เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “โก๊ะตี๋” ซุ่มซ้อมรำมโนราห์เพียง 1 ชั่วโมง เข้าฉากปะทะ ครูไข่เหลี้ยมครูมโนราห์ชื่อดังงัดภูมิ “ลิเกเก่า” เทคเดียวผ่านฉลุยในซีรีส์ “คู่เตะแข้งบิน”

แชร์เนื้อหานี้

“โก๊ะตี๋ ชัยกฤต อ่อนละม้าย” ศิลปินนักแสดงชื่อดังเปิดประสบการณ์เรียน “รำมโนราห์” อย่างจริงจังกับ “ครูไข่เหลี้ยม” ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการแสดงพื้นบ้านชื่อดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช เผยแรงบันดาลใจอยากสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย เพื่อส่งต่อคุณค่าศิลปะให้เข้าถึงผู้ชมทุกวัย การเรียนรำมโนราห์ครั้งนี้เริ่มตั้งแต่ถ่ายทอดแก่นแท้และกริยาของมโนราห์ และความเคารพต่อครูบาอาจารย์เริ่มจากขั้นตอนพิธีไหว้ครู,จังหวะและท่วงท่าพื้นฐาน ไปจนถึงรายละเอียดการวางมือ ปลายเท้า ลมหายใจ และสมาธิในขณะรำ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจถึงจิตวิญญาณของศิลปะ ไม่ใช่เพียงจำท่าเท่านั้น ซึ่งเพราะความเป็นลิเกเก่าของ โก๊ะตี๋ จึงทำให้ใช้เวลาในการเรียนเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ก็สามารถร่ายรำท่วงท่าของมโนราห์ออกมาได้อย่างสวยงามจนครูไข่เหลี้ยมถึงกับปรบมือให้กับลูกศิษย์คนนี้“การก้าวจากเวทีบันเทิงสู่เวทีศิลปะพื้นบ้านเป็นความท้าทายใหม่ๆ ที่ต้องอาศัยวินัย ความอดทน และความตั้งใจจริง แต่กลับทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งในความงามและคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้น

ผมมีความตั้งใจมากที่จะใช้พลังของสื่อและฐานแฟนคลับเพื่อชักชวนให้สังคมหันมาสนใจในมโนราห์มากขึ้น ยิ่งเมื่อได้มาร่วมแสดงในซีรีส์ “คู่เตะแข้งบิน” ที่มีเรื่องราวในภาคใต้ เราซึ่งเป็นน้องของครูสอนมโนราห์ คือ มโนราห์ไข่เหลี้ยม ก็ต้องรำให้เป็นก็เลยถือโอกาสเรียนซะเลย ซึ่งปรากฏว่าทุกท่วงท่าการรำ มีความคล้ายคลึงกับลิเกมากๆ ไม่ว่าจะจีบ จะรำ เพียงแต่จะต้องวาดแขน การจีบ การวางมืออีกแบบหนึ่ง ผมรู้สึกชอบมากๆ และที่สำคัญผมถ่ายฉากรำนี้แค่เทคเดียวผ่านเลย ก็ตะลึงกับตัวเองเหมือนกันครับ” โก๊ะตี๋กล่าว ด้านครูไข่เหลี้ยม (คุณภูมิพัฒน์ อนุวัฒนวงศ์) กล่าวว่า “การมีบุคคลสาธารณะเข้ามาเรียนรู้และสื่อสารอย่างถูกต้อง ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนและสังคมวงกว้าง ที่สำคัญคือการรักษามาตรฐานทางศิลปะ ตลอดจนความถูกต้องของแบบแผน และการเคารพรากเหง้าทางวัฒนธรรมควบคู่กันไปด้วยครับ ซึ่งผมรู้สึกดีใจมากๆที่ได้มีโอกาสสอนคุณโก๊ะตี๋ที่เป็นคนที่เก่งและมีพรสวรรค์ด้านศิลปะทุกรูปแบบจริงๆครับคนนี้ ” โดยฉากการรำมโนราห์ ของ โก๊ะตี๋ ปะทะ ครูไข่เหลี้ยม นี้ จะออนแอร์ในคืนวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม เวลา 22.25-23.25 น. ทาง ช่อง 3HD

”คู่เตะแข้งบิน” นำเสนอเรื่องราวของเยาวชนกลุ่มหนึ่ง ที่กล้าจะก้าวเพื่อไปตามหาและคว้าความฝันในกีฬาฟุตบอลที่เขารัก กำกับฯ โดย บอมบ์ อัศจรรย์ สัตโกวิท (แห่ง ถอดรหัสวิญญาณ และ มึง กู เพื่อนกันจนวันตาย) โดยได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่เป็นกองหลังในการผลักดันให้เกิดการสร้างซีรีส์สร้างสรรค์สังคม แนว Sport and Inspiration นี้ขึ้นมา นำแสดงโดย โก๊ะตี๋ ชัยกฤต อ่อนละม้าย ร่วมด้วย จิ้ม ชวนชื่น, ต็อก ศุภกร,จุ๊บแจง ชาลีจังหาญ,เอ-วีระชัย หัตถโกวิท, อาเกรียง-พันธมิตร,สนธยา ชิดมณี,แจ็ค ไอเฟล ,ปู-ปริศนา ,โก้-ธีระศักดิ์ ,คุณภูมิพัฒน์ อนุวัฒนวงศ์ และยังได้รับเกียรติจาก “โจนาธาร เข็มดี” กองหลังทีมชาติไทยจากสโมสร Ratchaburi FC พร้อมดาวเด่นจากทีมบอลเยาวชนทั่วประเทศมาร่วมแสดงอาทิ วีเซนเต้-จรัสรวี วุฒิเจริญสุข รับบทพลุ (นักฟุตบอลเยาวชน ทีม การท่าเรือ) ,อิท- ขจรศักดิ์ สักกะณรงค์(นักฟุตบอลโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี), พีค-พิชญะ ชัยวรางกุล นักฟุตบอลเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกร่วมทีมชาติไทย U17, สแนค-ธีรเดช ชนะสุวรรณดำรง ฯลฯ และนางเอกดาวรุ่งหน้าใหม่ ไข่มุก-ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล

“คู่เตะแข้งบิน” ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 22.25- 23.25 น. ทางช่อง 33 และทางแอพพลิเคชั่น 3Plus

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / คัดเลือกศูนย์การเรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบ

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้(28 ส.ค. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร มอบประกาศเกียรติคุณ ให้แก่ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จังหวัดชุมพร

ณ ห้องประชุมเกาะเสม็ด ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดชุมพร ด้วยกรมการปกครองกำหนดโครงการสำคัญประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภารกิจหลักด้าน 1 การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ โดยส่ง

เสริมศูนย์การเรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบให้เป็นแหล่งการเรียนรู้สำคัญ และเพื่อให้อำเภอมีผลการดำเนินงานเป็นรูปธรรม เป็นต้นแบบและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่

โดยให้ที่ทำการปกครองจังหวัดชุมพร ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกศูนย์การเรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบ จังหวัดชุมพร ผลปรากฏ ดังนี้ 1. รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนชีวิต โคก หนอง นา บายใจ บ้านเขาหมาแหงน หมู่ที่ 2

ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก 2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา โมเดล บ้านห้วยทรายขาว หมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งหลวง อำเภอละแม 3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้ฯ บ้านห้วยบอน หมู่ที่ 4 ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร

กรมการปกครอง มอบประกาศเกียรติคุณให้ไว้เพื่อแสดงว่า รงเรียนชีวิต โคก หนอง นา บายใจ บ้านเขาหมาแหงน หมู่ที่ 2 ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ได้รับรางวัล ชนะเลิศ ระดับจังหวัด

ตามโครงการ 1 จังหวัด 1 ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต้นแบบ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2568 ให้ไว้ ณ วันที่ 30 เดือน มิถุนายน 2568 โดย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงษ์ อธิบดีกรมการปกครอง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบยางรถยนต์และเสบียงช่วยเหลือทหารในพื้นที่ปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่(28 สิงหาคม 2568) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้นำทีมร่วมกับบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด, รายการข่าวสามมิติ และสำนักข่าวออนไลน์ The Reporters ลงพื้นที่ส่งมอบสิ่งของเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 โดยมีพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนรับมอบ ณ ค่ายสุรนารี ตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือด้านการประสานงานจากนางสาวปภิญญา ทองสมจิตร แรงงานจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับสิ่งของที่นำไปมอบ ได้แก่ ขนมเส้นบุกปรุงรสหม่าล่า 100 ลัง เมล็ดแตงโม 100 ลัง และข้าวโอ๊ต 50 ลัง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ไบ่ ลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด นอกจากนี้ยังมียางรถยนต์จำนวน 100 เส้น จากบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด โดยได้รับความร่วมมือด้านการขนส่งจากบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สิ่งของทั้งหมดนี้จัดเตรียมไว้เพื่อเป็นเสบียงและของว่างสำหรับเจ้าหน้าที่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่สำหรับยางรถยนต์ที่มอบในครั้งนี้ บางส่วนจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ปฏิบัติการของ หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการสร้างเกราะป้องกัน และเสริมความปลอดภัยในภารกิจสร้างหลุมหลบภัยและเส้นทางยุทธวิธีสำคัญ

นางเธียรรัตน์ เปิดเผยว่า การสนับสนุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจในการเสริมสร้างความพร้อมและขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่สำคัญ เพื่อให้สามารถดำเนินภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราได้ตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทกองทัพในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ อีกทั้งเล็งเห็นถึงความทุ่มเทและความเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกคน จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ยืนยันว่าจะเดินหน้าสานต่อภารกิจเพื่อสังคมและสนับสนุนผู้ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและประโยชน์ที่ยั่งยืนแก่ชุมชนและประชาชน

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ร่วมกับ สถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงานแสดงเทคโนโลยีเกษตรและเครื่องจักรแปรรูปทางการเกษตรแห่งปี!

วันที่ 9 กันยายน 2568เวลา 08:30 – 16:00 น.AgriTech & Agro-Processing Machinery Fair 2025 ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 6 อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมาไฮไลต์ภายในงาน ชมเทคโนโลยีและเครื่องจักรเกษตรรุ่นใหม่ล่าสุด
เสวนาเจาะลึกอนาคตเกษตรไทยยุคเปลี่ยนผ่าน
แนวทางสู่ “ เกษตรอัจฉริยะ” ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมพิเศษ! เข้าชมงาน ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายพร้อมสิทธิ์ลุ้นรับ เครื่องจักรแปรรูปสุดพรีเมียม ภายในงานลงทะเบียนล่วงหน้า ผ่าน QR Code หรือลิ้งก์ลงทะเบียนได้ที่https://forms.cloud.microsoft/r/u9nZwJYrtk

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.ห้วยยาง ได้รับการตรวจประเมิน ได้ลำดับที่ 1จาก ภ.จว. ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินงานโครงการตำบลยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ศาลาประชาคมบ้านไร่ใน ม.1 ตำบลแสงอรุณ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ (สส./ปส.) มอบหมายสั่ง

การให้ พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.สหธัญ กำบิลดีลิราช รอง ผกก.ป.สภ.ห้วยยาง ว่าที่ พ.ต.ท.กฤษดา เหนี่ยวพึ่ง สวป.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ รัศมี สว.อก.สภ.ห้วยยาง ชป.ตำบลยั่งยืน สภ.ห้วยยาง พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายและผู้นำชุมชน ประกอบด้วย

นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก นาย ภัทรดนัย สมศรี กำนันตำบลแสงอรุณนายสุรศิลป์ ยนปลัดยศ นายก อบต.แสงอรุณนายชาตรี วณิชวรสกุล ประธาน กต.ตร.สภ.ห้วยยาง น.ส.ณุกานดา จันทราภรณ์ สาธารณสุขอำเภอทับสะแก

น.ส.วิภาภรณ์ ภัทรภิญโญ ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอทับสะแก (กศน.) นางรัตนากร ศรวัฒนา พัฒนาการอำเภอทับสะแก ผญ.บ้านไร่ใน ม.1และ ผญ.บ้านแสงทอง ม.2 ต.แสงอรุณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน,อสม.,ชรบ.,อส., และคณะกรรมการหมู่บ้าน

ร่วมรับการตรวจประเมินผลการปฎิบัติงาน โครงการตำบลยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี พ.ศ.2568 ของ ตำรวจภูธรภาค 7โดยมี พ.ต.อ.สุภาพ วัยนิพิฐพงษ์ รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.จรรยวรรธน์ วิเศษชูชาติกุลรอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ภูวดิท คงเพ็ชร ผกก.(สอบสวน)ฯบก.สส.ภ.7 พร้อมคณะตรวจประเมิน ภ.7

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภ.ห้วยยาง ได้ดำเนินงานโครงการตำบลยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ 2568 มาอย่างต่อเนื่อง ที่บ้านไร่ใน ม.1 และ บ้านแสงทอง ม.2 ต.แสงอรุณ อ.ทับสะแกโดยได้รับการตรวจประเมิน จาก ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เป็นลำดับที่ 1 และ

เข้ารับการตรวจประเมินจากคณะตรวจประเมินของตำรวจภูธรภาค 7 ในวันนี้ ผลการดำเนินการ ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย ทุกภาคส่วน ร่วมกันสร้างความรัก ความอบอุ่นให้กับชุมชนของตนเอง ส่งเสริมการศึกษาให้ผู้บำบัดได้เรียนต่อ ส่งเสริมอาชีพให้มีรายได้และมีเงินเหลือใช้เพิ่มมากขึ้น
//////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ลูกสาวสุดทน! พ่อแม่บาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุ รถคู่กรณีไร้การเยียวยา – คดีเงียบเกือบ 3 เดือน วอน ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร – ผกก.คำชะอี เร่งรัดความยุติธรรม”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 นางสาวลลาวัลย์ ฤทธิวงค์ ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว สำนักข่าว CIA ประเทศไทย ประจำจังหวัดมุกดาหาร ว่า บิดาและมารดาของตนประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์พุ่งข้ามเลนมาชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2568 แต่จนถึงปัจจุบันคดียังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุยังไม่ได้ถูกดำเนินคดี และไม่เคยเข้ามาให้การช่วยเหลือหรือเยียวยาความเสียหายแต่อย่างใด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนถนนสาย มุกดาหาร–กุฉินารายณ์ บริเวณหน้า อบต.คำชะอี ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2568 โดยรถยนต์โตโยต้า สีเทา–ดำ ทะเบียน กจ 5415 มุกดาหาร ซึ่งมี นายประพง คนซื่อ ขับมาจาก อ.หนองสูง มุ่งหน้าไป อ.คำชะอี

ได้ข้ามเลนไปชนอย่างแรงกับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กท 7596 สกลนคร ที่ขับสวนทางมาแรงกระแทกทำให้รถทั้งสองคันพังเสียหาย และผู้ที่นั่งมาในรถกระบะคือ นายอนันต์ โลหะสาร คนขับ และ นางเพลินฉวี โลหะสาร ภรรยา ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกขาและนิ้วหัก ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้

นางสาวลลาวัลย์เผยว่า ครอบครัวได้รับความทุกข์ร้อนอย่างมาก ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายของรถยนต์ที่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม พร้อมทั้งเรียกร้องให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ ไทยพุทรา ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร และ พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.คำชะอี กำชับพนักงานสอบสวน สภ.คำชะอี เจ้าของคดี เร่งรัดการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรมโดยด่วนด้วย

คดีล่าช้า #คดีไม่คืบหน้า #มุกดาหาร #อุบัติเหตุ #ความยุติธรรม #รถชนข้ามเลน #ตำรวจคำชะอี #สถานีตำรวจภูธรคำชะอี #กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #สตช #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดน่าน ครั้งที่ 8/2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30 น. สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน

จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดน่าน ครั้งที่ 8/2568

โดยมีนายบุญยงค์ สดสอาด เป็นประธาน และนางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขา

จังหวัดน่าน ทำหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุมเจ้าสุมนเทวราช (ชั้น 6) ศาลากลางจังหวัด อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน


โดยมีวาระพิจารณาในที่ประชุม ดังนี้
1.พิจารณากลั่นกรองแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 27 โครงการ

2.พิจารณาการขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 – 27 สิงหาคม 2568 จำนวน 169 ราย

จำนวน 518 บัญชี มูลหนี้ 83,108,363.74บาท (แปดสิบสามล้านหนึ่งแสนแปดพันสามร้อยหกสิบสามบาทเจ็ดสิบสี่สตางค์)

3.พิจารณาการอุทธรณ์การขึ้นทะเบียนหนี้ จำนวน 1 ราย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

วัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย พระไพศาลประชาทร วิ. หลวงพ่อพบโชค.เป็นเจ้าอาวาส (ท่องไปกับเอกสิทธิ์)

แชร์เนื้อหานี้

วัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย พระไพศาลประชาทร วิ. หลวงพ่อพบโชค.เป็นเจ้าอาวาส

https://youtu.be/TltlQ6ds82A

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เรือนจำหลังสวน ปล่อยนักโทษ 200 คน ตามเงื่อนไข ราชกิจจานุเบกษา / ตร.จับยาบ้า 2 หมื่นเม็ด คาด่านบ้านพละ อ.ประทิว จ.ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น. เรือนจำอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ถนนหลังสวน ตำบล หลังสวน อำเภอหลังสวน ชุมพร นายสมชบ แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอหลังสวนเป็นประธานในพิธี อภัยโทษ ปล่อยนักโทษ 200 คน เบื้องต้นดำเนินการในวันนี้ จำนวน 44 คน ตามเงื่อนไข ราชกิจจานุเบกษา ได้ลงประกาศพระราชกฤษฎีกา

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า  โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
นายสมชบ แก้วภราดัย  เปิดเผยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แก่พสกนิกรที่เป็นผู้ก้าวพลาด ให้ได้รับโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่และประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม กรมราชทัณฑ์พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคนที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ และจะพ้นโทษในคราวเดียวกันตามพระราชกฤษฎีกานี้จะต้องผ่านการอบรมโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ที่มีการอบรมในหลักสูตรฝึกปฏิบัติการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้มีความรู้ติดตัว สามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ รวมทั้งร่วมมือกับเครือข่ายภาคสังคมและชุมชน ในการติดตามดูแลและให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้ก้าวพลาดได้สร้างคุณค่าในตนเอง สามารถประกอบอาชีพสุจริต โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิด ซ้ำอีก อันถือเป็นการป้องกันและคุ้มครองสังคม ดังคำว่า  "ราชทัณฑ์แก้ไข คนไทยให้โอกาส" เป็นแนวคิดและโครงการของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูและแก้ไขผู้ต้องขัง เพื่อให้พวกเขากลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ ให้มีความปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไป

ตำรวจจับคาด่านตรวจบ้านพละ จับยาบ้า 20,000 เม็ด

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้จับกุมผู้ต้องหาชาย 2 ราย พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 20,000 เม็ด ผู้ต้องหาทั้งสองรายได้แก่ นายวนัส (ลี่) อายุ 33 ปี และ นายสุริยา (เอ็ม) อายุ 36 ปี ถูกจับกุมพร้อมรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ เอสเตท สีดำ ทะเบียน กร 1846 พระนครศรีอยุธยา ที่ใช้ในการขนลำเลียงยาเสพติด ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารประจำด่าน ตรวจบ้านพละร่วมกันตั้งด่านตรวจอยู่บนถนนเพชรเกษม ม.๓. ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จว.ชุมพร จากการสืบสวน – ของ ร.ต.ต.ภาณุวัฒน์ เกตุสะอาด เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจบ้านพละ

ทราบว่ามีรถส่วนบุคคล(รถเก๋ง)ยี่ห้อมิตซูบิชิ สี ดำ รุ่น ATTRAGE ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กร 1846 พระนครศรีอยุธยา มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะเป็นรถที่ นำยาเสพติดมาส่งมอบให้บุคคลในพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยใช้เส้นทางเพชรเกษมผ่านด่านตรวจความมั่นคงบ้าน พละ จากการตรวจสอบประวัติการเดินทางของรถคันดังกล่าวผ่านระบบกล้อง LICENSR PLATE RECOGNITION(LPR) ทำให้ทราบประวัติเส้นทางการเดินรถของคันดังกล่าวโดยในเดือนกรกฎาคมและเดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ รถคันดังกล่าวได้ผ่านด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละจำนวน๓ครั้ง ในครั้งแรกวันที่๓ กรกฎษ คม ๒๕๖๘ ครั้งที่๒ วันที่๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และครั้งที่๓ วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจ บ้านพละจึงได้วางแผนเพื่อทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าว จนกระทั่งวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๐๐.๕๐ น.ร.ต.ต.ภานุวัฒน์ฯ

ได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าวผ่านระบบกล้อง LICENSR PLATE RECOGNITION(LPR) พบว่ารถคันดังกล่าวได้ผ่านถนนเพชรเกษม อ.บ้านลาดท่าเสน จ.เพชรบุรี ขาล่องใต้ เวลา ประมาณ ๐๐.๓๙น. ของวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจบ้านพละพร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร จึงได้ วางแผนตั้งด่านเพื่อตรวจสอบรถคันดังกล่าว บริเวณหน้าด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ ๐๓.๒๐น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจด่าตรวจความมั่นคงบ้านพละและเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการตั้งด่านตรวจพบรถคัน ดังกล่าววิ่งมาบนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้จึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น แต่รถคัน ดังกล่าวได้ขับผ่านไปโดยไม่ได้หยุดรถให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละจึง ได้ขับรถติดตามรถคันดังกล่าวไป จนกระทั่งถึงบริเวณริมถนนเพชรเกษมทางเข้าวัดพรุตะเคียน ม.๒ ต.สลุย อ.ท่า แซะ จ.ชุมพร จึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดรถ จากการตรวจค้นเบื้องต้นพบนายสุริยา (เอ็ม) อายุ ๓๖ ปี ชาว ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ. สระบุรี เป็นผู้ขับขี่ และมีนายวนัส(สี่) อายุ๓๓ปี ชาว ต.ลุมพลี

อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้นั่งโดยสารตอนหน้า จากการตรวจค้นเบื้องต้น ณ ที่สั่งให้ทำการ หยุดรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่นายวนัสฯและนายสุริยาฯท่าทางมีพิรุท ต้องสงสัยว่าในรถคันดังกล่าวมีสิ่งของผิด กฎหมายและยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในรถ จึงได้นำรถคันดังกล่าวพร้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้ง๒คน มาทำการ ตรวจค้นโดยละเอียดที่ด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ เมื่อถึงที่ทำการด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ ได้ตรวจค้นโดย ละเอียดต่อหน้านายสุริยาฯและนายวนัสฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นบริเวณฝากระโปรงท้ายรถ พบแผ่น พลาสติกสีดำปิดกั้นบริเวณเบาะผู้โดยสารตอนหลัง จึง

ได้น้าแผ่นพลาสติกสีดำดังกล่าวออก พบถุงพลาสติกสีเหลือง จำนวน ๒ ถุง ซุกซ่อนอยู่ที่หลังเบาะที่นั่งผู้โดยสารตอนหลัง จึงได้นำออกมาเปิดดู ภายในถุงพลาสติกสีเหลืองนั้นมี วัตถุก้อนสีเหลืองรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าห่อด้วยกระดาษไขสีเหลือง มีตัวเลขอาราบิกสีน้ำเงิน เลข ๙๙๙ และรูปดาว ๕ แฉก จำนวนสดวง อยู่ด้านบนของตัวเลขอาราบิกสีนำเงิน เลข ๙๙๙ ประทับอยู่บนวัตถุก้อนสีเหลืองรูปทรง สี่เหลี่ยมผืนผ้าห่อด้วยกระดาษไขสีเหลือง จำนวน ๒ ก้อน แยกบรรจุถุงละ ๑ ก้อน ภายใน ๑ ก้อน บรรจุก้อนละ ๕ มัด มัดละ ๒,๐๐๐เม็ด รวมยาบ้า ๒ ก้อน ประมาณ ๒๐,๐๐๐ เม็ด จากประสบการณ์การจับกุมยาเสพติดและกลิ่น ของวัตถุดังกล่าวทำให้ทราบว่า

วัตถุดังกล่าวคือเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ด(ยาบ้า) จึงได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้กับ นายสุริยาฯและนายวนัสฯทราบและเข้าใจดีแล้ว ทั้ง๒คนรับว่าได้นำยาเสพติดดังกล่าวมาจาก จ.สระบุรีเพื่อไปส่งที่ อ ท่าแซะ จ.ชุมพร จากการ สอบถามนายวนัสฯ รับสารภาพว่ายาบ้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละตรวจค้นพบ เป็นของ ตน และกำลังจะนำไปส่งที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และให้การต่อไปว่าตนได้รับยาบ้ามาจากนายบูมไม่ทราบชื่อสกุลจริง โดยการใช้โทรศัพท์หมายเลข๐๘๒-๐๗๕-๑๙๖๖

ส่งข้อความไปหานาย บูมผ่าน แอปพลิเคชั่นไลน์ และได้มีการนัดรับ ของที่ถนนตากฟ้า เขต จังหวัด นครสวรรค์ ในวันที่ ๒๕ ส.ค.๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ตนได้เดินทางไปรับ ยาบ้าเพียงคนเดียวโดยใช้รถคันดังกล่าวในการไปรับยาบ้าที่วางไว้ ณ จุดนัดหมายริมถนนตากฟ้า เขต จ.นครสวรรค์ และนำเงินสดจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ใส่ถุงวางไว้ ณ จุดที่นัดรับยาบ้า เมื่อได้รับยาบ้าแล้วตนได้นำยาบ้าซุกซ่อนใส่ใน ฝากระโปรงท้ายรถคันดังกล่าว จึงได้ขับรถกลับมายังที่บ้านพัก ต่อมาในวันที่๒๖ ส.ค.๒๕๖๘ นายวนัสฯได้ไปทำงาน ที่บริษัทขนส่งพัสดุเจแอนต์ทีเอ็กซ์เพรส (J&T EXPRESS)เลิกงานประมาณ๑๙.๐๐น.

จึงได้กลับไปยังที่บ้านพักและ ได้ใช้โทรศัพท์หมายเลข๐๘๒-๐๓๗๕-๑๙๖๖ โทรผ่านแอปพลิเคชั่น MESSENGER ชักชวนนายสุริยาฯ ให้ร่วมเดินทาง ไปส่งยาบ้าที่จ.ชุมพร นายสุริยาฯตอบตกลงว่าจะไปด้วย ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ ๒๓.๐๐น.ของวันที่ ๒๖ ส.ค. ๒๕๖๘ นายวนัสฯได้ขับรถคันดังกล่าวออกจากที่พักเพื่อไปรับนายสุริยาฯ เมื่อไปถึงบ้านนายสุริยาฯได้ให้นายสุริยาฯ เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวจนมาถึงจ.ชุมพร โดยใช้เส้นทางมาชุมพรโดยผ่าน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา อ.บาง บัวทอง จ.นนทบุรี

ถนนพระราม๒ ถนนเพชรเกษมจนกระทั่งมาถึงด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขับรถติดตามและแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสัญญาณให้จอดรถและนำรถคันดังกล่าวมาตรวจค้นที่ด่านตรวจ ความมั่นคงบ้านพละ พบยาเสพติดดังกล่าวที่ซุกซ่อนมาภายในรถ จากการสอบถามนายวนัสฯ ให้การเพิ่มเติมว่าใน เดือนส.ค.๒๕๖๘ ตนและนายสุริยาฯได้นำยาบ้ามาส่งที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จำนวน ๒ ครั้ง และได้กำไรจากการ จำหน่ายยาบ้าดังกล่าว ครั้งละประมาณ ๑๐,๐๐๐บาท และได้แบ่งเงินให้นายสุริยาฯครั้งละ ๓,๐๐๐ บาท

จากการสอบถามนายสุริยาฯ รับสารภาพว่าเมื่อวันที่ ๒๖ส.ค.๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น.นายวนัสฯได้ ใช้โทรศัพท์หมยเลข ๐๘๗๒-๐๗๕-๑๙๖๖ โทรผ่านแอปพลิเคชั่น MESSENGER มาหาโทรศัพท์ของตนหมายเลข๐๙๐-๓๓๓-๘๗๓๖ เพื่อชักชวนไปส่งยาบ้าที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ตนได้ตอบตกลงให้มารับที่บ้านพัก เมื่อถึงเวลาประมาณ ๒๑.๓๐น. นายวนัสฯได้เดินทางมารับตนที่บ้านพัก และได้ให้ตนเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวจนกระทั่งถึง จ.ชุมพร เมื่อได้ ทำการส่งยาบ้าเสร็จ จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการจำหน่ายยาบ้า ครั้งละ๓,๐๐๐ บาท จากการสอบถามนายสุริยาฯ ถึงพฤติกรรมในการส่งยาบ้า นายสุริยาฯจะเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวทุกครั้ง โดยมีนายวนัสฯเป็นผู้นั่งอยู่เบาะโดยสาร ข้างคนขับ เมื่อถึงจุดนัดส่งยาบ้า นายวนัสฯจะเป็นผู้ลงไปนำยาบ้าออกจากรถและวางไว้ในจุดที่นัดหมาย โดยที่นาย สุริยาฯไม่ได้ลงจากรถ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตัวจึงได้ควบคุมตัวและแจ้งข้อหาให้นายวนัสฯและนายสุริยาฯทราบว่ามี

ความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยเป็น การกระทำที่มีลักษณะกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชา รับทราบ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยมีไว้เพื่อการค้า ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน” ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง จากนั้นเจ้าพนักงานผู้จับได้นำตัวผู้ต้องหา/ผู้ถูกจับพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านมาบ อำมฤต ดำเนินคดีตามกฎหมายในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา 13.30 น.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “เหนือ-ดิสรยา” นำทีมบวงสรวงซีรีส์แซฟฟิกโรแมนติกดราม่าเรื่อง “Dangerous Queen The Series คนโปรดของควีน”รั้งตำแหน่ง “ผู้จัดฯ หน้าใหม่ ” ในนาม “แสงเหนือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์”

แชร์เนื้อหานี้

เรียกได้ว่าเป็น “ลูกไม้หล่นใต้ต้น” จริงๆ สำหรับลูกสาวคนสวยของผู้จัดฯ คนเก่ง กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ แห่งค่ายปภัสราโปรดักชั่น อย่าง เหนือ-ดิสรยา เตชะไพบูลย์ เดินตามรอยคุณแม่มาติดๆ ด้วยการขึ้นแท่นเป็น “ผู้จัดฯ ป้ายแดง” เปิดบริษัทผลิตซีรีส์แซฟฟิกแนวโรแมนติกดราม่าเรื่องแรก “Dangerous Queen The Series คนโปรดของควีน” ในนาม บริษัท แสงเหนือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด”

“แสงเหนือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” ถือฤกษ์ดีจัดงานบวงสรวงซีรีส์เรื่องแรกของบริษัทฯ “Dangerous Queen The Series คนโปรดของควีน” จากปลายปากกา “คุณผู้หญิง” บทโทรทัศน์โดย เทวรินทร์ ศิริเลิศ / ทิพย์ทิวา วะเท กำกับการแสดงโดย กษมา นิสสัยพันธุ์ จำนวนออกอากาศ 8 ตอน

งานนี้มีนักแสดงนำและทีมงานเข้าร่วมพิธีบวงสรวง ณ ลานพระพิฆเนศวร ห้างสรรพสินค้ายู เนี่ยนมอลล์ พร้อมด้วยสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมทำข่าวอย่างคับคั่ง นำทีมโดย เหนือ-ดิสรยา เตชะไพบูลย์ ที่มาพร้อมคุณแม่ กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมือ อาทิ อั๋น-อัครพรรฒ บุนนาค, เอี๊ยง-สิทธา สภานุชาติ, แทน-บุรันช์รัตน์ หอมบุตร, ชาลี กรีชัย

ขอแนะนำนักแสดงหน้าใหม่ แตงกวา-พิญญาเนศวร์ อั้งสุวรรณ กับงานแสดงครั้งแรกของเธอ และการกำเนิด Girl Love คู่ใหม่ของวงการบันเทิง “เหนือ-แตงกวา” ที่จะมาทำให้แฟนๆ ตกหลุมรักในความน่ารักและความฟินเฟร่อ…ของเธอทั้งคู่!!!
โดย “เหนือ-ดิสรยา” เผยถึงที่มาของการผลิตซีรีส์แซฟฟิกเรื่องแรกของบริษัทฯ ว่า

“หลังจบละคร สองทระนง แล้วว่าง แล้วรู้สึกว่าตัวเองชอบการแสดง แล้วก็อยากจะทำซีรีส์แนวแซฟฟิก ก็เริ่มจากการหาเรื่องมาทำก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อ่านนิยายเยอะมาก จนกระทั่งมาถึงเรื่องนี้ อ่านแล้วชอบมาก ก็เลยเล่นเองด้วยค่ะ

พอมาได้มาทำจริงๆ อยากจะบอกว่าเหนื่อยมาก คือตอนที่เปิดกล้องวันแรก ตอนนั้นคือเหนื่อยมากแล้ว ยังแยกไม่ออกคือเหมือนแยกตัวเองไม่ออกว่า ตอนนี้เรากำลังเป็นนักแสดงนะ เราไม่ใช่ผู้จัดฯ แล้วก็คือจะมึนๆ พอวันนั้นคือเหมือนถ่ายวันแรกไปเหนือก็ต้องกลับบ้านไป เหมือนมานั่งแบบสมาธิแบบตอนนี้

เหมือนมีหมวกหลายใบแล้วนะ ซึ่งเราก็ต้องใส่ทีละใบ พอเราเข้าซีนตอนนี้เราเป็นนักแสดง เราฟังผู้กำกับฯ เราทำงาน พอในมุมที่เรากลับมาเป็นผู้จัดฯ เราก็จะมีการไปเช็คงาน ไปดูหน้ามอนิเตอร์บ้างว่า อยากได้แบบนี้นะ ขออันนี้เพิ่มได้ไหม แล้วก็ต้องแยกแยะให้มันขาดจริงๆ

ไม่งั้นพอเราไปแสดงมันจะกลายเป็นว่าเราจะกังวลตลอดเวลา ด้วยความพอเราเป็นผู้จัดฯ เราก็อยากให้งานออกมาดี แล้วต้องไว้ใจทีมงานทุกคนว่า เค้าจะทำให้งานออกมาดีแน่นอน เราไม่ต้องห่วงเลย เพราะทุกคนเต็มที่มากๆ แล้วก็สามารถทำหน้าที่นักแสดงได้อย่างเต็มที่”

แม้จะมีฐานะเป็น “ลูกผู้จัดฯ” อย่าง กบ-ปภัสรา แน่นอนว่า คุณแม่ต้องช่วยซัพพอร์ตในด้านต่างๆ ด้วย แต่เธอกลับบอกว่า
“ขอนับว่าคุณแม่ซัก 2 เปอร์เซ็นต์แล้วกันในการช่วยซัพพอร์ตหรือว่าแบบตบๆ รวมถึงคุณพ่อ (เอ๋-พรเทพ เตชะไพบูลย์) ด้วยให้อีก 2 เปอร์เซ็นต์ในการที่ให้กำลังใจอยู่ที่บ้าน แล้วทั้งพ่อทั้งแม่ก็มากองบ่อยมากมาคอยให้กำลังใจ บางทีถ่ายไกลมากก็ยัง

อุตส่าห์มาหาที่กอง เราก็แบบสบายใจมากเลยที่มีพ่อกับแม่คอยซัพพอร์ต คือเราก็ไม่รู้ว่าเราจะไปได้ถึงขนาดไหน แต่ในเมื่อเราทำเต็มที่สุดๆ แล้วพ่อกับแม่เค้าก็จะคอยหนุนหลังเราตลอด ก็รู้สึกอุ่นใจแล้วก็รู้สึกเซฟว่าอย่างน้อยถ้าสมมติว่าเราล้มขึ้นมา เค้าก็จะช่วยดันเราขึ้นมาเพื่อให้เราก้าวต่อไป”

ถือได้ว่าเป็น “ลูกไม้” ที่สวยและเก่งตามรอยคุณแม่แบบไม่ผิดเพี้ยน ตามไปเป็นกำลังใจให้กับ เหนือ-ดิสรยา เตชะไพบูลย์ ในฐานะ “ผู้จัดฯ หน้าใหม่” และ “นักแสดงซีรีส์แซฟฟิก” เรื่องแรกของเธอได้ใน “Dangerous Queen The Series คนโปรดของควีน” ทางช่อง Youtube : S.nur entertainment เร็วๆ นี้nurdesorayaTKphinyanechTKNurDangerousQueenTheSeriesคนโปรดของควีน Snurentertainment

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กเยาวชน ผู้สูงวัย และคนไทยพลัดถิ่น

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 26 ส.ค.68 ที่ห้องประชุมโรงเรียนศรียาภัย 2 นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร มอบหมายให้ ผศ.เสนีย์ นิลทจันทร์ ที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือสร้างหุ้นส่วนทางสังคมจังหวัดชุมพร พัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยพลัดถิ่นและประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยมี ผศ.ดร.
ชุมพล อังคณานนท์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ชุมพร

นางสาวจีรดา ธรรมาภิมุข พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร คณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร สมาคมประชาสังคมชุมพร สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ทีมพลังชุมพร และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันจัด “เวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์และวางแนวทางดำเนินงาน เพื่อยกระดับเครือข่ายการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชน และครอบครัวกลุ่มคนไทยพลัดถิ่น จังหวัดชุมพร”

สืบเนื่องจากจังหวัดชุมพรเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางประชากร และเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรกลุ่มเปราะบาง รวมถึงกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นที่ยังคงเผชิญกับปัญหาด้านสิทธิสถานะ ส่งผลให้การเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการพื้นฐานด้านการศึกษาและสุขภาพยังไม่ทั่วถึง การพัฒนาที่ยั่งยืนจึงจำเป็นต้องเริ่มจากรากฐานที่มั่นคง นั่นคือการคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมในระยะยาว ทั้งนี้จึงเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม 
โดยมีวัตถุประสงค์หลัก  

1. เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้นำชุมชน และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ และสวัสดิการที่ประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนพึงได้รับ 

2. เพื่อเป็นเวทีซักซ้อมและสร้างแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การช่วยเหลือและการส่งต่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น 

3. เพื่อยืนยันหลักการสำคัญว่า “เด็กทุกคนในแผ่นดินไทยต้องได้รับการคุ้มครอง ไม่ว่าจะมีสถานะทางทะเบียนเป็นอย่างไร” โดยเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการศึกษาและสุขภาพเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือและกลไกการทำงานเชิงบูรณาการที่เข้มแข็ง อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และครอบครัวกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นอย่างยั่งยืน 
4.
การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหลายภาคส่วน ที่จะมาร่วมถ่ายทอดความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมกันวางแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาของพื้นที่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีเด็กหรือเยาวชนคนใดในจังหวัดชุมพรต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง