สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “รองแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก เผยข้อเท็จจริง 11 ข้อ ปมปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา รุกล้ำกว่า 400 ครั้ง” ลั่น! อย่าดันถึงศาลโลก เปิดใจคุยกันแบบลูกผู้ชายดีกว่า

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 7 มิถุนายน 2568 พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความในใจและเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการรุกล้ำอธิปไตยของฝ่ายกัมพูชาที่เกิดขึ้นกว่า 400 ครั้ง แม้ฝ่ายไทยจะประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับได้รับการตอบสนองเพียงเล็กน้อย พล.ต.ณัฏฐ์ เปิดเผยข้อเท็จจริง 11 ประการที่สรุปใจความได้ดังนี้:

1.ไทย-กัมพูชามีปัญหาเรื่องเส้นเขตแดนมายาวนานเนื่องจากยึดถือหลักฐานแผนที่ที่ต่างกัน
2.แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นผลผลิตจากสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ ค.ศ.1907 เป็นแผนที่มาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด

  1. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่าเพื่อแก้ไขปัญหาการยึดเส้นเขตแดนที่แตกต่างกันตามข้อ 1 และข้อ 2 จึงตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) ขึ้นมาเพื่อร่วมกันจัดทำแนวเขตแดนระหว่างกันให้ชัดเจนและเป็นเป็นที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่าย โดยผลผลิตสุดท้ายคือ หลักเขตแดน และแผนที่
  1. ขณะที่ JBC ทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้การทำงานราบรื่นทั้งสองฝ่ายจึงมีข้อตกลง MOU43 สาระสำคัญข้อ 5 ระบุไม่ให้ทั้งสองฝ่ายดัดแปลงภูมิประเทศตามแนวชายแดนซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสันปันน้ำ
  2. ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาละเมิด MOU43 มาโดยตลอด ขยายชุมชน สร้างกาสิโน ปลูกพืชไร่ประชิดชายแดน ที่เป็นการทำลายสันปันน้ำ เราประท้วง 400 กว่าครั้งแต่ให้ความร่วมมือแก้ไขน้อยมาก ในขณะที่ฝั่งเราเป็นเขตอุทยานเข้าไปทำอะไรไม่ได้
  1. พื้นที่ช่องอานม้า ก่อนเกิดเหตุเผาศาลาตรีมุข(28 ก.พ.68) ทหารกัมพูชาวางกำลังห่างชายแดนไม่น้อยกว่า 500 ม. เราก็วางกำลังห่างระยะใกล้เคียงกัน ย่านกลางนั้นเป็นพื้นที่แห่งสันติภาพไปมาหาสู่ ประสานงาน พูดคุยแก้ปัญหากัน
  2. วันที่ 28 ก.พ.68 กัมพูชาเผาศาลาตรีมุข เคลื่อนกำลังขึ้นมาวางที่ต้นพญาสัตบรรณซึ่งล้ำอธิปไตยไทยเข้ามาประมาณ 150 ม. รวมถึงขุดคูเลททำลายสันปันน้ำละเมิด MOU43
  3. ฝ่ายเราพยายามแก้ปัญหาโดยสันติ อดทนอดกลั้น เจรจาขอให้ถอนกำลังที่รุกล้ำอธิปไตยไทยออกไปหลายครั้งแต่เขมรก็ไม่ยอมถอน สุดท้ายมีการใช้อาวุธเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68
  1. ผู้บังคับบัญชาของไทยทุกระดับพยายามแก้ไขปัญหาโดยสันติ เจรจาขอให้ถอนกำลังจากจุดที่รุกล้ำ แต่เขมรอ้างว่ากำลังส่วนนี้วางอยู่เดิมมาตั้งแต่ก่อนมี MOU43 ซึ่งไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอนเพราะถ้ามีกำลังวางอยู่จุดนี้เมื่อปีที่แล้ว(ส.ค.67) ผมจะเดินผ่านจุดนี้เข้าไปที่ศาลาตรีมุขได้อย่างไร
  2. เขมรอ้างว่าถูกรุกราน ไทยไม่แก้ปัญหาโดยสันติ จะขยายความขัดแย้งสู่ศาลโลก ทั้งๆที่สองประเทศมีกลไกแก้ไขปัญหาร่วมกันอยู่ โดยอ้างว่าปัญหาจะได้จบ ถามว่ามันจะจบได้อย่างไร?
  1. กัมพูชายังเสริมกำลังทหาร อาวุธยุทโปกรณ์ พยายามจะนำกำลังขยายไปควบคุมพื้นที่อื่นๆตลอดแนวชายแดนทั้งๆที่พื้นที่เหล่านั้นเดิมทั้งสองฝ่ายไม่มีการวางกำลัง เป็นป่าเป็นเขา ถ้าเราเอากำลังไปวางเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยก็เผชิญหน้ากัน ทำเพื่ออะไร?
  2. กติกาสองบ้านเรามีอยู่ เรามาเปิดหน้าคุยกันอย่างลูกผู้ชายดีกว่าไหม ถ้าเรื่องถึงโรงถึงศาลลูกหลานเราก็จะเป็นปรปักษ์กันตลอดไป จะเกิดประโยชน์อะไรถ้าคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​