เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พาชาวบ้าน ร้อง รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส ให้ตรวจสอบกรมธนารักษ์ หลังไม่ยอมคืนที่ดิน ให้ชาวบ้าน เกือบ 15,000 ไร่

แชร์เนื้อหานี้


อ่านต่อ : วันนี้ (20 พ.ย.67) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมนายกิตติศักดิ์ บุญชัย และชาวบ้านเกาะเต่ากว่า 20 คน ได้มายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กรณีกรมธนารักษ์ได้ขึ้นทะเบียนพื้นที่กว่า 15,000 ไร่ เกินกว่าที่ครอบครองจริงเพียง 25 ไร่ ในเกาะเต่าเป็นพื้นที่ราชพัสดุทำให้ชาวบ้านบนเกาะจำนวนมากและธุรกิจบนเกาะไม่สามารถจดแจ้งทะเบียนขึ้นได้ สร้างความเดือดร้อน เพราะชาวบ้านอยู่มาก่อน

โดยขอให้ช่วยการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับงานในหน้าที่ และควบคุม ตรวจสอบ ติดตามการทำงานของฝ่ายบริหารในเรื่องที่เกี่ยวกับข้อพิพาทที่ดินเกาะเต่า ตามอำนาจหน้าที่ซึ่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 150 บัญญัติไว้ เพื่อทราบผลการดำเนินงาน    
เนื่องจากชาวบ้านเกาะเต่า เคยร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน มาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และขอให้ร่วมผลักดันพิจารณาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติอีกทางหนึ่งด้วย

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ในอดีตชาวบ้านในเกาะเต่าอาศัยอยู่มานานตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2480 ก่อนที่ราชทัณฑ์จะมาสร้างเรือนจำปี พ.ศ. 2485 พอเรือนจำไม่ได้ใช้งานกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้แจ้งสิทธิการครอบครอง ส.ค.1 และขึ้นทะเบียนเกาะเต่าเป็นที่ราชพัสดุทั้งเกาะจำนวน 15,000 ไร่ หรือประมาณ 21 ตารางกิโลเมตร ซี่งความจริงแล้ว เรือนจำ       มีเนื้อที่เพียง 25 ไร่เท่านั้น จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในปี พ.ศ. 2497 ประมวลกฎหมายที่ดินเริ่มใช้บังคับ และในปี พ.ศ.2498 ราษฎรเกาะเต่าที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินไปขึ้นทะเบียนสิทธิครอบครองที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) แต่ไม่สามารถแจ้งสิทธิการครอบครองได้ เพราะนายครรชิต พัฒนศรีสรรพากรอำเภอเกาะสมุย ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลังได้แจ้งการครอบครองที่ดินบริเวณเกาะเต่า เนื้อที่ 15,000 ไร่ เกินกว่า 25 ไร่ ที่กรมราชทัณฑ์ครอบครอง ซึ่งเป็นการขึ้นทะเบียนโดยความผิดพลาดคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ชาวบ้านยังคงครอบครองและทำกินในที่ดินดังกล่าวต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

และตั้งแต่ ปี พ.ศ.2529 – 2565 ราษฏรเกาะเต่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปหลายแห่ง เช่น รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษย์ชน, ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน ซึ่งมี พล.อ.เกรียงไกรศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานทุกหน่วยงาน พิจารณาแล้วเห็นว่า กรมธนารักษ์ ขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุและ ส.ค. 1 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย การขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ จำนวน 15,000 ไร่ เกินกว่า 25 ไร่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้กรมธนารักษ์คืนที่ดินให้กับชาวบ้านเกาะเต่า แต่กรมธนารักษ์ก็เพิกเฉย

วันนี้ จึงพาชาวบ้านกว่า 20 คน มายื่นเรื่องให้ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ช่วยดำเนินการตรวจสอบ และติดตามสอบถามความคืบหน้าการดำเนินการต่อรัฐสภา และช่วยพลักดันแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ปี 2537 ขัดหรือแย้งกับ ประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 มาตรา 59ทวิ และกรณีข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านเกาะเต่า กับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อให้ชาวบ้านเกาะเต่าได้รับความเป็นธรรม และยุติปัญหาข้อพิพาทให้ได้รับการแก้ไขเร็ววัน โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของชาวบ้านเกาะเต่าได้รับมาอย่างยาวนาน

ด้าน สว.นันทนา กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาคุกรุกคน และหลายหน่วยงานก็ได้พิสูจน์สิทธ์แล้วว่าเป็นสิทธ์ของชาวบ้าน เพราะมีการเข้ามาอยู่อาศัยก่อน หลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อมูล แต่ช่วงนี้เป็นเวลาปิดสมัยประชุมสภา เรื่องเร่งด่วนที่จะทำได้ในตอนนี้คือการรวบรวมข้อมูลไปสอบถามเรื่องคืนสิทธิ์ให้ชาวบ้านที่กรมธนารักษ์โดยตรง แต่หากยืดเยื้อก็นำเข้ากระทู้ถามรัฐมนตรีการคลังในสมัยเปิดประชุมสภา ส่วนกรณีที่เกิดทนายอนันต์ชัย ยืนยันว่ายังไม่มีการดำเนินการในชั้นศาลถึงที่สุด ชาวบ้านพึ่งยืนเรื่องไปยังศาลปกครองเมื่อประมาณ3เดือนที่ผ่านมา และศาลยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่ หากศาลปกครองไม่รับก็ไปยื่นที่ศาลยุคิธรรมต่อไป

////เอกชนะ นวนละมัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจ.ชุมพร098-9515199

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มทร.อีสาน จัดใหญ่มหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO 2024 : For Future โชว์นวัตกรรมยานยนต์ EV พร้อมเตรียมเปิดรับนักศึกษารอบ Open House

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน พร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 Mr.Ma Haiyang President of AION Thailand Mr.Huang Yongjie Chairman of Gold Integrate & Director of Chelove International Education Group นายสมพิศ เพ็งงาน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครราชสีมา และพลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2

ในพิธีเปิดมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 (RMUTI EXPO 2024 : For Future) โดยในพิธีเปิดมีการแสดงดนตรีพื้นถิ่นอีสาน จาก องค์การนักศึกษา มทร.อีสาน ซึ่งครองถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในกิจกรรม 9 ราชมงคลร่วมใจ สืบสานวัฒนธรรมไทย ถึง 3 สมัยซ้อน การกล่าวต้อนรับแขกผู้เข้าร่วมโครงการ โดย พลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 การกล่าวแสดงความยินดี จาก Mr.Huang Yongjie ผู้อำนวยการ บริษัท เชเลิฟ อินเตอร์ เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป จำกัด โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน และได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงาน ณ เวทีกิจกรรม อาคารอเนกประสงค์หลังคาคลุม (โดมมรกต) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา (พื้นที่สุรนารายณ์)

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ได้เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า การจัดมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 ขึ้นในครั้งนี้ เพื่อที่จะนำเสนอศักยภาพและผลงานความสำเร็จตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ที่ได้ดำเนินภารกิจตอบรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งยังเป็นเวทีนำเสนอความก้าวหน้า ผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมและบริการวิชาการ ที่มีศักยภาพพร้อมใช้ประโยชน์ เพื่อเชื่อมประสานบูรณาการ องค์ความรู้ในการพัฒนาประเทศทั้งในมิติเชิงวิชาการ นโยบาย สังคม ชุมชน และ อุตสาหกรรม ตลอดจนหนุนเสริมให้เกิดกลไก

สนับสนุนเชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้้ใช้ประโยชน์บูรณาการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายของ มทร.อีสาน จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์สมัยใหม่ ตอบรับนโยบาย 30@30 ของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติและนโยบาย อว. For EV ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมยกระดับเป็นศูนย์อบรมและทดสอบด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานสากล มาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานกรมฝีมือแรงงาน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานพร้อมตอบรับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศด้วยศักยภาพการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อันโดดเด่น งดงาม และภาคภูมิ

สำหรับงานมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 (RMUTI EXPO 2024 : For Future) มทร.อีสาน ได้คัดสรรกิจกรรมเพื่อนักเรียน นักศึกษา ประชาชนผู้สนใจ ให้ได้รับชมและร่วมกิจกรรมอย่างมากมาย เช่น กิจกรรมการเสริมสร้างผู้ประกอบการ Startup RMUTI, การจัดแสดงผลงานนักศึกษา RMUTI Showcase Startup การการเสวนา Inspiration & Motivation @Startup, mini Camp การจัดทำแผนธุรกิจ New Business, การนําเสนอผลงาน Pitching Business จากการจัดทําแผนธุรกิจ, การแข่งขันทักษะวิชาชีพและประกวด นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และงานสร้างสรรค์นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและอุดมศึกษา ในระบบนิเวศการศึกษาลุ่มนํ้าโขง ครั้งที่ 2,

การแข่งขันทักษะการออกแบบและเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์, การแข่งขันทักษะการตรวจประเมินคุณภาพทางรถไฟ, การประกวดนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และงานสร้างสรรค์ การประกวดด้านนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ สถานประกอบการกับอาจารย์นักศึกษา และเครือข่ายความร่วมมือ (Innovation Entrepreneur Trip Day) , กิจกรรมการเสวนาสมาคมศิษย์เก่า มทร.อีสาน นิทรรศการผลงานการขับเคลื่อนตามจุดเน้นเชิงยุทธศาสตร์ นิทรรศการผลงานความร่วมมือของภาคีเครือข่าย มทร.อีสาน, กิจกรรมสถาปัตย์กลับบ้าน 2567, การออกร้านจําหน่ายสินค้าจากองค์การนักศึกษาและบุคลากร และการออกร้านจําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค คอนเสิร์ตจากศิลปินมากมาย ตลอด 10 วัน 9 คืน โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ โดย นายจักริน บวรชัย ผู้อำนวยการ โครงการ “หนึ่งใจ…ให้ประชาชน” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา (พื้นที่สุรนารายณ์)

“และด้วยเกียรติประวัติอันยาวนานของ มทร.อีสาน ล้วนสะท้อนประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการผลิตบัณฑิตตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผลิตบุคลากร ผู้มีคุณูปการแก่วงการศึกษาและประเทศชาติ ตลอดจนศักยภาพอันโดดเด่น ที่กระทบต่อการขับเคลื่อนและผลักดันการพัฒนาในทุกพื้นที่ ขอบเขตความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยฯ โดยกำหนดหัวใจสำคัญ ผ่านยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพประชากรในทุกระดับสู่ความยั่งยืน ตามมาด้วยความมั่นคงจากชื่อเสียงและการยอมรับซึ่งมหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก บริษัท เชเลิฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป จำกัด และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน” รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับในการจัดงานมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 (RMUTI EXPO 2024 : For Future) นอกจากจะมีกิจกรรมสร้างเสริมความรู้ การประกวดแข่งขัน และการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ปีนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษสุด เพื่อเปิดโอกาสด้านการศึกษาต่อมทร.อีสาน สำหรับนักเรียน นักศึกษา ยังได้มีโครงการ RMUTI Open House 2024 เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ สู่บ้าน มทร.อีสาน ครั้งที่ 12 ซึ่งจะมีการเปิดโควตาสำหรับนักเรียน นักศึกษา ที่สนใจศึกาต่อที่ มทร.อีสาน นครราชสีมา กว่า 2,500 ที่นั่ง ระหว่างวันที่ วันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษาทั้งในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัด ใกล้เคียง เข้าร่วมกิจกรรมและชมมหกรรมต่าง ๆ ในงาน RMUTI EXPO 2024 : RMUTI For Future ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567-วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ​ “รักษ์มุกดาหาร” ติงหน่วยงานรัฐ อนุญาตนำเข้าทรายต้องโปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ ผปก. ลักลอบดูดในเขตไทย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ร้อยตำรวจตรี สุเทียน ทองโสม ประธานชมรมรักษ์มุกดาหาร เปิดเผยว่า ตามที่คณะทำงานจัดทำความเห็นประกอบการขออนุญาตนำเข้าสินค้าตามทางอื่นนอกทางอนุมัติ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 86 วรรคสอง ซึ่งมีปลัดจังหวัดมุกดาหารเป็นประธาน จะลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพพื้นที่และขั้นตอนการปฏิบัติ การนำเข้าสินค้านอกทางอนุมัติ ของผู้ประกอบการท่าทรายที่ขออนุญาตนำเข้า ทางอนุมัติในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารรวม 5 แห่ง ในวันนี้ นั้น

ชมรมรักษ์มุกดาหาร ขอให้คณะทำงานพิจารณาด้วยความรอบคอบ โปร่งใสตรวจสอบได้และพร้อมรับผิดชอบ แสดงเจตนารมณ์สุจริตด้วยการเปิดเผยพิกัดพื้นที่สัมปทานดูดหิน กรวด ทราย ของผู้ประกอบการ สปป.ลาว เพื่อให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการตรวจสอบว่าผู้ประกอบการที่ขออนุญาตนำเข้าไม่ได้ลักลอบดูดกรวด-ทราย ในเขตราชอาณาจักรไทย แล้วสวมรอยว่าเป็นการนำเข้าจากแปลงสัมปทานใน สปป.ลาว ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและอาชีพประมงของไทย การใช้รถบรรทุกกรวด-ทราย ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองและความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชนและทางสาธารณะ

อีกทั้ง ท่าเทียบเรือขนทรายในแม่น้ำโขงของผู้ประกอบการไม่ควรอยู่ติดกับเขื่อนป้องกันตลิ่งในแม่น้ำโขงเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้างเขื่อนต่อเนื่องตามแผนพัฒนาจังหวัด ผังเมืองรวม และการรักษาสภาพแวดล้อมของจังหวัดมุกดาหาร และควรใช้ข้อกำหนดทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง (ข้อตกลงไทย-ลาว) ที่กำหนดให้มีระยะห่างจากสิ่งก่อสร้างสำคัญ สะพาน เขื่อนป้องกันตลิ่ง ไม่น้อยกว่า 1,000 เมตร บ้าน ศาสนสถานและโรงเรียน ไม่น้อยกว่า 500 เมตร ประกอบการพิจารณาด้วย

กระทรวงมหาดไทย #กรมเจ้าท่า #จังหวัดมุกดาหาร #กรมการปกครอง #กรมศุลกากร #อนุญาตนำเข้าตามมาตรา86วรรคสอง #ลักลอบดูดกรวดทรายในแม่น้ำโขง

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผบช.ทท.ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เมืองพัทยา/Skechers รุกตลาดเมืองท่องเที่ยว เปิดโฉม Skechers Outlet Central Marina Pattaya

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 22 พ.ย.67 ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา) จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานประชุมหารือแนวทางการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และการป้องกันการหลอกลวงการเอารัดเอาเปรียบที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยมี นางอำไพ ศักดานุกูลจิต สไลวินสกี้ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี นางเอกอนงค์ บัวมาศ พาณิชย์จังหวัดชลบุรี นายกิตติ บุญรัตนเนตร สาธารณสุขอำเภอบางละมุง นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา รักษาการแทนปลัดเเมืองพัทยา นายเอกราช คันธโร ผอ.เจ้าท่า สาขาพัทยา นายวรภพ คงธนจรัส ปลัดอำเภอบางละมุง นายชัยวัฒน์ ตามไท ผอ.ททท.พัทยา และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

เนื่องด้วยได้เกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวต่าวชาติเสียชีวิตจากการทำกิจกรรมทางทะเลในพื้นที่บ้านเกาะล้าน เมืองพัทยา บ่อยครั้งในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว รวมทั้งยังพบข้อมูลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถูกเอารัดเอาเปรียบจากการหลอกลวงให้การซื้อสินค้าที่ราคาแพงเกินจริง ทำให้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวประเทศไทยเสียหาย ทางตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา) จึงดำเนินจัดประชุมดังกล่าวขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และมาตรฐานการให้บริการ การจำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้มีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรม

ในที่ประชุมโดย พ.ต.ท.ปิยพงษ์ เอนสาร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 ได้นำเสนอข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและสถานการณ์ต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยพบสถิติเหตุนักท่องเที่ยวจมน้ำเสียชีวิตในพื้นที่เกาะล้าน ประจำปี 2565-2567 โดยพบว่าในระยะเวลา 3 ปี มีนักท่องเที่ยวจมน้ำเสียชีวิตรวม 13 ราย ในปี 2565 มีหนึ่งราย คือนักท่องเที่ยวชาวปากีสถาน ในปี 2566 มี 6 ราย คือ อินเดีย 2 ราย จีน 2 ราย เวียดนาม 1 ราย และบรูไน 1 ราย และในปี 2566 มี 6 ราย คือ จีน 4 ราย และเกาหลีใต้ 2 ราย ซึ่งพบว่าผู้เสียอายุเป็นคนชราและผู้สูงวัย

ด้าน นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เผยในส่วนของการวางแนวทางทำให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นว่ามาท่องเที่ยวแล้วปลอดภัย เมืองพัทยา โดยนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้เล็งเห็นความสำคัญเรื่องดังกล่าวและเบื้องต้นได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการจัดระเบียบนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังบ้านเกาะล้าน โดยหาคือแนวทางการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว การกำหนดเปิดจองจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ การจัดลำดับคิว รวมทั้งการเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งต้องมีการพูดคุยหลายฝ่าย เพราะปัจจุบันพบว่าเกาะล้านมีนักท่องเที่ยวมาเยอะเกินขีดจำกัด ซึ่งต้องเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต

พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ได้กล่าวชื่นชมเมืองพัทยาที่มีความเข้มแข็งของมีการประสานการทำงานกันอย่างเป็นรูปธรรมจนบางกรณี ตัวอย่างเช่นกรณีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเล่นน้ำเสียชีวิตที่เมืองพัทยามีการประสานงานเรื่องของประกันชีวิตต่างๆ เพื่อช่วยเหลือจากได้รับความชื่นชมจากเอกอัครราชทูตอินเดียชื่นชมและฝากขอบคุณมายังเมืองพัทยา

ทั้งนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวมีจำนวนน้อยจำเป็นต้องบูรณาการพึ่งการทำงานของอาสาสมัครให้เข้ามาช่วยปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งในการอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวโดยมีตำรวจท่องเที่ยวเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาถือว่าทำได้ดีและน่าเป็นแบบอย่าง

ข้อแนะนำสำหรับแนวทางการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และการป้องกันการหลอกลวงการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เห็นควรให้มีการเพิ่มจำนวนไลฟ์การ์ด การสร้างหอคอย สังเกตุการณ์ริมชายหาด ดูเรื่องระเบียบของเรือเร็วและเจ็ตสกี การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เพียงพออยู่ในความดูแลของกำละงเจ้าหน้าที่ที่เหมาะสม รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ที่หลอกซื้อขายสินค้า แลพการหาความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ซึ่งเมืองพัทยามีจุดแข็งคือความร่วมมือที่สำคัญถือเป็นเสน่ห์ที่น่าชื่นชม

Skechers รุกตลาดเมืองท่องเที่ยว เปิดโฉม Skechers Outlet Central Marina Pattaya ขยายพื้นที่ใหม่ใหญ่ที่สุดในพัทยา

วันที่ 22 พ.ย.67 มีรายงานว่า Skechers แบรนด์รองเท้าและเครื่องแต่งกายสำหรับครอบครัวชื่อดัง ได้ทำการเปิด Skechers Outlet Central Marina Pattaya อย่างเป็นทางการ ที่บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล มารีน่า พัทยา จ.ชลบุรี โดยได้รับเกียรติจากนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ให้เกียรติเป็นประธานในการเปิดร้าน Skechers Outlet อย่างเป็นทางการ

โดยในพิธีการดังกล่าวมีนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้ทรงคุณวุฒิเมืองพัทยา นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ผู้เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งนายขวัญชัย บุญอารีย์ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา และศูนย์การค้าเซ็นทรัล มารีน่า น.ส.นันทพร เหมือนเดช ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ Skechers (Thailand) และ น.ส.กรรณิการ์ แกล่มกล้า ผจก. Skechers Outlte Central Marina Pattaya ได้ต้อนรับคณะผู้ร่วมงานด้วยตัวเอง

ด้าน น.ส.นันทพร เหมือนเดช ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ Skechers (Thailand) เปิดเผยว่า แต่เดิมร้าน Skechers Outlet จะตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของศูนย์การค่า แต่พบว่ากระแสตอบรับดีมาก มียอดขายทะลุ 3 ล้านบาทต่อเดือน จึงต้องขยายพื้นที่ลงมายังบริเวณชั้น 1 ซึ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุดถึง 90% ในสินค้าบางประเภท

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกษาธิการจังหวัด ติดตามและประเมินผลคัดเลือกครูผู้สมควรรับรางวัลพระราชทาน “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” ระดับจังหวัด

แชร์เนื้อหานี้


วันที่ 21 พ.ย. 67 ศึกษาธิการจังหวัด ติดตามประเมินผลครูผู้สสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์และเป็นครูผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา เพื่อคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลเกียรติยศแห่งชีวิตครู “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” ครั้งที่ 6 ประจำปี 2568 โดยมีนายกริชชัย ศิลปะรายะ ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมด้วยคณะทำงาน ประกอบด้วย หัวหน้าหน่วยงาน ศึกษานิเทศก์ และภาคสื่อมวลชน ลงพื้นที่ ณ โรงเรียนบ้านกำแพงเพชร และโรงเรียนชุมชนบ้านโนนสมบูรณ์ (ธนาคารกรุงเทพ 29) เพื่อเก็บข้อมูลเอกสารหลักฐานข้อมูลเชิงลึก

โดยในปีนี้มีหน่วยงาน/องค์กร ระดับจังหวัดบึงกาฬ ได้เสนอชื่อครูผู้สมควรได้รับรางวัลพระราชทาน “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” จำนวน 2 คน มีนางสาว เดือนฉาย ดลไพร ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านกำแพงเพชร สพป.บึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ และ นางจุฬาลักษณ์ สุกัน ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนชุมชนบ้านโนนสมบูรณ์ (ธนาคารกรุงเทพ 29) สพป.บึงกาฬ ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ โดยคณะกรรมการประเมินผลได้สอบถามข้อมูลเชิงลึกในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านลูกศิษย์ที่ครูเคยเป็นผู้สอน เพื่อนร่วมงานทั้งอดีตถึงปัจจุบัน ผู้บริหารสถานศึกษาทั้งอดีตและปัจจุบัน อันเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่เป็นประจักษ์เอกสาร บุคคล และสิ่งแวดล้อม เพื่อประกอบการพิจารณาประเมินผล คัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี 2568 ในระดับส่วนกลางต่อไป

สำหรับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (Princess Maha Chakri Award) เป็นรางวัลเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครูผู้มีผลงานดีเด่น และสร้างคุณประโยชน์ต่อการศึกษาในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม 11 ประเทศ (บรูไนดารุสซาราม อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ติมอร์-เลสเต เวียดนาม และไทย) ประเทศละ 1 คน รวม 11 รางวัล ซึ่งจะดาเนินการคัดเลือกครูในทุก 2 ปี โดยคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจะเสนอกรอบแนวคิดและคุณลักษณะเฉพาะของครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีไปยังกระทรวงศึกษาธิการทั้ง 11 ประเทศ ส่วนการกาหนดเกณฑ์การคัดเลือกและกลไกให้ขึ้นกับดุลยพินิจของแต่ละประเทศ พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

การสรรหาและการคัดเลือกในประเทศไทย การสรรหาและการคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ในประเทศไทย คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจะกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา และคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี โดยให้มีคณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัดซึ่งแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการกรุงเทพมหานคร ซึ่งแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครชุดหนึ่ง และปลัดกระทรวงศึกษาธิการชุดหนึ่ง มีบทบาทและทาหน้าที่ดาเนินงานคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในระดับจังหวัดตามที่กาหนดไว้ในหลักเกณฑ์
ทั้งนี้ การดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2561 เพื่อให้สามารถดาเนินงานตามขั้นตอนที่ได้กาหนดไว้ในปฏิทินการคัดเลือก
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จัดโครงการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสา จัดโดยกองพิสูจน์หลักฐานจ.ลพบุรี

แชร์เนื้อหานี้

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 – 15.00 น. ที่ ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรรจังหวัดลพบุรี พ.ต.อ.สมศักดิ์ รัสมีจันทร์ นักวิทยาศาสตร์ (สบ.4) พิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี ผู้กำกับพิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝึกอบรมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการป้องกันและรักษาสถานที่เกิดเหตุ ให้แก่ อาสาสมัคร กู้ภัย กู้ชีพจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาพิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี ร่วมรับฟังทำความเข้าใจในการปฏิบัติงาน และ 7 หน่วยงาน 50 นาย หน่วยงานที่เข้าร่วมประกอบด้วย

  1. หัวหน้ามูลนิธิปอเต็กตึ้ง ลพบุรี
  2. หัวหน้ามูลนิธิร่วมกตัญญู ลพบุรี
  3. หัวหน้ากู้ชีพ กู้ภัย พงไล้ 16 ลำนารายณ์
  4. หัวหน้ามูลนิธิสว่างอริโยธรรมสถาน อำเภอบ้านหมี่่
  5. หัวหน้ามูลนิธิจิ้นง่วนเส็ง อำเภอหนองม่วง
  6. หัวหน้าสมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ อำเภอโคกสำโรง
  7. หัวหน้ากู้ภัยพุทไธสวรรย์ ลพบุรี การเข้าฝึกอบรมเพื่อเสริมความรู้ในที่เกิดเหตุ ในเวลาปฎิบัติงานจากอาสาสมัคร คือหน่วยแรกที่เข้าถึงยังจุดเกิดเหตุ ยามมเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งอาชญกรรม วาตะภัยและอุทกภัย

โดย พ.ต.ต.วิทยา คำเรียงโคตร์ (สบ.2) นักวิทยาศาตร์ จังหวัดลพบุรี เป็นผู้กล่าวรายงานและบรรยาย พร้อมด้วย ร.ต.อ.หญิงวรณพร โมธินา นักวิทยาศาตร์ (สบ.1) พิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี ร.ต.ท.วุฒิภัทร จำปาแขม นักวิทยาศาสตร์ (สบ.1) พิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี การอบรมประชุมแนวทางการรักษาที่เกิดเหตุ พร้อมทั้ง จำลองสถานการณ์ มีเหตุ โดยในเบื้องต้นขั้นตอนการปฏิบัติ เริ่มจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยรับแจ้งเหตุ ประสานร้อยเวรตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนประสานชุดอีโอดี เข้าตรวจสอบวัตถุระเบิดที่อาจหลงเหลือยังจุดเกิดเหตุ แล้วราย

เมื่อทุกอย่างเคลียร์ ร้อยเวรได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งอาสาสมัครกู้ภัยเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ให้บริการประชาชนด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ก่อนถึง รพ. และบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนเมื่อประสบเหตุ และมีส่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอด จะทำให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำงานได้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น

การเข้าฝึกทักษะในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการนำไปใช้เพิ่มเติมจากแนวที่ปฎิบัติ การรักษาที่เกิดเหตุ คือหัวใจหลักของการคลี่คลายคดี โดยอาสาสมัครกู้ภัยถือเป็นหน่วยแรกที่เข้าถึงที่เกิดเหตุ ถือว่าเสี่ยงในการทำวัตถุพยานหาย (โดยไม่ตั้งใจ) ถือว่าการอบรมในครั้งนี้ จะส่งผลดีกับทุกๆฝ่ายที่ปฎับัติงานส่วนหน้า โครงการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสา จัดโดยกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี
หลักการและเหตุผล พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 41 กำหนดให้ผู้อำนวยการจัดให้มีอาสาสมัครในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ทั้งนี้ ศูนย์การใหญ่จิตอาสาพระราชทาน มีความประสงค์ขอให้กระทรวงมหาดไทย ประสานจังหวัด/อำเภอจัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาประจำองค์กรเพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่เกิดเหตุในระดับพื้นที่ รวมถึงพิจารณากำหนดรูปแบบ/องค์ประกอบโครงสร้าง การสั่งการ แผนผัง/เครือข่ายการติดต่อสื่อสารมีการอบรมชุดปฏิบัติการให้มีความพร้อมปฏิบัติการ

ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ชุดปฏิบัติการจิตอาสา ให้มีความรู้ความเข้าใจในการจัดการสาธารณภัยเบื้องต้น ระบบบัญชาการเหตุการณ์ การควบคุมสั่งการ การบริหารจัดการสาธารณภัย เหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ที่เป็นรูปแบบและมีมาตรฐานเดียวกัน สามารถบัญชาการและปฏิบัติการร่วมกับชุดปฏิบัติการอื่นอย่างมีเอกภาพ จึงได้จัดให้มีโครงการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาประจำองค์กรทั้ง 7 หน่วยงานนี้ขึ้นมา

วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้แก่องค์กร ให้มีบุคลากรที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการจัดการสาธารณภัยเบื้องต้น ระบบบบัญชาการเหตุการณ์ การควบคุมสั่งการ การบริหารจัดการสาธารณภัยในพื้นที่เกิดเหตุ ที่มีแบบและมาตรฐานเดียวกัน ให้กับชุดปฏิบัติการจิตอาสาประจำองค์กร เพื่อพัฒนาการระบบการปฏิบัติงานกู้ภัยในภาวะฉุกเฉินให้เป็นระบบ รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ เพื่อพื้นที่ให้มีความรู้ ความชำนาญในการจัดการเหตุที่เกิดขึ้น อันจะส่งผลให้ประชาชนในชุมชน/ท้องถิ่นมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

กลุ่มเป้าหมายผู้เข้ารับการอบรมได้แก่จิตอาสา ขององค์กร จิตอาสา และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นด้วยความระมัดระวังเกี่ยวกับหลักฐานสำคัญให้กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำงานง่ายขึ้น
จากนั้นทางพิสูจน์หลักฐานได้มอบใบประกาศนียบัตรให้ผู้เข้าร่วมอบรม และพาคณะที่ปรึกษาพิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี เดินเยี่ยมชมห้องปฏิบัตการ

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กิจกรรมเดินวิ่ง “แคแสดรัน ครั้งที่ 2” ณ​ สะพานมิตรภาพไทย- ลาวแห่งที่ 2

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ประธานในงานแถลงข่าวกิจกรรมเดินวิ่ง “แคแสดรัน ครั้งที่ 2” โดยมีนายกิตติกร พันธ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยมุกดาหาร เภสัชกรอัฐพร กิจนิธิวรวริศ นายกสมาคมผู้ปกครองครู และศิษย์เก่า โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยมุกดาหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

สำหรับกิจกรรมแคแสดรัน ครั้งที่ 2 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคม 2567 เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยมุกดาหาร เพื่อนำรายได้สร้างโดมกีฬาอเนกประสงค์ โดยได้รับความร่วมมือจากศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และศิษย์ปัจจุบัน ผู้ว่าราชการฯ ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม ผ่านกิจกรรม

การวิ่งเพื่อสุขภาพ และได้ร่วมทำดีเพื่อสังคมด้วย โดยเฉพาะเส้นทางที่วิ่งทำกิจกรรมในครั้งที่เป็นถนนตัดใหม่ ทางหลวงชนบทสาย มห.3019 แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 ถึง บ้านบางทรายใหญ่ อำเภอ เมืองจังหวัดมุกดาหาร​ เป็นเส้นทางสนับสนุน SEZ รองรับการเจริญเติบโตของเมืองมุกดาหารในอนาคตแล้ว ยังเป็นเส้นทางที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับ

สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 สู่ประเทศลาวรวมทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในตัวเมืองให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยอย่างยั่งยืนอีกด้วย เส้นทางวิ่งที่สวยงามด้วยทิวทัศน์ เหมาะสำหรับวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ในอนาคตจะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวแบ่งการวิ่งเป็น สองระยะ วิ่ง FUN RUN ระยะทาง 5 KM. อัตราค่าสมัคร 399 บาท MINI MARATHON ระยะทาง 10 KM. อัตราค่าสมัคร 499 บาท และ VIP RUN เลือกวิ่งได้ทุกระยะ อัตราค่าสมัคร 999 บาท ทั้งนี้นักวิ่ง 2 ระยะจะได้รับเสื้อเหรียญและถ้วยรางวัล ส่วน VIP RUN จะได้รับเสื้อและเหรียญทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ เฟซบุ๊ก แคแสดรัน ครั้งที่ 2#2024

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าว ประชาสัมพันธ์ ตามนโยบายและแผนพัฒนาจังหวัด ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดน่าน นางวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในการจัดกิจกรรมแถลงข่าวประจำเดือน เพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงาน ตามนโยบายและแผนพัฒนาจังหวัด ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยมีนายพิพัฒน์ สัสดีแพง ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน กล่าวถึงประเด็นที่สำคัญในการประชาสัมพันธ์จังหวัดพร้อมแจ้งถึงผลการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในแต่ละเดือน พร้อมนำเสนอผลการขับเคลื่อนการที่จังหวัดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวและอื่นๆ โดยมีประเด็นต่างๆ เพื่อนำเสนอให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบ ดังนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน โดย นางสาวพัฒนา ไวลิม ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน แทน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน ได้กล่าวถึงเรื่องการเตรียมรับมือภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศการเริ่มต้นฤดูหนาวของประเทศไทย พ.ศ. 2567 – 2568 ประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 โดยได้มีการจัดตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ภายใต้กองอำนวยการป้องกัน รวมถึงทบทวนและปรับปรุงแผนเผชิญเหตุจังหวัด และการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ภัยหนาวและแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวจังหวัดน่าน พ.ศ. 2567 – 2568

โดยข้อมูลสำรวจความต้องการเครื่องกันหนาวปีงบประมาณ 2567 – 2568 จังหวัดน่านได้มีการสำรวจข้อมูลความต้องการเครื่องกันหนาว จำนวน 91,510 คน ทั้งนี้ได้มีผู้ประสงค์จะแจกจ่ายครื่องกันหนาวมาจากบ.ไทยเบฟฯ จำนวน 15,000 ผืน และมูลนิธินอกจากนี้ราชประชาฯ จำนวน 2,500 ผืน ทั้งนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่านได้แนะนำเรียนรู้และรับมือภัย ในช่วงฤดูหนาว ดำเนินชีวิตปลอดภัย อาทิ อุบัติเหตุทางถนน สุขภาพ เพลิงไหม้ ไฟป่า และหมอกควัด้านนายสายันต์ ไชยยศ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาน่าน ได้เปิดเผยว่าคาดการณ์สภาพภูมิอากาศ และสภาพอากาศหนาวเย็นในพื้นที่จังหวัดน่าน เดือนพฤศจิกายน จะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาว บางแห่งในบางวันทางตอนบนของภาค และมีหมอกในตอนเช้า

โดยจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของ พื้นที่ และอาจมีลมกระโชกแรงบางแห่งในบางวัน สำหรับช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม อากาศจะหนาวเย็นมากขึ้น โดยมีอากาศหนาวเย็น เกือบทั่วไป และมีอากาศหนาวจัดโดยเฉพาะบริเวณตอนบนของภาค สำหรับบริเวณยอดดอย ยอดภูรวมทั้งเทือกเขาจะมี อากาศหนาวถึงหนาวจัด และเกิดน้ำค้างแข็งขึ้นได้ในบางช่วง ส่วนช่วงต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ลักษณะอากาศจะแปรปรวน โดยอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นและมีฝนบาง แห่งในบางวัน กับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ โดยยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า และจะมีอากาศร้อนหลาย พื้นที่ในตอนกลางวันข้อควรระวังในเดือนธันวาคมและมกราคม บริเวณยอดดอยมักจะเกิดน้ าค้างแข็งขึ้นได้ กับจะมีหมอกหนาเกิดขึ้น ในหลายพื้นที่ จึงควรระมัดระวังการเกิด อุบัติเหตุจากการใช้ ยวดยานพาหนะไว้ด้วย เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อาจมีคลื่นกระแสลมตะวันตก เคลื่อนตัวจากประเทศเมียนมาผ่าน ภาคเหนือซึ่งจะทำให้ช่วงดังกล่าวเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่อากาศหนาวถึงหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึง มกราคม 2568 คาดการ์ว่าอากาศหนาว – หนาวจัดบางวันอุณหภูมืต่ำถึง 8 องศา – 15 องศา

ในบางพื้นที่อากาศหนาวจัดต่ำกว่า 8 ด้านนางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน กล่าวถึงการจัดประชุมเตรียมความพร้อมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ปี 2567 และการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากทั่วทุกมุมโลกโดยมีนายชัยนรงค์ วงค์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ปี 2567 จังหวัดน่านกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปีเพื่อส่งสัญญาณว่า จังหวัดน่านมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากทั่วทุกมุมโลก ที่มีความหลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม การเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ อาทิ ด้านแหล่งท่องเที่ยว ด้านการบริการ ด้านคมนาคม ด้านการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว

ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ตลอดจนหารือถึงกิจกรรมที่จะจัดขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เป็นการแสดงถึงศักยภาพการบูรณาการความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนชาวน่าน ด้วยการสร้างคุณภาพและบริการจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน มีมิตรไมตรีและเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยมีสถิตินักท่องเที่ยวผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดน่าน มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยมากกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามเช่นกัน การเข้าพักของจังหวัดน่าน ที่พัก จำนวน 598 ที่ โดยมีห้องพักจำนวน 6,706 ห้อง บ่งชี้ได้ถึงการรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก โดยสถิติในปี 2567 มีจำนวนถึง 774,210 คน ข้อมูลณเดือนกันยายน

  ด้านนายรณกฤต จักร์เงิน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 แพร่ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดน่าน  ซึ่งจังหวัดน่านมี 15 อำเภอ 98 ตำบล 31 ชุมชน 893 หมู่บ้าน มีประชากร 470,708 คน พื้นป่ามีจำนวน 7,581,035.02 ไร่ โดยมีพื้นที่ป่าตามกฎหมายในจังหวัดน่านจำนวน 5,976,453.15 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 79% ของพื้นที่จังหวัดน่าน ป่าสมบูรณ์ 4,241,855 ไร่ คิดเป็น 59.17% แบ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์จำนวน 2,756,453.15 ไร่ คิดเป็น 36% ของพื้นที่จังหวัดน่าน มีอุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง ,เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง ,วนอุทยาน 1 แห่ง ,สวนรุกขชาติ 1 แห่ง  พื้นที่อื่นๆจำนวน 1,604,581.87 ไร่ คิดเป็น 21% ของพื้นที่เป็นชุมชน,เกษตรกรรม โดยเผยว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมความพร้อมแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางศึกษาธรรมชาติทั่วประเทศ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนถึงฤดูหนาวนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การเดินป่าและกิจกรรมอาบป่า (Forest Bathing) มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดสำหรับในภาคเหนือ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาจังหวัดน่าน ซึ่งมีเส้นทางให้เลือกหลากหลาย ทั้งเส้นทางระยะไกลดอยภูแล เส้นทางเด่นช้างนอน เส้นทางน้ำตกขุนน้ำปัว เส้นทาง 1,700 และเส้นทางดอกชมพูภูคา นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางดอยค้ำฟ้า ในอุทยานแห่งชาติผาแดงและจุดชมวิวยอดภูชี้ฟ้าในอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า ที่สวยงามโดดเด่น ทั้งนี้ กรมอุทยานฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีป้ายสื่อความหมายและจุดพักตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลินในการได้รับบริการ

ด้านนายวสันต์ จารุศังข์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัวหวัดน่านได้กล่าวถึงเรื่องการเตรียมรับมือและแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่จังหวัดน่านสถานการณ์ ฝุ่นPM2.5 ในพื้นที่จังหวัดน่าน คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดน่านพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน2.5 ไมครอนทั้ง 2 สถานี โดยจุดที่มีฝุ่นละอองPM2.5 อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีรถหนาแน่นนอกจากนี้สถานการณ์ จุดความร้อน Hotspot ในพื้นที่จังหวัดน่านเปรียบเทียบกับปี 2566 – 2567 มีการพบจุดความร้อนลดลงหรือน้อยกว่าปี 2566 ซึ่งเกิดจากพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่จังหวัดน่านน้อยลง ทั้งนี้ทางสำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัวหวัดน่านได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันจังหวัดน่านปี 2568 โดยมีมาตราการป้องกัน เช่น บริหารจัดการเชื้อเพลิง , การกำหนดวันห้ามเผาเด็ดขาด ,ลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง,ตรึงพื้นที่กำหนดจุดเฝ้าระวัง,จัดระบบการเข้า-ออก พื้นที่ป่า,ส่งเสริมการจัดทำแหล่งชุมชนขนาดเล็กรวมถึงการประชาสัมพันธ์เชิงรุก พร้อมทั้งสื่อสารสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือ ส่วนมาตราการด้านเผชิญเหตุ อาทิ การสนธิกำลังจัดตั้งชุดปฎิบัติการตั้งจุดสกัด จุดเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง ,บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการป้องกันและปราบปราม,

กำหนดสถานที่พักชั่วคราวตลอดจนการบริหารด้านสาธารณสุข ,พร้อมทั้งแจ้งเตือนสถานการณ์ในช่วงวิกฤตและป้องกันตัวเองที่ถูกต้องให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง ด้านนางนัฑวิภรณ์ จันต๊ะพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ได้กล่าวถึง Creative City วิถีน่าน ด้วย Spark 3 วิ “เชิงลุก” โดยการขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้เรียนบนฐานพหุปัญญา สู่ Soft Power วิถีน่าน เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพที่จำเป็นในอนาคตและการสร้างรายได้ระหว่างเรียนมุ่งสู่ น่านเมืองสร้างสรรค์ Nan – Creative City of Crafts and Folk Art และแนวทางการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษา ทั้งนี้สพม.น่าน เป็นองค์กรแห่งคุณภาพคู่คุณธรรมขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม สู่อนาคตที่ยั่งยืน เรียนดีมีความสุข ปีแห่งการความท้าท้ายการศึกษาไทยองค์กรคุณภาพสร้างคนดี พร้อมทั้งในปีการศึกษา 2567 -2568 เน้นว่าเป็นปีทองแห่งคุณภาพคู่คุณธรรม 5 นโยบายภายใต้ธรรมาภิบาล คือ ความปลอดภัย คุณธรรม คุณภาพ โอกาส และประสิทธิภาพ เปิด 4 สาระสำคัญในการขับเคลื่อนดำเนินการ 1.แผนที่เชิงประวัติศาสตร์ 2.วิชาชีพเชิงช่างวิถีน่าน 3.ผ้าพื้นถิ่นน่าน 4.ศิลปะการแสดงพื้นบ้านวิถีน่าน/ ข่าวสนง.ปชส.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สองคู่หู ม.ต้น ลงขันเปิดร้านปรุงปลา/นายกเมืองพัทยาประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการส่วนท้องถิ่น ชลบุรี / พิธีเปิด งานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567

แชร์เนื้อหานี้

คู่หู ม.ต้น ลงขันเปิด “ร้านปรุงปลา by 12 Garage” แปลงโรงรถบ้านพักเป็นร้านอาหารกลางหมู่บ้านพัทยารุ่งเรือง บรรยากาศแบบมานั่งทานข้าวบ้านเพื่อน ราคาเริ่มต้นเพียง 50 บาท นายวนาสินธุ์ ส่องแก้ว หรือบูม และนายธีรพงศ์ ชิดหรดี หรือแบงค์ สองเพื่อนคู่หูคู่ซี้ตั้งสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ได้ร่วมเปิดร้านอาหารเมนูปลาราคาย่อมเยาว์ ชื่อ “ร้านปรุงปลา by 12 Garage” โดยใช้พื้นที่โรงจอดรถของบ้านพักในหมู่บ้านพัทยารุ่งเรืองเป็นสถานที่เปิดให้บริการ

นายวนาสินธุ์ ส่องแก้ว หรือบูม เล่าได้ว่า เป็นเพื่อนกับนายธีรพงศ์ หรือแบงค์ มาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น จึงชักชวนกันเปิดร้านปรุงปลา by 12 Garage ซึ่งใช้โรงจอดรถของบ้านตนเองเป็นสถานที่ เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสบรรยากาศการรับประทานอาหารเหมือนมาทานข้าวที่บ้านเพื่อน มีการแบ่งงานกันคือนายแบงค์จะเป็นพ่อครัวประกอบอาหาร ส่วนตนเองจะวิ่งส่งอาหารและดูแลเรื่องของการทำตลาดและการหาลูกค้า

ด้านนายธีรพงศ์ ชิดหรดี หรือแบงค์ เผยด้วยว่า โดยเริ่มต้น ร้านปรุงปลา by 12 Garage จะมีเมนูหลากหลายโดยชูเอาเนื้อปลานิลจากบ่อคัดพิเศษเป็นวัตถุดิบหลัก อาทิ กะเพราะปลา ปลาทอดน้ำปลา ปลาผัดตั้งโอ๋ ปลาผัดเม็ดมะม่วง ผัดพริกแกงปลา ปลาผัดขี้เมา ปลาทอดผัดผักบุ้ง ราคาเริ่มต้นที่เมนูละ 50 บาท ในอนาคตจะเพิ่มเติมปลาชนิดอื่นๆ ทั้งปลาดุกและปลากระพง

ทั้งนี้ หลังจากเปิดร้านมาได้ไม่นานมีลูกค้ามาใช้บริการทั้งกลุ่มเพื่อน ลูกค้าออนไลน์ รวมทั้งลูกค้าฝากซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตจะวางแพลตฟอร์มกับแอปพลิเคชั่นส่งสินค้าต่างๆ ทั้งแกร๊ป แพนดาฟู้ด ไลน์แมน และอื่นๆ เพื่อบริการส่งอาหารให้ลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับร้านปรุงปลา by 12 Garage ตั้งอยู่ในบ้านเลขที่ 50/377 ม.5 ซ.12 หมู่บ้านพัทยารุ่งเรือง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. จะปิดทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน โดยนอกจากบริการรับประทานที่ร้านแล้วยังมีบริการรับทำข้าวกล่อง และบริการเดลิเวอรี่ โดยค่าบริการส่งอาหารเริ่มที่ 10 บาท โทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลข 094-915 1999 บูม, 093-003 7545 แบงค์

ระดมสมอง! นายกเมืองพัทยาร่วมประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี

มีรายงานว่าเวลา 13.30 น. วันที่ 21 พ.ย.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้ทรงคุณวุฒิเมืองพัทยา และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือ

พนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี ที่มีนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุม และ น.ส.สุดินา แก้วดี ท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการฯ หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะอนุกรรมการฯ ร่วมประชุมฯ ที่ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี

 โดยการประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี เป็นการประชุมร่วมกันของคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 6/2567 คณะอนุกรรมการสรรหาพนักงานเทศบาล จังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 6/2567 คณะอนุกรรมการสรรหาพนักงานส่วนตำบล จังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 6/2567 และคณะอนุกรรมการสรรหาพนักงานเมืองพัทยา ครั้งที่ 8/2567 

ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ มีระเบียบวาระที่สำคัญ อาทิ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี พิจารณาร่างประกาศคณะอนุกรรมการสรรหาฯ เกี่ยวกับการขึ้นบัญชีและยกเลิกบัญชีข้าราชการผู้ผ่านการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งตามกำหนด

พิธีเปิดยิ่งใหญ่! งานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567 (6th INDABA THALAND, 2024) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ

วันที่ 21 พ.ย.67 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มอบหมายให้นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567 (6th INDABA THALAND, 2024)

เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานพิธีฯ ณ สนามศรีมหาราชา ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

 ทั้งนี้ ด้วยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กำหนดจัดงานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567 (6th INDABA THAILAND, 2024) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยกำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 21-25 พฤศจิกายน 2567  ณ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาลูกเสือได้มีโอกาสทบทวนเนื้อหาสาระวิชาการ และทักษะทางลูกเสือ เพื่อพัฒนาสติปัญญา ความรู้ ความสามารถและแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างกว้างขวาง และเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของคณะลูกเสือแห่งชาติประเทศไทยให้เป็นที่แพร่หลาย โดยมีผู้เข้าร่วมงานชุมนุมเป็นผู้บังคับบัญชาลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ กรรมการลูกเสืออาสาสมัครลูกเสือจากทั่วประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นกว่า 2,516 คน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / หากินกับกล้องจับควมเร็ว ชาวบ้านเดือดร้อน แขวงประจวบฯ ชี้แจงปัญหา หลังโดนไปสั่งนับร้อยคัน

แชร์เนื้อหานี้

Oplus_131072


เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ที่ห้องประชุมแขวงทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) จ.ประจวบฯ นายเศรษฐ์ จันทอาด รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงประจวบฯ (ฝ่ายปฏิบัติการ) เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนเพชเกษมในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน มี พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สะอาดนัก สว.จร.สภ.หัวหิน ตำรวจทางหลวงประจวบฯ เทศบาลเมืองหัวหิน กลุ่มพลังท้องถิ่นหัวหิน เข้าร่วมรับฟัง

นายเศรษฐ์ จันทอาด กล่าวว่า แขวงทางหลวงฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและกลุ่มพลังท้องถิ่นหัวหิน ในเรื่องไฟสัญญาณจราจร ป้ายจราจร บนถนนเพชรเกษมเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ที่มีการกำหนดและบังคับใช้แตกต่างกัน ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ทาง จึงได้มีการประชุมร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของสัญญาณไฟจราจรที่ประชาชนใช้แล้วรู้สึกว่าไม่ถูกใจเท่าไหร่ เช่น บริเวณแยกพุทธไชโย ทางเลี้ยวซ้ายที่รอสัญญาณไฟก็จะเปลี่ยนให้เป็นเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเพื่อให้การจราจรคล่องตัว แต่การเลี้ยวซ้ายก็ต้องมองรถขวาด้วยเพื่อความปลอดภัย ในส่วนของสี่แยกเทศบาลเมืองหัวหิน ไฟจราจรที่ไม่ชัดเจน เช่น ไฟเลี้ยวซ้ายที่ยังเป็นสีเหลืองอยู่ ทางแขวงจะให้ทางบริษัทมาปรับปรุงแก้ไขให้ ส่วนกล้องตรวจจับความเร็วและป้ายจำกัดความเร็วที่กระชั้นชิดที่เป็นปัญหากับประชาชนผู้ขับขี่อยู่ในตอนนี้ ทางตำรวจทางหลวงจะไปขยับป้ายที่เป็นระยะที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนก่อนที่จะถึงจุดตรวจจับความเร็ว ตรงนี้ตำรวจทางหลวงประจวบฯ ก็จะรับไปดำเนินการซึ่งได้มีมติในที่ประชุมแล้ว ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว

Oplus_131072

“ปัญหาเรื่องฟุตบาททางเท้าริมถนนเพชรเกษมที่ในขณะนี้ทางแขวงฯ กำลังดำเนินการปรับปรุงแก้ไขอยู่ มีสาเหตุมาจากที่เราเพิ่งได้งบประมาณมาระหว่างช่วงไฮซีซั่นพอดี เราได้ตั้งงบแล้วและได้ผู้รับจ้างพอดีก็เลยรีบดำเนินการ ฝากถึงประชาชนนักท่องเที่ยวระหว่างนี้อาจได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรไปมา รวมถึงการเข้าออกบ้านและร้านค้า แต่เมื่อเแล้วเสร็จเราจะได้เข้าออกอย่างสะดวกและปลอดภัย หน้าบ้านเราก็จะสวยงามเป็นอัตลักษณ์ของหัวหิน ซึ่งตามสัญญาก็น่าจะเสร็จประมาณเดือนธันวาคมนี้ ก็อยากฝากถึงประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนด้วยว่า ทางหลวงเราเป็นทางสายหลัก หัวหินของเราก็ค่อนข้างเป็นเมืองชุมชน มีทั้งเขตพระราชฐาน มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวจำนวนมาก ก็อยากให้ใช้รถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทั้งผู้ที่อยู่ในเมืองหัวหินและผู้ที่เดินทางผ่านด้วย

นายศุภวิท กำเนิดแสง ประธานกลุ่มพลังท้องถิ่นหัวหิน กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแขวงการทาง งานจราจร สภ.หัวหิน ตำรวจทางหลวงประจวบฯ และเทศบาลเมืองหัวหินที่มาร่วมกันในการแก้ปัญหาในครั้งนี้ รู้สึกพอใจที่ปัญหาหลายข้อได้รับการตอบรับในแก้ปัญหาให้กับประชาชน ปัญหาที่เราโฟกัสเป็นพิเศษในวันนี้ก็คือเรื่องของการจราจรที่เป็นประเด็นแรก ส่วนเรื่องปัญหาไฟสัญญาณจราจรที่ประชาชนไม่เข้าใจหรือเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ทำการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องกล้องตรวจจับความเร็วในเขตเทศบาลเมืองหัวหินที่ประชาชนนักท่องเที่ยวร้องเรียนเข้ามาว่าโดนใบสั่งกันมาก ในที่ประชุมทั้งทางหลวงหรือตำรวจทางหลวงก็ได้รับทราบและทำการแก้ไขต่อไป.

ทม.ประจวบฯ ฝึกอบรมประชาชนขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และป้องกันอุบัติเหตุ

เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานเทศบาลเมืองประจวบฯ นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ ในฐานะผู้อำนวยการทางหลวงท้องถิ่น เทศบาลเมืองประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมฝึกอบรมประชาชนขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจรและการป้องกันอุบัติเหตุ มีนางรัชนีวรรณ พรมเล็ก ปลัดเทศบาลเมืองประจวบฯ

กล่าวรายงาน ร.ต.อ.สันติ ทองฉิม รอง สว.จร.สภ.เมืองประจวบฯ น.ส.อรุณรัตน์ ฟองมณี เจ้าหน้าที่อาวุโส บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาประจวบฯ นายมานะ สาลี หัวหน้าช่าง บริษัท ชาญธุรกิจ 1990 จำกัด มาเป็นวิทยกรบรรยายให้ความรู้ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลฯ เจ้าหน้าที่ และผู้เข้ารับการอบรมให้การต้อนรับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร ได้มีความรู้ความเข้าใจปัจจัยการกระทำความผิดกฎหมายจราจรของผู้ขับขี่รถยนต์-รถจักรยานยนต์ และเล็งเห็นความสำคัญของพระราชบัญญัติรถยนต์ (พ.ร.บ.) สิทธิหลังเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงให้ความรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์ โดยมีตัวแทนจาก 15 ชุมชนในเขตเทศบาลฯ จำนวน 90 คน เข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้.


จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดประชุมคณะทำงานศูนย์บริหารจัดการแรงงานประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

วันนี้ (20 พ.ย. 67) เวลา 9.30 น. ที่ห้องประชุมสิงขร ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์บริหารจัดการแรงงานประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อติดตามการดำเนินงานด้าน การป้องกันและแก้ไขปัญหา การใช้แรงงานเด็ก การบังคับใช้แรงงาน และการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในกิจการประมงทะเล โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

ทั้งนี้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการแรงงานประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และแต่งตั้งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ เพื่อเป็นกลไกที่สำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก การบังคับใช้แรงงาน และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ทั้งยังเป็นศูนย์บูรณาการตรวจแรงงานประมงทะเลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีอำนาจหน้าที่ในการ 1.จัดทำแผนและประสานความร่วมมือในการตรวจสภาพการจ้าง สภาพการทำงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในกิจการประมงทะเล 2.ดำเนินการร่วมกันในการตรวจ รับคำร้อง มีคำสั่งดำเนินคดี ตลอดจนติดตามคดีและการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายในเรือประมงทะเลอย่างเครงครัด 3.ส่งต่อและประสานงานการช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

ในกิจการประมงทะเลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4.ให้คำแนะนำข้อมูล ประชาสัมพันธ์ ข้อกฎหมาย การจัดเอกสารหลักฐานตามกฎหมาย 5.จัดทำฐานข้อมูลระบบทะเบียนเรือประมง และทะเบียนเรือประมงข้อมูลการคุ้มครองแรงงานในจังหวัด ที่สามารถตรวจสอบและเชื่อมโยงข้อมูลได้ 6. มีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการความร่วมมือในการตรวจสภาพการจ้างสภาพการทำงานและการค้ามนุษย์ในเรือประมงทะเล 7.รายงานผลการดำเนินงานเสนอต่อผู้บังคับบัญชา และ ดำเนินงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ในปี 2565

ในที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Presons Report) , ความปลอดภัยในเรือประมง , การเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจเรือกลางทะเล , สรุปผลการตรวจสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน และสถานการณ์การค้ามนุษย์ด้านแรงงานในกิจการประมงทะเลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และได้ร่วมกันพิจารณาแผนการตรวจแรงงานประมงทะเลแบบบูรณาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ได้กำหนดแผนการบูรณาการตรวจเรือประมงทะเลประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ในพื้นที่บริเวณทะเลตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี และบริเวณทะเลตำบลแม่รำพึง อำเอำเภอบางสะพาน

กองบิน 5 จัดใหญ่งานเทศกาลท่องเที่ยวอ่าวมะนาว รำลึก 83 ปี สดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484 วันที่ 6-10 ธ.ค.นี้


เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ที่ห้องดุสิตา อาคารอากาศคำรณ กองบิน 5 อำเภอเมือง จ.ประจวบฯ น.อ.พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ผู้บังคับการกองบิน 5 พร้อมด้วย นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ นายนิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานสดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2584 ประจำปี 2567 มีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ และสื่อมวลชนร่วมการแถลงข่าว


กองทัพอากาศ โดยกองบิน 5 ได้กำหนดจัดงานสดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484 ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสดุดีความกล้าหาญของทหารอากาศ ลูกเสือ ยุวชน ตำรวจ และวีรชนชาวจังหวัดประจวบฯ ทุกท่านที่ยอมเสียสละชีวิต เลือดเนื้อเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา และเพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบฯ ให้พี่น้องชาวไทยและชาวต่างชาติได้มีส่วนทราบเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งนับได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ร่วมกัน ระหว่างทหารอากาศแห่งกองบิน 5 และพี่น้องประชาชนจังหวัดประจวบฯ ที่ร่วมกันต่อสู้กับกองกำลังแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ได้นำกำลังพลขึ้นบก ณ อ่าวประจวบ อ่าวมะนาว และมีการสู้รบกันเป็นเวลา 33 ชั่วโมง จึงสงบ โดยในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นปีครบรอบ 83 ปี สดุดีวีรชน สงครามมหาเอเชียบูรพา

น.อ.พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ผู้บังคับการกองบิน 5 กล่าวว่า กองทัพอากาศ โดยกองบิน 5 ได้กำหนดจัดงานสดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484 ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 6-10 ธ.ค.67 รวม 5 วัน ที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ กองบิน 5 และบริเวณลานเอนกประสงค์ สโมสรทหารอากาศ กองบิน 5 ในส่วนของงานพิธีการจะเริ่มในวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค.67 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. มีการจัดกิจกรรมเดินเทิดเกียรติสดุดีวีรชนตั้งแต่บริเวณศาลหลักเมืองประจวบฯ ถึงอนุสาวรีย์วีรชนฯ กองบิน 5 หลังจากนั้น จะเป็นงานเลี้ยงรับรองที่บริเวณลานเอนกประสงค์สโมสรทหารอากาศ กองบิน 5 ส่วนวันอาทิตย์ที่ 8 ธ.ค.มีพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนฯ ของส่วนราชการจังหวัดประจวบฯ และเวลา 10.00 น. ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะให้เกียรติมาวางพวงมาลาและร่วมงานบำเพ็ญอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชน

นอกจากนี้ กองบิน 5 ได้กำหนดจัดงาน เทศกาลท่องเที่ยวอ่าวมะนาว สดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่กับงานพิธีการหลัก โดยกำหนดจัดงานบริเวณลานเอนกประสงค์สโมสรทหารอากาศ กองบิน 5 มีการออกร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม เวทีการแสดง รวมถึงการจัดนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การแนะแนวสถานศึกษาในกองทัพอากาศ และการจัดแสดงผลงานการประกวดประเภทต่าง ๆ ของนักเรียนที่ศึกษาในสถานศึกษาจังหวัดประจวบฯ เยาวชน และประชาชนทั่วไป รวมถึงกิจกิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมพิชิตยอดล้อมหมวก

สำหรับกิจกรรมที่มุ่งให้เกิดการมีส่วนร่วมในกลุ่มเยาวชนและประชาชนทั่วไป คือ การประกวด ชิงเงินรางวัลและโล่เกียรติยศผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้แก่ การประกวดแต่งโคลงสี่สุภาพ ในหัวข้อ เทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การประกวดกลอนสุภาพ ในหัวข้อ “เชิดชูเกียรติ สดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484”

การประกวดเรียงความ การประกวดวาดภาพระบายสี และการประกวด Infographicในหัวข้อ “สืบสาน รักษา และต่อยอด การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล” อีกทั้งยังมีการประกวดภาพถ่ายส่งเสริมการท่องเที่ยว ในหัวข้อ “สละชีพ สู้ศึก พิทักษ์ชาติ ก้องเกียรติ ถนนแห่งประวัติศาสตร์” และการประกวดคลิปวิดีโอสั้นส่งเสริมการท่องเที่ยว ในหัวข้อ “มาเที่ยวบ้านฉัน มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว”

นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781