เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐนิวส์สื่อรัฐทีวี / โครงการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ดูข้อกฎหมาย ป.ป.ช.จากกรณีข้าราชการท้องถิ่น อบต. อบจ. เทศบาล ถูกร่างแหดำเนินคดี ไปกับคณะผู้บริหารท้องถิ่น โดยตกเป็นจำเลยร่วม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ สนง. ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมานายณัฐวุฒ ขมประเสริฐ รองเลขาธิการ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภ.3 เผยว่า พี่น้องท้องถิ่น อปท.มี 8 หมื่น หน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น อบต. อบจ. เทศบาล เวลาถูกกล่าวหา ก็คือตัวนายก แต่ ป.ป.ช. ดำเนินคดีทำใมมาถึงตัวเขาด้วย

ซึ่งเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย หรือเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ ตรงนี้เป็นหลักกฎหมายโดยแท้อยู่แล้ว ก็คือกระบวนการทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ เจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมปฏิบัติ ในข้อกล่าวหานั้นๆ.ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้าน เวลาดำเนินการ นอกจากจะดำเนินการกับ นายก ซึ่งถือว่าเป็นตัวการสำคัญ เราต้องดำเนินการกับผู้ปฏิบัติ และผู้สนับสนุน หมายถึงผู้ดำเนินการแทนนายก เป็นเรื่องปกติ จริงๆแล้ว กฎหมายมีทางออก ดูจาก พรบ.ป.ป.ช. ปี 2561มาตรา 134 เจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่ ปลัด ผอ.คลัง จนท.พัสดุ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหา

สมมุติว่า มีการจัดซื้อจัดจ้าน ปลัด ผอ.คลัง จนท.พัสดุ มาเห็นสิ่งที่นายกสั่งการไม่ถูกต้อง คุณสามารถคัดค้านได้ตาม มาตรา 134 เมื่อมีการคัดค้านและมีพยาน ตามกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ และกฎหมายยังมีทางออกอีกหนึ่งทาง คือ มาตรา 135 ถ้าเรามีความจำเป็นต้องทำทุจริต ไปกับเขาด้วย แต่เราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ ถ้าเราเล่าความจริงที่เป็นสาระ สำคัญ ในการดำเนินคดีกับตัวการ ข้าราชการผู้ปฏิบัติเหล่านี้

สามารถร้องขอในการเป็นพยานได้ ที่สำคัญคดี ของ ป.ป.ช.คดีการจัดซื้อจัดจ้าน มีการพิจรณาหยิบยกเรื่องการเป็นพยานเกือบทุกคดี ไม่มีประโยชน์ที่จะดำเนินคดีกับข้าราชการชั้นผู้น้อย ถ้าหากเขาไม่ได้เป็นคนก่อการ แต่เขาทำเพราะถูกสั่ง แบบนี้กฎกมายต้องคุ้มครองกันเป็นพยาน เมื่อมีมติกันเป็นพยาน ก็ไม่ต้องรับผิดทางวินัย ในทางอาญา และ ละเมิด ตัวสั่งการเท่านั้น ต้องรับผิดชอบ

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กิจกรรมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สรภัญญะ ณ วัดโนนสะอาดอุดม บ้านโคก-กุง ต.ศรีสุข อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น

แชร์เนื้อหานี้

วันที่14 กันยายน พ.ศ.2568 เวลา 09.00 น. ดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีโครงการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมสรภัญญะ ณ วัด

โนนสะอาดอุดม บ้านโคกกุง โดย นายประหยัด พุทธาศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข มอบหมาย นางสุมาลี มูลตรีภักดี
รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข

กล่าวรายงานประกวดขับร้องสรภัญญะ ประเภททีม แบ่งออก3ประเภท ได้แก่-ประเภทยุวชน-ประเภทเยาวชน-ประเภทผู้สูงอายุ(ประชาชนทั่วไป)

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้ร่วมสืบสานและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นให้มั่นคงสืบไป

นายอิสระ บุตรโพธิ์ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสีชมพู ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดขับร้องสรภัญญะ
มีผู้มาร่วมงานจำนวนมากทั้งภาคประชาชนทั่วไป ส่วนราชการ อบต.ศรีสุข สมาชิก อบต.ศรีสุข กำนันตำบลศรีสุข คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอสีชมพู

นายอุไร ลาสอน เลขานุการสภาวัฒนธรรมอำเภอสีชมพู กล่าว
งานประเพณีบุญทอดเทียน กิจกรรมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สรภัญญะ ณ วัดโนนสะอาดอุดม บ้านโคก-กุง ตำบลศรีสุข อำเภอสีชมพู

วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2568 ขอขอบคุณด.ร.วิราวรรณ มูลตรีภักดี พร้อมญาติๆ สนับสนุนเงินรางวัลร้องสรภัญญะตำบลศรีสุข และนายประหยัด พุทธาศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข

วินนิวส์/สมมาตร แอมไร่ ข่าว/ภาพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สนธิกำลังร่วมกันดำน้ำเก็บกู้ลอบประมงดักปลาในเขตอุทยานแห่งชาติ บริเวณ เรือรบหลวงปราบ เพื่อความสวยงามของท้องทะเล/กำนันดัง ยันแค่จะเตือนแต่ถูกกร่างกลับ หวั่นอันตรายชักปืนป้องกันตัว

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514 วันนี้ (15 ก.ย.68) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 1 (ชุมพร) สนธิกำลังร่วมกันดำน้ำเก็บกู้ลอบประมงดักปลาในเขตอุทยานแห่งชาติ บริเวณเกาะง่าม เรือรบหลวงปราบ และเกาะหลักง่าม ได้ลอบ จำนวน 4 ลูก ภารกิจเสร็จสิ้น

หนึ่งใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด ของแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวเมืองรอง นำเสนอโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การที่ได้มาเที่ยวทะเลชุมพร ว่ากันว่าที่นี่หาดทรายสวย ใต้ทะเลสมบูรณ์เกินกว่าจะถูกมองให้เป็นแค่เมืองผ่าน เพราะจุดดำน้ำตื้นหมู่เกาะชุมพรแบ่งออกเป็นสองโซนใหญ่ กลุ่มแรกคือ เกาะง่ามน้อย ง่ามใหญ่ กะโหลก และ ทะลุ อีกกลุ่มคือ เกาะมัตรา หลักแรด ละวะ และ เกาะลังกาจิว การไปเที่ยวไม่ยากเลย มีบริษัทนำเที่ยวเอกชนให้บริการอยู่พอสมควร

ฤดูท่องเที่ยวทะเลชุมพรเหมาะสมที่สุดคือมกราคมถึงเมษายน เหมือนกับทะเลโซนอื่นของประเทศ ส่วนฤดูมรสุมใหญ่ฝั่งภาคใต้อ่าวไทยปกติอยู่ระหว่างตุลาคมกับพฤศจิกายน เดือนที่เหลือจากที่ว่ามาให้ดูตามสภาพอากาศเวลานั้นอีกทีแล้วกัน อาจจะมีฝนตกบ้าง เว้นช่วงบ้างว่ากันไป

แต่ก่อนไปยลอะไรที่สวยยิ่งกว่าต้องอดใจรอสักครู่ เพราะเรือมุ่งหน้าต่อสู่เกาะง่ามใหญ่
ง่ามใหญ่เป็นเกาะกลุ่มเดียวกับง่ามน้อยนั่นแหละ ที่นี่มีทีเด็ดมีเรือรบหลวงปราบ เฉพาะใต้น้ำแต่ยังโดดเด่นด้วยหน้าผาหินทรงแปลกตามองคล้ายฝ่ามือคนข้างขวา ชาวบ้านเลยเรียกกันว่าฝ่ามือพระพุทธเจ้า นักท่องเที่ยวไหวเลยครับ อุทานถึงพระองค์ พระองค์ก็มา

กำนันดัง ยันแค่จะเตือนแต่ถูกกร่างกลับ หวั่นอันตรายชักปืนป้องกันตัว

ธนากร โกสลเมธี รายงาน 0818923514 วันที่16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบจากกรณี ผู้ใช้กรณีผู้ที่ใช้ Facebook ชื่อ Anong Panthong ได้ลงคลิปวิดีโอแสดงพฤติกรรมของกำนันนายนิรัตน์ เข้าระงับเหตุ ใช้เสียงดัง และเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าวแต่ไม่พบใครอยู่ในบ้าน
ทางด้าน นายนิรัตน์ ผุดเพชรแก้ว กำนันคนดังกล่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านหลายฉบับ และได้เก็บหนังสือร้องเรียนเหล่านั้นไว้ทุกฉบับทั้งหมด ชาวบ้านร้องเรียนว่า บ้านทำเสียงดัง ต.ท่าหิน อ. สวี จ.ชุมพร

หลังดังกล่าวได้ เบิ้ลเครื่องรถและเสียงท่อไอเสียดังมากกว่าปกติจึงได้โทรไปหาพ่อของ คนดังกล่าวเพื่อแจ้งให้ทราบและยังได้ตักเตือนไปถึง พฤติกรรมของคนดังกล่าวด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นมานาน หลายเดือนแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าดำเนินการอย่างไรเนื่องจากพ่อของคนดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าไปแตะต้องแต่ผมในฐานะที่เป็นผู้นำของคนทั้งตำบล ซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวน่าจะเปิดเผยคลิปที่ถ่ายตั้งแต่ตอนต้นไม่ใช่ตัดต่อเอาตอนที่ออกมาตามสื่อโซเชียล

ในวันนั้นขณะที่ผมนั่งอยู่กับน้องๆในวันนั้นขณะที่ผมนั่งอยู่กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ ชรบ. ซึ่งเป็นบ้านที่ห่างจากบ้านหลังที่เกิดเหตุเพียงเล็กน้อย พร้อมกับได้ยิน เสียงเบิ้ลรถมอเตอร์ไซค์ ดังสนั่นหวั่นไหวมาก ตรงกับที่ชาวบ้านร้องเรียน ก็เห็นว่าเป็นเหตุเฉพาะหน้า จึงตั้งใจจะไปว่ากล่าวตักเตือนเพียงเท่านั้นทำให้ยังไม่ได้แต่งเนื้อแต่งตัวหรือแต่งเครื่องแบบให้เป็นที่เรียบร้อยแต่อย่างใด แต่เมื่อไปถึงกับถูกพูดจาด้วยถ้อยคำและน้ำเสียงตะคอก

ซึ่งเด็กกลุ่มนั้นยังเป็นเพียงวัยรุ่น แต่แสดงอาการกริยาไม่สุภาพต่อผมทำให้ผมเกิดอาการโกรธ ก็เลยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนในขณะที่กำลังเข้าไปปฏิบัติหน้าที่และมีอาการตามในคลิปที่เผยแพร่ในสื่อโซเซียล ส่วนเด็กและวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว กำลังอยู่ในลักษณะของการซ่อมรถ ซึ่งอาจจะมีไขควง หรือมีดหรือสิ่งอื่นใดที่อาจจะทำอันตรายต่อผมได้และผมก็มองเห็นไม่ชัดเพราะอยู่ในเวลามืดค่ำประมาณทุ่มกว่าๆ และใช้เวลาอยู่ในที่เกิดเหตุเพียง 5 นาทีเท่านั้น ส่วนที่มีสื่อกระแสหลักหลายสื่อลงข่าวเพียงด้านเดียวของกลุ่มเด็กเหล่านั้นแต่ไม่ได้เข้ามาสอบถามหรือสอบถามข้อเท็จจริงจากผมแต่อย่างใด จึงอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับตัวผมด้วย

กำนันตำบลท่าหินได้นำเอาเอกสารหนังสือร้องเรียนจำนวนมากที่มีชาวบ้านในเขตตำบลท่าหินและอยู่ใกล้เคียงกับบ้านหลังที่เกิดเหตุออกมาโชว์ให้กับผู้สื่อข่าวดูและบอกว่าได้รับคำร้องเรียนมานานแล้วมาก กำนันท่าหินได้อ่านหนังสือของชาวบ้าน หนึ่งในจำนวนมากนั้นลงวันที่ 2 กันยายน 2568 ว่าเนื่องจาก บ้ายดังกล่าว ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จากการแต่งรถซิ่ง ของบรรดารถ จยย และส่งเสียงดังจากบ้าน หลังที่เกิดเหตุ และหนังสือฉบับอื่นๆอีกในข้อความคล้ายๆกันถึงความเดือดร้อนจากการแต่งรถเสียงดังและเบิ้ล รถเสียงดังในเวลาค่ำคืน นอกจากนั้น กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวยังมีประวัติพึ่งพ้นจากคุกออกมาไม่นานนักในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดส่วนอีกคนหนึ่งอยู่ใน การหลบหนี เข้ารับราชการทหารด้วย ส่วนในเวลาที่เกิดเหตุ ผมสังเกตเห็นคู่กรณีมีลักษณะของการก้มลงไปไม่ทราบว่าจะหยิบอะไรขึ้นมาเนื่องจากมืดจึงดึงอาวุธปืนออกมาจากสะเอวมาถือไว้เพื่อเป็นการป้องกันตัวและไม่ได้เล็งอาวุธปืนไปยังคู่กรณีแต่อย่างใดตามในคลิปที่เกิดขึ้น

   ทางด้านชาวบ้านหมู่ที่ 2 ตำบลท่าหินกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เด็กวัยรุ่นที่บ้านหลังดังกล่าวได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งดัดแปลงส่งเสียงดังและเบิ้ลเครื่องอยู่เป็นประจำทั้งกลางวันและกลางคืนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน มาเป็นเวลานานนับเดือนหลายเดือนแล้วนายไตรทิพย์ สกุลประดิษฐ์ นายอำเภอสวี กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นไปตามที่ออกไปตามสื่อโซเชียลต่างๆของกำนันตำบล และได้เชิญกำนันมาสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และได้ กล่าวว่ากำนันทำอย่างนั้นได้อย่างไรถึงแม้ว่าจะเป็นการทำหน้าที่ก็ตาม ทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อพี่น้องประชาชน ในขณะนี้ กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะดำเนินการต่อไปพ.ต.อ. วิษณุ สุระวดี  ผกก.สภ.สวี  จังหวัดชุมพร กล่าวว่า กรณีที่ปรากฏเป็นคลิปที่อยู่ในข่าวทางเราได้เรียกสอบปากคำในส่วนของผู้เสียหายเบื้องต้นแล้วยืนยันให้ดำเนินคดีซึ่งเกิดจากความกลัวที่ทางด้านกำนันไประงับเหตุเรื่องส่งเสียงดังแล้วก็มีการพูดโต้เถียงกันมีการชักอาวุธปืน ออกมาจากเอวที่เป็นไปตามภาพคลิปตามข่าวอยู่แล้วเราก็จำดำเนินไปตามตัวบทกฎหมายในส่วนนี้ซึ่งจะพิจารณาทุกส่วนในทุกตัวบทกฎหมายว่ากำนันมีอำนาจหรือไม่วันนั้นในวันเกิดเหตุมีการไปเนื่องจากเหตุอะไรมีเหตุผลกดเคืองกันมาก่อนไหมแล้วก็ในคลิปอาจจะ ถ่ายแค่มุมหนึ่งบุคคลที่โต้เถียง ด้วยทางเราไม่เห็นในส่วนนั้นจะต้องเรียกสอบปากคำทั้งหมดแล้วก็พิจารณาในส่วนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อหาถ้าหากว่ากำนันผิดในตัวบทกฎหมายไหนก็จะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในตัวบทกฎหมายนั้นในส่วนนั้นครับ

สื่อรัฐนิวส์สื่อรัฐทีวี / มอบธงครัวเรือนปลอดยาเสพติด “บ้านเขาป่าหญ้า” อ.โคกสำโรง นำร่อง ชุมชนเข้มแข็ง เอาชนะปัญหายาเสพติด ปลอดผู้เสพ ผู้ค้า 100%

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 16 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น. ที่ วัดเขาป่าหญ้า ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี

เป็นประธานพิธีมอบธงครัวเรือนปลอดยาเสพติด ตามโครงการ Re X-ray ค้นหาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ปี พ.ศ.2568

ของบ้านเขาป่าหญ้า หมู่ที่ 10 ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี โดยมี นายเจตพงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง และนางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง

นายนรินทร์ คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 และนางสาวอุมาพรคลังผา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังเพลิง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้

ทั้งนี้ จากนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวาระสำคัญระดับชาติ ตามแผนปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers

ผนึกกำลังสร้างหมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด อำเภอเมืองลพบุรี มีการดำเนินการ โดยการสร้างการรับรู้ให้แก่นักเรียนประชาชน การ Re X-ray ค้นหาผู้เสพ ผู้ติดผู้ค้ายาเสพติด

ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และปิดล้อมตรวจค้น ผู้ค้ายาเสพติด ในพื้นที่เป้าหมาย จัดชุดปฏิบัติการประจำตำบล ออกตรวจลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อย

พร้อมทั้งตรวจหาสารเสพติดในกลุ่มข้าราชการพนักงานลูกจ้าง และบุคลากรในสังกัด และกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ในวัดพื้นที่เป้าหมาย โดยอำเภอโคกสำโรงได้คัดเลือกบ้านเขาป่าหญ้า หมู่ที่ 10 ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศอ.บต. ร่วมต้านภัยใบกระท่อมในเยาวชน ชี้ “เราไม่เล่น ยาเสพติดจะเล่นเรา”

แชร์เนื้อหานี้

     โรงเรียนจะนะวิทยาได้จัดกิจกรรมสำคัญในหัวข้อ “สร้างภูมิคุ้มกันทางปัญญา ต้านภัยใบกระท่อม” ณ หอประชุมโรงเรียน เพื่อปลุกจิตสำนึกและให้ความรู้แก่เยาวชนถึงอันตรายของยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใบกระท่อม ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางในสังคม
     กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายอิบรอเหม เบ็ญนา ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการ ผอ.กสม. ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) ซึ่งได้ร่วมมอบประกาศนียบัตรแก่นักเรียนที่ชนะการประกวดคลิปสั้นในหัวข้อ “การรณรงค์และแก้ปัญหาพืชกระท่อม” และได้กล่าวบรรยายพิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเป็นข้อคิดเตือนใจแก่นักเรียนทุกคน โดยมี ว่าที่ ร.ต.สิรภพ จิวานิจ ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมด้วยคณะครูและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
   นายอิบรอเหม กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาว่า “ส่วนมากคนที่ทำผิดอยู่ในเรือนจำไม่รู้หนังสือ การศึกษาให้โอกาสแก่พวกเราได้สร้างอนาคต” พร้อมทั้งย้ำเตือนให้นักเรียนตั้งใจเรียน ตั้งใจศึกษา เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างอนาคตของตนเองให้สำเร็จตามที่ฝันไว้ ประเด็นสำคัญของการบรรยายอยู่ที่การเตือนภัยจากยาเสพติด โดยเฉพาะคำกล่าวที่ว่า "ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เล่นยาเสพติด แต่ยาเสพติดจะเล่นเรา" ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้เสพเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงคนรอบข้างและสังคมโดยรวม เนื่องจากเมื่อผู้เสพไม่มีเงินซื้อยา ก็จะเริ่มก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือแม้แต่การทำร้ายผู้อื่นเพื่อต้องการเงินมาสนองความต้องการของตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างความไม่ปลอดภัยให้กับคนในชุมชน
  ก่อนจบการบรรยาย นายอิบรอเหมได้ทิ้งท้ายด้วยการขอให้นักเรียนทุกคนช่วยกันปกป้องตนเองและสังคมจากยาเสพติด หากพบเห็นผู้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติด ขอให้แจ้งผู้ปกครองหรือเจ้าหน้าที่ทันที และขอให้ทุกคนตั้งใจทำความดีเพื่อตนเอง พ่อแม่ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต

ปัตตานี.- เลขาฯ ศอ.บต. ชี้ ‘การเยียวยา’ ไม่ใช่แค่เงิน แต่คือ ‘ความรู้สึก’ เน้นเร็ว-ต่อเนื่อง ฟื้นฟูคุณภาพชีวิต-ชุมชน

 วันที่ 14 กย 68 พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวถึงภารกิจการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในพื้นที่ว่าเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว โดยย้ำว่าความสำคัญของการเยียวยาไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน แต่คือ "ความรู้สึก" ของการได้รับความดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐ 

  เลขาธิการ ศอ.บต. ระบุว่า ความรวดเร็วในการเข้าไปดูแลผู้ได้รับผลกระทบเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะประชาชนไม่ได้ต้องการให้เหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วรัฐต้องเข้าไปดูแลอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ สิ่งสำคัญรองลงมาคือ "ความต่อเนื่อง" โดยการเยียวยาจะต้องไม่เป็นการช่วยเหลือแล้วแยกย้ายกันไป แต่ต้องดูแลในเชิงคุณภาพชีวิต ความรู้สึก และสภาพจิตใจด้วย 

พันตำรวจโท วรรณพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ระดับบุคคลหรือครอบครัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงระดับชุมชนและพื้นที่อย่างมาก ทั้งในเรื่องของความเชื่อมั่นและความรู้สึกอบอุ่นในการอยู่ร่วมกัน  ดังนั้น การเยียวยาในความหมายของ ศอ.บต. จึงไม่ใช่แค่การดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น ชุมชน ที่ต้องได้รับการดูแลเยียวยาในรูปแบบที่เหมาะสมด้วย 

 นอกจากนี้ พันตำรวจโท วรรณพงษ์ ยังได้กล่าวถึงแนวคิดของ "พื้นที่กลาง" ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการอยู่ร่วมกันในพื้นที่ โดยพื้นที่กลางคือที่ที่ทุกคนมีโอกาส มีความสุข สามารถอยู่ร่วมกันและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ และรัฐจะต้องเข้าไปสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีความขัดแย้ง เขาเชื่อว่าหากทุกคนเข้าใจแนวคิดของพื้นที่กลางแล้ว จะสามารถนำไปสู่การอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรมได้อย่างเต็มรูปแบบ แม้จะมีความเชื่อที่แตกต่างกันก็ตาม

สื่อรัฐนิวส์สื่อรัฐทีวี / เสมอดาว เมาน์เทน เทรล “วิ่งนับดาว คืนฟื้นฟูป่า” ครั้งที่ 3งานวิ่งเทรลที่จะพาทุกก้าวกลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูป่า…เพื่อฮีลใจคุณ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. นางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน มอบหมายให้นายภัคพงศ์ ทองฟู ผู้ปฏิบัติงานสำนักงานจังหวัด และนายภัทร์ศรุต คล้ายสุบรรณ ผู้ปฏิบัติงานกลุ่มงานบริการ ลงพื้นที่อำเภอนาน้อย

เพื่อประชุมร่วมกับองค์กรเกษตรกร “โครงการสนับสนุนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และด้านอื่นๆในภารกิจของสำนักงาน ตามบันทึกข้อตกลงกรมบัญชีกลาง กิจกรรมที่ 2 สำนักงานสาขาจังหวัดติดตามประเมินผลการดำเนินงาน

โครงการที่ได้รับการสนับสนุนและพัฒนาปรับปรุงแผนและโครงการขององค์กรเกษตรกร” โดยมี ร.ต.อ.วินัย ก้อนสมบัติ รองประธานอนุกรรมการฯ คนที่ 2 จังหวัดน่าน เข้าร่วมด้วย ณ หอประชุมบ้านคลองชล ม.10 ต.นาน้อย อ.นาน้อย จ.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

เสมอดาว เมาน์เทน เทรล “วิ่งนับดาว คืนฟื้นฟูป่า” ครั้งที่ 3
งานวิ่งเทรลที่จะพาทุกก้าวกลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูป่า…เพื่อฮีลใจคุณ

สมาคมอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ชวนทุกคนมาวิ่งสนามเทรลท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมร่วมกันสร้างพื้นที่สีเขียวให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ในงาน “Samer Dao Mountain Trail” #3 “วิ่งนับดาว คืนฟื้นฟูป่า” โดยรายได้ 100 บาท จากค่าสมัครของทุกท่าน มอบให้สมาคมอุทยานแห่งชาติ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์ และโครงการคืนฟื้นฟูป่าประชาร่วมใจ จัดขึ้นในวันที่ 25 – 26 ตุลาคม 2568 ณ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน

งานนี้ได้จัดมาต่อเนื่อง 2 ครั้งในปี 2567 ซึ่งทำให้ประชาชนตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สร้างรายได้ให้กับชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน และพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถดำเนินการจัดหาทุนโครงการคืนฟื้นฟูป่าประชาร่วมใจ เพื่อขอคืนผืนป่าจากประชาชนที่ทำกินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่านโดยสมัครใจแล้วกว่า 840 ไร่

ซึ่งงานในครั้งที่ 3 นี้จะพาทุกคนไปท่องเที่ยวด้วยสองเท้า ก้าวสู่อ้อมกอดธรรมชาติ ปลุกชีวิตให้มีชีวา ผ่าน ‘การอาบป่า’ (Shinrin-yoku) ที่โอบล้อมใจด้วยความสงบและสดชื่น พบกับ 4 ระยะวิ่งเทรล 40 KM / 20 KM / 10 KM และ 5 KM ผ่านเส้นทางวิ่งธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความสนุกและท้าทาย ภายใต้สายหมอกที่ฟุ้งกระจาย และแสงทองอุ่น ๆ ยามเช้าที่จะมอบประสบการณ์สุดสดชื่นพร้อมเติมพลังบวกให้กับวันใหม่

สำหรับนักวิ่งที่ชอบความท้าท้ายและมีเป้าหมายในการแข่งขัน ระยะวิ่ง 40 KM 20 KM และ 10 KM มีการแข่งขันประเภทรุ่นอายุและรับโล่รางวัลทั้ง 3 ระยะทาง 4 รุ่น ๆ ละ 3 อันดับ ชายและหญิง ได้แก่ รุ่นอายุ 20 – 29 ปี, รุ่นอายุ 30 – 39 ปี, รุ่นอายุ 40 – 49 ปี และรุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป รวมทั้งหมด 72 รางวัล
นอกจากการวิ่งเทรลแล้วยังมีกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ กิจกรรมอาบป่า, ทัวร์รถรางเที่ยวนาน้อย, เยี่ยมชมพื้นที่โครงการคืนฟื้นฟูป่า ประชาร่วมใจ และกิจกรรมนอนแคมป์ดูดาวพร้อมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพดวงดาวอีกด้วย

เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ พิเศษ! โปรโมชั่น จับคู่มาสมัคร ลดทันที 10% โดยนักวิ่งทั้ง 2 คน สามารถเลือกคละระยะสมัครได้ และอีกหนึ่งโปรโมชั่น ยกก๊วนสมัคร 5 คน ฟรี 1 คน ในระยะ 5 KM โดยนักวิ่งทั้ง 5 คน เลือกคละระยะสมัครได้ สำหรับผู้ที่สนใจสมัครแบบ VIP เลือกระยะวิ่งได้ ในราคา 3,2000 บาท พิเศษ!! ร่วมกิจกรรมนอนแคมป์ดูดาวพร้อมอาหารเย็น นอกจากนี้ยังสามารถสมัครแบบไม่ร่วมวิ่ง ราคา 2,000 บาท รับกระติกน้ำ Zojirushi ลายพิเศษจากสมาคมอุทยานแห่งชาติ พร้อมจัดส่งฟรี และสมัครแบบไม่ร่วมวิ่ง

ราคา 500 บาท จะได้รับเสื้อวิ่ง 1 ตัว (เลือกได้จากทุกระยะ) และผู้จัดสมทบเสื้อวิ่งอีก 1 ตัว เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน พร้อมจัดส่งฟรี ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค Samer Dao Mountain Trail เสมอดาว เมาน์เทน เทรล, ไลน์ออฟฟิศเชียล @inspirerunner หรือโทรศัพท์ 098-945-6568 สมัครได้ที่ www.runlah.com/th/sdmt2025

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / จัดกิจกรรม ” โครงการตรวจเยี่ยมบ้านคนพิการ มอบชุดยังชีพให้ ทหารผ่านศึก คนพิการ ผู้ยากไร้ 40 ราย อ.วังสะพุง จ.เลย

แชร์เนื้อหานี้

14 กันยายน 2568 : 09.00-11.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้ พ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ/นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล,คณะจิตอาสาพระราชทาน 904,พระครูปริยัติสิทธิญาณ เจ้าคณะตำบลวังสะพุง เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด

พร้อมด้วยคณะสงฆ์,นายนครินทร์ เทพรักษ์ รหส.ผศ.สนง.สงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเลย มอบหมายให้ น.ส.ยุพาพิน สายศรีแก้ว ผช.หน.สนง.สงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเลย และคณะ,ชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จ.เลย และคณะ,นางจริยาพร พัฒนชัยกุล ประธานผู้ประสานงานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ จ.เลย

มอบหมายให้ นายณัฐกฤต สิมะลี เลขานุการ,พมจ.เลย และคณะ,ชมรมแม่บ้านดีเด่นระดับจังหวัด,นางฐานิดา อนุอัน นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลประจำจังหวัดกาฬสินธุ์,น.ส.ชญาภา เทียมเมฆ นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลประจำจังหวัดบุรีรัมย์,ชมรมช่วยเหลือสังคม,นายธวัชชัย จิตต์เจริญ ที่ปรึกษาสมาคมคน

พิการฯ,ร.ต.อ.ชาญชัย วรรณโรจน์ คณะกรรมการผู้ไกล่เกลี่ย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ประสานงาน : ร่วมจัดกิจกรรม “โครงการตรวจเยี่ยมบ้านคนพิการตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง” มอบชุดยังชีพให้กับ ทหารผ่านศึก คนพิการ ผู้ยากไร้ จำนวน 40 ราย ณ บ้านเลขที่ 111 ม.7 ต.ปากปวน อ.วังสะพุง จ.เลย

*** ขอขอบคุณผู้ร่วมบริจาค มา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง ดังรายนามต่อไปนี้ ***สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล : บริจาคชุดยังชีพ จำนวน 20 ชุดชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จ.เลย : บริจาคชุดยังชีพ จำนวน 20 ราย และจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน

สส.เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล : บริจาคน้ำดื่ม จำนวน 50 โหลโรงแรมเซ็นธารา : บริจาคแปรงสีฟันและยาสีฟัน จำนวน 10 ลังสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเลย คนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเลยชมรมช่วยเหลือสังคมทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่2ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่3ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่4

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เมืองพัทยาระดมสมองจัดตั้งชุมชนใหม่ เพื่อความทั่วถึงและเป็นระบบ

แชร์เนื้อหานี้

นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานการประชุมพิจารณาการจัดตั้งชุมชนใหม่ โดยมี ประธานสภาเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา รองปลัดเมืองพัทยา และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมทัพพระยา ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจากพื้นที่โครงการบ้านมั่นคงและบริเวณใกล้เคียงกับชุมชนชัยพรวิถี มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการบ้านมั่นคงจึงมีแนวคิดในการขอจัดตั้งเป็น “ชุมชนใหม่” เพื่อให้การดูแลประชาชนมีความทั่วถึงและเป็นระบบมากขึ้น

เมืองพัทยาได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงมีข้อเสนอให้คณะกรรมการบ้านมั่นคงดำเนินการสำรวจข้อมูลจำนวนประชากร พร้อมนำข้อมูลเสนอต่อเจ้าหน้าที่เพื่อจัดประชุมประชาพิจารณ์ ร่วมกับประชาชน

ในพื้นที่ชุมชนชัยพรวิถีและพื้นที่ชุมชนใหม่ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแบ่งเขต ตั้งแต่บริเวณถนนสุขุมวิท 21 ตลอดแนวคลองนาเกลือ ไปจนถึงพื้นที่โดยรอบโรงเรียนมารีวิทย์ พัทยา พร้อมการกำหนดชื่อชุมชน และการจัดตั้งคณะกรรมการชุมชน

ทั้งนี้ การเปิดรับสมัครคณะกรรมการชุมชนจะต้องมีผู้สมัครไม่ต่ำกว่า 5 คน และไม่เกิน 9 คน หากมีผู้สมัครเกินจำนวนดังกล่าวจะต้องมีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้คณะกรรมการที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง การจัดตั้งชุมชนใหม่ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างกลไกในการดูแลประชาชนได้ครอบคลุมมากขึ้น อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ และเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / ผู้ว่าประจวบฯฯ เปิดโครงการ “มหกรรมคนรักษ์ทะเล” ปกป้อง ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรทางทะเล /“เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ครั้งที่ 24” นทท.ชิมซีฟู้ดแน่นหาด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.68 ที่หาดบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “มหกรรมคนรักษ์ทะเล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” โดยมี พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ

นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด นางสาวอาทิตา จุ้ยจู่เอี้ยม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 ว่าที่ร้อยตรีสมนึก พรหมศร ประมงจังหวัด แขกผู้มีเกียรติ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายภาคีอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล

เข้าร่วมในพิธีสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ ร่วมกับ สำนักงานประมงจังหวัดประจวบฯ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝังที่ 3 (เพชรบุรี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “มหกรรมคนรักษ์ทะเลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ด้วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชายฝั่งทะเลยาวกว่า 246 กิโลเมตร ครอบคลุม 8 อำเภอ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น

สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจมากกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และเป็นแหล่งทำการประมงที่สร้างมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี โดยมีเรือประมงพื้นบ้านกว่า 2,000 ลำ อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรทางทะเลกำลังเผชิญกับความเสื่อมโทรมจากมลพิษ การทำประมงเกินขนาด และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โครงการมหกรรมคนรักษ์ทะเลฯ จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ในการปกป้อง ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยเน้นการลดขยะ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสิ่งแวดล้อม สร้างเครือข่ายความร่วมมือ และลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Next Move Prachuap “ประจวบฯ ต้องไปต่อ” ที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการประมง ควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สู่คุณภาพชีวิตที่ดีและความมั่นคงยั่งยืนของจังหวัดประจวบฯ
สำหรับโครงการ “มหกรรมคนรักษ์ทะเล จังทวัดประจวบฯ”

จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักแก่ประชาชน เยาวชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการปกป้อง ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืน สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด และนโยบาย Next Move Prachuap “ประจวบฯ ต้องไปต่อ” ที่เน้นการพัฒนาควบคู่กับการรักษาสภาพแวดล้อมให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน พัฒนาและขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ชุมชนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

กิจกรรมในวันนี้ประกอบไปด้วยการเสวนา ในหัวข้อ “การจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ป่าชายเลน และการประมงอย่างยั่งยืน” โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ยังมีการมอบอุปกรณ์เก็บขยะชายหาด การมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าชายเลนตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “มหกรรมคนรักษ์ทะเล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์”

เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการปกป้อง ฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง และการทำประมงอย่างยังยืนและปิดท้ายด้วยกิจกรรมการปล่อยพันธ์สัตว์น้ำและเต่าทะเล รวมถึงการมอบซั้งให้แก่กลุ่มประมงพื้นบ้าน.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

เริ่มแล้ว “เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ครั้งที่ 24” นทท.ชิมซีฟู้ดแน่นหาด

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.68 ที่บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ รองผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี เป็นประธานเปิดงานเทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ครั้งที่ 24 พร้อมด้วย นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ นายแก้ว คงวงศ์ นายอำเภอชะอำ นายดวงใจ คุ้มสอาด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

สำนักงานเพชรบุรี นายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก พ.ต.อ.อภิรักษ์ เพิ่มชัย ผกก.สภ.ชะอำ หัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากให้การต้อนรับพร้อมชิมอาหารจานเด็ดจากเซฟโรงแรมชั้นนำในพื้นที่ชะอำโดยใช้ปลาหมึกสดที่ได้มาจากประมงพื้นบ้านแจกจ่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลองทาน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของนักท่องเที่ยวเข้าชมงานกันเป็นจำนวนมาก

เทศบาลเมืองชะอำ ร่วมกับ ททท.สำนักงานเพชรบุรี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี และ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดงานเทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 24 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13-20 ก.ย.68 รวม 8 วัน 8 คืน ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย มีการออกร้านจำหน่ายอาหารทะเลสดเลิศรสที่ปรุงด้วยเมนูหมึกและหอยเป็นหลักและอาหารอื่น ๆ อีกหลากหลายจากโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังใน อ.ชะอำและ จ.เพชรบุรี

กว่า 50 ร้านค้าคุณภาพในราคายุติธรรมและเหมาะสมคุณภาพ อีกทั้งยังจัดให้มีการแสดงดนตรีจากวงดนตรีที่ได้รับความนิยมทุกคืน การออกร้านจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นบนถนนคนเดินรอบบริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ และยังได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่หาได้เฉพาะในงานเทศกาลนี้ 1 ปีมีครั้งเดียว กับบริการนำนักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์การลงเรือตกหมึกกลางทะเลที่น่า

ตื่นเต้นประทับใจทุกวันในราคาถูกเป็นพิเศษเพียงท่านละ 100 บาท พร้อมอุปกรณ์ตกหมึก “โยธกา” ที่หาชมได้เฉพาะกิจกรรมนี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจเที่ยวชมงานตามวันดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประเพณีขึ้นโขนชิงธง คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก เรือศักดิ์มงคลชัย ครองถ้วยพระราชทานฯเงินรางวัล 120,000 บาท

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 สรุปผลการแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ประจำปี 2568 วันนี้(14 ก.ย. 68) การแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ประจำปี 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์และฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง ธำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมความรักความสามัคคีของประชาชน และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

บรมนาถบพิตร ที่มีต่อปวงชนชาวไทย และจังหวัดชุมพร และการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดชุมพร โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 -14 กันยายน 2568 ณ คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร

โดยมีนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันฯ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีกิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร, นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ร่วมมอบรางวัลการแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ประจำปี 2568

สำหรับผลการแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง คลองในหลวงหัววัง-พนังตัก ประจำปี 2568 เรือยาวประเภท 32 ฝีพายผู้นำ ครองถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ เรือศักดิ์มงคลชัย สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งคา เงินรางวัล 120,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 1

เรือเทพชินกร สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านนา เงินรางวัล 100,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 2 เรือพรแม่ย่าเน้ย สังกัด เทศบาลตำบลบางหมาก เงินรางวัล 80,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 3 เรือสิงโตทอง สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำสิงห์ เงินรางวัล 60,000 บาท

เรือยาวประเภท 16 ฝีพายทั่วไป ครองถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ เรือเพชรบ้านนา Good Design ป.นำโชค สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านนา เงินรางวัล 35,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 1 เรือจระเข้ท่าม่วง

สังกัด วัดหูรอ เงินรางวัล 30,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 2 เรือฤทธิ์เทวดาเพชร 5 แยก สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลพ้อแดง เงินรางวัล 25,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 3 เรืออนันตชัย สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม เงินรางวัล 20,000 บาท

เรือยาวประเภท 32 ฝีพายประชาชนทั่วไปภายในจังหวัด ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ เรือพลอยชมพู สังกัด Good design เงินรางวัล 50,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 1 เรือสะหัสชัย

สังกัด เทศบาลตำบลปากน้ำหลังสวน เงินรางวัล 40,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 2 เรือพระนเรศวร สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลพ้อแดง เงินรางวัล 30,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 3 เรือศักดิ์มงคลชัย สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งคา เงินรางวัล 20,000 บาท

เรือยาวประเภท 8 ฝีพาย ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้แก่ เรือเพชรณภัทร สังกัด เทศบาลตำบลปากน้ำหลังสวน เงินรางวัล 15,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 1 เรือเจ้าแม่นาคราช เพชรอานุภาพ ฐิตะฐาน 2 สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านนา

เงินรางวัล 12,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 2 เรือป.รัตนชัย วัยรุ่นบ้านควน สังกัด วัดชลธารวดี เงินรางวัล 10,000 บาท, รองชนะเลิศ อันดับ 3 เรือสาวน้อยพนังตัก 2 เอเพ็กซ์ฟู้ด สังกัด เทศบาลตำบลนาชะอัง เงินรางวัล 8,000 บาท