหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในเวลา 17.00 น.

จะมีพิธีทำขวัญนาค ส่วนในวันที่ 17 พฤศจิกายน 68 เวลา 15.00 น.นำนาคเข้าสู่พิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดน้อยสุวรรณาราม(วัดคลองเก้า)


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

วัดแทบแตก! งานบวชลูกชายนายกฯ เมืองแพรกษาใหม่ ประชาชนแห่ร่วมอนุโมทนาคับคั่ง

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดน้อยสุวรรณาราม (วัดคลองเก้า) ตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เต็มไปด้วยประชาชนจำนวนมากกว่า 1,000 คน

ที่เดินทางมาร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบท นาคแม็ก – วิษณุ บุญริ้ว บุตรชายคนโตของ นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ และ นางสาววาสนา สว่างวงษ์ มารดา
ภายในพิธีมีครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ ปู่ ย่า ตา ยาย

รวมถึงคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภา พนักงานเทศบาล แขกผู้มีเกียรติ เพื่อนสนิท และประชาชนจากตำบลแพรกษาใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก จนบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเรียกได้ว่า “วัดแทบแตก”

สำหรับการอุปสมบทในครั้งนี้ นาคแม็ก ตั้งใจบวชเพื่อทดแทนบุญคุณบิดามารดา ครูอาจารย์ และผู้ที่ให้การอุปการะ พร้อมทั้งศึกษาธรรม ปฏิบัติศีลและคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พัทธสีมา

วัดน้อยสุวรรณาราม เป็นเวลา 7 วันโดยพิธีอุปสมบทได้รับความเมตตาจาก พระครูสุวรรณสิทธิธาดา เจ้าอาวาสวัดน้อยสุวรรณาราม และเจ้าคณะตำบลบางปู

เป็นพระอุปัชฌาย์ ประทานฉายาทางธรรมว่า “อภิชะโน” แปลว่า “ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง”บรรยากาศตลอดงานเป็นไปอย่างเรียบร้อยและเต็มไปด้วยความยินดีของญาติมิตรและประชาชนที่มาร่วมอนุโมทนาบุญอย่างพร้อมเพรียง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธี อัญเชิญไฟพระฤกษ์ การแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ 2025 จังหวัดนครราชสีมา

เมื่อวันที่(15พย.68)ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายส่งเสริมกีฬา อัญเชิญไฟพระฤกษ์

ส่งมอบต่อให้กับนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเก็บรักษาไว้ที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมวิ่งคบเพลิงไฟพระฤกษ์การแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ 2025 ครั้งที่ 13 ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน

โดยกำหนดจัดวิ่งคบเพลิงไฟพระฤกษ์ในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2568 นี้ โดยมี ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พร้อมด้วยส่วนราชการ เข้าร่วมพิธีรับส่งมอบไฟพระฤกษ์

สำหรับการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ประเทศไทยและจังหวัดนครราชสีมา ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยมีการชิงชัยใน 19 ชนิดกีฬา และกำหนดจัดการแข่งขันในระหว่างวันที่ 20 – 26 มกราคม 2569 ที่ จ.นครราชสีมา

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ม.นราธิวาสฯเปิดการประชุม Kick-off และ Co-Design Workshop เดินหน้าโครงการวิจัยสร้างกลไกความร่วมมือพัฒนาเมืองต้นแบบ 3 จังหวัดภาคใต้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องประชุมนวบานบุรี ชั้น 3 ศูนย์วิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดการประชุม Kick-off และ Co-Design Workshop ภายใต้โครงการวิจัย “การสร้างกลไกความร่วมมือในการขยายผลการพัฒนาเมืองต้นแบบชายแดนใต้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” ร่วมกับ ผศ.ดร.สุริยจรัส เตะชะตันมีนสกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้

สำหรับโครงการวิจัยดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนงานย่อย N22 (S2P13) ในโปรแกรมพัฒนาเมืองน่าอยู่และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ โดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองตาม 5 มิติของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ได้แก่ มิติคน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง ความปลอดภัย และความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา มุ่งปิดช่องว่างการทำงาน “ต่างคนต่างอยู่” สู่ความร่วมมือเชิงสถาบัน

นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา และสตูล ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ การค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงสู่มาเลเซียและอาเซียน แม้จะมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และศักยภาพด้านการท่องเที่ยวระดับโลก แต่ยังเผชิญปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ สถานการณ์ความไม่สงบ และความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี

ทั้งนี้การวิเคราะห์สถานการณ์พบว่า ปัญหาสำคัญคือการขาดการบูรณาการความร่วมมือและการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน รวมถึงช่องว่างทางเทคโนโลยีของวิสาหกิจชุมชน ทำให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไม่สามารถแข่งขันในตลาดสมัยใหม่ได้

สำหรับโครงการนี้จึงมุ่งสร้าง “กลไกความร่วมมือเชิงสถาบัน” (Institutional Collaboration Mechanism) เพื่อเป็นเครื่องมือหลักในการเชื่อมโยงทุกภาคส่วน พัฒนานโยบายนวัตกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีพร้อมใช้จากมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์สู่ชุมชน เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน

ซึ่งกิจกรรมในวันนี้มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมอย่างเข้มข้นผ่าน Co-Design Workshop โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการ สร้างความเข้าใจร่วมกัน ในสถานการณ์ ปัญหา และศักยภาพของพื้นที่ และการ ร่วมออกแบบโซลูชันและกลไกความร่วมมือ เพื่อให้การพัฒนาเกิดผลสัมฤทธิ์จริง

โดยการประชุมแบ่งเป็นสองส่วนสำคัญ ได้แก่ 1. นำเสนอข้อมูลพื้นฐาน (Baseline) และสถานการณ์ของ 6 อำเภอในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ อำเภอเมืองนราธิวาส ตากใบ สุไหงโก-ลก แว้ง เบตง และควนโดน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีข้อมูลตั้งต้นที่ตรงกัน ครอบคลุมปัญหา ผลกระทบ และปัจจัยท้าทายของแต่ละพื้นที่ 2. กิจกรรม Co-Design Workshop แบ่งเป็น 2 ช่วง
ส่วนที่ 1: “ทบทวนอดีต – เข้าใจปัจจุบัน”ผู้เข้าร่วมแต่ละกลุ่มร่วมวิเคราะห์ประวัติการทำงานของชุมชน ปัญหา ผลลัพธ์ที่ผ่านมา และทุนทางสังคมที่มีอยู่

ส่วนที่ 2: “ค้นหาจุดเด่น – ต่อยอดอนาคต”เพื่อค้นหาศักยภาพของแต่ละพื้นที่และร่วมออกแบบต้นแบบการพัฒนา (Model) ที่สามารถนำไปขยายผลในวงกว้าง โดยตัวแทนจากทุกภาคส่วนกว่า 7 กลุ่มเข้าร่วมซึ่งงานนี้ได้รับความร่วมมือจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยนเรศวรหน่วยงานภาครัฐจังหวัดนราธิวาส ยะลา และสตูล ส่วนปกครองท้องถิ่น 6 อำเภอ ภาคธุรกิจเอกชนและหอการค้า นักวิจัยและบุคลากรจากหลายสถาบัน

นายวีรพัฒน์กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างกลไกการทำงานร่วมกันที่เข้มแข็ง นำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม การสร้างบุคลากรแกนนำ “ครูค่ายชายแดน” และการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างยั่งยืน ก่อนประกาศเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ
////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กองทัพภาค2 ตอกหน้าสื่อเขมร ปั่น ‘ฮีโร่’ คืนสนามรบ ที่แท้ เชลยศึก ไทยปล่อยตัว เหตุป่วย ‘พิษสุราเรื้อรัง-เสียสติ’ ย้ำชัด ไร้มนุษยธรรม/ปค.ชุดสิงห์เมืองมุก บุกจับหนุ่มผึ่งแดดค้ายาบ้า ศป.ปส.อ.เมืองมุกดาหาร

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เฟซบุ๊กเพจ “กองทัพภาคที่ 2” โพสต์ข้อความระบุว่า “ตามที่ปรากฏภาพข่าว สำนักข่าว Fresh News Daily ว่า คุณยังจำฮีโร่ทหารของเราชื่อ “ซึม ซ็อมแอง” ได้หรือไม่??? เขาคือคนที่ถูกทหารไทยจับกุม และได้รับการปล่อยตัว และตอนนี้ได้ฟื้นตัวกลับมาอยู่แนวหน้าอีกครั้งแล้ว” “นี่คือจิตวิญญาณความกล้าหาญ ที่แข็งแกร่งที่สุดของฮีโร่ ทหารกัมพูชา ผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ ภายใต้สถานการณ์ใดๆ”

“ความจริง คือ ร.ต.ซึม ซ็อมแอง คือ เชลยศึกที่ถูกฝ่ายไทยเราควบคุมตัวไว้ในช่วงการสู้รบ ห้วงวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568 ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนที่ทางการไทยจะปล่อยตัวกลับไปก่อน 2 รายเนื่องจากอาการป่วยหนัก และมีอาการทางระบบประสาท หรือ จิตเวช เราจึงได้ส่งตัวกลับไป เพื่อให้เข้ารับการรักษาต่อในประเทศกัมพูชา จึงมีเชลยศึกที่ถูกฝ่ายไทยควบคุมตัวเหลืออยู่ 18 ราย

ซึ่ง ร.ต.ซึม ซ็อมแอง เป็นบุคคลที่มีอาการพิษสุราเรื้อรัง และเสียสติ จากความเครียดในระหว่างการทำการรบ โดยก่อนส่งตัวกลับ ร.ต.ซึม ซ็อมแอง ได้ทำเอกสารสัญญาว่า… จะไม่เข้าทำการรบอีก ตามที่เขาลงนามเอาไว้”
“ ระหว่างการถูกควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ฯของไทย ได้จัดหารองเท้าให้ใส่อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมใส่ จนฝ่ายกัมพูชามีการไปออกข่าวบิดเบือนว่าเรากลั่นแกล้งไม่ให้ใส่รองเท้าอีกด้วย”

“การที่ กัมพูชา มีการนำบุคคลที่มีอาการทาง จิตเวช เสียสติ หรือ สภาพจิตใจไม่ปกติ มาเข้าทำการรบ ถือว่า เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง และการกระทำเยี่ยงนี้ ยิ่งเป็นที่ย้ำชัดเลยว่า การปล่อยตัวเชลยศึกที่เหลืออีก 18 ราย ไม่สามารถกระทำได้ จนกว่า ความเป็นปรปักษ์จะสิ้นสุดต่อกัน”

ทั้งนี้ หลักการสากลที่เกี่ยวข้อง

  1. อดีตเชลยศึกไม่ควรถูกบังคับกลับเข้าสู่การรบโดยทันที หลังการปล่อยตัว ตามอนุสัญญาเจนีวา
  2. บุคคลที่มีภาวะปัญหาสุขภาพจิตหรือสงสัยว่ามีอาการ PTSD ถือว่าเป็นผู้เปราะบาง (Vulnerable person)
  1. การนำผู้ป่วยหรือผู้สงสัยว่าป่วยทางจิตเข้าสู่สนามรบโดยไม่ผ่านการรักษาและประเมินความพร้อม ถือเป็นการเสี่ยงต่อชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
  2. การใช้งานทหารหรือบุคคลในสภาพ ไม่พร้อมรบทางกายหรือทางจิตใจ อาจเข้าข่าย การละเมิดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ตามมาตรฐานสากลด้านความมั่นคงและมนุษยธรรม การนำบุคคลที่มีภาวะผิดปกติทางจิต หรือสงสัยว่า มีอาการ PTSD กลับไปปฏิบัติการรบ โดยไม่ได้รับการรักษา และประเมินความพร้อมอย่างเป็นทางการ ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม และอาจเข้าข่ายไม่เป็นมนุษยธรรม
    ภาพ/ข่าว : กองทัพภาคที่ 2 เดวิท โชคชัย รายงาน

ปค.ชุดสิงห์เมืองมุก บุกจับหนุ่มผึ่งแดดค้ายาบ้า ศป.ปส.อ.เมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ขับเคลื่อนนโยบาย รวมพลัง รักศรัทธา แก้ปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ “Quick Big Win”

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.30 น. นายชายสิทธิ์ สุวรรณโชติ นายอำเภอเมืองมุกดาหาร / ผอ.ศป.ปส.อ.เมืองมุกดาหาร สั่งการให้ นายหมวดเอกดนุภพ รองไชย ปลัดอำเภอ (หัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง) และนางสาวธัญญารัตน์ เหล่าบุตรศรี ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง

นำชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองมุกดาหาร (สิงห์เมืองมุก) พร้อมสมาชิก อส. ร้อย อส.อ.เมืองมุกดาหาร 2 และฝ่ายปกครองตำบลดงมอน ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับร้องเรียนว่ามีบุคคลเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ตำบลผึ่งแดด อำเภอเมืองมุกดาหาร

จากการตรวจสอบสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 6 เม็ด โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่าจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ผึ่งแดด อำเภอเมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศปปส #QuickBigWin #ยาเสพติด #อำเภอเมืองมุกดาหาร #สิงห์เมืองมุก #ฝ่ายปกครอง #ผึ่งแดด #มุกดาหาร #รวมพลังต้านยาเสพติด #หยุดยานรก_///ภาพ/ข่าว เดวิท – ธวัชชัย โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.เมืองชุมพร ตั้งจุดสกัดเข้ม แก้ปัญหากลุ่มวัยรุ่นขับรถเสียงดัง/กระบะชนจยย. ดับ 1 สาหัส 1 “ความประมาทแลกชีวิตคน”/วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ “ตา–ยายวัย 80 ปี”

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514วันนี้ (16 พ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร ได้สนธิกำลังออกตั้งจุดสกัดบริเวณทางขึ้นเขาพาง ตำบลหาดพันไกร ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่า มีกลุ่มเยาวชนรวมตัวขับขี่รถจักรยานยนต์แต่งท่อ ส่งเสียงดังรบกวนในช่วงกลางคืน และก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทางโดยเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังเข้าดำเนินการกวดขันวินัยจราจร ตรวจสอบรถต้องสงสัย รวมถึงควบคุมความเรียบร้อยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อยับยั้งพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อาศัยบริเวณดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ระบุว่าการตั้งจุดสกัดครั้งนี้เป็นมาตรการต่อเนื่อง และจะเพิ่มความถี่ในการออกตรวจตรา เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
คำแนะนำประชาชนสภ.เมืองชุมพร ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวขับขี่รถจักรยานยนต์แต่งท่อเสียงดัง แข่งรถ หรือประพฤติเสี่ยงอันตรายบนท้องถนน ขอให้รีบแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 191 หรือแจ้งตรงที่ สภ.เมืองชุมพร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการได้อย่างทันท่วงที พร้อมขอให้ประชาชนตรวจสอบความเรียบร้อยของรถและปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนถนนร่วมกัน

กระบะชนจยย. ดับคาที่ 1 สาหัส 1 “ความประมาทเสี้ยววินาที แลกชีวิตคน”
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514
เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ร.ต.ต.นฤพล ชูช่วย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งเหตุรถกระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ บริเวณยูเทิร์นป้อมตำรวจปฐมพร ถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 484 ขาล่องใต้ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ทราบ ก่อนนำกำลังพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ–กู้ภัยสายชลรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบชายผู้บาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน อาการสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาล ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสีดำ–แดง ทะเบียน กรษ 349 ชุมพร ตกอยู่ในร่องกลางถนน ห่างจากจุดพบผู้บาดเจ็บกว่า 5 เมตรห่างออกไป 200 เมตร พบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรั้ว สีขาว–ดำ ทะเบียน บท 2187 ยะลา บรรทุกผักเต็มคันจอดอยู่ริมถนน ใต้ท้องรถพบร่างหญิ่งอีกหนึ่งราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างออกมา พบว่า เสียชีวิตแล้วคาที่ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่ทราบชื่อ

นายกัมพล หิมวังทอง อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.บางไผ่ ระบุว่าผู้ตายเป็นแรงงานชาวลาว ช่วยงานเฝ้าสวนให้กับนายจ้าง คาดว่าขี่รถออกมาซื้ออาหารและจะไปฉีดยาที่โรงพยาบาลเนื่องจากถูกสุนัขกัดเมื่อช่วงกลางวัน ก่อนเกิดเหตุสลดในครั้งนี้ ด้าน นายอิมรอน สะเตาะ อายุ 23 ปี คนขับรถกระบะ ให้การว่า ขับรถขนผักมาจากจังหวัดราชบุรี มุ่งหน้าไปส่งที่จังหวัดปัตตานี เมื่อมาถึงหน้าศูนย์ฮอนด้าชุมพร

จู่ ๆ มีสามีภรรยาขี่รถจักรยานยนต์ออกจากยูเทิร์นปาดหน้าเข้ามากะทันหัน แม้ได้บีบแตรและพยายามหักหลบ แต่ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน เนื่องจากวิ่งมาประมาณ 90 กม./ชม. จึงพุ่งชนอย่างจัง ร.ต.ต.นฤพล ชูช่วย อยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สภ.เมืองชุมพร ขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน การขับออกจากยูเทิร์น ต้องแน่ใจว่าปลอดภัยเสมอ การประมาทเพียงเสี้ยววินาที อาจทำให้คนหนึ่งต้องตาย อีกคนต้องพิการ และครอบครัวต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต ขับรถช้า–ชิดซ้าย–มีวินัยบนท้องถนน… ชีวิตคุณและคนอื่นสำคัญเสมอ

วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ “ตา–ยายวัย 80 ปี” อาศัยบ้านเช่ารถไฟตามลำพัง ตามองไม่เห็น – ยายหูตึง ป่วยหลายโรค ชีวิตลำบากหนัก

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบชีวิตความเป็นอยู่ของ คุณตานพ ทองเกลี้ยง อายุ 79 ปี และ คุณยายถนอม ทองเกลี้ยง อายุ 80 ปี คู่สามีภรรยาวัยชรา ที่อาศัยอยู่ตามลำพังในบ้านเช่ารถไฟ เลขที่ 411/2 หมู่ 5 ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร โดยได้รับอนุเคราะห์ให้พักอาศัยฟรีจากเจ้าหน้าที่การรถไฟ แต่ต้องรับผิดชอบค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500 บาท

สภาพความเป็นอยู่ของทั้งสองน่าเวทนาอย่างยิ่ง คุณตามองไม่เห็นมานานกว่า 5–6 เดือน ทำให้ไม่สามารถทำงานหรือออกไปไหนได้เหมือนในอดีตที่เคยเก็บของเก่าขายประทังชีวิต ขณะที่ คุณยายหูตึงแทบไม่ได้ยินเสียง และยังมีโรคประจำตัวหลายอย่าง ทำให้การรักษาพยาบาลเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ลูกของตายายมี 2 คน ต่างเดินทางไปทำงานรับจ้างในต่างพื้นที่ ฐานะฝืดเคืองเช่นกัน จึงกลับมาเยี่ยมได้เป็นครั้งคราว และช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่าที่ทำได้ ทำให้ตายายต้องพึ่งพาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเล็กน้อยในการประทังชีวิต

ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวเล่าว่า เห็นความลำบากของตายายมานาน มักนำอาหารมาแบ่งปันให้เป็นระยะ แต่หลายครั้งก็อดสงสารไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องไปพบแพทย์ เนื่องจาก ตายายไม่สามารถเดินทางไปเองได้ การรักษาต่อเนื่องจึงยิ่งลำบากกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับคุณตา ซึ่งเล่าว่า “ตามองไม่เห็นมาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ก่อนยังเก็บของเก่าขายได้ พอมองไม่เห็นก็ทำงานไม่ได้เลย ถ้าออกไปไหนก็กลัวถูกรถชน ส่วนยายก็ป่วย เดินเหินไม่สะดวก รายได้มีแค่เบี้ยคนชราเท่านั้น เลยอยากวอนหน่วยงานหรือคนใจบุญช่วยเหลือบ้างครับ”

ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้สื่อข่าวขอเป็นสื่อกลางประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานรัฐ องค์กรการกุศล และผู้มีจิตศรัทธา หากประสงค์ช่วยเหลือด้านอาหาร ยารักษาโรค หรือสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำเป็น สามารถร่วมบริจาคได้โดยตรงที่บัญชี ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี “นาย นพ ทองเกลี้ยง” หมายเลข 020177651062 ชุมชนในพื้นที่หวังว่าข่าวนี้จะช่วยให้สองตายายวัยชราที่กำลังลำบาก ได้รับการดูแลและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในบั้นปลายชีวิต.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผวจ.ศรีสะเกษ สมโภชศาลหลักเมืองปรางค์กู่ และเฉลิมฉลองวันสถาปนาอำเภอปรางค์กู่ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว ชูเมืองน่าเที่ยว

***เมื่อวันนี้ 16 พ.ย. 68 ที่บริเวณหน้าศาลหลังเมืองปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ประธานเปิดโครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการท่องเที่ยว กิจกรรมสมโภชศาลหลักเมืองปรางค์กู่ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-20 พ.ย. 68 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอปรางค์กู่

เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาโบราณ ตลอดจนโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว

ให้มีคุณภาพ พร้อมผลักดันส่งเสริมด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์ โดยมี นายสุวรรณ เนตรเนติกุล นายอำเภอปรางค์กู่ นำหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับลักล่าวรายงาน

***โดยกิจกรรมหลังพิธีเปิดมีการนำนางรำกว่า 800 คน มาร่วมรำถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 68 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ภายในงานระหว่างวันที่ 15-20 พ.ย. 68 จะมีการจัด

จำหน่ายสินค้าสินค้า OTOP ของดีในอำเภอปรางค์กู่ และของดีของจังหวัดศรีสะเกษ กิจกรรมการประกวดผลผลิตทางการเกษตร กล้วยน้ำว้า มะพร้าวน้ำหอม กิจกรรมร้องเพลงลูกทุ่งประกอบห่างเครื่อง กิจกรรมการประกวดไก่พื้นเมืองสวยงาม กิจกรรมการประกวดอาหารพื้นถิ่น
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง