เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ /ซ้อมแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ/ชื่นชมสองฮีโร่พัทยา ช่วยเหลือลุงถูกน้ำพัดรถมอเตอร์ไซค์ / ปธ.สภาพัทยา ปรับแก้มุมถนนแยกสว่างฟ้า-นาเกลือ /งานพลุนานาชาติพัทยา 2024 เชื่อปีนี้คนร่วมงานหลักแสน/ ‘มุมอร่อยคัพ 2024’ แข้งมุมอร่อยนาเกลือซิวแชมป์

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 27 พ.ย.67 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยรับฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น

โดยเป็นการฝึกซ้อมแผนการปฏิบัติกรณีมีนักท่องเที่ยวเผชิญเหตุไม่คาดฝัน โดยจำลองเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีนักท่องเที่ยวจมน้ำ ก่อนเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยทางทะเลจะประสานกำลังนำเรือเร็วเข้าช่วยเหลือ และนำขึ้นฝั่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วนำส่งโรงพยาบาลตามขั้นตอน โดยใช้เวลาที่รวดเร็วเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด

นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา ให้ข้อมูลว่าด้วยเข้าสู่ไฮซีซั่นทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวทำกิจกรรมทางน้ำเป็นจำนวนมาก จึงวางแผนการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางทะเลเมืองพัทยาร่วมกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องฝึกซ้อมแผนเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา

ปธ.สภาพัทยานำทีมปรับแก้มุมถนนแยกสว่างฟ้า-นาเกลือ หลังชาวบ้านร้องรถบัสเลี้ยวเข้ายากทำการจราจรติดขัด

วันที่ 27 พ.ย.67 นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา นายภาสกร อยู่สมบูรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา นางจิดาภา สุวัฒน์ถาภรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา พร้อมผู้เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ช่างโยธาฯ ลงพื้นที่สำรวจบริเวณแยกสว่างฟ้า-นาเกลือ หลังมีการร้องเรียนให้เมืองพัทยาพิจารณาปรับทางเท้าเพื่อขยายพื้นที่จุดเลี้ยวแก้ไขปัญหารถติดขัด

นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา เผยว่า ชาวบ้านร้องเรียนในชั่วโมงเร่งด่วนบริเวณแยกจราจร สว่างฟ้า-นาเกลือ จะเกิดรถติดเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยรถบัสและรถโดยสารขนาดใหญ่ต้องชะลอเพื่อเลี้ยวเข้าถนนตลาดใหม่นาเกลือ เพราะบริเวณมุมถนนทางเลี้ยวมีลักษณะคับแคบ ทำให้รถบัสเลี้ยวได้อย่างยากลำบาก เกิดการจราจรติดขัดจนส่งผลลามไปยังรถคันอื่นๆ ที่ต้องติดตามไปด้วย

ทั้งนี้ จะได้เร่งดำเนินการปรับปรุงทาฃเดินเท้าบริเวณดังกล่าวเพื่อขยายจุดเลี้ยวบนถนนให้มีองศาที่กว้างขึ้น เพื่อสะดวกต่อการขับขี่และการใช้ถนนบริเวณดังกล่าวสำหรับรถบัสและรถโดยสารขนาดใหญ่ และแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่บ้านนาเกลือ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ช่างโยธาฯ จะได้เร่งดำเนินการในเร็วๆ นี้

ชื่นชมสองฮีโร่พัทยา ช่วยเหลือลุงถูกน้ำพัดรถมอเตอร์ไซค์

มีรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ พ ส ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน ได้แชร์คลิปวิดีโอประมาณ 45 วินาที ผ่าน Reels เป็นภาพเหตุการณ์ฝนตกหนักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายในหลายจุด

ปรากฏภาพชายสูงวัยเจอแรงน้ำที่ท่วมถนนทำให้รถจักรยานยนต์ล้มลงและถูกกระแสน้ำพัดพาไป แต่เมื่อชายสูงวัยคนดังกล่าวพยายามไปยกรถของตัวเองแต่สู้แรงน้ำไม่ไหว จนเกือบล้มลงกลางถนน

ใกล้กันมีพนักงานชายร้านสะดวกซื้อ 2 คนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวได้วิ่งฝ่าสายฝนไปทั้งชุดพนักงานลงไปช่วยเหลือชายสูงวัยด้วยการช่วยยกรถและนำชายสูงวัยมานั่งพักในที่ทำงาน สร้างความประทับใจและความน่าชื่นชมต่อชาวเน็ตเป็นอย่างมาก จนมีการแชร์คลิปดังกล่าวออกไปมากกว่า 3.9 หมื่นครั้ง และมีคนเข้ามาถูกใจมากกว่า 2.3 แสนคน

พร้อมเต็มที่! งานพลุนานาชาติพัทยา 2024 เชื่อปีนี้คนร่วมงานหลักแสน

ตามที่เมืองพัทยากำหนดจัดงานเทศกาลพลุไฟนานาชาติเมืองพัทยา Pattaya Fireworks Festival 2024) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 ที่จะถึงนี้ที่บริเวณถนนเลียบสายชายหาดพัทยา

วันที่ 27 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จัดงานพบว่ามีการเตรียมความพร้อมในส่วนต่างๆ อย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของการจัดตั้งเวที ระบบไฟแสงสีเสียง ระบบส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต และการจัดตั้งเต๊นร้านค้าสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาได้เตรียมปิดถนนเลียบชายหาดพัทยาในช่วงวันจัดงานเพื่อรองรับคลื่นมหาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่จะมาเข้าร่วมชมพลุนับแสนคน ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา

รูดม่านปิดฉากดวลเกือก ‘มุมอร่อยคัพ 2024’ แข้งมุมอร่อยนาเกลือซิวแชมป์

ตามที่ผู้บริหารธุรกิจในเครือมุมอร่อย โดย นายสุพจน์ โตพานิช หรือเสี่ยอู๊ด และนางวรรณเพ็ญ โตพานิช หรือเจ๊ปุ๋ย เจ้าของร้านมุมอร่อย ได้จัดการแข่งขันฟุตบอลรายการ ‘มุมอร่อยคัพ 2024’ เพื่อเชื่อมความสมามัคคีและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในหมู่คณะและองค์กร ซึ่งได้กำหนดจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยทำการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 7-27 พ.ย.67

ล่าสุด ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม One Goal Arena ซึ่งใช้จัดเป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลมุมอร่อยคัพ 2024 เป็นการชิงชัยกันวันสุดท้ายเพื่อหาผู้ชนะ หลังทำการแข่งขันมา 20 วันเต็ม โดยแข่งขันแบบ 4 เส้าพบกันหมด แบ่งออกเป็น 4 ทีม ในเครือมุมอร่อย ได้แก่ ทีม Castello Di Bellagio, ทีมมุมอร่อย ศรีราชา, ทีมมุมอร่อย นาเกลือ และทีมมุมอร่อย โคโม่

ผลการแข่งขันปรากฏว่าทีมที่ชนะเลิศได้แก่ทีม มุมอร่อยนาเกลือ ที่ชนะทีมที่ได้ที่ 2 คือทีมมุมอร่อยโคโม่ ไปได้ 4-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ส่วนนัดชิงที่ 3 ทีมที่ได้อันดับ 3 และ 4 เป็นของทีม Castello Di Bellagio และทีมมุมอร่อยศรีราชา ตามลำดับ โดยหลังแข่งขันเสร็จสิ้นเป็นการมอบถ้วยรางวัลให้กับผู้ชนะ ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคักและสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นกิจกรรมกีฬาที่ช่วยผ่อนคลายให้พนักงานในเครือมุมอร่อยเป็นอย่างมาก

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชุดพยัคฆ์ไพร ตรวจลานพญานาคลุงพล ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา รื้อถอน 30 วัน /“อนุทิน” แสดงวิสัยทัศน์ ตั้งรองผวจ.เศรษฐกิจ ส่งออกสินค้าไทย ชายแดนเฟื่อง หนุนอุตสาหกรรมไทยรุ่ง

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 26 พฤศจิกายน 2567​ นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณลานพญานาคข้างบ้านเก่าลุงพล บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนขอให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เข้าดำเนินการตรวจสอบ พื้นที่ดังกล่าวเพราะหลังจากที่มีคำสั่งศาลให้รื้อถอนรูปปั้นพญานาคแต่ลุงพลรื้อถอนออกไปเฉพาะตัวพญานาคโดยฐานตั้งและโครงสร้างด้านล่างไม่ได้รื้อออกให้เรียบร้อย

โดยสืบเนื่องจากเมื่อ 21 เมษายน 2565 ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้พิพากษาจำคุกนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล จำเลยที่ 1 ในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติสร้างวังพญานาค เป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน ปรับเป็นเงิน 45,000 บาท แต่โทษจำให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนยูทูปเบอร์อีก 2 คน จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท โทษจำให้รอลงอาญาคนละ 2 ปี และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายในการตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ กรมป่าไม้ เป็นจำนวนเงิน 23,054 บาท และให้รื้อถอนรูปปั้นพญานาคภายใน 30 วัน

ซึ่งต่อมาต่อมาลุงพลได้ทำการขนย้ายรูปปั้นพญานาคออกจากพื้นที่ตั้งไปที่บ้านวังเยี่ยม ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร แต่รื้อถอนเอาไปแต่เฉพาะตัวพญานาคและได้ทิ้งโครงสร้างปูนปั้นฐานรากพญานาคและฐานพระพุทธรูปไว้ โดยไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน30 วัน ซึ่งจนถึงบัดนี้ผ่านมาร่วม 2 ปี แล้ว ก็ยังคงอยู่ในสภาพพื้นที่ไม่เรียบร้อยเช่นเดิม กระทั่งมีผู้ร้องเรียนดังกล่าว

ภายหลังจาการตรวจสอบ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ในการดำเนินการขั้นต่อไปจะให้จะมอบให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้มุกดาหารยื่นคำร้องแจ้งไปยังสำนักงานบังคับคดีจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเพื่อแจ้งให้ลุงพลเข้ามาดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและปรับพื้นที่ให้เสร็จสิ้น แต่หากลุงพลไม่เข้ามารื้อถอนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการเอง ก็จะได้ดำเนินการคิดค่ารื้อถอนปรับพื้นที่กับลุงพลต่อไป

สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ 42 “อนุทิน” แสดงวิสัยทัศน์ ตั้ง รองผวจ.เศรษฐกิจ ส่งออกสินค้าไทยทุกชายแดนเฟื่อง หนุนอุตสาหกรรมไทยรุ่ง

นายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า คณะกรรมการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร ร่วมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ณ สวนนงนุช จ.ชลบุรี ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานมอบรางวัลสำเภาทอง แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด 22 รางวัล ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมมอบ รางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทอง ประจำปี 2567 ณ NICE HALL สวนนงนุช

นายอนุทิน ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจะพัฒนาระบบบริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายหนุนภาคเอกชนกลุ่มผู้ค้า ผู้จำหน่วย ผู้ผลิตทุกแห่ง สามารถส่งสินค้าออกไปจำหน่ายได้ทั่วโลกภายใต้การบริหารในรูปแบบใหม่ที่ภาครัฐจะดำเนินการอำนวยความสะดวกในทุกช่องทางแก่ผู้ประกอบการ ส่วนของกระทรวงมหาดไทยจะต้องเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง เรียนรู้ ทราบถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในแต่ละท้องถิ่นของจังหวัดนั้น ดังเช่นเมืองชายแดนที่อยู่ติดประเทศเพื่อนบ้านทุกแห่ง จะต้องเน้นให้ส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ได้ในทุกรูปแบบ โดยไม่มีเงื่อนไขไม่ติดขัดเรื่องการส่งออกสินค้าแต่อย่างใด เพื่อความเจริญเติบโตทางด้านการผลิต เมื่อโรงงานมีใบสั่ง แรงงานก็มีงานทำ คนไทยทุกคนจะมีเงิน มีงานสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานภายในครัวเรือน สร้างเศรษฐกิจการค้าให้โตขึ้นในทุกจังหวัด

โดยภาครัฐจะสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนในการประกอบธุรกิจทุกรูปแบบ ส่งเสริมให้ให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จังหวัดจะต้องร่วมผลักดันขับเคลื่อนอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ โดยเฉพาะการตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะ จากในปัจจุบันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นผู้ดูแล ดังนั้นรองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจจะมาช่วยดูแลการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ประเทศกำลังต้องการฟื้นฟูระบบการค้าเพื่อให้เงินไหลเข้าประเทศ ดังที่ทางหอการค้าระบุว่าเศรษฐกิจไทยต้องโตอย่างน้อย 3% ดังนั้น ภาครัฐจะต้องมีส่วนผลักดันที่สำคัญ

นายกานต์พนธ์ กล่าวตอนท้ายว่า จากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดูแลเศรษฐกิจของจังหวัดทุกด้าน ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต แรงงาน นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล การเงินการคลัง ซึ่งรัฐบาลในทุกภาคส่วนในจังหวัดจะต้องพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตามเป้าหมายหอการค้าไทยตั้งเป้าไว้ใน ปี 2568 เศรษฐกิจ จะโตมากกว่า 3% ภาครัฐจะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐทีวี/แถลงข่าว จัดงาน Nan Coffee’s Day 2025 เพื่อส่งเสริมและขยายช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ กาแฟน่าน

แชร์เนื้อหานี้

ที่โรงแรมน่านตรึงใจ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นางวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน Nan Coffee’s Day 2025 เพื่อส่งเสริมและขยายช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ตอกย้ำคุณภาพกาแฟน่าน เชื่อมโยงการผลิตและบริการ สร้างมูลค่าเพิ่มพัฒนากาแฟน่านสู่ตลาดสากล ภายใต้โครงการเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูง(กาแฟ)จังหวัดน่าน กิจกรรมส่งเสริมและขยายช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง จังหวัดน่าน

โดยมีผู้ประกอบการกาแฟ ผู้ปลูก ผู้ผลิตและจำหน่ายเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
จังหวัดน่านกำหนดจัดกิจกรรม “ส่งเสริมและขยายช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟและผลิตภัตภัณฑ์ต่อเบื่อง จังหวัดน่าน” โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่านเป็นหน่วยดำเนินงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ จุดเด่นกาแฟและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของจังหวัดน่าน ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ และ

เพื่อส่งเสริมและเพิ่มช่องทางการตลาด ให้กับผู้ประกอบการกาแฟและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของจังหวัดน่าน ส่งเสริมเกษตรกร – ผู้ผลิต – ผู้จำหน่าย-ผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์กาแฟและผลิตภัตภัณฑ์ต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถต่อยอดในการขยายช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น และเกิดแรงจูงใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้สามารถแข่งขันในตลาดเป้าหมายได้มากขึ้น

สำหรับงาน Nan Coffee’s Day 2025 จะจัดขึ้น 2 ครั้ง โดยจัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดน่าน ณ ข่วงเมืองน่าน(ข่วงน้อย) ระหว่างวันที่ 5 – 7 ธันวาคม 2567 และจัดนอกพื้นที่จังหวัดระหว่างวันที่ 19 – 23 กุมภาพันธ์ 2567 ณ เซ็นทรัลศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยภายในงาน Nan Coffee’s Day 2025

จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบไปด้วย การแสดงและจำหน่ายผลิตลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจังหวัดน่าน การจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกาแฟจังหวัดน่าน กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจทั้งแบบออนไซต์ และออนไลน์ และยังมีกิจกรรมการเสวนาเรื่อง “กาแฟน่าน : เส้นทางสู่ความยั่งยืน”

นอกจากนี้ในแต่ละวันของการจัดงาน จะมีกิจกรรมบบเวที กิจกรรมส่งเสริมการขาย และกิจกรรมความบันเทิงต่าง ๆ ได้แก่ การสาธิตตริปกาแฟ การทำลาเต้อาร์ต การ Cupping การแข่งขันการทำเมนุกาแฟ ได้แก่ การทำเมนูเอสเพรสโซ่เย็นกาแฟน่าน, การทำเมนู Fusion coffee, การทำเมนู Black Coffee และ

การทำขนม เบเกอรี่จากกาแฟ และการแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงดนตรีสด และกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับผู้ซื้อสินค้าภายในงาน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / SME D Bank จัดอบรมสัมมนา“TikTok Shop” สร้าง Content กระตุ้นผู้ประกอบการรายย่อย SMEs ใช้โซเซียลเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมโรงแรมบีเคเพลส อ.เมือง จ.บึงกาฬ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมมือ หอการค้าจังหวัดบึงกาฬ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ สมาพันธ์ SMEsจังหวัดบึงกาฬ วิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)บึงกาฬ และ YEC จัดอบรมสัมมนา “TikTok Shop” สร้าง Content กระตุ้นผู้ประกอบการรายย่อย SMEs ใช้โซเซียลเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ โดยมี นายชาญวุฒิ ศรีเครือ คลังจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานพิธีเปิด

พร้อมด้วย นางสาวสิรีรัตน์ วิเชียรแก้ว สรรพากรพื้นที่บึงกาฬ นายวัชระ ศรีคัฒนพรหม รองผอ.ผู้จัดการเขตเขต 9 SMEBank นายบุญเพ็ง ลามคำ ประธานหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ นางสาวพชรธรณ์ ชาลี ผู้จัดการ ธพว.บึงกาฬ นางชลธร มณีขัติย์ ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ บึงกาฬ นายเอกชัย สิงห์บัณฑิต ผจก.ธนาคารกรุงเทพ บึงกาฬ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดบึงกาฬ นางกางวาร ทุ่งคำ ผจก.ธกส.บึงกาฬ ว่าที่ ร.ต.คมกฤษย์ เจนใจ ผจก.สนง.ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)บึงกาฬ นายอัมพร พรมเริงศักดิ์ ประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย จ.บึงกาฬ ผู้ประกอบการ นักศึกษา นักเรียน และผู้สนใจ ร่วมกิจกรรม

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น ภายใต้งาน “TikTok Shop สร้าง Content ยังไงให้ยอดขายทะลุเป้า” ให้กับผู้สนใจในจังหวัดบึงกาฬและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้มีโอกาสเติมเต็มความรู้การทำตลาดออนไลน์ TikTok มีอาจารย์สาทร อ่อนคำ ท่านเป็น TikTok Experts 2024 ของ TikTok Thailand ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาแนะนำเทคนิคต่างๆ ในวันนี้ อาทิหลักการตลาดสำหรับโลกออนไลน์และการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์บน TikTok รูปแบบของ Content วิดีโอสั้นสำหรับนธุรกิจ ธุรกิจ Affiliate การขายสินค้าแบบนายหน้า การหารายได้บน Tiktok Shop การผลิต Content วิดีโอสั้น การขายสินค้าของตัวเองให้เร็วและได้ผล เป็นต้น

ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจ สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น กระตุ้นยอดขาย สร้างรายได้ รวมถึงเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายทางธุรกิจในอนาคต นางสาวพชรธรณ์ ชาลี ผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank สาขาบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดอบรมสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ และผู้สนใจ นำไปใช้กับเครื่องมือทางการตลาดของ TikTok และสร้างคอนเทนต์ให้สินค้าของตัวเองเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง

ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจของผู้ประกอบการในจังหวัดบึงกาฬ ได้เติบโตและปรับตัวเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราเชื่อมั่นว่าการนำเสนอต้นทุนทางการเงินและความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีในธุรกิจนั้นเป็นโอกาสสำคัญแก่ผู้ประกอบการ และเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาธุรกิจแบบดั้งเดิมให้ก้าวไปสู่การใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความมั่นคงและความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ งาน.AsiaEntertainment Expo 2024 (AEE2024)หรือ (AACF2024) ที่ 15 ดาราเอวีตัวท็อปจากญี่ปุ่น

แชร์เนื้อหานี้

ผ่านพ้นไปแล้วกับงาน AsiaEntertainment Expo 2024 (AEE2024)หรือ (AACF2024) ที่ 15 ดาราเอวีตัวท็อปจากญี่ปุ่น ได้แก่ เรมุ ซูสุโมริ, ไซกะ คาวา
คิตะ, มายูกิ อิโตะ, มะนะ ซากุระ, ริริ นานะซีโมริ, มินาโมะ, เรน โกโจ, อายากะ
ยามางิชิ, ยูมิ ยาซึงาเกะ, ฮิบิกิ โอซีกิ, คาเรน ยุซริฮะ, มิซีริ นากาฮามะ, คานะ โมริ
ซาวะ, เรอิ คามิกิ เดินทางมาพบปะกับ แฟน ๆ ในไทย เป็นเวลา 2 วัน

23-24 พ.ย. ที่ผ่านมา ณ MIRACLE GRAND CONVENTION HOTEL โดยมีแฟนคลับทั้งไทย และ จากนานาชาติ เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น พร้อมกิจกรรมดี ๆ มากมาย เริ่มงานทั้ง 2 วัน ด้วยการเดินพรมแดงของ น้อง ๆ ทั้ง 15 คน ที่ให้เหล่าแฟนๆ ได้เจอ กับน้อง ๆ ถ่ายรูปถ่ายคลิป น้อง ๆ จะมา แนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จัก จากนั้นจะเป็น

ช่วงเวลาของกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น 1 on 1 Photo Time ที่ได้ถ่ายรูปคู่กับน้องๆ
,COSPLAY SHOW มี 3 ธีม ห้องเรียน, เมดคาเฟ่ และเรือนจำ ซึ่งทั้ง 15 สาว
จะเวียนกันเป็นรอบ ๆ ออกมาในชุดคอสเพลย์ ให้แฟน ๆ ได้ถ่ายภาพถ่ายคลิปวิดีโอกัน อย่างเต็มที่, Love Trip Limited Edition Blind Box

กลุ่มสุ่มรุ่น Love Trip ซึ่งจะได้ ลุ้นว่า จะได้รับการสารภาพรักจากน้อง ๆ
หรือ เดทกับน้อง ๆ แบบความสุข 2 เท่า และยังมีกิจกรรมพูดคุยบนเวที นำมาโดย
“เทพบุตรนิ้วทองคำ” คาโตะ ทากะ ตำนานดาราเอวีชายชื่อดังที่ปัจจุบันอายุ 65 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงและหล่อมาก รวม ทั้งมีน้อง ๆ ทั้ง 15 คน ที่วนเวียนกันขึ้นมา
พบปะแฟนพูดคุยกับแฟนๆ ในช่วง Happy Talking Time

นอกจากนั้น ยังมีสินค้าแรร์ไอเทมสุด พรีเมียม! จากซูเปอร์สตาร์สุดฮอต ที่มี
จำหน่ายภายในงาน AEE 2024 เท่านั้น ไม่ ว่าจะเป็น แก้วน้ำสุด Exclusive สกรีนลาย สาวสุดฮอต, หมอนอิงสุดนุ่มสกรีนลายสาว สุดฮอต, พวงกุญแจอะคริลิก, สติกเกอร์แม่ เหล็ก, สแตนดี้อะคริลิก, เสื้อสกรีนลาย สาว ๆ และโปสเตอร์สาว ๆ ทั้ง 15 คน

การจัดงาน AACF ครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อ ให้แฟน ๆ ได้พบปะกับดาราเอวีที่ตัวเองชื่น ชอบ อารมณ์ไม่แตกต่างกับงาน Meet and Greet ที่จัดขึ้นภายในกรอบที่ถูกต้องตามกฎหมายไทยและสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาร่วมงานครั้งนี้เกินกว่า 60% ซึ่งสร้างความสุขให้กับแฟน ๆ ที่ ได้มาหาดาราที่ตัวเองติดตามผลงาน ส่วน ตัวของศิลปินเอง ก็ได้รับพลังแรง
สนับสนุนจากคนที่เชียร์เธออยู่ ทำให้งาน อบอวลไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม

ถือเป็นอีกหนึ่ง Event Soft Power ที่สร้างรายได้เม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทย กับกิจกรรมหลากหลายมากมาย ที่ถ่ายทอดออกมา เป็นกิจกรรมสนุกสนาน ไม่ออกไปในทางที่เสื่อมเสียเลยแม้แต่น้อย หวังว่าคงจะมี จัดกิจกรรมแบบนี้ในปีต่อๆไปอื่นนะครับ

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ / มิสแกรนด์ประจวบฯ 2025 เข้าพบรองผู้ว่าราชฯ รอบไฟนอล 30 พ.ย. นี้ ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 27 พ.ย.67 ที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับคุณภาติยะ นิ่มน้อย ผู้ได้ลิขสิทธิ์ในการจัดกองประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025 นายทิวัตถ์ แจ่มสว่าง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะผู้จัดการประกวดฯ และผู้เข้าร่วมประกวดฯ 11 ท่าน โดยทางคณะผู้จัดการประกวดฯ

ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการค้นหาสาวงามที่จะเป็น ตัวแทนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปประกวดในเวที มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 เวทีประกวดสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีจุดประสงค์ในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ในการนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ให้โอวาทแก่คณะผู้จัดฯและผู้เข้าร่วมประกวดฯ ก่อนที่จะมีการจัดการประกวดขึ้น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกองประกวดฯ สำหรับการจัดประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025

เป็นการคัดเลือกสาวงามที่มีความเพียบพร้อมทั้งความงาม สุขภาพที่ดี มีสติปัญญา เพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดเดินทางไปประกวดเวทีระดับประเทศ โดยจะจัดการประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025 รอบไฟนอลในวันที่ 30 พ.ย.67 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้น ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน (Bluport Huahin) ไป ไฮไลท์ของงานเตรียมพบกับ “อิงฟ้า วราหะ” , “หลิน มาลิน” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ คนล่าสุด

//////////////

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกมวยไทยวันลอยกระทงเขื่อนสียัดพัฒนา จัดโดย.อบต.ท่าตะเกียบ/และศึกรวมพลคนเขาบายศรี สามัคคีรวมใจต้านภัยยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

15 พฤศจิกายน 2567 ประธานเปิดงานการแข่งขันนายบุญมี บัวรุ่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบและนายสมศักดิ์ พรมภิบาล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบน้าแดงให้เกียรติคล้องพวงมาลัยเป็นกำลังใจให้กับนักมวยในศึกนี้ และชิงถ้วยรางวัลดุเดือดจาก

นายทวี สาธุชาติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบ และชิงถ้วยรางวัลไหว้ครูสวยงาม ศิลปะมวยไทยยอดเยี่ยม จากผู้ใหญ่แพง ศรีมณี และชิงถ้วยรางวัลชิงแชมป์จาก ท่านศิริพงษ์ รัศมี (อดีตสส. เขตหนองจอก ) ประกบคู่มวย

โดย ไพโรจน์ น้ำดื่มโชคปรีชา ผู้ใหญ่เเพง ศรีมณี ฟรีซ์ ระยองเอ๋ โชคปรีชา โขง ฉลามชัย ครูเจี๊ยบ ศึกนี้ชมฟรีตลอดงาน ณ.เวทีมวยชั่วคราว เขื่อนสียัดพัฒนา ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
เอ.คนข่าวรายงาน

ศึกรวมพลคนเขาบายศรี สามัคคีรวมใจต้านภัยยาเสพติด ประธานกล่าวเปิดงานการแข่งขัน

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ดร.พีระพงษ์ ไพรินทร์ และให้เกียรติคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวยทั้งคู่ สนับสนุนโดย รศ.ดร.ณัฐพงศ์ บุญเหลือ
คุณ นัทธี สุวรรณมาโจ คุณชัยพยัพ หอมกลิ่น PTT สงวนสิน
คุณสมจิตร แว่นแก้ว คุณกฤษ คุ้มพรรค์

นายกโก๊ะ ท่าทราย บูม เด็กเซียน คุณชัยยนต์ สมภูงา เสี่ยโห บางพลี แดง เขาทราย แซม บางบัวทอง ดร.ศรายุทธ แสนมี เสี่ยสมหมาย สกุลเมตตา เสี่ยชาย ทุ่งสง รายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันชกมวยศึกครั้งนี้ ณ.สนามมวยชั่วคราวข้างวัดเขาบายศรี ต.เขาบายศรี อ.ท่าไหม จ.จันทบุรี


เอ คนข่าวรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ เกษตรท่าวังผา น่าน มอบเมล็ดพันธุ์ผักให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย2567 / รมว.เอกนัฏ เปิดโร้ดแม็ป 3 ปี ดันไทย ฮับโกโก้แห่งอาเซียน

แชร์เนื้อหานี้

26 พฤศจิกายน 2567 นายสันติ มณีอ่อน เกษตรอำเภอท่าวังผา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และประธานชมรมศิษย์เก่าแม่โจ้จังหวัดน่าน ได้ส่งมอบเมล็ดพันธุ์ผักและกล้าผัก ภายใต้โครงการผลิตพืชพันธุ์ดีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติของกรมส่งเสริมการเกษตร และภายใต้โครงการเมล็ดพันธุ์แห่งความดี ชุบชีวีหลังน้ำลด ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย

บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย มูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยแม่โจ้ สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และชมรมศิษย์เก่าแม่โจ้จังหวัดน่าน ให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย (น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม) ด้านพืช เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 อำเภอท่าวังผา 10 ตำบล 54 หมู่บ้าน เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 645 ราย ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์ผัก จำนวน 6 ชนิด

ได้แก่ เมล็ดถั่วฝักยาว เมล็ดผักคะน้าลูกผสม เมล็ดพริกขี้หนูลูกผสม เมล็ดผักกาดขาวปลีลูกผสม เมล็ดผักกวางตุ้งต้นลูกผสม และเมล็ดมะเขือเปราะพวงหยกจักรพันธ์ และกล้าผักในถาดหลุม จำนวน 6 ชนิด ประกอบด้วย กล้าถั่วพู กล้ากะหล่ำปลี กล้ามะเขือเทศ กล้าพริกใหญ่ กล้าพริกชี้ฟ้า และมะเขือเปราะเจ้าพระยา/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

รมว.เอกนัฏ เปิดโร้ดแม็ป 3 ปี ดันไทย ฮับโกโก้แห่งอาเซียน เชื่อมท่องเที่ยวด้วยซอฟต์พาวเวอร์โชว์ศักยภาพ “ดีพร้อม” ยกระดับผู้ประกอบการโกโก้สู่สินค้า GI โกยรายได้เพิ่มอีก 8 พันล้านบาท

ค่ำวานนี้ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.30 น. ณ ร้าน โกโก้ วัลเลย์ คาเฟ่ ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำผู้บริหารจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมติดตามความสำเร็จการส่งเสริมอุตสาหกรรมโกโก้ในพื้นที่จังหวัดน่าน

เพื่อเร่งเดินหน้าประเทศไทยสู่ฮับโกโก้ของอาเซียน สนองยุทธศาสตร์ผู้นำแหล่งผลิตและตลาดผลไม้เมืองร้อนของรัฐบาล โดยมีแผนระยะ 3 ปี เชื่อมโยงกับซอฟต์พาวเวอร์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) รุกพัฒนาผู้ประกอบการโกโก้ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านการพัฒนาในแต่ละภูมิภาคก้าวสู่การเป็นสินค้า GI เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์ของท้องถิ่นที่เน้นความโดดเด่นในเชิงคุณภาพ และอัตลักษณ์ทางรสชาติ ด้วยการพัฒนาความรู้ เทคโนโลยี และมาตรฐานต่าง ๆ

คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจอีกกว่า 8 พันล้านบาท พร้อมชูต้นแบบความสำเร็จ โกโก้วัลเล่ย์ ธุรกิจโกโก้ครบวงจรตั้งแต่การปลูก แปรรูป การสร้างแบรนด์ และแหล่งท่องเที่ยว สามารถสร้างรายได้ให้ครัวเรือนโดยรอบกว่า 300 ครัวเรือน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” พร้อมมุ่งสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน และมุ่งเซฟอุตสาหกรรมไทยที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมอยู่คู่กับชุมชน

เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการสร้างรายได้และเป็นการกระจายมูลค่าเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะ “เกษตรอุตสาหกรรม” ซึ่งเกษตรกรไทยมีศักยภาพและมีการเพาะปลูกในทุกภูมิภาค โดยจะมุ่งสนับสนุนทั้งพืชเศรษฐกิจเดิม และพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โกโก้ ที่สามารถสร้างมูลค่าตั้งแต่ผลสด เมล็ดแห้ง และการแปรรูปเป็นสินค้าสร้างสรรค์ อีกทั้งยังพบว่าตั้งแต่โกโก้เริ่มได้รับความนิยมในไทย ยังเป็นแรงจูงใจในหลายด้าน เช่น โมเดลธุรกิจคาเฟ่ ท่องเที่ยว คนรุ่นใหม่ที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการเกษตร พร้อมนี้รมว.อุตสาหกรรมได้เวิร์คช็อปการผลิตช็อคโกแลตจากโกๆอีกด้วย
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM)

ได้กำหนดให้จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ต้นแบบการปลูกโกโก้ทั่วประเทศภายใต้แนวคิด “น่านโมเดล” โดยมุ่งหวังสร้างความนิยมการปลูกพันธุ์โกโก้น่าน 133 ที่เป็นสินค้า GI โดยการเพิ่มจำนวนพื้นที่เพาะปลูกและจำนวนผู้ประกอบการ สร้างต้นแบบธุรกิจ หรือดีพร้อมฮีโร่ขึ้น โดยมีผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คือโกโก้วัลเลย์ (Cocoa Valley) ต้นแบบธุรกิจโกโก้ครบวงจรของน่านที่มีศักยภาพตั้งแต่การปลูก แปรรูปจนถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จากการเข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมต้นแบบอัจฉริยะ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่พร้อมเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโลก โดยทุกวันนี้โกโก้วัลเลย์ ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของจังหวัดน่าน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบโกโก้และช็อกโกแลต และขณะเดียวกันธุรกิจนี้ยังได้ส่งต่อความรู้การปลูกโกโก้ให้กับเกษตรกรในชุมชน สร้างรายได้ และผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนโดยรอบมากกว่า 300 ชุมชน เช่น กลุ่มขายผลสดโกโก้ กลุ่มชนเผ่า กลุ่มย้อมผ้า ทำให้คนในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีการพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกโกโก้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร และสปา เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ได้สอดรับกับความต้องการตลาด เช่น เครื่องสำอาง เครื่องดื่มสำเร็จรูป คราฟท์ช็อกโกแลต/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ / เมืองพัทยาประชุมเตรียมจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week & The Way Life Never War 2025/ตลาดผ้ามือสองพัทยาคึกคัก ไทย-เทศแห่ช้อปปิ้งรับอากาศหนาว/เปิดแล้ว KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมน อร่อยไฟลุก! เจ้าแรกในพัทยา

แชร์เนื้อหานี้

เวลา 13.30 น. วันที่ 25 พ.ย.67 ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมพิจารณา พื้นที่การจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week & The Way Life Never War 2025 โดยมี นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายประสาร นิกะจิ๊ นายกสมาคมบูรพามอเตอร์ไซค์เคิลคลับ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือเตรียมความพร้อมจัดงาน

เมืองพัทยาร่วมกับสมาคมบูรพามอเตอร์ไซค์เคิลคลับ นำโดยนายประสาร นิกะจิ๊ นายกสมาคมฯ เตรียมจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week & The Way Life Never War 2025 ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. 2568 ที่บริเวณสวนสาธารณะ ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก ซอยชัยพฤกษ์ 2 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองพัทยา

ทั้งนี้ ในการประชุมได้พูดคุยในเรื่องของการจัดสถานที่จอดรถที่ต้องมีความปลอดภัย ดูแลได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากแต่ละปีทีพี่น้องชาวไบเกอร์เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องช่วยกันดูแลไม่ทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแต่ละปีได้รับความร่วมมือที่ดีจากพี่น้องชาวไบเกอร์และผู้ร่วมงานเป็นอย่างดี

เมืองพัทยาจัดอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ประจำปี 2568

วันที่ 26 พ.ย.67 ที่โรงแรมแกรนด์เบลล่า พัทยา จ.ชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีจัดอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ประจำปี 2568 โดยมีสมาชิกสภาเมืองพัทยา วิทยากร สื่อมวลชนและผู้เข้ารับการอบรมรวม 80 คน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

การอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ประจำปี 2568 ในครั้งนี้ ฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ส่วนพัฒนาชุมชนและส่งเสริมอาชีพ สำนักสวัสดิการสังคม โดยจัดการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และงานบริการสู่สากล” ให้แก่กลุ่มอาชีพ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่ม Pattaya Brand และผู้ประกอบการรายย่อยเมืองพัทยา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.67 โดยวิธีการบูรณาการร่วมกับภาครัฐและเอกชน

จัดอบรมให้ความรู้ รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบริหารจัดการธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และงานบริการ ด้วยทุนทางวัฒนธรมและภูมิปัญญาถึงอัตลักษณ์ของพื้นที่ เพื่อต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจ มีคุณภาพ มีมาตรฐานสร้างมูลค่าระดับสู่สากล สามารถเข้าสู่ตลาดการค้าภายในประเทศ และขยายสู่ตลาดการค้าระดับโลกได้ เป็นการสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง นำไปสู่การสร้างสรรค์เศรษฐกิจชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ต้นแบบรับการรับรองผลิตภัณฑ์ผ่านตราสัญลักษณ์ EEC Select 2025 และจะได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ยกระดับสู่สากล มีช่องทางการจัดจำหน่ายในมิติต่างๆ ร่วมกับเครือข่ายทั้งในระดับภูมิภาค ประเทศ และระดับนานาชาติที่เข้มแข็ง อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันศักยภาพพื้นที่ในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้ การอบรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนวิทยากรจาก ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9, อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี, สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก, EEC Select , EEC Connext และกลุ่มอาชีพต้นแบบจากพนัสนิคม

ตลาดผ้ามือสองพัทยาคึกคัก ไทย-เทศแห่ช้อปปิ้งรับอากาศหนาว

ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศในเขตพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก จากผลกระทบมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มเคลื่อนผ่านอ่าวไทย และเข้าสู่ฤดูหนาวประจำปี 2567 อย่างเป็นทางการ

วันที่ 26 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บริเวณตลาดแกรนด์ฮอล์ พัทยาใต้ ซึ่งเป็นตลาดสินค้ามือหนึ่งและมือสองที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา พบว่าเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้มาใช้บริการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

ทั้งนี้ พบว่าในส่วนของพื้นที่จำหน่ายเสื้อแขนยาว เสื้อคลุมและผ้าห่มมือสองมีผู้เข้าไปเลือกหาและเตรียมเครื่องนุ่งห่มไว้ใช้คลายหนาวในช่วงนี้ซึ่งอากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ กันตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าสินค้าประเภทดังกล่าวมีรายได้ขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวในระดับที่น่าพอใจ

เปิดแล้ว KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมน อร่อยไฟลุก! เจ้าแรกในพัทยา

นายวิเชียร โอซาว่า หรือ “นาย” เจ้าของแบรนด์ร้าน KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมน เล่าว่า เริ่มต้นจากความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอรสชาติ และวัฒนธรรมสไตล์ต้นตำหรับขนานแท้จากญี่ปุ่น ในแบบที่แตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปในเมืองพัทยา เพราะกลางร้านมีโซนโต๊ะนั่งแบบเคาน์เตอร์ จะได้เห็นฝีมือของเชฟผู้มากประสบการณ์ ในการควงตะหลิว พ่นไฟ ปรุงอาหารกันแบบสดๆ อย่างพิถีพิถัน เพื่อเพิ่มอรรถรส และแสดงความสดของอาหาร ในการนำมาปรุงแต่ละเมนู

ซิกเนเจอร์ของร้าน จะเป็นอาหารที่ปรุงจากเตาเทปปันทั้งหมด อาทิเช่น โทริไฟเออร์ เนื้อไก่คัดสรรสุดพิเศษ ผัดกับพริกแดง รสชาติจัดจ้าน เอาใจคนชอบเผ็ด ที่สำคัญมีการโชว์ ไฟเออร์ ตื่นตาตื่นใจ ต่อมาเป็น โมยาชิไฟเออร์หมู, ฟูจิยามะ ชิริโทริยากิหมู,โอโคโนมิยากิ คะชะคะชะ สไตล์, โทโรทามะยากิ และอาหารอื่นๆมากกว่า 100 เมนู ให้เลือกสั่งมาลิ้มลองในราคาเริ่มต้นที่ 100 บาท

สำหรับบรรยากาศของร้านตกแต่งสไตส์ญี่ปุ่นตั้งแต่ภายนอกร้าน เมื่อเข้าไปจะได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับเสียงดังฟังชัดทุกคน มีทั้งโซนนั่ง เคาน์เตอร์, โซนโต๊ะนั่งทั่วไป หรือโซน VIP ที่นั่งได้ 8 คนเป็นห้องที่มีโต๊ะนั่งบนเบาะหย่อนขาลงไปได้แบบสบายๆ ผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ต้องไม่ควรพลาด

ร้าน KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมนตั้งอยู่ ติดกับถนนพัทยากลาง บริเวณทางลงสามแยกชายหาดพัทยากลาง เปิดให้บริการทุกวันตั้งเปิดทำการ 16.00 น. ถึง 23.00 น. ติดตามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ KACHA KACHA หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร. 084-686-5555

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/นายกพัทยาโชว์เจ๋ง! นำทีมเปิดตัวสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ – ตรวจวัดค่าระดับเสียง/เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาโฉมใหม่ ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตื่นตาพลุนานาชาติ 4 หมื่นนัด

แชร์เนื้อหานี้

นายกพัทยาโชว์เจ๋ง! นำทีมเปิดตัวสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ – ตรวจวัดค่าระดับเสียง ชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile เฝ้าระวังสภาพปัญหามลพิษทางอากาศยกระดับความห่วงใยนักท่องเที่ยว

ช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ย. 67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมรองนายกเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา และผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ริมชายหาดพัทยา เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ – ตรวจวัดค่าระดับเสียง ชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile เพื่อเฝ้าระวังสภาพปัญหามลพิษทางอากาศ

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ให้ข้อมูลว่า ในปัจจุบันสถานการณ์มลพิษทางอากาศนับเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆ ของประเทศโดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ และมีปริมาณสูงมากในอากาศจนดูคล้ายกับมีหมอกหรือควันลอยอยู่ในอากาศตลอดเวลา การรับสัมผัส PM2.5 ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพของประชาชนและอาจนำไปสู่สาเหตุการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ ปอด ผิวหนัง และกระแสเลือดได้

เมืองพัทยาได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบสภาพปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น อันเห็นได้ชัดเจนจากการประกาศนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่มั่งคั่งภายใต้การมุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม ผู้บริหารเมืองพัทยาจึงได้อนุมัติงบประมาณสำหรับดำเนินการจ้างเหมาตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบสภาพปัญหามลพิษทางอากาศ ด้วยวิธีตามมาตรฐานของค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI)

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของเมืองพัทยา จำนวน 1 สถานี ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท แยกพัทยากลาง ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมพื้นที่เมืองพัทยาด้วยเป็นสถานีแบบติดตั้งถาวร หากเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤตมีปรากฏการณ์ Smog ประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยาเกิดความวิตกกังวลและอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพและการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันรวมถึงการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการเฝ้าระวังสถานการณ์และคลายความวิตกกังวลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

เมืองพัทยาจึงมีนโยบายเพิ่มสถานีตรวจวัดอากาศ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในเมืองพัทยา ด้วยสถานีตรวจวัดอากาศชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile จำนวน 1 สถานี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยจะเคลื่อนย้ายทุกๆ 15 วัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขีดความสามารถในการปฏิบัติงานได้สะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ โดยผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถตรวจวัดระดับมลพิษทางอากาศและเสียง พร้อมแสดงผลการตรวจวัดได้แบบ Real Time Monitoring บนจอแสดงผล LED ประจำสถานีตรวจวัดอากาศชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile และสามารถสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อมของเมืองพัทยาให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

โดยจะได้มีการรายงานผลการตรวจวัดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ PRPATTAYA เป็นประจำทุกวัน และเว็บไซต์เมืองพัทยา https://pattaya.go.th แบบ Real Time Monitoring เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังสภาพปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น และเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและการแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นได้ต่อไปเช่นกัน

ทีเส็บดันสุดจัดเต็ม! เผยเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาโฉมใหม่ ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตื่นตาพลุนานาชาติ 4 หมื่นนัด

งานเทศกาลพลุเมืองพัทยา จากจุดเริ่มตื่นต้นระดับเมืองที่ร่วมคิดร่วมทำกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนเมืองพัทยา ด้วยประสบการณ์ ความสร้างสรรค์ และการต่อยอดกิจกรรมต่างๆ จากอดีต จนปัจจุบันถูกยกระดับเติบโตอย่างก้าวกระโดดส่งานระดับนานาชาติ ภายใต้ชื่อ “งานเทศกาลพลนานาชาติเมืองพัทยา” งานที่ไม่ได้เป็นเพียงความภาคภูมิใจของชาวเมืองพัทยาเท่านั้น หากแต่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ

“เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2554 และได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่าวประเทศเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี จนปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานจากทุกมุมโลกรวมทั้งสิ้งสิ้นกว่า 275,000 คน มีร้านค้าร่วมออกร้านกว่า 250 ราย สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 2,261 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น กระตุ้นและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเมืองพัทยาอย่างยั่งยืน” ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวจากงานระดับเมือง เดินหน้าสู่งานระดับประประเทศ และยกระดับขึ้นสู่การเป็นงานระดับนานาชาติ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ให้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกองค์กรทุกภาคส่วน โดยหนึ่งในองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการเข้าร่วมยกระดับงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยานั่นก็คือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ”

โดยสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคกลางได้ร่วมคิดร่วมพัฒนาผลักดันส่งงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาเข้าประกวดจนได้รับรางวัลระดับโลก ภายใต้ชื่อรางวัล IFEA/Haas & Wilkerson Pinnacle Awards ในประเภท Best Emergency Preparedness & Risk Management Plan ระดับโกลด์ ประจำปี 2024 ทีเส็บสำนักฯภาคกลางได้ร่วมกับเมืองพัทยา ในการดำเนินงานส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์เมืองพัทยา ในฐานะไมซ์ซิตี้หนึ่งเดียวของภาคตะวันออก เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและยกระดับงานเทศกาลศักยภาพพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ภายใต้โต้โครงการที่เรียกว่า MICE Flagship Events ซึ่งเป็นการยกระดับงานเทศกาลขึ้นสู่ระดับนานาชาติ งานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORK FESTIVAL) นับเป็นหนึ่งในงานเด่นในไมซ์ซิตี้ (Flagship Event)
ที่ได้ยกระดับสู่งานเทศกาลระดับนานาชาติ และได้สร้างชื่อเสียงการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับเมืองพัทยาอย่างต่อเนื่อง

คาดว่างานนี้จะดึงผู้เข้าชมงานหลากหลายกลุ่มจากต่างประเทศและในประเทศได้เพิ่มขึ้น และยังเป็นงานที่ส่งเสริมภาพลักษณ์เมืองพัทยา ในฐานะเมืองที่มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพงานระดับนานชาติ รวมถึงสนับสนุนการบูรณาการการทำงานร่วมกันกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาให้เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองไมซ์ระดับโลก ดร.สุรัชสาห์ ทองมี ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า ที่ผ่านมา งานพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORK FESTIVAL) ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยการคว้ารางวัล Asia Festival City 2024 จากสมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ (International Festivals & Events Association 198 FEA) เป็นรางวัลสำหรับเมืองที่จัดงานระดับเอเชีย 3 ปีซ้อน และได้รางวัลระดับโกลด์ “2024 IFEAVHAAS&WILKERSON PINNACLE AWARDS COMPETITION” ในประเภท Best Emergency Preparedness & Risk Management Plan ซึ่งเป็นงานระดับโลกของ IFEA World”

ไม่หยุดเพียงแค่นั้น สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคกลาง ยังร่วมกับเมืองพัทยาอย่างต่อเนื่อง ในการพลิกโฉมใหม่ให้กับงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา เพื่อการสร้างความจดจำ สะท้อนอัตลัตลักษณ์ของงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 นี้ “ทีเส็บ ได้ดำเนินการในจัดทำแผนงานกลยุทธ์การตลาดและประชาสัมพันธ์ในระยะ 3 ปี และออกแบบอัตลักษณ์งานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORKS FESTIVAL) เพื่อทำให้เกิดภาพจำ และยกระดับการจัดงานเทศกาลสู่ระดับนานาชาติ ให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม เสริมสร้างให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนโดยอัตลักษณ์ของงานเทศกาลพลุนานาชาติใหม่นี้จะเริ่มใช้ในปี 2567 อันจะเป็นการสร้างความรับรู้และเป็นที่จดจำในฐานะที่เป็นงานเทศกาลระดับโลกอีกด้วย ภายใต้การทำงานของทีเส็บที่มุ่งเน้นให้เกิดการสร้าง Festival Design ซึ่งเป็นกลยุทธ์การสร้างงานเทศกาลที่ดึงเนื้อหา (Content) ผนวกกับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เข้ามาเป็นส่วนเสริม เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางด้านการตลาดทำให้เกิดความน่าสนใจและภาพจำที่มากขึ้นในระดับนานาชาติ” ดร.สุรัชสาน์ ทองมี กล่าว

และในปีนี้ คาดว่าทุกคนจะได้เห็นงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาที่มีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ทั้งแสง สี เสียง และที่ขาดไม่ได้ สีสันของพลุหลายหมื่นนัดจะกลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้ง โดยปีนี้จะมีคอนเสิร์ตและการแสดงสนุกๆ เช่นเดิม พร้อมพลุตระการตากว่า 40,000 นัด ทั้งจากประเทศไทยและจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเซอร์เบีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง เยอรมัน และอังกฤษ”ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานเทศกาลพลุนานาชาติกันให้มากๆ ซึ่งมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย ทางเมืองพัทยาร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาสาสมัครจากหลายภาคส่วนร่วมวางแผนเตรียมต้อนรับผู้เข้าร่วม ให้มีความปลอดภัยสูงสุด เหมาะสมกับรางวัล Best Emmergency Preparedness & Risk Management Plan ที่เพิ่งได้มา” นายกเมืองพัทยา กล่าวทิ้งท้าย