
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เฉลิมชาติ โคตรธิสาร” ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี โดยในคลิปจะเห็นนักเรียนชายที่สวมเสื้อแขนสั้นสีแดง เตะเข้าที่ใบหน้าของนักเรียนชายอีกคนที่สวมชุดนักเรียน จนสลบคาที่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะช่วยดึงร่างของเด็กที่ถูกทำร้ายขึ้นมา พร้อมโพสต์ข้อความว่า
“หลานชายถูกเตะหลับคากลางอากาศ ช่วยหน่อยนะครับ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ช่วยแนะนำด้วยครับ เด็กอายุ 13 ปี คู่อริเป็นลูกทหาร เหตุเกิดที่ จ.อุบลฯ”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านหนองหว้า ตำบลหนองหว้า อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อพูดคุยกับครอบครัวของเด็กชาย ก (เด็กชายวายุ โสดากุล อายุ 15 ปี) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยเด็กชายวายุได้โชว์บาดแผลตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหลัง ข้อศอก และริมฝีปากที่ยังคงแดงอยู่ ซึ่งสามารถเห็นบาดแผลได้ชัดเจน แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้วด.ช.วายุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 โดยเริ่มจากการที่รุ่นน้องมาตบหัวตน ตนจึงตบหัวกลับในวันนั้น วันถัดมารุ่นน้องได้เรียกตนไปพูดคุยที่บริเวณหลังพระใหญ่ ตนจึงไปคนเดียว โดยเข้าใจว่าอาจจะไปเล่นตะกร้อ เพราะรุ่นน้องได้พาเพื่อนในห้องอีก 2 คนมาด้วย ไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย หลังจากนั้นจึงถูกทำร้ายร่างกายจนรู้สึกเหมือนหมดสติ จำเหตุการณ์ไม่ได้ และมารู้สึกตัวอีกครั้งประมาณ 2 ทุ่ม พบว่าตนเองปากแตก เจ็บท้ายทอย มีรอยช้ำบริเวณท้ายทอย ศอกทั้งสองข้าง และแผ่นหลัง

หลังเกิดเหตุ ตนและฝ่ายคู่กรณียังไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด แต่เห็นว่าคู่กรณีโพสต์โน้ตในอินสตาแกรมว่า“เงินก็ให้ไปแล้ว ยังเอาคลิปไปลงอีก”ซึ่งตนไม่ทราบว่าอีกฝ่ายพูดถึงเงินจำนวนใด เพราะไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด ทั้งที่พ่อของอีกฝ่ายได้พูดคุยทางโทรศัพท์ว่าจะโอนเงินค่าเยียวยาจำนวน 10,000 บาท ให้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการนัดเจรจาใด ๆด.ช.วายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุฝ่ายคู่กรณีก็ไม่ได้มาขอโทษ และตนยังคงรู้สึกโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังจากเหตุการณ์ตนได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และโรงพยาบาลเบญจลักษ์ ซึ่งแพทย์ระบุว่ามีอาการฟกช้ำตามร่างกายและเจ็บบริเวณท้ายทอย

ด้านนายสุรพล โสดากุล อายุ 44 ปี บิดาของ ด.ช.วายุ เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ติดต่อผู้ปกครองของคู่กรณีก่อนเพื่อพูดคุย แต่ในตอนแรกอีกฝ่ายไม่ยอมเข้ามาไกล่เกลี่ย อ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดน จึงขอรอหมายเรียกหรือหมายศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต่อมาผู้ปกครองของคู่กรณีได้ติดต่อกลับมาว่า หากกลับมาจากชายแดนเมื่อใด จะขอเปิดใจพูดคุยอีกครั้งนายสุรพลกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่ได้รับการขอโทษใด ๆ จากทั้งฝ่ายนักเรียนคู่กรณีหรือผู้ปกครอง และทางโรงเรียนก็เพียงแจ้งว่าจะดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยคลิปวิดีโอเท่านั้น ไม่มีการติดต่อหรือดูแลเยียวยานักเรียนผู้เสียหายแต่อย่างใด โดยหลังจากเหตุการณ์ ด.ช.วายุ ยังไม่ได้กลับไปเรียน และตนมีแผนจะย้ายบุตรมาเรียนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ แทน เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของลูกชาย

ทั้งนี้ ครอบครัวของ ด.ช.วายุ ได้แจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นวันถัดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนพุทธเมตตาวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยทางคู่กรณีได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้/////
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์
สามี 32 ปี อยู่อาศัยกับภรรยา วัย 19 ปี ขณะนั่งดื่มเหล้าขาว เสพยา ถกเถียงกัน เกิดหึงหวง เปิดกล่องปืนสั้น 9 มม.ยิงเข้ากกหู ทะลุ ท้ายทอย 1 นัด ก่อนโทรบอกน้าสาว ให้มาช่วยเมีย ร้องไห้กอดร่างอยู่ ตร.รุดสอบหาปืน

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา 11.45 น. เจ้าหน้าที่ สภ.เบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่บ้านเสียว หมู่ 12 ตำบลเสียว อำเภอเบญจลักษ์ จึงรุดออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 134 บ้านเสียว ในที่เกิดเหตุในบ้านปูน ห้องโล่ง ประตูกระจกแบบเปิดออกสองข้าง ภาพที่ปรากฎด้านในห้อง พบร่องรอยการต่อสู้ พบคราบรอยเลือดกระจายอยู่เต็มพื้นปูน พบกล่องปืน 1 กล่อง พบลูกกระสุนปืน 9 มม.จำนวนหนึ่ง ราว 11 นัด ที่ห่อไว้ในถุงพลาสติก พบขวดเหล้าขาว 1 ขวด พบซองห่อยาบ้า ที่ยังมียาบ้าอยู่ 2 เม็ด และปล่อยว่าง 1 ช่อง สอบเบื้องต้น มีผู้ที่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส กำลังส่ง รพ.เบ็ญจลักษ์ ทราบชื่อ นางสาว ภัคนันท์ ปัทราช หรือ อุ้ม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 บ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบ็ญจลักษ์ ได้มาอาศัยอยู่กับสามี ราว 3 เดือนเศษ

ที่บ้านเลขที่ 134 บ้านเสียว หมู่ที่ 12 ตำบลท่าคล้อ ในฐานะสามีภรรยากัน กับ นายคมสัน ทองสุ หรือ บรีส อายุ 32 ปี มาอยู่ด้วยกัน 3 เดือนเศษ ขณะที่อุ้ม มีลูกติด 1 คน อายุ 4 ขวบเศษ โดยเบื้องต้น นายบรีส เป็นผู้ก่อเหตุยิงภรรยาตนเอง 1 นัด กระสุนเข้าที่ท้ายทอย ทะลุโหนกแก้ม อาการสาหัส 50/50 ถูกส่งต่อเข้า รพ.เบ็ญจลักษ์ และส่งต่อไปที่ รพ.ศรีสะเกษ โดยมีพ่อแม่ตามไปดูแลด้วย อาการหนัก 50/50 ยังไม่ได้สติ ขณะที่ในที่เกิดเหตุยังไม่พบอาวุธปืน โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามหารอบบ้านแล้ว ปรากฏว่ายังไม่พบ ซึ่งหลังนายบรีส ได้สติ จะได้สอบถามอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัว นายบรีส ไว้ที่เตียงไม้ไผ่หน้าบ้าน และพยายามสอบถามหาสาเหตุ โดยนายบรีส ยังอยู่ในอาการที่มึนเมา แต่ไม่ทราบว่าเมายาบ้า หรือ เมาเหล้าขาว ได้เล่าแบบเมาๆ ว่า ตนรับว่าตนเป็นคนยิงมีย แต่ตนรักเมียตนมาก ที่ยิงตนไม่รู้สึกตัว เพราะตนเมา ตนไม่เคยทำร้ายเมีย และรับว่า เมื่อวานเย็นเสพยา ไป 1 เม็ด แต่ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้า คุยกันอยู่กับเมีย จากนั้นตนก็ไม่รู้เลยว่า ยิงเมียตนตอนไหน

นาง พัชนี ผิวนวล อายุ 31 ปี ( เสื้อสีเนื้อ ) น้าของอุ้ม เล่าว่า น้องสาวตน ได้มาอยู่อาศัยกับนายบรีส 3 – 4 เดือนแล้ว ในฐานะสามีภรรยา แต่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้จดทะเบียนกัน โดยน้องสาวตนมีลูกติด 1 คน อยู่ระดับอนุบาล 2 แต่ให้อาศัยอยู่กับตายายเลี้ยง อยู่บ้านเก่า ที่บ้านหนองยาง หมู่ที่ 7 ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบ็ญจลักษ์ ที่รู้เพราะนายบรีส โทรบอกว่า ให้มาช่วยภรรยาตนด้วย เพราะภรรยาเขาถูกยิง แค่นั้นก็วางวาย ตนก็ให้สามีตนขับรถมาจากบ้านเหล่ายอด มาดู ก็พบเห็น นายบรีส กำลังล้างเลือดออกจากแขน จากตัว เพราะเขากอดเมียเขา หลังเขายิงเมีย ก่อนเจ้าหน้าที่ รพ.เบ็ญจลักษ์ จะมาถึง และนำตัวภรรยาส่ง รพ.

ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จาก ภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เข้าตรวจสอบเขม่าดินปืนในมือ ในร่างกายของนายบรีส และเก็บหลักฐานในที่เกิด ซึ่ง พันตำรวจเอก เกื้อประยูร หลักบุญ สารวัตรสอยสวนเวร สภ.เบ็ญจลักษ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อหากับนายบรีส คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน มาในที่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีใบอนุญาต รอการสอบสวนอีกครั้ง
////////////////////////////
ภาพ/ข’าววนิดา,ชาญฤทธิ์