เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดการอบรมอาสาสมัครนำเที่ยวท้องถิ่น รุ่นที่ 1 เสริมศักยภาพต้อนรับเทศกาล Green Season ปลายฝนต้นหนาว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 8 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ บึงงามรีสอร์ท อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ กล่าวต้อนรับอาสาสมัครนำเที่ยวท้องถิ่นที่เดินทางมารายงานตัวเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาคการท่องเที่ยวและบริการ อาสาสมัครนำเที่ยวท้องถิ่น รุ่นที่ 1 ภายใต้งบประมาณสนับสนุนตามแผนพัฒนาจังหวัดบึงกาฬ และนโยบายของนายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวชุมชนและการท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้มีคุณภาพและยั่งยืน

ต่อมาในเวลา 13.00 น. นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมอย่างเป็นทางการ พร้อมกล่าวว่า “การจัดอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นต่อการเป็นเจ้าบ้านที่ดี สามารถดูแลและต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีมาตรฐาน พร้อมทั้งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่จังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬที่ต้องการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การท่องเที่ยวบึงกาฬเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการบริหารจัดการและการบริการตามมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย
  2. เสริมสร้างทักษะอาชีพและความสามารถในการออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลายและสร้างสรรค์
  3. ส่งเสริมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

การอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 10 กันยายน 2568 ณ บึงงามรีสอร์ท อำเภอบึงโขงหลง โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 60 คน ประกอบด้วยผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อาทิ ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร การเป็นมัคคุเทศก์ที่มีคุณภาพ การตลาดเพื่อการท่องเที่ยว และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬให้สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กระบะบรรทุกไม้เก่ายางระเบิดพลิกคว่ำ พบกล่องโฟมกระเด็นเกลื่อน ตะลึง..!! บรรจุยาบ้า 5.4 ล้านเม็ด / SVL Group ตอกย้ำความมุ่งมั่น ก้าวสู่ปีที่ 10 จัดอบรมเข้มข้น 3 ระบบ ISO

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 7 ก.ย.68 พ.ต.ท.พยุงศักดิ์ จงดี สารวัตรใหญ่ สภ.สามกระทาย ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านพลเมืองดีพบมีรถยนต์กระบะรั้วบรรทุกประสบอุบัติเหตุยางระเบิดพลิกคว่ำกีดขวางถนน เหตุเกิดบริเวณบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 271 + 100 หมู่บ้านฟากนา ตำบลสามกระทาย อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจึงนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยร.ต.ท.นนทนันท์ สิงหนาท รองสารวัตรสอบสวน สภ.สามกระทายรุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบเป็นรถยนต์กระบะรั้วบรรทุก 4 ล้อขนาดใหญ่ ยี่ห้อ isuzu สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฆ 5327 กทม.สภาพพังเสียหายยับเยินกระบะรั้วฉีกขาดตัวรถได้รับความเสียหาย สิ่งของที่บรรทุกมาหล่นกระจัดกระจายเกลื่อน ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นชิ้นส่วนแผ่นไม้ที่รื้อมาจากบ้านเก่า โดยภายในกองไม้พบกล่องโฟมห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกใสปิดทับด้วยเทปกาวสีน้ำตาลแน่นหนา จำนวน 54 กล่อง โดยมีบางกล่องฉีกขาดปรากฏสิ่งของที่บรรจุภายในกล่องเป็นยาบ้าเม็ดสีส้มจำนวนมาก ส่วนผู้ขับขี่และผู้

โดยสารไม่ทราบจำนวนได้หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุแล้ว
ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ สันนิษฐานว่ารถคันดังกล่าวได้ขนของกลางมาจากต้นทาง ซึ่งยังไม่ทราบที่ใด โดยนำกล่องโฟมซึ่งบรรจุยาเสพติดไว้ด้านล่าง จากนั้นใช้แผ่นไม้ปิดบังอำพรางยาเสพติดเอาไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เหมือนลักษณะขนย้ายไม้บ้านเก่าแล้วมุ่งหน้าลงใต้ ระหว่างทางยางล้อหลังเกิดระเบิดทำให้เสียหลักพลิกคว่ำ ส่วนผู้ขับขี่และผู้โดยสารกลัวความผิดจึงได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานรถยกมาลากรถ และขนของกลางทั้งหมดใส่รถพนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบและนับจำนวนของกลางยาเสพติดทั้งหมดอย่างละเอียดที่โรงพัก 3 กระทายโดยมี นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอกุยบุรี พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบฯ พร้อมตำรวจชุมสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจสอบ โดยภายในกล่องลังโฟม 1 กล่อง บรรจุยาบ้าจำนวน 10 ห่อ

ตราสัญลักษณ์ ยี่ห้อ 999 ที่เม็ดยาพิมพ์ WY รวม 1 แสนเม็ดต่อ 1 กล่อง รวมทั้งหมด 54 กล่อง กับอีก 1 ห่อ จำนวนยาบ้าเม็ดสีส้มทั้งสิ้น 5,440,000 เม็ด(ห้าล้านสี่แสนสี่หมื่นเม็ด) รวมมูลค่า กว่า 32 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิด เพื่อหาเส้นทางการหลบหนีและหาตัวผู้ร่วมขบวนการที่มาในรถว่ามีจำนวนกี่คน เพื่อติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
///////////////////////////////

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

SVL Group ตอกย้ำความมุ่งมั่น ก้าวสู่ปีที่ 10 แห่งมาตรฐานสากล จัดอบรมเข้มข้น 3 ระบบ ISO
เสริมศักยภาพบุคลากร มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ – เอสวีแอล กรุ๊ป (SVL Group) ผู้นำด้านบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจสู่ทศวรรษที่ 10 ของการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เดินหน้าจัด “โครงการอบรมเพิ่มทักษะและความรู้มาตรฐานสากล Integrated ISO 3 ระบบ” (Integrated Management System) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความเข้าใจในมาตรฐานระดับโลกให้กับบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นอย่างเข้มข้นตลอด 2 วันในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีพนักงานกว่า 60 คนจาก 3 บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด และ บริษัท เรือลำเลียงบางปะกง จำกัด เข้าร่วมอบรมทั้งในรูปแบบ Online จากกรุงเทพฯ และ Onsite ณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยได้รับเกียรติจาก นายอุดม สดใส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด เป็นตัวแทนผู้บริหารให้การต้อนรับ นายอาณัติ น้อมเศียร วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัท โกลบอล สแตนดาร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งมาร่วมถ่ายทอดความรู้และแนวปฏิบัติล่าสุดของ 3 มาตรฐานสำคัญ ได้แก่:

o ISO 9001:2015: ระบบบริหารงานคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจในบริการที่เป็นเลิศและตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า ISO 14001:2015: ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ISO 45001:2018: ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

นายอุดม สดใส กล่าวว่า “ที่ SVL Group เราเชื่อว่าคุณภาพของบริการเริ่มต้นจากคุณภาพของบุคลากร การลงทุนในการพัฒนาความรู้และทักษะให้พนักงานอย่างต่อเนื่องคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร การจัดอบรมในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการรักษามาตรฐานที่เรายึดมั่นมาตลอดเกือบทศวรรษ แต่ยังเป็นการตอกย้ำคำมั่นสัญญาที่เรามีต่อลูกค้าและสังคม ว่าทุกบริการของ SVL Group จะเปี่ยมด้วยคุณภาพ ปลอดภัย และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 3 บริษัทในเครือเอสวีแอล กรุ๊ป ได้ผ่านการตรวจประเมินอย่างเข้มข้นในทุกขั้นตอน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการ “เน้นย้ำทุกบริการด้วยมาตรฐานระดับสากล” เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดแล้ว!! ศูนย์ประสานงานพุทธวิธีเพื่อสิทธิมนุษยชน วัดตานีนรสโมสร จ.ปัตตานี รร.เทศบาล2

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ 7 กันยายน 2568 ที่วัดตานีนรสโมสร (พระอารามหลวง) อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ร่วมพิธีเปิดศูนย์ประสานงานพุทธวิธีเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยมี นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ,

เลขาธิการศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ,ผู้แทนชมรมพุทธมามกะศีล 5 จังหวัดปัตตานี , ประธานสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมี พระราชวัชรญาณโมลี รองเจ้าคณะภาค 18 เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร , พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ ตลอดจน พุทธศาสนิกชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

สำหรับศูนย์ประสานงานพุทธวิธีเพื่อสิทธิมนุษชน วัดตานีนรสโมสร จังหวัดปัตตานี เป็นความร่วมมือของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ บูรณาการร่วมกับวัดตานีนรสโมสร(พระอารามหลวง) มูลนิธิสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขเเละสันติ และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดตั้งขึ้น เพื่อให้วัดตานีนรสโมสร เป็นศูนย์กลางในการศึกษา และเผยแพร่พระพุทธศาสนาและเป็นศูนย์กลางในการประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน

ในพื้นที่จังหวัดชายแดนนภาคใต้ ให้คำปรึกษาให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน รับเรื่องร้องเรียนประสานงานความช่วยเหลือและส่งต่อเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมให้วัดตานีนรสโมสร เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนต่อพุทธศาสนิกชนและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนเป็นเครือข่ายภาคประชาสังคมในการเผยแพร่ความรู้ ประชาสัมพันธ์หลักการสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ ก่อนเปิดศูนย์ฯ ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ เมื่อวันที่ 5-6 กันยายน 2568 ณ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านกฎหมายทั่วไป ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน และการเยียวยาตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยมี พระสงฆ์ สามเณร เข้าร่วมอบรม 10 รูป และมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครประจำศูนย์ประสานงานเข้าร่วม 50 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นจิตอาสาประจำศูนย์ฯ อีกด้วย

ภาพ/รายงานข่าว : สำนักข่าว THE SRINGER TODAY

ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การจัดเก็บขยะ ปรับค่าธรรมเนียมอัตราค่าบริการการเก็บขยะในหมู่บ้าน และ ทำการส่งมอบบ้าน ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ

แชร์เนื้อหานี้

วันอาทิตย์ ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 13 : 00 น. นายมานพ #บุญศิริ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านโปง พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับ ท่านรองนายกฯ เทศบาล ท่านปลัด ท่าน สท. เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข เทศบาลตำบลป่าไผ่ พ่อแม่พี่น้องชุมชนบ้านโปง ร่วมประชุมประจำเดือนและ ประชาคม / รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อนำไปสู่การร่างเทศบัญญัติ

เรื่องการจัดเก็บขยะ ปรับค่าธรรมเนียมอัตราค่าบริการการเก็บขยะในหมู่บ้าน และ ทำการส่งมอบบ้าน ให้กับนางอำพันธ์ ดวงบาล ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ. วันนี้ การสร้างบ้านพักอาศัยได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจ และความสามัคคีกันในชุมชน และผู้ร่วมบริจาคทุกท่าน ทางผู้ใหญ่บ้าน จึงได้ทำการส่งมอบบ้าน และมอบเงินบริจาคคงเหลือ ให้กับนางอำพันธ์ ดวงบาล เป็นที่เรียบร้อย

🏠ยอดเงินบริจาค 93,854 บาทค่าใช้จ่าย 84,576 บาทเงินบริจาคคงเหลือ 9,278 บาทและในโอกาสนี้ ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและนางอำพันธ์ ดวงบาล🙏 #ขอขอบพระคุณท่าน กิตติพัฒน์ กะวังนายอำเภอสันทราย หัวหน้าส่วนราชการ, พัฒนาชุมชน กิ่งกาชาดอำเภอสันทราย กิ่งกาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบลป่าไผ่ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย

ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลป่าไผ่ และ สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอสันทราย ที่ได้ร่วมสนับสนุน จัดหางบประมาณ และร่วมบริจาค ให้การช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ ให้กับนางอำพันธ์ ดวงบาล ผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในครั้งนี้ ///

#สมจิตรแสงบันลังค์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ณ วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 อาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกลุ่มบุญภาคีมูลนิธิฯ เป็นผู้แทนกัลยาณมิตรทุกๆท่าน ร่วมพลังบุญกับ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ โดยมี พลตรีกิตติ ประพิตรไพศาล ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยกำลังพลในหน่วยขึ้นตรง

จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์, ถวายพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร ภัตตาหาร และเจริญพระกรรมฐาน อธิษฐานจิต เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า ฯ บรรพชนและอธิษฐานบุญบารมีส่งให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชk

โดยได้รับความเมตตาจาก พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ) คณะ5 วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร นำอธิษฐานจิตขึ้นพระกรรมฐาน และ ทำพิธีรับ -มอบ ขนมตราไก่ย่าง จำนวน 60 กล่อง จาก ผู้แทน คุณชาตรี – มณีรัตน์ เหล่าวณิชย์วิทย์ เจ้าของขนมทอดกรอบตราไก่ย่าง เพื่อส่งให้ทหารตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา

ณ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) คณะ5 วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร (วัดพลับ) กรุงเทพฯขอส่งผลบุญแห่งคุณความดีและความปรารถนาดีจากกัลยาณมิตรทั้งปวง ให้ถึงแด่ทุกท่านมีความสุขความเจริญ ปรารถนามงคลใด ให้สำเร็จผลทุกประการ เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ เทอญ…สามารถติดตามข่าวสารธรรมทานงานบุญ มูลนิธิพุทธภูมิธรรมได้ที่Line Official Account :https://lin.ee/AlxR8Xf

วันที่ 5 กันยายน 2568 ⏰ เวลา 08.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้ พันตรี ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ / นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

ร่วมพิธี วางพวงมาลา ⚘ และทอดผ้าป่าสามัคคี 🤝 “รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว”เพื่ออุทิศแด่ วีรชนทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 จำนวน 19 นาย 🇹🇭พิธีได้รับเกียรติจาก พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ 🙏 เป็นประธานในพิธี ณ อนุสาวรีย์บัวชูชาติ วัดพรหมเทพาวาส (วัดชลอน) ต.หัวป่า อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวรำลึกวีรชนทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่2ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่3 ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่4

กองบุญอนาคตสดใสสำเร็จแล้ว❗️
ข่าวดีแห่งการให้: มูลนิธิพุทธภูมิธรรม เป็นตัวแทนท่านมอบโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กนักเรียน พร้อมส่งมอบแว่นตาให้เด็ก ๆ ชายแดน

เราได้สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสถึงสองพื้นที่ โดยการจัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์การศึกษาและสิ่งของจำเป็นที่ช่วยสนับสนุนอนาคตของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

​กิจกรรมแรกเป็นการตัด แว่นสายตา ให้กับนักเรียน 20 คนที่มีปัญหาทางสายตา ณ โรงเรียนบ้านเขาตาง๊อก จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน การดำเนินงานครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยการร่วมมือกับ กองกำลังบูรพา ทำให้เด็ก ๆ ได้รับแว่นตาใหม่ที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งตัวหนังสือบนกระดานและสภาพแวดล้อมรอบตัว

แว่นตาเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่อุปกรณ์ช่วยมองเห็น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปิดโลกการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น สร้างความหวังและความมั่นใจให้เด็ก ๆ ได้กลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม โดยผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 13 (ผบ.ชค.ทพ.13) ยังได้นำอาหารว่างอย่างข้าวโพดป๊อปคอร์นและไอศกรีมโบราณมาเลี้ยงนักเรียนทุกคน ทำให้กิจกรรมเต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจ

​นอกจากนี้ มูลนิธิพุทธภูมิธรรมยังได้เดินทางไปมอบ อุปกรณ์การศึกษา ที่โรงเรียนบ้านทุ่งศาลา จ.ราชบุรี ให้กับนักเรียนร่วม 100 คน การสนับสนุนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เติมเต็มและส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสในการเรียนรู้ที่เท่าเทียมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

​การส่งต่อสิ่งดี ๆ ทั้งสองกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายความฝันให้กับเด็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงพลังแห่งการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ และความตั้งใจของมูลนิธิฯ ที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมแห่งการให้เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชนไทย

บุญนี้สำเร็จแล้ว ขอโมทนาสาธุการ🙏😊

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดโปรไฟล์ “หนูน้อยต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น“ แข้งจิ๋วโต๊ะเล็กเมืองฉลาม ดาวจรัสแสงอนาคตไกล”เฮิร์บแลนด์“ เล็งปลุกกระแส “ต้นสาคู” พืชมากสรรพคุณแดนใต้ หวั่นถูกโลกยุคใหม่ลืมเลือน/ ระเบิดศึกชิงชัย “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่หาดบางเสร่ อัพสกิลนักกีฬาไทยสู่เวทีสากล

แชร์เนื้อหานี้

”ฟุตซอล“ เป็นอีกประเภทกีฬาหมากแข้งที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายไม่แพ้ฟุตบอล จนในปัจจุบันมีผู้สนใจหันมาเอาจริงเอาจังกับกีฬาประเภทนี้มากมายทั่วโลก ทั้งชายหญิง หนุ่มสาว รวมทั้งเด็กและเยาวชน จนมีการจัดการแข่งขันมากมายทั้งในระดับชุมชน ระดับโรงเรียน ระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ ความน่าสนใจคือมีนักกีฬาดาวรุ่งหน้าใหม่ผุดขึ้นราวดาวเห็ด หนึ่งในนั้นคือ ”ต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น” นักกีฬาฟุตซอลหญิง อายุไม่เกิน14 ปี ประจำทีมโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ แข้งจิ๋วโต๊ะเล็กดาวจรัสแสงดวงใหม่จากจังหวัดชลบุรี

ด.ญ.รวิ หอมชื่น ชื่อเล่น น้องต้นอ้อ เกิดวันที่ 7 เมษายน 2556 อายุ 12 ปี อยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ปัจจุบันเป็นนักฟุตซอล รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ของโรงเรียน โดยเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า หรือ สไตรเกอร์ (Striker) มีพี่ชาย 1 คน คือ นายวีรภัทร หอมชื่น (เอิร์ธ) อยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนหัวถนนวิทยา อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และเป็นนักฟุตซอลรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ของโรงเรียนเช่นกัน โดย เริ่มเล่นฟุตซอลตั้งแต่อายุ 10 ปี หรือตอน ป.4 จากอดีตที่ไม่เคยสนใจกีฬาฟุตบอลเลย แต่ด้วยเห็นพี่ชายเป็นนักกีฬาฟุตซอล และบิดาชื่นชอบกีฬานี้เป็นพิเศษมักเล่นฟุตบอลและมีแข่งขันออกกำลังกายอยู่บ่อยครั้ง จึงเกิดความซึมซับ ก่อนเริ่มหัดเล่นจนชื่นชอบ และมุ่งมั่นจนได้เป็นนักกีฬาฟุตซอลประจำโรงเรียนในที่สุด

ทั้งนี้ มีผลงานที่เป็นเกียรติแก่ครอบครัวตนเองและโรงเรียนมากมาย อาทิ ที่ 2 เหรียญเงิน รองแชมป์การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2566 ก่อนได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับประเทศ, ที่ 2 เหรียญเงิน รองแชมป์การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2567 ก่อนได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับประเทศ (เป็นรองแชมป์สองปีซ้อน ในรายการระดับภาค),

ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี กีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับประเทศ ประจำปี 2566, ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี กีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น( อปท.) ระดับประเทศ ประจำปี 2567 (ได้ที่ 3 สองปีซ้อนเช่นกัน ในรายการระดับประเทศ) ,ที่ 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รายการกีฬานักเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) ประจำปี 2568 และเหรียญทอง ชนะเลิศการแข่งขันฟุตซอลประเภทหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รายการชิงแชมป์เยาวชนเมืองพัทยา ประจำปี 2568

ขณะนี้ หนูน้อยต้นอ้อ-รวิ หอมชื่น กำลังเก็บตัวเพื่อไปสู้ศึกร่วมการแข่งขันรายการนักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) ระดับภาคตะวันออก ประจำปี 2568 ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ที่จังหวัดระยอง โดยตลอดวันจันทร์-อาทิตย์ ได้เข้าแคมป์เก็บตัวนักกีฬากับทางโรงเรียน ที่มีนายวิศรุต เย็นฉ่ำ (ครูบาส) และนายอาคม แจ่มจำรัส (โค้ชตุ๋ม) เป็นผู้ฝึกสอน และจะได้กลับบ้านเฉพาะช่วงหลังซ้อมเสร็จตอนเย็นเท่านั้น เพื่อรับประทานอาหารและเตรียมสิ่งของส่วนตัว ก่อนจะกลับมาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมที่โรงเรียนในเวลา 20.3

ระเบิดศึกชิงชัย “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่หาดบางเสร่ อัพสกิลนักกีฬาไทยสู่เวทีสากล

มีรายงานว่า นายอนุศักดิ์ พิริยอมร นายอำเภอสัตหีบ และนางสาวรัตน์ฤดี ปิ่นแก้ว ผู้จัดการส่วนสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดในการแข่งขันเรือเร็วครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในรายการ “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 ที่ชายหาดบางเสร่ จังหวัดชลบุรี

สิงห์ วอเตอร์สปอร์ต (Singha Watersports) ได้จัดการแข่งขันเรือเร็วครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในรายการ “BGC Powerboat Grand Prix 2025” สนามที่ 2 โดย บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ในเครือกลุ่มบริษัทบางกอกกล๊าส หรือ BG ร่วมสนับสนุนการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

ในพิธีได้รับเกียรติจาก นายสมหวัง เอี่ยมดี นายกเทศบาลตำบลบางเสร่, นายนัฐพงษ์ คงข่าน สมาชิกเทศบาลตำบลบางเสร่ และ นายเชาวลิต ละอองขวัญ ผู้จัดการฝ่ายดูแลอาคารและสถานที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด พร้อมด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ การแข่งขันแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ รุ่น F1 (Formula 1), F5s (Formula 5s), F5 (Formula 5), SPORT 40HP, F30HP (Formula 30HP) และ F3 (Formula 3) โดยผลการแข่งขันในรุ่น Formula 1 นายสราวุธ ขำดี นักแข่งจากทีม BGC สามารถคว้าชัยชนะอันดับ 1 ไปครอง โดยมี นางสาวภัณฑิดา วิทยาภาเลิศ ผู้อำนวยการสำนักกิจการเพื่อสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมอบรางวัล

การสนับสนุนของ BGC ในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BGC ในการยกระดับกีฬาทางน้ำไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล พร้อมสร้างเวทีให้นักกีฬาไทยได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาและก้าวสู่การแข่งขันในเวทีนานาชาติในอนาคต นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของ BGC ยังตอกย้ำบทบาทองค์กรในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนกิจกรรมด้านกีฬาและการพัฒนาชุมชน ภายใต้แนวทางการเติบโตที่เคียงคู่กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

”เฮิร์บแลนด์“ เล็งปลุกกระแส “ต้นสาคู” พืชมากสรรพคุณแดนใต้ หวั่นถูกโลกยุคใหม่ลืมเลือน

น.ส.ณัฏฐ์นลิน เชี่ยวชาญธนกิจ ผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ และคณะ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับต้นสาคูกับนายชาญวิทย์ ดารามิตร ปราชญ์ท้องถิ่นและกูรูเรื่องต้นสาคูจากจังหวัดพัทลุง ที่ได้เดินทางมาออกบูธนำเสนอและจำหน่ายเม็ดสาคูต้น “สาคูใต้พัทลุง ของแท้ หาทานยาก” ในงานของดีชาวแดนใต้ OTOP ทั่วไทย และ SMEs ร่วมใจสู่เมืองระยอง ที่โดมแอร์สนามกีฬาจังหวัดระยอง ซึ่งจัดขึ้นโดยโอท็อปเพื่อสังคม และกรมการพัฒนาชุม กระทรวงมหาดไทย

โดยทาง ผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและคุณประโยชน์ของต้นสาคู พืชมากประโยชน์และมากสรรพคุณ ที่ปัจจุบันกำลังจะถูกลืมเลือนไปจากคนรุ่นใหม่และกระแสสังคม จึงมีแนวคิดจุดประกายในการส่งเสริม ต่อยอด สร้างมูลค่าช่วยเหลือชุมชนที่มีแหล่งป่าต้นสาคู และชาวบ้านที่สร้างรายได้จากประโยชน์ของต้นสาคูให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศป่าต้นสาคูให้ขยายมากขึ้นและคงอยู่สืบไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้บริหาร บจก.เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ และคณะ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับทางกูรูเรื่องต้นสาคูจากจังหวัดพัทลุง ที่ได้เดินทางมาออกบูธในครั้งนี้พร้อมภรรยา ด้วยมิตรภาพและอัธยาศัยไมตรีที่ดีแล้ว ทั้งหมดจึงได้ร่วมกันถ่ายภาพที่ระลึก ก่อนที่ทางคณะเฮิร์บแลนด์ ได้เลือกชมและเลือกซื้อสินค้าเม็ดสาคูต้น พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อสื่อสารร่วมกันเพื่อพูดคุยรายละเอียดเชิงลึกในการต่อยอดเรื่องต้นสาคูดังกล่าวร่วมกันในอนาคต

อนึ่ง ต้นสาคู เป็นพืชตระกูลปาล์มขนาดกลางถึงใหญ่ ความสูงประมาณ 10–15 ม. ลำต้นตั้งตรงเส้นผ่านศูนย์กลาง 30–50 ซม. ใบยาวคล้ายใบมะพร้าวและใบจากใช้มุงหลังคา เส้นใบและก้านใช้จักสาน ลำต้นบางส่วนใช้เป็นฟืน รากช่วยยึดดินในพื้นที่ชุ่มน้ำ ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะที่ที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี ริมน้ำ หนองคลองบึง และป่าพรุ พบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี และเป็นพืชเฉพาะถิ่นทางภาคใต้ของไทย

ในส่วนของการใช้ประโยชน์จากต้นสาคู หลักๆ นั้น จะมีการนำไส้ต้นหรือแกนในของลำต้นสาคู ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 8-10 ปี มาทำเป็นแป้งสาคู เมื่อตัดต้นลงมาจะขูดแกนในออกมาล้างและร่อนจนเป็นเม็ดกลม ก่อนนำไปตากจนแห้ง จะได้แป้งสาคู หรือ “สาคูต้น” ซึ่งต้นสาคูแต่ละต้นจะให้สาคูต้นที่มีสีแตกต่างกันออกไป ทั้ง สีน้ำตาล สีชมพู หรือว่าส้มอมเหลือง ตามตามความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งที่ขึ้น โดยแป้งนี้สามารถนำไปทำขนม หรือเป็นอาหารหลักแทนข้าว

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับในท้องถิ่นบางแห่งของบางประเทศนั้น ต้นสาคูยังถือได้ว่าเป็นแหล่งอาหารหลักที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแป้งจากต้นสาคูหนึ่งต้นสามารถเลี้ยงดูแลคนในครอบครัวหนึ่งได้หลายเดือน แต่ปัจจุบันนี้หา “สาคูต้น” หรือ ”แป้งสาคูแท้“ ได้ยากและค่อนข้างน้อยมาก เพราะมีการนำแป้งจากแหล่งอื่นหรือพืชอื่นมาทดแทน ซึ่งสามารถหาได้ง่ายกว่าและสะดวกมากกว่า อาทิ แป้งจากมันสำปะหลัง หรือแป้งจากข้าวเจ้า ดังที่ได้เห็นอยู่มากมาย

นอกเหนือจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ต้นสาคูยังมีสรรพคุณมากมาย โดยเมล็ดสามารถนำมาบดใช้พอกรักษาอาการปวดหัว, หัวสามารถนำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการท้องเสีย หรือนำมาตำให้ละเอียดรับประทานแก้โรคคุดทะราด หรือนำมาต้มเคี่ยวก่อนดื่มช่วยแก้โรคตับอักเสบ หรือนำหัวสดมาตำให้ละเอียดก่อนใช้ทาพอกรักษาแผล หรือนำหัวมาต้มดื่มใช้เป็นยาขับปัสสาวะ รวมถึงนำมาแช่น้ำ และตำให้ละเอียดใช้อุดจมูกเพื่อหยุดเลือดกำเดาได้ เป็นต้น

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “บีบี” สาวน้อยวัย 16 คว้าแชมป์ The Face Thailand Season 6เฉือน “ไฮดี้ – กวาง” สร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุด

แชร์เนื้อหานี้

“บีบี – บียังคา ณฐมน โพลัค” สาวน้อยวัย 16 ปี จากทีมเมนเทอร์ “แพนเค้ก” กระโดดตัวลอยปล่อยพลังดีใจแบบสุดตัว หลังเฉือนชนะตัวเต็ง “ไฮดี้-กวาง” คว้าแชมป์ The Face Thailand คนที่ 9 ของเมืองไทย สร้างประวัติศาสตร์แชมป์ที่อายุน้อยที่สุดของ The Face Thailand พากระแสโซเชียลมีเดีย ดัน #TheFaceThailand6 บน X ขึ้น trending อันดับ 1 ทันที

เดินทางมาถึงบทสรุปของตำนานบทใหม่! The Face Thailand Season 6 ปิดฉาก Final Walk อย่างสมศักดิ์ศรี ตอกย้ำความเป็นรายการเรียลลิตี้ระดับตำนานที่แฟน ๆ ตั้งตารอคอย ตลอดซีซันอัดแน่นด้วยดราม่า ความเข้มข้น และแคมเปญสุดหินที่ฟาดกันไม่ยั้งแบบ EP ต่อ EP สร้างไวรัลสุดแซ่บและมีมฉ่ำ ๆ จุดกระแสโซเชียลลุกเป็นไฟ ก่อนทุกอย่างจะถึงจุดไคลแมกซ์ในรอบชิงชนะเลิศที่เดิมพันด้วยเกียรติยศและตำแหน่ง The Face Thailand คนใหม่! ภายใต้ธีม “Power of Self, Own Your Value” เพื่อเฟ้นหาตัวจริงที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องเปี่ยมด้วยพลังและคุณค่าในแบบของตัวเอง

ประเดิมรันเวย์ด้วย โชว์สุดอลังการ ที่ขนผู้เข้าแข่งขันทั้ง 15 คนกลับมารวมตัว พร้อม 3 เมนเทอร์ มารีญา, แอนโทเนีย และแพนเค้ก และการปรากฏตัวของ Master Mentor แอน ทองประสม บนรันเวย์ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง ท่ามกลางบรรยากาศสุดอลังการจาก Kantana Virtual Production Studio ที่เนรมิตรันเวย์ “สุดจึ้ง” ขึ้นมาโดยเฉพาะ

พร้อมไฮไลต์ของ Final Walk ที่รวมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาร่วมตัดสินชี้ชะตา The Face Thailand คนที่ 9 ของประเทศ ได้แก่ ป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช, พี่ม้า อรนภา กฤษฎี, หนุ่ม อภิวัฒน์ ยศประพันธ์, พี่ติ๋ม พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์, หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล, สตางค์ ดิษย์ลดา ดิษยนันทน์ กัลย์จาฤก และ Master Mentor แอน ทองประสม

แคมเปญส่งท้ายชี้ชะตากับโจทย์สุดหินที่ The Face Thailand เคยมีมา ในการตัดสินรอบ Final Walk ผู้เข้าแข่งขันตัวแทนทั้ง 3 ทีม ไฮดี้ – อมันดา อแมนด้า เจนเซ่น, บีบี – บียังคา ณฐมน โพลัค และ กวาง – กฤษฎา วันเพ็ญ ต้องสู้กับบททดสอบสุดท้ายในแคมเปญสุดหินภายใต้โจทย์การแสดงที่ต้องสวมบทเป็น พระวิสุทธิกษัตรีย์ จากบทละคร กษัตริยา เป็นบทประพันธ์โดยคุณทมยันตี ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์แนวดราม่าอิงประวัติศาสตร์ในปี 2546 ที่มาในรูปแบบมิวสิคัลเธียเตอร์แบบร่วมสมัย โดยได้รับเกียรติจาก ครูเล็ก ภัทราวดี ศิลปินแห่งชาติ มาร่วมตัดสิน

ที่แม้แต่ คุณเต้ ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก รองประธานกรรมการบริหารด้านงานสร้างสรรค์ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการสร้าง The Face Thailand ยังยอมรับว่านี่คือแคมเปญที่ “หิน และยากที่สุดที่ The Face Thailand เคยทำมา” ถือเป็นบททดสอบส่งท้ายปิดฉากซีซัน 6 ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และผู้ที่สามารถฝ่าด่านสุดหินนี้ไปได้ คือ “บีบี – บียังคา ณฐมน โพลัค” สาวน้อยวัย 16 ปีจากทีมเมนเทอร์ แพนเค้ก แม้จะเป็นน้องเล็กแต่โชว์พลังความมั่นใจ ถ่ายทอดทุกอารมณ์ของการแสดงได้อย่างสมบูรณ์ จนได้คว้าชัยชนะไปครอง

และแม้จะมีกติกาใหม่ระบุชัดว่า ผู้ที่ไม่ชนะในแคมเปญการแสดงสุดท้ายจะหมดสิทธิ์ร่วมเดิน Final Walk แต่ Master Mentor แอน ทองประสม จากที่ใคร ๆ คาดว่าจะออกมาฟาด กลับพลิกบทเป็น “แม่พระ” เพราะทุกความทุ่มเทของทั้ง ไฮดี้ และ กวาง ทำเอาคณะกรรมการและผู้ชมขนลุกไปทั้งสตูดิโอ พร้อมประกาศให้ทั้ง ไฮดี้ และ กวาง ได้สิทธิ์ร่วมเดิน Final Walk คู่กับผู้ที่ชนะแคมเปญ ทำเอาเสียงเฮดังสนั่น สร้างโมเมนต์ซาบซึ้งและประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำอีกครั้งของ The Face Thailand

แซ่บ หรู แพง! โชว์ ‘Diamond’ ที่รวมตัว legend ของ The Face Thailand ไว้บนรันเวย์ ในรอบ Final Walk ยังคงจัดเต็มไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เมื่อเวทีถูกเนรมิตให้ลุกเป็นไฟด้วยการยกทัพ อดีตเมนเทอร์ตัวแม่ระดับ legend อาทิ หญิง–รฐา, พลอย–เฌอมาลย์, ริต้า–ศรีริต้า, หมู อาซาว่า และโทนี่ รากแก่น มารวมพลังบนรันเวย์ ขณะเดียวกัน “ครอบครัว The Face Thailand” ตัวจี๊ดทั้ง ซาบีน่า – ไมซิงเกอร์ แชมป์คนแรก The Face Thailand Season 1, ติช่า – กันติชา ชุมมะ แชมป์ The Face Thailand Season 2, จีน่า – วิรายา วงศ์ศิริ แชมป์ The Face Thailand Season 4 All Stars , ฟิลลิป – ณัทธนพล ทินโรจน์ แชมป์ The Face Men Thailand Season 1 และ บอส – ธฤต ธีรพงศ์ชัย แชมป์ The Face Men Thailand Season 2 ก็กลับมาตบเท้าเติมความเผ็ด สร้างสีสันให้โชว์สุดพิเศษกับเพลง “Diamond” ที่ทั้งแซ่บ ทั้งหรูหรา และแพงสมการรอคอย

Final Walk 3 ทีม 3 สี ที่ถ่ายทอดพลังและคุณค่าเต็มรันเวย์
ใน Final Walk ครั้งนี้ เหล่าผู้เข้าแข่งขันทั้งสาม พร้อมด้วยเมนเทอร์ ต้องร่วมกันสร้างสรรค์โชว์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Walk For Your Own Value” โดยใช้ธีมสีที่เมนเทอร์สุ่มได้ เพื่อถ่ายทอดตัวตนและพลังอย่างเต็มที่บนรันเวย์ นำโดย บีบี – บียังคา ณฐมน โพลัค จากทีมเมนเทอร์แพนเค้ก ที่มาพร้อมโชว์ในธีม Age Is Limitless ต่อด้วย ไฮดี้ – อมันดา อแมนด้า เจนเซ่น ทีมเมนเทอร์มารีญา ที่ขนพลังความมั่นใจมาในธีม Earth Is Our Only Home และ กวาง – กฤชญา วันเพ็ญ ทีมเมนเทอร์แอนโทเนีย ที่สับรันเวย์ในธีม Born Beyond Limits ก่อนจะปิดท้ายด้วยการแบทเทิลสุดเดือดบนรันเวย์ของทั้ง 3 ผู้เข้าแข่งขันบนเวที Final Walk ที่ทำให้บรรยากาศในสตูดิโอร้อนระอุ

และผลตัดสินก็เป็นที่ประจักษ์ สำหรับ ผู้ชนะ The Face Thailand คนที่ 9 ของประเทศไทย คือ ‘บีบี – บียังคา ณฐมน โพลัค’ สาวน้อยวัย 16 ปีจากทีมเมนเทอร์แพนเค้ก ที่ถือว่าน้องเล็กประจำซีซัน แต่ความสามารถไม่เล็ก ด้วยเอเนอร์จี้สุดล้น และความสามารถที่เกินวัย ทำให้เธอโดดเด่น และคว้าแชมป์ The Face Thailand คนที่ 9 ของเมืองไทย ไปครอง

ผู้ชนะ The Face Thailand Season 6 จะได้ร่วมงานกับ TRESemmé แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับโลก ในฐานะ Brand Endorser of TRESemmé พร้อมทั้งได้ถ่ายแฟชั่นขึ้นปกนิตยสาร Hashtag Legend Thailand ที่ประเทศฮ่องกง โดยทีมงานมืออาชีพระดับตำนานของวงการ อีกทั้งยังได้รับโอกาสเป็น The Face of AHC เพื่อร่วมงานกับแบรนด์ AHC และได้เป็น Friend of Vaseline ทำงานร่วมกับแบรนด์ วาสลีน ประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 1 ปี

นอกจากนี้ยังได้รับของรางวัลจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย อาทิ Samsung, SOLAURA, คอมบูฉะ ไฟเบอร์ มายเดลี่, IN2IT, SHU, Leila Amulets และอีกหลายแบรนด์ พร้อมทั้งได้เซ็นสัญญากับ กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รวมมูลค่ารางวัลกว่า 1 ล้านบาท

พร้อมติดตามทุกความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ผ่านทาง Facebook Fanpage : The Face Thailand , Instagram : The Face Thailand , X : The Face Thailand 6 และ TikTok : theface_thailandTheFaceThailand6 #KantanaTeamAnntonia #TeamMaria #TeamPancakeLoveMyJob #บันเทิงTikTok

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ทุเรียนพรีเมี่ยม 4500 ต่อลูก “กรรมาธิการเกษตรวุฒิสมาชิกสภา เดินทางดูการผลิตทุเรียนชีวภาพสวนป้าภาศูนย์เรียนรู้ จ.ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 16.00 น วันที่ 5 กันยายน 2568 นายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสมาชิกสภา พร้อมด้วย คณะกรรมาธิการ ฯ เจ้าหน้าที่ วุฒิสภา ได้เดินทางเข้าดูการบริหารจัดการทุเรียนสวนป้าภา ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร

ดูการบริหารจัดการและยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทยเพื่อการส่งออกอย่างยั่งยืน โดยมีนายธราพงษ์ มีมุสิทธิ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตรจังหวัดฯ เจ้าหน้าที่ และ ดร.ชลทิปสุวรรณหกาญจน์ เจ้าของสวนป้าภา พร้อมด้วยตัวแทนของเกษตรกรชาวสวนทุเรียนจากอำเภอต่างๆให้การต้อนรับ

สำหรับสวนประภาได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 สร้างมาโดยย่า ภาและปู่ชัย เป็นสวนผลไม้มีเงาะพันธุ์โรงเรียนจากโรงเรียนบ้านนาสารและทุเรียนสายพันธุ์ดี นำมาจากเขตพื้นที่ของภาคใต้โดยได้มีการขยายพื้นที่เพื่อปลูก ณ หมู่ 1 บ้านท่าทอง ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโกจังหวัดชุมพร ต่อมาปี 2516 ปู่ชัย ได้เสียชีวิตลง ยายประภาและลูกที่เริ่มขยายที่ดินปลูกทุเรียนที่บ้านท่าทอง เมื่อปี พ.ศ 2524

เริ่มขยายพันธุ์ ทุเรียนในเนื้อที่ 15 ไร่ โดยใช้ยอดพันธุ์ของแม่ชบาแก้ว ต่อมา พ.ศ 2528 ได้เริ่มมาสร้างสวนป้าภาที่บ้านสามแยกจำปา หมู่ 14 ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก ซึ่งได้นำยอดหมอนทองแม่ชบาแก้ว มาเสียบเพื่อขยายพันธุ์ ปัจจุบันสวนประภามีต้นทุเรียนขนาดใหญ่อายุประมาณ 41 ปีอยู่จำนวน 400 ต้น และเป็นสถานที่เรียนรู้ การปลูกทุเรียน ของจังหวัดชุมพร

นายธวัชสุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสมาชิกสภา กล่าวว่า ในวันนี้คณะ กรรมาธิการฯ ได้เดินทางมารับฟังข้อมูล ปัญหาทุเรียนที่เกิดขึ้น จากหน่วยงาน ราชการและ เกษตรกร เพื่อที่จะได้รวบรวมปัญหาต่างๆ และแนวทางแก้ไข ไปสรุปนำเสนอให้กับวุฒิสภา ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การแก้ไขสนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกร แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป

หลังจากรับฟังปัญหาของเกษตรกรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดร.ชลทิป เจ้าของสวนทุเรียนป้าภา แนะนำคณะกรรมาธิการ เดินทางเข้าชมสวนทุเรียน ที่ มีอายุมากกว่า 40 ปี เช่น ต้นทุเรียน แม่เชอรีน ซึ่งมีลำต้นขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 80 ซมสูง ประมาณ 18 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่มประมาณ 33 เมตรให้ผลผลิตปีที่ผ่านมา 1,400 กก ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคณะกรรมาธิการ ที่เดินทางมาศึกษาดูงานในครั้งนี้

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / 55 ปี งานประเพณีทิ้งกระจาด (ซิโกว) 55 ประจำปี 2568 ประชาชนเข้ารับจำนวน 2000 คน

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (3 ก.ย. 68) เวลา 16.00 น. นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดงานประเพณีทิ้งกระจาด (ซิโกว) 55 ประจำปี 2568 โดยมี นายประชา วิโรจน์ทินกร ประธานมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร

นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร นพพร มีสติ ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองชุมพร หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ อาสาสมัครกู้ภัย และประชาชน ร่วมงานกว่า 2,000 คน ณ มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

นายประชา วิโรจน์ทินกร ในฐานะ ประธานมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดีเป็น อย่างยิ่ง ทางมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ได้จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด (ซิโกว)55 เป็นระยะเวลา 55 ปีมาแล้ว ปีนี้ทางมูลนิธิฯ ได้เริ่มจัดงานตั้งแต่ วันที่ 1-3 กันยายน 2568

เพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งที่มีญาติและไม่มีญาติ ในงานทิ้งกระจาด (ซิโกว)55 ครั้งนี้ทางมูลนิธิฯได้รับการสนับสนุนจาก บริษัทห้างร้าน และผู้มีอุปการคุณ ร่วมบริจาคข้าวสารอาหารแห้งเพื่อแจกจ่าย ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากที่มารับบริจาค

เพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งที่มีญาติและไม่มีญาติ โดยในงานทิ้งกระจาด (ซิโกว) ทางมูลนิธิฯ ได้นำข้าวสาร อาหารแห้งเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มารับบริจาคอีกด้วย ทางมูลนิธิฯ ต้องกราบ ขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง

สุดท้ายนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย หลวงปู่ไต่ฮงโจ้วซือ เสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ ทั้งหลายที่พวกเราเคารพนับถือจงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง ตลอดไป

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ กล่าว่า กระผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธาน งานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 โดยมีการจัดขึ้นเป็น ประจำทุกปี เพื่อเป็นการแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล ให้กับดวงวิญญาณ ซึ่งล่วงลับไปแล้ว ทั้งมีญาติและไม่มีญาติ ถือเป็นงานมหากุศล

ที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัท ห้างร้าน แม่ค้า ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันบริจาค ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่ประชาชนที่มารอรับทาน ผมหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในงานมหากุศลในครั้งนี้ ไม่มากก็น้อย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด 4 กันยายน ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (4 ก.ย.) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ

ผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ของไทย ได้จัดพิธีทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดอายุวัฒนมงคล ณ สโมสรฉวีวรรณกรุ๊ป (แห่งใหม่) ตั้งอยู่ใน ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมจัดพิธีสืบชะตาแบบล้านนาเพื่อความเป็นสิริมงคล

โดยได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคุณธงชัย เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่านสงฆ์ และมี

นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้วอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายธวัชชัย ศรีทอง ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี

นางเดชา จันทร์เล็ก นายเอกสิทธิ์ อ่ำฉอ้อน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เขตอำเภอศรีราชา พร้อมด้วย นายอโนทัย เจริญสันติสุข คณะที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การบริหารนโยบายนายกอบจ.ชลบุรี

และมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน ประชาชนผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือและหน่วยงานต่างๆ จากทั่วประเทศทึ่ได้รับการสนับสนุนจาก ดร.ฉวีวรรณ ทั่วสารทิศ เดินทางเข้าอวยพรวันเกิดเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ ดร.ฉวีวรรณ คำพา เผยว่าการช่วยเหลือสังคมและผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นสิ่งที่ตนยินดีทำและยึดมั่นมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่านอกจากการจัดพิธีทำบุญและพิธีสืบชะตาแบบล้านนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีแล้ว ในทุกวันคล้ายวันเกิดอายุวัฒนมงคล

ดร.ฉวีวรรณ คำพา จะมอบทุนบำรุงสถานศึกษาทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นประจำทุกปี และในปีนี้มีโรงเรียนและสถานศึกษาที่ขอทุนเกือบ 2 ล้านบาท