
*วันนี้วันที่ 16 มิถุนายน 68 ทางกลุ่มผู้ประกอบการโดยสาร 2 ชั้น ไทย ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคอีสาน จำนวนรถ 150 กว่าคัน ได้นำรถมารวมตัวกันที่เส้นทางหลางหมายเลข 304 กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี – วังน้ำเขียว จ. นครราชสีมา บริเวณจุดพักรถทางหลวง ในพื้นที่ ม.4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ได้รวมตัวแสดงจุดยืนแสดงพลังคัดค้านใน 7 เส้นทางเสี่ยง จัดกิจกรรม “อารยะขัดขืน” ได้มีการแถลงการณ์แสดงจุดยืนอารยะขัดขืนตามที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ได้ออกคำสั่งห้ามเดินรถโดยสารสองชั้น 7 เส้นทางที่ถูกจัดว่าเป็น “เส้นทางเสี่ยง” โดยไม่มีหลักฐานทางวิศวกรรมหรือข้อมูลวิจัยที่มีมาตรฐานใดมารองรับ คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการทั่วประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิทธิในการประกอบอาชีพโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญ

*จากการประชุมวิสามัญเร่งด่วนของสมาคมฯ มีมติร่วมกันว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาของกระทรวงคมนาคมจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ตอบโจทย์ที่แท้จริง และกลับเพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในด้านต้นทุนการปรับปรุงรถและเงื่อนไขที่ขาดความชัดเจน สมาคมฯ เห็นว่า สาเหตุหลักของอุบัติเหตุในเส้นทางที่ถูกอ้างว่าเสี่ยง มิได้เกิดจากตัวรถโดยสารสองชั้น แต่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ควบคุมรถ การมุ่งเป้าห้ามเฉพาะตัวรถจึงเป็นแนวทางที่คลาดเคลื่อนและไม่ตรงจุด การยกระดับมาตรฐานคนขับและการควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ จึงเป็นวิธีที่ถูกต้องและยั่งยืนกว่าการสั่งห้ามทั้งระบบ

*นอกจากนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกันของหน่วยงาน 4 ฝ่าย ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง สภาวิศวกร และสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย (สปส.) ณ จังหวัดตรัง พบว่า เส้นทางที่ถูกรัฐประกาศห้ามเดินรถ ไม่เข้าเกณฑ์ตามที่กระทรวงคมนาคมกำหนดไว้เอง กล่าวคือ ไม่มีช่วงความชันต่อเนื่องที่มากกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ และยาวติดต่อกัน 5 กิโลเมตร ข้อเท็จจริงนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายในเชิงกระบวนการ หากแต่ยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์ทางเทคนิคที่กระทรวงตั้งขึ้นเอง จึงไม่มีความชอบธรรมทั้งในแง่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการห้ามรถโดยสารสองชั้นเดินรถในเส้นทางดังกล่าว

*และเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา นายก สมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย (สปส) ดร.สุริยะ แกล้วทนงค์ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้ทบทวนคำสั่งใหม่ของคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลาง เกี่ยวกับมาตรการกำหนดเส้นทางวิ่งรถโดยสารสองชั้น(ไม่ประจำทาง) ใน 7 เส้นทางเสี่ยง ที่ประกาศออกมาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 11 เมษายน 2568 ซึ้งทางกลุ่มผปก.รถสองชั้นทั่วไทย มองว่าการออกคำสั่งมาไม่เป็นธรรม และ ผปก.ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจำนวนมาก

*ดังนั้นสมาคมฯจึงมีมติให้ดำเนินการ “#อารยะขัดขืน” โดยเปิดเดินรถในเส้นทางที่ถูกรัฐประกาศห้าม พร้อมบรรทุกผู้โดยสารตามปกติ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เพื่อแสดงให้เห็นว่า รถโดยสารสองชั้นสามารถเดินรถได้อย่างปลอดภัย หากมีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ สมาคมฯ จะเริ่มดำเนินการยกระดับการอารยะขัดขืนอย่างเป็นทางการ โดยให้ สมาชิกสามัญทั่วประเทศเริ่มเดินรถในเส้นทางที่ถูกห้ามพร้อมกัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้รับข้อยุติที่เป็นธรรม และมีเหตุผลทางวิชาการรองรับ

มาตรการความปลอดภัยระหว่างการเดินรถผ่านเส้นทางที่ถูกรัฐจำกัดมีดังนี้
- จำกัดความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเส้นทางเสี่ยง
- ใช้เกียร์ต่ำตลอดทางลาดชัน ห้ามเปลี่ยนเกียร์
- ขออนุญาตสมาคมล่วงหน้าก่อนวิ่งเส้นทางเสี่ยง
- เอกสารของรถต้องครบถ้วน ได้แก่ ภาษี, พ.ร.บ., ประกันภัย, GPS, ทะเบียนรถ และทะเบียนประกอบการ
- อุปกรณ์ความปลอดภัยต้องครบถ้วน ได้แก่ ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก และเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
- ติดตั้งกล้องหน้ารถ (Dash Cam) เพื่อบันทึกภาพและเสียงตลอดการเดินทาง
- แจ้งให้ผู้โดยสารนั่งประจำที่ คาดเข็มขัดนิรภัย และงดเปิดเพลงในช่วงเสี่ยง
- หากเกิดเหตุผิดปกติ เช่น อุบัติเหตุหรือถูกรถอื่นเฉี่ยวชน ให้บันทึกวิดีโอและส่งข้อมูลให้ศูนย์สมาคมทันที
- เข้าจุดตรวจหรือ Check Point (ถ้ามี) และรูดบัตรพนักงานขับรถก่อนเข้าสู่ช่วงเสี่ยง
- รถต้องพร้อมให้ตรวจสอบ และอาจถูกสุ่มตรวจโดยกรรมการสมาคม
- หากฝ่าฝืนข้อใดแล้วเกิดอุบัติเหตุ ให้ถือเป็นความผิดส่วนบุคคล สมาคมจะไม่รับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญา

*การดำเนินการของสมาคมในครั้งนี้ไม่ใช่การท้าทาอำนาจรัฐ แต่เป็นการยืนยันสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ และการคัดค้านคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม โดยสงบ สันติ และมีเหตุผล สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยุติการใช้อำนาจโดยปราศจากข้อมูลทางเทคนิคที่โปร่งใส และเปิดเวทีให้มีการพิจารณาทบทวนคำสั่งดังกล่าวโดยเร่งด่วน โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมในกระบวนการอย่างเท่าเทียม ด้วยจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคมและความปลอดภัยของผู้โดยสาร สมาคมฯ จะดำเนินการด้วยความมีสติ และไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรรม

*สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กรมการขนส่งทางบกต้อง มาตรการการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 03.20 น. เกิดอุบัติเหตุ รถบัสคณะดูงานจากเทศบาลพรเจริญ จ.บึงกาฬ พลิกคว่ำบริเวณถนนสาย 304 ทางลงเขาศาลปู่โทน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 17ราย และบาดเจ็บกว่า30ราย ต่อมาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 68 รถบัสนำเที่ยวปรับอากาศ 2 ชั้น เสียหลักชนท้าย รถบรรทุกพ่วงตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน จนเกิดไฟลุกไหม้ ตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก

*ทางคมนาคมได้กำหนด 7 เส้นทางเสี่ยงห้ามรถโดยสาร 2 ชั้น ใช้ ซึ่งเบื้องต้นจะกำหนด 7 จุดเสี่ยง คือ 1. จังหวัดปราจีนบุรี ทางหลวงหมายเลข 304 สี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว 2. จังหวัดพัทลุง ทางหลวงหมายเลข 4 เขาพับผ้า-พัทลุง 3. จังหวัดแพร่ ทางหลวงหมายเลข 103 แม่ยางฮ่อ – แม่ตีบ 4. จังหวัดเชียงใหม่ ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 5. จังหวัดเลย ทางหลวงหมายเลข 2013 บ่อโพธิ์-โคกงาม 6. จังหวัดเพชรบูรณ์ ทางหลวงหมายเลข 2331 โจ๊ะโหวะ – อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 7. จังหวัดน่าน ทางหลวงหมายเลข 1256 ปัว-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

*โดยกรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบผ่านระบบจีพีเอส เมื่อพบรถโดยสารไม่ประจำทางฝ่าฝืนเข้าเส้นทางดังกล่าว จะดำเนินการออกหนังสือเรียกตัว แจ้งการกระทำผิด กับผู้ประกอบการและพนักงานขับรถ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท*ช่วงเวลา 12.00 น.ได้มีการตัดริบบิ้นเปิดพิธี และปล่อยแถวขบวนรถบัสวิ่งขึ้นเขาปักธงชัยพร้อมกัน และได้ขับรถบัสลงมาช่วงบริเวณถนน 304 จุดเขาศาลโทน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดโศกนาฏกรรมรถบัส 2 ชั้นเสียหลักลงข้างทางจนมีผู้เสียชีวิต 18 ราย และอุบัติเหตุอื่นๆมาแล้ว เพื่อทดสอบสมรรถภาพการขึ้นลงเขารถบัส

*ทางด้าน ดร.สุริยะ แกล้วทนงค์ นายก สมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองขั้น
ไทย (สปส) กล่าวว่า วันนี้เป็นการชุมนุมครั้งที่ 2 ของเราเป็นการยกระดับขึ้นมาอีกขั้น ครั้งที่ 1 เราไปที่ จ. ตรัง วันนี้เรามาชุมนุมที่ จ. ปราจีนบุรี วันนี้เป็นพิธีเปิดอารยะขัดขืน กิจกรรมในวันนี้มาแสดงพลังเสียงว่าพวกเรามีความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้เราจะโชว์ให้ประชาชนเห็นว่ารถของเราสามารถขึ้นเขาลงเขาในทางชันได้ ที่ผ่านมาเราโดนมองภาพลบทั้งที่รถของเรามีสถิติเกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุดของรถ 2 ชั้น ทางเราได้มีการฟ้องศาลปกครองซึ่งทางเรากำลังขอการคุ้มครองชั่วคราวอยู่ อยากฝากไปถึงกระทรวงและกรมเราต้องการเรียกร้องสิ่งที่พวกเราต้องการ ตอนนี้พวกเราลำบากกันมากรถก็ไม่ได้ผ่อน อยากให้มีการพิจารณาใหม่ ทางเรามีความยินดีให้ความร่วมมือในด้านความปลอดภัย เพราะระยะเวลา 15 ปี พวกเราให้ความร่วมมือมาโดยตลอด โปรดเห็นใจพวกเราด้วยเรามาเรียกร้องโดยสันติ

*ทางด้านนายวิทวัส ดุลพินิจพัฒนา อุปนายกสมาคม 1 กล่าว่านิยามคำว่าอารยะขัดขืน คือเราต้องการความเป็นธรรม เนื่องจากกฏเกณท์ต่างๆ ที่ได้ออกมามันส่งผลกระทบทั้งทางด้านการท่องเที่ยว โรงแรม บริษัททัวร์ รถ 2 ชั้นก็ไม่ใช่สาเหตุหลักในสิ่งที่ท่านกำลังแก้ปัญหาอยู่ อยากให้ภาครัฐมองเห็นความสัมพันธ์ของประชาชนมันเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง เราจะทำโดยสันติวิธีเพื่อให้เข้ามาเจรจาพูดคุยกับเรา ให้แก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเพื่อลดผลกระทบความเดือดร้อนทั้งระบบไม่ใช่แค่รถบัส 2 ชั้น อย่างเดียว

*จากการสอบถาม ทางด้านนายวิพงษ์ศักดิ์ มงคลบุตร อุปนายกนายกสมาคม 2 ได้กล่าวว่าทางกลุ่มผู้ประกอบการโดยสมาคมได้มีการต่อสู้โดยมีการทำเป็นขั้นเป็นตอน ทำงานเป็นระบบโดยมีการเข้าไปเจรจากับทางกระทรวงและทางกรม เพื่อที่จะขอเปิดเส้นทางการเดินรถทั้ง 7 เส้นทางเสี่ยง โดยได้มีการยื่นขอเสนอมาตรการให้กับทางกรมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรและไม่กระทบกับภาคการท่องเที่ยว และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทั่วประเทศ แต่ว่าหลังจากที่เข้าไปเจรจาและยื่นข้อเสนอให้กับทางกรมกลับไม่เป็นผล แต่ทางกระทรวงและกรมการขนส่งทางบกกลับไม่มีคำตอบให้กับทางผู้ประกอบการได้ ฉนั้นหลังจากวันนี้แนวทางการต่อสู้จะมีการยกระดับการชุมนุมใหญ่ รวมพลผู้ประกอบการทั่วประเทศ ไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงคมนาคม และอยากจะฝากถึงเจ้ากระทรวงคมนาคม และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ท่านยังมีเวลาอีก 1 อาทิตย์ในการที่จะยกเลิกข้อบังคับทั้ง 7 ข้อ ยังไม่ยกเลิกหรือไม่เห็นใจผู้ประกอบการในครั้งนี้ก็คงมีการยกขบวนไปชุมนุมที่หน้ากระทรวง

*จากการสอบถามนายพัชรากร ธนะถิรุยุธ อายุ 66 ปี เจ้าของรถไม้เอกเมืองแกลงทัวร์ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนภาคตะวันออกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงที่จะขึ้นภาคอีสานและอีสานใต้ ตนต้องอ้อมไปทางตะโกเขตของตาพระยา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่อันตรายในตอนนี้ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา จุดที่มีปัญหาในตรงนี้ตนใช้เส้นทางมาตลอดชีวิต ถ้าเราทำด้วยความระมัดระวังทำด้วยจรรยาบรรณของคนขับมันไม่มีอะไรเลย ใช้ความเร็วแค่ 20 30 สบายเบรคไม่ต้องเหยียบลงได้สบายถ้าไม่ประมาท ทุกปีจะต้องขึ้นภาคอีสานนำประชาชนไปทำบุญ ตอนนี้ขึ้นไม่ได้จะต้องอ้อมใช้ระยะทางและความเสี่ยง ช่องตะโกที่เขาบอกว่าปลอดภัยมันอันตรายมาก ทั้งรถใหญ่รถเล็กแย่งกันขึ้นมันมีแค่เลนซ้ายเลนขวา รถบัส 2 ชั้นมีความปลอดภัยถ้าเราไม่ประมาทมันอยู่ที่คนขับ ผู้ประกอบการมีการดูแลรถของตนเองเป็นอย่างดี จากการที่มีประกาศบังคับใช้กฎหมายในตรงนี้ทางผู้ประกอบการมีความอึดอัดมาก บังคับใช้โดยที่ไม่บอกและไม่กล่าวล่วงหน้า ไม่มีการทำประชาวิจารณ์ ไม่ทำความเข้าใจกับประชาชน อยู่ๆเมื่อวันที่ 11 เมษายน ห้าม ทั้งๆที่พวกตนได้รับงานไว้แล้ว ได้รับผลกระทบถูกบอกยกเลิกเป็นส่วนมาก และลูกค้าไม่มีความเชื่อมั่นเขากลัว เราได้ใช้เส้นทางนี้มาก 20 กว่าปี /////////
