เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สโมสรฟุตบอลซีเนียร์ไทยแลนด์ VIP SENIOR THAILAND เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล เกาหลีโลกครั้งที่ 17 ณ เมืองฮงชอนกุน คังวอนโดเกาหลีใต้

แชร์เนื้อหานี้


วันที่ 1-6 ตุลาคม 2567 นายบุญเลิศ ผลอุดม ผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลซีเนียร์ Thailand ได้นำคณะนักกีฬาฟุตบอล ไทยเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล พร้อมคณะ โดยมี นายยรรยง ทองประยูร อดีตนักบอลทีมชาติไทย เป็นเฮทโค้ช ในรายการ แข่งขันฟุตบอล VIP เกาหลีโลก ครั้งที่ 17

กำหนดเดินทาง วันที่ 1 ตุลาคม 2567 นำคณะโดยมิสเตอร์คิม นัดพบรับตั๊วเครื่องบิน เช็คเอกสารพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 21.00 น ขึ้นเครื่อง เวลา 01.20 น สายการบิน.ทีดับเบิลยู ทีเวย์แอร์ ช่อง G ถึงอินชอน เช้า เวลา 08.30 นตามเวลาเกาหลี วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ทานอาหารเช้า ขึ้นรถทัวร์ที่มารอรับที่สนามบินอินชอนเดินทางไปยัง ที่พักAlps Motel ในฮงชอน จังหวัดคังวอนโด ทานอาหารเย็นเสร็จ

เข้าร่วมชมการแสดงพิธีเปิดการต้อนรับนักกีฬาทุกประเทศ เช้าวันที่ 3 ตุลาคม ทานอาหารเช้า ขึ้นรถทัวร์เดินทาง เข้าสนามทำการแข่งขันฟุตบอล World Overseas Korean Football Federaation2024 WORLD FOOTBALL FESTIVAL “2024” 전 세계 한민족 축구대회 대회기간 : 2024, 10.3 ~ 10.6 (4일간)장 소 : 강원도 종합운동장 외4개 구장
참가국 : 35 개

주최:사)세계한민족축구협회
후 원 : 문화체육관광부. 국민체육진흥공단.
강원도 홍천군.대한체육회 WKFA2024 ฟุตบอลโลก งานเทศกาล “2024” ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเกาหลีทั่วโลก ระยะเวลาการแข่งขัน: 2024, 10.3 ~ 10.6 (4 วัน) สถานที่: สนามกีฬาคังวอนโด และสนามกีฬาอื่นอีก 4 สนาม
ประเทศที่เข้าร่วม: 35 ประเทศ เจ้าภาพ : สมาคมฟุตบอลเกาหลีโลก
ผู้สนับสนุน: กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว มูลนิธิส่งเสริมกีฬาเกาหลี ฮงชอนกุน คังวอนโด สภากีฬาเกาหลี

ทำการแข่งขันทั้งหมด 3 รุ่นอายุ รุ่นประชาชนทั่วไป จำนวน 8 ทีม รุ่นอายุ 40 ปี จำนวน 16 ทีม ขึ้นรุ่นอายุ 50 ปีขึ้น จำนวน 8 ทีม วัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ ไทยเกาหลี และประเทศสมาชิก ที่เข้าร่วมทำการแข่งขัน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมการออกกำลังกายมีประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมทำการแข่งขันทั้งโซนเอเซียและยุโรป ทำการแข่งขันพร้อมกันสี่สนาม ระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2567

สรวัชร สรรเพ็ชร์
รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ROYAL PLUS ผู้ผลิตน้ำผลไม้รายใหญ่ จัดกิจกรรม CSR พี่ให้น้อง ร.ร.บ้านพุเข็ม มอบอุปกรณ์โซล่าเซลล์ และสื่อการเรียน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 ตุลาคม 2567 ที่โรงเรียนบ้านพุเข็ม หมู่ที่ 10 ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี น.ส.น้ำทิพย์ แสงหิรัญ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพุเข็ม ดร.ดวงพร กรับทอง ฮิตซ์คอกช์ พัฒนาการอำเภอแก่งกระจาน น.ส.ละเอียด เรืองเทศ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านพุเข็ม พร้อมคณะกรรมการสถานศึกษา คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมด้วยชาวบ้านในชุมชนบ้านพุเข็ม ร่วมรับมอบสิ่งของและอุปกรณ์โซล่าเซลล์

ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรม CSR 2024 “โครงการ PLUS GO SOLAR จากคณะผู้บริหาร และพนักงาน บริษัท โรแยลพลัส จำกัด ( มหาชน ) ผู้ผลิตน้ำมะพร้าว และน้ำผลไม้ส่งออกทั่วโลก จัดกิจกรรม CSR พี่ให้น้อง โรงเรียนบ้านพุเข็ม โดยมอบอุปกรณ์โซล่าเซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในการเรียนคอมพิวเตอร์ และสื่อการเรียนการสอน พร้อมทั้งอุปกรณ์กีฬา ทุนการศึกษาให้น้องๆ รวมทั้งจัดเลี้ยงอาหาร ให้ ครู นักเรียน ผู้ปกครอง

นายประดิษฐ์ รุ่งเจริญ หน.งานฝ่ายผลิต บ.โรแยลพลัส จก.มหาชน ผู้ผลิดน้ำมะพร้าว และน้ำผลไม้ส่งออก กล่าวว่า สำหรับโครงการนี้ทำมาเป็นปีที่ 10 แล้ว โดยเริ่มแรกทำกับเพื่อนๆ พอเข้ามาทำงานที่บริษัทก็ได้นำเสนอผู้บริหารบริษัท พร้อมเขียนโครงการนำเสนอซึ่งทางผู้บริหารเห็นด้วยว่าเป็นกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์ต่อชุมชน และโรงเรียนถิ่นทุรกันดาร จึงหาโรงเรียนที่อยู่ในข่าย จึงตกลงมาที่โรงเรียนบ้านพุเข็ม โดย มามอบอุปกรณ์โซล่าเซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ และสื่อการเรียนการสอนพร้อมทั้งอุปกรณ์กีฬา ทุนการศึกษาให้น้องๆ รวมทั้งจัดเลี้ยงอาหาร เล่นเกมส์มอบของรางวัล ให้น้องๆ

น.ส.น้ำทิพย์ แสงหิรัญ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพุเข็ม กล่าวว่า โรงเรียนบ้านพุเข็มตั้งอยู่ หมู่ 10 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี สังกัด สพป.เพชรบุรี เขต 2ปัจจุบันให้บริการนักเรียนในระดับอนุบาล 3 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนมารับบริการ 28 คน บุคลากรทางการศึกษา 8 คน โดยทางโรงเรียนบ้านพุเข็มไม่มีระบบไฟฟ้าใช้ ใช้เป็นระบบโซล่าเซลล์ เพื่อให้น้องๆ นักเรียนได้ใช้

ประโยชน์ในการศึกษาด้านระบบคอมพิวเตอร์และการเรียนการสอน นอกจากนี้นักเรียนที่บ้านพุเข็ม จะมีปัญหาอุปสรรคด้านการเดินทางมาโรงเรียนร่วม 20 ราย ซึ่งนักเรียนอาศัยอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ด้านป่าต้นน้ำของเขื่อนเก่งกระจาน จะต้องเดินทางโดยเรือมาโรงเรียนโดยต้องตื่นตั้งแต่ ตี 5 เพื่อรอเรือของทางโรงเรียนไปรับมาโรงเรียนจะมาถึงโรงเรียนประมาณ 8 โมงเช้า ส่วนช่วงเย็นก็จะเลิกเรียนประมาณ 15.30 น.หรือดูสภาพอากาศในการเดินทางด้วยเรือเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน

นอกจากนี้ การเรียนการสอนหรือเรื่องทักษะวิชาการ ทางโรงเรียนจะให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ด้านการทักษะอาชีพและทักษะชีวิต เพราะว่าเด็กเมื่อจบจากที่นี่แล้วบางคนไม่ได้ศึกษาต่อก็จะช่วย พ่อ แม่ ทำงาน ในไร่ในสวนและทำประมง ช่วยทางบ้าน โดยอยากให้นักเรียนเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ทักษะปัญญาชีวิตเขาจะได้เรียนรู้และใช้จริง

สำหรับค่าน้ำมันการรับส่งนักเรียน ก็จะได้รับการจัดสรรจาก สพป.เพชรบุรี เขต 2 ส่วนหนึ่ง แต่ไม่เพียงพอ เนื่องจากน้ำมันก็ราคาแพง …สำหรับผู้ที่จะเข้าไปสนับสนุนสื่อการเรียน การสอนโรงเรียนบ้านพุเข็ม สามารถติดต่อได้ที่ …น.ส.น้ำทิพย์ แสงหิรัญ ผอ.โรงเรียน หมายเลขโทรศัพท์ ..0965946354
///////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “ปชป.”สร้างคนรุ่นใหม่ส่ง“ดร.รัชดา”ร่วมอบรมการพัฒนาผู้ประกอบการที่เยอรมัน ส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี

แชร์เนื้อหานี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้ว่า ตามยุทธศาสตร์เปิดพรรคกว้างสร้างคนรุ่นใหม่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้ดร.รัชดา ธนาดิเรก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร กรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการอบรมเพิ่มศักยภาพหัวข้อ ”การส่งเสริมและพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ”(Entrepreneurship Development Program)

สถาบันพัฒนาผู้นำระหว่างประเทศ เมืองกัมเมอสบาร์ค ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 13 -25 ตุลาคม 2567 จัดโดยมูลนิธิฟรีดริช เนามัน ซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ความเข้าใจในระบบอบประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และเศรษฐกิจแบบเสรี อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การทำงานการเมืองตามแนวทางเสรีนิยมประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมอบรมเป็นตัวแทนจากแต่ละประเทศ ที่มาจากต่างสาขา อาทิ ภาคการเมือง ภาครัฐ และภาคประชาสังคม โดยเนื้อหาหลักสูตรจะเป็นการนำเสนอแนวทางการสร้างผู้ประกอบการและการส่งเสริมด้านต่างๆจากภาครัฐและองค์กรเกี่ยวข้องที่จะทำให้ธุรกิจมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และจะมีการเยี่ยมชมผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเกษตร เครื่องจักร และเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จในหลายๆเมือง

ดร.รัชดากล่าวว่า การไปอบรมครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจะนำมาต่อยอดโครงการส่งเสริมอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ริเริ่มไว้ ทั้งใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี อาทิ กลุ่มสตรีทำฟาร์มเห็ด กลุ่มปลูกต้นกาแฟ ที่ผ่านมาเป็นการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมและตัวแทนพรรคในพื้นที่ สรรหาวิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพแต่ขาดโอกาส และเมื่อได้เข้าไปสนับสนุน ก็จะเห็นได้ว่าชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นจริง

มจร.วัดไร่ขิง มุ่งพัฒนาผู้เรียน ภายใต้แนวคิด “Buddhist Social Lab”“Buddhist Social Lab”

พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, ศ.ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มจร. วัดไร่ขิง กล่าวว่า ตามที่วิทยาสงฆ์ฯ ได้เปิดสอนระดับปริญญาโท ปริญญาเอก สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ตอนนี้ได้เปิดรับสมัครนิสิตใหม่ ประจำปีการศึกษา 2568 แล้ว ท่านยังได้ย้ำว่าหลักสูตรบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ได้ออกแบบมาเพื่อสร้าง “พุทธนวัตกร” คนรุ่นใหม่ที่สามารถนำหลักพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาปัญญาและคุณธรรมของชุมชนเพื่อสร้างสังคมแห่งสันติสุขได้

เรามุ่งเน้นสร้างผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง สามารถนำไปปฏิบัติจริงในการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านจิตใจและคุณธรรม ผู้เรียนจะได้มีโอกาสศึกษาวิจัยในด้านพระพุทธศาสนากับการพัฒนาเชิงพื้นที่ ภายใต้แนวคิด “Buddhist Social Lab” มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้สามารถเป็นผู้นำทางความคิดในการพัฒนาชีวิตและสังคมบนพื้นฐานแห่งความเมตตา ปัญญา และความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจและมีความปรารถนาที่จะพัฒนาตนเองและสังคมให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่การเป็นพุทธนวัตกร มาร่วมกันสร้างสรรค์สังคมอุดมด้วยปัญญาและคุณธรรมจากหลักพระพุทธศาสนาไปพร้อมกัน เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0641452996 พระเจริญพงษ์ ธมฺมทีโป, ผศ.ดร.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เต้ มงคลกิตติ์ ฮีโร่ พรรคสีฟ้า ลงพื้นที่มอบข้าวสาร ไข่ไก่ และน้ำดื่มให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.ลำปาง

แชร์เนื้อหานี้

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบหมายให้
เต้ มงคลกิตติ์ ฮีโร่ พรรคสีฟ้า ลงพื้นที่มอบข้าวสาร ไข่ไก่ และน้ำดื่มให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาลงพื้นที่จังหวัดลำปาง หลังน้ำลดโดยมอบ ข้าวสาร น้ำดื่ม ไข่ไก่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม
ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้มี ทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ จากหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ

ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย อาทินางสาวภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฐานะ ประธานคณะทำงานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคคณะทำงานฯนายสรกฤช จันทรคณานายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตนางสาวกฤษยากร สรชัยนายประสิทธิ์ คลังสีดา อดีต ผู้สมัคร ส.ส. จ.อุตรดิตถ์ เขต 2

นายสุรกิจ ศิริวาท อดีต ผู้สมัคร ส.ส. จ.แพร่ เขต 1นายธนิตศักดิ์ ทวีพรจิรภาคย์ อดีต ผู้สมัคร ส.ส. จ. ลำปาง เขต 1นายสุรพล เต็มสวัสดิ์ อดีต ผู้สมัคร ส.ส. จ.พะเยา เขต 1น.ส.ถนอมจิต แสงงาม จ.ตาก เขต 2
น.ส.อรทัย ฮงประยูร อดีต นายกเทศมนตรีตำบลเวียง จ.เชียงรายนายสว่าง เปรมประสิทธิ์ นายก อบต.สะเนียน อ.เมืองน่าน จ.น่านโดยจุดที่ 1 นำไปมอบที่บ้านนาแก้ว อำเภอเกาะคา จำนวน 35 ครัวเรือน จุดที่ 2 ตลาดท่าหลวง อำเภอเถิน จำนวน 40 ครัวเรือน จุดที่ 3 อำเภอแม่พริก จำนวน 82 ครัวเรือน

จากการลงพื้นในครั้งชาวบ้านต่างชื่นชมเต้ พร้อมคณะที่มามอบข้าวสาร ไข่ไก่ และน้ำดื่มในวันนี้ นับเป็นนักการเมืองหนุ่ม สายเลือดใหม่และเป็นฮีโร่ ของพรรคสีฟ้า ประชาธิปัตย์/บุญยงค์ สดสอาด รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทหารเรือ นรข.แถลงตรวจยึดยาบ้ากว่า 3.9 หมื่นเม็ด ริมน้ำโขง / บึงกาฬก้าวสู่ยุคดิจิทัล เสริมระบบป้องกันภัยพิบัติด้วยเทคโนโลยี AI (CCTV-based)

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 11 ต.ค. ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย สถานีเรือบึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข.มอบหมายให้ น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข. เป็นผู้แทนในการแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 39,951 เม็ด ภายใต้อำนวยการของ พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข และ น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย โดยว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ ว่าที่พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ โคตรศรีวงษ์ ผบ.ร้อย ตชด.244 พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม สว.หน.ตำรวจน้ำบึงกาฬ นายกรณ์ชัย ปัญญาวัฒนพงศ์ นายด่านศุลกากรบึงกาฬ และผู้แทน บก.อส.จ.บึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้


ทั้งนี้เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ แจ้งว่ามีสายรายงานสืบทราบมาว่าจะมีการขนลักลอบยาเสพติดข้ามฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่ บริเวณริมแม่น้ำโขงระหว่างบ้านท่าโพธิ์ หมู่ 6 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ คาดว่าจะเป็นป่าสวนยาง ได้รายงาน น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย ได้ทราบ จึงสั่งการให้ ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ ร.ท.เพชรนคร ผิวขำ และ ร.ท.ไชยา เนียมแสง พร้อมเจ้าหน้าที่ นรข.ได้จัดชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ ออกวางกำลังเข้าตรวจในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าโพธิ์ ตลอดแนวคาดว่าจะมีการกระทำผิด

กระทั่งเวลา 19.00 น.ขณะที่แบ่งกำลังซุ่มอยู่ริมโขงบริเวณพื้นที่ป่าสวนยางบ้านท่าโพธิ์ ชุดปฏิบัติติการได้ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนตรวจพบเรือกลีบเพลายาวเครื่องยนต์ติดท้ายต้องสงสัยแล่นข้ามน้ำโขงมาจากฝั่ง สปป.ลาว ภายในเรือมีบุคคลนั่งมาด้วย 1 คน ขับเรือมายังฝั่งบริเวณสวนยางริมฝั่งแม่น้ำโขงตามที่สายลับแจ้งมาโดยเมื่อเรือจอดชายคนดังกล่าวได้ยกถังสีขาว จำนวน 1 ถังขึ้นมาจากเรือ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ จึงเข้าแสดงตัวเข้าตรวจค้นเมื่อชายต้องสงสัยเห็นเป็นเจ้าหน้าที่จึงทิ้งถังสีขาวที่ถือมาแล้วรีบขับเรือกลีบเพลายาวที่จอดไว้กลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงลงไปตรวจดูเปิดดูด้านในถังสีขาวพบว่าเป็นยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4 แพ็คๆ รวมเป็นยาบ้าจำนวนประมาณ 39,951 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดเอาไว้ก่อนจะทำการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และส่งต่อให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงของดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายธีระพล ขุนพานเพลิง นอภ.เมืองบึงกาฬ กล่าวว่า ทุกวันนี้ในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ มีการระบาดของยาบ้าอย่างหนัก บางพื้นที่ราคายาบ้า เม็ดละ 20 บาท หรือ 5 เม็ดร้อย ทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย เป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมลักเล็กขโมยน้อย รวมไปถึงการเมายาบ้าอาละวาด สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ในบทบาทฝ่ายปกครองเองมี 3 ส่วน มาตรการในการป้องกัน มาตรการในการปราบปราบ และมาตรการในการบำบัด ซึ่งฝ่ายปกครองเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับพื้นที่ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นมือเป็นไม้ในพื้นที่มีโอกาสได้ส่งข้อมูลต่างๆให้กับหน่วยงานมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญในส่วนมาตรการป้องกันที่ได้ดำเนินการคือการป้องกันระดับกลุ่มเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน เยาวชน ให้มีโอกาสห่างใกลจากยาเสพติด

ด้าน น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข. กล่าวเพิ่มเติมว่า นรข.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานบูรณาการร่วมกันในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ในการแก้ปัญหาอีกส่วนหนึ่งจะนำกำลังพลหน่วย นรข.พบปะประชาชน เยาวชน มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจปัญหายาเสพติด และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบคือครอบครัว โดยจะกลับไปให้ข้อมูลที่ดีกับประชาชนให้ความร่วมมือลดละเลิกยาเสพติด
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล //บึงกาฬ 0645960906

จังหวัดบึงกาฬก้าวสู่ยุคดิจิทัล เสริมระบบป้องกันภัยพิบัติด้วยเทคโนโลยี AI (CCTV-based)
.
วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2567 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมสิรินธรวัลลี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดระบบป้องกันและจัดการภัยพิบัติโดยใช้ระบบเทคโนโลยี CCTV-based (AI) ระหว่าง จังหวัดบึงกาฬ บริษัท ลาว พีเพิล จำกัด และบริษัท เอเดน แลป จำกัด

CCTV-based (AI) หรือระบบกล้องวงจรปิดที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายด้าน รวมถึงการจัดการภัยพิบัติ โดยระบบนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ประโยชน์ของการใช้ระบบ CCTV-based (AI) ในการจัดการภัยพิบัติ การตรวจจับภัยพิบัติล่วงหน้า ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น พายุ ฝนตกหนัก หรือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ

ระบบ CCTV-based (AI) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือในการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ โดยสามารถตรวจจับภัยพิบัติได้ล่วงหน้า ประเมินความเสียหาย ติดตามสถานการณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดบึงกาฬในการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน และเป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯลพบุรี จัดกิจกรรม คล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ร.9

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 11 ตุลาคม 2567 เวลา 09.0 น. ที่ อ่างเก็บน้ำห้วยซับเหล็ก อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคม 2567 โดยมี นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนภาคจิตอาสา ทหารจิตอาสา ตลอดจนผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ กว่า 400 คนได้

ร่วมกันปลูกต้นไม้และปรับภูมิทัศน์ ตัดแต่งกิ่งไม้ ทำควสมสะอาดพื้นที่โดยรอบ บริเวณอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระราชทานโครงการ จิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่ามีความสมัครสมานสามัคคี ประกอบกิจสาธารณะโดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน

ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระองค์ทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรมเสมอมา ตลอดระยะเวลาของการครองราชย์ ได้ทรงอุทิศพระองค์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ

โครงการในพระราชดำริน้อยใหญ่ จำนวน 4,741 โครงการ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ ทั้งได้พระราชทาน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแนวทางให้อาณาประชาราษฎร์ ได้ดำเนินชีวิต โดยใช้ความรู้และสติปัญญา เป็นภูมิคุ้มกันอีกทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์ แก่ประชาชนของประเทศ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ปวงชนชาวไทย จะเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ตลอดกาล

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / SSI สนับสนุนเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน / วิ่งฅนเหล็ก 2024 ช่วยเหลือสังคม กว่า 40 ล้าน

แชร์เนื้อหานี้

อบก.มอบโล่องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก
นายมนินทร์ อินทร์พรหม (ขวาสุด) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการผลิต บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) รับโล่ประกาศเกียรติคุณ “องค์กรผู้นำด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก” ประจำปี 2567 (Climate Action Leading Organization : CALO) ระดับยอดเยี่ยม สาขาสินค้าอุตสาหกรรมจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรภาคเอกชนในไทยที่เดินสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้ ทั้งนี้ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ “องค์กรผู้นำด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก” (Climate Action Leading Organization : CALO) แสดงเจตนารมณ์ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับองค์กร โดยมีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์และเป้าหมายของความตกลงปารีส อีกทั้งได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรและมาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือมาตรฐานสากลที่เทียบเท่า รวมถึงได้ร่วมขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรภาคส่วนต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแถลงผลสำเร็จการดำเนินงาน ประจำปี 2567 โดยประธานเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย รวมถึงแนะนำ “แนวทางการรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” (Net Zero GHG Emissions) และเปิดตัวเกณฑ์ใหม่ “การรับรององค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก” (Climate Action Leading Organization: CALO) อีกด้วย
ปัจจุบัน เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทยมีสมาชิกเครือข่ายประเภท “องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก” แล้วทั้งสิ้น 125 องค์กร (ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2567)

////////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

ประจวบคีรีขันธ์ _ วิ่งฅนเหล็ก 2024 ระดมได้กว่า 3.3 ล้าน มอบช่วยเหลือสังคมสะสมแล้วกว่า 40 ล้าน วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 7 พันธมิตรกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ประกอบด้วย บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ (SSI) บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (TCRSS) บริษัท เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด (NS BlueScope) บริษัท เอ็นเอส-สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด (NS-SUS) บริษัท เจเอฟอี สตีล กัลวาไนซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (JSGT) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (G Steel) และบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS)

มอบรายได้จากการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล ฅนเหล็กมินิมาราธอน 2024 (ครั้งที่ 16) จำนวน 3.3 ล้านบาทให้แก่องค์กรที่ช่วยเหลือดูแลผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิต ความสามารถของผู้ด้อยโอกาสให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างแข่งแกร่ง ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 1,400 คน ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา จากการดำเนินกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล ฅนเหล็กมินิมาราธอนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 รวมจำนวน 16 ครั้ง สามารถนำรายได้จากการจัดงานช่วยเหลือองค์กรการกุศลที่ดูแลผู้ด้อยโอกาสแล้ว 40.5 ล้านบาท

/////////////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / คอฟ (RECOFTC) และองค์กรภาคีเครือข่าย ปลุกพลังป่าชุมชน สร้าง “นักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง” เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและรับมือสภาวะโลกรวน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 ต.ค. 67 น.ส.วรางคณา รัตนรัตน์ ผอ.รีคอฟ แห่งประเทศไทย (RECOFTC) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มุ่งสร้างอนาคตที่คนและป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน จับมือเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง สมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย และองค์กรภาคีเครือข่าย อื่นๆ สร้าง “กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง” (Citizens’ Forest Master หรือ CF Master) โดยมี น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะกรรมาธิการด้านการเกษตรและสหกรณ์ฯ วุฒิสภา นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานสภาป่าไม้ภาคพลเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

นับเป็นก้าวแรกในการยกระดับความสามารถของชุมชนด้านการสำรวจทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพในป่าของตนเองอย่างมีระบบ และนำข้อมูลมาทำแผนการจัดการป่าที่ตอบโจทย์การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญวิกฤตการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับวิกฤตโลกรวนอย่างไม่อาจแยกออกจากกัน สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล ทรัพยากรพืชและสัตว์ต่างๆ มีปริมาณลดลงไปมากหรือถึงขั้นเสี่ยงสูญพันธุ์ ส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้างโดยเฉพาะชุมชนที่วิถีชีวิตผูกติดกับป่า ไม่ว่าจะเป็นในฐานะแหล่งอาหาร แหล่งน้ำ และแหล่งรายได้

ป่าเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญที่สุด แต่แม้ภาคป่าไม้ของไทยจะตื่นตัวในการรับมือวิกฤตระดับโลกเหล่านี้ เช่น มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของประเทศพร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์ มีการพัฒนาแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งบูรณาการความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อปกป้องความหลากหลายทาง ชีวภาพ แต่ชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับป่ากลับยังมีบทบาทจำกัดในการดูแลจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ ทั้งที่ป่าที่ชุมชนร่วมจัดการและใช้ประโยชน์เหล่านี้ล้วนทำหน้าที่เป็นเขตกันชนให้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์และถือเป็นด่านหน้าในการปกป้องถิ่นที่อยู่ของพืชและสัตว์หลากชนิด

และถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จะกำหนดให้ป่าชุมชนทำแผนการจัดการป่าชุมชนเพื่อประกอบการจดทะเบียนป่าชุมชน รวมถึงต้องต่ออายุการขึ้นทะเบียนโดยปรับปรุงแผนการจัดการป่าชุมชนทุก 5 ปีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ชุมชนยังพบความท้าทายในการออกแบบแผนตามบริบทและการนำไปปฏิบัติจริง ตามระเบียบการทำแผนมีการกำหนดให้ชุมชนจัดทำข้อมูลป่าโดยระบุชนิดของพืชและสัตว์ที่พบ ซึ่งป่าชุมชนจำนวนมากยังขาดความรู้และทักษะในการเก็บข้อมูลทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เช่น การจำแนกชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ที่พบเป็นกลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มทรัพยากรที่มี ค่าหรือหายาก การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณของทรัพยากรในป่า นอกจากนี้ ชุมชนยังต้องมีทักษะในการประเมินสถานภาพของป่าและทรัพยากรที่มี รวมถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพยากร และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อป่า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญสู่การทำแผนการจัดการป่าชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละป่า

รีคอฟและองค์กรภาคีเครือข่ายเล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาคนในป่าชุมชนเหล่านี้ให้เป็นผู้นำที่สามารถพาสมาชิกคนอื่นในชุมชนมาร่วมเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างแผนการจัดการป่าที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ของชุมชนอย่างยั่งยืน จึงได้ริเริ่มกระบวนการ พัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง เพื่อให้ความรู้ ทักษะ และเครื่องมือที่จำเป็นกับชุมชนสำหรับภารกิจดังกล่าว

กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองนั้นมุ่งเน้นที่การทำจริงและส่งเสริมการทำงานอย่างมีส่วนร่วมโดยชุมชนเป็นฐาน รีคอฟและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก เริ่มจากการเก็บข้อมูลเศรษฐกิจสังคมของชุมชนเพื่อให้เข้าใจบริบทความต้องการในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพของชุมชน ต่อด้วยการเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อให้ชุมชนมีข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรในป่าและทราบสถานภาพของป่าและทรัพยากรเหล่านี้ และขั้นตอนสุดท้ายคือการทำแผนการจัดการป่าอย่างมีส่วนร่วมทั้งชุมชน โดยอาศัยข้อมูลเกี่ยวทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรของชุมชนมาออกแบบแผนการจัดการป่าที่นำไปใช้ได้จริง

กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองนี้เริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 และเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ประสบความสำเร็จในการสร้างนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองรุ่นแรก 53 รายจากป่านำร่อง 28 แห่งใน 10 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงป่าชุมชนบ้านม้าร้อง ป่าชายเลนบ้านฝ่ายท่า และป่าพรุบ้านแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดเวทีสมัชชาป่าไม้ภาคพลเมือง เพื่อนำเสนอกระบวนการและความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองเมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2567

การขยายผลความสำเร็จจาก 28 ป่านำร่องสู่ป่าชุมชนกว่า 12,000 แห่งและป่าอื่นๆ ที่มีชุมชนร่วมบริหารจัดการทั่วประเทศเป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่วิกฤตสิ่งแวดล้อมกำลังทวีความรุนแรง รีคอฟและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย จึงร่วมกันพัฒนาคู่มือการจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชน ซึ่งรวมถึงแบบฟอร์มสำหรับการเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดทำแผนตามกรอบแนวทางของกรมป่าไม้ ภายใต้ความมุ่งหวังว่าคู่มือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ง่าย

สำหรับการใช้งานของชุมชน และเป็นแนวทางการทำงานที่ได้รับการยอมรับทั้งจากชุมชนและภาคส่วนต่างๆ สามารถนำไปเรียนรู้และทำงานร่วมกันต่อไป โดยได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์กรภาคประชาสังคม มาเข้าร่วมหารือแลกเปลี่ยนบทเรียนจากกระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง พร้อมให้ความเห็นสำหรับพัฒนาเครื่องมือและต่อยอดความสำเร็จในวงกว้างขึ้นต่อไป เพื่อยกระดับบทบาทและศักยภาพของชุมชนในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคู่กับการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและสามารถตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชนไทยและเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง โครงการเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชนไทย ได้รับทุนสนับสนุนจาก Darwin Initiative โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมืองและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย ในฐานะองค์กรภาคีเครือข่าย ป่าไม้ภาคพลเมือง ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย โดย HAND Social Enterprise


////////////////////////////////////////
สกุ๊ปพิเศษโดย… ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.38 รพ.น่าน จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ปล่อยพันธุ์ปลา วันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2567

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. พล.ต.วรเทพ บุญญะ ผบ.มทบ.38/ผอ.ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.38 พร้อมประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา มทบ.38, คณะผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ ให้การต้อนรับ พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาและภริยา, นพ.วสันต์ แก้ววี ผอ.รพ.น่าน

ร่วมกับชุมชนรอบค่ายสุริยพงษ์ จิตอาสา904 จิตอาสาพระราชทานทุกภาคส่วน และประชาชนจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาและกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลา เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2567

โดยมี ผบ.มทบ.38 เป็นประธานในกิจกรรมการปล่อยพันธุ์ปลานิลจิตรลดา จำนวน 8,900 ตัว ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิชัยพัฒนา ลงสู่แม่น้ำน่าน เพื่อสร้างแหล่งอาหาร ร่วมอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ และปรับปรุงภูมิทัศน์ ทำความสะอาด ถนนหน้าค่ายสุริยพงษ์ และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่าน ,ลานจอดรถ รพ.น่าน ,ลานออกกำลังกายชุมชน

บริเวณพระอนุสาวรีย์พระเจ้าสุริยพงษ์ฯ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ผู้ร่วมกิจกรรมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเสริมสร้างจิตสาธารณะในการช่วยเหลือสังคม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสภาพแวดล้อมสถานที่สาธารณประโยชน์ให้สะอาดสวยงามต่อไป

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ร.อ.ธนกฤต นันทชัยศรี รายง

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/รพ.กรุงเทพพัทยา จัดเสวนารับวันมะเร็งเต้านมสากล/มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย/จะจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์/เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 ต.ค.67 ที่บริเวณ Lobby อาคาร E โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จ.ชลบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ได้จัดเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการดูแลเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล (World Breast Cancer Day) “มะเร็งเต้านม” ภัยเงียบอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก ป้องกันได้ด้วยการหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเอง และพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมอย่างน้อยปีละครั้ง โดยมี คุณภารดี อาจสมิติ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล รพ.กรุงเทพพัทยา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

หลังจากนั้นมีการเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม โดย นายแพทย์ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล ศัลยแพทย์เต้านม ศูนย์เต้านม และแพทย์หญิงสิริจัยกรณ์ ศิววงศ์ศรี อายุรแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด รพ.กรุงเทพพัทยา มาร่วมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม พร้อมตอบคำถามข้อสงสัยจากผู้เข้าร่วมฟังเสวนา

นอกจากนี้ มีการออกบูทเรียนรู้วิธีประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งจากผู้เชี่ยวชาญ และตรวจเต้านมฟรี จำนวน 100 ท่าน โดยพยาบาลวิชาชีพ ตลอดเดือนตุลาคมนี้ และยังมีกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย อาทิ กิจกรรมส่งข้อความให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็งเต้านมผ่าน Interactive Booth เกมหมุนวงล้อเสี่ยงโชคและกิจกรรมสนุก ๆ พร้อมลุ้นรับส่วนลดสุดพิเศษ รับกล่องของขวัญ คูปองส่วนลด และโปรโมชั่นสุดพิเศษ

ทั้งนี้ ศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความห่วงใยสตรีไทยที่ต้องตกเป็นเหยื่อโรคมะเร็งเต้านม เพราะเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในหญิงไทยและทั่วโลก ในประเทศไทยมีอุบัติการณ์เกิดในผู้ป่วยใหม่ ปีละประมาณ 12% โดยในปี 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 17,742 คน หรือวันละ 49 คน และพบการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมหรือการแพร่กระจายของโรคค่อนข้างสูงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ทำให้ผู้ป่วยหลายรายหมดกำลังใจในการรักษา อย่างไรก็ตาม มะเร็งเต้านม หากตรวจพบเร็ว เข้ารับการรักษาเร็ว และดูแลตนเองอย่างถูกวิธี จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักได้อีกนาน จึงขอเชิญให้มาร่วมตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันการเกิดโรคในอนาคต

โดยศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความพร้อมในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพเต้านมรอบด้าน ด้วยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเต้านมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเบื้องต้น การเจาะดูดชิ้นเนื้อในเต้านมระบบสุญญากาศ (VABB: Vacuum Assisted Breast Biopsy) เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาในคราวเดียว โดยไม่ต้องผ่าตัดขนาดแผลเล็กเท่ารูเข็ม การตรวจยีนพันธุกรรม (BRCA) เพื่อค้นหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และการรักษาโรคมะเร็งเต้านมโดยอายุรแพทย์โรคมะเร็ง รวมถึงการศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างเต้านมขึ้นใหม่หลังจากผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านม เพราะเรื่องมะเร็งเต้านม หากรู้เร็ว รักษาไว ก็สามารถหายขาดได้

มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย พบนายกเมืองพัทยา หารือจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์

บ่ายวันที่ 10 ต.ค.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย โดยมีนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายเอกประภู เอกะสิงห์ ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย นำโดยนางรัชฎา ชมจินดา ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ เข้าร่วมในการประชุม ณ ห้องประชุม 131 ศาลาว่าการเมืองพัทยา

ทั้งนี้ มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนในเมืองพัทยามายาวนานกว่า 15 ปี โดยได้ดำเนินโครงการ 2 โครงการ คือ 1. สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก บ้านเอื้ออารี เพื่อให้การช่วยเหลือ คุ้มครองเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว และเด็กที่ถูกแสวงหาประโยชน์โดยไม่เป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น แสวงหาประโยชน์ทางเพศ แสวงหาประโยชน์ในรูปแบบการค้ามนุษย์ และ 2. ศูนย์พักพิงเด็ก/ศูนย์การเรียนรู้อาเซียน ซึ่งเป็นศูนย์แรกรับเพื่อให้การช่วยเหลือเด็กในกรณีฉุกเฉิน เพื่อพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือโดยทีมสหวิชาชีพ และศูนย์การเรียนรู้อาเซียน เป็นศูนย์ขยายโอกาสทางการศึกษา

ให้บุตรหลานแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา นอกจากนี้มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทยยังดำเนินงานโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการรถโมบายเคลื่อนที่ เพื่อส่งเสริมความรู้เรื่องสิทธิเด็กและการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ, โครงการทุนการศึกษาสู่ความสำเร็จ HGM Education Fund สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และโครงการทุนช่วยเหลือครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวสามารถดูแลเด็กเองได้โดยไม่ต้องส่งเข้าสถานสงเคราะห์ โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ มีเด็กๆ อยู่ในความอุปการะกว่า 300 คน ในการนี้คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ จึงมีความประสงค์หารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานของมูลนิธิฯ เพื่อสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในเขตพื้นที่เมืองพัทยา อาทิ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศล, งานกาล่าดินเนอร์เพื่อการกุศล, กิจกรรมวิ่งการกุศลโลมารัน, กิจกรรมโชว์รถคลาสสิคเพื่อการกุศล เป็นต้น

ด้าน นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ด้วยบริบทเมืองพัทยาเป็นหน่วยงานราชการ ทำให้ไม่สามารถให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมที่มีการจำหน่ายบัตรเพื่อหารายได้ แต่เมืองพัทยายินดีที่จะเป็นเจ้าภาพร่วม โดยให้การสนับสนุนในส่วนที่ไม่ขัดต่อระเบียบราชการ เช่น อนุญาตให้ใช้โลโก้เมืองพัทยาในการจัดงาน, การประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ, การประสานสื่อมวลชนร่วมทำข่าว สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ทำให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของทั้งทางมูลนิธิ และเมืองพัทยา ถือเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาจะรับเรื่องไว้พิจารณาแนวทางสนับสนุนงบประมาณตามอำนาจหน้าที่ที่สามารถทำได้ภายใต้บริบทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และยินดีให้คำแนะนำแนวทาง หรือการประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เป็นไปด้วยดี และสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่เมืองพัทยาต่อไป

เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

วันที่ 10 ต.ค.67 นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายศักดิ์ไชย เจริญอยู่คงรอด และ ดร.พิทยา ภิรมย์อ้น ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ในชุดคณะอนุกรรมการดังกล่าว เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยในที่ประชุมได้มีการรายงานงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพเมืองพัทยา ในส่วนค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ประจำปี พ.ศ.2567 และแนวทางบริหารจัดการค่าบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามมติบอร์ด สปสช. ซึ่งมีการอนุมัติเพิ่มงบประมาณค่าบริการจากเดิมเหมาจ่ายการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ จากจำนวน 6,000 บาท ต่อคนต่อปี เพิ่มเติมเป็นจำนวน 10,442 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในการดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ ทำให้หน่วยบริการสามารถจัดบริการได้ดีขึ้น สามารถจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วย และเพิ่มแรงจูงใจในการดำเนินงานของบุคลากรและอาสาสมัครได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีการรายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2567 และการพิจารณาอนุมัติโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2568 ซึ่งพบว่าการดำเนินงานในปีที่ผ่านมามีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และอาสาสมัครที่มาทำหน้าที่นี้ รวมทั้งเวลาไปเยี่ยมแต่ละครั้งจะไม่มีญาติอยู่ด้วย เนื่องจากญาติไปทำงาน ทำให้เวลาสอบถามหรือให้คำแนะนำต่างๆ ญาติจะไม่ได้ฟังด้วย และการพัฒนาความรู้สำหรับอาสาสมัครฯ

ด้านนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา ได้กล่าวให้นโยบายในการดำเนินงานการจัดการระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ว่าการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคณะผู้บริหารเมืองพัทยาให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มทุกเพศวัยมาโดยตลอด จึงอยากให้คณะอนุกรรมการฯ หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงฯ และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อเป็นตัวอย่างและสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนที่มารับบริการหันมาใส่ใจการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มากขึ้น รวมทั้งจัดอบรมพัฒนาทักษะแก่อาสาสมัครฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่มีศักยภาพ มีความต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนชาวพัทยามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียมต่อไป