เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร. ร่วมความมั่นคงแถลงตรวจยึดไอซ์ 285 กก. ริมน้ำโขง

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 พ.ย. ที่หน้าสภ.เมืองบึงกาฬ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ร่วมฝ่ายความมั่นคงแถลงตรวจยึดไอซ์ 285 กก. ริมน้ำโขง โดยมีนายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ แก้วสมนึก รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ พ.อ.ศุภชัย มีหอม รองผอ.กอ.รมน.จังหวัด

นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ พ.ต.อ.ศุภกฤษ ทองลิ่ม ผกก.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา ผกก.สส.ภ.บึงกาฬ พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม หัวหน้าตำรวจน้ำบึงกาฬ กกล.สุรศักดิ์มนตรี นรข.บึงกาฬ และผู้แทน บก.อส.จ.บึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 พ.ย. เวลา 23.00 น. ที่ผ่านมาตำรวจกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ ร่วมกับหน่วยงานบูรณาการในพื้นที่ ตรวจยึดกระสอบปุ๋ยสีขาว คาดว่าจะเป็นยาเสพติด ประเภทยาไอซ์ จำนวน 11 กระสอบ ตรวจสอบเบื้องต้น มีห่อยาไอซ์ จำนวน 25 ก้อน/กก. ใน 1 กระสอบ รวมประมาณ 275 ก้อน/ กก. ตรวจยึดบริเวณ ริมเขื่อนกั้นตลิ่ง ทางทิศเหนือบ้านห้วยดอกไม้ ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ

เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดได้รับแจ้งจากสายลับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำสิ่งของผิดกฏหมายส่งมอบกันบริเวณที่เกิดเหตุ จึงร่วมกันออกตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบพบกระสอบ บรรจุยาเสพติด จำนวน 11 กระสอบ ตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้จัดกำลังซุ่มรอเพื่อจับกุม กลุ่มนักค้าที่จะมารับยาเสพติดดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น.ยังไม่มีผู้ใดมารับยาเสพติดดังกล่าว จึงได้ร่วมกันตรวจยึด เพื่อตรวจสอบ ที่ กก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล //บึงกาฬ 0645960906

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวสื / การประกวด Heritage Pageants 2024 จัดขึ้นด้วยสัมผัสทางวัฒนธรรม

แชร์เนื้อหานี้

บริษัท Eplanet Pte Ltd มีความภูมิใจที่จะประกาศการเปิดตัวการประกวด Heritage Pageants ครั้งที่ 7 ประจำปี 2024 งานระดับนานาชาติที่เฉลิมฉลองการผสมผสานระหว่างความงาม วัฒนธรรม และมรดกทางวัฒนธรรม การประกวดที่หลายคนรอคอยได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2024 ด้วยพิธีมอบสายสะพายให้กับผู้เข้าประกวด ณ โรงแรมดิวาลักซ์ รีสอร์ท แอนด์ สปา กรุงเทพฯ ประเทศไทย การประกวดในปีนี้ได้ขยายประเภทการประกวดเพิ่มขึ้น ได้แก่ Mister, Ms., Petite และ Gems นอกเหนือจากตำแหน่งหลักคือ Miss และ Mrs. Heritage International ผู้เข้าประกวดจากหลากหลายประเทศ รวมถึงอินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย มองโกเลีย เมียนมาร์ เม็กซิโก เนปาล ไนจีเรีย นิวซีแลนด์ ลาว ไทย สิงคโปร์ เซอร์เบีย ฟิลิปปินส์ สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย เปรู ลัตเวีย เคนยา และเวียดนาม ได้มารวมตัวกันในการเฉลิมฉลองระดับโลกครั้งนี้ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-18 พฤศจิกายน 2024 โดยจะมีพิธีตัดสินและมอบมงกุฎในวันที่ 16 พฤศจิกายน

กิจกรรมเบื้องต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยผู้เข้าประกวดได้ร่วมถ่ายภาพในชุดประจำชาติ ชุดราตรี และชุดว่ายน้ำ ผู้เข้าประกวดยังได้มีโอกาสสำรวจเมืองกรุงเทพฯ ด้วยการนั่งตุ๊กตุ๊ก ระหว่างพักที่โรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพฯ ข้าวสาร ในงานแถลงข่าว ผู้เข้าประกวดได้โชว์ชุดประจำชาติและชุดวัฒนธรรมผ่านการเดินแบบอย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรม โดยผู้เข้าประกวดแต่ละคนได้จัดโต๊ะแสดงวัฒนธรรม นำเสนอองค์ประกอบทางวัฒนธรรมของตนผ่านการจัดแสดงที่คัดสรรมาอย่างดี Heritage Pageants ยังคงขยายการเข้าถึงระดับโลก ดึงดูดผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก และนำเสนอเวทีที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม งานนี้เป็นการรวมตัวของความหลากหลาย ความสง่างาม และการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม ที่เน้นย้ำถึงความงามของมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลก

การประกวดนี้ดำเนินการโดยบริษัท Eplanet Pte Ltd ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และนำโดยประธาน คุณสันโตษ สัปโกตา ซึ่งการนำของเขาได้ผลักดันให้การประกวดก้าวสู่ระดับใหม่บนเวทีนานาชาติ การแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจของการประกวดจะได้รับการกำกับการแสดงโดยผู้เชี่ยวชาญ คุณโรจิน ชักยา จากเนปาล และคุณเวสลีย์ ซอว์ จากมาเลเซีย ที่จะนำความงดงามทางศิลปะมาสู่งาน การดำเนินงานที่ราบรื่นของการประกวดได้รับการดูแลโดยคุณซูซาน ซานเฟอร์มี โกะ ซึ่งความเชี่ยวชาญของเธอจะรับประกันประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง Heritage Pageants ทำหน้าที่เป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้เข้าประกวดในการส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลกและสร้างความชื่นชมในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยการนำเสนอชาติพันธุ์ ประเพณี และความงามของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ งานนี้นำผู้เข้าประกวดและผู้ชมมารวมกันในการเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวและความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างทรงพลัง

ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 บริษัท Eplanet Pte Ltd ได้พัฒนาจากบริษัทวางแผนการจัดงานสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการประกวดนางงามและงานวัฒนธรรม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้จัดงานระดับโลกมากมาย รวมถึงการแสดงดนตรี เทศกาลวัฒนธรรม งานแสดงสินค้า และงานมอบรางวัล Eplanet ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศในการประกวดนางงาม นำเสนอโซลูชันการจัดงานที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าทั่วโลก มรดกแห่ง Heritage Pageants นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2014 Heritage Pageants ได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ดึงดูดความสนใจและผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก งานแรกจัดขึ้นที่กาฐมาณฑุ เนปาล มงกุฎ Miss Heritage International ตกเป็นของ Hla Yin Kyae จากเมียนมาร์ งานนี้ได้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางระดับนานาชาติ

รวมถึงนิวเดลี ศรีลังกา และสิงคโปร์ โดยได้มอบมงกุฎให้กับผู้ชนะที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น Victoria Pham จากเวียดนาม (2015), Anna Kirillina จากรัสเซีย (2022), Fontip Sriwaranyoo คุณฝนธิป ศรีวรัญญู จากไทย (2022), Wuandar Jirleyth Casanova จากเวเนซุเอลา (2023) และ Erika Hara จากญี่ปุ่น (2023) อนึ่งจะมีการประกวดปี 2024 (รอบชิงชนะเลิศ Final Contest)
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ณ Tinidee Trendy Khaosan Rd. Bangkok Thailand เวลา 17.30 น เป็นต้นไป ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ สำหรับการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ: Eplanet Pte Ltd ติดตามเราได้ที่: Facebook: www.fb.com/pageantofheritage
Instagram: www.instagram.com/heritagepageants
เว็บไซต์: www.pageantofheritage.com

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส / นบ.ยส.24 โดย​ร้อย.ฉก.ทพ.2101 โชว์ฝีมือจับผู้ต้องหา ยาบ้า 12,000 เม็ด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567​ เวลา​ 10.00น ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารที่ 21 บ้านปากห้วยม่วง ตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอบ้านแพง เป็นประธานแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ภายใต้การอำนวยการของ นบ.ยส.24 และกกล.สุรศักดิ์มนตรี จับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 12,000 เม็ด บริเวณ ทุ่งนา บ.แพงใต้ ม.11 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม

โดย ร.ท.วันชาติ เหมือนปืน ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 (หน่วยงานหลัก) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ว่าจะมีขบวนการยาเสพติดจากฝั่ง สปป.ลาว นำยาเสพติด(ยาบ้า) มาส่งให้ขบวนการยาเสพติดฝั่งประเทศไทย โดยใช้เรือกีบหาปลาเป็นพาหนะ จึงได้สั่งการ ชุดปฏิบัติการที่ 3 (ท่าลาด) เข้าทำการเฝ้าตรวจพื้นที่ตามภาพข่าว บริเวณทุ่งนาพื้นที่ บ.แพงใต้ ม.11 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ตรวจพบชาย จำนวน 1 คน ขับขี่รถ จยย.ลงไปจอดบริเวณใกล้กับตลิ่งกันทรุดแม่น้ำโขง และได้มีเรือกีบขับมาจากฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว แล้วมาจอดบริเวณตลิ่งกันทรุดแม่น้ำโขง

จุดดังกล่าวแล้วมีบุคคลถือกระเป๋าสะพายสีดำเดินขึ้นมา จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินลงไปรับเอากระเป๋าสะพายสีดำต้องสงสัยนั้นมา และรีบขับขี่รถ จยย.มุ่งหน้าขึ้นมายังถนนหลัก ชุดปฏิบัติการที่ 3 (ท่าลาด) ที่ทำการเฝ้าตรวจอยู่จึงแสดงตัว เพื่อขอทำการตรวจค้น ชายคนดังกล่าวได้ทำการขัดขืนจะวิ่งหลบหนี แต่ กพ.ของหน่วยสามารถควบคุมตัวไว้ได้

จึงทำการตรวจค้นกระเป๋าสะพายสีดำต้องสงสัย พบเป็นยาบ้า จำนวน 6 มัด ประมาณ 12,000 เม็ด, รถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่องบรรจุอยู่ภายใน ผลการสอบสวนเบื้องต้น ยอมรับว่ายาเสพติด(ยาบ้า)ทั้งหมด เป็นของตนเองจริง โดยได้มารับตามที่มีคนสั่งการและจะนำเข้าไปยังพื้นที่ตอนใน หน่วย

จึงได้นำ ผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด มายัง บก.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 เพื่อทำการตรวจนับอย่างละเอียดและประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมเพื่อดำเนินการ ตรวจสอบ และสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม พร้อมจะนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่ง จนท.ตร.สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ : ร้อย.ฉก.ทพ.2101
ข่าว : นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ โชคชัย​ รายงาน​092-5259777​

สื่อรัฐทีวี สื่อรัฐนิวส์ / “ครูบาบุญชุ่ม ญานส่วโร” มาพระธรรมเทศนา ที่บ.อาร์ทีอะกริเทค จำกัด คนฟังเรือนหมื่น ที่นครปฐม

แชร์เนื้อหานี้

       ที่บริษัท อาร์ที  อะกริเทค  จำกัด  อำเภอกำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม  ได้นิมนต์อัญเชิญ “พระครูบาบุญชุ่ม  ญานส่วโร”  พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งล้านนามาเทศนาพระธรรม โดยมีสาธุชนที่มีจิตศรัทธาจากทั่วสารทิศเข้าร่วมฟังธรรมในครั้งนี้นับหมื่นคน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศระหว่างที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยรวมถึงชาวไทใหญ่และพี่น้องชาวเมียนมาร์  ต่างพากันรวมตัวมารอรับฟังธรรมเทศนาจาก  ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร  ที่จะเริ่มขึ้นในเวลา  09.00 น. ของวันที่ 17  พฤศจิกายน 2567 ต่างมีประชาชนทยอยเดินทางมาเรื่อยๆ สำหรับการเข้ารับฟังพระธรรมเทศนาในครั้งนี้  มีผู้บริหารทั้งภาครัฐและภาคเอกชน  เข้าร่วมรับฟังกันเป็นจำนวนมาก

      นอกจากนี้  ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมโรงทานอาหารและเครื่องดื่มไว้ต้อนรับ  พร้อมแจกด้ายแดงและรูปภาพของพระครูบาบุญชุ่ม ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อุบัติเหตุทางน้ำวันลอยกระทงเป็น”ศูนย์” สร้างภาพลักษณ์ “เมืองไทยปลอดภัย” ให้นักท่องเที่ยว

แชร์เนื้อหานี้

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) เปิดเผยถึงอุบัติเหตุทางน้ำวันลอยกระทงเป็นศูนย์ว่า จากศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ กรมเจ้าท่า (ศปก.จท.) สรุปรายงานสถิติอุบัติเหตุทางน้ำ วันลอยกระทง วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ไม่พบมีอุบัติเหตุทางน้ำ เหตุการณ์โดยรวมปกติ

จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางทางน้ำ “เทศกาลวันลอยกระทง” โดยแบ่งเป็นส่วนกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา เรือด่วนเจ้าพระยา ให้บริการ 46 เที่ยว ผู้โดยสาร 5,547 คน เรือทัวริสต์โบ๊ทให้บริการ 60 เที่ยว ผู้โดยสาร 3,126 คน เรือไฟฟ้าเจ้าพระยา ให้บริการ 82 เที่ยว ผู้โดยสาร 3,620 คน เรือโดยสารข้ามฟาก ให้บริการ 924 เที่ยว ผู้โดยสาร 24,351 คน เรือภัตตาคาร ให้บริการ 36 เที่ยว ผู้โดยสาร 7,100 คน คลองแสนแสบ เรือโดยสารคลองแสนแสบ ให้บริการ 87 เที่ยว ผู้โดยสาร 7,141 คน ส่วนภูมิภาค เรือโดยสาร ให้บริการ 3,503 เที่ยว ผู้โดยสาร 162,811 คน รวมเรือโดยสารทั้งประเทศ ให้บริการ 4,738 เที่ยว ผู้โดยสาร 213,696 คน

ทั้งนี้ จากมาตรการด้านความปลอดภัยทางน้ำ กรมเจ้าท่า ในช่วงวันลอยกระทง ได้จัดเรือตรวจการณ์พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราความปลอดภัย ทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองแสนแสบ พบว่ามีผู้ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา เรือไฟฟ้า MINE Smart Ferry เรือโดยสารข้ามฟาก มีปริมาณบางเบา เรือโดยสารให้บริการตามรอบการเดินเรือ สามารถระบายผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเรือตรวจการณ์และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนตามท่าเรือต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมของเรือโดยสาร ท่าเรือโดยสาร และคนประจำเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก่อนออกเดินเรือ ตามมาตรการความปลอดภัยที่กรมเจ้าท่ากำหนด

ในส่วนภูมิภาคเขต 1–7 มีการจัดตั้งจุดอำนวยความสะดวก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการตามท่าเรือต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมของเรือโดยสาร ท่าเรือโดยสาร และคนประจำเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก่อนออกเดินเรือ ตามมาตรการความปลอดภัย รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ควบคุมเรือคอยติดตามรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

ด้าน พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา กล่าวถึงอุบัติเหตุทางน้ำช่วงวันลอยกระทงปีนี้เป็นศูนย์ เกิดจากหลักการที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญ นำไปปฏิบัติใช้ เพื่อให้ทุกกิจกรรมความปลอดภัยไร้ซึ่งอุบัติเหตุ หรือทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเลย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วย่อมส่งผลกระทบตามมาหลายอย่าง ตั้งแต่บาดเจ็บไปจนถึงการสูญเสียชีวิต แล้วยังส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศที่พึ่งพิงภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ขอขอบคุณ ทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ที่มุ่งมั่นป้องกันภาพลักษณ์ของประเทศ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นศูนย์ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์์เพ็ชร ผบ.ตร. ที่ท่านสั่งการให้ตำรวจน้ำ ตำรวจท้องที่ รวมทั้งกรมเจ้าท่า ช่วยเฝ้าระวังป้องกันเหตุไม่ให้เกิดกับนักท่องเที่ยว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จ.อุตรดิตถ์ เทศบาลหัวดง จัดงานสืบสานอนุรักษ์ประเพณีลอยกระทง

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอลับแล เป็นประธานเปิดงานสืบสานอนุรักษ์ ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 โดยมีจ่าสิบเอก ธวัชชัย กาวีละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหัวดง กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ณ วัดดอนค่า ต.แม่พูล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

โดยมี นางสุภาวดี โชตินพรัตน์ นายกกิ่งกาชาด อ.ลับแล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนชาวตำบลแม่พูล ร่วมในงาน ซึ่งปีนี้เทศบาลหัวดงได้จัดงานสืบสานประเพณีลอยกระทงประจำปี พศ.2567 โดยได้รับความร่วมจากประชาชนชาวตำบลแม่พูล ในงาน พบกับ การประกวดกระทงของแต่ละหมู่บ้านในเขตรับผิดชอบเทศบาลหัวดง ชมวงดนตรี” ปัญญา กตัญญู” พร้อมแดนเซอร์ครบครัน ไลด์แดนซ์ มัจฉาพาโชค การผสมอักษร มีบูธจำหน่ายสินค้าของกินชองทอดต่างๆมากมาย

โดยก่อนจะเข้าพิธีเปิด เทศบลหัวดงพร้อมด้วยชาวตำบลแม่พูล ได้ร่วมกันจัดขบวนแห่นางนพมาศ และขบวนแห่กระทง โดยเริ่มขบวนแห่จากหน้าเทศบาลหัวดง ไปยังวัดดอนค่า ระยะทาง 2 กก. ซึ่งปีนี้กำหนดจัดงาน 2 วัน2 คืน ระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2567


ในขณะที่ พ.ต.อ.เจริญ แดงเรือง ผกก.สภ.ลับแล ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลความเรียนร้อย ภายในงานตลอดระยะเวลาการจัดงานตลอดทั้ง 2 วัน 2 คืน

ทั้งนี้นายภูมิวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำแล ได้นำฤกษ์ลอยกระทง ขนาดความสูง 1 เมตร กว้าง 70 ซม.ที่จัดทำโดยโรงเรียนเทศบาลหัวดง(ป.ฟักอังกูร)ลอยลงสระน้ำภายในวัดดอนค่า จากนั้นผู้ที่มาร่วมงานลอยกระทง ก็ได้นำกระทงมาลอยลงสระน้ำเช่นเดียวกัน

วันลอยกระทงตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันนี้วันที่พระจันทร์สวยงาม ทั้งในช่วงค่ำ จะได้ชม ปรากฏการณ์จันทรุปราคา ประเพณีลอยกระทงมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทั้งเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพุทธมารดา


ลอยกระทงนับเป็นอีกหนึ่งประเพณีเก่าแก่ของไทย ที่สืบเนื่องมาอย่างช้านานนับตั้งแต่สมัยสุโขทัย เดิมเป็นการลอยโคมก่อนจะพัฒนามาเป็นการลอยกระทงแบบที่นิยมกันในปัจจุบัน พร้อมกับการจัดงานรื่นเริงต่าง ๆ ให้ผู้คนได้มาร่วมสนุก โดยมีความเชื่อแตกต่างกันไป ทั้งการขอขมาพระแม่คงคา การสำนึกถึงบุญคุณที่ทำให้เรามีน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค-บริโภค รวมถึงเป็นการสะเดาะเคราะห์ด้วยการลอยสิ่งไม่ดี ทั้งความทุกข์ความเศร้าโศกออกไปจากชีวิตนั่นเอง

นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งาน “NAN Bamboo Design Showcase 2024 “ยกระดับผลิตภัณฑ์ไผ่น่าน/จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล เปิด หอการค้าแห่งใหม่ จ.น่าน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. ณ ช่วงเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นางวจิราพรอมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐเอกชนและประชาชน ผู้ประกอบกิจการผลิตภัณฑ์ไผ่ เข้าร่วมในพิธีเปิดสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน จัดงาน Bamboo Design Showcase 2024 ” กิจกรรมแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน กิจกรรมหลักการแปรรูปผลิตภัตภัณฑ์ไผ่ ไม้ไผ่ เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจกรรมย่อยพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่เพื่อเชื่อมโยงตลาด โครงการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการค้าการลงทุน และผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางวจิราพร อมาตยกุล กล่าวว่า จังหวัดน่านที่มีพื้นที่เกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่มีผลผลิตทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเกษตรกรผู้ปลูกไผ่ และผู้ประกอบการธุรกิจไผ่ ดังนั้นการพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่สู่อนาคตที่ยั่งยืน การส่งเสริมการปลูกไผ่ในจังหวัดน่าน จะเป็นการผลักดันไผ่ให้เป็นไม้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมครบวงจรของประเทศไทย ตลอดจนจะเป็นการเพิ่มพื้นที่การปลูกไผ่เศรษฐกิจ สร้างป่า แก้ปัญหาเขาหัวโล้นในจังหวัดน่านและพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้ยังก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีแก่เกษตรกร ให้มีความมั่นใจในการผลิตไผ่แบบครบวงจร เกิดการรวมกลุ่มสร้างคลัสเตอร์ ซึ่งจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไผ่ ตลอดจนได้แนวทางผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมไม้ไผ่ที่สามารถดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเข้ากับบริบทสภาพพื้นที่ของจังหวัดน่าน รวมทั้งช่วยสร้างความยั่งยืน ทางด้านเศรษฐกิจสังคม สิ่งแวดล้อม

ซึ่งรัฐบาลได้มึนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไผ่ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำโดยเน้นการพัฒนาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตให้มีมาตรฐาน มีคุณภาพสูง ส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ไผในพื้นที่จังหวัดน่าน เนื่องจากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ในระดับวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SME) พบว่ายังอยู่ในระดับการแปรรูปชั้นต้น ราคาถูก หากมีการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการออกแบบอย่างสร้างสรรค์และใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ จะทำให้มีการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและจังหวัดในภาพรวมมากยิ่งขึ้น

จังหวัดน่านจึงได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรม ดำเนินโครงการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการค้า การลงทุน และผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชุมชน กิจกรรมหลักการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไผ่ ไม้ไผ่เพื่อเพิ่มมูลค่ากิจกรรมย่อยพัฒนาอุตสารรมไผ่ เพื่อเชื่อมโยงตลาด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นการจัดงานเป็นปีแรกของอุตสาหกรรมไผ่น่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาตกลางและขนาดย่อม (SME) และวิสาหกิจชุมชนในกลุ่มอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ สร้างรายได้ให้แก่ในกลุ่มอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่านเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ให้เกิดช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น

ด้านอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน (นางสาวนิลเนตร โลหะพจน์พิลาศ) ได้กล่าวถึงกิจกรรมของโครงการที่ได้ดำเนินการไปประกอบไปด้วย การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคลัสเตอร์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน โดยการสัมมนาเชิงปฎิบัติการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้แก่ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไผ่ในจังหวัดน่าน และการจัดศึกษาดูงานนอกสถานที่เพื่อเสริมสร้างทักษะในการบริหารจัดการเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน ทั้งเพื่อเป็นการลงพื้นที่ให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกกับการออกแบบและพัฒนารูปแบบผลิต ภัณฑ์ เพื่อจัดทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบ จำนวน 15 ราย โดยให้มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนารวมไม่น้อยกว่า 30 ผลิตภัณฑ์ และ การจัดแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ได้รับการพัฒนา พร้อมทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไผ่จังหวัดน่าน

สำหรับการจัดงาน “NAN Bamboo Design Showcase 2024” กิจกรรมจัดแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ต้นแบบและทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรรมไผ่จังหวัดน่าน เป็นกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ กำหนดจัดในระหว่างวันที่ 8 – 10 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณลานช่วงเมืองน่าน จังหวัดน่านทั้งนี้เพื่อนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 30 ผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงเพื่อทำการทดสอบตลาด โดยการจัดทำแบบสอบถามผู้เข้าร่วมซมงานเป็นรายผลิตภัตภัณฑ์ และนำข้อมูลที่ได้มาประมวลวิเคราะห์ในเชิงสถิติ และสรูปผลนำเสนอแก่เจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป

นอกจากนี้ยังกิจกรรมในงาน ได้แก่ การจัดการเสวนาเรื่อง “ไผ่น่าน ทำอย่างไรให้ยั่งยืน” โดยวิทยากรผู้เชียวชาญด้านไผ่จากภาครัฐและเอกชน การมอบประกาศนีย บัตรแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ การจำหน่ายผลิตลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ และการดนตรีเพื่อความบันเป็นประจำทุกวัน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน



หอการค้าจังหวัดน่านจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล เปิดที่ทำการสำนักงานหอการค้าแห่งใหม่ จังหวัดน่าน ภาระกิจส่งเสริมเศรษฐกิจด้านการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดน่าน


เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00น. ณ สำนักงานหอการค้าจังหวัดน่าน โครงการน้ำทองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล พร้อมทั้งแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในวาระสมัยคุณศรีรุ่ง รัตนศิลา ประธานหอการค้าจังหวัดน่าน และคุณกัลย์ชฎารัตน์ ปัญญาวงค์ ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดน่าน

หอการค้าจังหวัดน่าน ได้ดำเนินการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคล เปิดที่ทำการสำนักงานหอการค้าจังหวัดน่าน โดยได้รับเกียรติจากคุณสมบัติ ชินสุขเสริม รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยล, คุณหัสนัย แก้วกุล ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 , คุณศรีรุ่ง รัตนศิลา ประธานหอการค้าจังหวัดน่าน ตัดริบบิ้นเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานหอการค้าจังหวัดน่าน 990/16 หมู่ 4 ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน สมาชิก และ YEC หอการค้าจังหวัดน่าน มาแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง


หอการค้าจังหวัดน่านได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2527 (อายุ 40 ปี) เป็นหนึ่งในองค์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดน่านมาอย่างยาวนาน โดยมีภาระกิจหลัง ส่งเสริมเศรษฐกิจด้านการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดน่าน เพื่อมุ่งเน้นยกระดับศักยภาพการค้าในจังหวัดน่านให้ดียิ่งขึ้น/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/วิสุทธิ์ ศรีเมือง รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมช.มท.2 เปิดจุดบริการน้ำดื่มสะอาด ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชาวบ้าน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 พ.ย.ที่สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาบึงกาฬ ถนนบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2)เป็นประธานเปิดโครงการ “น้ำดื่มสะอาด Mini Staton” ซึ่ง การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ขับเคลื่อนภารกิจตอบสนองนโยบายกระทรวงมหาดไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวบึงกาฬ ให้เข้าถึงน้ำประปาคุณภาพสะอาดปลอดภัยในราคาประหยัด

โดยมี นายสยาม เพ็งทอง ส.ส.บึงกาฬ เขต 1นายพรพจน์ เพ็ญพาส ประธานกรรมการ กปภ.และคณะกรรมการบริหาร กปภ. นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค นายจุมพฏ วรรณฉัตรศสิริ ผวจ.บึงกาฬ นายนคร ศิริปริญญานันท์ รอง ผวจ.นายวินัย โตเจริญ รอง ผวจ. นายนายราชันย์ วะนาพรม นายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารและพนักงาน เจ้าหน้าที่ กปภ.สาขาบึงกาฬ ประชาชน ให้การต้อนรับนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า กปภ.

เป็นหน่วยงานที่ให้บริการน้ำประปาโดยคำนึงถึงถึงประโยชน์และสุขอนามัยของประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งโครงการ “น้ำดื่มสะอาด Mini Station” นอกจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนแล้ว ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้มีสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้เร่งดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งจุดบริการน้ำดื่มสะอาด Mini Station แล้วเสร็จจำนวน 10 แห่ง

ได้แก่ กปภ.สาขาข้าบ้านฉาง พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ทุ่งสง สตูล น้ำพอง บึงกาฬ บุรีรัมย์ นางรอง และอุทัยธานี โดยใช้เทคโนโลยีรีเวิร์สออสโมซิส (RO) ในกระบวนการผลิตน้ำดื่ม และฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตร้าโวโอเลต (UV) ด้วยกำลังการผลิต 2,000 ลิตร/ชั่วโมง จึงมันใจได้ว่าสามารถอุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย สำหรับแผนการดำเนินงานในปัจจุบัน กปภ. ตั้งเป้าหมายก่อสร้างและติดตั้ง Mini Station ให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนคือให้ทุกคนเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัยและมีราคาสาสามารถซื้อหาได้

นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการน้ำดื่มสะอาด Mini Staton เป็นการนำความเชี่ยวชาญของ กปภ.มาสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนโดยตรง ด้วยการผลิตน้ำดื่มคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด และช่วยบรรเทาภาภาระค่าครองชีพประชาชน โดยประชาชนสามารถนำรถบรรทุกน้ำดื่มหรือภาชนะบรรจุน้ำดื่มมารับบริการได้ที่สำนักงาน กปภ.สาขาบึงกาฬ จ.บึงกาฬ

นอกจากนี้ กปภ. ได้ตอบสนองนโยบาย “น้ำดื่มสะอาด บริการประชาชน” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยดำเนินโครงการน้ำประปาดื่มได้ร่วมกับกรมอนามัยประกาศรับรองพื้นที่น้ำประปาดื่มได้แล้ว 264 แห่ง และโครงการตู้กดน้ำดื่มสะอาดฟรี ซึ่งจะขยายผลให้ครบทั้ง 234 สาขาทั่วประเทศต่อไป

นายทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ น้ำดื่มสะอาด Mini Staton นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้การประปาส่วนภูมิภาคดำเนินการจัดหาน้ำดื่มสะอาดให้กับประชาชน ลดค่าใช้จ่าย เรามีเป้าหมายกันทำทั้งประเทศ ทั้งหมด 234 สาขา แต่ว่าในเบื้องต้นปีนี้ จะมีการ Kick Off ไป 10 จังหวัด/สาขา แต่ในโอกาสต่อไปก็จะมีการทำให้ครอบคลุมไปทั้งหมดทั่วประเทศ ทั้งในส่วนความรับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาคด้วย

แต่เป็นพื้นที่การประปาส่วนภูมิภาคไปให้บริการ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงน้ำประปาน้ำสะอาดดื่มได้ในราคาที่ประหยัด เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ในอนาคตอาจจะมีบ้าง อยู่ระหว่างการประเมินว่าต้องคิดในอัตราเท่าไหร่ให้เกิดความเหมาะสม ประหยัด และลดต้นทุนให้กับประชาชนในการใช้จ่ายในครัวเรือนต่อไป โดยการใช้บริการน้ำดื่มสะอาด Mini Station ที่ด้านหน้า กปภ.สาขาบึงกาฬ ช่วงแรกนี้ เปิดให้พี่น้องประชาชนมาใช้บริการในวันและเวลาราชการ แต่ในอนาคตการพัฒนาจะทำให้ประชาชนสามารถดำเนินการรับบริการน้ำดื่มได้ด้วยตนเองเลย

โดย มท.2 กล่าวยืนยันว่า น้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคโดยปกติดื่มได้อยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจขึ้นมา เราจึงมีระบบที่มีมาตรฐานขึ้นมาอีกระดับ ซึ่งมีมาตรฐานเกินองค์การอนามัยโลกไปแล้ว ด้วยระบบเทคโนโลยีรีเวิร์สออสโมซิส (RO) เพื่อให้ลดต้นทุนในการดำเนินการ เราใช้พลังงานสะอาด คือ พลังงานแสงอาทิตย์นำมาใช้ในการทำงานระบบเครื่องกรองน้ำโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าปกติ
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “นครพนมโมเดล” ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด/ อบรมสัมมนาศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย​ จ.อำนาจเจริญ /นทท.ร้อง ตม.มุกดาหาร เรียกเก็บค่าล่วงเวลาแต่ไม่ออกใบเสร็จให้

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.49 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 5 พระธาตุพระธาตุพนม ศาลากลาง จังหวัดนครพนม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2/ ผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.นบ.ยส.24) และพลตำรวจเอกไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทสยาม บุญสม จเรตำรวจ, พลตำรวจโทอุดร ยอมเจริญ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,

พลตำรวจตรีณัฐนนท์ ประชุม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมประชุมบูรณาการติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายข้อสั่งการการป้องกันยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันยาเสพติด การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด การสร้างอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟู การสนับสนุนและการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อรับทราบข้อมูล สถานการณ์ในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้มอบแนวทางการปฏิบัติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเน้นการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล

พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง เจรตำรวจแห่งชาติ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติราชการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมเป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังปัญหาด้านการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด และกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด สั่งการและกำหนดรูปแบบในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งกำหนดขยายพื้นที่เป็นพื้นที่ต้นแบบ นำร่อง 10 จังหวัด (เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง สกลนคร นราธิวาส ปทุมธานี อุทัยธานี นครพนม นครศรีธรรมราช และจังหวัดตรัง)


“เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบ “ธวัชบุรีโมเดล” จึงได้จัดประชุมคณะกรรมการ ศอ.ปส.จ.นครพนม เพื่อมอบแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบ “ธวัชบุรีโมเดล” ที่เคยได้ดำเนินการในจังหวัดร้อยเอ็ด รวมทั้งเพื่อร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครพนม ซึ่งได้มีการชี้แจงให้ที่ประชุมทราบวัตถุประสงค์กรอบอำนาจหน้าที่คณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และแนวทางการดำเนินการในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนมีความสุข โดยได้มีการพิจารณาการมอบหมายหน้าที่และแบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายต่อไป”

ทั้งนี้ ในการประชุมฯ ได้มีการนำเสนอโดยการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันยาเสพติด การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด การสร้างอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟู การสนับสนุนและการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อรับทราบข้อมูล สถานการณ์ในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้มอบแนวทางการปฏิบัติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเน้นการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งจังหวัดนครพนมได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)

เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อนึ่ง จังหวัดนครพนม จะยกระดับการแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ใช้รูปแบบ ‘ธวัชบุรีโมเดล’ มาเป็นแนวทางในการดำเนินการและกำหนดขั้นตอนดำเนินการไว้ 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นเตรียมการ ขั้นปฏิบัติการ ขั้นส่งต่อ ความยั่งยืน ขั้นทบทวนหลังการปฏิบัติ และขั้นขยายผลไปพื้นที่อื่น

รวมทั้งยังกำหนดความรับผิดชอบให้แต่ละส่วนราชการ จังหวัดนครพนม/ ศอ.ปส.จว.น.พ. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ทำหน้าที่ในการวางแผน อำนวยการ บูรณาการ ประสาน และควบคุมกำกับดูแล รวมทั้งขับเคลื่อนการสร้างหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และตำรวจปราบปรามยาเสพติด รับผิดชอบหลักในมาตรการสกัดกั้น และมาตรการปราบปราม เน้นสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่เขตของจังหวัด การปิดล้อมตรวจค้น ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม รับผิดชอบหลักในมาตรการบำบัด เน้นการคัดกรอง แบ่งแยกผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติด ผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติด ก่อนนำเข้าบำบัด ตามระดับความรุนแรง สำนักงานแรงงาน และพัฒนาชุมชน จังหวัดนครพนม รับผิดชอบหลักให้การช่วยเหลือ ภายหลังผ่านกระบวนการบำบัด โดยการ จัดหางานสนับสนุน การฝึกอาชีพ และการพัฒนาฝีมือแรงงาน มณฑลทหารบกที่ 210 เป็นหน่วยร่วมในการวางแผน อำนวยการ ประสานการปฏิบัติ และเป็นหน่วยสนับสนุนให้กับทุกส่วนราชการที่เป็นหน่วยปฏิบัติหลัก และเพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยจึงได้กำหนดตารางประสานสอดคล้องให้ครอบคลุม ทั้งภารกิจ หน่วยปฏิบัติหลัก และหน่วยสนับสนุน ณ ห้องประชุม ชั้น 5 พระธาตุพระธาตุพนม ศาลากลาง จังหวัดนครพนม

ภาพ​/ข่าว​ นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ ​โชคชัย​ ​มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

นทท.ร้อง ตม.มุกดาหาร เรียกเก็บค่าล่วงเวลาแต่ไม่ออกใบเสร็จให้

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดมุกดาหารได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านพรมแดนมุกดาหารข้ามไปยังแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ในช่วงวันหยุดราชการแต่ถูกเจ้าหน้าที่ ตม.มุกดาหาร เรียกเก็บเงินค่าล่วงเวลาคนละ 20 บาท ซึ่งเมื่อจ่ายเงินให้ไปแล้วแต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมออกใบเสร็จรับเงินให้ จึงอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสร้างความโปร่งใส การมีส่วนร่วมของประชาชน การประชาสัมพันธ์เชิงรุก และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร ของ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้ ตม.มุกดาหาร ชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบว่า เจ้าหน้าที่ ตม. สามารถเรียกเก็บเงินค่าล่วงเวลาจากนักท่องเที่ยวหรือผู้โดยสารได้เป็นจำนวนเท่าใด และต้องออกใบเสร็จรับเงินให้ด้วยหรือไม่ และการเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวคนละ 20 บาท

โดยไม่ออกใบเสร็จรับเงินเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายอย่างไรหรือไม่หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบการกระทำความผิด ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติ และวินัยข้าราชการตำรวจ โดยเมื่อมีผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิดทางอาญาหรือวินัย หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมหรืออันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต้องรีบดำเนินการแก้ไข หากเป็นกรณีที่กระทำผิดกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียม ต้องรีบดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเฉียบขาดทันที และทันต่อเหตุการณ์อนึ่ง จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า มีกฎกระทรวง (พ.ศ. 2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ได้กำหนดค่าธรรมเนียมการตรวจรถยนต์ รถไฟที่เดินทางผ่านเข้ามาใน หรือออกไปนอกราชอาณาจักร นอกเวลาราชการ ถ้าไม่มีคนโดยสารให้เสียครั้งละ 25 บาท ถ้ามีคนโดยสารให้คิดเพิ่มขึ้นตามรายตัวคนโดยสาร คนละ 5 บาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ #จเรตำรวจแห่งชาติ #สำนักงานจเรตำรวจ #สตม #ปปช #ปปท #ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร #ตรวจสอบทุจริต #เก็บค่าล่วงเวลาไม่ออกใบเสร็จรับเงิน

ภาพ​/ข่าว​ นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ ​โชคชัย​ ​มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

อำนาจเจริญ -การจัดอบรมสัมมนาศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย​ จ.อำนาจเจริญ ให้ความรู้แก่สมาชิกพรรคและประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และบทบาทหน้าที่ของสมาชิกพรรคการเมือง

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567​ เวลา 08.30 น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส มอบหมายให้​ นางสาวณัฐนิชา​ มั่นทน ตัวแทนพรรคศูนย์ประสานงานจังหวัดอำนาจเจริญ จัดอบรมสัมมนา เพื่อให้ความรู้สมาชิกพรรคและประชาชน เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ณ ห้องประชุมโรงแรมเพาเวอร์แกรนด์ จังหวัดอำนาจเจริญ ครั้งที่ 1/2567 ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567​ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.00 นาฬิกา

มีผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนา จำนวน 2​51 คน โดยมี​ พ.ต.อ.​ภัทรพล เล่าเปี่ยม​ กรรมการบริหารพรรคฯ เป็นประธานในพิธี ร.ต.ต.สุเทียน​ ทองโสม​ หัวหน้าสาขาพรรคเสรีรวมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดมุกดาหาร เขต1 และนายไพรัตน์ ฝ่ายบุตร พนักงานสืบสวนและไต่สวนชำนาญการ รักษาการหัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง เจ้าหน้าที่กกต.จ.อำนาจเจริญ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมอบรมสัมมนาครั้งนี้ โดยมีท่านอิทธิกร สุวมาศ ให้การต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง มีวัตถุประสงค์ ดังนี้​

1.เพื่อให้กรรมการสาขาพรรค สมาชิกและประชาชน ทราบถึงสถานภาพสมาชิกพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป​ 2.เพื่อให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของสมาชิกพรรคการเมือง มีความรู้ความความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 3.เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน​ 4.เพื่อเปิดเวทีให้สมาชิกแบ่งกลุ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ปัญหาทางการเมืองที่ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน

โดยการจัดประชุมใหญ่สามัญศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทยจังหวัดอำนาจเจริญ และคณะทำงานภาคอีสานตอนล่าง สัมมนาให้ความรู้สมาชิกสาขาพรรคและประชาชน ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ครั้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ดร.ฉวีวรรณ คำพา ร่วมทอดกฐินสามัคคี วัดสุดเขตแดนสยาม จ.บึงกาฬ สาธุชนไทย-ลาว รวมยอดกฐิน 1.9 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 14 พ.ย.67 เวลา 10.00 น. ที่วัดสุดเขตแดนสยาม บ้านหนองแวง หมู่ 3 ตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ จัดงานทอดกฐินสามัคคี สมทบทุนสร้างวิหารพระพุทธมหาบารมีศรีสัตนาคราช โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และ ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

พร้อมคณะ เป็นประธานองค์กฐิน พร้อมด้วย นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ ดร.บุญมา พันดวง บุญมาทีวี 67 นายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ นายชวนะ ทวีอุทิศ ผอ.โรงเรียนบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น นักธุรกิจ พ่อค้า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนชาวหนองแวง และพุทธศาสนิกชนชาวไทย-ลาว ร่วมในพิธี

ขบวนแห่กฐินเริ่มต้นหน้าวัดประมาณ 200 เมตร นำโดยขบวนนางรำที่รวมตัวกัน ระหว่าง ชมรมสุขภาพดีที่ริมโขง ชมรมสุขภาพบ้าหนองแวง และขบวนฟ้อนรำจากโรงเรียนบึงกาฬ เพื่อฟ้อนรำให้แขกผู้มีเกียรติรวมถึงศรัทธาสาธุชนได้รับชมความอ่อน ความพร้อมเพียงรวมถึงความสามัคคี

ตามด้วยขบวนแห่บริวารองค์กฐินซึ่งมีศิษยานุศิษย์และพ่อค้าประชาชน ที่เลื่อมใสศรัทธา หลวงพ่อพระครูประภัสสรวีรคุณ(วีระพล ปภสฺสโร) เจ้าคณะอำเภอศรีวิไล(ธ) เจ้าอาวาสวัดสุดเขตแดนสยาม และพระครูสมุห์ ปิยะนัส ปญฺญาวชิโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุดเขตแดนสยาม ประธานฝ่ายสงฆ์

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีคณะศรัทธาตั้งโรงทานกว่า 20 โรงทาน โดยชาวบ้านในพื้นที่ บริษัท ห้างร้านค้า และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันออกโรงทานเพื่อแจกอาหารเครื่องดื่มให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาและน้ำใจ

โดยในปีนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานบริษัทในเครือฉวีวรรณ กรุ๊ป ร่วมกับ และชาวชลบุรี นำผ้ากฐินทอดถวายพระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ร่วมกับชาวบ้านหนองแวง นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน พุทธศาสนิกชนในจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดใกล้เคียง ที่มาร่วมงานได้ร่วมทำบุญ สมทบทุนสร้างวิหารพระพุทธมหาบารมีศรีสัตนาคราช วัดสุดเขตแดนสยาม จังหวัดบึงกาฬ ยอดกฐินรวมบริวารทั้งหมด 1,934,567.26 บาท

วัดสุดเขตแดนสยาม ต.วิศิษฐ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง พื้นที่รอบวัดรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีความสงบ ร่มรื่น เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต แต่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ ซึ่งชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้บริจาคที่ดินให้ และชาวบ้านได้ร่วมกันพัฒนาเรื่อยมาจนเป็น

วัดสุดเขตแดนสยาม มีพระครูประภัสสรวีรคุณ (วีระพล ปภสฺสโร) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พระอาจารย์ลาย เจ้าคณะอำเภอศรีวิไล(ธ) เป็นเจ้าอาวาสในปัจจุบัน ภายในวัดมีวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน

ซึ่งวิหารหลังนี้ประยุกต์งานศิลปกรรมแบบร่วมสมัยได้อย่างลงตัว โดยตกแต่งเพดานด้วยไม้และเสาภายในประดับด้วยกระจกเงา อีกทั้งยังมีอุโบสถสีขาวที่มีความวิจิตรงดงาม ภายในประดิษฐานหลวงพ่อพระเงิน และได้มีการประกอบพิธียกฉัตรเมื่อปี พ.ศ. 2561 และพิธีฉลองอุโบสถ ผูกพัทธสีมา ปิดทองลูกนิมิตร