สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.สมุทรปราการ กวาดล้างอาชญากรรมในช่วงวันคริสต์มาส เทศกาลปีใหม่ 2569 /ตร.น้ำ คุมเข้มทะเลชายแดนสกัดลอบขนเชื้อเพลิงไปกัมพูชา

แชร์เนื้อหานี้

ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงวันคริสต์มาสและก่อนเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2569 ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ระดมกำลังปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมช่วงวันคริสต์มาสและก่อนเทศกาลปีใหม่ 2569 เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่ ลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าเมกา บางนา ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จ.ว.สมุทรปราการ เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงวันคริสต์มาสและก่อนเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2569

โดยมี พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ชาติ อาจเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.จารุวัตร สิงหศรีชัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.กริชนันท์ อินชู ผกก.ฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

ผกก.ในสังกัด ภ.จว.สมุทรปราการ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัคร เข้าร่วมในการปฏิบัติ จำนวน 400 นาย รถยนต์ จำนวน 40 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 90 คัน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการระดมกวาดล้าง อาชญากรรม ในคดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ยาเสพติด หมายจับค้างเก่า

คดีความผิดเกี่ยวกับแหล่งอบายมุข และสถานบริการทุกประเภท ที่เป็นภัยต่อสังคมและความสงบสุขเรียบร้อย
สืบเนื่องมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 1 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด

ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในช่วงวันคริสต์มาส และก่อนเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2569 ระหว่าง วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ถึง วันที่ 26 ธันวาคม 2568 รวม 9 วัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

ตำรวจน้ำคุมเข้มทะเลชายแดน ปล่อยเรือตรวจการณ์สกัดลอบขนเชื้อเพลิง หนุนมาตรการรัฐรับมือสถานการณ์ไทย–กัมพูชา ตำรวจน้ำปล่อยเรือตรวจการณ์ออกลาดตระเวนแนวชายแดนทางทะเลไทย–กัมพูชา สกัดการลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและยุทธภัณฑ์ หลังรัฐบาลมีคำสั่งงดนำเข้า–ส่งออกเชื้อเพลิง ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ ผู้บังคับบัญชาตำรวจน้ำได้สั่งการระดมกำลังเรือตรวจการณ์ออกลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนทางทะเลไทย–กัมพูชา เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ยุทธภัณฑ์ และสิ่งของต้องห้าม ภายหลังเกิดสถานการณ์การปะทะบริเวณแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีคำสั่งงดการนำเข้า–ส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อควบคุมและรักษาความมั่นคงของประเทศ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลด้านการข่าวพบว่ายังคงมีกลุ่มผู้ประกอบการบางส่วนพยายามลักลอบลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิงออกนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้เส้นทางอ้อมผ่านประเทศเพื่อนบ้าน และการลักลอบขนส่งทางทะเลโดยใช้เรือประมงดัดแปลงหรือเรือผิดกฎหมาย

จากการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจน้ำจึงสั่งการให้เรือตรวจการณ์หมายเลข 1301 “ชัยจินดา” พร้อมกำลังพล ออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ตรวจสอบ และสกัดกั้นเรือที่มีพฤติการณ์ต้องสงสัยตลอดแนวชายแดนทางทะเล โดยมุ่งเน้นการป้องกันการลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ยุทธภัณฑ์ และสิ่งของต้องห้ามที่อาจถูกนำไปสนับสนุนประเทศกัมพูชา ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสนับสนุนด้านความมั่นคงของรัฐ

พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก ผู้บังคับบัญชา พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปนม.ตร. ,พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบบริเวณชายแดนเพื่อนบ้าน ซึ่งทางตำรวจน้ำ ได้มีภารกิจในการสกัดกั้นและป้องปราม ไม่ให้เรือหรือยานพาหนะที่จะลำเลียงทรัพยากร โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าไปสนับสนุนประเทศเพื่อนบ้าน ตามนโยบายที่รัฐบาลสั่งการมา ซึ่งวันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีได้รวบรวมกำลังพลตำรวจน้ำทั้งประเทศ โดยใช้เรือตรวจการณ์ชัยจินดา เป็นเรือที่ออกปฏิบัติภารกิจ

โดยจะมุ่งหน้าออกไปไปยังชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งเป้าหมายจะรู้อยู่แล้วว่าเรือที่ประกอบกิจการน้ำมันอยู่จุดไหนบ้าง โดยจะได้เข้าไปตรวจสอบ ว่าทำธุรกิจอยู่ในกรอบหรือไม่ โดยจะตรวจสอบ 3 อย่าง คือ 1.คน 2.เรือง 3.สิ่งของ โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะศรชล เพื่อให้ภาพการทำงาน มาในรูปแบบหน่วยราชการที่ทำงานทางทะเล ซึ่งในเรือจะมีอุปกรณ์พิเศษ ทั้งเรดาร์ และโซดาร์ รวมถึง GPS โดยจะรู้ถึงกลุ่มเรือเหล่านั้น ที่เป็นเรือสถานีบรรทุกน้ำมัน ว่าอยู่ตามพิกัด และเรือที่ขนถ่ายน้ำมันจะมีข้อมูลชื่อเรือ ว่า GPS

ขึ้นอยู่บริเวณไหน โดยท่าเรือลำไหนวิ่งนอกเหนือเส้นทางที่เขาขอ ก็จะเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งทางทะเลจะไม่เหมือนถนนที่จะมีกล้องวงจรปิด จึงจำเป็นต้องมีการข่าวนำ อาจจะไม่สามารถสกรีนได้ 100% แต่ก็จะผนึกกำลังเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ถ้าหากเจอเหลือที่ขนน้ำมันให้ทางกัมพูชาจริงอันดับแรก จะต้องตรวจสอบก่อนเพราะไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าเรือลำนั้นจะไปส่งที่กัมพูชาจริง ซึ่งจะตรวจสอบจากใบข้อมูล ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน ซึ่งความผิดอาจจะยังไม่สำเร็จ ก็ต้องป้องปราม และสกัดกั้น

ซึ่งการทำงานทางทะเลจะทำได้ประมาณนี้ แต่จะให้จับกุมจะต้องเป็นความผิดซึ่งหน้า ในกรณีที่อยู่นอกราชอาณาจักรจะต้องแจ้งไปยังบริษัทอย่างเดียว หากเขามีเหตุผลรองรับ การดำเนินคดีหากหลักฐานไม่เพียงพอก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ อยากฝากให้ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางตำรวจน้ำก็เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อบ้านเมือง โดยจะต้องไปอยู่บนเรืออย่างต่ำ 4-5 วัน แล้วแต่ภารกิจ


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ