
***เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 3 ส.ค. 68 ที่ศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาเป็นประธานฝ่ายฆารวาส ประกอบพิธีพระราชเพลิงศพ 7 ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การปะทะด้านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ประกอบพิธี

***โดยพิธีพระสงฆ์ตั้งพัดยศ สวดมาติกา เจ้าหน้าที่อัญเชิญกล่องเพลิงและผ้าไตรพระราชทาน เจ้าหน้าที่อ่านหมายรับสั่ง ญาติอ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ประธานในพิธีขึ้นทอดผ้าไตรบังสุกุลพระราชทาน จำนวน 5 ไตร

หน้าจิตกาธาน พระสงฆ์สมณศักดิ์ 5 รูป พิจารณาผ้าไตรพระราชทาน ประธานในพิธี ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ แขนผู้มีเกียรติและผู้เข้าร่วมในพิธีขึ้นวางดอกไม้จันทน์ ถือว่าเสร็จพิธี

***ทั้งนี้หลังวางดอกไม้จันทน์ เสร็จแล้วจะมีคลื่อนศพไปตามวัดที่จัดไว้เพื่อไปฌาปนกิจศพ ดังนี้ ที่เมรุวัดมหาพุทธธาราม พระอารามหลวง จะมี 4 ร่าง ได้แก่ นางสาวรุ่งรัตน์ ประชัน, เด็กหญิงทักษพร ประชัน, เด็กชายพงศภัค ประชัน และ

เด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ขณะที่เมรุ วัดเจียงอี ศรีมงคลวราราม พระอารามหลวง จะมีร่างของ นางอรุณรัตน์ วันศรี ส่วนที่เมรุ วัดหลวงสุมังคลาราม พระอารามหลวง จะนำร่าง นางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง ไปประกอบพิธี และที่เมรุ วัดเพียนาม อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ จะนำร่าง นายสมศรี ลาภบุญ ไปประกอบพิธีประเพลิง

***โดยหลังจากที่ ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ว่างดอกไม้จันทน์เสร็จได้เดินเข้ามาคุยกับครอบครัวผู้สูญเสีย และกอดปลอบใจญาติผู้สูญเสีย พร้อมกับได้แลกเบอร์กันไว้เผื่นได้ติดต่อช่วยเหลือ โดยก่อนจะนำร่างไปฌาปนกิจได้มีการทำพิธีขอขมาผู้วายชนม์ ทั้งนี้บรรยากาศในแต่ละวัดที่นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย

ไปฌาปนกิจ ช่วงนำโลงศพขึ้นเมรุ และขึ้นเตาเผาศพ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติๆ ผู้มาร่วมงาน ต่างร้องไห้กอดรูปถ่ายกันระงม ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ นายเอกรัฐน์ วันศรี อายุ 39 ปี เป็นลูกชายคนโตของ นางนางอรุณรัตน์ วันศรี ที่เสียชีวิตที่สวนยางหลังปั๊มน้ำมันที่ระเบิดตกลงใส่ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ที่ต้องเสียคุณแม่ไป

วันที่เกิดเหตุตนได้คุยกับแม่ว่าวันที่ 5 หมอนัดแม่ตรวจหัวเข่าตนจะลางานเพื่อพาแม่ไปพบหมอที่โรงพยาบาล พอพูดเสร็จแม่ก็ปั่นจักรยานไปหยอดน้ำกรดที่สวนยางตรงจุดเกิดเหตุ แม่ไปไม่ถึงชั่วโมงระเบิดจากกัมพูชาก็มาลงจนทำให้แม่ตนเสียชีวิตคาที่ ตนอยากสะท้อนหรือถามทหารกัมพูชาว่าทำไมถึงต้องมายิงระเบิดใส่แม่ตนใส่ประชาชนจนทำให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยต้องมาเสียชีวิต

***สุดท้ายนี้ตนอยากบอกแม่ว่า ตนรักและเป็นห่วงแม่เสมอเพราะที่ผ่านมาร่างกายแม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงขอให้แม่ไปสู่สุคติไม่ต้องเป็นห่วงลูกหลานอยู่ทางบ้าน จะดูแลกันเองตนจะเข้มแข็งและสู้ชีวิตต่อไป หลังจากที่ทำพิธีพระราชทาน

เพลิงศพเสร็จครอบครัวก็จะปรึกษากันกับญาติก่อนว่าจะเอาอัฐิแม่ไปทำพิธีตามประเพณีทางพระพุทธศาสนาแบบไหน แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ความปลอดภัยด้วยเพราะตอนนี้อยู่ในช่วงอพยพไม่สามารถเข้าไปที่บ้านได้
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์