
.จัดงานกินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการรณรงค์บริโภคกุ้ง ในงาน “กินกุ้งส่งเสริมการค้าตลาดด่านสิงขร“ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 8-17 สิงหาคม 2568 ณ สนามตลาดการค้าชายแดนด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

ซึ่งทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ จัดจำหน่ายกุ้งขาวแวนนาไม โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ณ บริเวณอาคารตลาดไทยสิงขร (สนามตลาดการค้าชายแดนด่านสิงขร)
🔅เฉพาะวันที่ 9-11 สิงหาคม และ วันที่ 16-17 สิงหาคม 2568 เพียง 5 วันเท่านั้น
จำหน่ายกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 40-50 ตัว/กก.
เพียงวันละ 100 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 175 บาท
ไฮไลท์ภายในงานฯ แจกคูปองเงินสดส่วนลดราคากุ้ง มูลค่า 50 บาท ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนเช็คอิน 80 คนแรก/วัน
เหลือเพียง กก.ละ 125 บาท (จำกัดคนละ 1 กก.)
เริ่มลงทะเบียนเช็คอินในเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าคูปองจะหมด
มีบริการย่างฟรี พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ
จำหน่ายกุ้งวันละ 100 กิโลกรัมเท่านั้น
คูปอง จำกัดคนละ 1 กก. (จำนวน 80 กก.)
ราคาปกติ จำกัดคนละ 2 กก. (จำนวน 20 กก.)
คูปองนี้ใช้ได้เฉพาะบูธของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

”ประชาธิปัตย์“ประกาศปลดประเทศไทยจากแชมป์โลก
แก้ปัญหาเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลก
ลด50%ท้าทายเป้ายูเอ็น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.เปิดเผยถึงแนวทางนโยบายแก้ปัญหาคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกวันนี้ว่า ประเทศไทยครองอันดับ1 ประเทศที่มีคนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนทุก 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นหนึ่งในวิกฤตของชาติแม้วันเวลาที่ผ่านมาทุกภาคส่วนจะพยายามแก้ไขปัญหานี้แต่ยังไม่บรรลุผลจนภัยจากจักรยานยนต์มีสัดส่วนกว่า70% ของอุบัติภัยทางถนนยังไม่รวมความเสียหายจากการบาดเจ็บทุพลภาพและทรัพย์สินของแต่ละครอบครัวและประเทศชาติรวมทั้งอุบัติเหตุทางถนนยังส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉลี่ย 3% ของ GDP
ด้วยเหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์จึงมอบหมายให้จัดทำแนวทางนโยบาย “ปลอดจากภัยจักรยานยนต์” ครอบคลุมหลายมิติทั้งด้านกฎหมาย ความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน โครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างจิตสำนึกเพื่อร่วมในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ภายใต้ข้อมติของ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติซึ่งประกาศให้ช่วงปี พ.ศ. 2564–2573 เป็นทศวรรษที่สองของการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทางถนนโดยมีเป้าหมายที่จะลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนนลงอย่างน้อยร้อยละ 50 ดังนี้

- นโยบายมาตรฐานความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์
1.1จำกัดความเร็วและปรับสเปครถปัจจุบันรถจักรยานยนต์ในไทยมีความเร็วสูงสุด 140-160 กม./ชม. ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานสากล (120-140 กม./ชม.)
ทำให้ควบคุมยาก เสนอให้ลดความเร็วสูงสุดและปรับหน้าปัดความเร็วให้สอดคล้องกับประเทศอื่น
1.2 เปลี่ยนหน้ายางรถจักรยานยนต์ซึ่งมีขนาดหน้ายางแคบ (60-70 มม.)ทำให้เกาะถนนน้อยเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยเพิ่มความกว้างหน้ายางตามมาตรฐานสากลคือขนาด 80-90 มม.
1.3บังคับใช้ระบบเบรก ABS
รถจักรยานยนต์ขนาด 110 ซีซี ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมมักไม่มีระบบ ABS แม้ไทยมีโรงงานผลิตระบบนี้แต่ส่งออกทั้งหมด ควรบังคับให้รถทุกขนาดในไทยติดตั้ง ABS เพื่อลดอุบัติเหตุ เพราะ 80% ของการตายจากรถจักรยานยนต์เกิดจากรถขนาด 110 ซีซี - ปฏิรูปกฎหมายและใบอนุญาตขับขี่
2.1 ใช้ระบบใบอนุญาตแบบขั้นบันได (GDL)โดยจำกัดความเร็วและขนาดเครื่องยนต์สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ เช่น อนุญาตให้ขับรถไม่เกิน 50 ซีซี หรือความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. และห้ามขับกลางคืนหรือซ้อนท้ายจนกว่าจะมีประสบการณ์เพียงพอ ซึ่ง
มีตัวอย่างความสำเร็จในต่างประเทศ
เช่น ญี่ปุ่นและอังกฤษ ที่จำกัดความเร็วและใช้ระบบ GDL ช่วยลดอุบัติเหตุในวัยรุ่นได้ สามารถนำมาปรับใช้ในไทย
โดยระบบ GDL (Graduated Driver Licensing)เป็นระบบใบอนุญาตขับขี่แบบเป็นขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ ระบบนี้จะค่อยๆ มอบสิทธิในการขับขี่ที่มากขึ้นตามประสบการณ์และอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหต
2.2เพิ่มบทลงโทษ
เช่นบังคับสวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด และลงโทษผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งปัจจุบันมีถึง 10 ล้านคน - ปรับปรุงโครงสร้างถนนและสิ่งอำนวยความสะดวก
3.1สร้างเลนจักรยานยนต์เฉพาะหรือเลนผสม
แม้มีมติครม. ปี 2555 ให้มีเลนจักรยานยนต์ แต่ยังขาดการดำเนินการจริง ควรเร่งพัฒนามาตรฐานถนนเพื่อแยกการจราจรระหว่างรถเร็วรถช้า และรถจักรยานยนต์กับรถยนต์
3.2ออกแบบถนนปลอดภัย
และปรับปรุงสภาพผิวถนนเพื่อลดการลื่นไถล - รณรงค์สร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมการใช้รถ
4.1 ควบคุมการโฆษณา
ห้ามโฆษณาที่เน้นความเร็วแรง และเพิ่มการสื่อสารเรื่องความปลอดภัย เช่น การสวมหมวกนิรภัยซึ่งลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 40%
4.2ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย
จัดโครงการสอนขับขี่ในโรงเรียนและชุมชน โดยเน้นกลุ่มอายุ 15-19 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
5.การบังคับใช้กฎหมาย(Law Enforcement)อย่างเคร่งครัดเพราะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดแต่มีปัญหามากที่สุดทั้งผู้บังคับใช้กฎหมายและผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมา
““คนไทยเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุดในโลกกว่า14,000คนต่อปีหรือ 37 คนต่อ 1 นาทีและบาดเจ็บกว่า 2 แสนคน นับเป็นวิกฤตชาติ พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางนโยบายแก้ไขปัญหานี้ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและประเมินผลเป็นระยะ โดยมีเป้าหมายลดอัตราการตายจาก 25 คนต่อประชากร 100,000 คน ให้เหลือ 12 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก(WHO) เพื่อให้ไทยหลุดจากอันดับ 1 ของโลกในการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์โดยเร็วที่สุด“ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวย้ำในที่สุด. - ตม.ประจวบฯร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักการข่าว กอ.รมน หน่วย ฉก.จงอางศึก สกัดจับแรงงานเมียนม่าร์กว่าครึ่งร้อย ลอบเข้าเมืองเตรียมลงใต้ไปมาเลย์
- เมื่อกลางดึกวันที่ 13 สิงหาคม 2568 พ.ต.อ.เทียนชัย ชมภ


ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์, ชุดสืบสวน ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์, ตชด.14

ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบ ภายหลังจากที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลต่างด้าวต้องสงสัยจำนวนหลายคนแอบหลบซ่อนอยู่บริเวณป่าละเมาะ ในพื้นที่หมู่บ้านมะขามโพรง ม.9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบยังจุดพิกัดตามที่ได้รับแจ้งมา พบกลุ่มบุคคล หลายสิบคนกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณดังกล่าว

เจ้าหน้าฯจึงได้แสดงตัวและเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวเมียนม่าร์ มีจำนวนทั้งสิ้น 55 คนจากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยอมรับว่าได้หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยลักลอบมาทางช่องทางธรรมชาติด้านจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งคนที่พามาได้ให้มาพักคอยคนที่จะมารับต่ออยู่บริเวณนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปนายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781
