
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมด้วย พันเอก ศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 (ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, พันเอก อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21,

พันตำรวจเอก กิตเตชิษฐ์ บำรุง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร และพันตำรวจโท จตุพล ยันต์นาวา รองผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ได้เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) ไปยังด่านพรมแดนสะหวันนะเขต สปป.ลาว เพื่อรับมอบผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 11 คน ที่กระทำผิดกฎหมายในแขวงสะหวันนะเขต และถูกจับกุมดำเนินคดีจนพ้นโทษ ก่อนถูกผลักดันกลับมายังประเทศไทย

การส่งมอบดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงไทย-ลาว โดยมี พันโทแก้วอุดร สนทิกุมมาน หัวหน้าแผนก 303 ปกส. แขวงสะหวันนะเขต, พันตรี สีคูน สำลานไช รองแผนกตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองลาว เป็นผู้แทนฝ่าย สปป.ลาว ในการส่งมอบผู้ต้องหาให้กับกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

ในจำนวนผู้ต้องหา 11 คน ปรากฏว่า 1 ในนั้นคือนายจักรพงศ์ หรือ “โจ้” จูมคำ ผู้ต้องหาคดียิงนายเชิดศักดิ์ เงาศรี หัวหน้าการ์ดสถานบันเทิงใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา แล้วหลบหนีมาที่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ข้ามเรือหางยาวข้ามแม่น้ำโขงไปยังเมืองไซพูทอง แขวงสะหวันนะเขต แต่ถูกผลักดันกลับมาฝั่งไทย และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวส่งดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และความผิดตาม พ ร.บ.อาวุธปืน

ต่อมาปรากฏว่านายโจ้ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นศาล และหนีประกันตัว พาพวกข้ามไปมั่วสุมยาเสพติดก่อความเดือดร้อนรำคาญด้วยการเปิดเพลงเสียงดังในแขวงสะหวันนะเขต กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ป้องกันความสงบแขวงสุวรรณเขตจับกุมตัวดำเนินคดีและผลักดันส่งกับประเทศไทยดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย เป็นชาย 9 คน หญิง 2 คน แบ่งเป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ 10 คน และชลบุรี 1 คน โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดียาเสพติด 2 ราย, คดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 1 ราย ส่วนผู้ที่ไม่มีหมายจับ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจคัดกรองโรคและบันทึกประวัติอาชญากรรมเพื่อจัดเก็บข้อมูล ก่อนดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777

