สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บิ๊กวีเตรียม”คุ้มครอง” จนท.ถูกกลั่นแกล้งหลังจับยาเสพติดของผู้มีอิทธิพล และ กฎห้ามขายกระท่อมริมถนน หรือในชุมชน / จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ส.ค.68 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังเรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามโครงการโปรแกรมการฟื้นฟูผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ “มิติด้านครอบครัว) โดยมีนายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการกรรมการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5, นายสุรินทร์ จันทร์เทพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส คอยให้การต้อนรับ

ซึ่งภายในงานได้มีการอนุญาตให้พ่อแม่พี่น้องและเครือญาติ เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีความมั่นคง จำนวน 44 คน อย่างใกล้ชิด ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวพบปะญาติและผู้ต้องขังในเรื่องของกำลังใจ ที่ส่วนใหญ่หลงผิดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมทั้งได้อนุญาตให้ผู้ต้องขังสอบถามข้อสงสัยต่างๆด้านกฎหมาย ที่ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีการช่วยเหลือผู้ต้องขัง หากได้รับโทษไปแล้วเหลือประมาณ 30 ปี จะพ้นโทษก็จะนำผู้ต้องขังมาควบคุมตัวที่เรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อให้ทางเครือญาติได้เข้าเยี่ยมได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น แทนที่จะต้องเดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำต่างพื้นที่ และต้องเสียเนเสียทอไปโดยเปล่าประโยชน์

ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ผมได้กำหนดนโยบายชัดเจนว่า จะต้องทำให้ตากใบและสุไหงโกลกเป็นพื้นที่สีขาวปลอดจากการค้ายาเสพติด ประเทศไทยต้องไม่ถูกมองว่าเป็นแหล่งส่งออกยาเสพติด เพราะจะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งตัวชี้วัดใหม่ของเราจะไม่ใช่เพียงจำนวนการจับกุม แต่ต้องมุ่งไปถึงผู้บงการและผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่ไปจับกุมขบวนการค้ายามักถูกใส่ร้ายหรือถูกร้องเรียน จนบางครั้งถูกย้ายตำแหน่ง ในขณะที่คนที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดกลับอยู่ได้นาน เรื่องนี้เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก เราจะมีมาตรการปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ทำงานตรงไปตรงมา

“สำหรับเรื่องกระท่อม แม้จะถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่กลับกลายเป็นปัญหาใหม่ เพราะถูกนำไปใช้ผิดกฎหมาย ทำให้มีผู้เสพติดจำนวนมาก และต้องเสียเงินบำบัด รัฐบาลจึงเตรียมออกกฎกระทรวงห้ามขายกระท่อมในตลาดสด ริมถนน หรือพื้นที่สาธารณะ อนุญาตเฉพาะให้ใช้ภายในครัวเรือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และสิ่งที่เราประกาศไว้ใน 120 วัน วันนี้เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงและการตื่นตัวแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่ต้องแก้ไข ผมหวังว่าเมื่อครบกำหนด 120 วัน หรือเข้าสู่ปีใหม่ เราจะสามารถเฉลิมฉลองร่วมกับประชาชนได้ว่า

ปัญหากระท่อมและยาเสพติดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญตัวชี้วัดใหม่ของเราคือการดึงผู้ที่ก้าวพลาดไปใช้ยาเสพติดให้กลับคืนสู่สังคมได้ รัฐบาลควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบำบัด ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องรับภาระเอง นอกจากนี้เรายังต้องยกระดับความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ หากมีการปล่อยปละละเลยจนทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในชุมชน และนี่คือสิ่งที่เราจะเดินหน้าแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมปลอดจากยาเสพติด” พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว
/////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” น้อมนำแนวพระราชดำริสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุม 1 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” โดยได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ประกอบด้วย

นายอภิศักดิ์ สรวิสูตร ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพื้นที่ 4 (ภาคใต้) พร้อมด้วย นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ นายสุชาติ ใจดี หัวหน้าแผนกระดับ 8 โครงการส่วนพระองค์ 902 ผู้ประสานงานฟาร์มตัวอย่างฯภาคใต้ และนายซูไฮดี บาซอ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัตนาการผลิต โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ศึกษาพัฒนาพิกุลทองฯที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เกษตรกร คณะครู อาจารย์ นักศึกษา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังการเสวนาในครั้งนี้

ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการดำเนินงานของศูนย์ฯ และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกร รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้สามารถน้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร อันจะนำไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนของรายได้

สำหรับเวทีเสวนาแบ่งการพูดคุยออกเป็น 2 รอบหลัก ได้แก่ รอบที่ 1 ผู้แทนแต่ละหน่วยงานได้สะท้อนบทบาทและแนวคิดในการขับเคลื่อนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งสำนักงาน กปร. เน้นสนับสนุนการวางแผนและงบประมาณเพื่อให้ศูนย์ฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ มุ่งส่งเสริมการวิจัย ทดลอง และถ่ายทอดวิธีการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้ถูกยกให้เป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดชี้ให้เห็นศักยภาพของเกษตรกรในพื้นที่ควบคู่กับข้อจำกัดด้านข้อมูลตลาด และเสนอให้เพิ่มการสนับสนุนเชิงระบบ

รอบที่ 2 ผู้แทนหน่วยงานได้แลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติจริงและข้อเสนอแนะ โดยสำนักงาน กปร. ระบุข้อท้าทายสำคัญในการเชื่อมโยงผลผลิตกับตลาด เช่น ข้อมูลที่ยังไม่ทั่วถึงและการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ พร้อมเสนอให้พัฒนาระบบข้อมูลตลาดที่เข้าถึงง่าย ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ยกตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการวางแผนการผลิตพืชผักปลอดสารเพื่อตลาดท้องถิ่น โดยมีองค์ประกอบสำคัญคือการเลือกชนิดพืช การบริหารจัดการแปลง และการเข้าถึงข้อมูลตลาด ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้มีบทบาทเชื่อมโยงเกษตรกรกับข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดและผู้ดำเนินรายการเสนอการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันด้านการตลาด และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อเสริมอำนาจการต่อรองด้านราคาและการจำหน่าย

สำหรับการเสวนาครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเผยแพร่องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับตลาดต้องอาศัยการทำงานบูรณาการระหว่างนโยบายส่วนกลาง องค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาและฟาร์มต้นแบบ รวมทั้งกลไกสนับสนุนจากหน่วยงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืน อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดนราธิวาสและภาคใต้อย่างยั่งยืน
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส