เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี กล่าวว่าตามที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ เทศบาลเมืองหัวหิน โดยมี นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน
ในการดำเนินการตามโครงการควบคุมประชากรลิงแสมในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เมื่อวันที่ 27 ม.ค.67 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อดำเนินการควบคุมประชากรลิงแสมด้วยวิธีการทำหมันในพื้นที่บริเวณเขาหินเหล็กไฟและเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมทั้งดำเนินการเคลื่อนย้ายลิงนำไปไว้ยังกรงพักพิงลิงภายในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในช่วงวันที่ 11-14 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดย สบอ.3 เพชรบุรี ได้เริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายลิงแสมในพื้นที่เขาตะเกียบและเขาหินเหล็กไฟแล้ว จำนวน 203 ตัว เพศผู้ 109 ตัว เพศเมีย 94 ตัว ซึ่งทั้ง 203 ตัว ได้ดำเนินการทำหมันแล้วทั้งหมดก่อนย้ายลิงแสมที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนยังกรงพักพิงลิงแสม ภายในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฯ ที่เตรียมไว้ 10 กรง สามารถพักพิงลิงแสมได้กรงละ 20 ตัว พร้อมอาหารสำหรับลิงแสมไว้ 2 มื้อต่อวัน ประกอบไปด้วยใบไม้ต่างๆ ที่ลิงกินและผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งการดำเนินงานเคลื่อนย้ายลิงแสมในครั้งนี้เป็นไปตามหลักวิชาการ
น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับ เทศบาลเมืองหัวหิน จัดโครงการ “ย้ายลิงสู่ที่พักพิงใหม่” โดยการจับลิงแสมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่เขาตะเกียบและเขาหินเหล็กไฟ ทำหมันแล้วย้ายไปที่พักพิงใหม่ จากการลงพื้นที่ติดตามความเป็นอยู่ของลิงที่ย้ายมาไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฯ พบว่าลิงค่อนข้างที่จะแข็งแรง อยู่เป็นที่เป็นทางเป็นสัดส่วนในกรงของอุทยานที่เตรียมไว้
เพื่อสุ่มตรวจโรค ซึ่งจะกักตัวไว้ประมาณ 3 อาทิตย์ ก่อนที่จะนำไปปล่อยในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ต่อไป ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาลิงรบกวนชุมชนในระดับหนึ่งของเทศบาลฯ ส่วนแนวทางต่อไปเราก็จะไปปรับปรุงกรงนกที่บนเขาหินเหล็กไฟ เพื่อสร้างเป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ของลิงแสม แล้วก็ได้ทำหมันโดยร่วมกับทางกรมอุทยานฯ ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบันเทศบาลฯ ได้ทำหมันลิงไปแล้วกว่า 3,000 ตัว “หากประชาชนท่านใดที่มีอาหารที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ แตงกวา กล้วย เศษขนมปัง หรือแม้กระทั่งอาหารเม็ดสุนัข
ก็สามารถนำมาบริจาคให้กับทางสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฯ ได้ หรือจะไปบริจาคกับทางเทศบาลฯ ก็ได้ เราก็จะเป็นคนนำเอามาให้อีกเหมือนกัน ต้องขอขอบคุณ ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัยฯ ที่สั่งการแล้วก็ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาลิงแสมอย่างถูกวิธีเป็นระบบแบบยั่งยืน” น.ส.บุษบา กล่าวในตอนท้าย.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781
ประจวบฯ จัดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ ตรวจรักษาพระภิกษุ แม่ชี ที่มีปัญหาทางสายตา ถวายเป็นพระราชกุศลฯ
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ที่วัดคลองวาฬ พระอารามหลวง อ.เมืองประจวบฯ นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทย ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
มีนายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาด อ.หัวหิน หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ บุคลากรทางการแพทย์ พระภิกษุ แม่ชี ผู้นำ นักบวชทุกศาสนาที่มีปัญหาทางสายตาร่วมโครงการ มี นางณัฐชาลัคนา สุขภาคกุล รักษาการรองนายกเหล่ากาชาด จ.ประจวบฯ
กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการ ซึ่งสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้ร่วมกับสำนักงานเหล่ากาชาด จ.ประจวบฯ จัดรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ออกปฏิบัติงานตรวจรักษาและผ่าตัดตาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้พระภิกษุ แม่ชี ผู้นำ นักบวชทุกศาสนา ได้รับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธี ทั่วถึง และสามารถมองเห็นช่วยเหลือตัวเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นหนึ่งในโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้ สำนักงานเหล่ากาชาด จ.ประจวบฯ ได้ประสานสำนักงานสาธารณสุข จ.ประจวบฯ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สำรวจและคัดกรองผู้ที่มีความผิดปกติทางสายตาเบื้องต้นให้กับพระภิกษุ แม่ชี ผู้นำ นักบวชทุกศาสนา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการ 380 ราย และกำหนดแผนปฏิบัติงาน
ระหว่างวันที่ 18-22 พ.ย.67 และได้รับเมตตาจาก พระธรรมวชิรสิทธาจารย์ เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง และหน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุนการจัดโครงการ.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781
จนท.อุทยานเสด็จในกรมฯ จับผู้บุกรุกป่าปลูกกาแฟ-ทุเรียน กว่า 4 ไร่
เมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จ.ประจวบฯ ว่าได้จับกุมผู้ต้องหาบุกรุกพื้นที่ป่า จำนวน 1 ราย ชื่อ นายสุชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาว อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ได้ที่บริเวณป่าแพรกกลาง ท้องที่บ้านทรัพย์สมบูรณ์ หมู่ที่ 7 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน พิกัดที่ 47 P 0534901 E 1239144 N พื้นที่บุกรุก จำนวน 4-1-72 ไร่
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ภายในพื้นที่รับผิดชอบ ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขณะลาดตระเวนมาถึงบริเวณป่าแพรกกลางท้องที่ดังกล่าว พบพื้นที่บุกรุกแผ้วถางใหม่จึงได้ทำการตรวจสอบบริเวณแปลงบุกรุก พบขนำ จำนวน 1 หลัง อยู่ติดกับแปลงบุกรุก และพบชายคนดังกล่าวอยู่ที่ขนำ
จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่พร้อมสอบถามชายคนดังกล่าวให้การว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวนี้เป็นของตน เจ้าหน้าที่จึงได้ขอให้ชายคนดังกล่าวนำชี้พื้นที่ที่อ้างว่าตนเป็นเจ้าของ จากการตรวจสอบพื้นที่นั้นครอบคลุมพื้นที่บุกรุกแผ้วถางมีการปลูกต้นกาแฟ อายุประมาณ 4 เดือน จำนวน 100 ต้น ปลูกต้นทุเรียน โต 4 เดือน จำนวน 25 ต้น และปลูกต้นมะพร้าว โต 4 เดือน อีก 9 ต้น หลังจากตรวจสอบพื้นที่แล้วจึงนำตัวชายคนดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาฐานความผิด 1. ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 วรรคหนึ่งฐาน ร่วมกัน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง ฐาน ร่วมกัน ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต 3. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 53 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (2)
ฐาน ร่วมกัน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิมโดยไม่ได้รับอนุญาต 5. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (5) ฐาน ร่วมกัน ทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือเสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต 6. ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (6) ฐาน ร่วมกัน ปลูกต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781
ประจวบคีรีขันธ์ รวบชาย 2 ราย ล่า นกอีลุ้ม สัตว์ป่าคุ้มครอง อ้างเอาไปทำอาหาร ในพื้นที่บ้านไร่ยุบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เมื่อเวลา 02.20 น. ของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง) สั่งการให้ ร.ต.อ.สุรศักดิ์ ศิวะกุล รองสารวัตร (ป) กก.5 และ ร.ต.ท.ทนงศักดิ์ ทองแก้ว ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายด้านสัตว์ป่า ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ฐานปฎิบัติการป้องกันรักษาป่าที่ พบ.2 (หุบตะเคียนยักษ์) และเจ้าหน้าที่วนอุทยานห้วยน้ำซับ ร่วมกันออกปฏิบัติการ ตามสัญญาณแจ้งเตือนจากสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ว่ามีการลักลอบวางตาข่ายดักนกในพื้นที่บ้านไร่ยุบ หมู่ 15 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
โดยใน คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่เดินตามเสียงที่เปิดล่อนกจนพบ นายสมพบ พรามอนงค์ อายุ 42 ปี ชาว จ.เพชรบุรี นั่งอยู่ในเพิงพัก พร้อมของกลางเป็นซากนกอีลุ้ม จำนวน 3 ซาก อุปกรณ์ล่อนก เช่น ลำโพง เครื่องขยายเสียง แบตเตอรี่ และตาข่ายดักนก คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่เดินตามเสียงนกต่อไปอีกไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุแรก ตรวจพบ นายสมหวัง สีขำ ขณะกำลังถอนขนนกอีลุ้ม จำนวน 1 ซาก เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวและตรวจยึดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงซากนกอีลุ้ม เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง โดยให้เหตุผลว่าล่านกเพื่อใช้ประกอบอาหาร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ในข้อหา ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้ในครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง
โดยของกลางทั้งหมดถูกส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งสองรายอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 89 และมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติฯ สำหรับนกอีลุ้ม ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นทั้งนกประจำถิ่นและนกที่อพยพมาทำรังวางไข่ในประเทศไทย มีขนาดเล็ก-กลาง ปากเรียวแหลม ขาสีเขียว ลำตัวเป็นสีน้ำตาลเหลือง มีลายขีดสีน้ำตาลเข้ม โดยในช่วงฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้สีสันจะเปลี่ยนไป ปากสีแดง ปลายปากสีเหลือง มีกระบังหน้าสีแดง ขาสีแดง และลำตัวสีน้ำตาลดำ
เจ้าหน้าที่ขอย้ำเตือนประชาชนว่าการล่าสัตว์ป่าคุ้มครองถือเป็นความผิดร้ายแรง ขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสกรณีพบการกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าและป่าไม้ผ่านสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศต่อไป.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781