สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตำรวจ ฝ่ายปกครองโคกสำโรง ลพบุรี ร่วมพิธีปล่อยแถวมาตราการดูแลความปลอดภัย และกวาดล้างอาชญากรรมวันลอยกระทง ปี 2568

วันพุธ ที่ 5 พ.ย. 2568 เวลา 17.30 น. ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอโคกสำโรง นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง นางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.โคกสำโรง พ.ต.ท.มนตรี เล่ห์อิ่ม รอง ผกก.ป.ฯ สภ.โคกสำโรง

พ.ต.ท.องอาจ เนียมศรีเพชร (สวป.) สภ.โคกสำโรง สาธารณสุขอำเภอโคกสำโรง โรงพยาบาลโคกสำโรง คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง และที่ปรึกษา กต.ตร.สภ.โคกสำโรง สมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ และอาสาสมัคร พร้อมข้าราชการตำรวจ ร่วมออกตรวจดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยงานวันลอยกระทง ประจำปี 2568

โดยพิธีปล่อยแถววันนี้เน่นย้ำกำลังพล จนท.ทุกนายเพิ่มความเข็มงวดกวดขัน ระเบียบวินัยจารจร ระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2568 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยมีเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานความมั่นคงทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีคึกคัก

สำหรับการระดมกวาดล้างครั้งนี้ มุ่งเน้นป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ทั้งคดีอาญาทั่วไป ยาเสพติด อาวุธปืน การพนัน การแข่งรถในทางสาธารณะ รวมถึงการลักลอบจำหน่ายพลุ ดอกไม้ไฟ และโคมลอย

พร้อมจัดกำลังเข้มดูแลพื้นที่จัดงานลอยกระทงทุกแห่งของอำเภอโคกสำโรง “ทุกหน่วยร่วมมือกันอย่างเต็มกำลัง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และเพื่อให้อำเภอโคกสำโรง เป็นอำเภอปลอดภัยในทุกเทศกาล”

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประเพณีลอยกระทงเมืองชุมแพ ภายใต้แนวคิด”ลอยกระทงไท ไทย คารวาลัยพระแม่ของแผ่นดิน” พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

นิทรรศการ ประเพณีลอยกระทงเทศบาลเมืองชุมแพ ภายใต้แนวคิด”ลอยกระทงไท ไทย คารวาลัยพระแม่ของแผ่นดิน” เพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 18.45 น.นายเสกสิทธิ์ สัธนะกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองชุมแพ เป็นประธานเปิดงานพิธีประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2568 ในตำนานเล่าว่าเป็นประเพณีที่กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์โดยเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา

ให้ชีวิตได้เจริญรุ่งเรือง อยู่เย็นเป็นสุข ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ของทุกๆปีและเทศบาลเมืองชุมแพได้จัดนิทรรศการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณให้ข้าราชการ ประชาชนลงนาม

เพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้แนวคิด”ลอยกระทงไท ไทย คารวาลัย พระแม่ของแผ่นดิน” โดยมีนายสิงหภณ ดีนาง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 ขอนแก่น นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ

พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชุมแพ นายเกรียงไกร วิริยะอาชา นายอาทิตย์ ถนอมทุน นางสาวรติมา สิริวรพิทักษ์ รองนายกเทศมนตรี ฝ่ายบริหาร สมาชิกสภาฯ ประชาชนในเขต 38 ชุมชนร่วมงานมากมาย เสร็จพิธีร่วมกันลอยกระทง ณ.หนองน้ำกุดน้ำใส เขตเทศบาลเมืองชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

ภาพ/ข่าว กบชุมแพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ถ้ำพระยานคร” น้ำพระราชหฤทัยพิสูจน์พระราชปณิธานสีเขียวของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ท่ามกลางเทือกเขาสามร้อยยอดอันเขียวชอุ่ม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มีถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของพระราชปณิธานสีเขียว นั่นคือ “ถ้ำพระยานคร” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสมบัติทางธรรมชาติที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ประทับพระราชลัญจกรแห่งความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีต่อพสกนิกรและผืนแผ่นดินไทย ภายในถ้ำพระยานครมี “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์”

ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระที่นั่งไม้สักทองที่ออกแบบอย่างประณีต สะท้อนถึงพระปรีชาสามารถในการผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยเข้ากับธรรมชาติอันงดงามของถ้ำ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระที่นั่งแห่งนี้เป็นโบราณสถานสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2495 และด้วยความสำคัญอันยิ่งใหญ่ จ.ประจวบคีรีขันธ์จึงได้ใช้รูปพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เป็นตราประจำจังหวัด
สองครั้งแห่งพระราชดำเนิน บทพิสูจน์พระราชหฤทัย – ครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2501

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินประพาสถ้ำพระยานครเป็นการส่วนพระองค์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) และสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในโอกาสนั้น ทรงพระราชทานเครื่องนุ่งห่มแก่ชาวบ้านที่มารับเสด็จ แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของพสกนิกร

ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2524 เส้นทางแห่งพระราชปณิธานที่เดินด้วยพระบาท การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้มีความหมายพิเศษอย่างยิ่ง เพราะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเลือกที่จะเดินเท้าขึ้นเขาไปยังถ้ำพระยานครด้วยพระองค์เอง เพื่อต้องการสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด การเสด็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเยือนสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าการอนุรักษ์ธรรมชาติต้องเริ่มจากการเข้าใจและใส่ใจอย่างจริงจัง การเดินเท้าขึ้นเขา 2 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง นั้น เป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเราว่า ธรรมชาติไม่ได้อยู่ห่างไกล แต่ต้องใช้ความตั้งใจและความพยายามในการเข้าถึง

ความงามที่แท้จริงไม่ได้มาง่าย ต้องผ่านความเหนื่อยยาก แต่สิ่งที่ได้รับคือความประทับใจที่คงอยู่ตลอดไป การทำงานเพื่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่การนั่งสั่งการจากที่สูง แต่คือการลงมือทำด้วยตนเองแม้จะยากลำบาก ถ้ำพระยานคร และเขาสามร้อยยอดเป็นมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นสัญลักษณ์ของพระราชปณิธานสีเขียวที่พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงสืบสานมาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร รัชกาลที่ 9 นั่นคือการอนุรักษ์ธรรมชาติ การดูแลผืนป่า และการใส่พระทัยในชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร

บริเวณเขาสามร้อยยอดที่ถ้ำพระยานครตั้งอยู่ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศป่าไม้ที่สมบูรณ์ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด การอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้จึงสอดคล้องกับพระราชปณิธานในการรักษาสมดุลของธรรมชาติเพื่อลูกหลานของไทยในอนาคต วันนี้ หากทุกท่านมีโอกาสเยือนถ้ำพระยานคร และได้เดินตามรอยพระบาทบนเส้นทาง 2 กิโลเมตรที่ทรงเคยเสด็จ ท่านจะไม่ได้แค่ชื่นชมความงามของธรรมชาติระหว่างทาง หินงอก หินย้อย หรือความศักดิ์สิทธิ์ของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เท่านั้น แต่ควรน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระราชปณิธานสีเขียวที่ทรงปลูกฝังไว้ในดินแดนแห่งนี้ เส้นทางที่ชันและเหนื่อยยากนั้น กลายเป็นบทเรียนว่า “ทุกสิ่งที่มีค่าต้องแลกมาด้วยความตั้งใจและความพยายาม”

“ถ้ำพระยานคร” ไม่ใช่แค่ถ้ำ  แต่เป็นห้องเรียนแห่งธรรมชาติที่สอนเราถึงความหมายของพระราชปณิธานสีเขียว การดูแลธรรมชาติด้วยหัวใจ เดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น และยึดมั่นด้วยความรักที่มีต่อแผ่นดิน สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ การมีอยู่ของระบบนิเวศเฉพาะถิ่นภายในถ้ำ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพของเขาสามร้อยยอด นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ สิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นบางชนิด ที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นในโลกนี้ เช่น จิ้งจกนิ้วยาวสามร้อยยอด (Sam Roi Yot Bent-toed Gecko)

สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กที่ปรับตัวให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมถ้ำได้อย่างสมบูรณ์ และ ตุ๊กกายสามร้อยยอด (Sam Roi Yot Skink) สัตว์เลื้อยคลานอีกชนิดหนึ่งที่สะท้อนกระบวนการวิวัฒนาการที่โดดเดี่ยวทางภูมิศาสตร์ การค้นพบสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่เน้นย้ำว่าพื้นที่แห่งนี้มีคุณค่าอนุรักษ์ระดับสากล หากพื้นที่ถูกทำลาย สัตว์เหล่านี้ก็จะสูญพันธุ์ไปตลอดกาล ซึ่งสอดคล้องกับพระราชปณิธานของพระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ทรงเป็น “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ”

จึงขอเชิญชวนท่านร่วมเดินตามรอยพระบาท ขึ้นไปยังถ้ำพระยานคร ด้วยความเคารพและตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสีเขียวของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และรักษามรดกอันล้ำค่านี้ไว้เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต. นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ททท.น่าน จับมือพันธมิตร จัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025”ชวนวิ่งรับลมหนาวกลางข่วงเมืองน่าน ดึงนักท่องเที่ยวสุขภาพร่วมกว่า 4,000 คน

วันที่ 31 ตุลาคม 2568เวลา 17.30 น. ณ ห้องคอนเวนชั่น ฮอลล์ โรงแรมดิ อิมเพรส น่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน — จังหวัดน่านจัดการประชุม “ขับเคลื่อนเมืองน่านสู่การเป็น

สมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน” โดยมี นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมประกาศเจตนารมณ์ “น่านเมืองสร้างสรรค์” อย่างเป็นทางการ

ในการนี้ มี ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน คณะทำงานขับเคลื่อนน่านเมืองสร้างสรรค์ สื่อมวลชน และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกำหนดแนวทางพัฒนาจังหวัดน่านในมิติของหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน

สู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ในระดับนานาชาติ นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า จังหวัดน่านมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ในวันนี้ (31 ตุลาคม 2568) จังหวัดน่านได้รับการคัดเลือกให้เป็น สมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN)

ในสาขา หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดในการยกระดับคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เวทีโลก ทั้งนี้ จังหวัดน่านได้กำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ไว้ว่า“Living Crafts and Folk Art for Sustainability”หรือ “สืบสานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2566–2585)

ภายใต้วิสัยทัศน์ “น่านเมืองสร้างสรรค์และเมืองอัจฉริยะ เชื่อมโยงอนุภูมิภาคสู่สากล ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ยั่งยืน”
การได้รับการรับรองเป็นเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน

และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการต่อยอดอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน ทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรม หัตถกรรมพื้นบ้าน และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้ “น่านเมืองสร้างสรรค์” เป็นเมืองแห่งคุณค่าที่ยั่งยืนต่อไป/ ข่าว/ พ.อ.พยอม บุญทร/ภาพ/ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม/ บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

ททท.สำนักงานน่าน จับมือพันธมิตร จัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025”ชวนวิ่งรับลมหนาวกลางข่วงเมืองน่าน ดึงนักท่องเที่ยวสุขภาพร่วมกว่า 4,000 คน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน ร่วมกับบริษัท รูทแมพ จำกัด พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน จัดกิจกรรม “Amazing Nan Marathon 2025” ณ บริเวณข่วงเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว

ภายในงานมีการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ระยะทาง ได้แก่ Marathon 42 กิโลเมตรHalf Marathon 21 กิโลเมตรMini Marathon 10 กิโลเมตรFun Run 5 กิโลเมตรโดยมีนักวิ่งและผู้ติดตามเข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 4,000 คน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและคึกคักใจกลางเมืองน่าน

กิจกรรมได้รับเกียรติจาก นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานราชการและภาคเอกชนร่วมในพิธี อาทิ เทศบาลเมืองน่าน, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน, องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) น่าน, การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดน่าน (กกท.น่าน) รวมถึงพันธมิตรจากภาคเอกชนในพื้นที่

การจัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025” ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนภาพลักษณ์ของจังหวัดน่านในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตลอดจนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ยังได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ “น่าน เมืองสร้างสรรค์แห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านของ UNESCO” ซึ่งจังหวัดน่าน น่าน…ก้าวสู่ “เมืองสร้างสรรค์แห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน” ของ UNESCOจังหวัดน่านยังได้รับข่าวดีระดับนานาชาติ เมื่อ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศผลการคัดเลือกสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ (UNESCO Creative Cities Network – UCCN) ประจำปี 2025 โดย “จังหวัดน่าน” ได้รับการประกาศให้เป็นสมาชิกเครือข่ายในสาขา หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts & Folk Art)

การนำเสนอของจังหวัดน่านโดดเด่นด้วยแนวคิด “ปราชญ์ท้องถิ่น – ชุมชน – ธรรมชาติ” (Artisans – Community – Nature) ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของเมืองเก่าที่มีชีวิต (Living Old City) ซึ่งงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ไม่เพียงถูกอนุรักษ์ไว้ แต่ยังคงถูกผลิต ใช้ และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

น่านมีความโดดเด่นทั้งด้าน ผ้าทอไทลื้อและลายน้ำไหลอันเป็นเอกลักษณ์, งานเครื่องเงินของชาวอิ้วเมี่ยน, งานจักสานและงานไม้แกะสลักหัวเรือแข่งพญานาค, รวมถึง มรดกเตาเผาโบราณบ่อสวก และ จิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” อันเป็นที่รู้จักในระดับโลก ตลอดจนหัตถกรรมร่วมสมัยอย่าง ย่ามเถาวัลย์ป่าของชาวมละบริ (GI) ซึ่งเป็นตัวอย่างของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนอย่างกลมกลืน

การได้รับการรับรองจากยูเนสโกในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของจังหวัดน่าน ในการยืนยันศักยภาพของเมืองเล็กที่มีคุณค่าเชิงวัฒนธรรมและความยั่งยืน ต่อยอดสู่การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และชุมชนอย่างมีคุณภาพ การจัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025” ในครั้งนี้ จึงนับเป็นกิจกรรมที่สะท้อนภาพลักษณ์ของ “น่าน” ได้อย่างสมบูรณ์ — เมืองแห่งสุขภาพ ศิลปะ และวัฒนธรรม ที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสเสน่ห์ของ “เมืองสร้างสรรค์” ท่ามกลางธรรมชาติและรอยยิ้มของผู้คนเมืองน่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปัตตานี.- ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการปฎิบัติงานของ หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เวลา14.30 น.ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ 2 พลตรีณรงค์ ตันติสิทธิพร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พร้อมด้วยคณะฯเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงานของ หน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ 2 ซึ่งการนี้ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ และการปฏิบัติงานของหน่วยในห้วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ฝ่ายอำนวยการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามแผน ยุทธศาสตร์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อให้การปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับนโยบายของกองทัพบก

ได้มีการให้คำแนะนำแก่หน่วยปฏิบัติในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ โดยมุ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับเข้าใจในเจตนารมณ์ของแผนยุทธการอย่างถูกต้อง ชัดเจน และสามารถนำไป ปรับ ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ

ซึ่งการให้คำแนะนำดังกล่าวครอบคลุมถึงแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจด้านการข่าว การรักษาความปลอดภัย การปฏิบัติทางยุทธวิธี และการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นแนวทางในการสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์และสร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในครั้งนี้เพื่อสร้างขวัญ และกำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทุกคนได้ทุ่มเท เสียสละ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มุ่งมั่นในการดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในโอกาสนี้ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีได้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานของหน่วย พร้อมเน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานอย่างมีวินัย ยึดหลักกฎหมาย ควบคู่กับการใช้ความเข้าใจและความอ่อนโยนต่อประชาชน เพื่อสร้างความไว้วางใจและนำพาพื้นที่ไปสู่ “สันติสุขที่ยั่งยืน” พร้อม

ทั้งพบปะพูดคุยกับกำลังพลอย่างใกล้ชิด รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วย เพื่อใช้ประกอบการวางแผนและปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานทุกนายในการปฎิบัติภารกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่หน่วยฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่/การสร้างความเข้าใจและเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกนายของหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ 2 ปฏิบัติงานด้วยความอดทน เสียสละ และยึดมั่นในหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยและสงบสุข

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีให้ความสำคัญสูงสุดในด้านความปลอดภัยของกำลังพลที่ปฏิบัติงานและความปลอดภัยภายในฐานและรอบ ๆ ฐานปฏิบัติงาน ถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้น ๆ ของทุกหน่วย โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และยุทโธปกรณ์ ตลอดจนสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยจึงได้เน้นย้ำ
กับกำลังพลถึงการดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างรัดกุม ทั้งการจัดเวรยามตรวจการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง การซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ การตรวจสอบความพร้อมของระบบป้องกันฐาน เช่น กล้องวงจรปิด ระบบไฟส่องสว่าง และจุดตรวจรอบฐานอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ยังเน้นการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับกำลังพลทุกนาย ให้ตระหนักถึงการมีระเบียบวินัย การเฝ้าระวังสิ่งผิดปกติรอบตัว และการรายงานเหตุการณ์อย่างทันท่วงที เพื่อให้สามารถตอบโต้สถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันเหตุร้าย แต่ยังเป็นรากฐานของความมั่นคงในพื้นที่ และสะท้อนถึงความพร้อม ความเข้มแข็ง และความเสียสละของผู้ปฏิบัติงานทุกนายที่มุ่งมั่นในการรักษาความสงบสุขของประชาชน

ตอริก สหสันติวรกุล
ผู้สื่อข่าว TOPNEWS / ปัตตานี

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ระดมจิตอาสาพัฒนาสถานศึกษาในพื้นที่ 4 อำเภอของปัตตานี ต่างมาตรวจตราสภาพพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนใหม่นี้

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 2 พย.68 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 จัดกิจกรรม “จิตอาสาฯ พัฒนาสถานศึกษา” โดยบูรณาการความร่วมมือกับบุคลากรทางการศึกษาและอาสาสมัครจิตอาสาในพื้นที่ เพื่อร่วมกันพัฒนาปรับปรุงทัศนียภาพและสภาพแวดล้อมของสถานศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสายบุรี อำเภอกะพ้อ อำเภอทุ่งยางแดง และอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบรรยากาศที่สะอาดถูกสุขลักษณะและปลอดภัยสำหรับนักเรียนก่อนเปิดภาคเรียน

ในการดำเนินกิจกรรม เจ้าหน้าที่ทหารพราน บุคลากรทางการศึกษา และอาสาสมัครจิตอาสาได้ร่วมกันทำความสะอาดบริเวณภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างทั่วถึง ทั้งบริเวณห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ อาคารเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน ห้องน้ำ รวมถึงพื้นที่โดยรอบ พร้อมดำเนินการขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรคบนพื้นผิวสัมผัสต่าง ๆ เพื่อให้สถานศึกษามีความปลอดภัยและเหมาะสมต่อการเรียนรู้ของนักเรียน

กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกำลังพลกับภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานรัฐกับชุมชน รวมถึงปลูกจิตสำนึกด้านการอนามัยและความรับผิดชอบส่วนรวมให้เกิดขึ้นกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกฝ่าย อันจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสนับสนุนการพัฒนาด้านการศึกษาของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน และ เป็นส่วนหนึ่งของ

ภารกิจในการสร้างความมั่นคงควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และเสริมสร้างความปลอดภัยแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ เพื่อให้การเปิดภาคเรียนเป็นไปอย่างราบรื่น นักเรียนสามารถมาโรงเรียนด้วยความมั่นใจและมีสุขอนามัยที่ดี พร้อมเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องต่อไป

ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / หมู่บ้านพฤกษา 15 เปิดงานลอยกระทงเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ชาวหมู่บ้านพฤกษา 15 พร้อมใจแต่งชุดดำ ร่วมพิธีถวายความอาลัย “สมเด็จพระพันปีหลวง” ก่อนเปิดงานลอยกระทงประจำปี บรรยากาศเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและอบอุ่นจากพลังชุมชน
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่ลานเอนกประสงค์หมู่บ้านพฤกษา 15 ตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ นายอำนวย บุญริ้ว

นายกเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีลอยกระทงประจำปีหมู่บ้านพฤกษา 15 โดยมีนายวิชา นาป้อม ประธานนิติบุคคลหมู่บ้านพฤกษา 15 นางสาวกัญญดากร เรืองฤทธิ์ รองประธานนิติบุคคลฯ พร้อมด้วยสมาชิกเทศบาล คณะกรรมการหมู่บ้าน ฝ่ายปกครอง และประชาชนในพื้นที่กว่า 200 คน

เข้าร่วมในพิธีถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวภายในงานมีการจัดพิธีถวายความอาลัยอย่างสงบและสมเกียรติ ผู้เข้าร่วมงานพร้อมใจกันสวมชุดดำหรือชุดสุภาพเรียบร้อย ยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 93 วินาที เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ก่อนเข้าสู่กิจกรรมเปิดงานลอยกระทงประจำปีขณะที่บรรยากาศบริเวณริมทะเลสาบของหมู่บ้านเป็นไปด้วยความคึกคัก พ่อค้าแม่ค้ากว่า 300 ร้านในชุมชนนำสินค้ามาจำหน่าย สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับคนในพื้นที่ โดยหลายร้านเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยเป็นไปอย่างคึกคัก

สำหรับหมู่บ้านพฤกษา 15 ถือเป็นพื้นที่ที่มีการจัดงานลอยกระทงอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปกติจะมีการประกวด “หนูน้อยนพมาศ” และ “นางสาวนพมาศ” เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมไทย แต่ในปีนี้ได้ปรับรูปแบบงานให้เรียบง่ายขึ้น งดการประกวดและกิจกรรมอื่นๆ

เพื่อถวายความอาลัยต่อ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” พร้อมคงไว้ซึ่งการออกร้านแสดงสินค้าและกิจกรรมชุมชน เพื่อให้เศรษฐกิจท้องถิ่นยังคงขับเคลื่อนไปได้

งานลอยกระทงหมู่บ้านพฤกษา 15 ปีนี้จึงเปี่ยมด้วยทั้งความสงบ เรียบง่าย และอบอวลด้วยความจงรักภักดีของประชาชนที่พร้อมใจกันสืบสานประเพณีไทย ควบคู่กับการแสดงออกถึงความภักดี


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สระบุรี เจ้าภาพจัดงานพบปะสังสรรค์ศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

วันอาทิตย์ ที่ 2 พ.ย. 2568 เวลา 10.00 น. เริ่มลงทะเบียนเข้าสู่งาน “งานศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่ง” ณ ตลาดพูลทรัพย์ รังสิต-ปทุมธานี ตำบล บ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี โดยมี นายประสิทธิ์ กิจบุญเลิศ (ประธานรุ่น)
นายธวัชชัย ศรีกิติกุลชัย ประธานร่วมการจัดงานและเจ้าของตลาดพูลทรัพย์

เจ้าของสถานที่นายสำราญ เปสลาพันธ์ รองประธานฯ
นายมงคล โชติอำไพกรณ์ เลขานุการจัดงานฯ
นายปรีชา กิจรัตนกาญจน์ ผู้ประสานการจัดงานภาคกลางศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่ง รวมทั้งเพื่อนๆศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่งทุกท่านร่วมงานฯ

การจัดงานในครั้งนี้เป็นการจัดขึ้นของกลุ่มเพื่อนภาคกลาง ลพบุรี-สระบุรี จัดเพื่อให้พวกพ้องน้องพี่ทุกจังหวัด “ศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่ง” ได้มาร่วมพบปะสังสรรค์ทุกปี เพื่อแสดงออกถึงความรักใคร่สมัครสมานสามัคคีพร้อมใจในหมู่คณะ ร่วมแสดงออกถึง การถวายความอาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงอีกด้วย

และเป็นการจัดงานพบปะสังสรรค์ พูดคุยแลกเปลี่ยนแบบเรียบง่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ประชาชนชาวไทยอยู่ในช่วงของความโศกเศร้าอาลัย และเป็นการถวายความอาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

หลังจากที่ทุกคน ศิษย์เก่าคนเล้าบ้านโป่ง ได้เรียนจบออกไปแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายหาที่เรียนต่อในสถานที่ใหม่ และหลายคนก็แยกไปประกอบอาชีพการงานของตัวเอง ก็จะได้นัดกันมาพบเป็นประจำของทุกๆปี แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีอยู่ในใจเหมือนนั้นคือ “ความกตัญญูรู้คุณของอาจารย์ รู้คุณแผ่นดินไทย และประกอบอาชีพโดยสุจริต” จะยึดอยู่ในใจของศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่งทุกคน

ศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่ง เป็นกลุ่มที่ รวมตัวกันอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เคยกินเคยนอน ฝึกเรียนเขียนอ่าน ร่วมกันมาในห้องเดียวกัน คุณครูเล้า จะเริ่มสอน ตั้งแต่ ชั้นต่ำสุด และต่อถึงชั้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นการสอนแบบโฮมรูม ผู้ที่เรียนในชั้นนั้น วิชานั้นต้องตั้งใจเรียน ตำราเรียน

เป็นแบบโบราณสัมผัส 3 พยางค์ กึ่งๆคำกลอนสอนให้ กตัญญูรู้คุณคน และวิชาวิทยาศาสตร์ กำเนิดโลก วิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และได้สอนถึงชาติพันธุ์มนุษย์มี 5 ผิวสี การเริ่มทอผ้าไหมในสมัยพระเจ้าหวงตี้ การปกครองช่วงสงครามสามก๊กอย่างละเอียด สอนเลขแบบ “ดีดลูกคิด” สอนถึงระดับสูงสุด เทียบเท่า ม.6 ตำราเรียน แบบโบราณ

การจัดงานศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่งครั้งนี้ เพื่อความรักสมัครสมาน ความสามัคคี ในหมู่คณะ “ศิษย์เก่าครูเล้าบ้านโป่ง” โดยจะมีการจัดขึ้นทุกๆปี ในปีหน้าทางเพื่อนกรุงเทพมหานครฯ จะเป็นเจ้าภาพจัด ถือว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นเก่ารุ่นแรกๆ ที่ยังเหลืออยู่ ให้ศิษย์รุ่นหลังๆ ได้เห็นเป็นแบบอย่างต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี ภาพ / ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการคนละลูก มอบเกียรติบัตรแสดงความยินดี ชมรมทูบีนัมเบอร์วัน จังหวัดพังงา ประจำปี พ.ศ.2567

โดยนายพิชญพัทธ์ เรืองชาตรี นายอำเภอตะกั่วป่า (ที่ 7 ซ้ายมือ)ประธานพิธีเปิดมอบรางวัล วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. ณ.ศาลาประชาคมที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาชมรมทูบีนัมเบอร์วัน จังหวัดพังงา ได้ส่งชมรมทูบีนัมเบอร์วัน เข้าประกวดชมรมทูบีนัมเบอร์วันระดับประเทศ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ณ.อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี กรุงเทพมหานคร มีชมรมทูบีนัมเบอร์วัน จากจังหวัดพังงา ได้รับรางวัล 11 ชมรม ดังนี้1.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันอำเภอตะกั่วป่า 2.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันชุมชนตลาดใหญ่

  1. ชมรมทูบีนัมเบอร์วันชุมชนเสนานุชรังสรรค4.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันโรงเรียนเทศบาลบ้านย่านยาว
  2. ชมรมทูบีนัมเบอร์วันโรงเรียนสตรีพังงา6.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันโรงเรียนทุ่งโพธิ์วิทยา
  3. .ชมรมทูบีนัมเบอร์วันชุมชนบ้านย่านยาว
  1. ชมรมทูบีนัมเบอร์วันวิทยาลัยเทคนิคพังงา9.ชุมชนทูบีนัมเบอร์วันบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด(มหาชน)10.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนพังงา11.ชมรมทูบีนัมเบอร์วันเรือนจำจังหวัดพังงา12.นางสาววงเดือน โกยดุลย์ บุคลากรผู้ปฎิบัติงานดีเด่นโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ยอดเยี่ยม ระดับประเทศ ปี 2567 ในโอกาสนี้ ศุภชัย ตัณฑสมบูรณ์ ประธานโครงการคนละลูก กล่าว รู้สึก มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่โครงการคนละลูกได้มีโอกาสร่วมแสดงความยินดี ในครั้งนี้ และขอขอบคุณ THAI PRINTING CENTER บริษัท กีล่าสปอร์ต จำกัด Allgether Design ร้านบ้านปกไหม ที่สนับสนุนโครงการคนละลูกมาโดยตลอด

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี/ฝนถล่มสมุทรปราการคืนที่ 2 ถนนแพรกษาจมบาดาลซ้ำ หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ถูกคลื่นรถบัสซัดล้มจมน้ำ – ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ตรวจระบบระบายน้ำ

จากกรณี ฝนตกต่อเนื่องในคืนที่ 2 ของจังหวัดสมุทรปราการ ( วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ) ซึ่งตกหนักเบาสลับกันไปมากันหลายชั่วโมง ทำให้มีน้ำท่วมขังพื้นผิวการจราจร บน ถนนแพรกษา ช่วงตั้งแต่ปากซอยแพรกษา 1 ไปจนถึง ซอยแพรกษา 8 ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยน้ำท่วมขังทั้ง 3 ช่องการจราจร ระดับน้ำสูงเสมอฟุตบาท ทั้งขาไปและขากลับ

ทำให้รถจักรยานยนต์ และ รถยนต์ สัญจรผ่านได้ลำบาก และมี รถเสียกลางน้ำหลายคันส่วน บริเวณแยกศรีเทพา ซึ่งเป็นจุดตัดของ ถนนเทพารักษ์ และ ถนนศรีนครินทร์ นั้น มีปริมาณน้ำท่วมขัง 10-15 เซนติเมตร น้ำท่วมรอบแยก โดยที่ ถนนศรีนครินทร์ ตั้งแต่ แยกศรีเทพา

ไปจนถึง แยกการไฟฟ้า มีปริมาณน้ำท่วมขังเสมอฟุตบาท รถจักรยานยนต์และรถเก๋งผ่านได้ลำบาก ส่วน ถนนเทพารักษ์ ตั้งแต่ แยกศรีเทพา ไปจนถึง แยกเทพารักษ์ มีน้ำท่วมขังเป็นช่วง ๆ ตลอดสาย น้ำเสมอฟุตบาท ( คลิปแนวตั้งจาก ธน 19-170 บลข.ปากน้ำ ) ในไลน์กลุ่มบรรเทาสาธาณะภัย ด้านแยกปู่เจ้าสมิงพราย

ซึ่งเป็นจุดตัดของถนนสุขุมวิท กับ ถนนปู่เจ้าสมิงพรายนั้น มีน้ำท่วมรอบแยก ปริมาณเสมอฟุตบาท ซึ่งทางด้านเทศบาลที่รับผิดชอบในพื้นที่เร่งสูบน้ำที่ท่วมพื้นผิวการจราจรออกอย่างเร่งด่วนเพื่อเร่งคืนพื้นผิวการจราจรโดยเร็ว แต่ในพื้นที่ขณะนี้ ( 22.00 ) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568

ก็ยังมีฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ขี่ผ่านน้ำท่วมจนเกิดอุบัติเหตุคลื่นน้ำซัดจนพลิกคว่ำ ( เสื้อดำ ) เล่าว่า ตนเองขี่รถมาตามปกติซึ่งขณะที่กำลังขี่ฝ่าน้ำท่วมนั้น มีรถบัสได้ขับผ่านมาทำให้คลื่นน้ำนั้นซัดจนรถจักรยานยนต์ของตนเองล้มไปกับน้ำท่วม แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย ด้าน ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองแต่มือของเขาชูอยู่เหนือน้ำ

โดยที่คลื่นน้ำจากรถบัสซัดรถจักรยานยนต์ของเขาจนลอย ตัวของเขาจมน้ำตนเองก็เลยช่วยกันขึ้นมาซึ่งตรงที่เขาจมนั้นน้ำลึกด้วย โดยทั้งวันนี้ ทางด้าน นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ

ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เช่น ในพื้นที่ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี ซึ่งมีน้ำข่วงขังพื้นผิวการจราจร ถนนเทพรัตน์ ช่องคู่ขนาน หลายจุด และ ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ เดินทางตรวจสอบประตูระบายน้ำคลองบางปิ้ง

ขอบคุณภาพน้ำท่วมถนนศีนครินทร์ : ธน 19-170 บลข.ปากน้ำ
ขอบคุณภาพผู้ว่าลงพื้นที่ตรวดน้ำท่วมขังบางนาตราด : FB : สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว สมุทรปราการ ขอบคุณภาพผู้ว่า และ รองนายก อบจ. ลงพื้นที่ตรวดประตู้น้ำบางปิ้ง : FB : Torsak Asvahem

เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /วงการบันเทิงเศร้า เมื่อ คุณ พล พลาพร อดีตพระเอกละครเรื่องดาวพระศุกร์ ได้เสียชีวิตวัย 76 ปี

บิณฑ์ ไม่ทิ้งอดีตพระเอกดาวพระศุกร์จัดพิธีวาระสุดท้ายส่งร่าง พล พลาพร
จากกรณีที่ทางด้าน คุณ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เคยออกมาโพสต์เรื่องเศร้าของคนในวงการบันเทิง เมื่อ คุณ พล พลาพร อดีตพระเอกละครเรื่องดาวพระศุกร์ ได้เสียชีวิตลงในบ้านสุขสุดท้าย ด้วย วัย 76 ปี

สาเหตุจากการติดเชื้อในต่อมลูกหมาก โดยเสียชีวิตเมื่อเวลา 03.40 น. บ้าน สุขสุดท้าย ที่ทางคุณบิณฑ์ ได้รับคุณ พล พาลาพร ไปดูแลอย่างดีเรื่อยมากระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต โดยทางด้าน คุณบิณฑ์ ได้นำร่างมาประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่คืนวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00 น. ทางคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมคณะ และ พระวชิรคณาทร (เจ้าคุณแจ้) รวมถึงคนในวงการบันเทิงที่สนิทและคุ้นเคยกับทางคุณ พล พลาพร

ได้ร่วมกันจัดพิธี ฌาปนกิจ ให้กับร่างของคุณ พล ณ เมรุ วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยการจัดงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย ซึ่งมีบุตรสาวทั้งสองคนเดนิทางมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ด้าน คุณ บิณฑ์ ระบุว่า สำหรับ คุณ พล พลลาพร หลังจากล้มป่วยเป็นอัมพาตมาได้ระยะและต้องอยู่ในบ้านพักคนเดียวโดยไม่มีใครดูแลเมื่อห้าปีที่ผ่านมา หลังจากที่ตนเองทราบข่าวก็เดินทางไปรับมาดูแลในบ้านสุขสุดท้ายอย่างดีจนแกมีความสุขดี

ทุกครั้งที่ตนเองไปที่บ้านสุขสุดท้าย แกจะคอยจับมือบีบมือตนเองจนแน่นเพื่อแสดงออกให้รู้ว่าเขายังแข็งแรงและมีรอยยิ้มมีความสุขอยู่ในบ้านสุขสุดท้าย กระทั่งมาถึงวาระสุดท้ายของแก ซึ่งตนเองก็เสียใจที่สูญเสียแกไป และเมื่อแก

จากไปก็จึงทำหน้าที่ดูแลจนวาระสุดท้าย ให้ดีที่สุด หากบอกพี่พลให้รับรู้ได้ตนเองก็อยากบอกแกไม่ต้องห่วงอะไรอีก โดยเฉพาะลูกๆสองคนก็เดนิทางมาร่วมงานและมาหาแกแล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ทางลูกๆจะนำอัฐิแกไปลอยอังคารด้วยตัวเอง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง