สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จัดกิจกรรม “มอบ Travel Kit และของขวัญเซอร์ไพรส์” เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ประจำปี 2569

แชร์เนื้อหานี้

คริสต์มาสสุดเซอร์ไพรส์! ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ Travel Kit และตุ๊กตากวางเรนเดียร์ สร้างรอยยิ้มและความสุขให้ผู้โดยสาร
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จัดกิจกรรม “มอบ Travel Kit และของขวัญเซอร์ไพรส์” เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ประจำปี 2569 เพื่อร่วมส่งมอบความสุข สร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่น และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร ระหว่างวันที่ 24–25 ธันวาคม 2568

วันนี้ (24 ธันวาคม 2568) เวลา 17.00 น. นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ทสภ. ร่วมมอบ Travel Kit ให้แก่ผู้โดยสารขาออก ณ โถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ต่อมาเวลา 18.00 น. คณะผู้บริหาร ทสภ. ได้มอบของขวัญสุดเซอร์ไพรส์เนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ

เป็นตุ๊กตากวางเรนเดียร์ตัวใหญ่ลำเลียงผ่านสายพานรับกระเป๋า ส่งตรงถึงมือผู้โดยสารสายการบิน Etihad Airways เที่ยวบิน EY406 จากกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสายการบิน Jetstar Airways เที่ยวบิน JQ029 จากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ณ สายพานรับกระเป๋าหมายเลข 11–12 โถงผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 สร้างรอยยิ้ม ความสุขและความประทับใจแก่ผู้โดยสารเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ทสภ. ยังได้สุ่มมอบ ตุ๊กตากวางเรนเดียร์ ให้แก่ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศเพิ่มเติมอีก 4 เที่ยวบิน ในช่วงระหว่างวันที่ 24–25 ธันวาคม 2568 รวมทั้งสิ้น 7 เที่ยวบิน โดยเตรียมกวางเรนเดียร์เพื่อมอบเป็นของขวัญให้ผู้โดยสารมากถึง 1,200 ตัวทสภ. เลือกมอบตุ๊กตากวางเรนเดียร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส

สื่อถึงการเดินทาง ความสุข และการนำพาความอบอุ่น พร้อมส่งต่อรอยยิ้มและความประทับใจให้แก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทาง ทสภ. ยังคงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการให้บริการภายใต้แนวคิด World Class Hospitality เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่อบอุ่น ปลอดภัย และน่าประทับใจในทุกช่วงเวลา พร้อมตอกย้ำบทบาทการเป็นประตูสู่ประเทศไทยอย่างภาคภูมิ


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สตม. ร่วมกับ ททท. ระดมกำลังดูแลนักท่องเที่ยวช่วงคริสต์มาส – ปีใหม่ 2569 สร้างความประทับใจตั้งแต่ด่านแรก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้ายกระดับมาตรการดูแลและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2569

เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตานานาชาติ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมเชิงรุกในทุกมิติ สอดรับกับนโยบายรัฐบาลด้านการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “คุณภาพมากกว่าปริมาณ (Value Over Volume)” และหลักการทำงาน “Stay Focus” ใช้ข้อมูลเป็นฐาน พร้อมบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ธันวาคม 2568 พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ นายทศพล วรรณศุภผล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วงเทศกาลคริสต์มาส–ปีใหม่ 2569

โอกาสนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวขาเข้าจากต่างประเทศ พร้อมมอบของที่ระลึก “Amazing Bag” ซึ่งบรรจุของที่ระลึกที่สะท้อนอัตลักษณ์และเสน่ห์ความเป็นไทย เพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวเดินทางถึงประเทศไทย

ด้าน พล.ต.ต.คธาธร คำเที่ยง ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เปิดเผยว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำด่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมกว่า 200 นาย ปฏิบัติหน้าที่อย่างพร้อมเพรียง บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 ประตู 10 เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล
ขณะที่ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า สตม. ได้จัดทำแผนรองรับการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วงเทศกาลสำคัญ ภายใต้กรอบการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ควบคู่กับมาตรการป้องกันและสกัดกั้นอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเข้มงวด

โดยแผนปฏิบัติการครอบคลุมระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2568 ถึง 5 มกราคม 2569 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเข้า–ออกประเทศเฉลี่ยมากกว่า 166,000 คนต่อวัน ผ่านท่าอากาศยานหลัก ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้กำหนดมาตรการสำคัญ ได้แก่ 1.เปิดช่องตรวจคนเข้าเมืองเต็มอัตราในช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินหนาแน่น ตั้งเป้าระบายผู้โดยสารภายใน 30 นาที / 2.ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่งดการลาพักผ่อนตลอดช่วงปฏิบัติการ เพื่อให้มีกำลังพลเพียงพอ / 3.บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกอย่างรอบด้าน

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นช่วงที่มีการเดินทางหนาแน่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเตรียมความพร้อมทั้งด้านกำลังพล อุปกรณ์ ระบบตรวจ และการบริหารจัดการพื้นที่อย่างเต็มที่
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ และความเป็นมืออาชีพ เพื่อดูแลความปลอดภัยควบคู่กับการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มกำลัง สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย อบอุ่น และเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
โดยวันนี้ ( 22 ธันวาคม 2568 ) ที่มาระดมปล่อยแถวเนื่องจากว่าได้เพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งในเรื่องอำนวยความสะดวกและในเรื่องการคัดกรองบุคคลที่จะเข้าประเทศโดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ ฟรีวีซ่า เพราะว่าไม่ได้มีการคัดกรองมาจากสถานทูตประเทศต้นทางที่เดินทางเข้ามา โดยจะคัดกรองจากการดูแผนการเดินทางทั้งหมด เพื่อจะดูว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยจริงๆ ส่วนที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือใช้ประเทศไทยในการก่ออาชญากรรมต่างๆ ทางเราจะมีการปฏิเสธเข้าเมือง ส่วนหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจะใช้หลักสากล ในเรื่องการตรวจแผนการเดินทาง มีตั๋วเดินทาง เข้า-ออก ตลอดจนเบี้ยยังชีพที่ใช้ในประเทศ โดยจะใช้หลักเกณฑ์แบบเสมอภาค

ส่วนในประเทศที่มีสงคราม ทางตำรวจได้ทำงานร่วมกับ สมช. และหน่วยข่าวกรอง ในกรณีที่ต่างชาติเข้ามาก่อเหตุ แต่ตอนนี้ยังไม่การรายงานว่ามีต่างชาติเข้ามากระทำความผิดในประเทศไทย ส่วนประเทศกัมพูชาที่เข้ามาก็จะตรวจเรื่องแผนการเดินทางที่ชัดเจน และมีตั๋วเดินทางกลับ และมีเบี้ยยังชีพ ซึ่งเป็นหลักสากลที่ใช้กัน ในเรื่องของฟรีวีซ่าจะไม่มีการตรวจสอบเอกสารก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศมีพาสปอร์ตก็สามารถเดินทางเข้ามาได้ จึงจำเป็นจะต้องเน้นในรายละเอียดว่าเจตนาหลักที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวจริงๆ จึงจะปล่อยให้เดินทางเข้ามาได้ ส่วนที่เข้ามาแล้วไม่มีแผนการเดินทาง หรือไม่มีเจตนาในการท่องเที่ยวก็จะปฏิเสธการเข้ามา ในอดีตส่วนใหญ่ที่จะเข้ามาในประเทศจะต้องมีการขอวีซ่าแต่ปัจจุบันมีการเปิดฟรีวีซ่า ก็จะมีผลกระทบพอสมควรในเรื่องของการที่เข้ามาแล้วไม่มีเจตนามาท่องเที่ยว เพราะเคยมีข่าวที่เข้ามาแบบฟรีวีซ่าแล้วมาก่ออาชญากรรม หรือใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน

เรื่องการเดินทางเข้าประเทศรัฐบาลแต่ละรัฐบาลจะมีแนวนโยบายไม่เหมือนกัน แต่จะเน้นเรื่องการท่องเที่ยวเป็นหลัก ในการที่มีฟรีวีซ่าก็ดี เพราะเป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางมามากขึ้นแต่ในขณะปัจจุบันมีเหตุการณ์ระหว่างประเทศเรื่องความมั่นคงในประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการในเรื่องการอำนวยความสะดวกควบคู่กับความมั่นคงเป็นหลักเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในประเทศ การทำงานจะทำร่วมกับหลายหน่วยงาน แต่ในขณะนี้ยังไม่การรายงานการกระทำความผิดเข้ามา อยากจะเรียนนักท่องเที่ยวว่าอาจจะไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร แต่ทาง ตม.2 ก็มีแผนการรองรับ ในตอนนี้สูงสุดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางออกจากประตูเรื่องบินจนถึงด่านตรวจ ตม. ใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ