สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตลาดช่องสะงำเงียบเหงา หลังมีประกาศปรับวันเวลาปิด-เปิด ด่านใหม่ ด้านพ่อค้า โวย ได้รับผลกระทบขาดรายได้ สินค้าค้างสะต๊อก

แชร์เนื้อหานี้

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีประกาศทางหทารว่าให้มีการปิด หรือ ปรับวันเวลาเข้าออกด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ ก็เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีด่านถาวร คือ ด่านชายแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูมิสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยตามประกาศได้มีการปรับวันและเวลา เปิด-ปิด คือจากเดิมจะเปิด-ปิด ทุกวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึงเวลา 22.00 น. โดยให้คนผ่านเข้า-ออกโดยใช้ Passport และ Border Pass สินค้าตามระเบียบศุลกากร ยานพาหนะผ่านได้ตามระเบียบขณะที่ประกาศตัวใหม่ ให้ด่านชายแดนถาวรช่องสะงำ เริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 08.00 น. ปิดเวลา 15.00 น. ซึ่งจะเปิด-ปิดด่านแค่วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เพียงเท่านั้น โดยจะให้คนผ่านเข้า-ออกโดยใช้ Passport และ Border Pas จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์ตามกฎหมาย งดการส่งออกสินค้าเพื่อการก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ ยานพาหนะ ผ่านได้ตามระเบียบ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้เป็นไปตามระเบียบและหลักสากล โดยให้ปิดจุดผ่านแดน เมื่อมีการปะทะ บริเวณพื้นที่ชายแดน

***ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจที่หน้าด่านชายแดนถาวรช่องสะงำ พบว่าบรรยากาศทรี่ฝั่งไทยเงียบเหงา มีเพียงทหาร และเจ้าหน้าที่ประจำด่านค่อยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เพียงเท่านั้น ส่วนประตูที่เคยเปิดให้ชาวกัมพูชา และชาวไทย ได้เข้าออกเพื่อไปซื้อหาสินค้าถูกปิดลง แต่ที่ฝั่งกัมพูชา จะเห็นได้ว่ามีชาวกัมพูชามายืนดูยืนค่อยที่หน้าด่านกันหลายคนพอสมควร และยังขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ขับไปรถมาอยู่ตลอดเวลาภายในด่านฝั่งกัมพูชา

***ต่อมาผู้สาอข่าวได้เดินทางไปสำรวจตลาดช่องสะงำ (ที่อยู่ฝั่งไทย) ที่ห่างจากด่านชายแดนถาวรช่องสะงำ ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยปกติวันนี้(วันอาทิตย์) และวันพฤหัสบดี จะมีตลาดนัด มีพ่อค่าแม่ค้า และชาวไทยและชาวกัมพูชา เข้ามาจับจ่ายซื้อของอุปโภค บริโภค กันคึกคัก พอไปถึงพบว่าตลาดช่องสะงำ จุดดังกล่าวปิด ไม่มีพ่อค้าแม่ค้ามาเปิดร้านขายของเหมือนดังเดิม โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายสมเกียรติ พงษ์เมือง อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในพ่อค้าที่มาเปิดร้านค้าผลไม้อยู่ที่ตลาดแห่อยู่เป็นประจำ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปกติทุกวันพฤหัสบดี กับวันอาทิตย์ตน ตนจะขึ้นมาเปิดร้านขายของที่ตลาดนี้เป็นประจำทุกนัด แต่มาวันนี้ตนขับรถมาถึงตลาด โดยไม่รู้ว่ามีการปิดด่าน พบมาถึงก็งงทำไม่มีคนเข้ามาซื้อขายสินค้าเลย โดยปกติตลาดแห่งนี้จะมาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนเข้ามาเลือกซื้อและแลกเปลี่ยนสินค้าภายในตลาด ถ้าโดยปกติแล้วประมาณ 07.00 น.จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายสินค้าและมีประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา เข้ามาเลือกซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมาก

แต่มาวันนี้ตลาดปิดเงียบไม่มีคนเข้ามา หลังจากนี้ตนก็จะต้องกลับบ้านไปหาเร่ขายตามหมู่บ้าน และไม่รู้ว่าจะขายหมดหรือไม่ ตนใช้เงินในการลงทุนในแต่ละรอบก็เยอะ ในใจตนไม่อยากให้ปิดด่านเลยเพราะตนต้องทำมาหากินและมีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพในแต่ละวัน ตนอยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยากให้ค่อยพูดค่อยจากันถอยหลังคนละก้าว อยากให้ทั้งสองฝ่ายรักกันเหมือนเดิม ถ้ามาทะเลาะกันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

***ด้าน นางสาวคำแก้ว สีอุดอน อายุ 40 ปี เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกค้าที่จะมาหาซื้ออาหารทะเลและของสดทุกอย่างเป็นประจำทุกนัดวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์เพื่อไปขายต่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรานำไปขายต่อจะมาซื้ออยู่ที่ตลาดแห่งนี้ พอมาวันนี้มีการประกาศปิดด่านพ่อค้าแม่ค้าไม่มาขาย วันนี้เท่ากับว่าตนมาจับจับปลามือเปล่าไม่มีอะไรกลับไปขายต่อเลย ตนได้รับผลกระทบหลายอย่าง ทำให้ตนต้องขาดรายได้ ตนอยากให้ทั้ง 2ประเทศตกลงกันคุยกัน หาทางออกที่ดีร่วมกันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้

***ขณะที่ นายอิสระ บัวขันธ์ อายุ 46 ปี เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในการส่งสินค้าให้กับประเทศกัมพูชา วันนี้ตนได้สั่งสินค้าเข้ามาตามเต็มคันรถ ซึ่งเป็นสินค้าที่นำมาขายให้ลูกค้า และสั่งมาตามรับออเดอร์ที่ทางลูกค้าฝั่งกัมพูชาสั่งมา พอมาวันนี้มีการประกาศปิดด่านฉุกเฉิน ทำให้ตนตั้งตัวไม่ทันสินค้าหรืออาหารสดที่สั่งมาเป็นจำนวนมากนั้นตนกลัวว่าจะเกิดความเสียหาย ตนขอฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าถ้าจะมีการปิดด่านฉุกเฉินแบบนี้อยากให้แจ้งหรือมีกำหนดวันเวลาล่วงหน้าที่ชัดเจนก่อน

พอที่จะได้ว่างแผนรับมือได้ เราไม่ได้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพราะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทุกวันนี้ประชาชนทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งหรือพูดจาที่รุนแรงเพราะต่างฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ที่มากไปกว่านั้นคือประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ทางด้านครอบครัว บางครอบครัวทั้งสองประเทศลูกหลานไปแต่งงานเป็นดองกัน ทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยทำให้ประชาชนไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องปกติสุขอยู่แล้ว พอมามีเรื่องขัดแย้งระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปมาหาสู่กันยากลำบาก แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินมีการสู้รบกันจริงๆตนก็พร้อมที่จะรับมือ แต่ในใจลึกๆก็ไม่อยากให้เกิดอยากให้คุยกันตกลงกันแบบสันติวิธี
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

นายด่าน แจงปม กัมพูชาซื้อเกลือไทยไปให้ทหารกัมพูชาในป่า กว่า 2 พันตัน เบื้องต้นไม่จริง วอนอย่าปันข่าวให้ชาวบ้านแตกตื่น จนเป็นปัญหาระหว่างประเทศอีก

***จากกรณีที่มีข่าวออกมาว่าชาวกัมพูชาแห่มาซื้อเกลือที่ฝั่งไทย ทางด่านช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมาซื้อไปกว่า 2,800 กว่าต้น เพื่อเอาไปให้ทหารกัมพูชาดำรงชีวิตในป่า ล่าสุด นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลการกรช่องสะงำ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวที่ออกข่าวไปว่ามีการส่งออกเกลือถึง 2,800 กว่าต้น ให้กับทางกัมพูชานั้นไม่เป็นความจริง ข่าวที่นำเสนอไปนั้นเป็นภาพรวมทั้งเดือน พฤษภาคม 68 ไม่ใช่เป็นวันเดียว ซึ่งภาพรวมปกติไม่ได้มีการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด เป็นการส่งออกทุกเดือนตั้งแต่ยังไม่มีปัญหาเรื่องชายแดน

จนถึงวันนี้ ยังคงมียอดส่งออกปกติ ไม่ได้มียอดกระโดดสูงหรือมีบริมาณส่งออกมากจนผิดปกติ โดยสิ่งของที่ส่งออกตอนนี้ส่วนมากจะเป็นสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค เช่น น้ำผลไม้ นมถัวเหลือง เกลือ ซึ่งภาพที่ออกไปนั้นเป็นเมื่อวาน (6 มิ.ย. 68) จริงตนก็อยู่ในวันนั้นซึ่งเป็นภาพรายงานในแต่ละวันไม่รู้ว่าผู้สื่อข่าวนำมาจากแหล่งไหน โดยการส่งออกเกลือในวันนั้นมีไม่กิโลกรัมเองซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการส่งออกในรอบวัน มีเพียงหนึ่งคันรถเท่านั้น และเป็นการซื้อขายส่งออกระหว่างภาคเอกชนตามปกติ ไม่ใช้ของทหารมาซื้อ หรือ ใครมาซื้อไปให้หทารแต่อย่างใด เพราะจริงๆแล้วห่างออกไปจากด่านถาวรช่องสะงำ ไม่ไกลจะมีตลาดขนาดใหญ่ คือ ตลาดอลเวง ที่เป็นตลาดรองรับสิ่งค้าต่างจากประเทศไทย

***นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลการกรช่องสะงำ กล่าวต่อไปว่า ส่วนบรรยากาศภาพรวมหน้าด่าน ร่วมถึงการส่งออกที่หน้าด่าน ตอนนี้ยังคงสงบสุขดี ยังมีการเปิดด่าน และมีการส่งออกสิ่นค้าตามปกติ แต่ปริมาณคนเข้าออกระหว่างประเทศนั้นลดลงกว่าปกติถึง 30-40 % เนื่องจากมีความกังวลถ้าผ่านด่านเข้ามาแล้วอาจจะมีการปิดด่านกะทังจนไม่สามารถกลับไปยังประเทศไม่ได้ ส่วนกำลังทหารนะตอนนี้ที่หน้าด่านพรมแดนยังไม่มีการเสริมกำลังเข้าไปในหน้าด่านแต่อย่างใด เพราะตนคิดว่าทางทหารก็อยากจะทำให้ทางหน้าด่านดูสงบปกติ ส่วนแนวโน้มเรื่องการปิดด่านตอนนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งแจ้งให้ปิดด่านแต่อย่างใด
***ทั้งนี้ หาก สื่อมวลชนหรือท่านใด อย่างจะทราบข้อเท็จจริง หรือนำไปเสนอข่าวให้สอบถามข้อมูลหรือข้อเท็จจริงก่อน สามารถเข้ามาสอบถามหรือโทรศัพท์สายตรงมาสอบถามกับนายด่านศุลการกรได้ทุกเมื่อ เพราะการที่เอาข้อมูลหรือภาพไปนำเสนอที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ข่าวที่ออกไปอาจจะทำให้พี่น้องประชาชน เกิดความแตกตื่นหรือเข้าใจผิดได้ และจะให้เกิดผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่และประเทศไทยได้
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์