เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / SSI สนับสนุนเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน / วิ่งฅนเหล็ก 2024 ช่วยเหลือสังคม กว่า 40 ล้าน

แชร์เนื้อหานี้

อบก.มอบโล่องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก
นายมนินทร์ อินทร์พรหม (ขวาสุด) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการผลิต บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) รับโล่ประกาศเกียรติคุณ “องค์กรผู้นำด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก” ประจำปี 2567 (Climate Action Leading Organization : CALO) ระดับยอดเยี่ยม สาขาสินค้าอุตสาหกรรมจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรภาคเอกชนในไทยที่เดินสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้ ทั้งนี้ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ “องค์กรผู้นำด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก” (Climate Action Leading Organization : CALO) แสดงเจตนารมณ์ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับองค์กร โดยมีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน สอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์และเป้าหมายของความตกลงปารีส อีกทั้งได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรและมาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือมาตรฐานสากลที่เทียบเท่า รวมถึงได้ร่วมขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรภาคส่วนต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแถลงผลสำเร็จการดำเนินงาน ประจำปี 2567 โดยประธานเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย รวมถึงแนะนำ “แนวทางการรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” (Net Zero GHG Emissions) และเปิดตัวเกณฑ์ใหม่ “การรับรององค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก” (Climate Action Leading Organization: CALO) อีกด้วย
ปัจจุบัน เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทยมีสมาชิกเครือข่ายประเภท “องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก” แล้วทั้งสิ้น 125 องค์กร (ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2567)

////////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

ประจวบคีรีขันธ์ _ วิ่งฅนเหล็ก 2024 ระดมได้กว่า 3.3 ล้าน มอบช่วยเหลือสังคมสะสมแล้วกว่า 40 ล้าน วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 7 พันธมิตรกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ประกอบด้วย บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ (SSI) บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (TCRSS) บริษัท เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด (NS BlueScope) บริษัท เอ็นเอส-สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด (NS-SUS) บริษัท เจเอฟอี สตีล กัลวาไนซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (JSGT) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (G Steel) และบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS)

มอบรายได้จากการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล ฅนเหล็กมินิมาราธอน 2024 (ครั้งที่ 16) จำนวน 3.3 ล้านบาทให้แก่องค์กรที่ช่วยเหลือดูแลผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานช่วยเหลือ และยกระดับคุณภาพชีวิต ความสามารถของผู้ด้อยโอกาสให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างแข่งแกร่ง ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 1,400 คน ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา จากการดำเนินกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศล ฅนเหล็กมินิมาราธอนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 รวมจำนวน 16 ครั้ง สามารถนำรายได้จากการจัดงานช่วยเหลือองค์กรการกุศลที่ดูแลผู้ด้อยโอกาสแล้ว 40.5 ล้านบาท

/////////////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / คอฟ (RECOFTC) และองค์กรภาคีเครือข่าย ปลุกพลังป่าชุมชน สร้าง “นักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง” เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและรับมือสภาวะโลกรวน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 ต.ค. 67 น.ส.วรางคณา รัตนรัตน์ ผอ.รีคอฟ แห่งประเทศไทย (RECOFTC) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มุ่งสร้างอนาคตที่คนและป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน จับมือเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง สมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย และองค์กรภาคีเครือข่าย อื่นๆ สร้าง “กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง” (Citizens’ Forest Master หรือ CF Master) โดยมี น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะกรรมาธิการด้านการเกษตรและสหกรณ์ฯ วุฒิสภา นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานสภาป่าไม้ภาคพลเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

นับเป็นก้าวแรกในการยกระดับความสามารถของชุมชนด้านการสำรวจทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพในป่าของตนเองอย่างมีระบบ และนำข้อมูลมาทำแผนการจัดการป่าที่ตอบโจทย์การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญวิกฤตการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับวิกฤตโลกรวนอย่างไม่อาจแยกออกจากกัน สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล ทรัพยากรพืชและสัตว์ต่างๆ มีปริมาณลดลงไปมากหรือถึงขั้นเสี่ยงสูญพันธุ์ ส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้างโดยเฉพาะชุมชนที่วิถีชีวิตผูกติดกับป่า ไม่ว่าจะเป็นในฐานะแหล่งอาหาร แหล่งน้ำ และแหล่งรายได้

ป่าเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญที่สุด แต่แม้ภาคป่าไม้ของไทยจะตื่นตัวในการรับมือวิกฤตระดับโลกเหล่านี้ เช่น มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของประเทศพร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์ มีการพัฒนาแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งบูรณาการความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อปกป้องความหลากหลายทาง ชีวภาพ แต่ชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับป่ากลับยังมีบทบาทจำกัดในการดูแลจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ ทั้งที่ป่าที่ชุมชนร่วมจัดการและใช้ประโยชน์เหล่านี้ล้วนทำหน้าที่เป็นเขตกันชนให้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์และถือเป็นด่านหน้าในการปกป้องถิ่นที่อยู่ของพืชและสัตว์หลากชนิด

และถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จะกำหนดให้ป่าชุมชนทำแผนการจัดการป่าชุมชนเพื่อประกอบการจดทะเบียนป่าชุมชน รวมถึงต้องต่ออายุการขึ้นทะเบียนโดยปรับปรุงแผนการจัดการป่าชุมชนทุก 5 ปีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ชุมชนยังพบความท้าทายในการออกแบบแผนตามบริบทและการนำไปปฏิบัติจริง ตามระเบียบการทำแผนมีการกำหนดให้ชุมชนจัดทำข้อมูลป่าโดยระบุชนิดของพืชและสัตว์ที่พบ ซึ่งป่าชุมชนจำนวนมากยังขาดความรู้และทักษะในการเก็บข้อมูลทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เช่น การจำแนกชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ที่พบเป็นกลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มทรัพยากรที่มี ค่าหรือหายาก การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณของทรัพยากรในป่า นอกจากนี้ ชุมชนยังต้องมีทักษะในการประเมินสถานภาพของป่าและทรัพยากรที่มี รวมถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพยากร และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อป่า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญสู่การทำแผนการจัดการป่าชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละป่า

รีคอฟและองค์กรภาคีเครือข่ายเล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาคนในป่าชุมชนเหล่านี้ให้เป็นผู้นำที่สามารถพาสมาชิกคนอื่นในชุมชนมาร่วมเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างแผนการจัดการป่าที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ของชุมชนอย่างยั่งยืน จึงได้ริเริ่มกระบวนการ พัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง เพื่อให้ความรู้ ทักษะ และเครื่องมือที่จำเป็นกับชุมชนสำหรับภารกิจดังกล่าว

กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองนั้นมุ่งเน้นที่การทำจริงและส่งเสริมการทำงานอย่างมีส่วนร่วมโดยชุมชนเป็นฐาน รีคอฟและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก เริ่มจากการเก็บข้อมูลเศรษฐกิจสังคมของชุมชนเพื่อให้เข้าใจบริบทความต้องการในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพของชุมชน ต่อด้วยการเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อให้ชุมชนมีข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรในป่าและทราบสถานภาพของป่าและทรัพยากรเหล่านี้ และขั้นตอนสุดท้ายคือการทำแผนการจัดการป่าอย่างมีส่วนร่วมทั้งชุมชน โดยอาศัยข้อมูลเกี่ยวทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรของชุมชนมาออกแบบแผนการจัดการป่าที่นำไปใช้ได้จริง

กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองนี้เริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 และเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ประสบความสำเร็จในการสร้างนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองรุ่นแรก 53 รายจากป่านำร่อง 28 แห่งใน 10 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงป่าชุมชนบ้านม้าร้อง ป่าชายเลนบ้านฝ่ายท่า และป่าพรุบ้านแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดเวทีสมัชชาป่าไม้ภาคพลเมือง เพื่อนำเสนอกระบวนการและความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองเมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2567

การขยายผลความสำเร็จจาก 28 ป่านำร่องสู่ป่าชุมชนกว่า 12,000 แห่งและป่าอื่นๆ ที่มีชุมชนร่วมบริหารจัดการทั่วประเทศเป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่วิกฤตสิ่งแวดล้อมกำลังทวีความรุนแรง รีคอฟและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย จึงร่วมกันพัฒนาคู่มือการจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชน ซึ่งรวมถึงแบบฟอร์มสำหรับการเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดทำแผนตามกรอบแนวทางของกรมป่าไม้ ภายใต้ความมุ่งหวังว่าคู่มือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ง่าย

สำหรับการใช้งานของชุมชน และเป็นแนวทางการทำงานที่ได้รับการยอมรับทั้งจากชุมชนและภาคส่วนต่างๆ สามารถนำไปเรียนรู้และทำงานร่วมกันต่อไป โดยได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์กรภาคประชาสังคม มาเข้าร่วมหารือแลกเปลี่ยนบทเรียนจากกระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง พร้อมให้ความเห็นสำหรับพัฒนาเครื่องมือและต่อยอดความสำเร็จในวงกว้างขึ้นต่อไป เพื่อยกระดับบทบาทและศักยภาพของชุมชนในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคู่กับการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและสามารถตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชนไทยและเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง โครงการเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชนไทย ได้รับทุนสนับสนุนจาก Darwin Initiative โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมืองและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย ในฐานะองค์กรภาคีเครือข่าย ป่าไม้ภาคพลเมือง ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย โดย HAND Social Enterprise


////////////////////////////////////////
สกุ๊ปพิเศษโดย… ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.38 รพ.น่าน จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ปล่อยพันธุ์ปลา วันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2567

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. พล.ต.วรเทพ บุญญะ ผบ.มทบ.38/ผอ.ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.38 พร้อมประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา มทบ.38, คณะผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ ให้การต้อนรับ พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาและภริยา, นพ.วสันต์ แก้ววี ผอ.รพ.น่าน

ร่วมกับชุมชนรอบค่ายสุริยพงษ์ จิตอาสา904 จิตอาสาพระราชทานทุกภาคส่วน และประชาชนจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาและกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลา เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2567

โดยมี ผบ.มทบ.38 เป็นประธานในกิจกรรมการปล่อยพันธุ์ปลานิลจิตรลดา จำนวน 8,900 ตัว ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิชัยพัฒนา ลงสู่แม่น้ำน่าน เพื่อสร้างแหล่งอาหาร ร่วมอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ และปรับปรุงภูมิทัศน์ ทำความสะอาด ถนนหน้าค่ายสุริยพงษ์ และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่าน ,ลานจอดรถ รพ.น่าน ,ลานออกกำลังกายชุมชน

บริเวณพระอนุสาวรีย์พระเจ้าสุริยพงษ์ฯ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ผู้ร่วมกิจกรรมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเสริมสร้างจิตสาธารณะในการช่วยเหลือสังคม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสภาพแวดล้อมสถานที่สาธารณประโยชน์ให้สะอาดสวยงามต่อไป

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ร.อ.ธนกฤต นันทชัยศรี รายง

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/รพ.กรุงเทพพัทยา จัดเสวนารับวันมะเร็งเต้านมสากล/มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย/จะจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์/เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 ต.ค.67 ที่บริเวณ Lobby อาคาร E โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จ.ชลบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ได้จัดเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการดูแลเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล (World Breast Cancer Day) “มะเร็งเต้านม” ภัยเงียบอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก ป้องกันได้ด้วยการหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเอง และพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมอย่างน้อยปีละครั้ง โดยมี คุณภารดี อาจสมิติ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล รพ.กรุงเทพพัทยา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

หลังจากนั้นมีการเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม โดย นายแพทย์ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล ศัลยแพทย์เต้านม ศูนย์เต้านม และแพทย์หญิงสิริจัยกรณ์ ศิววงศ์ศรี อายุรแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด รพ.กรุงเทพพัทยา มาร่วมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม พร้อมตอบคำถามข้อสงสัยจากผู้เข้าร่วมฟังเสวนา

นอกจากนี้ มีการออกบูทเรียนรู้วิธีประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งจากผู้เชี่ยวชาญ และตรวจเต้านมฟรี จำนวน 100 ท่าน โดยพยาบาลวิชาชีพ ตลอดเดือนตุลาคมนี้ และยังมีกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย อาทิ กิจกรรมส่งข้อความให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็งเต้านมผ่าน Interactive Booth เกมหมุนวงล้อเสี่ยงโชคและกิจกรรมสนุก ๆ พร้อมลุ้นรับส่วนลดสุดพิเศษ รับกล่องของขวัญ คูปองส่วนลด และโปรโมชั่นสุดพิเศษ

ทั้งนี้ ศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความห่วงใยสตรีไทยที่ต้องตกเป็นเหยื่อโรคมะเร็งเต้านม เพราะเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในหญิงไทยและทั่วโลก ในประเทศไทยมีอุบัติการณ์เกิดในผู้ป่วยใหม่ ปีละประมาณ 12% โดยในปี 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 17,742 คน หรือวันละ 49 คน และพบการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมหรือการแพร่กระจายของโรคค่อนข้างสูงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ทำให้ผู้ป่วยหลายรายหมดกำลังใจในการรักษา อย่างไรก็ตาม มะเร็งเต้านม หากตรวจพบเร็ว เข้ารับการรักษาเร็ว และดูแลตนเองอย่างถูกวิธี จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักได้อีกนาน จึงขอเชิญให้มาร่วมตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันการเกิดโรคในอนาคต

โดยศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความพร้อมในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพเต้านมรอบด้าน ด้วยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเต้านมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเบื้องต้น การเจาะดูดชิ้นเนื้อในเต้านมระบบสุญญากาศ (VABB: Vacuum Assisted Breast Biopsy) เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาในคราวเดียว โดยไม่ต้องผ่าตัดขนาดแผลเล็กเท่ารูเข็ม การตรวจยีนพันธุกรรม (BRCA) เพื่อค้นหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และการรักษาโรคมะเร็งเต้านมโดยอายุรแพทย์โรคมะเร็ง รวมถึงการศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างเต้านมขึ้นใหม่หลังจากผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านม เพราะเรื่องมะเร็งเต้านม หากรู้เร็ว รักษาไว ก็สามารถหายขาดได้

มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย พบนายกเมืองพัทยา หารือจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์

บ่ายวันที่ 10 ต.ค.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย โดยมีนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายเอกประภู เอกะสิงห์ ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย นำโดยนางรัชฎา ชมจินดา ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ เข้าร่วมในการประชุม ณ ห้องประชุม 131 ศาลาว่าการเมืองพัทยา

ทั้งนี้ มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนในเมืองพัทยามายาวนานกว่า 15 ปี โดยได้ดำเนินโครงการ 2 โครงการ คือ 1. สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก บ้านเอื้ออารี เพื่อให้การช่วยเหลือ คุ้มครองเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว และเด็กที่ถูกแสวงหาประโยชน์โดยไม่เป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น แสวงหาประโยชน์ทางเพศ แสวงหาประโยชน์ในรูปแบบการค้ามนุษย์ และ 2. ศูนย์พักพิงเด็ก/ศูนย์การเรียนรู้อาเซียน ซึ่งเป็นศูนย์แรกรับเพื่อให้การช่วยเหลือเด็กในกรณีฉุกเฉิน เพื่อพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือโดยทีมสหวิชาชีพ และศูนย์การเรียนรู้อาเซียน เป็นศูนย์ขยายโอกาสทางการศึกษา

ให้บุตรหลานแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา นอกจากนี้มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทยยังดำเนินงานโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการรถโมบายเคลื่อนที่ เพื่อส่งเสริมความรู้เรื่องสิทธิเด็กและการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ, โครงการทุนการศึกษาสู่ความสำเร็จ HGM Education Fund สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และโครงการทุนช่วยเหลือครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวสามารถดูแลเด็กเองได้โดยไม่ต้องส่งเข้าสถานสงเคราะห์ โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ มีเด็กๆ อยู่ในความอุปการะกว่า 300 คน ในการนี้คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ จึงมีความประสงค์หารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานของมูลนิธิฯ เพื่อสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในเขตพื้นที่เมืองพัทยา อาทิ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศล, งานกาล่าดินเนอร์เพื่อการกุศล, กิจกรรมวิ่งการกุศลโลมารัน, กิจกรรมโชว์รถคลาสสิคเพื่อการกุศล เป็นต้น

ด้าน นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ด้วยบริบทเมืองพัทยาเป็นหน่วยงานราชการ ทำให้ไม่สามารถให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมที่มีการจำหน่ายบัตรเพื่อหารายได้ แต่เมืองพัทยายินดีที่จะเป็นเจ้าภาพร่วม โดยให้การสนับสนุนในส่วนที่ไม่ขัดต่อระเบียบราชการ เช่น อนุญาตให้ใช้โลโก้เมืองพัทยาในการจัดงาน, การประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ, การประสานสื่อมวลชนร่วมทำข่าว สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ทำให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของทั้งทางมูลนิธิ และเมืองพัทยา ถือเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาจะรับเรื่องไว้พิจารณาแนวทางสนับสนุนงบประมาณตามอำนาจหน้าที่ที่สามารถทำได้ภายใต้บริบทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และยินดีให้คำแนะนำแนวทาง หรือการประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เป็นไปด้วยดี และสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่เมืองพัทยาต่อไป

เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

วันที่ 10 ต.ค.67 นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายศักดิ์ไชย เจริญอยู่คงรอด และ ดร.พิทยา ภิรมย์อ้น ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ในชุดคณะอนุกรรมการดังกล่าว เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยในที่ประชุมได้มีการรายงานงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพเมืองพัทยา ในส่วนค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ประจำปี พ.ศ.2567 และแนวทางบริหารจัดการค่าบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามมติบอร์ด สปสช. ซึ่งมีการอนุมัติเพิ่มงบประมาณค่าบริการจากเดิมเหมาจ่ายการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ จากจำนวน 6,000 บาท ต่อคนต่อปี เพิ่มเติมเป็นจำนวน 10,442 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในการดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ ทำให้หน่วยบริการสามารถจัดบริการได้ดีขึ้น สามารถจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วย และเพิ่มแรงจูงใจในการดำเนินงานของบุคลากรและอาสาสมัครได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีการรายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2567 และการพิจารณาอนุมัติโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2568 ซึ่งพบว่าการดำเนินงานในปีที่ผ่านมามีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และอาสาสมัครที่มาทำหน้าที่นี้ รวมทั้งเวลาไปเยี่ยมแต่ละครั้งจะไม่มีญาติอยู่ด้วย เนื่องจากญาติไปทำงาน ทำให้เวลาสอบถามหรือให้คำแนะนำต่างๆ ญาติจะไม่ได้ฟังด้วย และการพัฒนาความรู้สำหรับอาสาสมัครฯ

ด้านนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา ได้กล่าวให้นโยบายในการดำเนินงานการจัดการระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ว่าการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคณะผู้บริหารเมืองพัทยาให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มทุกเพศวัยมาโดยตลอด จึงอยากให้คณะอนุกรรมการฯ หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงฯ และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อเป็นตัวอย่างและสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนที่มารับบริการหันมาใส่ใจการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มากขึ้น รวมทั้งจัดอบรมพัฒนาทักษะแก่อาสาสมัครฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่มีศักยภาพ มีความต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนชาวพัทยามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียมต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เปิดแล้ว! ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี โชว์รูม-ศูนย์บริหารครบวงจร/พัทยาเดินธูปใหญ่รับเทศกาลกินเจ 2567

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 9 ต.ค.67 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” โชว์รูม-ศูนย์บริหารครบวงจรใหญ่สุดในประเทศไทย เพื่อรองรับเศรษฐกิจขยายตัวในอนาคต โดยมี ประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธานกลุ่มบริษัท ไพรม์มัส กรุ๊ป และกลุ่มบริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง (TOAVH) กรรมการผู้จัดการฯ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี ริมถนนสุขุมวิท-อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี

ด้วยจังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงระดับประเทศ และเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์โดยรวมของจังหวัดชลบุรีที่มีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มียอดจดทะเบียนเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร โดย “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ได้ต่อยอดกลุ่มธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ โดยเปิด “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” พร้อมกำหนด 3 กลยุทธ์ ดูแลลูกค้าภาคตะวันออก เป็นผู้นำตลาดรถ EV


โดยสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภค “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เป็นกลุ่มธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน ควบคู่การรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเลือกเป็นพันธมิตรกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีศักยภาพครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจาก  CHANGAN แบรนด์รถยนต์ชั้นนำ 1 ใน 4 ของจีน และ อีเทอร์นิตี้แอทวัน : Eternity At One บริษัทมืออาชีพด้านการดูแลธุรกิจกลุ่มผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Deepal แต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Deepal อย่างเป็นทางการ 
ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่จังหวัดชลบุรี สำหรับ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท-อ่างศิลา มีพื้นที่รวมทั้งหมด 6,290 ตร.ม. เป็นโชว์รูมและศูนย์บริการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยด้านหน้าเป็นโชว์รูมจัดแสดงรถยนต์ Deepal ทุกรุ่น ทุกแบบ และโซนรับรองลูกค้าที่กว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับบริการทั้งการขายและบริการหลังการขาย ส่วนอาคารด้านหลัง เป็นศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร มีพื้นที่ร่วม 1,000 ตร.ม. รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้มากถึง 500 คัน/เดือน  โดยมีบริการซ่อมแซม การบำรุงรักษา และการดูแลรถยนต์ Deepal ทุกรุ่น ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพในทุกด้าน


พัทยาเดินธูปใหญ่รับเทศกาลกินเจ 2567  

ค่ำวันที่ 8 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยนายวรพต พงษ์พาลี ดร.พิทยา ภิรมย์อ้น ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา และนางจิดาภา สุวัตถาภรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา ร่วมพิธีสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ต่ออายุ (วันไป๊เต๊า) วันเดินธูปใหญ่ ในเทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567 โดยมีนายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง นายวิสิทธิ์ ชวลิตนิติธรรม ประธานมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา นายประสิทธิ์ ทองทิตย์เจริญ ประธานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา คณะกรรมการมูลนิธิฯ และคณะเก็งจู ร่วมในพิธี ณ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา (โรงเจนาเกลือ) ซึ่งมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมใส่ชุดขาวเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
สำหรับพิธีสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ต่ออายุ (วันไป๊เต๊า) วันเดินธูปใหญ่ ในเทศกาลกินเจนั้น ตามความเชื่อของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน เชื่อกันว่าเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ เป็นการสรรเสริญและรับพรจากเทพเจ้า 9 พระองค์ อันเป็นภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ โดยเชื่อว่าเมื่อรับพรจากเทพเจ้าแล้ว จะทำให้จิตใจเบิกบานผ่องแผ้ว มีแต่ความสุข ความเจริญ และเป็นสิริมงคล ซึ่งประชาชนผู้ถือศีลกินเจจะนุ่งขาว ห่มขาวมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี

ทั้งนี้ ด้วยเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย เป็นเมืองพหุวัฒนธรรม ที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ต่างเชื้อชาติ ต่างวัฒนธรรม แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เมืองพัทยาจึงร่วมกับมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานเทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 2-12 ตุลาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยเชื้อสายจีน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับประชาชนในท้องถิ่น และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนละเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ เป็นเวลา 9 วัน ถือเป็นฟื้นฟูสุขภาพและขับสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งการกินผักจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ทำให้สุขภาพแข็งแรงอีกทางหนึ่งด้วย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ธี่หยด 2 ทุบสถิติขึ้น อันดับ1 ภาพยนตร์ไทย ที่มียอดซื้อตั๋ว ล่วงหน้าสูงสุด ทุกโรงวันนี้ ทั่วประเทศแล้ว

แชร์เนื้อหานี้

ใกล้เวลาที่เสียงเพรียกแห่งความหลอน จะสะกดทุกโสตประสาทของคุณแล้ว!!! โดยกระแสตอบรับของภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” แรงเกินคาด ทำให้รอบการซื้อตั๋วล่วงหน้าทุบทุกสถิติอย่างราบคาบด้วยยอดถล่มทลายขึ้นเป็นภาพยนตร์ไทยอันดับหนึ่งตลอดกาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยอดซื้อตั๋วล่วงหน้าในระบบ IMAX ก็เป็นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของภาพยนตร์ไทยในขณะนี้ รวมถึงยอดซื้อตั๋วล่วงหน้าก็ชนะภาพยนตร์ทุกเรื่องของปีนี้อีกด้วย

ช่อง 3 และ M Studio ร่วมกันจัดงานกาล่าพรีเมียร์เปิดตัวภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” อย่างอลังการให้สมการรอคอย ให้ได้ชมกันก่อนจะไปสะพรึงกันแบบเต็ม ๆ ในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 โดยงานนี้จัดขึ้น ณ SURALAI HALL ชั้น 7 ICONSIAM เริ่มเดินพรมดำด้วย โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ คุณแป๊บ ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์, ผู้กำกับภาพยนตร์ คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา ที่มาพร้อมวงออร์เคสตราสุดไพเราะจากวาทยกรระดับโลก ทฤษฎี ณ พัทลุง และความมันถึงใจจากวง เดอะ ดาร์กเกสท์ โรแมนซ์ ในเพลง “ไม่เลือนหาย” ตามมาด้วยทีมนักแสดงนำ ณเดชน์ คูกิมิยะ, เดนิส เจลีลชา คัปปุน, จูเนียร์ กาจบัณฑิต ใจดี, เฟรนด์ พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ, มิ้ม รัตนวดี วงศ์ทอง, นีน่า ณัฐชา เจสสิก้า พาโดวัน, มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, อริศรา วงษ์ชาลี ปลาย ปรเมศร์ น้อยอ่ำ, แฉะ องอาจ เจียมเจริญพรกุล, ท็อป ทศพล หมายสุข, แฟรงค์ ธนัตถ์ศรันย์ ซำทองไหล, สหัสชัย ชุมรุม, มานิตา ชอบชื่น และ แม่ครูจำปา แสนพรม

พร้อมด้วยนักแสดงช่อง 3 ที่มาร่วมงาน อาทิ ญาญ่า อุรัสยา, จีน่า ญีนา, แมท ภีรนีย์, ไมกี้ ปณิธาน, ริว วชิรวิชญ์, มีน นิชคุณ, ฟลุ๊คจ์ พงศภัทร์, ยิหวา ปรียากานต์, จ็อบ ธัชพล, ลีน่า ลลินา, เฟิสท์ เอกพงศ์, มิล ศรุต, แคร์ ฉัตรฑริกา, วิปครีม ดิศริญากรณ์, แคนดี้ สุภาภัสสร์, ลิซ่า อลิซา, เอมี่ อุทานพร, นีญ่า มากีลา และ เจน่า แองเจลิน่า ที่มาร่วมสร้างสีสัน

จากนั้น พิธีกร เรียนเชิญผู้บริหาร คุณเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บมจ.บีอีซี เวิลด์ และ คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio ขึ้นพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” ในครั้งนี้ ตามมาด้วยทีมโปรดิวเซอร์ คุณแป๊บ ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์, ผู้กำกับภาพยนตร์ คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา และทีมโปรดักชั่น พูดคุยถึงความเข้มข้นของการทำงานในภาคนี้ ก่อนจะไปพูดคุยกับทีมนักแสดงนำ ถึงความเดือดที่ครั้งนี้ทุกคนต้องลุกขึ้นมาสู้ผีกันแบบเดือด ๆ

และปิดท้ายด้วยเรียนเชิญ คุณเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio พร้อมด้วย คุณปิ่นกมล มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณสมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ-สำนักผลิตรายการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณนพดล เขมะโยธิน รองกรรมการผู้อำนวยการ-สำนักการเงินและบัญชี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณสุบัณฑิต สุวรรณนพ รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักผังรายการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณภาศรี ทรรพสุทธิ รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักการพานิชย์ บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักกิจการและสื่อสารองค์กร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), ดร.วุธรวี จารุวัฒนะ Vice President บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด มหาชน, คุณวิชัย กุลธวัชชัย
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด


บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน), คุณสุพรรณิการ์ เจียจันทร์พงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด M Studio, คุณปัณณทัต พรหมสุภา ผู้อำนวยการฝ่ายจัดจำหน่าย M Studio และผู้บริหารจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ไทยประกันชีวิต, เซเว่นอัพ, ปูนตราเสือ และ HOBS พันธมิตรผู้สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ ขึ้นเวทีถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก ก่อนไปชมภาพยนตร์ร่วมกัน

เรื่องราว 3 ปีหลังการตายของ ‘แย้ม’ จะทำให้ทุกคืนต้องสะพรึงอย่างไร 10 ตุลาคมนี้ ไปพิสูจน์กันได้ ในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านคุณ พร้อมระบบ IMAX ที่ให้ผู้ชมได้สะพรึงเต็มตา กับการถ่ายทำด้วยสัดส่วนภาพพิเศษ เต็มจอ IMAX ตลอดทั้งเรื่อง และยังมิกซ์เสียงให้ได้หลอนกระหึ่มเต็มหู ในรูปแบบ IMAX ใหม่ล่าสุดแบบ 12-Channel ระบบเสียงรอบทิศทางยิ่งกว่าเดิม ถือเป็นการยกระดับวงการภาพยนตร์ไทยไปอีกขั้น กับ ธี่หยด 2 หนังไทยเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่จัดเต็มครบอรรถรส ทั้งภาพและเสียง บนจอยักษ์ IMAX สัมผัสประสบการณ์หลอนกว่าที่เคย!

Link YouTube ตัวอย่างภาพยนตร์ ธี่หยด 2 :
https://youtu.be/ZCEuUcE9oZw?si=7AZWr0n3yZ3txoQQ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์-ผวจ.ลพบุรี นำคณะเยี่ยมนักเรียนทุนการศึกษา มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์รายใหม่ จำนวน 2 ราย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 น. นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นางสุวจี ศิริปัญโญ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี และคณะกรรมการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัด สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมนักเรียนทุนการศึกษามูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์
โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามประเมินผลเกี่ยวกับการศึกษา สภาพครอบครัว ความเป็นอยู่ ความประพฤติ ปัญหาอุปสรรค พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำ มอบทุนการศึกษา และเป็นกำลังใจแก่เยาวชนผู้ได้รับทุนมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประจำปีการศึกษา 2567 ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอเมืองลพบุรี จำนวน 2 ราย

ในการนี้เมื่อครั้ง พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบความช่วยเหลือพระราชทานในโครงการสืบสานพระราชปณิธาน แก่ราษฎรจังหวัดลพบุรี ได้มอบทุนการศึกษามูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ ให้กับจังหวัดลพบุรี 2 ราย ให้แก่ นางสาวขวัญฤดี กระเป๋าทอง บ้านเลขที่ 51/1 ม.4 ตำบลบ้านชี อำเภอบ้านหมี่ และเด็กหญิงเทียนฉาย เชาว์วันดี บ้านเลขที่ 37/4 ม.14 ตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี โดยจังหวัดลพบุรี มีนักเรียนทุนการศึกษามูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ รวมทั้งสิ้น 35 ราย

ซึ่งจากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีและนายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี ได้ให้โอวาทแก่เยาวชนที่ได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ ทุกคน เป็นเด็กดี เป็นเยาวชนที่ดี มีความซื่อสัตย์ มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กตัญญูต่อบรรพบุรุษ บุพการี และผู้มีพระคุณผู้ที่ได้สนับสนุนทุนการศึกษา

ผ่านมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ อีกทั้งขอให้ตระหนักถึงความจำเป็นและใช้ทุนการศึกษาที่ได้รับ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และขอให้เยาวชนทุกคนหลีกหนีห่างไกลจากอบายมุข ตลอดจนสิ่งเสพติดต่างๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหากับครอบครัวและสังคมอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เต้ มงคลกิตติ์ นำความห่วงใย เฉลิมชัยหน.ปชป. แจกข้าวกล่อง-น้ำดิ่มผู้ประสบภัยชาวเชียงใหม่

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้นำคณะลงพื้นที่บ้านท่าต้นกว๋าว หมู่ 4 บ้านพญาชมภู หมู่ 2 บ้านหนองป่าแระ หมู่ 1 ต. ขมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เพื่อแจกข้าวกล่อง 1,000 กล่อง น้ำดื่ม 2,400 ขวด แก่ผู้ประสบอุทก
ภัย หลังลำน้ำปิงและลำน้ำสาขาล้นเอ่อไหลท่วมบ้านเรือน ซึ่งบาง
จุดระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร

โดยมี นางสาวภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสรกฤช จันทรคณา คณะทำงานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายประสิทธิ์ คลังสีดา อดีต ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 2 นายสุรกิจ ศิริวาท อดีต ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 1นายจักรวาลธวัฒน์ วรรณาวงศ์ อดีต ผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ เขต 1 นายวิชิต กลิ่นทอง อดีต
ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 นายบุญยงค์ สดสอาด อดีต ผู้สมัคร ส.ส. จ.น่าน เขต 1 นายธนิตศักดิ์ ทวีพรจิรภาคย์ อดีต ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 1 และนายสุรพล เต็มสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 1 ร่วม คณะดังกล่าว เพื่อสำรวจความ
เสียหายเบื้องต้น

ต่อมานายมงคลกิตติ์ ได้นำคณะ ลงพื้นที่พบปะแกนนำชุมชนและ ประชาชนที่ ต.ป่าบง และพบกับ นางมาลี สิงห์ด้วง นายกเทศมนตรี ตำบลหนองผึ้ง และผู้บริหารท้องถิ่น อ.สารภี เพื่อสอบถาม ถึงความเดือดร้อนและให้กำลังใจผู้ประสบภัยดังกล่าว โดยฝากความห่วงใยจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ปชป.
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาถึงผู้ประสบภัยด้วย

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เชียงใหม่ประสบอุทกภัยน้ำระดับน้ำปิงสูงสุดในรอบ 100 ปี มีพื้นที่ประสบภัย 15-16 อำเภอ หรือ70% ของ 25 อำเภอ ขณะนี้น้ำลด1.5เมตรแล้ว แต่ส่งผลต่อพื้นที่เศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมวลน้ำดังกล่าวไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก ก่อนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลได้ แม้ว่าเขื่อนปล่อยน้ำน้อยลง แต่ปริมาณน้ำอาจเท่ากับปี 54 ทำให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลอยุ่ในโซนอันตรายได้ เนื่องจากมีน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นตามลำดัย

ดังนั้นปีนี้การคาดการณ์น้ำท่วมไม่เหมือนเดิม เนื่องจากมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศอุณหภูมิโลกสูงขึ้น และแผ่นดินทรุดปีละ 4.88 มิลลิเมตร ส่งผล
ให้พื้นที่ต่ำลง ดังนั้นต้องบริหารจัดการลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ ปลูกป่าถาวร แก้น้ำท่วมและน้ำแล้งพร้อมกัน เนื่องจากในสมัยรัตน โกสินทร์ มีพื้นที่ป่ากว่า 270 ล้าน
ไร่ ปัจจุบันเหลือ 140 ล้านไร่หายไปกว่า 50 % เนื่องจากมีข้าราช
การ นักการเมือง ทุจริตประพฤติมิชอบ ร่วมกับนายทุนบุกรุกทำ ลายป่า จนส่งผลเสียหายดังกล่าว

“หลังน้ำลดต้องเร่งฟื้นฟูป่าธรรม ชาติ และสร้างระบบนิเวศน์แบบสมดุล ไม่ทำลายป่าต้นน้ำ เพราะช่วงพฤศจิกายนนี้ เริ่มเข้าสู่ฤดูแล้ง ต้องคิกออฟเรื่อง pm2.5 แล้ว พร้อมผลักดัน พ.ร.บ อากาศสะอาด เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฏหมายโดยเร็ว” นายมงคลกิตต์ กล่าว
บุญยงค์ สดสอาด รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งานไหลเรือไฟ แห่ปราสาทผึ้ง กฐินน้ำบูชาพญานาค ออกพรรษานี้ 17 ตุลาคม 2567

แชร์เนื้อหานี้

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม เปิดเทศกาลท่องเที่ยวออกพรรษา ประจำปี 2567 เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสงานบุญใหญ่ประจำปี ประเพณีออกพรรษาในพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ในครั้งนี้ ททท.สำนักงานนครพนม ได้จัดกิจกรรม TAT Nakhonphanom Open House #9 เปิดสำนักงาน ททท. ตึกเหลืองสไตล์โคโลเนียลติดริมแม่น้ำโขง ประดับประดาสำนักงานด้วยแสงสีระยิบระยับจากดวงไฟและเรือไฟโบราณจำลองสวยงาม ให้เป็นอีก 1 แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมในช่วงเทศกาลออกพรรษา โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายรูปได้ ระหว่างวันที่ 4 – 20 ตุลาคม 2567 มาสัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่เมืองน่าเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ และประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ในพื้นที่ 3 จังหวัด อาทิ

1.งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ชิงถ้วยพระราชทานฯ และแข่งขันเรือยาว จังหวัดสกลนคร ประจำปี 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 17 ตุลาคม 2567 ณ บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดสกลนคร, หนองหาร และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร ชม Highlight ขบวนแห่ปราสาทผึ้งยิ่งใหญ่ตระการตา สืบสานมรดกทางวัฒนธรรม และสักการะพระธาตุเชิงชุม หลวงพ่อพระองค์แสน สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ในวันที่ 16 ตุลาคม 2567

2.งานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2567 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 18 ตุลาคม 2567 ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขงเทศบาลเมืองนครพนม อ.เมือง จ.นครพนม ชม Highlight การประกวดเรือไฟ 12 ลำ จาก 12 อำเภอ ในจังหวัดนครพนม วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ตื่นตากับแสงไฟนับหมื่นดวงทอแสงสว่างไสว งดงามตามลำแม่น้ำโขง พิเศษสุด “แสงแห่งศรัทธาสู่เวทีโลก” ปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สนับสนุนการจัดงาน โดยเชิญสื่อต่างประเทศ (Influencers-Nas Daily) เดินทางมาร่วมทำข่าวประชาสัมพันธ์ เพื่อยกระดับให้เป็นงานประเพณีระดับสากลให้ก้าวไกลสู่สายตาชาวโลก ด้วยการนำเสนอ “8 เรือไฟพระธาตุประจำวันเกิด” ผสมผสานนวัตกรรมแสง สี เสียง และความร่วมสมัย ออกแบบและตกแต่งเรือไฟฟ้า ภายใต้แนวคิด “เรือไฟพระธาตุประจำวันเกิด” ได้รับการออกแบบอย่างประณีตและมีความหมายแฝงถึงความเป็นมงคล ตั้งแต่ชื่อของเรือไฟไล่มาจาก “รุ่งสุริยัน” ที่สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง ไปจนถึง “มิ่งเมืองนคร” ที่เป็นตัวแทนของความรุ่งเรืองของจังหวัดนครพนม โดยจะไหลโชว์ตลอดงานทั้ง 11 วัน

3.งานจุดเทียนขึ้นภูบูชาพระใหญ่ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแสงเทียนแห่งศรัทธา ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 หลังจากออกพรรษา 1 วัน บูชาแด่ องค์พระพุทธมิ่งมงคลมุณีศรีมุกดาหาร ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

4.งานกฐินน้ำบูชาพญานาค ครั้งที่ 17 ร่วมสืบสานตำนานพญานาคลุ่มแม่น้ำโขงหลังออกพรรษา ในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ณ ท่าทรายอัญเชิญสถิต สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 เป็นงานวัฒนธรรมที่จัดต่อเนื่องกันมานาน ของประชาชนที่หากินในลุ่มแม่น้ำโขง ทุกปีจะมีประชาชนทั้งสองฝั่งโขงมุกดาหาร – สะหวันนะเขต อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มาร่วมลงแพเรือบั๊ค (เรือบรรทุกรถขนทรายรับน้ำหนักมากกว่า 50 ตัน) พร้อมคณะสงฆ์และผู้ว่าราชการจังหวัด พุทธศาสนิกชนกว่า 200 คน ลงแพเพื่อร่วมลอยกระทงบูชาพญานาค ณ กลางแม่น้ำโขงพื้นที่เชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาค

นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเชิญชวนสายบุญ พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยวมาร่วมรับบุญใหญ่ประจำปี 2567 ในเทศกาลออกพรรษา ร่วมกิจกรรมตามกำหนดเวลาทั้ง 4 งาน เพื่อเพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยว ที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองจากความเชื่อความศรัทธาของคนในท้องถิ่นจนกลายเป็นงานประเพณีวัฒนธรรม สุดยิ่งใหญ่สืบทอดกันมานาน ที่ไม่ได้มีบ่อยครั้ง ใน 1 ปี จะจัดเพียงครั้งเดียวเชื่อมต่อกัน ในพื้นที่ 3 จังหวัดสนุก

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อำลา 3 นายตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา เกษียณก่อนอายุราชการ ในปี 67/ รองสารวัตรสืบบางละมุงใจดี มอบเงินสนับสนุนฟุตซอล

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 ได้จัดงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสเกษียณและเกษียณก่อนอายุราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวในสังกัด ประจำปี 2567 ที่เดอะ ลีลา รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา จ.ชลบุรี

สำหรับงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสเกษียณและเกษียณก่อนอายุราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวในสังกัด ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 ประจำปี 2567 มีเจ้าหน้าที่ 1 นาย ที่เกษียณอายุราชการ และอีก 2 นาย เกษียณก่อนอายุราชการ ประกอบด้วย ร.ต.อ.ธนา ศรีนครา, ร.ต.อ.สุจิน คุ้มปั้น และ ร.ต.อ.วิรุฬ ธาตุวิสัย

ทั้งนี้ ได้มีการจัดเลี้ยงสังสรรค์ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้ส่งนายกิตติคม ธีวรางกูล ผู้แทนนายกเมืองพัทยา ร่วมมอบกระเช้าเพื่อร่วมอำลานายตำรวจท่องเที่ยวในโอกาสดังกล่าวด้วย

รองสารวัตรสืบบางละมุงใจดี มอบชุดฟุตซอลและเงินสนับสนุนทีมฟุตซอล นร. สู้ศึกกีฬานักเรียน อปท.ที่สระแก้ว

มีรายงานว่า ร.ต.ต.ชัยนาม ไวยณางค์ รอง สว.สส. สภ.บางละมุง หรือ หมวดมอส ได้นำชุดกีฬาฟุตซอลมาสนับสนุนเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมให้กับเด็กนักเรียนนักกีฬาทีมฟุตซอลโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ พร้อมมอบเงินสนันสนุนและให้กำลังใจนักกีฬาฟุตซอลรุ่นอายุ 12 ปี 14 ปี ทั้งชายและหญิง เพื่อไปสู้ศึกในการแข่งขันอีกสองรายการที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนตุลาคมนี้
โดยรายการแรกจะเดินทางไปการแข่งขันฟุตซอลในรายการ Program first round Terminal21 Korat Futsal FA CUP2024 ในระหว่างวันที่ 10-14 ตุลาคม 2567 และรายการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นระดับภาคตะวันออก วังน้ำเย็นเกมส์ จ.สระแก้ว ในระหว่างวันที่ 17-27 ตุลาคม 2567 นี้ด้วยเช่นกัน  ผลงานล่าสุดของทีมฟุตซอลโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ ในรายการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ระดับภาคตะวันออกปีที่แล้ว สามารถคว้าอันดับ 2 ส่วนระดับประเทศสามารถคว้าอันดับ 3 ร่วมกับเมืองพัทยาในรุ่น 12 ปีหญิง