เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตามไปดู จ.แพร่ “จัดชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองฯ ร่วมออกตรวจสอบตู้คีบตุ๊กตา บริเวณห้างสรรพสินค้า ใน.จแพร่ “

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 จังหวัดแพร่ อำนวยการโดย นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายสมชาย อำพันกาญจน์ ปลัดจังหวัดแพร่ นายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ นายอำเภอเมืองแพร่ สั่งการให้ นายธรรมนูญ กาญจนครุฑ

ป้องกันจังหวัดแพร่ นายอนุวัฒน์ สาน้ำอ่าง ผช.ป้องกันจังหวัดแพร่ นายปรีชา นุ่นปาน ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดแพร่ ฉก.หม้อห้อม (ร้อย.บก.บร.) และชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองแพร่ ฉก.ช่อแฮ (ร้อย.อส.อ.เมืองแพร่ 1)

บูรณาการร่วมกับ จนท.ตำรวจ สภ.เมืองแพร่ ทต.เมืองแพร่ ร่วมกันออกตรวจสอบตู้คีบตุ๊กตา บริเวณห้างสรรพสินค้ามาร์คโฟร์พลาซ่า บิ๊กซี และโลตัส ไม่พบการให้เข้าเล่นตู้คีบตุ๊กตาแต่อย่างใด และได้เข้าตรวจสอบตู้คีบตุ๊กตาบริเวณห้องเช่าภายในปั้มน้ำมันบางจาก ต.ในเวียง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ พบว่ามีตู้คีบตุ๊กตาสามารถให้ผู้ใช้บริการเข้าเล่นได้

เจ้าหน้าที่ ฯ จึงได้ทำการตรวจยึดของกลาง จำนวน 4 รายการ ดังนี้ 1. ตู้คีบตุ๊กตาสีฟ้า จำนวน 1 ตู้ 2. ตู้คีบตุ๊กตาสีเหลือง จำนวน 1 ตู้ 3. ตู้คีบตุ๊กตาสีชมพู จำนวน 1 ตู้ 4. ป้ายขั้นตอนประชาสัมพันธ์การแลกเหรียญและธนบัตรการเล่นตู้คีบตุ๊กตา จำนวน 1 ป้าย

จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางและแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าของปั้มน้ำมันดังกล่าวพร้อมนำของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทีมข่าวบก รายงาน ธีรพงษ์ #ธงออน/#แพร่

061-585-5297

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2 จัดหมูกระทะ 100 เตา เลี้ยงทหารกล้า 300 นาย ชาย​แดน​ไทย–กัมพูชา มอบเงินร่วม 1.2 แสน ซื้อรถไถพ่วง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 14 กันยายน​ 2568​ เวลา​ 12.00น. ที่ฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ ช่องบก ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
น.ส.ธนชนก สุริยเดชสกุล ผู้แทนคณะนักศึกษาหลักสูตรคณะสัมพันธ์ ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 2 รุ่นที่ 2 (พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2) พร้อมด้วย นายพัฒน์เกียรติขจร สายแวว

ผู้จัดการคันทรี่เฮ้าส์เชียงใหม่ นายอรรครัตน์ รัตนจันทร์ นายกสมาคมสื่อสารมวลชนไทยอินโดจีน และคณะส่วนราชการ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำ “หมูกระทะ 100 เตา” พร้อมขนมและเครื่องดื่ม มาจัดเลี้ยงแก่กำลังพลกว่า 300 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยแนวชายแดนไทย–กัมพูชา

ในโอกาสนี้ คณะยังได้มอบเงินจำนวน 119,900 บาท เพื่อสนับสนุนการจัดซื้อรถไถพ่วงสำหรับใช้ขนส่งยุทธภัณฑ์ โดยมี พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับและเป็นผู้แทนรับมอบ

น.ส.ธนชนก กล่าวว่า การมาจัดเลี้ยงหมูกระทะในครั้งนี้เป็นการส่งมอบกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทหารผู้ปกป้องผืนแผ่นดินไทย แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพี่น้องชาวไทยที่รวมพลังน้ำใจ ตอบแทนการเสียสละของกำลังพล และขอให้ทหารไทยทุกนายมีกำลังใจที่เต็มเปี่ยมในการปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติ

นายอรรครัตน์ รัตนจันทร์ นายกสมาคมสื่อสารมวลชนไทยอินโดจีน กล่าวเสริมว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา สื่อมวลชนได้เห็นถึงความทุ่มเทและเสียสละของทหารชายแดนไทย–กัมพูชา ครั้งนี้จึงขอมีส่วนร่วมในการแสดงน้ำใจและขอบคุณ ด้วยการจัดเลี้ยงหมูกระทะ มอบเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แนวชายแดน

ด้าน พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณคณะ พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2 และทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ได้ร่วมกันสร้างกำลังใจให้กับน้องๆ ทหารชายแดน พร้อมยืนยันว่า ทหารไทยทุกนายมีขวัญและกำลังใจที่ดีเยี่ยม และจะทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยด้วยความเข้มแข็งตลอดไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บริษัทใจบุญส่งตัวแทนช่วยเหลือครอบครับอดีตดูโอ้ดังยุค 90 “สมิทธิ์ วงสมิธแอนด์เชน ” ป่วยอัมพฤกษ์กว่า 10 ปี อยู่กับบิดาชราภาพคอยดูแลที่บ้านพักชลบุรี

แชร์เนื้อหานี้

มีรายงานว่าบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ได้ส่งตัวแทนลงพื้นที่บ้านพักอาศัยของนายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บัณฑิตย์ เลขที่ 68/24 หมู่บ้านคลองชเลรมย์ ถนนพระยาสัจจา ม.2 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบิดาของ “สมิทธิ์ บัณฑิตย์” หรือ สมิทธิ์ วงสมิธแอนด์เชน อดีตศิลปินดูโอ้ดังยุค 90 เพื่อให้การช่วยเหลือ หลังอดีตนักร้องดังป่วยเป็นอัมพฤกษ์มานานกว่า 10 ปี

เมื่อไปถึงพบ สมิทธิ์-สมิธแอนด์เชน อาศัยอยู่กับนายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บิดา ซึ่งมีอายุ 87 ปีแล้ว และพี่ชายอีกหนึ่งคน โดย สมิทธิ์-สมิธแอนด์เชน ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และเริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงพยาบาล ทราบว่าต้องใช้รถวีลแชร์ในการเคลื่อนที่ไปไหนมาไหน โดยมีบิดาในวัยชราภาพและเพื่อนบ้านคอยพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล และรายได้ของทางบ้านก็ไม่เพียงพอ มีเพียงเพื่อนสนิทมิตรสหายวนเวียนมาช่วยเหลืออยู่บ้างเท่านั้น

ตัวแทนบริษัทดังกล่าว เผยว่า ได้รับมอบหมายหลังจากติดตามเรื่องราวของสมิทธิ์-สมิธแอนด์เชน อดีตดูโอ้ดังในอดีตที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์อาศัยโดยมีบิดาที่แก่ชราคอยดูแล โดยทางบริษัทให้ลงพื้นที่ติดตามข้อมูลความต้องการ และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ด้วยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยสมุนไพรธรรมชาติ โดยมอบให้นายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บิดาของนายสมิทธิ์ ไว้ใช้ตามความจำเป็น ก่อนบริษัทจะช่วยเหลืออย่างเป็นทางการอีกครั้งเร็วๆ นี้

ด้าน นายปัญจรัตน์ (สุรัตน์) บิดาของนายสมิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณทางบริษัทดังกล่าว ก่อนเผยว่า ทุกวันนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงให้พอมีรายได้ประทังชีวิต ในส่วนของสิ่งของจำเป็นของผู้ป่วย จำพวกผ้าอ้อมเอนกประสงค์สำหรับผู้ใหญ่ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลนายสมิทธิ์นั้น ต้องคอยไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เชิญชวนเที่ยวงาน แซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568 ตำนานเมืองขุขันธ์ การแสดง และริ้วขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่

แชร์เนื้อหานี้

***เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ลานอนุสาวรีย์พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายพงษ์ธร จันทร์สวัสดิ์ นายอำเภอขุขันธ์ พร้อมด้วย นางณัฐนันท์ จันทร์สวัสดิ์ นายกกิ่งกาชาดอำเภอขุขันธ์ นางสมจันทร์ บัวเขียว นายกเทศมนตรีตำบลเมืองขุขันธ์ และ นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันแถลงข่าว งานรำลึกพระยาไกรภักดีประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-23 กันยายน 2568 เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมการประกอบพิธีกรรมเช่นไหว้บรรพบุรุษ ตามความเชื่อที่แสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ส่งเสริมความรัก ความสามัคคีของชาวอำเภอขุขันธ์ตลอดจนการใช้ประเพณีให้เป็นสายใยผูกพันในครอบครัว เพื่อพัฒนาท้องถิ่นในด้านการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเปิดประตูให้สาธารณชนทั่วไปได้มีโอกาสเรียนรู้ โดยใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นสื่อ

***ทั้งนี้สำหรับงานในปีนี้ มีกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นและสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจากนอกพื้นที่ และในพื้นที่เข้ามาเที่ยวชมงาน ไม่ว่าจะเป็น การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP “มหกรรมสินค้าอะไรก็ดีที่ศรีสะเกษ ที่ชาวอำเภอขุขันธ์ร่วมแรงร่วมใจผลิตสินค้าที่เป็นสินค้าพื้นบ้านในชุมชน มาให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายเลือกซื้อ การประกวดกล้วยงามเมืองขุขันธ์ การประกวดผ้าไหมและเสื้อแส่ว และการชมสารคดีประวัติศาสตร์ เล่นขานตำนานเมืองขุขันธ์ แสง สี เสียง สุดอลังการ

***โดยปีนี้การแสดงจะใช้ชื่อว่า “ขุขันธ์ เป็นเมืองเป็นชาติ ด้วยรอยบาทพระราชา ฝากคมศาตรา ขับล้างอดิราชแผ่นดิน” ซึ่งจะจัดแสดงดพียง 2 รอบคือช่วงค่ำของวันที่ 18 และ วันที่ 19 ก.ย. 68 โดยจะใช้นักแสดงกว่า 500 คน ที่เป็นคนอำเภอขุขันธ์ ทั้งหมด นอกจากนี้วันที่ 19 ก.ย. 68 จะมีขบวนแห่ของ 23 ตำบล 24 ขบวน ที่แต่ละตำบลจะนำเอกลักษณ์ของแต่ละตำบลมาจัดแสดง ให้ชม ไม่ว่าจะเป็น ขบวนแห่พระ ขบวนแห่จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของขุขันธ์ ขบวนจำลองวัฒนธรรมประเพณีของท่องถิ่นที่หาชมได้ยาก และไม่สามารถหาชมได้จากที่ไหนอีกด้วย

***ทั้งนี้จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ประชาชนทั่วไป มาร่วมงาน ร่วมกิจกรรมงานรำลึกพระยาไกรภักดีประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568 เพราะที่นี้คืออำเภอขุขันธ์ เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ ที่ทุกท่านไม่ควรพลาดที่เข้ามาสัมผัสงานในครั้งนี้ว
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เครือข่ายผู้ปกครอง ร่วมลงนามในบักทึกข้อตกลง MOU เรื่อง โรงเรียนปลอดบุหรี่ บุรี่ไฟฟ้า และ ยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 08.00 น. ภายใต้การอำนวยการของนางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม โดยนายนรวีร์ ขันธหิรัญ นายอำเภอกำแพงแสน บูรณาการ่วมกับ โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน โรงพยาบาลกำแพงแสน สาธารณสุขอำเภอกำแพงแสน

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุ่งกระพังโหม เครือข่ายผู้ปกครอง ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง MOU เรื่อง โรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการโรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด โดยเฉพาะการกำหนดมาตรการด้านการป้องกันการเข้าถึงและใช้บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด อีกทั้งเพื่อเป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์

ร่วมกันในการควบคุมและป้องกันการใช้บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด ให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม โดยมีข้อตกลงร่วมกัน ในการสนับสนุนให้มีการเผยแพร่ความรู้และรณรงค์เรื่องโทษของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด สร้างความตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมาย และบทลงโทษต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด การสนับสนุน ส่งเสริมค่านิยมไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า สนับสนุนการส่งต่อเด็กนักเรียน

ที่ต้องการเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติดให้เข้าถึงบริการ การเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด สนับสนุนการป้องปรามไม่ให้มีการจำหน่ายบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติดให้กับนักเรียนภายในชุมชน ร่วมเป็นเครือข่ายประสานความร่วมมือเฝ้าระวังการ

บังคับใช้กฎหมายแก่ผู้จำหน่ายบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติดให้กับนักเรียน โดยมีนายนรวีร์ ขันธหิรัญ นายอำเภอกำแพงแสน นายธีระ วรรณเกตุศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงแสนวิทยา พ.ต.ท.ยศพงษ์ พันธุ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.กำพงแสน นายอำนาจ ภูศรี สาธารณสุขอำเภอกำแพงแสน นางสาวถิรดา ปทุมสูติ

นักจิตวิทยาโรงพยาบาลกำแพงแสน นางสาวปาณิสรา หนู่นุ่น ผอ.รพ.สต.ทุ่งกระพังโหม นางอัจฉรา นามวงศ์ ผู้แทนเครือข่ายผู้ปกครอง นางสาวณัฐนิช สุรสิงห์ไกรสร รองผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงแสนวิทยา ร่วมลงนาม MOU ในครั้งนี้

ณ โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐมในการนี้ นางดรุณี โพธิ์ศรี รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม นายสราวุธ พานิชวงศ์ ปลัดอำเภอกำแพงแสน นายอดิศร ล้อถิรธร ปลัดอำเภอกำแพงแสน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอกำแพงแสน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธีลงนามสัญญาเงินกู้โครงการวางท่อส่งน้ำดิบใหม่ จากลำตะคองมายังบ้านมะขามเฒ่าวงเงิน700ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

้เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 68 เวลา 10.00 น. ณ โรงเรียนเทศบาล 4 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ร่วมลงนามสัญญาการกู้เงินกับ นายชวลิต ประวะภูโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจขนาดกลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และนางสาววมิรา สิงสนั่น เจ้าหน้าที่ส่วนวิเคราะห์สินเชื่อธุรกิจ SME ระหว่างเทศบาลนครนครราชสีมากับธนาคารกรุงไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา โดยมีคณะผู้บริหาร ปลัดเทศบาล สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่เทศบาล และสื่อมวลชล ร่วมในพิธีลงนามสัญญาเงินกู้โครงการวางท่อส่งน้ำดิบใหม่จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่าวงเงิน 700 ล้านบาท ตาม ที่เทศบาลนครนครราชสีมา ได้เสนอขอรับเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เพื่อมาดำเนิน โครงการ จัดหา น้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติ งบประมาณให้ดำเนินโครงการ ในวงเงินงบประมาณ 1,995,430,000 บาทประกอบด้วย

  1. เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สนับสนุนร้อยละ 50 (วงเงิน 997,715,000 บาท)
  2. เทศบาลนครนครราชสีมาสมทบ ร้อยละ 50 (วงเงิน 997,715,000 บาท)
  3. โดยมี รายละเอียดของโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่าดังนี้
  4. ค่าก่อสร้าง วงเงินงบประมาณที่รับอนุมัติ 1,928,410,000 บาท ราคากลาง 1,915,500,000บาท ประกอบด้วย
    งานก่อสร้างสถานีสูบน้ำดิบ 2 แห่ง คือ สถานีสูบน้ำดิบเขื่อนมะเกลือใหม่ และสถานีสูบน้ำดิบที่
    โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า และงานวางท่อเหล็กหล่อเหนียว และท่อ HDPE ขนาด 1,200 มม. วางตามคลองธรรมชาติ ความยาว ประมาณ 35 กิโลเมตร
  5. ค่าจ้างที่ปรึกษาเป็นค่าควบคุมงาน วงเงินงบประมาณ 67,020,000 บาท
    ราคากลาง 52,560,000 บาท

การดำเนินการตามโครงการดังกล่าว เป็นงบผูกพัน 5 ปี (งบประมาณปี 2568-2572) เทศบาล
ต้องสมทบ 997,715,000 บาท เนื่องจากเทศบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอ จึงจำเป็นต้องกู้ เงิน จากแหล่งเงินกู้ และได้แสวงหาแหล่งเงินกู้จาก ธนาคารและ สถาบัน เงินกู้ ต่างๆ พบว่า ธนาคารกรุงไทย ให้ดอกเบี้ยต่ำ ที่สุด คือร้อยละ 1.95 บาทต่อปี เทศบาลจึงได้ดำเนินการ ตามระเบียบข้อกฎหมาย เพื่อขอกู้เงิน เมื่อได้รับอนุมัติ จากรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย จึงได้ดำเนินการ กู้เงิน จากธนาคารกรุงไทย โดยมีวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน เพื่อการลงทุน โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า เป็นอำนาจหน้าที่ของเทศบาล ในการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภคของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสาธารณูปโภค สนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

การค้าและการลงทุนของ จังหวัดนครราชสีมา ลดการสูญเสียน้ำดิบระหว่างการขนส่งผ่านท่อ เพิ่มปริมาณส่งน้ำผ่านท่อได้ประมาณ 16.42 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (อัตราค่าน้ำประปาตั้งแต่ 5-25 ลูกบาศก์เมตร มีค่าเฉลี่ย 12.14 บาทต่อ ลูกบาศก์เมตรลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมท่อน้ำดิบ ประมาณ 10.80 ล้านบาทต่อปี ลดค่าใช้ไฟฟ้าในการสูบน้ำ ประมาณ 10.61 ล้านต่อปี สามารถขยายการบริการประปาไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นข้างเคียงได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง จากเดิม 76.70 ตารางกิโลเมตร เป็น 223.85 ตารางกิโลเมตร เทศบาลนครนครราชสีมา ไม่มีหนี้ค้างชำระ สามารถกู้เงินจากธนาคารกรุงไทยได้ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1.95 ต่อปี ซึ่งถูกกว่าการกู้เงินจากเงินทุนส่งเสริมกิจการเทศบาล ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.00 ต่อปี การกู้เงินในครั้งนี้ได้ผ่านการประชุมประชาคมระดับนคร ผ่านการอนุมัติจากสภาเทศบาลนครนครราชสีมา

ในการประชุมสมัยสามัญ สมัยที่ 4 ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 การกู้เงินได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการกู้เงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 และครั้งที่ 2/2568เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 คณะกรรมการฯ เห็นว่า การขอกู้เงินของเทศบาลนครนครราชสีมาจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขานครราชสีมา จำนวน 700,000,000 บาท เพื่อดำเนินโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า มีความเหมาะสมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเป็นไปตาม พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2596 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดงาน “เทศกาลคนปลูกกาแฟน่าน Nan Coffee Farmer’s Fest 2025” ยกระดับกาแฟน่านสู่เวทีระดับประเทศ

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (12 กันยายน 2568) เวลา 18.00 น. ที่บริเวณข่วงน้อยเมืองน่าน นายประจักร์ ไชยกิจ ปลัดจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลคนปลูกกาแฟน่าน Nan Coffee Farmer’s Fest 2025” โดยมีนายศักดิ์สิทธ์ ศรีวิชัย เกษตรจังหวัดน่าน ในนามหน่วยงานผู้จัดงาน กล่าวรายงานและขอบคุณท่านประธานในพิธี

การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์แหล่งผลิตและผลิตภัณฑ์กาแฟน่านให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับประเทศ พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย อันจะช่วยขับเคลื่อนห่วงโซ่การผลิตกาแฟน่านตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12–14 กันยายน 2568 ภายใต้แนวคิด “ความหลากหลายที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟน่าน (Unity through Diversity)” สะท้อนถึงความหลากหลายของสายพันธุ์กาแฟ ทั้งอาราบิก้าและโรบัสต้า

ที่สามารถปลูกได้ในพื้นที่จังหวัดน่าน อันเป็นผลจากภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำให้กาแฟน่านมีคุณภาพและเอกลักษณ์โดดเด่น การันตีด้วยรางวัลจากการประกวดระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง

ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ
• การประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟประจำปี 2568 ซึ่งมีตัวอย่างเมล็ดกาแฟเข้าร่วมกว่า 100 ตัวอย่างจากทั่วประเทศ
• การจัดแสดงนิทรรศการและออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟจากเกษตรกร

กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการกว่า 50 บูธ
• การเสวนาทิศทางกาแฟโลกกับการพัฒนากาแฟน่าน
• คลินิกกาแฟและเวิร์กช็อปการคัดเมล็ดกาแฟ
• กิจกรรม Cupping กาแฟ
• การประกวดธิดากาแฟ
• การแข่งขันด้านทักษะกาแฟ เช่น คัดเมล็ด ดริปกาแฟ และชิมกาแฟ

โอกาสนี้ ปลัดจังหวัดน่านได้กล่าวเปิดงาน พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการกาแฟ และการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกาแฟน่าน สู่สินค้าเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “แอนดริว เกร้กสัน” แท็กทีม “โดนัท มนัสนันท์” และทัพนักแสดงสร้างความหลอนในรอบกาล่าพรีเมียร์ “เวียนว่ายตายเกิด” 11 ก.ย. นี้! ทุกโรงภาพยนตร์!!!

แชร์เนื้อหานี้

ห่างหายจากวงการแสดงหนังไปนานกว่า 20 ปี นักแสดงหนุ่ม “แอนดริว เกร้กสัน” หวนกลับคืนมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้งกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญสุดลี้ลับ “เวียนว่ายตายเกิด” (The Cycle) เสริมทัพความเข้มข้นเหล่านักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมสร้างความระทึก ผลงานการกำกับของ “จิ๊บ – ทิวา เมยไธสง” ผู้กำกับที่มากประสบการณ์ โดยเฉพาะงานหนังสยองขวัญ และหนังแนวฆาตกรรมที่เรียกว่าทำสุดทำถึง!!!

ในงานแถลงกาล่ารอบพรีเมียร์ภาพยนตร์ลี้ลับ “เวียนว่ายตายเกิด” ขนทีมนักแสดงนำโดย แอนดริว เกร้กสัน, โดนัท มนัสนันท์, นวลปรางค์ ตรีชิต, ฌัชฌา รุจินานนท์, สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ และผู้กับกับ “จิ๊บ ทิวา เมยไธสง” ที่พร้อมพาเราไปสัมผัสประสบการณ์สยองขวัญที่จะทำให้คุณต้องลุ้นทุกวินาที! ณ เอสเอฟเวิลด์ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้การันตีเลยว่าไม่ธรรมดา

เพราะยืนยันด้วยสมญานามของ แอนดริว ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความพิถีพิถันในการเลือกรับงานแสดงในแต่ละครั้ง ซึ่งทุก ๆ ผลงานที่ออกมาก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง กับบทบาทสุดท้าทายในเรื่องนี้ ที่ไม่เพียงแค่จะทดสอบความสามารถในการแสดงเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยปริศนาและความน่ากลัวที่ตามหลอนไปทุกย่างก้าว

และการจับคู่กันของ แอนดริว เกร้กสัน และ โดนัท มนัสนันท์ ที่เรื่องนี้ทั้งคู่ โคจรมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก ซึ่ง โดนัท มารับบทเป็น “ผิง” สถาปนิกสาวที่มีปมอดีตฝั่งใจ ที่ดูเหมือนจะมีชีวิตที่อบอุ่น แต่ความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ

จะทำให้ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ ซึ่งการร่วมงานของทั้งสองคนในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอความตึงเครียดระหว่างตัวละครที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับปริศนาและอันตรายที่ตามมา ทั้งในด้านอารมณ์และความกลัวที่ทวีคูณ

เมื่อทั้งคู่ต้องตัดสินใจร่วมกันในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความสยองขวัญ “เวียนว่ายตายเกิด” (The Cycle) เริ่มต้นจากครอบครัวอันแสนอบอุ่นของ “สารวัตรพุฒิ” ตำรวจหนุ่มที่ไม่เชื่อในสิ่งเร้นลับ, “ผิง” สถาปนิกสาวที่มีปมอดีตฝั่งใจ และ “น้องภู” ลูกชายที่ไม่ค่อยมีสุขภาพดีเท่าไร แต่แล้วพวกเขากลับได้รับโทรศัพท์ลึกลับจาก “น้องสาว” ที่ตายไปแล้วซึ่งกลับชาติมาเกิดใหม่

สถานการณ์เริ่มเลวร้ายเมื่อครอบครัวถูกคุกคามโดยญาติที่ไม่ยอมรับ และลัทธิประหลาดในป่าอันห่างไกล ความน่ากลัวของ “เวรกรรม” หรือ “ปีศาจ” จะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขา
“เวียนว่ายตายเกิด” จะพาคุณไปเผชิญหน้ากับความลึกลับที่ซับซ้อน ในวันที่ 11 กันยายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์ อย่าพลาด! มาร่วมค้นหาคำตอบว่าจะเป็น เวรกรรม หรือ ปีศาจ ที่ตามล่าชีวิตของพวกเขา!

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /สภ.ตาเซะ กำชับตร.ในสังกัดเคร่งครัด กวดขัน สิ่งผิดปกติ และรถต้องสงสัย หลังหน่วยงานความมั่นคง พบว่า การข่าวมีความพยายามก่อเหตุการณ์ในลักษณะใหม่

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวได้มีการรายงานว่า เมื่อ วันที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 07.00 – 17.00 น. พ.ต.ท.ณัตฐเขตต์ ชนะพล สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรตาเซะ ได้กำชับกำลังพล พร้อมสั่งการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประจำเวรเช้า ออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ชีวิตและทรัพย์สินประชาชนในช่วงเช้า อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกแบบแผนบูรณาการ ทุกมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจ ด้านความปลอดภัยแก่คุณครู นักเรียน รวมไปถึงผู้ปกครอง อีกทั้งเป็นการหาข่าวไปด้วย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ ทำลายกล้องวงจรปิด เป็นต้น

ทั้งนี้ งานการจราจร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรกในช่วงเวลาเร่งรีบเวลา 07.00 – 09.00 น. โดยเน้นคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์ และ บริเวณสถานศึกษา ก็สำคัญเช่นกัน สำหรับพื้นที่ ในเขต ต.ตาเซะ นั้น พ.ต.ท.ณัตฐเขตต์ ชนะพล (สารวัตรใหญ่) ต้องทำงานหลากหลาย ในทุกมิติ ปัจจุบัน ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีขาวมาโดยตลอด

จากนั้นในช่วงบ่ายก็ได้จัดกำลังพลตำรวจ สับเปลี่ยนเวรยาม พร้อมบูรณาการกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณตลาดสดตาเซะ เพื่อจัดระเบียบ ให้ประชาชนสะดวกสบาย และดูแลความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวก แก่ประชาชนผู้มาจับจ่ายซื้อสินค้ากลับบ้าน ทั้งนี้ คือภารกิจประจำวันที่ตำรวจตัวเล็กๆคนนึงสามารถระงับการ

เกิดเหตุในพื้นที่ตนเองรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี เป็นการประงับ ป้องกันเหตุอาชญากรรมที่เราประชาชนไม่รู้ว่าคนร้ายจะลงมือก่อเหตุป่วน หรือ จงใจทำลายทรัพยากรของบ้านเมืองที่กำลังุพัฒนาไปตลอดจนทำให้ได้สร้างขวัญ กำลังใจ ชาวบ้านยิ้มแย้ม สร้างความอุ่นใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะ สารวัตรหนุ่มคนนี้กลายเป็นขวัญใจแม่ยกชาวตำบลตาเซะไปซะแล้ว ”ขอให้สิ่งที่ทำดีจงทำต่อไป แล้ววสิ่งที่ดีกว่าจะมาหาเราเอง“

นอกจากนี้ ในช่วงเย็นหลังคนเลิกงาน ที่บริเวนด่านจุดตรวจคลองทรายใน พื้นที่ ม.5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ก่อนถึงตัวเมืองยะลา 14 กิโลเมตร ทางสารวัตรใหญ่ พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จราจร ก็ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ โดยไปตั้งด่านกวดขันวินัยการจราจร ซึ่งจำเป็นต้องขอบังคับใช้กฎหมายการ กระทำความผิด กฎหมายอาญา

กฎหมายจราจร มีการว่ากล่าวตักเตือนผู้ซึ่งกระทำความผิดเล็กน้อยจึงได้อบรม สร้างการรับรู้ เพื่อเป็นการ ประชาสัมพันธ์บนท้องถนน รถยนต์ที่ขับขี่ผ่านเส้นทางนี้อาจจะต้องเจอสารวัตรใหญ่หนุ่มหล่อหากท่านยังอยู่ในช่วงปฏิบัติหน้าที่กำชับยานพาหนะทุกคัน บนท้องถนนสาย 418 ปัตตานี-ยะลา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยฃ

ตอริก สหสันติวรกุล จ.ปัตตานี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / หมู่บ้านติดป้าย ”ต้านพืชกระท่อม“ โดยมีเกือบทุกชุมชน ผู้นำ!!!ย้ำไม่ต้องการกระท่อมในพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ปัญหาการบริโภคน้ำกระท่อมยังคงแพร่ระบาดในจังหวัดชายแดนใต้ ส่งผลกระทบทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่

โดยเฉพาะการดื่ม 4 คูณ100 ที่ผสมน้ำกระท่อมกับยาแก้ไอและน้ำโค๊ก ขณะที่การปลดล็อกพืชกระท่อมกลับทำให้มีผู้บริโภคและผู้ค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลแก่ภาครัฐ และประชาชนเป็นอย่างมาก​ จนนำไปสู่ ปฏิบัติการ 120 วันต้านพืชกระท่อม ตามนโยบาย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการ รมว.ยุติธรรม โดยเน้นพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ส่งผลให้ร้านขายกระท่อมริมถนนหลายแห่งในปัตตานีถูกสั่งปิด แสดงถึงกระแสต่อต้านที่เพิ่มขึ้นทั้งในพื้นที่และโลกออนไลน์

ล่าสุด ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชนในปัตตานีทั้ง 12 อำเภอ ร่วมรณรงค์ติดป้ายประกาศว่า พืชกระท่อมเป็นสิ่งฮารอม

เพื่อสร้างความเข้าใจตามหลักศาสนาอิสลาม พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการป้องกันยาเสพติด ควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาเยาวชนให้ห่างไกลจากสิ่งเสพติด

เช่นเดียวกับพื้นที่อำเภอแม่ลาน ผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนายังคงเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อม อย่างต่อเนื่อง มีการพูดคุยสร้างความเข้าใจและตักเตือนกลุ่มเยาวชนที่เสพน้ำกระท่อม

พร้อมทั้งพาเข้าสู่กระบวนการบำบัด ขณะเดียวกันยังได้ติดตั้งป้ายไวนิลรณรงค์ต่อต้านพืชกระท่อมตามจุดสำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน เพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันในการป้องกันน้ำกระท่อมและยาเสพติด​อื่นๆ

นายจิมณีอาบ๊ะ ปะดอมะ กำนันหมู่ 6 อำเภอแม่ลาน เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมร่วมกับชาวบ้านและอิหม่ามอย่างต่อเนื่อง เพื่อพูดคุยถึงปัญหาการดื่มน้ำกระท่อม เนื่องจากในหลักศาสนาอิสลามถือว่าเป็นสิ่งที่ฮารอม หรือสิ่งต้องห้าม

โดยทุกวันศุกร์ก่อนที่โต๊ะอิหม่ามจะขึ้นบรรยายธรรม หรืออ่านคุตบะห์ ตนจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีในการพูดคุยกับชาวบ้าน และในระหว่างการบรรยายธรรมก็มีการกล่าวถึงโทษภัยของน้ำกระท่อมด้วย

นายจิมณีอาบ๊ะ เผยต่อว่า ในพื้นที่ตำบลป่าไร่ อำเภอแม่ลาน ไม่เคยมีการขายพืชกระท่อมริมทาง เนื่องจากชาวบ้านตระหนักว่าศาสนาอิสลามห้ามอย่างเคร่งครัด ผู้ที่คิดจะขายก็เกรงกลัวการทำผิดศาสนามากกว่าการกลัวเจ้าหน้าที่

ตนไม่ได้ใช้วิธีปราบปราม แต่เน้นการพูดคุยและตักเตือนมากกว่า เพื่อให้เขาเข้าใจว่าการดื่มน้ำกระท่อมไม่ใช่เรื่องดี ซึ่งทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน โดยก่อนหน้านี้พื้นที่ตำบลป่าไร่เคยมีคนติดน้ำกระท่อมจำนวนมาก แต่หลังจากที่ได้ตั้งฮูกุมปากัส ทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น

นายจิมณีอาบ๊ะ​ เผยตอนท้ายว่า​ ส่วนการส่งเสริมอาชีพในชุมชน ที่ผ่านมาได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ศอ.บต. เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวบ้าน บางส่วนหันไปเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และที่สำคัญคือมีการดึงเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมอีกด้วย

ตอริก สหสันติวรกุล ปัตตานี
085-0772217