
***ผู้สื่อข่าวรายนงานว่า จากกรณีที่ทางธนาคาร ธกส ได้ประกาศเริ่มโอนเงิน ไร่ละ 1,000 บาท ตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังและนาปี ไร่ละ 1,000 บาท เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้พี่น้องเกษตรกร ให้สามารถปลูกข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้นโดยจะแบ่งเป็นเกษตรกรที่อยู่ในแต่ละภูมิภาค ดังนี้
1 ก.ย. 68 โครงการนาปรัง ปี 2568 เกษตรกร 769,461 ราย 6,280 ล้านบาท (ทั่วประเทศ)
2 ก.ย. 68 โครงการนาปี 2568 เกษตรกร 286,831 ราย 2,459 ล้านบาท (ภาคเหนือ)
3 ก.ย. 68 โครงการนาปี 2568 เกษตรกร 1,291,298 ราย 10,586 ล้านบาท (ภาคอีสาน)
4 ก.ย. 68 โครงการนาปี 2568 เกษตรกร 137,478 ราย 1,254 ล้านบาท (ภาคอื่น ๆ)

***ล่าสุดวันนี้ (3 ก.ย. 68) บรรยากาศที่หน้าตู้เอทีเอ็ม และหน้าตู้ปรับสมุดบัญชีธนาคาร ธกส. สาขาอำเภอเมืองศรีสะเกษ คึกคักเต็มไปด้วยชาวเกษตรกรที่มาต่อคิวยาว เพื่อรอปรับสมุดเงินฝาก ธกส. และกดเงินจากตู้กดเงินธนาคาร ธกส. โดยผู้สื่อข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับเกษตรกรรายหนึ่งได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนมากดเงินไร่ละ 1,000 บาท ถ้าได้เงินตัวไปตนจะนำไปซื้อปุ๋ยจ่ายค่าไถหว่านข้าว ปีนี้ถือว่าได้เร็วกว่าทุกๆปี

ต้องขอขอบคุณรัฐบาลอยากให้รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือแบบนี้ทุกๆปีจะได้ช่วยเหลือชาวนา ส่วนความเห็นเรื่องการเมืองตนไม่อยากให้ยุบสภา เพราะเศรษฐกิจไม่เหมือนเดิมแล้วถึงใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลก็คงเหมือนเดิม ตนอยากให้รัฐบาลชุดเก่าทำหน้าที่ต่อไป เหลืออีก 2 ปี รัฐบาลก็ต้องหมดวาระลงแล้วอยากให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยบริหารต่อไปอีก ถ้าเสื้อส้มกับเสื้อน้ำเงินจับมือกันโหวตนายกคนใหม่ตนไม่เห็นด้วย

***ด้าน นางไพบูลย์ ลาทุลี อายุ 70 ปี วันนี้ตนมาดูเงินไร่ละ 1,000 บาทที่รัฐบาลช่วยค่าปุ๋ยค่าเก็บเกี่ยววันนี้เงินเข้าบัญชีแล้ว ตนได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกไว้ 13 ไร่ ตนได้รับเงินทั้งหมด 10,000 บาท ตนรู้สึกดีใจและชื่นใจสุดๆตนขอขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยเหลือประชาชนตนจะเอาเงินนี้ไปซื้อปุ๋ยซื้อของใช้ใส่บ้านตนอยากให้รัฐบาลทำแบบนี้ตลอดทุกๆปี

ปีนี้ถือว่ารัฐบาลให้เงินเร็วมากไม่เหมือนปีที่ผ่านๆมาจ่ายล่าช้า ส่วนความคิดเห็นเรื่องการเมืองตนขอเป็นใครก็ได้ขอแค่ให้เข้ามาพัฒนาให้เศรษฐกิจดีอยู่ดีกินดีก็พอ
***เช่นเดียวกับวินมอเตอร์ที่อยู่หน้าธนาคาร เปิดเผยว่า ส่วนตัวถ้ามีการยุบสภาจริง ก็ถือว่าดี จะได้คืนอำนาจให้กับประชาชน และพวกตนก็พร้อมเลือกตั้งนายกคนใหม่ เพื่อให้เข้ามาพัฒนาประเทศ และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

เปิดใจทหารกล้าหน่วยบินโดรมทิ้งระเบิด หลังออกไปทำภารกิจ 4 นาย ตาย 3 รอด 1 นาย
***เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านอีปาด ตำบลอีปาด อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ทราบข่าวว่า ส.อ.สุทธิชัย เรื่อเรือง สังกัด กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 ได้กลับบ้านมารักษาตัวแล้ว หลังออกไปปฏิบัติหน้าที่บินโดรนทิ้งระเบิกใส่ทหารกัมพูชา แล้วบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิด โดยพอไปถึง ส.อ.สุทธิชัย เรื่อเรือง หรือ เอก ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันนั้นเป็นวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมาตนได้รับภารกิจบินโดรมทิ้งระเบิดที่ปราสาทตาควายจังหวัดสุรินทร์ ภารกิจในวันนั้นจะมีทหารออิกปฏิบัติการทั้งหมด 10 นาย ซึ่งในนั้น 4 นาย จะเป็นของหน่วยตนที่มีหน้าที่นำโดรมออกไปทิ้งระเบิก

***โดยระหว่างการปฏิบัติหน้าที่นั้นมีการยิงปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจุดที่ตนอยู่จะห่างจากจุดปะทะฝั่งกัมพูชาประมาณ 500 เมตร โดยจังหวะที่ตนกำลังก้มลงเก็บ notebook ได้มีระเบิดที่ยิงมาจากฝั่งกัมพูชาได้ตกลงข้างๆที่พวกคนอยู่ ทำให้สะเก็ดระเบิดโดนเพื่อนทหารและตนจนทำให้เพื่อนเสียชีวิตทั้ง 3 นาย และตนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เท่ากับว่าไป 4 นาย ตาย 3 รอด 1 นาย

***ตนโดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่ลูกตาทั้ง 2 ข้าง จนตนรู้สึกมองเห็นฝ้ามัวไปหมด และแขนข้างขวาโดนสะเก็ดระเบิดจนกระดูกหักตอนแรกตนคิดว่าแขนขาไปแล้ว ตนตั้งสติได้จึงร้องบอกให้เพื่อนๆดึงตัวเข้าที่กำบังจากนั้นเรียกหน่วยพยาบาลเข้าช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล อาการตอนนี้ดีขึ้นแล้วหมอให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา หมอได้ผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกจากตาทั้ง 2 ข้างได้อย่างปลอดภัยตาข้างขวามองเห็น 100% แล้วแต่ตาข้างซ้ายยังมัวอยู่นิดหน่อยต้องใช้น้ำตาเทียมหยอด ส่วนแขนหมอได้ทำการผ่าตัดใช้เหล็กดามกระดูกหมอได้ผ่าตัดเย็บถึง 3 ชั้น เย็บกว่า 100 เข็ม ตอนนี้ก็เริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

***ส.อ.สุทธิชัย เรื่อเรือง กล่าวต่อไปว่า จากการดูแม่ทัพภาคที่ 2 เล่าถึงตนและทหารทุกนายที่ได้รับบาดเจ็บตนรู้สึกภาคภูมิใจและขอขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ให้เกียรติและให้การดูแลพร้อมเข้ามาให้กำลังลูกน้องทุกนายที่ได้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ถ้าตนหายเป็นปกติแล้วถึงร่างกายจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ตนก็ยังจะขอกลับไปรับใช้ชาติต่อไป ถ้าในภารกิจแนวหน้ามีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ตนไปปฏิบัติหน้าที่ตนก็ยังจะไปเหมือนเดิม ตนขอฝากเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆน้องๆทหารแนวหน้าทุกนายที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้ และอยากให้ทหารทุกนายมีแว่นไว้ป้องกันสายตาเพราะสายตาเป็นจุดที่สำคัญและเป็นจุดที่อ่อนโยนที่สุดถ้าเกิดเหตุเหมือนตนจะได้มีแว่นไว้ป้องกันภัยอันตรายที่จะเกิดกับดวงตาเราได้
