สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เก๋งแม่ – ลูก เสียหลักชนต้นไม้ริมทาง เจ็บสาหัส 4 ราย คาดหลับใน

เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.วันที่ 11 พ.ย.68 พ.ต.ท.สุขาติ รุ่งเรือง รอง สารวัตรสอบสวน สภ.ทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถาน อำเภอทับสะแก เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายราย เหตุเกิดบริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาลงใต้ ช่วงระหว่างหลักกมที่ 361-362 หมู่ที่ 3 ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงพร้อมด้วยอาสา กู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองฯ กู้ชีพโรงพยาบาลทับสะแก กู้ชีพเทศบาลตำบลทับสะแก กู้ภัยตร.ทางหลวง นำรถพยาบาล และรถอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างไปตาวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่เกิดเหตุ

พบรถยนต์เก๋งสีแดง ยี่ฮ้อ นิสสัน มาร์ช สภาพด้านหน้าชนอัดติดกับต้นไม้ ตัวถังอัดติดเข้าอัดกับห้องโดยสาร มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นสุภาพสตรี 4 ราย ติดภายใน เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวน 4 ราย ออกมาอย่างทุลักทุเล พร้อมปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวทั้ง 4 ราย ส่งรักษายัง รพ.ทับสะแก

ทราบชื่อ 1.น.ส.จินดา เหมทานท์ อายุ 51 ปี ที่อยู่ 155/57 หมู่ 7 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา , 2.น.ส.พิชชาภา วิบูรณ์ธนโชติ อายุ
22 ปี ที่อยู่ 11/26 หมู่ 3 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป๋า จ.พังงา , 3.น.ส.พิชชาภรณ์
วิบูรณ์ธนโชติ อายุ 22 ปี ที่อยู่ 11/26 หมู่ 3 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และ 4.นางเพ็ญศิริ วิบูรณ์ธนโชติ อายุ 54 ปี สัญชาติ ไทย ที่อยู่ 155/57 หมู่ 7 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป้า จ.
พังงา

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่ารถเก๋งคันดังกล่าวได้ขับอยู่เลนขวาและจู่ๆ ก็เสียหลักแฉลบลงข้างทางซ้าย ชนต้นไม้อย่างแรงโดยไม่ได้เฉี่ยวรถคันอื่นจนได้รับความเสียหาย และได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าวตนเองก็รีบจอดรถและลงเข้ามาช่วยเหลือกันและแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยเหลือ จากการสอบถามคนขับ ทราบว่ากำลังกลับจากชลบุรี ไปบ้านที่พังงาและได้มาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

/////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พรรคโอกาสใหม่ ประชุมวิสามัญ เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ณ โรงแรมกรุงศรี ริเวอร์ อยุธยา

วันนี้ (12พ.ย.68) พรรคโอกาสใหม่ ประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1/2568 โดยมีวาระสำคัญ ได้แก่ การแก้ไขข้อบังคับพรรค การแก้ไขสัญลักษณ์พรรค การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ณ โรงแรมกรุงศรี ริเวอร์ อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยพรรคโอกาสใหม่ มีมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค 27 คน โดยเลือกให้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค และ นายธงชัย ลืออดุลย์ เป็นเลขาธิการพรรค

ขณะที่ นายจตุพร ประกาศพร้อมนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2569 ภายใต้สโลแกน “โอกาสสำหรับคนไทยทุกคน” โดยยืนยันว่า พรรคจะเป็นทางเลือกใหม่ที่เน้นการรวมตัวของคนทุกเจเนอเรชัน เพื่อผลักดันประเทศไทยให้กลับมามีศักยภาพบนเวทีโลกอีกครั้ง

พรรคโอกาสใหม่เกิดจากความตั้งใจที่จะสร้าง “พื้นที่แห่งโอกาส” ให้คนไทยทุกกลุ่ม โดยใช้ประสบการณ์จากการทำงานภาครัฐที่เข้าใจระบบราชการอย่างลึกซึ้ง ผสานกับความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ที่มองโลกในมุมใหม่ เพื่อออกแบบนโยบายที่ “ทำได้จริง และเห็นผลจริง”

สำหรับรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคโอกาสใหม่ มีดังนี้
1.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ หัวหน้าพรรค

  • อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    2.นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1
  • อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี
    3.นายวีระชัย นาคมาศ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2
  • อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    4.ดร.อนุสรี ทับสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3
  • อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    5.นายประยูร อินสกุล,รองหัวหน้าพรรคคนที่ 4
  • อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
    6.นายธงชัย ลืออดุลย์ เลขาธิการพรรค
  • อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดนครราชสีมา
    7.นายโสภณ ทองดี เหรัญญิกพรรค
  • อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
    8.นายรวินท์ ชอบใช้ นายทะเบียนสมาชิกพรรค
  • นักธุรกิจและเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่
    9.นายอรรทิตย์ฌาณ คูหาเรืองรอง โฆษกพรรค
  • พิธีกร ผู้ดำเนินรายการวิทยุและโทรทัศน์
    10.นางสาวรสรินทร์ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจพลังงานและอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม
    11.ดร.วัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    12.นายหมวดตรีสุธนพจน์ กิจธนาภิรักษ์ กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
    13.นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    14.นายอรรถพล จันทร์ศรี กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    15.นายธนเมธ วัฒนโกเมร กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    16.นางสาวโชติกาญจน์ บุญพรม กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    17.นายอิทธิเดช ธเนศวัฒนะ กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    18.นางสาวริกาณ์ ปุญทริกา กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    19.นางสาวรังรอง เข็มทอง กรรมการบริหารพรรค
  • นักธุรกิจ
    20.นายสิรวิทย์ ช่วงเสน กรรมการบริหารพรรค
  • นักสิทธิมนุษยชน
    21.นายกิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์ กรรมการบริหารพรรค
  • อดีตที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน กระทรวงแรงงาน
    22.นายสุธน อาณากุล กรรมการบริหารพรรค
  • อดีตผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร
    23.นายวัชรวิชย์ สุขวัฒนาภิรมย์ กรรมการบริหารพรรค
  • อดีตผู้อำนวยการกองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
    24.นายธนพนธ์ สิงหพันธุ์ กรรมการบริหารพรรค
  • เครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่
    25.นายธันวา พานิช กรรมการบริหารพรรค
  • เครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่
    26.นางสาวไตรลดา มั่งคั่ง กรรมการบริหารพรรค
  • เครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่
    27.นายณพวุฒิ จุลไสย, กรรมการบริหารพรรค
  • ครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ และอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย

โอกาสใหม่ | โอกาสสำหรับคนไทยทุกคน

พรรคโอกาสใหม่ #โอกาสสำหรับคนไทยทุกคน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ชายแดน ตรวจเยี่ยมความพร้อมรบของกำลังพล ในพื้นที่แนวชายแดนไทย–กัมพูชา/ มือยิงเจาะกะโหลกหนุ่มมุกดาหารดับคาบ้าน หลังหนีข้ามน้ำโขง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 / ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของกำลังพลในพื้นที่กองกำลังสุรนารี เพื่อประเมินสถานการณ์จริงในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เน้นย้ำให้

หน่วยในพื้นที่เสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยทุกมิติ ทั้งการลาดตระเวน การเฝ้าตรวจ การวิเคราะห์ข่าวกรอง และการปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังภัยคุกคามทุกรูปแบบ พร้อมยกระดับความพร้อมรบของกำลังพล เพื่อป้องกันเหตุร้ายและรักษาเสถียรภาพพื้นที่ชายแดนอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญ ต่อการปกป้องชีวิตกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ โดยสั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และยึดมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดโดยแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ได้เดินตรวจเยี่ยมการพัฒนาเส้นทางยุทธวิธีในพื้นที่ การปรับปรุงฐานที่มั่นให้มีความมั่นคงแข็งแรง และสอบถามสารทุกข์สุกดิบต่อกำลังพล ช่วยสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน

ในพื้นที่ชายแดนให้มีกำลังใจในการปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก ทั้งยังได้ให้แนวทางการปฏิบัติ โดยเน้นย้ำให้ยึดมั่นในอุดมการณ์ของทหาร ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ อดทน มีระเบียบวินัย และให้มีความพร้อมรบอยู่เสมอ สร้างขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลผู้ปฏิบัติงานในแนวหน้า เพื่อดำรงความพร้อมสูงสุดทุกสถานการณ์ ปกป้องอธิปไตยของชาติ และดูแลความปลอดภัย ของประชาชนให้มั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป

เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

รวบแล้ว! มือยิงเจาะกะโหลกหนุ่มมุกดาหารดับคาบ้าน หลังหนีข้ามน้ำโขง – ตำรวจคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคำ ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร, พ.ต.ท.ฉัตรมงคล บุญกลาง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองมุกดาหาร สั่งการให้ พ.ต.ท.เจษฎากร ไชยศรีหา สว.สส.สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น

โดยสามารถจับกุมตัว นายเทพพิทักษ์ ทองเภา อายุไม่ระบุ อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 6 ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ผู้ต้องหาตาม หมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ที่ จ.274/2568 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”

การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่สืบสวนแกะรอยและกดดันผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถติดตามจับได้ภายหลังจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายเทพพิทักษ์ไป ชี้จุดเกิดเหตุ จุดที่นำอาวุธปืนไปทิ้ง และจุดที่นำรถยนต์ที่ใช้ในการหลบหนีไปจอดทิ้งไว้ เพื่อประกอบคำรับสารภาพ จากนั้น ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับแล้วมือยิงหนุ่มมุกดาหาร #ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา #สภเมืองมุกดาหาร #คดีฆ่ามุกดาหาร #ข่าวอาชญากรรม #ตำรวจมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้/////ภาพ/ข่าว เดวิท – ธวัชชัย โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯสมุทรปราการ ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา วางแผนรับมือน้ำเหนือ–น้ำทะเลหนุน /“แนนซี่” ประธานชมรมโฮปฯ เยี่ยมน้องจูจิ ผู้ป่วย หลังอาการทรุด-สมองฝ่อ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ / น.ส.ดวงสมร พรช่วยกอบกุล ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทนนายอำเภอพระประแดง / นายพิศิษฐ์ รุ่งเรือง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง / ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ นายกเทศมนตรีเมืองปู่เจ้าสมิงพราย /

นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการเจ้าท่าจังหวัดสมุทรปราการ / พ.อ.ธนิวรรธณ์ คำกรุนันทกานต์ รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.จังหวัดสมุทรปราการ / และ พ.ต.อ.พยงค์ เอี่ยมสกุล ผกก.4 บก.รน.ตำรวจน้ำจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดสำคัญของ

ท่าเรือข้ามฝากและแพขนานยนต์ ที่ให้บริการประชาชนจากฝั่งอำเภอพระประแดงไปยังฝั่งถนนปู่เจ้าสมิงพราย ซึ่งในช่วงนี้มีระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุน ประกอบกับมวลน้ำเหนือที่ไหลลงมาสมทบและฝนตกในพื้นที่คณะผู้บริหารจังหวัดได้ร่วมลงเรือสำรวจแนวแม่น้ำ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

ได้ออกแนวทางปฏิบัติ 7 ข้อสำคัญ ได้แก่ 1.ให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลข่าวสาร จากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด / 2.เตรียมสิ่งของจำเป็น เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยา และอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า / 3.วางแผนเส้นทางเดินทาง

ให้รอบคอบก่อนออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย / 4.กำชับผู้ประกอบการเรือและแพขนานยนต์ ให้ตรวจสอบความปลอดภัย มีเสื้อชูชีพเพียงพอ และดูแลความมั่นคงของโป๊ะเทียบเรือ / 5.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร / 6.เตือนผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ให้ใช้ความระมัดระวังขณะสัญจรในพื้นที่น้ำท่วมขัง / 7.หากได้รับความเดือดร้อน ให้ติดต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งสายด่วน 1784 (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และ 192 (ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ) นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า “สมุทรปราการเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ปากอ่าว จึงได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน น้ำเหนือที่ไหลลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงฝนตกตามฤดูกาล ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อระดับน้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา”ผู้ว่าฯ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พบว่าคันกั้นน้ำบางส่วนชำรุดหรือไม่สมบูรณ์ ทางจังหวัดได้ประสานศูนย์ป้องกันภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เพื่อเร่งเสริมแนวคันกั้นน้ำและแก้ไขจุดเสี่ยงโดยด่วนด้าน ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ นายกเทศมนตรีเมืองปู่เจ้าสมิงพราย กล่าวว่า“การป้องกันน้ำท่วมเป็นเรื่องยากเพราะเป็นภัยธรรมชาติ แต่ทางเทศบาลมีทีมงานพร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ เช่น เครื่องสูบน้ำที่ต้องซ่อมแซมเร่งด่วนเมื่อชำรุดกะทันหัน แต่เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ริมแม่น้ำ”


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

“แนนซี่” ประธานชมรมโฮปฯ ลงพื้นที่เยี่ยมน้องจูจิ ผู้ป่วยชักไม่ทราบสาเหตุ หลังอาการทรุด-สมองฝ่อ

เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ดร.ปิยนุช (แนนซี่) พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา พร้อมด้วย นายวสุ เผ่าตำรวจ รองประธานชมรมฯ และเจ้าหน้าที่ชมรมโฮปฯ ได้เดินทางไปเยี่ยม น้องจูจิ ผู้ป่วยโรคชักที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

ณ บ้านพักของครอบครัว ภายในซอยหลังธนาคารกรุงเทพ ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) หลักกิโลเมตรที่ 14 หมู่ 4 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้กำลังใจและมอบสิ่งของยังชีพ อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง ปลากระป๋อง ขนม น้ำดื่ม และเงินช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

ดร.ปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปฯ กล่าวว่า วันนี้ได้ไปลงเคสบ้านน้องจูจิ เคยดูแลน้องมาเกือบสองปี มีช่วงนึงที่น้องดีขึ้นและสามารถไปโรงเรียนได้ แต่ช่วงนี้กลับมามีอาการชักเกือบทุกวัน ทางคุณพ่อคุณแม่น้องแจ้งว่าน้องมีอาการสมองฝ่อ จะต้องย้ายโรงพยาบาลไปรักษาต่อในกรุงเทพ ทางชมรมได้ดูแลอย่างต่อเนื่องโดยนำข้าวสารอาหารแห้ง พร้อมกับเงินช่วยเหลือ มาช่วยน้อง เพื่อได้แบ่งเบาภาระปัญหาทางครอบครัว เพราะน้องน่าสงสารมาก

ได้ไปเรียนแค่ปีที่แล้วที่อาการดีขึ้น แต่ตอนนี้ต้องหยุดเรียนอีกแล้วเพราะน้องมีอาการชักและน้องยังเด็กมาก ดร.ปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปฯ ยื่นยันว่า ทางชมรมโฮปฯ จะยังคงดูแลน้องจูจิอย่างต่อเนื่อง ไม่ทอดทิ้ง และจะคอยเป็นกำลังใจให้ครอบครัวก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
ทั้งนี้ “น้องจูจิ” เป็นหนึ่งในหลายครอบครัวที่ทางชมรมโฮปฯ ให้การช่วยเหลือใน ด้านอาหาร สิ่งของ และเงินช่วยเหลือ โดยชมรมยังคงเดินหน้าภารกิจ “สะพานบุญแห่งความหวัง” เพื่อส่งต่อโอกาสและความเมตตาแก่ผู้ป่วยยากไร้


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ตม.สตูล ร่วมหน่วยงานมั่นคงในพื้นที่ออกสืบสวนจับกุมหนุ่มรัสเซียวีซ่าขาด หมายจับ ตร.สากลทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศแฟนสาวอย่างโหดร้าย”

ตามนโยบายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผบก.ตม.6 ให้ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดระดมกวาดล้างอาชญากรรมและปราบปรามคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องพ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.สตูล

ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สตูล นำโดย พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล และ พ.ต.ท.ยงยุทธ เลิศปรีชาพงศ์ สว.ตม.จว.สตูล พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.สตูล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.สตูล, ส.รน.3 กก.9 บก.รน., ตชด.436 และฝ่ายปกครอง จังหวัดสตูล ตรวจสอบคนต่างชาติที่กระทำผิดกฎหมายหรือมีประวัติทำผิดกฎหมายและหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย

โดยวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สตูล ร่วมกับทุกฝ่ายได้ออกตรวจสอบคนต่างด้าวบริเวณตลาดนัดวังประจัน ม.4 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งมีเบาะแสทราบว่าจะมีผู้ร้ายชาวรัสเซียที่มีหมายจับของตำรวจสากลเดินทางมาเพื่อเตรียมตัวออกนอกประเทศไทย ต่อมาได้พบชายชาวรัสเซีย คือนายทีโมทีฟ ทิโทฟ อายุ 41 ปี สัญชาติรัสเซีย เดินอยู่บริเวณหน้าตลาดนัดวังประจัน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปทำการตรวจสอบและพบว่าชายคนดังกล่าวได้อยู่ในประเทศไทยโดยที่วีซ่าขาดแล้ว และตั้งใจจะเดินทางออกนอกประเทศไทย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม

จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และได้แจ้งสิทธิให้ทราบโดยขณะทำบันทึกควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการตรวจสอบประวัติของผู้ถูกจับในระบบสารสนเทศ สตม. เพื่อตรวจสอบข้อมูลบุคคลต้องห้าม บุคคลมีหมายจับ และการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ผลการตรวจสอบพบว่า นายทีโมทีฟ ทิโทฟ เป็นบุคคลตามหมายจับขององค์กรตำรวจสากล ประกาศหมายแดง (RED NOTICE) ซึ่งได้กระทำความผิดโดยทำร้ายร่างกายในลักษณะที่ทารุณอย่างร้ายแรงและล่วงละเมิดทางเพศแฟน

สาวชาวรัสเซียของตนเองอย่างรุนแรง และมีการใช้อาวุธขู่และทำร้ายแฟนสาว หรือขู่จะทำร้ายครอบครัว ซึ่งต่อมาภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้รับโทษจำคุก 2 ปี รอลงอาญา และบริการสังคม จำนวน 160 ชั่วโมง นายทีโมทีฟ ทิโทฟ ได้หลบหนีออกนอกประเทศขณะที่ถูกแฟนสาวอุทธรณ์ในชั้นศาล เมื่อทราบดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่ง พงส.สภ.ควนโดน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานทูตรัสเซียเพื่อส่งตัว นายทีโมทีฟ ทิโทฟ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วต่อไป

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าหากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวหรือชาวต่างชาติในจังหวัดสตูล กรุณาแจ้งมายังตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล เลขที่ 6 ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล 91000 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 074711080 (ฝ่ายสืบสวนปราบปราม) หรือที่สายด่วน 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / APEX เปิดตัว “OligioX” นวัตกรรมยกกระชับจากเกาหลี ผู้นำเทรนด์ความงามระดับโลก ที่แรกในประเทศไทย

APEX Hospital & Clinics ศูนย์ความงามและศัลยกรรมตกแต่งอันดับหนึ่งของเอเชีย ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกจัดงาน “APEX Deal of The Year” เพื่อขอบคุณทุกความไว้วางใจจากลูกค้าที่ทำให้ APEX ก้าวสู่เครือข่ายกว่า 60 สาขาทั่วประเทศภายในงานยังตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ APEX ในการคัดสรรนวัตกรรมความงามที่มีศักยภาพสูงจากทั่วโลก มามอบให้กับลูกค้าชาวไทยก่อนใคร ด้วยมาตรฐานความงามระดับสากลที่ APEX ยึดมั่นมาโดยตลอด ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญจาก พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) APEX Hospital & Clinics

พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลี “OligioX” โปรแกรมยกกระชับใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เย็น ยก ยุบ นาน” ที่ตอบโจทย์การยกกระชับผิวอย่างปลอดภัย เห็นผล และมีประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องพักฟื้นงานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ลาน Promotion Zone B ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 โดยภายในงานได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชน แขกผู้มีเกียรติ รวมถึงผู้ที่รักความงามอย่างคับคั่งทั้งชาวไทยและต่างชาติ

พิธีเปิดงานเริ่มต้นด้วยแฟชั่นโชว์สุดพิเศษจากเหล่านางแบบ–นายแบบเวที THAI FACE TOP MODEL Organized by LettersAround ที่มาร่วมถ่ายทอดความงามในมิติใหม่ ก่อนเข้าสู่ช่วงเสวนาพิเศษ โดยได้รับเกียรติจากดร.พลอย พชรพร พิจารณากุล Brand Director, APEX Hospital & Clinics
Mr. ไอแซค จาง (Isaac Zhang) General Manager, บริษัท วอนเทค เอเชียคุณรัตมา กำธรเจริญ Business Director, บริษัท วอนเทค เอเชีย และคุณหมอโอ พ.ญ.จิรา คุณากรวงศ์ (ว. 41082)

ตัวแทนทีมแพทย์จาก APEX Hospital & Clinics
ร่วมพูดคุยถึงแนวคิดด้านเทรนด์ความงามที่สอดคล้องกับกระแสโลกในเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งยกระดับเทคโนโลยี RF (Radio Frequency) สู่มิติใหม่ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความสบายระหว่างทำ และความปลอดภัยสูงสุด ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า APEX ที่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องพักฟื้น ภายใต้คอนเซ็ปท์ “APEX สวยไม่เสี่ยง” อย่างแท้จริง
พร้อมเผยโฉมเทคโนโลยีความงามจากประเทศเกาหลีโปรแกรม “OligioX” — นวัตกรรมยกกระชับแห่งยุคที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วทั่วเอเชีย โดย APEX Hospital & Clinics ได้รับเกียรติให้เป็นผู้นำในการเปิดตัว First Launch ในประเทศไทย และเตรียมพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการทั่วประเทศในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นี้

บรรยากาศภายในงานยังอบอวลไปด้วยความอบอุ่นจากสองนักแสดงหนุ่มชื่อดัง “อั๋น – อัครพรรฒ บุนนาค” จากซีรีส์ Dangerous Queen คนโปรดของควีน ทางช่อง 7HD และ “นีฟ – รัฐนันท์ สุขอุบล” จากซีรีส์ คุณยมทูต ทางช่อง 3HD ที่มาร่วมแสดงความยินดี พร้อมเผยถึงเคล็ดลับการดูแลสุขภาพผิวและเทคโนโลยีความงามที่ทั้งสองให้ความสนใจจาก APEX อีกด้วย
APEX Hospital & Clinics ยังคงตอกย้ำจุดยืนในฐานะ “ศูนย์ความงามครบวงจร” ที่ผสานศาสตร์แห่งความงามและสุขภาพเข้าไว้ด้วยกัน ครอบคลุมบริการตั้งแต่นวัตกรรมยกกระชับ ฉีดผิว และปรับรูปหน้า

โปรแกรมเลเซอร์งานผิว ดูแลปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยสิวเลเซอร์กำจัดขนการดูแลรูปร่างและกระชับสัดส่วน ด้วยเทคโนโลยีลดไขมันมาตรฐานสากลโปรแกรมเวชศาสตร์ชะลอวัย (Wellness & Longevity) ฟื้นสมดุลสุขภาพจากภายใน
ศัลยกรรมตกแต่งโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ครอบคลุมการดึงหน้า เสริมหน้าอก ดูดไขมัน และหัตถการเฉพาะด้าน

โดยทุกบริการอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือรับสิทธิพิเศษในแคมเปญ “Deal of The Year 2025” ได้ที่ APEX Hospital & Clinics ทุกสาขาทั่วประเทศหรือ LINE Official: @apexbeauty หรือ https://www.apexmedicalcenter.co.th/

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ”หนูน้อยต้นอ้อ“ ฟุตซอล อปท.ครั้งที่ 40 ตากสินระยองเกมส์ / “CPR on the Beach” ยกระดับท่องเที่ยว/วิริยะประกันภัย มอบหมวกนิรภัยให้นักเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลหนองปลาไหล

มีรายงานการแข่งขันกีฬาฟุตซอล ในการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 40 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 รอบคัดเลือกระดับภาคตะวันออก “ตากสินระยองเกมส์” จัดโดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เจ้าภาพจัดการแข่งขันที่อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติตากสินระยอง เป็นการแข่งขันฟุตซอลนักเรียนหญิงอายุไม่เกิน 12 ปี ทีมฟุตซอลเทศบาลเมืองหนองปรือ พบกับทีมฟุตซอล อบจ.ระยอง แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ครึ่งๆ ละ 15 นาที

สุดท้ายจบการแข่งขันไปสุดสนุก ทีมเทศบาลเมืองหนองปรือเอาชนะทีม อบจ.ระยองไป 1-0 ด้วยการยิงของหนูน้อยต้นอ้อ รวิ หอมชื่น สไตรค์เกอร์ตัวความหวังของทีม ทำให้เก็บ 3 คะแนนแรกได้สำเร็จก่อนแข่งขันกับทีมเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพรายในครั้งต่อไป

พัทยาจับมือภาคีเครือข่าย จัดงานแถลงข่าว “CPR on the Beach” ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเมืองท่องเที่ยว

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จ.ชลบุรี ดร.พิเรษฐ์ หนองช้าง เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, พญ.ปิยาภรณ์ ทิพยะรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา, นายประสิทธิ์ ทองทิตย์เจริญ ประธานมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา และ ดร.ศิวัช บุญเกิด รองปลัดเมืองพัทยา ร่วมงานแถลงข่าวโครงการอบรมจิตอาสากู้ชีพฉุกเฉิน “CPR on the Beach” ร่วมแถลงข่าวโครงการดังกล่าว ซึ่งมี ร.ต.อ.หญิงพรพนา โชคไทย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

สำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เมืองพัทยา ร่วมกับโรงพยาบาลเมืองพัทยา มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว ประชาสัมประสัมพันธ์โครงการอบรมจิตอาสากู้ชีพฉุกเฉิน “CPR on the Beach” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลา 15.00 – 19.00 น. ณ ลานอเนกประสงค์ แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา เพื่อสร้างจิตอาสาด้านการช่วยชีวิตเบื้องต้นในกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะภาวะหัวใจหยุดเต้นหรือหยุดหายใจเฉียบพลัน ซึ่งการทำ CPR จะช่วยรักษาการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังสมองและอวัยวะสำคัญได้อย่างทันท่วงที

การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 2,000 คน จากหลากหลายกลุ่มอาชีพ รวมถึงนักเรียนและนักศึกษา เพื่อให้มีทักษะและความเข้าใจในการปฏิบัติจริง สามารถช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ทันเวลา เสริมภาพลักษณ์เมืองพัทยาในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ “อุ่นใจ ปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง”

วิริยะประกันภัย มอบหมวกนิรภัยให้นักเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลหนองปลาไหล ส่งเสริมวินัยการใส่หมวกกันน็อคทุกครั้งที่ออกจากบ้าน

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลหนองปลาไหล จ.ชลบุรี นายยศพงศ์ ลินทอง นายกเทศมนตรีตำบลหนองปลาไหล พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมให้การต้อนรับ ผู้แทนจากบริษัท วิริยะประกันภัย นำโดย นายพงษ์ทิวา กฤษณพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 ที่ในวันนี้นำคณะจากบริษัท วิริยะประกันภัย ร่วมกิจกรรม

ตามที่อุบัติเหตุจราจรประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ปัจจัยสำคัญเกิดจากพฤติกรรมของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรม เมาแล้วขับ และ พฤติกรรมการขับขี่ หรือ ซ้อนรถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมใส่หมวกนิรภัย ถือเป็นพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการสูญเสีย โดยจากการสำรวจพบว่าปัจจุบันอัตราการสวมหมวกกันน็อคในกลุ่มเด็กและเยาวชนมีเพียงร้อยละ 7

ซึ่งมีสาเหตุมากจา 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1. พ่อแม่ผู้ปกครองเลยไม่ใส่ใจ มีความเชื่อที่ว่าการนำลูกนั่งรถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัยเป็นสิ่งที่ไม่อันตรายอะไร 2.การบังคับใช้กฎหมายกับเด็กและเยาวชนที่ไม่สวมใส่หมวกนิรภัยเป็นเรื่องที่ยากในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และในทางปฏิบัติหวั่นเกรงเกิดปัญหากับภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายและกระแสต่อต้านจากสังคม เพื่อเป็นการต่อยอดการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมูลนิธิเมาไม่ขับจึงได้ร่วมกับ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด จัดโครงการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสวมหมวกนิรภัย 100% ส่งเสริมการรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางถนนขึ้น

โดยในวันนี้ทางบริษัทวิริยะประกันภัยได้นำหมวกนิรภัย กว่า 150 ใบมามอบให้กับนักเรียนระดับชั้นอนุบาลเพื่อนำไปใช้ในการใส่มาโรงเรียนเพื่อเสริมความปลอดภัยในการเดินทางมาโรงเรียนอีกด้วย สำหรับโครงการดังกล่าวทาง บริษัทวิริยะประกันภัย และ มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการขึ้นมากว่า 30 ปีแล้วด้วยกัน

สืบภาค 2 จับมือ สสจ.ชลบุรี บุกจับคลินิกเถื่อนกลางพัทยาสุดอันตราย

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ผบก.สส.ภ.2 และ นพ.กฤษณ์ สกุลแพทย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ที่สั่งกวาดล้างสถานพยาบาลและคลินิกเถื่อนในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะในเขตเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ซึ่งอาจก่ออันตรายถึงชีวิตหากได้รับการรักษาโดยผู้ไม่มีใบอนุญาต

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ย. พ.ต.อ.เทียนชัย เลิศมณีทวีทรัพย์ ผกก.กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.2 พร้อม นายจิระสันต์ มีรัตน์ธนวัต เภสัชกรชำนาญการพิเศษ นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบ เซ็นเตอร์ พัทยา คลินิกเวชกรรม เลขที่ 202/109 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่าเปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และมี “หมอเถื่อน” เป็นผู้ทำการรักษา

ชุดสืบสวนวางแผนส่งตำรวจปลอมตัวเป็นผู้ป่วยเข้ารักษาอาการปวดท้อง แต่หมอภายในคลินิกมีท่าทีระแวงและปฏิเสธการรักษาโดยอ้างว่า “หมอไม่อยู่” เจ้าหน้าที่จึงปรับแผนใหม่ ส่งสายลับหญิงปลอมตัวเป็นสาวทำงานกลางคืนเข้ารักษาอีกครั้ง คราวนี้เมื่อสายลับส่งสัญญาณ ทีมตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่หมอเถื่อนไหวตัวทัน ถอดเสื้อกาวน์ ถอดรองเท้าคัชชู วิ่งหนีออกหลังร้าน ก่อนขับรถยนต์เผ่นหนีอย่างรวดเร็ว

จากการตรวจค้นภายใน พบว่าเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ชั้นล่างถูกดัดแปลงเป็นคลินิกเวชกรรม มีเคาน์เตอร์พยาบาล ห้องตรวจโรค และป้ายแสดงราคาค่ารักษา เหมือนคลินิกทั่วไป โดยตำรวจตรวจยึดยาอันตราย ยากล่อมประสาท และเครื่องมือแพทย์จำนวนมาก รวมถึงปฏิทินตั้งโต๊ะที่จดบันทึกรายรับรายวัน-รายเดือน ยอดรวมต่อเดือนสูงหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท

สอบสวนพบว่า คลินิกดังกล่าวเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมอที่ทำการรักษาเป็น “หมอเถื่อน” ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ขณะเดียวกัน เจ้าของตึกให้การว่า มีชายคนหนึ่งมาเช่าชั้นล่างเปิดคลินิก รู้เพียงว่าเป็นหมอ แต่ไม่ทราบว่าเป็นหมอปลอม จนกระทั่งตำรวจบุกจับถึงรู้ความจริง

หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ว่า เคยมารักษาอาการท่อปัสสาวะอักเสบที่คลินิกแห่งนี้ถึง 4 ครั้ง หมอทำการฉีดยา ตรวจเลือดและปัสสาวะ พร้อมจ่ายยากลับไปกิน โดยคิดค่ารักษากว่า 6,000 บาท แต่กลับไม่หาย จึงนำผลตรวจไปให้แพทย์โรงพยาบาลดู ก่อนถูกชี้ว่า “ผลตรวจมั่วมาก” จึงสงสัยและมาทราบภายหลังว่าคลินิกนี้เปิดโดยหมอเถื่อน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายพรหมเทพ อายุ 46 ปี เป็นผู้ลักลอบเปิดคลินิกและแอบอ้างเป็นแพทย์ โดยคลินิกจะเปิดให้บริการช่วงบ่ายถึงเย็น กลุ่มลูกค้าหลักคือสาวทำงานกลางคืนและชาวต่างชาติ ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พร้อมฝากเตือนประชาชน หากมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในคลินิก ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต และแพทย์ผู้รักษามีใบประกอบวิชาชีพถูกต้อง โดยสามารถตรวจดูได้จากป้ายรายชื่อแพทย์ที่ติดอยู่หน้าห้องตรวจ และหากพบเบาะแสคลินิกเถื่อน สามารถแจ้งได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ในวันและเวลาราชการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พลโท บุญสิน พาดกลาง บรรยาย “ทหารกล้า รักษาอธิปไตย” ที่พิชัยรัตนาคาร – ภาคเอกชนร่วม 2 ล้าน / จับแรงงานเมียนมาลอบเข้าเมือง 77 คน เตือนนายจ้างอย่าฝ่าฝืน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. ที่อาคารโรงคลุม โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร อำเภอเมืองระนอง ได้จัดกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจปลุกจิตสำนึกรักชาติให้แก่นักเรียนและเยาวชน ภายใต้แนวคิด “เรื่องเล่าทหารกล้า รักษาอธิปไตย เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน” โดยได้รับเกียรติจาก พลโท บุญสิน พาดกลาง ขึ้นบรรยายพิเศษ ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจริงของทหารผู้ปกป้องแผ่นดิน เพื่อปลูกฝังคุณธรรม ความเสียสละ และความภาคภูมิใจในความเป็นไทยก่อนเริ่มการบรรยาย นักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้พร้อมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เวลา 08.00 น. บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบและภาคภูมิใจในความเป็นไทย

ในโอกาสนี้ ภาคเอกชนจังหวัดชุมพรได้ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดย คุณนายหน่อย ณัฐวรรณ ฉายะบุตร (ผู้มีอุปการคุณเลขที่ 209 สภากาชาดไทย) มอบ พระครูบาศรีวิชัย รุ่นสร้าง 9 ธ.ค. 2536 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแด่พลโท บุญสิน ขณะที่ ดร.สุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร ได้กล่าวแสดงความชื่นชมในแนวทางการสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนสิ่งที่สร้างความประทับใจในงาน คือการที่ คุณนายหน่อย ณัฐวรรณ ฉายะบุตร ได้ประกาศเจตนารมณ์สนับสนุนเมื่อมีการจัดตั้งมูลนิธิของพลโท บุญสิน พาดกลาง แล้วเสร็จ จะมอบเงินสนับสนุนจำนวน 2 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเบื้องต้น 1 ล้านบาท และอีก 1 ล้านบาทเพิ่มเติม หากมีการดำเนินภารกิจสำคัญเพื่อการ “คืนผืนแผ่นดินไทย”

กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ปลุกเจ็ดสำนึกเยาวชนรักชาติไทย” ซึ่งมุ่งสร้างความเข้าใจในหน้าที่พลเมือง ความเสียสละ ความสามัคคี และความภาคภูมิใจในสถาบันหลักของชาติ อันเป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทย“ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ใช่เพียงคำขวัญ แต่คือชีวิตและหัวใจของคนไทยทุกคน” – พลโท บุญสิน พาดกลาง

สนธิกำลังบุกตรวจโรงงาน พบแรงงานเมียนมาลอบเข้าเมือง 77 คน เตือนนายจ้างอย่าฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานต่างด้าว

ธนากรโกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568พ.อ.นิพนธ์ อินใหม่ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชุมพร (ฝ่ายทหาร) มอบหมายให้ พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ รมน.403 (ชุมพร) พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าว บูรณาการกำลังร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดชุมพร ฝ่ายปกครองจังหวัดชุมพร ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชุมพร เข้าตรวจสอบ บริษัท บีเอส เวิลด์ ฟูด จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 299 หมู่ 12 ตำบลนาขา อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร

สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงบริษัทฯ จนก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญผลการตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 77 คน แบ่งเป็นชาย 35 คน หญิง 42 คน หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และซ่อนอยู่ภายในพื้นที่ของบริษัทฯเจ้าหน้าที่จึงดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแรงงานทั้งหมดในความผิดฐาน“เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต การอนุญาตสิ้นสุด หรือถูกเพิกถอน” ตามมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522

พร้อมกันนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ บริษัท บีเอส เวิลด์ ฟูด จำกัด ในข้อหา “ร่วมกันให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ในหูต อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ประเมินว่าการหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากความไม่สงบภายในประเทศต้นทาง ทำให้แรงงานจำนวนมากพยายามลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย

สำนักงานจัดหางานจังหวัดชุมพรขอเตือนนายจ้างและสถานประกอบการ ห้ามรับหรือให้ที่พักอาศัยแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน เพราะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนหากพบการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อร่วมกันป้องกันปัญหาแรงงานผิดกฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชุมพร

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วิเคราะห์การเมืองนราธิวาส เขต 1 “สจ.โป่ง” ขยับแรง จับตาแรงสั่นสะเทือนตระกูล “ยาวอหะซัน”ชี้ชัด

วิเคราะห์การเมืองนราธิวาส เขต 1 “สจ.โป่ง” ขยับแรง จับตาแรงสั่นสะเทือนตระกูล “ยาวอหะซัน”ชี้ชัด : การเมืองยุคใหม่ ประชาชนคือศูนย์กลางพื้นที่การเมืองนราธิวาส เขต 1 กำลังถูกจับตามองถึงการแข่งขันที่อาจจะเข้มข้นขึ้นในอนาคต หลังการปรากฏตัวของ นายปารมี พิมานแมน (สจ.โป่ง) อดีต ส.อบจ. และเลขานุการสภา อบจ.นราธิวาส

ที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าพร้อมลงสนาม ส.ส. ด้วยการศึกษาข้อมูลและสอบถามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยเชื่อว่าการเมืองยุคใหม่ที่ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายผ่านโซเชียลมีเดีย จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกตั้งการเมือง ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มขยับเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะใน เขต 1 จังหวัดนราธิวาส ที่ถือเป็น “สนามหลัก” ของตระกูลการเมืองใหญ่ “ยาวอหะซัน” ซึ่งครองพื้นที่มายาวนานหลายสมัย

ล่าสุดชื่อของ นายปารมี พิมานแมน หรือ ‘สจ.โป่ง’ อดีตเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส และสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังมีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวเตรียม “ขยับสนาม” จากท้องถิ่นสู่เวทีการเมืองระดับประเทศ โดยระบุความพร้อม “เกือบ 90%” ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 1 นราธิวาส

ชื่อของ “สจ.โป่ง” นายปารมี พิมานแมน จึงถูกมองว่าเป็น “ตัวแปรใหม่” ที่น่าสนใจในสมการนี้ เพราะไม่ได้มาจากสายตระกูลการเมือง หากแต่เติบโตจาก “ระบบราชการท้องถิ่น” และ “เครือข่ายภาคแรงงาน–เอกชน–การทูต”ซึ่งการมีบทบาททั้งในภาคธุรกิจแรงงานระหว่างประเทศ และการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ “สจ.โป่ง” มีจุดแข็งด้าน ความเข้าใจเชิงนโยบาย และการเข้าถึงคนทำงานจริงในพื้นที่

สำหรับ นายปารมี พิมานแมน โปรไฟล์แน่น เครือข่ายหลากหลาย แม้ “สจ.โป่ง” จะมาจากเส้นทางการเมืองท้องถิ่น แต่เส้นสายและเครือข่ายของเขากลับโยงกว้างกว่าที่หลายคนคิด ทั้งด้านแรงงาน การศึกษา และการทูต

  • ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาสมาคมการค้าพัฒนาแรงงาน
  • ที่ปรึกษาบริษัทเอ็นเอส สยาม จำกัด บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ
  • กรรมาธิการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนราธิวาส
  • คณะกรรมการระดับสุขภาพพื้นที่ อบจ.นราธิวาส
  • และที่น่าสนใจคือบทบาท ที่ปรึกษาเอกอัครราชทูตบังคลาเทศ ประจำประเทศไทย ด้านแรงงานต่างด้าว (ตั้งแต่ปี 2568 ถึงปัจจุบัน)

นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่ง เลขาสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส สะท้อนภาพ “คนทำงานภาคสนาม” ที่มีสายสัมพันธ์กับทั้งภาคแรงงานและกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ทั้งนี้คู่แข่งตัวจริง “วัชระ ยาวอหะซัน” – แชมป์เก่า 3 สมัย อีกฟากหนึ่งของสนามคือ นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส. 3 สมัย ปัจจุบันสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นลูกชายของ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็นตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่มายาวนาน

โดยในรอบหลายปีที่ผ่านมา เขต 1 นราธิวาสแทบจะเป็น “ฐานเสียงเหนียวแน่น” ของบ้านยาวอหะซัน ทว่าในยุคที่สังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาท และประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจึงเริ่มเห็นได้ชัดอย่างไรก็ตา “สจ.โป่ง” ชี้ชัด : การเมืองยุคใหม่ ประชาชนคือศูนย์กลาง

ซึ่งจากบทสัมภาษณ์เชิงลึกของ “สจ.โป่ง” สะท้อนแนวคิดทางการเมืองที่เน้น “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” มากกว่าเกมอำนาจ เขาระบุว่า “ประชาชนสมัยนี้รับรู้ข่าวสารเร็ว ไม่ว่าจะอยู่เชียงใหม่หรือมาเลเซีย ก็รู้ว่าพื้นที่นราธิวาสเกิดอะไรขึ้น… การตัดสินใจของประชาชนจะเป็นคำตอบทั้งหมด”

เขายังทิ้งประโยคสำคัญที่สะท้อนแนวทางทางการเมืองของตัวเองว่า “เราไม่มองแพ้หรือชนะ แต่ถามว่าประชาชนได้อะไร ถ้าได้ เราก็พร้อมลง”โดยน้ำเสียงดังกล่าวสะท้อนถึงการพยายามสร้างภาพลักษณ์ “นักการเมืองรุ่นใหม่” ที่ไม่ยึดติดกลุ่มอิทธิพล แต่เน้นนโยบายที่จับต้องได้ในระดับท้องถิ่นแม้ยังไม่มีการประกาศพรรคการเมืองที่จะสังกัดอย่างเป็นทางการ แต่จากถ้อยคำของ “สจ.โป่ง” ที่ระบุว่า “อยู่ที่ว่าเคมีตรงกัน” ทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า เจ้าตัวอาจกำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับหลายพรรคในส่วนกลาง

แหล่งข่าวทางการเมืองท้องถิ่นระบุว่า หาก “สจ.โป่ง” ตัดสินใจลงสมัครจริง เขต 1 จะกลายเป็นสนามแข่งขันที่ “น่าจับตาที่สุด” ของจังหวัด เพราะเป็นการท้าทายอำนาจของตระกูลการเมืองใหญ่ที่ครองพื้นที่มายาวนานสำหรับสนามเลือกตั้งนราธิวาส เขต 1 จึงอาจไม่ได้เป็นเพียงการชิงเก้าอี้ ส.ส. อีกครั้ง แต่คือ บททดสอบระหว่าง “การเมืองสายตระกูล” กับ “การเมืองสายประชาชน”ทั้งนี้“สจ.โป่ง” จะสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในฐานะผู้ท้าชิงหน้าใหม่ได้หรือไม่?หรือ “วัชระ ยาวอหะซัน” จะยังคงรักษาฐานเสียงของตระกูลได้ต่อไป?คำตอบสุดท้ายคงต้องรอฟังจาก “ประชาชนในพื้นที่” ที่วันนี้ดูจะพร้อมตัดสินด้วยข้อมูล มากกว่าอิทธิพลแบบเดิม
///////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 2 เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิดชายแดน /”มุกดาหาร” แถลงยึดยาบ้า 3.23 ล้านเม็ด กลางป่าคำชะอี

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมอาการและให้กำลังใจกำลังพล

ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 4 นาย ได้แก่

จ่าสิบเอก เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าขวาท่อนล่างขาดพลทหาร วชิระ พันธนา ได้รับบาดเจ็บ จากแรงอัดจากระเบิด มีอาการแน่นหน้าอกพลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิด บริเวณขาขวาท่อนล่างพลทหาร อนุชา สุจารี ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิด ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ถนัด

ในโอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบเงินบำรุงขวัญจากกองทัพบก และมอบเงินบำรุงขวัญในนามกองทัพภาคที่ 2 เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจแก่กำลังพลและครัว

แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมดูแลกำลังพลและครอบครัวอย่างดีที่สุด พร้อมย้ำชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้วิธีการที่ไร้มนุษยธรรม ไม่สนใจข้อตกลงที่ให้ไว้ และได้สั่งการกำชับให้ทุกหน่วยตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

ภาพ/ข่าว : กองทัพภาคที่ 2 เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

“มุกดาหาร” แถลงยึดยาบ้า 3.23 ล้านเม็ด กลางป่าคำชะอี เครือข่ายขนข้ามชาติทิ้งรถหนี — เร่งขยายผลล่าผู้ร่วมขบวนการ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 (ร้อย ตชด.234) จังหวัดมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานแถลงข่าวผลการตรวจยึดยาเสพติดครั้งใหญ่ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพโรจน์ ไทยพุทรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร, พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์ถึง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 และ พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผู้บังคับกองร้อย ตชด.234

โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 3,232,000 เม็ด พร้อมของกลางประกอบด้วย รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน ขน 9608 อุดรธานี, แม็กกาซีนปืน 1 ชิ้น และเครื่องกระสุนขนาด 11 มม. จำนวน 13 นัด

สืบเนื่องจาก กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กองทัพภาคที่ 2 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่จากพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เข้าสู่รอยต่อจังหวัดมุกดาหารและอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อส่งต่อเข้าพื้นที่ตอนในของประเทศ

จากการตรวจสอบข้อมูลข่าวกรอง พบว่ากลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าวใช้ รถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน ขน 9608 อุดรธานี เป็นพาหนะลำเลียง โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์รถไม่ใช่คนในพื้นที่และมีประวัติเคยต้องหาคดียาเสพติดมาก่อน เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวเคลื่อนเข้ามาในพื้นที่ บ้านตาเปอะ ตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.234 จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.วิชาญ ตนุมาตร หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ (ชปข.) ร้อย ตชด.234 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนชุดด้านการข่าวและ มว.ตชด.2341 ออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบในพื้นที่

กระทั่งเวลา 12.00 น. ชุดปฏิบัติการพบรถกระบะต้องสงสัยจอดทิ้งอยู่บริเวณเชิงเขา ใกล้ แก่งกกขาม บ้านตาเปอะ จึงวางกำลังซุ่มเฝ้ารอผู้มาแสดงตนเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว แต่จนถึงเวลา 16.00 น. ก็ไม่พบผู้ใดมาปรากฏตัว

เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบกระสอบสีขาวจำนวน 8 กระสอบ วางเรียงอยู่ในห้องโดยสารด้านหลัง จากการเปิดตรวจสอบพบภายในบรรจุวัตถุก้อนสี่เหลี่ยมสีเหลือง มีตัวอักษร “Y1” ปรากฏอยู่ห่อ รวมเป็นยาบ้าทั้งสิ้นจำนวน 3,232,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดและนำส่งกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 234 เพื่อดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ ที่ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติชายแดนมุกดาหาร โดยนำมาพักไว้บริเวณป่าบ้านตาเปอะ เพื่อเตรียมส่งต่อเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลเพื่อติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติดล็อตนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ยาบ้า3ล้านเม็ด #ตชด234 #มุกดาหาร #ข่าวมุกดาหาร #จับยาเสพติด #เครือข่ายข้ามชาติ #สุรศักดิ์มนตรี #ตำรวจตระเวนชายแดน #ข่าวอาชญากรรม #ปราบยาเสพติด #คำชะอี #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้/////ภาพ/ข่าว เดวิท-ธวัชชัย โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง