สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประธานหอการค้าศรีสะเกษ เปิดเผยถึงผลกระทบหลังจากปิดด่านชายแดนช่องสะงำจ. ศรีสะเกษ

แชร์เนื้อหานี้

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความตรึงเครียดระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ร่วมถึงสถานการณ์การที่ประกาศล่าสุดให้มีการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งหมด ร่วมถึง ด่านถาวรช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้ภาพรวมตั้งแต่ก่อนปิดด่าน และหลังปิดด่าน ตอนนี้สถานการณ์ไม่ต่างกัน เบื้องต้นเราได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่ในพื้นที่ด้านชายแดน อัพเดทสถานการณ์ปัญหาในทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าการค้าด้านชายแดนซบเซา เงียบเงา ก่อนหน้าทางผู้ประกอบมีการปรับตัวมาแล้วรอบหนึ่ง ช่วงปรับเวลา ปรับวันเปิด-ปิด ด่าน แต่มีประกาศปิดด่านล่าสุดรอบนี้ก็ไม่ผิดกับการที่คาดไว้ เพราะผู้ประกอบการเตรียมการ เตรียมการรับมือ ไว้แล้วว่าอาจจะมีการปิดด่านลง แต่ทางภาคธุรกิจทางเราก็อยากให้มีการชัดเจนในเรื่องต่างๆ เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้มีการวางแผนอนาคตในการรับมือได้ทัน

***ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปอีกว่า เบื้องต้นด่านชายแดนถาวรช่องสะงำ เป็นด่านที่ไม่ได้มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เท่ากับด่านปอยเปต หรือ ด่านทางสะแก้ว ซึ่งด่านช่องสะงำของเราส่วนมากจะเป็นด่านที่ค้าขายเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับทางกัมพูชาอาทิเช่นเครื่องดื่มมาม่าของแห้งต่างๆ ส่วนทางฝั่งกัมพูชาก็จะเป็นการส่งออกสินค้าทางการเกษตรกรมายังประเทศไทย เช่น มันสำปะหลังเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าทุกวันนี้ผู้ประกอบการไม่สามารถส่งสินค้าไปขายที่ฝั่งกัมพูชาได้ ก็ต้องปรับตัวหันมาขายสินค้าภายในประเทศแทนมากขึ้น แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการปิดด่านในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ไทยที่ได้รับผลกระทบ แต่เป็นประเทศกัมพูชาที่ได้ผลกระทบเช่นกัน และมากกว่าประเทศไทยแน่นอน โดยเฉพาะการส่งออก (มันสำปะหลัง) จากประเทศกัมพูชามายังประเทศไทย ซึ่งถ้าปิดด่านถาวรก็จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากกับการส่งออกมันสำปะหลังจะทำให้มันสำปะหลังตกค้างในประเทศกัมพูชาเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าหากจะส่งไปขายยังประเทศอื่นก็คงยากเพราะไม่ได้วางแผนหรือติดต่อการค้าไว้ก่อน

***ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนมูลค่าเศรษฐกิจการค้าชายแดน การซื้อขาย ภาพรวมตอนนี้ถ้ามีการปิดด่าน ปิดการค้าเลย ตลอด 1 เดือน เราจะเสียเงินประมาณ 100 ล้านบาท ไป แต่ต้องบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่เราไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับ อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาทาการเมือง ทำให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนไปด้วย ซึ่งทางผู้ประกอบการทุกคนอยู่ข้างรัฐบาล อยู่ข้างทหาร กันหมด ซึ่งทุกคนต่างมุ่งหวังว่าประเทศไทยจะได้รับความเป็นธรรม และมาตรการต่างที่ทำออกมาทางผู้ประกอบการเราเข้าใจ

***ในส่วนปัญหาด้านการท่องเที่ยว และยอดการจองโรงแรม ในช่วงนี้ จากที่ได้คุยกับผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดศรีสะเกษ ช่วงนี้ได้รับผลกระทบด้านจิตวิทยาเพียงเท่านั้น เพราะว่ายังมีนักท่องเที่ยวบ้างรายคิดว่าพื้นที่ชายแดนมันเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้น แต่จากการได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมส่วนหนึ่งก็ได้ยินมาว่ามีการยกเลิกการจองห้องพักบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าไร เพียงแต่ว่าพอมันเกิดบรรยากาศการตึงเครียดในพื้นที่ บรรยากาศการท่องเที่ยว บรรยากาศการอยากจับจ่ายซื้อใช้ส่อยของคนในประเทศมันเลยลดลงด้วย

***ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ ฝากถึงรัฐบาลไทย และกองทัพว่า อยากให้รัฐบาลมีเอกภาพกับทางกองทัพ และให้รัฐบาล และกองทัพ ออกมาตรการออกมาให้ชัดเจนเป็นแนวทางเดียวกัน ถ้าจะเข้มงวดก็ให้เข้มงวดไปเลย ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเราทะเลาะกันเอง ทำให้ภาพที่ออกไปทำให้ประเทศไทยเราเสียเปรียบ นอกจากนี้ยังอยากจะฝากถึงแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการจากทางรัฐบาลด้วย ถึงผลกระทบจากปัญหาชายแดน ว่าจะมีโครงการไหนบ้างที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น หาตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการที่ส่งออกไม่ได้ หรือ โครงการสินเชื่อต่างๆเพื่อให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องทางการเงิน ในช่วงที่ผู้ประกอบการขาดกระแสเงินสดในช่วงนี้ด้วย
ภาพ/ข’า ววนิดา,ชาญฤทธิ์