สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการชลประทานเชียงใหม่ เข้าร่วมการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำและหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งเชียงใหม่และลำพูน วางแผนป้องกันภัยแล้ง

วันพุธ ที่ 3 ธ.ค. 68 นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2569 พื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน) โดยมี นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1, นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่, นายจิรชัย พัฒนพงศา ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 1, นายสุภรณ์วัฒน์ สุรการ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำพูน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชลประทาน กลุ่มผู้ใช้น้ำเชียงใหม่ และลำพูน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 1 ถนนทุ่งโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นายจิรชัย พัฒนพงศา ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวว่า ปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยของประเทศไทยในปี 2568 สูงกว่าปกติ 9 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ลานีญา ปัจจุบันเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีน้ำก็บกัก 279.327 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 105.41 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าปี 67 ประมาณ 1.164 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 0.41 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำเก็บกัก 255.827 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 97.27 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปี 67 ประมาณ 37.122 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 16.97 เปอร์เซ็นต์ อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ปีนี้มีปริมาณน้ำเต็มเก็บกักเต็มความจุ พร้อมกันนี้ได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำ ส่งน้ำเป็นรอบเวร โดยจะเริ่มส่งน้ำก้อนแรก ในวันที่ 2 ม.ค. 69 ไปสิ้นสุดวันสุดท้าย 28 พ.ค. 69 รวม 21 รอบเวร อัตราการส่งน้ำรวมทั้งหมด 80 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งปีนี้ได้ส่งน้ำน้อยกว่าปีทีที่ผ่านมา ในปี 67/68 ที่ผ่านมา ได้ส่งน้ำ 21 รอบเวร ปริมาณน้ำรวม 91.41 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงยังคงมีปริมาณมาก

นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวว่า พื้นที่สองฝั่งแม่น้ำปิงตอนบน ตั้งแต่ด้านท้ายฝายแม่แฝกจนถึงบริเวณเหนือเขื่อนภูมิพล มีความต้องการใช้น้ำจากแม่น้ำปิงมากขึ้นในด้านอุปโภค-บริโภค (ประปา) และด้านการเกษตร แต่แม่ม่น้ำปิงมีปริมาณต้นทุนจำกัดโดยเฉพาะฤดูแล้ง จึงจำเป็นต้องส่งน้ำจากเขื่อนแม่งัดฯ ให้การสนับสนุนเป็นประจำทุกปี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำปิงตอนบนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมดำเนินการตามมาตรการของสำนักงานชลประทานที่ 1 ในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ประหยัดน้ำเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้กรณีฝนทิ้งช่วงในฤดูฝนหรือต่อเนื่องไปในฤดูแล้งปีถัดไป จึงได้มีการจัดการประชุมในวันนี้

พร้มดำเนินการตามนโยบายของกรมชลประทาน และแผนการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดที่ทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้วางไว้ 6 มาตรการ คือ 1.ประตูระบายน้ำ/ฝาย เปิด รับน้ำเฉพาะการอุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ตามแผนการเพาะปลูกและจัดสรรน้ำที่กำหนดไว้เท่านั้น 2.จะรักษาเสถียรภาพของตลิ่งลำน้ำปิง เพื่อความมั่นคงของตลิ่ง และควบคุมการปิดกั้นทางน้ำที่จะเป็นอุปสรรคในการบริหารจัดการน้ำ 3.เฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำ คู คลองและแหล่งน้ำต่างๆ 4.การประปาส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น สูบน้ำได้ตามปกติ 5.ขอความร่วมมืองดเลี้ยงปลาในกระชังในแม่น้ำปิงและในระบบชลประทาน (คลองส่งน้ำ/เหมืองส่งน้ำ) และ 6.ขอความร่วมมือสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเพื่อการเกษตร สูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกตามปฏิทินการสูบน้ำที่ได้วางแผนรอบเวรไว้แล้ว

มีการจัดทำแผนที่และข้อมูลเจ้าหน้าที่ พร้อมเบอร์โทรของผู้ดูแลในส่วนงานต่างๆ อย่างชัดเจน ทั้งฝาย ประตูระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำ รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำกลุ่มต่างๆ เพื่อให้การบริหารน้ำและการประสานงานได้สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก่อนส่งน้ำได้ให้กลุ่มผู้ใช้น้ำติดตามข่าวสถานการณ์น้ำต้นทุน เพื่อวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ทางกลุ่มไลน์ “ลุ่ม น้ำปิง” พร้อมแจ้งความต้องการเพาะปลูกพืชให้เจ้าหน้าที่ เพื่อวางแผนการเพาะ

ปลูกและแผนการส่งน้ำ ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนและความต้องการ ร่วมประชุมชี้แจงแผนการบริหารจัดการน้ำประจำปี เพื่อร่วมจัดทำข้อตกลงการส่งน้ำและการใช้น้ำร่วมกัน ส่วนช่วงระหว่างส่งนน้ำ ในพื้นที่เพาะปลูกพืชให้เป็นไปตามแผนฯ ใช้น้ำตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด แจ้งผลการส่งน้ำ และช่วยติดตามแก้ไขปัญหาการส่งน้ำร่วมกับเจ้าหน้าที่ และสามารถขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำฯ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และหลังส่งน้ำ จะมีการแจ้งผลความก้าวหน้าการเพาะปลูกพืช / ผลผลิต เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบและเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป…

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โคราชระดมพลังน้ำใจ ส่งขบวนสิ่งของกว่า 8 พันกิโลและเงินบริจาค 8.7 แสน ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ขึ้น C-130 ลำเลียงสู่หาดใหญ่

ที่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 จังหวัดนครราชสีมา นาย อนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานปล่อยขบวนลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ หลังจังหวัดนครราชสีมาเปิดศูนย์รับบริจาคตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงองค์กรการกุศล ที่ร่วมบริจาคสิ่งของและเงินช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

สำหรับสิ่งของที่ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมบริจาค ประกอบด้วย ข้าวสาร 6,500 กิโลกรัม น้ำดื่ม 7,600 แพ็ค อาหารสำเร็จรูปและปลากระป๋อง 4,350 ลัง เสื้อผ้า–เครื่องนุ่งห่ม 1,860 ลัง รวมถึง เงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นจำนวนทั้งสิ้น 875,051.92 บาท ซึ่งได้ผ่านการรวบรวมและจัดลำเลียงเพื่อส่งมอบต่ออย่างเป็นระบบ

จังหวัดนครราชสีมาได้ประสานการลำเลียงสิ่งของจากโคราชไปยัง ที่ว่าการอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เพื่อจัดเตรียมนำขึ้นเครื่องบินลำเลียง C-130 ของกองทัพอากาศ จากสนามบินฝูงบิน 237 (น้ำพอง) ส่งตรงไปยังสนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนกระจายต่อให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ของภาคใต้

ทั้งนี้ การดำเนินการเป็นไปด้วยความร่วมมือใกล้ชิดจากหน่วยงานในพื้นที่ โดยมี
นางสาววรางคณา ถนอมวงษ์ ผู้อำนวยการส่วนฝึกอบรม ศูนย์ปภ.เขต 5 นครราชสีมา ,นายกฤษฏิ์ พูนเกษม เป็นหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา

และ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา (ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา) ร่วมอำนวยความสะดวกและกำกับดูแลกระบวนการลำเลียงสิ่งของทั้งหมด เพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้เป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด จังหวัดนครราชสีมายืนยันจะเดินหน้ารวบรวมความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณทุกน้ำใจจากชาวโคราชที่ร่วมกันส่งต่อพลังแห่งความห่วงใยสู่ผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้.

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมุทรปราการ ส่งกำลังสมาชิก อส.ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา

จังหวัดสมุทรปราการ ส่งกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรปราการ

ปล่อยแถวกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 12 นาย เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้โอวาทแก่ สมาชิก อส.ที่ไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของจังหวัดสมุทรปราการว่า ขอปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ

เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด และปฏิบัติภารกิจด้วยความระมัดระวังคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและของตนเอง และขอให้การเดินทางไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ของสมาชิก อส.จังหวัดสมุทรปราการมีความปลอดภัย และขอให้การเดินทางกลับมีความปลอดภัยเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น

นอกจากนี้สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ โดยนางสาวอรวรรณ ชิณศรี นายกล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ ได้ตั้งจุดรับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดภาคใต้

ณ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ โดยมี หน่วยงานราชการ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินและสิ่งของ อาทิ น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง อาหารพร้อมรับประทาน นม นมผงสำหรับเด็ก แพมเพอร์ส สำหรับเด็กและผู้ใหญ่

สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ไม่สะดวกบริจาคเป็นสิ่งของ สามารถบริจาคเป็นเงิน ผ่านบัญชีสภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ประเภทบัญชี กระแสรายวัน เลขที่บัญชี 045 3 04637 0 โดยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าวจัดงาน “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ และงานกาชาดจังหวัดชุมพร ประจำปี 2568 คึกคัก

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 3 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณพระตำหนักเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานแถลงข่าวการ

จัดงานเทิดพระเกียรติพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และงานกาชาดจังหวัดชุมพร ประจำปี 2568 พร้อมด้วยนางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร หัวหน้าส่วนราชการ และสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า งานเทิดพระเกียรติฯ และงานกาชาดจังหวัดชุมพร เป็นงานประจำปีที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2528 เพื่อรำลึกถึงพระเกียรติคุณของ “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ

เนื่องในวันคล้ายวันประสูติวันที่ 19 ธันวาคม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว เผยแพร่ของดีจังหวัดชุมพร และหารายได้ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยและผู้ด้อยโอกาส ผ่านภารกิจของเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร

สำหรับปี 2568 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 18–26 ธันวาคม 2568 ณ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร โดยปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี พร้อมการมีส่วนร่วมของชุมชนทุกอำเภอในจังหวัด

ไฮไลต์สำคัญ วันที่ 19 ธันวาคม 2568
• พิธีเจริญพระพุทธมนต์
• พิธีบวงสรวง
• พิธีเปลี่ยนธงราชนาวี
• การแสดงรำเทิดพระเกียรติจากนางรำกว่า 2,000 คน

ถือเป็นกิจกรรมเชิดชูพระเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกิจกรรมหนึ่งของชุมพร
• ขบวนแห่เทิดพระเกียรติฯ และขบวนของดีชุมพรช่วงบ่าย
• พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในช่วงค่ำ บริเวณเวทีหลักภายในงาน

กิจกรรมภายในงานที่น่าสนใจ
• การประกวดร้องเพลง วันที่ 20 ธ.ค.
• การประกวด Miss Chumphon 2025 วันที่ 23 ธ.ค.
• การออกรางวัลสลากกาชาดจังหวัดชุมพร วันที่ 26 ธ.ค. ชิงรางวัลใหญ่รถกระบะ TOYOTA HILUX REVO 4 ประตู พร้อมของรางวัลอีกมากมาย
• การออกร้าน OTOP ภายใต้แนวคิด

“เทิดพระเกียรติองค์อาภากร เสน่ห์ OTOP ชุมพร ภูมิปัญญาไทย สู่กาชาดชุมพร 2568”
• นิทรรศการจากหน่วยงานรัฐและเอกชน
• การแข่งขันและสาธิตด้านการเกษตร
• กิจกรรม “ดริปหรอย” ชิมกาแฟชุมพร
• ชิมเมนูสร้างสรรค์ “จิ้งหรีดหม่าล่า & สุกี้”
• ไฮไลต์การแข่งขันสุดฮือฮา “ศึกชิงแชมป์จ้าวนักดูด & ดื่ม (นม)” จังหวัดชุมพร

ด้านความบันเทิง มีการแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงท้องถิ่น และคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดังหมุนเวียนขึ้นเวทีกลางทุกคืน รวมถึงกิจกรรมจากบูธเอกชนตลอดทั้งงาน คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดและจากต่างพื้นที่ สร้างรายได้หมุนเวียนให้จังหวัดชุมพรจำนวนมาก

จังหวัดชุมพรขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมงานใหญ่ปลายปี เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ สนับสนุนภารกิจของกาชาด และร่วมสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นอันงดงามของเมืองชุมพรอีกด้วย.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /ปากคาดคึกคัก! จัดกีฬาเยาวชนฉลองครบรอบ 47 ปี / ศรัทธารวมใจ 50 ปี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จะจัดกิจกรรม “เดิน–วิ่ง รวมใจเพื่อผู้ประสบภัยจากช้างป่า ครั้งที่ 3” อ.บุ่งคล้าจ.บึงกาฬ

เป็นไปตามคาด…บรรยากาศความสุขล้นอำเภอปากคาด เมื่อ นายวุฒิชัย ชัยภูวนารถ นายอำเภอปากคาด เป็นประธานให้โอวาทแก่นักกีฬา

ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลเยาวชนประชาชนหญิง และ ฟุตบอล 7 คน รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เนื่องในโอกาสวันสถาปนาอำเภอปากคาด ครบรอบ 47 ปี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1–4 ธันวาคม 2568

กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นเวทีกีฬาที่สร้างทั้ง คุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ให้กับพื้นที่อย่างแท้จริง ด้วยการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพ เสริมสร้างสุขภาพ และสร้างความสามัคคีของคนในชุมชน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ อำเภอพรเจริญ ก็ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดการแข่งขันกีฬาฉลองวันสถาปนาอำเภออย่างคึกคักเช่นกัน สะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของพื้นที่ในการพัฒนากีฬาอย่างต่อเนื่อง

ด้าน สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ ได้บูรณาการนำเจ้าหน้าที่พลศึกษาลงพื้นที่สนับสนุนภารกิจของนายอำเภอทั้งสองอำเภอ เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาชุมชนและ

เยาวชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย สอดคล้องกับ แผนพัฒนาการกีฬาชาติ ฉบับที่ 7 ภายใต้การขับเคลื่อนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ภาพ/ข่าว ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

ประชุมศรัทธารวมใจ 50 ปี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จัดกิจกรรม “เดิน–วิ่ง รวมใจเพื่อผู้ประสบภัยจากช้างป่า ครั้งที่ 3”อ.บุ่งคล้าจ.บึงกาฬ

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ที่ห้องประชุมศรัทธารวมใจ 50 ปีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ นายคมกฤต บุญทอง นายอำเภอบุ่งคล้า เป็นประธานประชุมเตรียมความ

พร้อมการจัดกิจกรรม “เดิน–วิ่ง รวมใจเพื่อผู้ประสบภัยจากช้างป่า ครั้งที่ 3” โดยมีหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะทำงานแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน รวมทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว เข้าร่วมประชุมเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ดำเนินโดย คณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากช้างป่าอำเภอบุ่งคล้า และภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุช้างป่า พร้อมส่งเสริมการรับรู้ด้านการอนุรักษ์และอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าอย่างสมดุล

กิจกรรม เดิน–วิ่ง รวมใจเพื่อผู้ประสบภัยจากช้างป่า ครั้งที่ 3 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ณ บริเวณ สะพานกิ้งกำ – เสาค้ำบ้านชูเมือง อำเภอบุ่งคล้า ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านบุ่งคล้า ตำบลบุ่งคล้า และที่ สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บ้านขามเปี้ย ตำบลบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ

โดยที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแนวทางบริหารจัดการเส้นทางวิ่ง มาตรการด้านความปลอดภัย การแพทย์ฉุกเฉิน การอำนวยความสะดวกผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตลอดจนการประสานงานระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่

ภาพ/ข่าว ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “เกษตรจังหวัดน่านจับมือเลมอนฟาร์ม ดันส้มสีทองเข้าตลาด Modern Trade”

วันที่ 2 ธันวาคม 2568 นายศักดิ์สิทธิ์ ศรีวิชัย เกษตรจังหวัดน่าน มอบหมายให้นายธนัย บุญมาธิวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร

พร้อมด้วยนางสาวพัชราภรณ์ บุญมา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และนางสาวนฤมล อำพร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ

กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ดำเนินการส่งเสริมและขับเคลื่อนการตลาดผลผลิตส้มของกลุ่มแปลงใหญ่ส้มเขียวหวานที่สูงตำบลสะเนียน โดยเชื่อมโยงผลผลิตเข้าสู่ตลาด Modern Trade กับร้านเลมอนฟาร์ม

ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ร่วมรับซื้อผลผลิตมาตลอดระยะเวลา 1 ปี สร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาตลาดในปี 2569 ได้กำหนดแนวปฏิบัติสำคัญ ได้แก่

  1. การคัดคุณภาพผลผลิตอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ส้มคุณภาพดีตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ
  2. การจัดการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสียหายของผลผลิต และส่งมอบสินค้าได้ทันตามกำหนด
  3. การรักษามาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยอาหาร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและคู่ค้า ทั้งนี้ เลมอนฟาร์มยังได้ดำเนินการ “ตรวจสอบย้อนกลับ” ทุกครั้งที่พบผลผลิตไม่เป็นไปตามคุณภาพที่กำหนด เพื่อร่วมแก้ไขและพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น เป็นการยกระดับมาตรฐานผลผลิตส้มสะเนียนสู่ตลาดสุขภาพระดับประเทศ ณ กลุ่มแปลงใหญ่ส้มเขียวหวานที่สูงตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ยกเครื่องระบบสุขภาพปฐมภูมิ “Korat Model”“นายกหน่อย” หัวเรือใหญ่ ตั้งโต๊ะ!! Brainstormเปิดเวที ถกทิศทางออกแบบงานด้านสาธารณสุขอย่างมีส่วนร่วม

อบจ.โคราช – หน่วยงานสาธารณสุข ร่วมเวทีถกทิศทางเดินหน้าระบบสุขภาพปฐมภูมิ ด้าน “นายกหน่อย – ยลดาฯ” นั่งหัวโต๊ะ เปิดประเด็นการมีส่วนร่วมแบบ “บัดดี้” ยก สสจ.โคราช เป็นพี่เลี้ยง พร้อม โรงพยาบาลอำเภอ ร่วมออกแบบงานด้านสาธารณสุข เพื่อขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ “Korat Model” ที่จะส่งผลให้ประชาชนคนโคราชมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ย้ำ!! อบจ. จะช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะตรงนี้ถือเป็นงานใหม่ที่ท้าทาย!!

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ โรงแรมเดอะริช นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา, นพ.วิชาญ คิดเห็น นพ.สสจ.นครราชสีมา นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายก อบจ. นายวุฒิชัย วงค์ปัญโญ ปลัด อบจ. และ นพ.สุผล ตติยนันทพร ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข พร้อมด้วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำอำเภอ(รพช.) 32 แห่ง, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ หน่วยงานสาธารณสุข ใน จ.นครราชสีมา ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ “Korat Model”

เพื่อหารือการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนามาตรฐานบริการ การจัดบริการระบบสุขภาพ การจัดการทรัพยากรในระบบสุขภาพ ระดมแนวคิดออกแบบงานด้านสาธารณสุขอย่างมีส่วนร่วม โดยเฉพาะด้านงานโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs) งานสุขภาพช่องปาก รวมถึงการพัฒนาและแลกเปลี่ยนระบบข้อมูลสารสนเทศด้านสาธารณสุข นำมาสู่การจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนในระดับจังหวัดและคณะกรรมการขับเคลื่อนในระดับอำเภอ เพื่อเกิดการขับเคลื่อนงานร่วมกันอย่างยั่งยืน

ซึ่งกว่า 3 ปี ที่ อบจ.นครราชสีมา ได้มีการถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) จำนวน 182 แห่ง และต้องดูแลงานด้านสาธารณสุข พัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ในภาพรวมของจังหวัดทั้งหมด โดยที่ทุกภาคส่วนต้องดูแลและรับผิดชอบร่วมกัน ทำให้เกิด Model ความร่วมมือ ที่จะส่งผลให้ประชาชนคนโคราชมีสุขภาพกายและใจแข็งแรง ห่างไกลภาวะซึมเศร้าและโรคจิตเวช อบจ. จะช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะตรงนี้ถือเป็นงานใหม่ที่ท้าทาย แต่เพื่อประชาชน เราจะตกผลึกและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สิ่งสำคัญคือการร่วมมือกัน อบจ. เป็นท้องถิ่น สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราก็พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางที่ดี ภายใต้การทำงานเป็นทีม เราจะนำเสียงสะท้อนของประชาชนมาขับเคลื่อนการทำงาน โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพที่ต้องทำร่วมกัน การป้องกันโรค การรักษาระดับปฐมภูมิ การฟื้นฟู และ End-of-Life Care

นอกจากนี้ อบจ.นครราชสีมา ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 9 นครราชสีมา และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน ปัจจุบันมีทั้งหมด 44 แห่ง มีการทำงานเติมเต็มระบบฟื้นฟูสุขภาพประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลด้วยมาตรฐาน การจัดบริการดูแลในเขตบริการของ รพ.สต. ในสังกัด อบจ. การฟื้นฟูชุมชน นอกจากนี้ อบจ. ยังมีนโยบายที่จะจัดส่งรถโมบายเคลื่อนที่ให้บริการด้านสาธารณสุขในชุมชน ประชาชนได้เข้าถึงการบริการของรัฐ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และลดความแออัดในโรงพยาบาล ภายใต้การดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขแบบบูรณาการ เพราะ “สุขภาพคนโคราชต้องดีไปด้วยกัน”

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รองพ่อเมืองสุโขทัย นายอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย แถลงข่าวเชิญชวนมาเที่ยวงาน “ย้อนอดีตศรีสัชนาลัย นุ่งผ้าไทย ใส่เงิน ทอง ลายโบราณ สืบสานวัฒนธรรม อันล้ำค่า “ประจำปี พ.ศ.2568

เมื่อเวลา 08.30น.ของวันที่2ธ.ค.2568ณ.หอประชุม อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย นาย สมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้มาเป็นประธานจัดการแถลงข่าวการจัดงาน “ย้อนอดีตศรีสัชนาลัย นุ่งผ้าไทย ใส่เงิน ทอง ลายโบราณ สืบสานวัฒนธรรม อันล้ำค่า”ประจำปี พ.ศ.2568 ระหว่างวันที่ 6-10 ธันวาคม2568 ณ.อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้ นาย เอกสิฏฐ์ วิไลศิลป์นายอำเภอ ศรีสัชนาลัยได้กล่าวถึง

วัตถุประสงค์อดีตความเป็นมาของงานพร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดพร้อมชาวต่างชาติด้วย อนึ่งงานแถลงข่าวนี้ได้มี หัวหน้าส่วน การท่องเที่ยวจังหวัดวัฒนธรรมจังหวัด นายกเทศมนตรี อพท.พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ ท้องถิ่นและท้องที่ นายกเทศมนตรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้านโดยทั้งนี้ได้มีสื่อสารมวลชนจากหลายสำนักเข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย. อนึ่งภายในงานนี้ทางอำเภอ

ได้จัดกิจกรรมอย่างมากมายอาทิ.การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์OTOP ผ้าไทยพื้นเมือง เงิน ทองลายโบราณ ตลาดโบราณอาหารพื้นบ้าน ใครใคร่ค้า ค้า การจำลองวิถีชีวิต “หมู่บ้านวิถีไทย” การแสดงวัฒนธรรมชนเผ่าผ้าพื้นเมือง การแสดงประกอบ แสง สี เสียง(Light and Sound) เล่าเมืองศรีสัชนาลัย ณ.บริเวณวัดช้างล้อม การถวายคำอาลัยและจุดตะคัน

เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ.บริเวณวัดช้างล้อม ทั้งนี้.มีพิธีเปิดงานที่จัดอย่างอลังกาลในวันที่6ธค.2568โดยมีการจัดกิจกรรมตั้งแต่เวลา07.00น.โดยมีพิธีตักบาตรยามรุ่งอรุณณ.บริเวณบันไดทางขึ้นวัดเขาพนมเพลิงเป็นต้น.
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทลายแก๊งลักรถข้ามชาติ! ปูพรมจับ 8 ผู้ต้องหา ยึดรถจักรยานยนต์ 20 คัน เตรียมขนขายประเทศเพื่อนบ้าน

ตำรวจสมุทรปราการเปิดยุทธการกวาดล้างขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์รายใหญ่ ตระเวนลักรถหลายพื้นที่ก่อนรวบรวมส่งขายชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ได้ค่าหัวคันละ 20,000 บาท ยึดรถคืนได้ 20 คัน ผู้เสียหายบางรายถึงขั้นต้องกู้เงินออกรถใหม่ใช้ทั้งน้ำตา ขอบคุณตำรวจที่ติดตามคืนมาให้

วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ภายใต้นโยบายกวาดล้างอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการอำนวยการของ พลตำรวจตรี ภูมินทร์ สิงหสุต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกำลังตำรวจจากทุกโรงพักในพื้นที่ เปิดยุทธการไล่ล่าขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์รายสำคัญ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี ก่อนแกะรอยขยายผลนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหารวม 8 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเยาวชนถึง 3 ราย พร้อมยึดของกลางรถจักรยานยนต์รวม 20 คัน และรถตู้ที่ใช้ลำเลียงอีก 1 คัน

เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีหญิงไทยนำรถจักรยานยนต์จำนวน 8 คันมาฝากจอดในบ้านเลขที่ 170 หมู่ 8 ซอยมังกร–นาคดี 6 ถนนเทพารักษ์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จากนั้นไม่นานมีรถกระบะตู้ทึบเข้ามารับรถทั้งหมด แต่รถยังไม่มีป้ายทะเบียนและมีลักษณะผิดสังเกต เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและตรวจยึดรถทั้ง 8 คันไว้

ต่อมาตรวจสอบพบว่ารถจำนวนดังกล่าวถูกโจรกรรมมาจากพื้นที่ สภ.บางเสาธง 3 คัน สภ.บางพลี 2 คัน สภ.บางปู 2 คัน และอีก 1 คันอยู่ระหว่างตรวจสอบ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการจึงลงพื้นที่สืบสวนต่อเนื่อง จนทราบตัวผู้ต้องสงสัยและขอศาลออกหมายจับได้ 1 ราย

การสืบสวนยังนำไปสู่การพบจุดพักรถโจรกรรมภายในหอพักสุทิน แมนชั่น ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี ก่อนวางแผนเข้าปิดล้อมจับกุม สามารถรวบผู้ต้องหา 4 รายแรก ได้รถของกลางเพิ่มอีก 4 คัน จาก สภ.บางพลี และ สภ.คลองด่านเมื่อขยายผลต่อ พบโครงข่ายลักรถส่งขายให้ นายหน้า ฝั่งชายแดน โดยได้ค่าจ้างคันละราว 20,000 บาท ตำรวจจึงเปิดปฏิบัติการอีกระลอก ไล่จับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 ราย พร้อมยึดรถเพิ่มอีก 8 คัน รวมรถจักรยานยนต์ที่ยึดได้ทั้งหมด 20 คัน และรถตู้สีเทาทะเบียน นข 4216 กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้สำหรับลำเลียงรถที่โจรกรรม

ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การซัดทอดไปยังหญิงไทยวัยกลางคน ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ชายแดน เป็นผู้ว่าจ้างและเป็นนายหน้ารับซื้อรถเพื่อนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาที่จับกุมได้ประกอบด้วย น.ส.สมพิศ เจริญทัศน์ อายุ 44 ปี (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) / นายอำพล ศรีประสงค์ อายุ 33 ปี / เยาวชนชาย อายุ 13 ปี / เยาวชนชาย อายุ 16 ปี / เยาวชนชาย อายุ 16 ปี / นายเชิดชัย ศรีเชษฐา อายุ 35 ปี / นายณัฐวุฒิ แสนภูวา อายุ 34 ปี / และ นายณัฐพงษ์(หรือบอย) ทองพั้ว อายุ 29 ปี

นายวรภพ อายุ 43 ปี เดินทางมาดูรถที่ตำรวจตรวจยึดไว้ หลังได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า หลายวันก่อนรถตนหายที่ซอยวิทยุการบิน ตนแจ้งความไว้แล้ว วันนี้ตำรวจโทรมาบอกให้มาดูรถ พอเห็นก็รู้เลยว่าใช่รถตน ตนอยากเห็นหน้าคนร้าย เพราะทำให้เดือดร้อนมาก ต้องไปกู้เงินมาออกรถใหม่ไว้ขี่ทำงานไรเดอร์ ผ่อนทั้งเก่า ทั้งใหม่จนเป็นหนี้เป็นสิน ต้องขอบคุณตำรวจที่ช่วยติดตามรถคืนมาให้

พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ระบุถึงพฤติการณ์ของขบวนการนี้ว่า จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายตระเวนลักรถจักรยานยนต์ตามพื้นที่ต่าง ๆ ของสมุทรปราการ แล้วนำไปรวมไว้ที่จุดหนึ่งประมาณ 8–10 คัน ก่อนสับเปลี่ยนหมุนเวียนสำหรับการขนส่ง จากนั้นจะลำเลียงด้วยรถตู้ขึ้นภาคอีสานเพื่อนำออกขายต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำเช่นนี้เป็นประจำ เดือนหนึ่งหลายคัน การปฏิบัติการครั้งนี้มีผู้ต้องหา 8–10 ราย พบของกลางรวม 20 คัน และจะเดินหน้าขยายผลจับกุมเครือข่ายที่เหลือต่อไป

ทั้งนี้ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการฝากเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะคนร้ายใช้เวลาลงมือไม่ถึง 5 นาที พร้อมแนะนำไม่เก็บสำเนาทะเบียนรถไว้ใต้เบาะเพื่อป้องกันการนำไปใช้ประกอบการขายต่ออย่างผิดกฎหมาย หากพบเบาะแสลักรถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เทศบาลชุมแพ จัดแถลงข่าวการแข่งขันกีฬาฟุตบอล”ชุมแพคัพ”ครั้งที่ 33 ชิงถ้วยพระราชทานฯ 9-29 ธค. 2568

วันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 09.45 น. นายเสกสิทธิ์ สัธนะกุล นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองชุมแพ เป็นประธานพิธีจัดแถลงข่าวการแข่งขันกีฬาฟุตบอลประจำปี ชิงถ้วยพระราชทานพร้อมเงินรางวัล ” ชุมแพคัพ,” ครั้งที่ 33

การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทอายุไม่เกิน 12 ปีและประเภทประชาชนทั่วไป การแข่งขันเริ่มขึ้นระหว่าง 9-29 ธันวาคม 2568 ณ.สนามโรงเรียนเทศบาล 1(สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอุปถัมภ์)มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการกีฬา เพื่อให้เด็ก เยาวชนและประชาชน

ได้ออกกำลังกายโดยใช้กีฬาเป็นสื่อการกีฬาทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เป็นการส่งเสริมพัฒนาการกีฬาและเศรษฐกิจให้เจริญยั่งยืน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันจึงมีการจับฉลากแบ่งสาย

โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวเป็นสักขีพยาน พ.ต.ท.ดำรงศักดิ์ ศิริแก้ว สวป.สภ.ชุมแพ นางสาวรติมา สิริวรพิทักษ์ รองนายกฯ นายราชันย์ ดาวังปา ประธานกรรมการตัดสิน นายอาทิตย์ ถนอมทุน รองนายกฯ ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองชุมแพ หัวหน้าส่วนราชการและคณะสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน เสร็จภาระกิจจึงได้ปิดการแถลงข่าว

ภาพ/ข่าว กบชุมแพ

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง