เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปกครองดงหลวง บุกสกัดแก๊งค้ายา โดดน้ำหนี – ยึดยาบ้า ปืน รถจักรยานยนต์ได้ครบ พร้อมเร่งขยายผลล่าตัวผู้ต้องหา

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 นายพิเชษฐ์ ศรีมารุต นายอำเภอดงหลวง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอดงหลวง (ศป.ปส.อ.ดงหลวง) ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอดงหลวง ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในพื้นที่ตำบลพังแดง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “No Drugs No Dealers”

ผลการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่สามารถพบผู้ต้องสงสัยจำนวน 4 ราย ขณะทำการปิดล้อมตรวจค้นบริเวณจุดนัดหมายซื้อขายยาบ้า ริมห้วยบางทราย หมู่ 1 ตำบลพังแดง อำเภอดงหลวง

ระหว่างที่เจ้าหน้าที่แสดงตน นาย สิงห์ เชื้อคำฮด อายุ 36 ปี ชาวหมู่ 1 ตำบลพังแดง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายยาบ้า พร้อมพวกอีก 3 คน ได้กระโดดลงลำน้ำห้วยบางทรายเพื่อหลบหนี

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางได้ คือ ยาบ้า 115 เม็ด เงินสด 2,897 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ปืนแก๊บ 1 กระบอก และรถจักรยานยนต์ 2 คัน

ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล และจะขออนุมัติศาลจังหวัดมุกดาหารเพื่อออกหมายจับ นายสิงห์ เชื้อคำฮด และผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ปราบยาเสพติด #NoDrugsNoDealers #ฝ่ายปกครองอำเภอดงหลวง #ดงหลวง #มุกดาหาร #ศปปส #หยุดยาเสพติด #ปกครองเข้มแข็ง ///ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พายุดีเปรสชันถล่มมุกดาหาร ฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำท่วมหลายจุด เขตเทศบาลอ่วม! – ระดับน้ำสูงถึงเอว

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง “พายุดีเปรสชันและฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย” ฉบับที่ 4 (227/2568) ระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น.

ของวันที่ 30 สิงหาคม 2568 พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยในช่วงวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

จังหวัดมุกดาหารนับเป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม ทำให้หลายพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหารเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะบริเวณชุมชนและซอยที่อยู่ใกล้แนวคลองระบายน้ำ

เวลา 06.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม นายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือประชาชนในซอยศรีประเสริฐ 3 และ 4

ซึ่งระดับน้ำท่วมสูงถึงระดับเอว หลายครอบครัวต้องอพยพออกจากบ้านเรือนชั่วคราว ขณะเดียวกันถนนศรีบุญเรืองบริเวณด้านข้างร้านเบียร์สดถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้

ที่ชุมชนศรีบุญเรือง ซอย 7 เจ้าหน้าที่เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ส่วนในซอยศรีประเสริฐ 2, 3 และ 4 ซึ่งอยู่ติดคลองระบายน้ำโยธาธิการ น้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคลองดังกล่าวรับน้ำจากคลองหินอ่างและคลองร่องปอ ก่อนจะไหลลงสู่ห้วยแข้ด้านหลังสำนักสงฆ์หนองพุทธโคตร แต่ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่สูงขึ้นทำให้น้ำเอ่อเข้าห้วยแข้ ส่งผลให้การระบายน้ำช้าลงและเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ชุมชน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันฯ ได้นำกระสอบทรายกั้นรอบบ้านเรือนและจัดทำแนวกั้นชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมยานพาหนะ พร้อมทั้งประสานขอเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งช่วยเหลือ

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองมุกดาหารได้จัดตั้งทีมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง หากฝนยังตกต่อเนื่องมีความเป็นไปได้ที่ระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก และได้ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

น้ำท่วมมุกดาหาร #ฝนตกหนัก #พายุดีเปรสชัน #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บึงกาฬ จัดกิจกรรม “ฟุตบอลคลินิกสัญจร” สัปดาห์สุดท้าย สร้างแรงบันดาลใจและเสริมทักษะสุขภาพกีฬาแก่เยาวชน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30–31 สิงหาคม 2568 จังหวัดบึงกาฬได้จัดกิจกรรมโครงการ “จังหวัดบึงกาฬฟุตบอลคลินิกสัญจร” สัปดาห์ที่ 4 ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการดำเนินโครงการ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเงินบริจาคของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีกิจกรรมจัดขึ้นในพื้นที่อำเภอศรีวิไล และอำเภอบึงโขงหลง เพื่อเสริมสร้างทักษะการเล่นกีฬา ส่งเสริมสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนในพื้นที่

พิธีเปิดกิจกรรมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมโรงเรียนศรีวิไลวิทยา โดยมีนายไพรวัลย์ อรกุล ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนศรีวิไลวิทยา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ และโรงพยาบาลศรีวิไล ซึ่งได้จัดทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ มาร่วมให้ความรู้แก่นักเรียนและเยาวชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การป้องกันการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ตลอดจนแนวทางการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและการปฏิบัติที่ถูกต้องในการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา

ในโอกาสนี้ นายรัชชานนท์ ศรีนอก อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดปรีโอลิมปิก ได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดเกี่ยวกับเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทั้งในระดับประเทศและระดับสโมสร เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนและเยาวชน พร้อมร่วมทำกิจกรรมฝึกทักษะและการลงเล่นฟุตบอลในภาคสนามอย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม อำเภอบึงโขงหลง ได้จัดกิจกรรมควบคู่กัน โดยมีนายจักรพงศ์ หมื่นรัตน์ อดีตนักฟุตบอลสโมสรหนองคาย เอฟซี และศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มาร่วมเป็นวิทยากร ถ่ายทอดทักษะการเล่นฟุตบอล พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเส้นทางลูกหนังให้กับเยาวชนในพื้นที่

ในโอกาสนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่เยาวชน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเล่นกีฬาในการพัฒนาทักษะชีวิต ความมีระเบียบวินัย การทำงานเป็นทีม และการสร้างโอกาสในอนาคต พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่ากิจกรรมฟุตบอลคลินิกสัญจรครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเยาวชนของจังหวัดบึงกาฬให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของสังคมต่อไป

การดำเนินกิจกรรมโครงการ “จังหวัดบึงกาฬฟุตบอลคลินิกสัญจร” ตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจและการตอบรับจากเยาวชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ถือเป็นกิจกรรมที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างทักษะกีฬา พัฒนาสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน พร้อมทั้งช่วยปลูกฝังวินัยการออกกำลังกายและการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม

ทั้งนี้ เยาวชนที่ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ จะนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปต่อยอดในการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–15 กันยายน 2568 อันเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพและพัฒนาทักษะด้านกีฬาอย่างยั่งยืน

ฟุตบอลคลินิกสัญจร #จังหวัดบึงกาฬ #กีฬาเยาวชน #สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ธนา นภาดล เปิดตัว “เดอะ ปาล์ม แกรนดิโอ้ พัทยา-มอเตอร์เวย์” ชูทำเลทองแห่งอนาคต

แชร์เนื้อหานี้

บริษัท ธนา นภาดล จำกัด โดย คุณภาค ธนาอัครชล ประธานกรรมการบริษัทฯ และคุณญดา จิรฉัตรบวรกุล กรรมการผู้จัดการ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดบ้านหรูพัทยา ด้วยการประกาศเปิดตัวโครงการ “เดอะ ปาล์ม แกรนดิโอ้” (The Palm Grandio’s Pattaya-Motorway) มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้าน เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับมาสเตอร์พีซ นิยามใหม่ของการอยู่อาศัยเหนือระดับ ท่ามกลางสังคมคุณภาพจำนวนเพียง 117 ครอบครัว บนทำเลที่ผสานความสงบเงียบและความสะดวกสบาย

เดอะ ปาล์ม แกรนดิโอ้ เป็นโครงการที่พักอาศัยที่ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากแนวคิด ” Modern Classic” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสแกนดิเนเวียและสไตล์ยุโรป เพื่อให้บ้านทุกหลังสะท้อนถึงรสนิยมอันโดดเด่นของผู้อยู่อาศัย ภายในบ้านถูกออกแบบให้มีเพดานสูง (High Ceilings) ที่ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และเปิดรับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ด้วยหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับสวนสไตล์อังกฤษภายนอก ด้วยดีไซน์ “Inside Out – Outside In” เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และมีชีวิตชีวาเสมือนการพักผ่อนที่เหนือไปอีกระดับ

โครงการมีขนาดที่ดินประมาณ 40 ไร่ และนำเสนอแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นถึง 3 แบบ (Type A – C) ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกขนาดครอบครัวอย่างแท้จริง ทั้งในด้านพื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชันที่ครบครัน เริ่มต้นพื้นที่ 221-352 ตร.ม. โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 7 – 14 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับบ้านระดับนี้ เกิดกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 50% และขณะนี้บริษัทกำลังเร่งดำเนินงานก่อสร้างเพื่อส่งมอบบ้านใน 2 เฟสแรก ให้แก่ลูกค้าโดยเร็ว
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบองค์รวม

นอกเหนือจากดีไซน์ที่โดดเด่น เดอะ ปาล์ม แกรนดิโอ้ ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งแต่คลับเฮาส์หรู, สระว่ายน้ำขนาดใหญ่พร้อมจากุซซี่ และพื้นที่พักผ่อนแบบซันเคน สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ โครงการมีทั้งห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ห้องโยคะ และลู่วิ่งออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคนในครอบครัว เช่น สวนส่วนกลางและสวนหลังบ้าน สนามเด็กเล่นเพื่อการเรียนรู้ รวมถึงพื้นที่ Co-Working Space ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การทำงานยุคใหม่ และที่สำคัญ โครงการยังติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charge Point) เพื่อรองรับเทรนด์พลังงานสะอาด

ในด้านความปลอดภัย โครงการยกระดับมาตรฐานด้วย “Premium Security System” ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบ Easy Pass และกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนอุ่นใจได้อย่างสูงสุด
ทำเลทองแห่งการเชื่อมต่อและการลงทุน ทำเลที่ตั้งของโครงการถือเป็นจุดแข็งที่เหนือกว่า ด้วยศักยภาพการเดินทางที่เชื่อมต่อกับถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-พัทยาได้ภายใน 5 นาที

ทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำอย่าง Terminal 21 และ Central Pattaya ที่ใช้เวลาเพียง 10 นาที รวมถึงใกล้กับโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ เช่น Regent’s International School, Rugby School Thailand และ Mooltripakdee International School ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่มองหาความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตในเมืองและธรรมชาติ รวมทั้งสนามบินนาชาติหัวใจของของ ECC

บริษัท ธนา นภาดล จำกัด ก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และมีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน และการเปิดตัวโครงการ เดอะ ปาล์ม แกรนดิโอ้ ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจสู่ตลาดไฮเอนด์ และตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์โครงการคุณภาพสูงสุด โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างบ้านหรูที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับบน และขยายไปสู่การพัฒนาในมิติใหม่ ๆ ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และบริการอื่น ๆ ขึ้นมาเพื่อโฟกัสการเติบโตในอนาคต

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การประกวดแข่งขันอาหาร เพื่อคัดสรรสุดยอดฝีมือ “สาจ้อย”อาหารชนเผ่าลาหู่ สู่เมนูหลากหลายไอเดียรังสรรค์เพื่อโกอินเตอร์ / จับวัยรุ่นไทใหญ่เลือดร้อน ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ณ สนามแข่งขันอบต.แม่พริก อำเภอแม่สวย จังหวัดเชียงรายที่สนับสนุนการจัดการแข่งขันโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินงานโดยหมวดคริสตจักรบ้านห้วยมะแกงภายใต้โครงการเทศกาลอาหารและภูมิปัญญาอาหารลาหู่ สู่เมืองสร้างสรรค์ เป็นการประกวดอาหาร”ลาหู่เชฟ ซาเรนจ์ “ได้เห็นภาพถึงการพัฒนาฝีมือที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน สังคมยุคใหม่ ยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการกินควบคู่ไปกับ การยกระดับมาตรฐานความเป็นอัตลักษณ์ของอาหารที่ได้รับการพัฒนาต่อยอด

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมานาย นายปุณทีต อิ่น ปลัดอำเภอแม่สวยจังหวัดเชียงราย นางสิริกัลพัชร จอมสว่าง พัฒนาการอำเภอแม่สวยจังหวัดเชียงราย นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย ร่วมกันเปิดงานเทศกาลอาหารและภูมิปัญญาลาหู่ “ลาหู่เชฟ ชาเลนจ์ “งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการสืบสานและอนุรักษ์ภูมิปัญญาอาหารดั้งเดิมของชนเผ่าลาหู่

เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านอาหาร กับเยาวชนและชุมชนของท้องถิ่น กิจกรรมประกอบด้วยการประกวดอาหารลาหู่หลากหลายเมนู การนำเสนอเรื่องราวภูมิปัญญาอาหารและสร้างสรรค์เมนูใหม่รากฐานวัฒนธรรมดั้งเดิมโดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายชุมชนในพื้นที่ซึ่งเป็นการแสดงถึงความงดงามของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของพื้นที่ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความงดงามของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การเผยแพร่ต่อสังคม

ในการแข่งขันอาหารครั้งนี้ใช้ส้าจ้อย หมู่บดสับผสมเครื่องเทศลาหู่และราชู เป็นตัวตั้งเพื่อ บังคับ เพื่อให้รังสรรค์หลากหลายเมนูอันมีส่วนผสมของรากชูให้ความหอม และแต่ทีมแข่งขัน สามารถแปลงเมนู ได้ตามไอเดียร์ สำหรับผลการประกวดอาหารดังกล่าวทีมแข่งขันบ้านห้วยหญ้าไซ เป็นชนะเลิศ รับโลห์และเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท

รองชนะเลิศอันดับ2รับโล่และเงินรางวัล 7,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 3ได้แก่ทีมเอ็มเอสมีโปรรับโลห์และเวินรางวัล จำนวน5,000 บาทรางวัลชมเชย จำนวน3รางวัลๆละ 3,000 บาทได้แก่ทีมบ้านห้วยน้ำขุ่น ทีมบ้านห้วยมะแกง และทีมบ้านห้วยทรายขาว ส่วนรางวัล Popular โหวตได้แก่ทีมงานบ้านห้วยทรายขาวรับเงินรางวัล 5,000 บาท สิ้นสุดการแข่งขันได้ถ่ายรูปบันทึกภาพเป็นที่ระลึก.
นายธนกฤต วรรณมณี รายงาน

จับวัยรุ่นไทใหญ่เลือดร้อน #ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

#วัยรุ่นไทใหญ่ #ก่อเหตุใช้อาวุธมีดไล่ฟัน #กลุ่มนักศึกษาบริเวณสะพานจันทร์สม #ตลาดวโรรส (กาดหลวง) มี นศ.ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ส.ค.68 เวลาประมาณ 03.20 น. ได้รับแจ้งจากทางศูนย์วิทยุ 191 มีเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณ สะพานจันทร์สม หน้าตลาดวโรรส ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สายตรวจและชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ พบ ผู้เสียหายชื่อ นายสุติธิปัญญ์ จีระสุพงศ์ อายุ19 ปี พร้อมพวกรวม 6 คน ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บ มีแผลถูกมีดฟันบริเวณด้านข้างลำตัว ลักษณะรอยถลอก ไม่ได้รับอันตรายสาหัส ผู้เสียหายได้แจ้งว่า ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวไทใหญ่จำนวน 6 คน ได้เดินมาจากทางตลาดวโรรส และจากนั้นได้ถือมีดดาบวิ่งไล่ฟันตนพร้อมพวก และได้วิ่งหนีกันไปทางตลาดวโรรส ซึ่งตนได้ยืนยันว่ามิได้รู้จักหรือมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาก่อน จากนั้นได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนและทำการรักษาบาดแผล
พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ รับรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวกับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่

พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ,พ.ต.ท.ชุวาพล ชัยสาร รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ต.พูนศักดิ์ พักตร์ผ่องศรี สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.วุฒิ ไกรทาหอม สว.สส.ฯ และชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และทำการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 หลังจากชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ทำการติดตามเส้นทางหลบหนีและจากการสอบถามพยานโดยรอบ จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้ทั้งหมด 6 คน
และสามารภจับกุมได้เเล้ว จำนวน 5 คน ดังนี้
1.นายจายอ่องเงิน อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์ 2.นายไซนัมเค อายุ 19 ปี
สัญชาติเมียนมาร์ 3.นายจายโท้ อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมาร์ 4.นายหาร อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์ 5.นายเจงหาร หรือจอมแสง อายุ19ปี สัญชาติเมินมาร์
6.นายจอมใหม่ความมะ(หลบหนี) หรือดำอายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมาร์
พร้อมด้วยของกลางที่ใช้ก่อเหตุ คือ

อาวุธมีด 1 เล่มรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่นPCXสีดำ ป้ายทะเบียน 3กด 2717 ชม จำนวน1คันรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่นPCXสีเทา ไม่มีป้ายทะเบียนจำนวน1คันเสื้อผ้าที่ผู้ก่อเหตุสวมใส่ในส่วนคนที่ 6 อยู่ระหว่างการติดตามตัวและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

     พ.ต.อ.ปรัชญา  ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้สอบถามผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพว่า ในคืนที่ก่อนพวกตนไปก่อเหตุ ได้กินเลี้ยงสังสรรค์ และเกิดอาการเมา จึงเกิดอารมณ์คึกคะนอง ได้พากันขี่รถจักรยานยนต์ออกมายังบริเวณสะพานจันทร์สม เพื่อที่จะเดินเล่น จนกระทั่งมาพบกับกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นนักศึกษา มีด้วยกัน 6 คน ตนจึงคิดว่ากลุ่มนักศึกษาจะมาหาเรื่องตนกับพวก จึงได้ทำการดึงมีดดาบที่ติดตัวมาด้วย วิ่งไล่เข้าฟัน จนผู้เสียหายและพวกหนีไปยังตลาดวโรรส จนทำให้ผู้เสียหาย 1 ใน กลุ่มนักศึกษา ได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านข้างลำตัว จากนั้นตนและพวกได้พากันหลบหนีไป ส่วนแรงจูงใจที่ก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากความเมา และคึกคะนองเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ก่อเหตุ ในข้อหา 

    1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ2.พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”ควบคุมตัวทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ต่อไป///

    สมจิตร แสงบันลังค์ รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธรรม 31โคราชแจกข้าวสารกว่า4พันถุงในเทศกาลทิ้งทานแจกข้าวสารอาหารแห้ง

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีพรรคชาติพัฒนาและดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศลนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกฯเทศมนตรีนครนคราชสีมา

    ได้เดินทางมายังมูลนิธิฯพุทธธรรม31นครราชสีถนนบายพาสเลี่ยงเมืองนครราชสีมาเพื่อมาเป็นประธานในเทศกาลชิวโกวทิ้งทานแจกข้าวสารอาหารแห้งของมูลนิธิฯพุทธธรรม31นครราชสีมา(ฮุก31)ประจำปี2568ณสำนักงานมูลนิธิฯโดยมีนายประวิทย์ อัศวินชัย ประธานมูลนิธิฯพร้อมคณะกรรมการร่วมให้การต้อนรับ

    ซึ่งในปีนี้นายประวิทย์กล่าวว่าได้เตรียมข้าวสารจำนวนถุงละ20กิโลกรัมจำนวนกว่า4.000พันชุดเอาไว้แจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางมารับมอบในครั้งนี้และตนยังได้เตรียมข้าวสารอีก2.000พันชุดเอาไว้แจกแก่องค์กรและมูลนิธิต่างๆในจังหวัดนคราชสีมาอีกด้วย

    นอกจากนี้ทางมูลนิธิยังได้เชิญชวนผู้มีจิตศัทธามาออกโรงทานให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานกว่า5.000พันคนได้รับประทานอีกด้วยโดยมีผู้ใจบุญมาร่วมออกโรงทานกว่า100ราย

    ประธานมูลนิธิฯกล่าวต่อไปอีกว่านอกจากจะแจกข้าวสารแลเวทางมูลนิธิฯยังมีปลากระป๋องและมาม่าร่วมแจกให้กับพี่น้องที่มาอีกด้วยทั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณบรรดาโรงสีข้าวต่างๆองค์กรภาคเอกชนนักธุรกิจองค์กรมูลนิธิต่างๆที่มาร่วมบริจาคในครั้งนี้และในวันที่20ตุลาคม2568นี้

    ทางมูลนิธิจะมีการจัดเทศกาลกินเขขึ้นจำนวน10วันขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมงานบุญในครั้งนี้เพื่ออมาสร้างบุญสร้างกุศลงดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยการมาถือศิลกินเจร่วมกันในปีนี้นายประวิทย์กล่าว

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภาค 5 ร่วมกับ ตร.เชียงใหม่ และ สภ.แม่โจ้ จับกุมเหตุร่วมกันฆ่าและเผาอำพรางศพ เหตุเกิดเขตพื้นที่ สภ.แม่โจ้ ต่อเนื่อง สภ.ดอยสะเก็ด

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ภายใต้การอำนวยการของ
    พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พล.ต.ต.มนิต มณีตระกูลทอง ผู้ทรงคุณวุฒิ ช่วยราชการ ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.สุรชัย ท่างาม ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.ไกรศรี จุฬพรรค์ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5, พ.ต.อ.พลจักร บุนนาค ผกก.สภ.แม่โจ้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่โจ้, สภ.ดอยสะเก็ด, สภ.จอมทอง, กก.สส.1 บก.สส.ภ.5 และ กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่
    เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา

    นายวชิรวิทย์ หรือเสือ หรือเจมส์ อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.1737/2568 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2568 (ได้รับบาดเจ็บอายัดตัวไว้ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่)

    นายดำรงฤทธิ์ หรือต้น อายุ 33 ปี ที่ ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.1738/2568 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2568
    ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยตรองไว้ก่อน , ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ” ของกลางที่ตรวจยึดได้ประกอบด้วย

      รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อซูซูกิ สีขาว ทะเบียน จย-3710 เชียงใหม่ (ของผู้ตาย)รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีดำ ทะเบียน จฉ-1508 เชียงใหม่ เสื้อผ้าและรองเท้าขณะก่อเหตุของนายวชิรวิทย์ฯและนายดำรงฤทธิ์ฯวัน เดือน ปี และสถานที่เกิดเหตุ บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ ม.13 ต.ป่าไผ่ อ.สันทรายฯ เกี่ยวพันกับบริเวณถนนปางไฮ-แม่ตอน ม.5 ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ดฯ วันที่ 28 ส.ค.2568 เวลาประมาณ 15.13 น.ถึงเวลาประมาณ 22.30 น.แผนประทุษกรรมของคนร้าย:

      นายวชิรวิทย์ฯ และนายดำรงฤทธิ์ฯทั้งสองได้วางแผนร่วมกันฆ่านายคุณาสินฯ หรือกอล์ฟ (ผู้ตาย) โดยนายวชิรวิทย์ฯ หรือเสือ และนายดำรงฤทธิ์ฯ หรือต้น ได้ลวงผู้ตาย เข้ามาที่บ้านที่เกิดเหตุ ม.13 ต.ป่าไผ่ อ.สันทรายฯ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2568 เวลาประมาณ 14.47 น.ผู้ตายได้ขับขี่รถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซูกิ สีขาว ทะเบียน จย-3710 เชียงใหม่ มาที่บ้านหลังดังกล่าว นายดำรงฤทธิ์ฯ หรือต้น ก็หลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านอยู่ก่อนแล้ว

      โดยนายวชิรวิทย์ฯ หรือเสือ จึงได้เดินออกไปรับผู้ตาย พาผู้ตายเข้าไปภายในบ้าน ทั้งสองจึงได้ลงมือฆ่าผู้ตายโดยใช้ค้อนทุบบริเวณศีรษะและร่างกายของผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จากนั้นทั้งสองก็ได้ช่วยกันทำลายหลักฐานโดยนำโซฟาภายในบ้านที่เบื้อนเลือดมาล้างบริเวณหน้าบ้านฯลฯ และทั้งสองนำศพผู้ตายขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซูกิ สีขาว ทะเบียน จย-3710 เชียงใหม่ ของผู้ตาย

      โดยนายวชิรวิทย์ฯหรือเสือเป็นผู้ขับขี่ และนายดำรงฤทธิ์ฯหรือต้น เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีดำ ทะเบียน จฉ-1508 เชียงใหม่ ขับขี่ออกจากบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อนำศพไปเผาทิ้งอำพราง ที่บริเวณถนนปางไฮ-แม่ตอน ม.5 ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด จว.เชียงใหม่

      โดยใช้นำมันราดรถยนต์เก๋งของผู้ตายเพื่ออำพรางศพ และให้รถไถลลงเนินเขาเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ระหว่างนั้นพลาดพลั้งรถเฉี่ยวชนทำให้นายวชิรวิทย์ฯ หรือเสือ ได้รับบาดเจ็บ นายดำรงฤทธิ์ฯ หรือต้น จึงได้นำตัวส่ง รพ.ดอยสะเก็ด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้แล้ว
      ..#สมจิตร แสงบันลังค์รายงาน

        สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “กิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ” “ปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด” ในพื้นที่ อำเภอชุมแพ

        แชร์เนื้อหานี้

        วันที่ 27 ส.ค 68 เมื่อเวลา 09:30น. นายบุญส่ง ทองมูล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน

        โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ในรูปแบบกิจกรรม “โรงเรียนผู้สูงอายุ” ณ วัดแจ้งสว่างใน ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

        ภายในงานมีการจัดกิจกรรมต่างๆให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วม อาทิเช่น เวทีแสดง ความคิดเห็น แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ชองผู้สูงอายุ ร่วมกันรับประทานอาหาร สร้างความ สัมพันธ์

        รวมไปถึง การดูแล สุขภาพกาย 3 อ.(อาหาร, ออกกำลังกาย, อารมณ์) การดูแล สุขภาพในช่องปาก และ สุขภาพใจ ของผู้สูงอายุ. มีผู้สูงอายุร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จำนวน 250 คน

        ชุดปฏิบัติพิเศษฝ่ายปกครอง อำเภอชุมแพ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบาย “ปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด” ในพื้นที่ อำเภอชุมแพ และจับกุมผู้ทำความผิดตามบัญชีและนอกบัญชีผู้ค้า ผู้เสพ (Re x ray)

        วันที่ 27 สิงหาคม 2568 ตัั้งแต่เวลา 14.30 น. นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ ผอ.ศป.ปส.อ.ชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอาวุโส สั่งการให้ นายสมคิด ชำนิกูล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมชุดปฏิบัติพิเศษฝ่ายปกครอง อำเภอชุมแพ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบาย

        และจับกุมผู้ทำความผิดตามบัญชีและนอกบัญชีผู้ค้า ผู้เสพ (Re x ray) ดังนี้ 1) นางสาวแนน (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี หมู่ 2 ตำบลบ้านใหม่สุขเกษม อำเภอกงไกรลาส จังหวัดสุโขทัย ของกลางยาบ้า 34 เม็ด

        2) นางนวลจันทร์ (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี หมู่ 7 ตำบลหนองคู อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ของกลาง ยาบ้า 5 เม็ด 3) นายวันเฉลิม (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี หมู่ 9 ตำบลหนองแดง อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ของกลางยาบ้า 2 เม็ด

        4) นางสาวดวงเดือน (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี หมู่ 13 ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมแพ ของกลางยาบ้า 2 เม็ด
        5) นายหนูเวียง (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี หมู่ 15 ตำบลศรีสุข อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ของกลางอุปกรณ์เสพและผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุด

        6) นางนันทา (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี หมู่ 9 ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมแพ ของกลางผลตรวจปัสสาวะ1 ชุด 7) นายเมษา (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี หมู่ 9 ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมแพ ของกลางผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุด

        จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชุมแพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

        วินสื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์

        สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พลังงานจังหวัดชุมพร สร้างความเข้าใจ เดินหน้ามาตรการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ/ คลังชุมพร จัดฝึกอบรม หลักสูตร “การเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ

        แชร์เนื้อหานี้

        ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (29 ส.ค. 68) เวลา 09.30 น. นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม โครงการส่งเสริมการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้หน่วยงานภาครัฐในจังหวัด สามารถดำเนินการลดใช้พลังงานในหน่วยงานให้ได้ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของแต่ละกลุ่มประเภทหน่วยงานตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกำหนด

        โดยมี พันเอก โชติ ยิกุสังข์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชุมพร (ฝ่ายทหาร) นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมลตรีเมืองชุมพร นายเกรียงไกร บัวมี พลังงานจังหวัดชุมพร นางเพ็ญลดา สายสวัสดิ์ คลังจังหวัดชุมพร นายทรงชัย ชูทิพย์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชุมพร นางสาว ปานนภา สุภาพรเหมินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชุมพร นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร นางสาวประดับ ชูดำ พัฒนาการจังหวัดชุมพร นางสุนทรี โพธิ์ทักษิณ วัฒนธรรมจังหวัดชุมพร นางสาวสิริกานต์ กองทอง นักวิชาการพลังงานชำนาญการพิเศษ

        สำนักงานพลังงานจังหวัดกระบี่ มาเป็นวิทยากร และ ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ ที่ว่าการอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดชุมพร เข้าร่วมอบรม ณ ห้องปทุมทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมมรกตทวิน ชุมพร นายเกรียงไกร บัวมี กล่าว สำนักงานพลังงานจังหวัดชุมพร ดำเนินโครงการส่งเสริมการลดใช้พลังงานในภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความรู้ความเข้าใจให้หน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย หน่วยงานราชการ ที่ว่าการอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถดำเนินการลดใช้พลังงานในหน่วยงานให้ได้ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของแต่ละกลุ่มประเภทหน่วย

        งานตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกำหนด สามารถบันทึกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ www.e-report.energy.go.th ได้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ผลการลดใช้พลังงานของหน่วยงานภาครัฐจังหวัดชุมพร มีหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 28 หน่วยงาน สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงของแต่ละองค์กร และผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร

        ได้มอบประกาศเกียรติคุณ ยกย่อง และชื่นชม หน่วยงานทั้ง 28 หน่วยงานดังกล่าวไปแล้ว สำหรับในงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ สำนักงานพลังงานจังหวัดชุมพรจะได้สรุปผลการลดใช้พลังงานของหน่วยงานภาครัฐในจังหวัดชุมพร เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรพิจารณามอบประกาศเกียรติคุณ ยกย่อง และชื่นชมหน่วยงานที่ผ่านการประเมินในโอกาสต่อไป

        สำหรับโครงการส่งเสริมการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับหน่วยงานภาครัฐ ในด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน ตลอดจนมาตรการและแนวทางการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ ส่งเสริม สนับสนุน และให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานภาครัฐ ในการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ และการบันทึกข้อมูลการใช้พลังงานบนเว็บไซต์ www.e-report.energy.go.th และเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ ให้หน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นต้นแบบและเป็นผู้นำภาคส่วนอื่น ๆ ในการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพต่อไปอีกด้วย

        นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ กล่าวว่า มาตรการที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้พลังงานร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงของแต่ละองค์กร เป็นอีกมาตรการที่ทุกคนคุ้นเคยและปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ส่วนราชการต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้น คือ การลดการใช้พลังงานร้อยละ 20 มิใช่ร้อยละของการใช้พลังงานในปัจจุบัน แต่เป็นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของแต่ละกลุ่มประเภทหน่วยงานตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกำหนด

        โดยที่ค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันจะแตกต่างกันไปตามประเภทหน่วยงาน ขนาดของหน่วยงาน และลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานต้องมีข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องและครบถ้วน จึงจะส่งผลให้การคำนวณค่ามาตรฐานตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด ในส่วนแนวทางการประหยัดไฟฟ้าและน้ำมันในเบื้องต้น เชื่อว่าทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่จะสามารถปฏิบัติได้ตามแนวทางนั้น ๆ ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการความมุ่งมั่นของแต่ละหน่วยงาน ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ตัวบุคลากร ก่อนจะขยายผลไปยังระดับหน่วยงาน และทุกหน่วยงานสามารถลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันบรรลุเป้าหมายร้อยละ 20 ได้อย่างแน่นอน

        คลังจังหวัดชุมพร จัดฝึกอบรม หลักสูตร “การเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ


        ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00น ณ ห้องพุทธรักษา ชั้น ๒ โรงแรมมรกต ทวิน ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ได้รับเกียรติจากนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรม หลักสูตร “การเพิ่ม ประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจการคลังจังหวัดชุมพร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘”

        ร่วมกับ พันเอก โชติ ยิกุสังข์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชุมพร (ฝ่ายทหาร) นางเพ็ญลดา สายสวัสดิ์ คลังจังหวัดชุมพร นายทรงชัย ชูทิพย์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชุมพร นางสาว ปานนภา สุภาพรเหมินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชุมพร นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร นายคณิต กายสอน อุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร นางสาวประดับ ชูดำ พัฒนาการจังหวัดชุมพร นางสุนทรี โพธิ์ทักษิณ วัฒนธรรมจังหวัดชุมพร

        ดร.สุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร ดร.อนันต์ รามพันธ์ นายกสมาคม ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร นายจาฏุพจน์ ไกรมาก ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพรและท่านวิทยากร และผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมทุกท่านท นางเพ็ญลดา สายสวัสดิ์ กล่าว

        โครงการฝึกอบรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้าง องค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพ บุคลากรหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในจังหวัดชุมพร ผู้สนับสนุนข้อมูลการจัดทำรายงาน ภาวะเศรษฐกิจการคลังจังหวัด และรายงานประมาณการเศรษฐกิจ จังหวัดของจังหวัดชุมพร มีความรู้ ความเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจ

        มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อคิดเห็น เพิ่มทักษะในการวิเคราะห์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจให้มีความแม่นยำ ทันสมัย น่าเชื่อถือ เป็นประโยชน์ ในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงการกำหนดนโยบายในการ พัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสามารถ นำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป

        กิจกรรมในโครงการประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแนวทาง การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจ จังหวัดในช่วงที่ผ่านมา และการประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจ ในอนาคต

        ตลอดจนข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยกลุ่มเป้าหมาย ในการอบรมครั้งนี้ ได้แก่ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในจังหวัดชุมพร จำนวน 70 คน ทั้งนี้ ได้รับความกรุณาจากท่าน อาจารย์สุวิทย์ สรรพวิทยศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบาย เศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นวิทยากร

        ในวันนี้นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าว่า สำนักงานคลังจังหวัดชุมพร ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเสริมสร้าง องค์ความรู้และเพิ่มศักยภาพของบุคลากร ในด้านการวิเคราะห์ ข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง และรายงานประมาณการเศรษฐกิจระดับจังหวัด ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐาน สำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์ และใช้ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ของภาครัฐและเอกชนในจังหวัด การจัดโครงการฝึกอบรม

        ในครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะ และพัฒนาความรู้ให้แก่บุคลากรผู้สนับสนุน ผู้จัดทำ สามารถ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ จัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง และรายงานประมาณการ เศรษฐกิจระดับจังหวัด ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ทันสมัย และน่าเชื่อถือ เป็นข้อมูลที่สำคัญของจังหวัด อันจะนำไปสู่การพัฒนา จังหวัดชุมพรอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเกิดประโยชน์

        สูงสุดกับประชาชน กระผมขอขอบคุณสำนักงานคลังจังหวัดชุมพร ที่ดำเนินการ จัดโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ ขอขอบคุณอาจารย์สุวิทย์ สรรพวิทยศิริ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ที่ได้สละเวลาให้เกียรติ มาถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์อันมีค่า ขอบคุณผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมทุกท่านที่ให้ความสนใจ

        สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รอง.ผบ.ตร.แถลงข่าวการจัดแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทย – มาเลเซีย ชิงถ้วยรุจิรวงศ์ ครั้งที่ 36 ประจำปี 2568

        แชร์เนื้อหานี้

        วันนี้ (29 สิงหาคม 2568) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานการจัดการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย

        พร้อมด้วย มูฮัมหมัด ฮาฟิซ อาบู บาการ์ เลขานุการเอก/ผู้ช่วยทูตตำรวจ ประจำสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทย และ พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ แถลงข่าวการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วยรุจิรวงศ์ ครั้งที่ 36 ประจำปี 2568 ณ ห้องสารสิน อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

        สำหรับการแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจมาเลเซียอย่างแน่นแฟ้น ในการบูรณาการทำงานร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่จะมา

        คุกคามประชาชนระหว่างสองประเทศ โดยการจัดการแข่งขันครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2504 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในยุคสมัยของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ได้ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลานานกว่า 64 ปี มีการจัดการแข่งขันมาแล้ว 32 ครั้ง โดยหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน

        การแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 36 สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 3 – 6 กันยายน 2568 และจะมีการแข่งขันจริงในวันที่ 4 กันยายน 2568 ณ สนามกีฬารักบี้ฟุตบอล โรงเรียนปริ้นส์รอยแยลส์วิทยาลัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

        1. การแข่งขันชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ประเภทอายุไม่เกิน 45 ปี
        2. การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลชนะเลิศ ประเภทอาวุโส อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

        พล.ต.อ.กรไชยฯ กล่าวว่า การแข่งขันในครั้งนี้มุ่งเน้นความสัมพันธ์ มิตรภาพของหน่วยงานระหว่างประเทศ โดยทีมสโมสรรักบี้ฟุตบอลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย มีความพร้อมร่วมการแข่งขัน นักกีฬารักบี้ฟุตบอลทุกคนได้ฝึกซ้อมและมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการแข่งขันแพ้ชนะ ไม่ได้เป็นการบ่งชี้มากไปกว่าความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจทั้งสองประเทศที่จะยั่งยืนตลอดไป

        ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนและข้าราชการตำรวจ ร่วมรับชมและส่งกำลังใจแก่นักกีฬาตำรวจไทย ในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 36 ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬารักบี้ฟุตบอล โรงเรียนปริ้นส์รอยแยลส์วิทยาลัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หรือผ่านช่องทาง Facebook : Royal Thai Police Rugby Club