เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมการรอคอย!มงลง “วีนา” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์2025 ตัวแทนสาวไทย ชิงมงจักรวาล “Miss Universe” ครั้งที่ 74 ปลายปีนี้

แชร์เนื้อหานี้

23 สิงหาคม 2568 กรุงเทพฯ : นับเป็นค่ำคืนที่แสงระยิบระยับเมื่อ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ผู้ถือสิทธิ์ในการจัดประกวด “Miss Universe Thailand” โดย คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานกองประกวด Miss Universe Thailand & Vice President of Miss Universe Asiana จัดการประกวดรอบตัดสิน (Final Competition)

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025 ( Miss Universe Thailand 2025) ณ MGI Hall ชั้น 6 ศูนย์การค้า Bravo BKK พระราม 9 โดยมีคณะกรรมการ แขกผู้มีเกียรติ เหล่าซุป’ตาร์ตัวแม่ในสังกัด MGI เดินพรมแดงเข้างาน THE NEW ERA Celebrations: Red Carpet with MGI STARS! อาทิ อิงฟ้า วราหะ ,ชาล็อต ออสติน , อุ้ม-มีนา , หลิน-ใบมิ้นท์ ฯลฯ รวมถึง ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น ฯลฯ และทัพ

สื่อมวลชน เข้าร่วมงาน รวมถึงที่กำลังรับชมผ่านทาง Youtube Live : Grand TV
ความตื้นเต้นเริ่มต้นขึ้นและเรียกเสียงเชียร์เต็มฮอลล์ เมื่อกองประกวดฯเปิดฉากด้วยโอเพนนิ่งโชว์ เปิดตัว 77 สาวงามตัวแทนจาก 77 จังหวัด เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แสง สี เสียง โปรดักชั่นของเวทีที่ระดับบอสณวัฒน์ไม่เคยทำให้แฟนนางงามผิดหวัง อลังการงานละเอียด โดยมี แมทธิว ดีน และ นาตาลี เกลโบว่า Miss Universe 2005 รับหน้าที่พิธีกร

ต่อมา พิธีกรได้ประกาศรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม (Best National Costume) ได้แก่ MUTจันทบุรี “เฟนิษ ณิชารีย์ ชิงดวง” ได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท และรองชนะเลิศชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ได้แก่ MUT กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต พิจิตร นราธิวาส ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท ตามด้วยรางวัล นางงามผู้เปล่งประกายด้วยความพยายาม ได้แก่ MUTสระแก้ว “แตงกวา อภิรตา พุทธชัย” ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท

รางวัล Best Tiktok Content Creator By Numju Rachi ได้แก่ MUT กรุงเทพมหานคร “แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง” ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัล นางงามผิวสวยออร่า By Numju Rachi ได้แก่ MUT สระบุรี “วีนา ปวีนา ซิงห์” ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัล KATHY POWER OF UNIVERSE ได้แก่ MUTสระบุรี “วีนา ปวีณา ซิงห์” ได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท
รางวัล Miss Beleaf Natural ได้แก่ MUTปทุมธานี อมองดีน กลาสเซต์ ได้รับเงินรางวัล100,000 บาท รางวัล Friend of Glass Skin ได้แก่ MUTสระบุรี “วีนา ปวีนา ซิงห์” ได้รับเงินรางวัล100,000 บาท

จากนั้นพิธีกรประกาศ 18 คนสุดท้าย โดยผู้ที่เข้ารอบอัตโนมัติจากการเป็นผู้ชนะในแคมเปญดังนี้ รางวัล Best Seller Award ได้แก่ MUTสระบุรี แคมเปญ Inspire U to The Universe ได้แก่ สุราษฏร์ธานี “ขิง ชุติกาญจน์ สุวรรณโคตร” และรางวัล Miss Popular Vote ได้แก่ MUTกรุงเทพมหานคร ตามด้วยนางงามที่เข้ารอบ 18 คนสุดท้าย ได้แก่ MUTนครนายก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต สงขลา สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ขอนแก่น ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ปทุมธานี ลพบุรี

ตามด้วยการอวดโฉมสาวงาม 18 คนที่เข้ารอบ ในชุดว่ายน้ำ ต่างจัดเพอร์ฟอร์แมนซ์ แบบไม่มีกั๊ก รางวัลชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม ได้แก่ MUTกรุงเทพมหานคร “แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง”
แต่ละวินาทีตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆเมื่อพิธีกรประกาศผลผู้ที่เข้ารอบ TOP 10 ได้แก่ MUTปทุมธานี ภูเก็ต สุพรรณบุรี ลพบุรี นครนายก สระบุรี นครศรีธรรมราช พังงา กรุงเทพมหานคร สงขลา

และประกาศรางวัล “Best in Evening Gown” presented by Janua (น้ำหอมแจนยัวร์) ได้แก่ MUTลพบุรี “เจ้าหญิง สุมิตา คุมาประโคน” รางวัล Miss Photogenic Award Presented by Aura Rich ได้แก่ MUTอุตรดิตถ์ “ ยีนส์ พิชญาวี โยโกยาม่า” ตามด้วยการประกวดชุดราตรี พร้อมโชว์พิเศษจากศิลปิน เจมีไนน์ – โฟร์ท กับเพลง หนึ่งในร้อย เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์ พิธีกรประกาศ TOP 5 ได้แก่ MUTสระบุรี ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และ นครศรีธรรมราช ทำให้อีก 5 สาวงาม สุพรรณบุรี ลพบุรี นครนายก พังงา สงขลา รั้งตำแหน่งรองอันดับ 5 ทันที

พิธีกรนำเข้าสู่รอบตอบคำถามโดยค่ำคืนสุดพิเศษสิ้นสุดลงเมื่อพิธีกรประกาศผล TOP 3 ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่มีทั้งผู้ที่ผิดหวังและสมหวัง โดยสาวงามผู้เข้ารอบสุดท้ายนี้ ได้แก่ MUTภูเก็ต MUT กรุงเทพมหานคร และ MUTสระบุรี ส่งผลให้ MUTนครศรีธรรมราช และ ปทุมธานี ดำรงตำแหน่งรองอันดับ 3

ทั้ง 3 สาวเดินเฉิดฉายอีกครั้งเป็นรอบสุดท้าย พร้อมตอบคำถามและวินาทีสำคัญที่ทำให้ทั้งฮอลล์แทบหยุดหายใจ เมื่อพิธีกรได้ประกาศผู้ได้ครองมงกุฏมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025( Miss Universe Thailand 2025) ได้แก่ MUTสระบุรี “วีนา ปวีนา ซิงห์” คว้ามงกุฎ “The Shining of the New Era” ประกายแห่งการกำเนิดใหม่ของจักรวาล” มูลค่า 1,500,000 บาท ให้เกียรติสวมมงกุฎโดย นาตาลี เกลโบว่า มิสยูนิเวิร์ส 2005 และรับเงินสดมูลค่า 2,000,000 บาท

รวมถึงรางวัลจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย โดย วีนา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025 ( Miss Universe Thailand 2025) จะเป็นตัวแทนประเทศไทยในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2025 (Miss Universe 2025) ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศไทย ในปลายปี 2568 นี้ ตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025 ได้แก่ MUT กรุงเทพมหานคร แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง

รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025 ได้แก่ MUTภูเก็ต อเดล นฤมล พิมพ์ภักดีรับชมจัดการแข่งขันรอบตัดสิน (Final Competition) Miss Universe Thailand 2025 : The New Era ย้อนหลังได้ที่ Youtube : Grand TV
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของกองประกวดฯ

ที่จะพาทุกท่านไปสู่จักรวาล
ได้ในช่องทาง Facebook : Miss Universe Thailand
Instagram @missuniversethailand / X : @missu_thailand / TikTok : @officialmuthTheNewEraofMUT #MissUniverseThailand #MissUniverseThailand2025 #MGIxMUT

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศป.ปส.อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น “ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด จับกุมผู้ค้าผู้เสพ”

แชร์เนื้อหานี้

วันศุกร์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2568 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ได้จัดโครงการ ฟ.ฟันยิ้มสวย กองทุนหลักประกันสุขภาพนายบุญส่ง ทองมูล นายกเทศมนตรีตำบลโนนหัน เป็นประธานในพิธี

พร้อมด้วย นายอัมรินทร์ อารัมภวิโรจน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลโนนหัน
นายณัฐวุฒิ วิเศษวงษา ผู้อำนวยการสถานศึกษา
นายประจวบ ดีบุญมี ณ ชุมแพ ประธานกรรมการสถานศึกษา
นายณัฐวุฒิ เเสงสว่าง สมาชิกสภาเทศบาล/กรรมการสถานศึกษา

รวมถึงปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล หัวหน้าฝ่าย เเละได้รับความรู้จาก
วิทยากร นางสาวกัญญารัตน์ สอนเวียง เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุขปฏิบัติงาน
เเละผู้ปกครองเด็กนักเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นการอบรมให้ความรู้ในเรื่องการดูเเลสุภาพในช่องปากเเละเคลือบฟลูออไรด์วานิชให้กับเด็กนักเรียน

สื่อรัฐทีวี /สื่อรัฐนิวส์

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ตัั้งแต่เวลา 11.30 น. นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ /ผอ.ศป.ปส.อ.ชุมแพ พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอาวุโส สั่งการให้ นายสมคิด ชำนิกุล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยชุดปฏิบัติพิเศษฝ่ายปกครอง

ลงพื้นที่ตรวจสอบตามข้อมูลบัญชีผู้ค้าผู้เสพ(Re x-ray) ประกอบกับมีคำร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีลูกหลานมั่วสุมเสพยาบ้า และเกิดทรัพย์สินในหมู่บ้านสูญหาย จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการจับกุมผู้ทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

อำเภอชุมแพ จึงได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบาย “ปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด” ในพื้นที่ตำบลวังหินลาด และตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ และจับกุมผู้ทำความผิดดังนี้

1) นายศราวุธ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ชาวตำบลนาจาน อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ของกลางยาบ้า 15 เม็ด และผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุด2) นายกฤตยศชญ์ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ชาวตำบลโนนหันอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 2 กระบอก พร้อมลูกกระสุนปืน ขนาดจุด .38 special 15 นัด กระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2 นัด

3) นายราวี (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี ชาวตำบลโซ่ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ของกลางผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุด4) นายสุริยา (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ชาวตำบลวังหินลาด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ของกลางผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุดจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอชุมแพ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชุมแพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศป.ปส.อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น “ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด จับกุมผู้ค้าผู้เสพ”

ปกครองอำเภอชุมแพ จับตำรวจยศนายดาบเสพยา!! ที่แท้ตำรวจเวียงเก่า นำส่ง พงส.สภ.ชุมแพ ดำเนินคดี

วันที่ 22 สิงหาคม 2568 ตัั้งแต่เวลา 14.30 น. นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ /ผอ.ศป.ปส.อ.ชุมแพ พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอาวุโส พ.ต.ท.ลักษ์ ด้วงลำพันธ์ รอง ผกก.สว.สส. สั่งการให้ นายสมคิด ชำนิกุล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง

พร้อม ชุดปฏิบัติพิเศษฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ชุมแพ อำเภอชุมแพ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบาย “ปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด” ในพื้นที่ อำเภอชุมแพ และจับกุมผู้ทำความผิดตามบัญชีผู้ค้า ผู้เสพ (Re x ray) ดังนี้

1) นายพิเชษฐ์ (ตามสมมุติ) อายุ 44 ปี ชาวตำบลหนองเสาเล้า อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่นของกลาง ยาบ้า จำนวน 3,840 เม็ด และอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 2 นัด2) นายไพรวัลย์ (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี ชาวตำบลหนองสองเล้า อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ของกลาง ยาบ้า จำนวน 1 เม็ด

3)นายมาลี (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ชาวตำบลหนองเขียด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ของกลางผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุด

 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชุมแพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี/น.ส.พ.สื่อรัฐนิวส์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ที่ทหารบก 44 การแข่งขันกอล์ฟการกุศลชิงถ้วยเกียรติยศ พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ผู้ว่าฯจ.ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568 จะมีการแข่งขันกันในช่วงเช้าหนึ่งรอบ เวลา 07.00 น และช่วงบ่ายอีกหนึ่งรอบ เวลา 12.30 น ณ สนามกอล์ฟค่ายเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง จ.ชุมพการแข่งขัน เป็นการแข่งขันแบบ Stroke Play จำนวน 18 หลุม

ในการแข่งขัน ประเภทบุคคลจำกัดไฟล์ท ใช้ Handicap มาแบ่งไฟล์ท ใช้กฎข้อบังคับ USGA. และ The Royal $ Ancient Golf Clup of St. Andrews ร่วมกับ Local Rules ของ สนามแข่งขัน ประเภทการแข่งขัน ประเภททีมทั่วไป

ทีมละ 6 คน ใช้ผลคะแนนสุทธิ (Net Score) ผู้เล่นที่มีแต้มต่อสูงกว่า 18 ให้คิดแต้มต่อ 18 ประเภทบุคคล ผู้แข่งขันประเภททีม มีสิทธิรับรางวัล ประเภทบุคคลด้วย

โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 Fight ดังนี้ – Flight A แต้มต่อ 0-12 Flight B แต้มต่อ 13-18 – Flight C แต้มต่อ 19 – 24 คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ต้องเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น

ประเภทบุคคล – LOW GROSS ถ้าแต้ม GROSS เท่ากันให้ผู้ที่มีแต้ม ต่อมากกว่าเป็นผู้ชนะ ถ้าแต้มต่อเท่ากันให้เปรียบแต้ม หลุมต่อหลุม โดยเริ่มตั้งแต่หลุมที่ 18 ของสนามย้อนขึ้นไป

ใครทำแต้มได้น้อยกว่าเป็นผู้ชนะ – LOW NET ถ้าแต้ม NET เท่ากันให้ผู้ที่มีแต้มต่อน้อยกว่า เป็นผู้ชนะ ถ้าแต้มต่อเท่ากันให้เปรียบเทียบแต้มหลุมต่อหลุม โดยเริ่มตั้งแต่หลุมที่ 18 ของสนามย้อนขึ้นไป ใครทำแต้ม ได้น้อยกว่าเป็นผู้ชนะ

ผู้เล่นต้องส่ง SCORE CARD ให้กับคณะกรรมการจัดการ แข่งขัน เพื่อตรวจสอบภายใน 30 นาที หลังจากเสร็จการแข่งขัน – กรณีประท้วงผลการตัดสิน ต้องทำภายใน 30 นาที หลังจากตัดสินผลการแข่งขัน – การตัดสินของคณะกรรมการ ถือว่าสิ้นสุด

หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน ขอเชิญผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกท่าน ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ และร่วมพิธีมอบรางวัลทุกประเภท ณ คลับเฮ้าส์ สนามกอล์ฟค่ายเขตอุดมศักดิ์ ถ้วยรางวัล

ประเภททีม รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ จากแม่ทัพภาคที่ 4ประเภทบุคคล Low gross รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ จากแม่ทัพภาคที่ 4 Flight A รับถ้วยฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร Flight B รับถ้วยฯ

ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร Flight C รับถ้วยฯ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร อาวุโส (70 ปีขึ้นไป) และสุภาพสตรี รับถ้วยฯ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44

เยาวชน อายุไม่เกิน 14 ปี รับถ้วยฯ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร
วัตถุประสงค์การแข่งขันกอล์ฟการกุศลชิงถ้วยเกียรติยศ พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4

และนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รายได้เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาพลับพลาพิธี บริเวณลานพื้นแข็งค่ายเขตอุดมศักดิ์ และ เป็นสวัสดิการให้กับกำลังพลและครอบครัว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นักท่องเที่ยววอนจัดระเบียบอ่าวไข่ หาดหรูเมืองสุนทรภู่ ครูกวีศรียูเนสโก้

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากนักท่องเที่ยวต่างจังหวัดที่เดินทางไปพักผ่อนยังอ่าวไข่ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหาดหรูแห่งเมืองระยอง แต่ยังพบว่ามีหลายจุดที่ยังต้องจัดระเบียบปรับปรุงแก้ไขเพื่อความเป็นมาตรฐานของแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวนานาชาติจากทุกมุมโลกที่ต้องการมาเยือน

โดยยังพบว่าในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวยังไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเรื่องของการไม่มีจุดจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน, การจัดวางถังขยะใกล้ทางระบายน้ำลงทะเล, การยึดพื้นที่จอดรถสองข้างถนนของผู้ประกอบการเอกชน รวมการความหมิ่นเหม่เรื่องการก่อสร้างอาคารรุกล้ำที่สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเพื่อที่จะให้อ่าวไข่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าของจังหวัดระยองอย่างแท้จริง และเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกและประเทศไทย อันจะส่งผลถึงเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวที่จะเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต

อนึ่ง อ่าวไข่ จ.ระยอง เป็นอ่าวเล็กๆ ความยาวประมาณ 500 กม. อยู่ใกล้กับหาดแม่พิมพ์ เป็นชายหาดที่มีความสงบ และเป็นที่ถูกใจของผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมทางทะเล และเป็นเป้าหมายของการเดินทางของนักเซิร์ฟจากทั่วโลก ความสวยงาม

ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าคือ เกาะขี้ปลา ที่อยู่ห่างจากชายหาดไม่ไกล ด้วยความโดดเด่นทางธรรมชาติความสมบูรณ์ของธรรมชาติ อ่าวไข่ จึงได้ชื่อว่าเป็นชายหาดหรูแห่งเมืองสุนทรภู่ บรมครูกวีศรีแห่งชาติ ที่ยูเนสโก้ยกย่อง

ลาน้องไปช่องบก – ดวงดี ศรีวิชัย สื่อรัฐทีวี

แชร์เนื้อหานี้

เพลงของนักร้องรุ่นใหญ่ ดวงดี ศรีวิชัย ที่เจ้าตัวบอกว่าแม้เด็กสมัยใหม่ จะคุ้นชินกับเพลงลูกทุ่งแบบผสมผสานตามยุคตามสมัย แต่เจ้าตัวเองขอยืนยันที่จะร้องเพลงลูกทุ่งแบบดั้งเดิม คือ ชัดถ้อยชัดคำและมีการเอื้อนเสียงที่ชัดเจน

ประวัติ ดวงดี ศรีวิชัย อดีต รองผู้อำนวยการฝ่ายการท่า ท่าอากาศยานสุวรรณภมิ
อดีตเคยรับราชการในกองทัพอากาศ ด้านศิลปิน ชนะเลิศดาวรุ่งเสียงทอง ข่อง 7 สี ลูกทุ่งหน้าใหม่ชายยอดนิยมมหานครอวอร์ดส ฮิตเก่าทำใหม่ยอดนิยมมหานครอวอร์ดส ดาวเมฆขลาลูกทุ่งตอบแทนคุณดีเด่น บ้านเกิด จังหวัดตรัง
เบอร์โทรติดต่อ 063-5322956 065-1942919

ลาน้องไปช่องบก คำร้องทำนอง อ.แดง ธิดาทิพย์ เรียบเรียง อ.มาร์ค ใบเตย

ทหารกล้า วันนี้ต้องลาแฟน พี่จะไปชายแดน น้องอย่านั่งคอตก บอกคนดี พี่จะไปช่องบก โอ้เมียจ้า น้องอย่าน้ำตาตก ที่ชายแดนช่องบก ตอนนี้มีปัญหา เขตชายแดน ถูกเขมรรุกราน เหล่าชายชาติทหาร ต้องปกป้องพารา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั่วฟ้าเมืองไทย โปรดคุ้มครองทหารไทย ให้ปลอดภัยด้วยหนา หลวงปู่ทวด หลวงพ่อโสธร กรมหลวงชุมพร ช่วยปกปักรักษา หลวงปู่ฝั้น ปู่มั่น ปู่โต๊ะ

พร้อมทั้งหลวงพ่อโต หลวงปู่ทิมต้องพา พระสมเด็จ กราบไหว้เสร็จคล้องคอ ผ้าถุงแม่ ไม่ลืมรูปถ่ายพ่อ ป้องกันตัวไว้คอ ท่องนะโม คาถา พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ น้องอยู่หลัง จงรอคอยฟังข่าว คอยติดตามเรื่องราว อย่ามัวนั่งโศกา ประเทศชาติไทยเราสำคัญ ใครมาแย่งแบ่งปัน นั้นไม่ได้หรอกหนา ศาสน์กษัตริย์ สิ่งที่เราเทิดทูน

ใครมาทำวายวุ่น เราไม่ยอมดังว่า ประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ เหล่านักรบ ทหาร ยอมพลีชีพแลกมา แผ่นดินทองของเราต้องไม่แหว่ง ใครมาชิงมาแย่ง เราพร้อมสู้ยิบตา ทหารไทย หัวใจ นักสู้ ทหารไทย หัวใจ นักสู้ ใครคิดเป็นศัตรู มันต้องสิ้นชีวา ทหารกล้า

วันนี้ต้องลาแฟน พี่จะไปชายแดน น้องอย่านั่งคอตก บอกคนดี พี่จะไปช่องบก โอ้เมียจ้า น้องอย่าน้ำตาตก ที่ชายแดนช่องบอก ตอนนี้มีปัญหา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้กำกับฯ “ใหญ่ – กรภัทร์” พร้อมนำคอหนังสู่มิติใหม่ของวงการภาพยนตร์ไทยในผลงานเรื่องล่าสุด “รอด/ตาย – Survive or Die?”

แชร์เนื้อหานี้

คลุกคลีอยู่ในแวดวงหนังและละครทีวีมาหลายปี ล่าสุด ผู้กำกับฯ ”ใหญ่ – กรภัทร์ ทั่งศรี“ พร้อมแล้วกับการนำเสนอ ”รอด/ตาย“ ผลงานเรื่องล่าสุดสู่สายตาคอหนัง ”ผมเชื่อเสมอว่าหนังที่ดีต้องเริ่มจากบทภาพยนตร์ที่ดีก่อน ดังนั้นจึงพยายามวางโครงสร้างให้ ’รอด/ตาย’ มีความแตกต่างไปจากหนังไทยแนวเขย่าขวัญทั่วไป“ ผู้กำกับฯ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานในหนังเรื่องใหม่

“ดังนั้นสิ่งที่ รอด/ตาย พยายามจะทำก็คือการเล่าเรื่องในแนวทางใหม่ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเดินตามสูตรเดิม ๆ แต่ก็ยังสามารถเข้าถึงความรู้สึกของคนดูในระดับที่ลึกกว่าหนังเขย่าขวัญทั่วไปในปัจจุบัน เพราะ รอด/ตาย กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ต่างออกไปด้วยวิธีการนำเสนอที่สดใหม่ของกลวิธีการเล่าเรื่อง ที่สำคัญผมมั่นใจว่า รอด/ตาย เป็นหนังที่มีศักยภาพในตัวเองมากพอที่จะเรียกให้คนดูหันมาให้ความสนใจ และยังสามารถพาคนดูออกจากกรอบเดิมๆ และเรียกเอาศรัทธากลับคืนมาให้กับวงการภาพยนตร์ไทยได้อีกครั้ง“

เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อพบกับ “รอด/ตาย – Survive or Die?” มิติใหม่แห่งวงการภาพยนตร์ไทยโดยผู้กำกับฯ ”ใหญ่ – กรภัทร์ ทั่งศรี“ ตั้งแต่ 13 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์พร้อมกันทั่วประเทศ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สนข. จัดเวที ‘แลนด์บริดจ์’ พร้อมประกาศความพร้อม การประมูลโครงการฯ ตามนโยบายของรัฐบาล /พบประชาชน ครั้งที่ 8 พื้นที่ต.วังใหม่ จ.ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ได้ดำเนินการจัดการสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์)
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ณ ห้องลอฟท์ มาเนีย 1 โรงแรมลอฟท์ มาเนีย บูทิกโฮเทล อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาข้อมูลรายละเอียดของโครงการ ข้อมูลและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและข้อมูลรูปแบบการลงทุนจากข้อเสนอแนะของภาคเอกชนไทยและต่างชาติ โดยได้รับเกียรติจาก นายอภิชาติ สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการสัมมนาในครั้งนี้ และมีตัวแทนจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมการสัมมนา

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้เป็นการนำเสนอสรุปผลการศึกษาข้อมูลรายละเอียดโครงการฯ ในทุกประเด็น ซึ่งจากการศึกษาพบว่าโครงการฯ มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการลงทุน (EIRR) คิดเป็น 17.38% (กรณีวิเคราะห์เฉพาะท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง และการพัฒนาพื้นที่หลังท่า) โดยรูปแบบโครงการฯ ประกอบด้วย ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทย ทำเลที่ตั้งบริเวณแหลมริ่ว จ.ชุมพร และท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามัน ทำเลที่ตั้งบริเวณแหลมอ่าวอ่าง จ.ระนอง เชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งด้วยเส้นทางคมนาคม พาดผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด 2 อำเภอ 9 ตำบล ได้แก่

จ.ระนอง อ.เมืองระนอง ต.ราชกรูด และ จ.ชุมพร อ.หลังสวน ต.บางน้ำจืด ต.นาขา ต.วังตะกอ ต.หาดยาย อ.พะโต๊ะ ต.ปังหวาน ต.พระรักษ์ ต.พะโต๊ะ ต.ปากทรง ระยะทางรวม 89.35 กิโลเมตร ประกอบด้วย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองขนาด 6 ช่องจราจร ทางรถไฟขนาดรางมาตรฐาน (Standard Gauge) และทางรถไฟขนาดราง 1 เมตร (Meter Gauge) พร้อมถนนบริการ ภายในพื้นที่เขตทาง 175 เมตร โดยมีการใช้ระบบขนย้ายตู้สินค้าที่ท่าเรือเป็นระบบท่าเรืออัตโนมัติ (Automation Port) การบริหารจัดการท่าเรือที่ทันสมัย (Smart Port) และการบริหารท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Port) รวมทั้ง มีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์หลังท่าที่เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากมีการพัฒนาโครงการ

แลนด์บริดจ์ จะสามารถลดเวลาในขนส่งตู้สินค้าได้ถึง 4 วันและสามารถลดต้นทุนการขนส่งลงถึง 15% และจะทำให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าในการนำเข้าและส่งออกตู้สินค้าของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน
นอกจากนี้ สนข. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชน และศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างรอบด้านจากการพัฒนาโครงการ ได้แก่ (1) การพัฒนาระบบคมนาคมทั้งทางถนน ทางรถไฟ และสนามบินในพื้นที่ ทำให้เกิดความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน และการขนส่งตู้สินค้าเพื่อกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ (2) การสร้างโอกาสการจ้างงานในพื้นที่ และทั้งประเทศถึง 280,000 ตำแหน่ง (3) การเพิ่มโอกาสของภาคเอกชนไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและประมง อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ยา เวชภัณฑ์ ธุรกิจบริการ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น และ (4) เกิดการพัฒนาต่อเนื่องทั้งด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา และด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (น้ำประปา ไฟฟ้า การกำจัดขยะ) นอกจากนี้ในการศึกษามีการระบุให้มีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาอาชีพเพื่อส่งเสริมทักษะให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อรองรับการจ้างงานของคนในพื้นที่ เข้าทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการพัฒนา โครงการ

สำหรับประเด็นข้อกังวลต่าง ๆ จากภาคประชาชนเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ เช่น ผลกระทบ ด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนจากการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ หรือมาตรการในการชดเชยเยียวยา กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นอย่างไรนั้น ทาง สนข.ได้รับทราบข้อกังวลทั้งหมดจากประชาชนผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนมากกว่า 60 เวที และได้นำผลการรับฟังความคิดเห็นไปประกอบร่วมกับผลการศึกษา เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งกำหนดมาตรการชดเชยเยียวยาแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยยึดหลักการพัฒนาโครงการให้เกิดความยั่งยืน เพื่อให้โครงการสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนควบคู่กับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบอาชีพของคนท้องถิ่นผ่านกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ในการศึกษาครั้งนี้มีการกำหนดให้ผู้รับผิดชอบโครงการทำการจัดตั้งกองทุน โดยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สมทบเงินเข้ากองทุน และนำเงินในกองทุนเพื่อไปใช้ในการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก่อนมีการพัฒนาโครงการ

ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทำให้การศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์มีความสมบูรณ์และสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการในขั้นตอนต่อไป สนข.กำลังจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาเพื่อดำเนินการจัดหานักลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติเข้ามาดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะมีความพร้อมในการประกวดราคาในปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ และประชาชนทั้งประเทศมีความกินดีอยู่ดี มีรายได้ มีงานทำต่อ

จังหวัดชุมพรพบประชาชน ครั้งที่ 8 พื้นที่ตำบลวังใหม่ อำเภอเมืองชุมพร
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้(22 ส.ค. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร, นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ ปลัดจังหวัดชุมพร ร่วมโครงการจังหวัดพบประชาชนจังหวัดชุมพร “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ประจำปี 2568

ณ สำนักงานเทศบาลตำบลวังใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โดยมีหัวหน้าส่วนราชหาร ข้าราชการ ศาล อัยการ ทหาร ตำรวจ สาธารณสุข เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร แม่บ้านมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะครู นักเรียน เจ้าหน้าที่ และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน

โดยนำบริการต่างๆ อาทิ บริการด้านการแพทย์ตรวจรักษาโรคเบื้องต้น ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่นสายตาฟรี บริการทำบัตรประชาชนนอกสถานที่ บริการให้คำปรึกษา รับร้องเรียนร้องทุกข์ แจกพันธุ์ต้นไม้ พืชผัก พันธุ์ปลา มอบถุงยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ มอบทุนการศึกษา และมอบจักรยาน ให้แก่นักเรียน เป็นต้น
โครงการจังหวัดพบประชาชนจังหวัดชุมพร “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน”

เป็นโครงการสืบเนื่องมาจากแผนพัฒนาจังหวัดชุมพร พ.ศ. 2566 – 2570 สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนา ที่ยั่งยืนและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้เป้าหมายการพัฒนา (วิสัยทัศน์) ที่ว่า “ชุมพร เมืองน่าอยู่ เศรษฐกิจดีและมีคุณค่ามุ่งสู่ การพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดในการสร้างคนคุณภาพ พัฒนาสังคมแห่งความสันติสุข มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและ

ทรัพย์สิน และการพัฒนาชุมชนให้มีความมั่นคงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากแนวทางการพัฒนาดังกล่าว จังหวัดจึงได้จัดหน่วยบริการประชาชนขึ้น โดยบูรณาการหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรเอกชนต่าง ๆ ร่วมออกพบปะ เยี่ยมเยียน พร้อมนำบริการของภาครัฐ มาให้บริการพี่น้องประชาชน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายในการออกหน่วยบริการ ไว้เดือนละหนึ่งครั้ง หมุนเวียนไปยังอำเภอต่าง ๆ ครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอ


นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ เปิดเผย กระผมมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาพบปะ เยี่ยมเยียน พี่น้องประชาชนชาวตำบลวังใหม่ อำเภอเมืองชุมพร ทุกท่าน ในวันนี้ ภายใต้เป้าหมาย การพัฒนา (วิสัยทัศน์) ที่ว่า “ชุมพร เมืองน่าอยู่ เศรษฐกิจดีและมีคุณค่า มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”

ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนา จังหวัด ในการสร้างคนคุณภาพ พัฒนาสังคมแห่งความสันติสุข มีความ มั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการพัฒนาชุมชนให้มีความ มั่นคง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากแนวทางการพัฒนาดังกล่าว จังหวัดจึงได้จัดหน่วยบริการ ประชาชนขึ้น

โดยบูรณาการหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรเอกชนต่าง ๆ ร่วมออกพบปะ เยี่ยมเยียน พร้อมนำบริการของภาครัฐมาให้บริการพี่น้องประชาชน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายในการออกหน่วย บริการไว้เดือนละหนึ่งครั้ง หมุนเวียนไปยังอำเภอต่าง ๆ ครอบคลุม พื้นที่ทุกอำเภอของจังหวัดชุมพร และ

ในวันนี้ นับเป็นโอกาสอันดี ที่จังหวัดได้นำงานบริการ ของหน่วยงานต่าง ๆ มาให้บริการ และดูแล แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ในพื้นที่ตำบลวังใหม่ อำเภอเมืองชุมพร จึงอยากให้ทุกท่านที่ได้มาร่วมงานโครงการในวันนี้ ได้ใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยหน่วยงานที่ออกหน่วยให้บริการ ในครั้งนี้ มีความตั้งใจและพร้อมที่จะให้บริการแก่พี่น้องประชาชนทุก ๆ ท่านด้วยความยินดียิ่ง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศปปค.ฝกพ.ศปก.ทบ.ตรวจเยี่ยม ทภ.4และมทบ.44 ในการดำเนินโครงการฯ ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 08.00 น พล.ต.มานพ แฝดกลาง ผอ.ศปปค.ฝกพ.ศปก.ทบ.เดินทางมาตรวจเยียมการดำเนินโครงการ ประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้แก่กำลังพล ทบ. ที่ปลดพิการทุพพลภาพ และครอบครัว ประจำปี2568

เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ พร้อมกับ พ.อ.หญิง โสมนัส ว่องไววุฒิกุลเดช รอง หน.คณะฯ/ ที่ปรึกษา ศปปค.ฯ พ.อ.หญิง อัจฉรี อ่อนแก้ว หน.ชป.4 ร.อ.สุทธิชัย โสดามรรค นายทหารประจำศูนย์ ร.ท.ชุมพล พานพระ นายทหาร ปฏิบัติการ พร้อมคณ

คณะเดินทางออกจากบ้านพักรับรอง บทม.44 สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 และ พระอนุสาวรีย์ กรมหลวงชุมพร ค่ายเขตอุดมศักดิ์  เสร็จแล้ว คณะตรวจเยี่ยมฯ เข้าเยี่ยมคำนับ ผบ.มทบ.44  ณ ห้องพระบารมีปกเกล้า โดยมี รองประธาน สม.ทบ.มทบ.44 , ฝสธ., ฝอ.มทบ.44 , คุณพรชนก  บุญโพธิ์แก้ว ผอ.ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดชุมพร (พมจ.) ,
คุณวงเดือน  คงจร นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานจัดหางานจังหวัดชุมพร และ คุณพิชัย  โพธิ์กระสังข์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพร ให้การต้อนรับ พร้อมมอบของที่ระลึกให้แก่คณะตรวจเยี่ยม ณ ห้องพระบารมีปกเกล้า บก.มทบ.44

ต่อจากนั้น คณะตรวจเยี่ยมฯ ออกเดินทางที่บ้านเลขที่ 31 ม.6 ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ตรวจเยี่ยมโครงการโครงการเลี้ยงไก่ไข่ (ปศุสัตว์) ของ จ.ส.ท.ธนัส สุขจตุรภัทร ผู้ดูแลใช้สิทธิแทนบุพการี นางบุญเยาว์ ชัยบุรี อายุ 68 ปี
การดำเนินการโครงการได้รับการสนับสนุนโครงการฯจาก บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ปีที่ได้รับ พ.ศ.2568

ได้รับตลอดปีดำเนินการโครงการ จำนวน 116,836.50 บาท 1.จัดชื้อวัสดุสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ เป็นเงิน 40,000 บาท 2.จ่ายค่าจ้างช่างสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ เป็นเงิน 10,000 บาท

3. จัดซื้อไก่ไข่ จำนวน 30 ตัว เป็นเงิน 7,500 บาท 4. ค่าอาหารสำหรับไก่ไข่ เป็นเงิน 36,000 บาท 5. วิตามินสำหรับไก่ไข่ เป็นเงิน 12,540 บาท ผลสรุปได้ดำเนินการเลี้ยงไก่ไข่ไปตามแผนงานของโครงการ ยังไม่มีรายได้จากการดำเนินโครงการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านตำบลคีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา เดินหน้าประกาศ “ไม่เอาพืชกระท่อม” แสดงจุดยืนด้วยการ ตัด-โค่น-เผา ต้นกระท่อม

แชร์เนื้อหานี้

22 สค.68 ชาวบ้านใน ต.คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ ไชยแก้ว ผู้ใหญ่บ้านพิกุลทอง ม.1 ต.คีรีเขต ร่วมกับอำเภอธารโต ได้ร่วมกันโค่นต้นกระท่อมพร้อมนำไปเผาทำลายทิ้ง เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า “ไม่เอาพืชกระท่อม” หลังพบวัยรุ่นในพื้นที่ได้นำใบกระท่อมมาต้มและนำไปผสมกับสารเสพติดแล้วนำไปดื่มทำให้เกิดอาการมึนเมา ทั้งนี้ เป็นไปตามวาระการร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ “ปฏิบัติการ 120 วัน ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การลดปัญหาการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด โดยมีเป้าหมายให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ภายในวันที่ 30 กันยายน 2568

นายพงษ์ศักดิ์ ไชยแก้ว ผู้ใหญ่บ้านพิกุลทอง ม.1 ต.คีรีเขต กล่าวว่า การกวาดล้างยาเสพติดถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน แม้ว่าพืชกระท่อมจะถูกปลดล็อกจากบัญชียาเสพติดแล้วก็ตาม แต่เมื่อสังคมตระหนักถึงโทษภัยที่แท้จริง ชาวคีรีเขตจึงได้มีการรณรงค์ให้โค่นทำลายและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นปัญหาซ้ำ ทั้งนี้ เพื่อให้เยาวชนเข้าใจอย่างถูกต้องว่า พืชกระท่อมยังคงก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี และควรหลีกเลี่ยงการนำมาใช้ในทางที่ผิด

นายพงษ์ศักดิ์ ไชยแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวด้วยว่า ล่าสุด ได้มีการดำเนินมาตรการสร้างการรับรู้ในกลุ่มเยาวชนระดับหมู่บ้าน เนื่องจากเยาวชนเป็นกลุ่มที่มีเครือข่ายกว้าง ทั้งด้านการศึกษา กีฬา และการรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูง เมื่อได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจถึงโทษของพืชกระท่อมอย่างแท้จริง ก็สามารถเป็นกระบอกเสียงและสื่อสารต่อไปยังกลุ่มเพื่อน ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นเกราะป้องกันด่านแรกของสังคม นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยกำลังในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และองค์กรท้องถิ่น โดยมีผู้นำชุมชนและกำนันตำบลเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนมาตรการเชิงป้องปราม

นายพงษ์ศักดิ์ ไชยแก้ว ระบุด้วยว่า การกวาดล้างและป้องกันปัญหายาเสพติด รวมถึงพืชกระท่อม จะประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อชุมชนมีความเข้าใจตรงกันและเห็นถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้นำท้องถิ่น หน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงการใช้พลังของสื่อมวลชนเป็นช่องทางเผยแพร่และกระจายข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้การรณรงค์มีพลังและเห็นผลเป็นรูปธรรม

ภาพข่าว/ อัมรัน เเมหะ สวท.ยะลา
ตอริก สหสันติวรกุล ผู้อำนวยการกองบรรณาธิการข่าวภูมิภาคใต้

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ‘ประเสริฐ’ ย้ำไทยเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุทะลุ 14 ล้านคน คนพิการกว่า 2.2 ล้านคน เร่งขับเคลื่อน Universal Design หรืออารยสถาปัตย์ ทุกพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

‘ประเสริฐ’ ย้ำไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ ผู้สูงอายุทะลุ 14 ล้านคน คนพิการกว่า 2.2 ล้านคน เร่งขับเคลื่อน Universal Design หรืออารยสถาปัตย์ ให้ทุกพื้นที่เข้าถึงได้-ปลอดภัย

การจัดกิจกรรม โดยมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย พัฒนาจังหวัดนครราชสีมา สู่ “เมืองสุขภาพนานาชาติ-เมืองท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ-Tourism for All” ต้นแบบอีสาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่องเที่ยว-ยกระดับคุณภาพชีวิตคนทั้งมวลอย่างยั่งยืน เวลา 14.00 น. วันที่ 22 ส.ค. 2568 ที่วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.นครราชสีมา และภาคีเครือข่ายจัดพิธี “เปิดเมืองอารยสถาปัตย์ เมืองกีฬา และเมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” ตามแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน หรือ Universal Design (UD)

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการกองทุน สสส. กล่าวเปิดงานว่า ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ โดยปี 2568 มีผู้สูงอายุมากกว่า 14 ล้านคน หรือประมาณ 21.87% ของประชากรทั้งประเทศ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 พบว่า

การหกล้มและอุบัติเหตุในที่พักอาศัยที่ไม่เอื้อต่อการดำเนินชีวิตนำไปสู่ภาวะพิการ โดยทุกปีมีผู้สูงอายุหกล้มกว่า 30% หกล้มนอกบ้าน 65% หกล้มภายในบ้าน 35% สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการลื่น สะดุด หรือก้าวพลาดบนพื้นระดับเดียวกันสูงถึง 65.4% ตกหรือล้มจากบันไดและขั้นบันได 5.6% และยังมีคนพิการกว่า 2.2 ล้านคน คิดเป็น 3% ของประชากรทั้งประเทศ รัฐบาล จึงจำเป็นต้องสนับสนุนการขับเคลื่อนด้านอารยสถาปัตย์ (Friendly Design)


แนวทางอารยสถาปัตย์จึงเป็นแนวทางที่ สสส. และภาคีเครือข่าย ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชากรทุกกลุ่มสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งจะส่งผลดีทุกมิติ ทั้งคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดและประเทศในระยะยาว โครงการนี้คือก้าวสำคัญในการยกระดับจังหวัดนครราชสีมาสู

เมืองสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness Tourism)การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All)
โดยเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ เข้าถึงได้ ใช้ได้จริง ปลอดภัย สำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วย สตรีมีครรภ์ และครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันที่กำหนดให้ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์เป็นวาระสำคัญของประเทศ

นายประเสริฐ รองนายกฯ ได้กล่าว ขอบคุณจังหวัดนครราชสีมา สสส. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดกิจกรรมครั้งนี้ และแสดงความหวังว่างานดังกล่าวจะช่วยจุดประกายให้สังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญของอารยสถาปัตย์ และขับเคลื่อนโคราชสู่การเป็น “เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล” อย่างยั่งยืนต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน