เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าว จับกุมพ่อค้ายาเสพติด ใช้ปืนยิงเปิดทางหลบหนี ยึดยาบ้า300,000เม็ด

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 19กุมภาพันธ์ 2568​ได้แถลงข่าวมีพันโท ฐาพล​ อ้อชัยภูมิรอง​รมน.อจพร้อมด้วย พันจ่าเอกสุวิน​ห้องแชงนายอำเภอชานุมาน พันตำรวจเอกโชตินรินทร์สุภาวรัตม์​ผกก.สภ.ชานุมานในตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ พันเอกปภังกร​หมื่นศา​ ผบก.ที่บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอกกัญญณัต ไชยโอชะ ผบชฉก.ทหารผพราน 23 นาวาเอก ธชนนน อิทธิภูริทร์ ผบ. นรข.เขตอุบลราชธานีมว.ตชด
2273และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและความมั่นคง

ได้ร่วมกันประชุมเข้มกับเจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้องความมั่นคงชายแดนอ.ชานุมานขานรับโยบายของหน่วยงานความมั่นคง และรัฐบาล แนวทางการในการทำงานร่วมกัน ทิศทางเดียวกันหรือเป้าหมายเดียวกันในปราบปรามยาเสพติด และของผิดกฎหมาย อย่างเข้มข้นและจริงจังสำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ เป็นการดำเนินงานการสืบสวนหาข่าวในพื้นที่เป้าหมายการข่าวลับว่าจะมีการ ขนยาเสพติด ให้โทษข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้านยามค่ำมืด มายังราชอาณาจักรไทยเจ้าหน้าที่ เฝ้าติดตามตลอดเวลาในขณะที่เฝ้า รอดูก็ได้มีเรือหางยาวมาเทียบท่า มีชาย จำนวน 3 คน 2 คนได้นำกระสอบถุงปุ๋ยใน ถุงปุ๋ยตรวจ ทราบภายหลังว่าเป็นยาเสพติด ให้โทษเจ้าหน้าที่แสดงตัว เพื่อเข้าจับกุมแต่ก็ขัดขืนไม่ให้จับ พ่อค้ายาเสพติดจึงใช้อาวุธปืน ไม่ทราบชนิดที่พกติดตัวมาด้วยยิง ใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี

ประกอบด้วยความมืดโดดลงแม่น้ำโขงเจ้าหน้าที่ก็ติดตามค้นหาแต่ก็ไม่พบผู้สื่อข่าวได้สอบถามเป็นการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นในพื้นที่ ตามแนวชายแดน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันปัญหายาเสพติด จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้งเบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599 สายด่วน 191 และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้สังคมมีความสุขหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ร่วมกัน ป้องกันปราบปราม ยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างจริงจังและเด็ดขาด ภาพข่าว​ ประวัติ​ นิธิเตชะยศสกุล

ประวัติข่าว รายงาน/ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สุดปัง!! น้องมหาเทพ นายแบบวัยทีน ร่วมเปิดตัวห้องเสื้อแบรนด์ ”มหาเทพ“

แชร์เนื้อหานี้

ในกิจกรรม BAF ครั้งที่ 10 เทศกาลศิลปะแห่งกรุงเทพ BANGKOK ART FESTIVAL ที่ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ( สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ ไอคอนสยาม ชวนยกระดับความคิดสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวัฒนธรรม ผ่านการจัดเทศกาลศิลปะแห่งกรุงเทพ หรือ Bangkok Art Festival ( BAF ) ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 17 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 16.00 – 22.00 น. ณ ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม

นาง ยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากแนวคิดในการขับเคลื่อนกระทรวงวัฒนธรรมของนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริมระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจวัฒนธรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยพัฒนาพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมและเสริมพลังสร้างสรรค์ให้คนเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมและสังคม นำมาสู่การพัฒนาศักยภาพเมืองแห่งศิลปะในจังหวัดต่างๆ

BAF #BangkokArtFestival #เทศกาลศิลปะกรุงเทพMAHADEPBANDMAHADEP18MAHADAP TANATPATARAKUL มหาเทพ ธเนศภัทรกูล

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / หนุ่มใหญ่ ใช้ขวานจามหัวป้า 54 ปี ผู้ให้ข้าวให้น้ำกินดับอนาถ /ตรวสอบการกระทำความผิดที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์โดยสายตรวจออนไลน์

แชร์เนื้อหานี้


***เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปดูที่เกิดเหตุ ที่บ้านหนองแขวน ตำบลโพธิ์กระสังข์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ หลังได้รับแจ้งว่าเมื่อคืนเวลาประมาณ 22.30 น. วันที่ 19 ก.พ. 68 เกิดเหตุมีคนใช้ขวานจามหัวผู้หญิงเสียชีวิตที่กระท่อมกลางสวนยางพารา หลังบ้านเลขที่ 76 หมู่ 6 ตำบลโพธิ์กระสังข์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้ก่อเหตุคือ นายนิพล เลิศศรี อายุ 54 ปี หรือ ไอ้จ่อย ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นางราตี โพธิสาร อายุ 54 ปี พอไปถึงพบชาวบ้านกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ ขนเต็นท์ มาเตรียมกาง โดยมีชาวบ้านพาผู้สื่อข่าวไปดูจุดเกิดเหตุที่เป็นกระท่อมหลังบ้านของผู้ตาย ซึ่งสภาพพื้นที่เกิดเหตุมีกองเลือดกองอยู่ที่พื้น มีรองเท้าว่างอยู่ 2 คู่ ซึ่งเป็นรองเท้าของผู้เสียชีวิตและของผู้ก่อเหตุ (คู่สีขาวของผู้ตาย คู่สีน้ำตาลของผู้ก่อเหตุ) โดย นายบรรจง โพธิสาร อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 6 ต.โพธิ์กะสัง ซึ่งเป็นสามีของผู้ตาย เล่าให้ฟังว่า วันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่บ้านตนไปช่วยงานศพญาติที่อยู่ต่างหมู่บ้าน ตนมาทราบว่าภรรยาถูกฆ่าตาย ก็เพราะผู้ใหญ่โทรไปบอกเมื่อช่วงเวลา 4 ทุ่มกว่า ทั้งนี้ตนกับ ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) รู้จักกันมานานแล้ว เมื่อช่วงกลางวันก่อนที่ตนจะออกไปงานศพ ก็ยังเจอและพูดคุยกันอยู่ ตนคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ ไอ้จ่อย ฆ่าภรรยาตนน่าจะเกิดจากการทะเลาะวิวาทแล้วเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวบวกกับดื่มสุราเมาด้วย ทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงก่อเหตุขึ้น ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุยังเคยถูกดำเนินคดีมาหลายคดีแล้ว ส่วนภรรยาของตนหรือผู้ตายเป็นคนนิสัยอ่อนโยนเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ใครมาก็ต้อนรับหมด ตนไม่คิดว่าจ่อยจะก่อเหตุฆ่าภรรยาตนได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ตนไม่ขอให้อภัยในจ่อย(ผู้ก่อเหตุ)

***ด้าน นางจิราภา บุตรดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ตำบลโพธิ์กระสัง เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) ได้ขับจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125i สีเทา หมายเลขทะเบียน 1 กร 1110 ศรีสะเกษ มาเรียกตนซึ่งมาคนเดียว แต่ตอนแรกตนไม่ยอมเปิดประตู ก่อนที่ ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) จะไปเรียกคนในหมู่บ้านพามาเรียก ตนจึงรุกขึ้นมาเปิดประตู ก่อนที่ตนจะถาม ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) ว่ามาเรียกทำไหม ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) ตอบว่าจะมามอบตัวเพราะไปฆ่าคนตาย ตอนนั้นตนไม่เชื่อ เพราะเวลาเมา ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) กับผู้ตาย จะทะเลาะกันเป็นประจำ จึงคิดว่า ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) คงพูดโกหก จังหวะที่ตนกำลังยืนคุยกัน ไอ้จ่อย (ผู้ต้องหา) พอดีมีรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจขับผ่านมาพอดี ตนจึงเรียกให้จอด และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงใช้กุญแจมือไว้ และนำตัว ไอ้จ่อย (ผู้ก่อเหตุ) ขึ้นรถยนต์ตำรวจเพื่อไปดูที่เกิดเหตุ โดยพอไปถึงที่เกิดเหตุก็เห็นว่า ไอ้จ่อย (ผู้ต้องหา) ฆ่าคนตายจริงๆ ตามที่กล่าวอ้าง

***ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรกันทรอม โดยได้พูดคุยกับ ไอ้จ่อย (ผู้ต้องหา) ซึ่งได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่ต้องลงมือก่อเหตุฆ่า นางราตรี ผู้เสียชีวิต เพราะตนมึนเมา บวกกับผู้ตายจะชอบพูดดูถูกตนว่าตนชั่ว ว่าตนกระจอก จะทำอะไรกับตนก็ได้ ผู้ตายชอบพูดดูหมิ่นตน พูดแต่คำนี้มาโดยตลอดหลายเดือนแล้ว โดยปกติตนจะชอบมาคลุกคลีกับครอบครัวผู้ตายเป็นประจำเวลาบ้านผู้ตายมีงานก็จะเรียกใช้ตนอยู่ตลอด ผู้ตายจะให้เงินใช้หุงข้าวทำกับข้าวให้กิน ขวานที่ตนใช้ก่อเหตุก็เป็นขวานของผู้ตายที่ให้ตนไว้ใช้
***ด้าน พ.ต.ท. ณรงค์ ปิยะพันธ์ สารสัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรกันทรอม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนเมาอาระวาดอยู่ที่หมู่บ้านที่เกิดเหตุ จึงให้สายตรวจออกที่เกิดเหตุ แต่ไปถึงกับเจอกับผู้ใหญ่บ้านเรียกให้จอดและแจ้งว่า ไอ้จ่อย (ผู้ต้องหา) มาบอกว่าไปฆ่าคนตายให้ไปตรวจสอบหน่อย จึงได้ควบคุมตัวและนำตัวไปที่เกิดเหตุ พอไปถึงก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตจริง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ก่อนจะเรียนชุดพิสูจน์หลักฐานมาตรวจที่เกิดเหตุ โดยสภาพศพผู้เสียชีวิตบริเวณศรีษะด้านซ้ายมีบาดแผลขนาดใหญ่ยาวจากกลางหัวถึงหน้าผากเหนือคิ้ว แผลยาวประมาณ 18-20 เซนติเมตร และ บริเวณกระท่อมที่เกิดเหตุพบขวานที่มีคราบเลือดตกอยู่และมีร่องรอยการต่อสู้ นอกจากนี้ยังพบเหล้าขาวที่ยังกินไม่หมดอยู่ในที่เกิดเหตุอีกด้วย เบื้องต้นตำรวจนำตัว ไอ้จ่อย มาตรวจปัสาวะพบเป็นสีม่วง พร้อมกับรับสารภาพว่าเป็นลงมือใช้ขวานจามผู้ตายจริง ทั้งนี้ได้ตั้งข้อหากับ ไอ้จ่อย ว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาพกพาอาวุธขวานไปที่หมู่บ้านหรือที่สาธารณะ และเสพสารเสพติด ก่อนจะได้นำตัวฝากขังที่ศาลกันทรลักษ์ ในวันพรุ่งนี้เพื่อดำเนินการต่อไป


ตามนโบายของ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1,พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 ให้ตรวสอบการกระทำความผิดที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์โดยสายตรวจออนไลน์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 ,พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1,พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1

ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ภ.8.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.8 ได้ดำเนินการตรวจสอบและสืบสวนการกระทำความผิดของบัญชีผู้ใช้ facebook ดังกล่าวพบว่ามีการจัดให้มีการเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันผ่านทาง แอพพลิเคชั่น ไลน์ ใช้ชื่อว่า GOAL77VIP ในพื้นที่จ.ปทุมธานี จึงได้ประสานมายัง ศปอส.ตร.ภ.1 เพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดดังกล่าว 
วันนี้ (19 ก.พ. 2568)  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดปทุมธานี จนกระทั่งวันนี้ ( 19 ก.พ.68 ) เวลาประมาณ 15.00 น. บก.สส.ภ.1 ได้นําหมายค้น ศาลจังหวัดปทุมธานี 24/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ.68 เข้าค้นบ้านเลขที่ 71/271 ม.4 ซ.เอกประจิม 3 ถ.พหลโยธิน ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ปรากฎรายละเอียดดังนี้

ชุดตรวจค้นนำโดย พ.ต.ท.กฤษฎา นาคประสิทธิ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1 พร้อมด้วย พ.ต.ท.สงบ คุ้มสุวรรณ สว.กก.วิเคราะห์ข่าว ฯ บก.สส.ภ.1 , พ.ต.ท.สิทธิ์ทวี ปัญญาคม สว.กก.สส.1 บก.สส.ภ.1 , พ.ต.ต.วรภัทร แก้วดวงเทียน สว.กก.สส.2 บก.สส.ภ.1 พร้อมกำลัง กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1 ตรวจยึดพร้อมของกลางจำนวนรวม 49 รายการ พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 150,000,000 บาทสถานที่ตรวจค้น บริเวณบ้านเลขที่ 71/271 ม.4 ซ.เอกประจิม 3 ถ.พหลโยธิน ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานีได้ร่วมกันจับตัวนายจิรายุทธ คีรีทศ อายุ 33 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1129900110452 บ้านเลขที่18 ม.3 ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานีนายอลงกรณ์ ชูศักดิ์ อายุ 37 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1100500216174 บ้านเลขที่ 49/695 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม จ.กรุงเทพมหานครนายณัฐวุฒิ ภูมินันท์ อายุ 33 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1419900306401 บ้านเลขที่ 23 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานีนายชุติพงศ์ เรียมริมมะดัน อายุ 34 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1100500425113 บ้านเลขที่ 90/466 ม.6 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีน.ส.กิตติรัตน์ สัตยากูล อายุ 38 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1349900137626 บ้านเลขที่477 ม.8 ต.ปทุม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

นายเอกวุฒิ แก้วทอง อายุ 31 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1100701737091 บ้านเลขที่ 555/67 ม.8 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการนายออมสิน อมรปิยกุล อายุ 29 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1929900512863 บ้านเลขที่ 99/9 ม.6 ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง จ.ตรังน.ส.ฐานิดา อินทร์นาม อายุ 20 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1103703760165 บ้านเลขที่ 336/1 ม.2 ต.ทางพูนอ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช

ข้อหา “ร่วมจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่นพลิกแพลง หรือผู้ใดเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวงหรือข้อความในใบอนุญาต” เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565 โดยได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว ตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565 ไปยังศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายไปยังสำนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 และได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว ตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหายพ.ศ.2565 ไปยังศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายไปยังฝ่ายปกครองกรมการปกครอง เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เรียบร้อยแล้ว

ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / Pattaya Roadshow to Muscat ชาวโอมานให้ความสนใจเกินคาด/เมืองพัทยาส่งรถบรรทุก 5 คัน ลุยจัดเก็บสาหร่ายทะเลเกยหาดกระทิง/เปิดงานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 12 ก.พ.68 มีรายงานว่า เมืองพัทยาร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา กลุ่มผู้ประกอบการพัทยา (Sellers) 16 หน่วยงาน เข้าร่วมงาน Pattaya Roadshow to Muscat (MCT) ณ โรงแรม Sheraton Oman กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน

    ทั้งนี้ เพื่อเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวให้กับผู้ประกอบการต่างประเทศ (Buyers) จำนวนกว่า 50 หน่วยงาน ด้วยการนำทัพผู้ประกอบการพัทยาโดยนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา นางจิดาภา สุวัตถาภรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา

    นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สำนักงานพัทยา) นางดารัตน์ สุรักขกะ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และผู้อำนายการสำนักการท่องเที่ยวเมืองพัทยา สำนักงานพัทยา เข้าร่วมงาน พร้อมได้รับเกียรติจาก นายเอกอรรถ ทิตาราม อุปทูตฯ ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เป็นประธานเปิดงาน

    โดยภายในงาน เมืองพัทยาได้นำการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่ภายในงาน Pattaya Roadshow to Muscat (MCT) พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการชาวโอมานให้ความสนใจเกินคาด เป็นสัญญาณที่ดีด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อไป

    อธิบดี สกร. เปิดงานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24 “สืบสานพระราชดำริ สู่มิติการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2568

    วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24 “สืบสานพระราชดำริ สู่มิติการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2568 พร้อมกันนี้ได้เยี่ยมชมบูธจัดแสดงนิทรรศการและสินค้าของหน่วยงานต่าง ๆ และ

    ได้ร่วมลงแปลงผักเกษตรธรรมชาติ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ให้ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งบุคลากร ศฝช.วัดญาณฯ ณ ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

    งานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24 “สืบสานพระราชดำริ สู่มิติการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2568 ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือ จากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) หน่วยงานโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร

    อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดชลบุรี สกร.ระดับอำเภอ กลุ่มศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพฯ ศูนย์ฝึกทหารใหม่กองยุทธศึกษาทหารเรือกองฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทุกแห่ง สื่อมวลชนทุกแขนง หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และภาคประชาชน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

    ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อเผยแพร่พระราชดำริพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อปวงชนชาวไทย 2.เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านเกษตรธรรมชาติและเทคโนโลยีทางการเกษตร 3.เพื่อเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายผลผลิตเกษตรธรรมชาติสู่ผู้บริโภคโดยตรง

    Nike Pattaya by IAM247 เปิดตัวสาขาแรกในภาคพื้นตะวันออก ตอบโจทย์ลูกค้าสายออกกำลังกายและแฟชั่น

    วันที่ 13 ก.พ.68 นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้ทรงคุณวุฒิเมืองพัทยา ในฐานะผู้แทนนายกเมืองพัทยา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด Nike Pattaya by IAM247 สาขาแรกในภาคพื้นตะวันออก ที่บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นายขวัญชัย บุญอารีย์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา-ชลบุรี ร่วมพิธี

    นายพยัคฆ์ กิจตั้งไพศาล ผู้จัดการทั่วไป Nike Pattaya by IAM247 เผยว่า ถือเป็นการเปิดตัวสาขาแรกในภาคพื้นตะวันออก เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า ด้วยการรวบรวมสินค้าตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวและกลุ่มลูกค้าสายสปอร์ต โดยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ IAM247 by Valiram ซึ่งเป็น Nike Official Store Partner ในประเทศไทย

    ทั้งนี้ นับเป็นการเปลี่ยนนิยามคำว่า Sports Performance Store ด้วยไลน์อัพสินค้าจัดเต็ม และครั้งแรกกับบริการระดับ Rise store experience ในภาคพื้นตะวันออกครั้งแรกที่เมืองพัทยา บนพื้นที่ให้บริการกว่า 450 ตร.ม. โดยความโดดเด่นของ Nike Pattaya by IAM247 จะมีบริการจำหน่านสินค้าเสื้อผ้าออกกำลังกายคุณภาพสูง รองเท้าในกลุ่มรันนิ่งจะมีไปถึงตัวท็อปสุด และยังมีรองเท้าสนีกเกอร์ ไลฟ์สไตล์ ทั้งจอร์แดน และไนกี้ดั้ง รวมทั้งสปอร์ตแฟชัน เสื้อบราออกกำลังการสำหรับสุภาพสตรี

    ร้านดอกไม้พัทยาคึกคักรับวันวาเลนไทน์

    วันที่ 14 ก.พ.68 ซึ่งตรงกับเทศกาลแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์ บรรยากาศการซื้อขายดอกไม้ และสินค้าที่ระลึกในเมืองพัทยาเป็นไปอย่างมีสีสัน ผู้ประกอบการพากันนำสินค้าออกมาจำหน่ายเพื่อเรียกลูกค้ากันอย่างคึกคัก

    ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านจำหน่ายดอกไม้และขอฃที่ระลึกที่ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ พบผู้ประกอบการตกแต่งร้านด้วยการนำช่อดอกไม้และตุ๊กตามาจัดวางอย่างสวยงาม โดยมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทยอยมาเลือกซื้ออย่างต่อเนื่อง

    สอบถามผู้ประกอบการ ทราบว่า ดอกกุหลาบในปีนี้ราคาพอๆ กับปีที่แล้ว ถ้าจัดช่อก็จะเพิ่มค่าบริการตกแต่งและดอกไม้ประดับ ด้วยมีฐานลูกค้าเดิมทำให้ลูกค้าไม่ลดลง และทางร้านยังมีบริการจำหน่ายดอกไม้เทียมและตุ๊กตาเนื่องในวันวาเลนไทน์ด้วย

    คลินิกทำฟันพัทยา ทำเก๋! ตกแต่งร้านเป็นถ้ำขาวบริสุทธิ์ พร้อมเฟอร์นิเจอร์อลังการรับผู้มาใช้บริการ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลินิกทันตกรรม Land of Smile Dental Clinic สาขา 2 (สาขาพัทยา) ตั้งอยู่ริมถนนพรประภานิมิต 17 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้มีการตกแต่งร้านอย่างแปลกตาและไม่เหมือนใคร ด้วยการเนรมิตจัดสร้างพื้นที่รอใช้บริการทำฟันเป็นถ้ำสีขาว พร้อมตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยงามอลังการ

    ทันตแพทย์ ชลวิตต์ เนื่องโคตะ ผู้บริหาร คลินิกทันตกรรม Land of Smile Dental Clinic เปิดเผยว่า ด้วยตนเองชอบเดินทางท่องเที่ยวถ้ำและภูเขาหลากหลายจังหวัด โดนเฉพาะถ้ำที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค ซึ่งตนเองให้ความสนใจ จึงเกิดไอเตียตกแต่งร้านทันตกรรมสาขานี้ ให้เป็น Pure Cave หรือถ้าขาวบริสุทธิ์ ด้านบนมีเท้าเวสสุวรรณโณองค์ยืนจัดวางไว้อย่างสง่างาม

    ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นที่นั่งพักรอคิวใช้บริการทำฟันกับทางคลินิก ซึ่งผู้ที่มาใช้บริการบริการต่างเอ่ยปากชมว่างมีความแปลกและสวยงาม โดยคลินิกทันตกรรม Land of Smile Dental Clinic สาขา 2 เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 20.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร.088-225-6296, 091-737-9942

    โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาจัดกิจกรรม “รวมมิตร พิชิตมะเร็ง” เนื่องในเดือนแห่งเทศกาลวันมะเร็งโลก

    มีรายงานว่า โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาได้จัดกิจกรรม “รวมมิตร พิชิตมะเร็ง” พร้อมเสวนาจากแพทย์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็งร่วมเสวนาหัวข้อ “มะเร็งร้าย ที่รักเธอ ” เพื่อวิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรคมะเร็ง พร้อมกิจกรรมคัดกรองโรคมะเร็งเบื้องต้น ให้กับผู้ร่วมกิจกรรม เนื่องในโอกาสเดือนแห่งวันมะเร็งโลก โดยมีแพทย์หญิงชนิศา อินณชิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา กล่าวต้อนรับและกล่าวเปิดงาน

    หลังจากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “มะเร็งร้าย ที่รักเธอ” โดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสหสาขา โรคมะเร็ง รพ.กรุงเทพพัทยา ได้แก่ นพ. ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล ศัลยแพทย์เต้านม นพ. สิทธิ สุขอวยชัย อายุรแพทย์โรคมะเร็ง นพ. ณรงค์ฤทธิ์ ขุนภักดี อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร และพญ. พันธลี ชื่นสัมพันธ์ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ด้านโภชนาการและเมตาบอลิสม มาร่วมพูดคุยให้ความรู้การดูแลตัวเองและคนในครอบครัวให้ห่างไกลโรคมะเร็ง

       จากข้อมูลล่าสุดของสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี 2565 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 400 คน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งประมาณ 83,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 227 คน สำหรับมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก  แพทย์ได้เปิดเผยว่า สาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งมาจากปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง และการได้รับสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตโดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 40 นอกจากนี้ มะเร็งบางชนิดสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคมะเร็งให้หายได้  ภายในกิจกรรม มีการออกบูธคัดกรองโรคมะเร็งเบื้องต้นให้กับผู้ร่วมกิจกรรม ประเมินความเสี่ยงมะเร็งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แบบประเมินความเสี่ยงมะเร็งเต้านม, แบบประเมินคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งลำไส้, แบบประเมินคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก และอื่นๆ อีกมากมาย

    เตรียมเนรมิตหาดบ้านอำเภอจัดงานเดินกินถิ่นนาจอมเทียน (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3 ทต.นาจอมเทียนจัดยิ่งใหญ่ปลุกสีสันการท่องเที่ยวชลบุรี

    นางสาวรพีพรรณ รัตนเหลี่ยม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาจอมเทียน เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 เทศบาลตำบลนาจอมเทียนได้กำหนดจัดงานมหกรรมอาหาร “เดินกินถิ่นนาจอมเทียน” (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3 ณ บริเวณริมชายหาดบ้านเภอ

    กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวท้องถิ่นให้มีสีสัน ส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับวัฒนธรรมอันดี และยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการท่องเที่ยวด้วยการชูเอาเอกลักษณ์ความโดดเด่นของอาหาร ทั้งอาหารพื้นฐิ่นรสชาติอร่อย และอาหารทะเลแบบสดๆ มานำเสนอให้บริการผ่านร้านค้าต่างๆ ด้วยบรรยากาศริมทะเลของชายหาดบ้านอำเภอ จึงอยากเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานมหกรรมอาหาร “เดินกินถิ่นนาจอมเทียน” (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3

    อย่างไรก็ดี ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 จะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มาเป็นประธาน และไฮไลต์ของงานมหกรรมอาหาร “เดินกินถิ่นนาจอมเทียน” (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3 จะมีการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง “ตั๊กแตน-ชลดา” ที่จะมาสสร้างความสนุกสนานให้ผู้ร่วมงานในวันที่ 2 มีนาคม 2568 ด้วย

    ธุรกิจทันตกรรมพัทยาเดือด! ฟัดกันมันส์ใน “Red Zone”

    ทันตแพทย์ ชลวิตต์ เนื่องโคตะ ผู้บริหารคลินิกทันกรรม Land of Smile Dental Clinic เปิดเผยว่า ธุรกิจทันตกรรมในพัทยากำลังกลายเป็นสนามแข่งขันที่ร้อนแรง หรือที่เรียกว่า “Red Zone” ด้วยจำนวนคลินิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นคลินิกท้องถิ่น คลินิกระดับไฮเอนด์ หรือศูนย์ทันตกรรมในโรงพยาบาลเอกชน ทุกแห่งต่างแข่งขันกันทั้งด้าน ราคา คุณภาพ และเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

    พัทยาเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ต้องการบริการทางทันตกรรมคุณภาพสูง ส่งผลให้ตลาดนี้ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่จำนวนมาก แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง Land of Smile โดดเด่นขึ้นมาเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ที่ต้องการบริการระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงคลินิกทันตกรรมทางเลือกใหม่ที่แตกต่างได้ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง Land of Smile เลือกที่จะไม่แข่งด้านราคาเพียงอย่างเดียว แต่แข่งด้วยคุณภาพและบริการที่เหนือระดับ โดยจุดเด่นของ Land of Smile คือการบริการทันตกรรมครบวงจร ตั้งแต่การดูแลสุขภาพฟันขั้นพื้นฐานไปจนถึงบริการระดับสูง เช่น รากฟันเทียม วีเนียร์ จัดฟันใส Invisalign

    ประกอบกับเครื่องไม้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ใช้ระบบดิจิทัล เช่น สแกน 3 มิติ และระบบนำร่องรากฟันเทียม เพื่อความแม่นยำและปลอดภัย และมีทันตแพทย์เฉพาะทางมากประสบการณ์ให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล อีกทั้ง บรรยากาศของคลินิกเป็นไประดับพรีเมียม สะอาด ปลอดภัย ให้ความรู้สึกเหมือนสปาทันตกรรม ในราคาสมเหตุสมผล คุณภาพระดับไฮเอนด์แต่ราคาเข้าถึงได้กว่าศูนย์ทันตกรรมในโรงพยาบาล

    ในส่วนของ อนาคตของธุรกิจทันตกรรมในพัทยานั้น แม้ว่าตลาดจะเต็มไปด้วยการแข่งขัน แต่แนวโน้มของลูกค้ากำลังเปลี่ยนไป เพราะไม่ได้มองหาเพียง ราคาถูกที่สุด อีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับ คุณภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกสบาย ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ Land of Smile มุ่งเน้น ทันตแพทย์ ชลวิตต์ เนื่องโคตะ ผู้บริหารคลินิกทันกรรม Land of Smile Dental Clinic ระบุ

    สม.พัทยาจับมือศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชลบุรี และ สภ.เมืองพัทยา เดินหน้าจัดระเบียบคนเร่ร่อน รวบโฮมเลส 7 ราย พบ 5 รายมีสารเสพติด

    วันที่ 18 ก.พ.68 นายวุฒิธร แสงอุไร สมาชิกสภาเมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชลบุรีจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตจอมเทียน เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อจัดระเบียบกลุ่มคนเตร็ดเตร่เร่ร่อนในเขตพัทยาและหาดจอมเทียน

    ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ดังกล่าวสามารถควบคุมตัวบุคคลเตร็ดเตร่เร่ร่อนได้จำนวน 7 ราย ซึ่งไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง จะอาศัยอยู่ตามที่สาธารณะทั่วไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จึงคัดแยกตรวจสอบพบมีสารเสพติดในร่างกายจำนวน 5 ราย จึงควบคุมดำเนินคดีตามกระบวนการ

    และไม่พบสารเสพติดอีก 2 ราย โดย 1 รายมีอาการวิตกจริตและหวาดกลัวจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ และอีกรายประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่จึงทำการว่ากล่าวตักเตือนก่อนปล่อยตัวไปในที่สุด

    เมืองพัทยาส่งรถบรรทุก 5 คัน ลุยจัดเก็บสาหร่ายทะเลเกยหาดกระทิงราย เผยปีนี้เยอะเป็นประวัติการณ์ คาดทะลักหลายสิบตัน

    หลังจากเกิดปรากฏการณ์สาหร่ายทะเลพัดเข้าฝั่งชายหาดกระทิงราย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จนเกิดการเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นสร้างผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยละแวกดังกล่าวจนได้รับความเดือดร้อน

    ล่าสุด วันที่ 19 ก.พ.68 มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมการรักษาความสะอาด ส่วนควบคุมมลพิษ สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองพัทยา ได้รับคำสั่งจากผู้บริหารเมืองพัทยา โดย นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา ให้จัดกำลังลงพื้นจัดเก็บสาหร่ายทะเลอย่างต่อเนื่อง

    ในวันนี้ ฝ่ายควบคุมการรักษาความสะอาด ส่วนควบคุมมลพิษ สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองพัทยา ได้นำรถบรรทุกหกล้อจำนวน 5 คันมาทำการขนถ่ายสิ่งปฏิกูลทางทะเลดังกล่าว โดยใช้เจ้าหน้าที่จาก 3 เขต ร่วมกันปฏิบัติงานกว่า 35 คน

    เจ้าหน้าที่เมืองพัทยา บอกว่า สาหร่ายทะเลปกติจะลอยมาทุกปีแต่ไม่มาก ตั้งแต่ช่วงโควิดมาก็ไม่พบอีกเลยจนมาปีนี้พบมากเป็นประวัติการณ์ คาดว่ามีจำนวนหลายสิบตัน เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่จัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าอีกไม่กี่วันนี้คงจะหมด

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทับสะแกวุ่นซ้ำซาก ! ชาวบ้านฮือขับไล่รอบ 2 รักษาการเจ้าอาวาสองค์ใหม่มาพร้อมตราตั้งเจ้าคณะอำเภอ แต่วืดเข้าดูแลวัดโบสถ์เหรียญบาท

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 18 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านทุ่งเคล็ด หรือ วัดโบสถ์เหรียญบาท หมู่ 3 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับพระภิกษุอีกครั้งหลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมามีการรวมตัวขับไล่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ จากกรณีมี คำสั่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ที่ ๐๐๕/๒๕๖๘ อนุญาตให้พระประสิทธิ์ สัญจร เข้าอยู่วัดบ้านทุ่งเคล็ด โดยมีบทบัญญัติแห่งกฎมหาเถรสมาคม

    ฉบับที่ ๑๙ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ว่าด้วยการผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ในมาตรา ๓๘ ในกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส มีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าอาวาส

    ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พระครูผาสุกวิหารการ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก พร้อมคณะสงฆ์อำเภอทับสะแก เดินทางไปวัดบ้านทุ่งเคล็ด กรณีที่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากโดนชาวบ้านขับไล่ โดยวันนี้คณะสงฆ์อำเภอทับสะแกได้อ่านเอกสารแสดงเหตุผล ข้อกฎหมาย

    เพื่อสั่งปลดเจ้าอาวาสองค์เก่าและหนังสือแต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ มีชาวบ้านกว่า 200 คนร่วมรับฟัง ขณะที่ทนายความของวัดพยายามแสดงเหตุผลโต้แย้งการแต่งตั้งโดยอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้มีชาวบ้านแสดงความคิดเห็นคัดค้านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่ามกลางการรักษาความสงบเรียบร้อยจากกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ อส.

    ในขณะที่มีการถกเถียง เจ้าคณะอำเภอทับสะแกได้มอบตราตั้งเพื่อแต่งตั้งเจ้าอาวาสให้กับพระประสิทธิ์ แต่ชาวบ้านได้ตะโกนขับไล่และด่าทอ ทำให้บรรยากาศในศาลาการเปรียญตึงเครียด ต่อมาคณะสงฆ์ได้เดินทางออกจากศาลาการเปรียญดังกล่าว โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่คุ้มกันพร้อมดูแลความสงบแต่ชาวบ้านได้เดินตามขับไล่เจ้าวัดองค์ใหม่เสียงดังไปทั่วบริเวณวัด

    นายวัฒนา ฉั่วเจริญ อายุ 51 ปี ไวยาวัจกร วัดบ้านทุ่งเคล็ด กล่าวว่า ชาวบ้านบ้านทุ่งเคล็ด ต้องการพระมีคุณสมบัติที่ดีมีความพร้อม หรือต้องเข้ากับชาวบ้านให้ได้ ต้องมีมุทิตา อุเบกขา ซึ่งตนเองไม่ต้องการให้วัดเสียหายมากไปกว่านี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายตรวจสอบคุณสมบัติของเจ้าอาวาสองค์ใหม่ว่าที่ผ่านมาเคยถูกดำเนินคดีทางอาญามาก่อนหรือไม่ ขอให้ตรวจสอบให้เสร็จภายใน 1 เดือน

    จากนั้นจะต้องมีการเจรจากับญาติโยมที่บ้านทุ่งเคล็ด หากพบว่ามีปัญหาชาวบ้านก็ยอมรับไม่ได้ เนื่องจากวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา พระประสิทธิ์ ได้รับการแต่งตั้งให้มีอำนาจดูแลวัดบ้านทุ่งเคล็ด พร้อมถือหนังสือสั่งการมาแสดง แต่ขณะเดินทางไปวัดบ้านทุ่งเคล็ด ชาวบ้านได้โห่ขับไล่ให้ออกจากวัดจนมีเรื่องวุ่นวายมาแล้ว

    /////////////////

    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กิจกรรมตามโครงการ “สร้างสัมพันธ์ คืนสังคม “ ครั้งที่ 1

    แชร์เนื้อหานี้

    วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เรือนจำจังหวัดลำพูน เวลา 09.10 น. -#นายกำจร #เดชอุดม #ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดลำพูน #นำคณะออกจากเรือนจำจังหวัดลำพูนไปหน่วยพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงดอยยาว ต.ทากาศ อ.แม่ทา จ.ลำพูน (35 นาที)

    เวลา 09.50 น. -นางสาวภิญญาพัชญ์ สันติจิราวัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดลำพูน (กล่าวต้อนรับ ณ หน่วยพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงดอยยาว)-นายยุทธเดช ขนาดกำจาย นายกเทศมนตรีตำบลทากาศเหนือ (กล่าวต้อนรับ)

    เวลา 10.00 น. -นายกำจร เดชอุดม ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดลำพูน มอบเสื้อกันหนาว จำนวน 500 ตัว ให้ นางสาวภิญญาพัชญ์ สันติจิราวัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดลำพูน และนายยุทธเดช ขนาดกำจาย นายกเทศมนตรีตำบลทากาศเหนือ -ถ่ายภาพรับมอบเสื้อกันหนาว

    เวลา 10.20 น. -นายกำจร เดชอุดม ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดลำพูน นำคณะออกเดินทางไปสำนักงานเขตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงแม่ทา ต.ทาแม่ลอบ อ.แม่ทา จ.ลำพูน (40 นาที)

    เวลา 11.00 น. -นางสาวภิญญาพัชญ์ สันติจิราวัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดลำพูน (กล่าวต้อนรับ ณ สำนักงานเขตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงแม่ทา) -นางรำพรรณ วงศ์จันทร์ต๊ะ หัวหน้าฝ่ายเขตพัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงแม่ทา (แนะนำหน่วยงาน)

    เวลา 11.10 น. -นายกำจร เดชอุดม ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดลำพูน มอบเสื้อกันหนาว จำนวน 500 ตัว ให้ นางสาวภิญญาพัชญ์ สันติจิราวัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎร บนพื้นที่สูงจังหวัดลำพูน
    -ถ่ายภาพรับมอบเสื้อกันหนาว
    เวลา 11.30 น. -เดินทางกลับเรือนจำจังหวัดลำพูน..

    สมจิตรแสงบัลลังก์ทีมข่าวบกรายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จัดงาน “หอมกลิ่น ถิ่นน่าน Season 2” ธีม “สีสันน่านนคร”อ.วังผา จัดกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ชาวน่าน“

    แชร์เนื้อหานี้

    น่าน จัดงาน “หอมกลิ่น ถิ่นน่าน Season 2” ธีม “สีสันน่านนคร” นำเสนอความสนุก ผ่านเทศกาลอาหารส่งท้ายฤดูหนาวเพื่อต้อนรับความสนุกของสีสันการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน

    ที่ข่วงน้อย อ.เมืองน่าน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวน่าน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ชมรมร้านอาหารจังหวัดน่าน ชมรมที่พักจังหวัดน่าน และภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ทั้งภาครัฐและเอกชน

    จัดอีเว้นท์ “หอมกลิ่น ถิ่นน่าน Season 2” โดยมีนางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งมีนายโยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานน่าน ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยศาล ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม

    ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดน่านในช่วงวันธรรมดาห้วงปลายฤดูหนาว (High Season) ที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน (Summer) ให้คึกคักผ่านการจัดกิจกรรมอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการที่มาร่วมจำหน่ายอาหารเป็นอย่างดี และ

    ในปีนี้ทาง ททท.สำนักงานน่าน ได้กำหนดจัดงานดังกล่าวในระหว่างวันที่ 18 – 20 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ข่วงน้อย อ.เมือง จ.น่าน ตั้งแต่เวลา 15.00 – 21.00 น. ซึ่งมาในธีม “สีสันน่านนคร” นำเสนอความสนุก ผ่านเทศกาลอาหารส่งท้ายฤดูหนาวเพื่อต้อนรับความสนุกของสีสันการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน

    อ่านเพิ่มเติมในคอมเม้นต์/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน จัดกิจกรรม Kick Off ลุยเคาะประตูบ้าน รณรงค์ไม่เผาในพื้นที่การเกษตร “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ชาวน่าน“

    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน นำโดย นายสุทัศน์ จินตเวชศาสตร์ นายอำเภอท่าวังผา นายสันติ มณีอ่อน เกษตรอำเภอท่าวังผา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอท่าวังผา ภาคีเครือข่าย ผู้นำชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลจอมพระ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

    ลงพื้นที่รณรงค์สร้างการรับรู้การหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรและพื้นที่โล่งแจ้ง ผ่านกิจกรรม Kick Off “เคาะประตูบ้าน หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ชาวน่าน” ณ บ้านนาฝ่า หมู่ที่ 2 บ้านใหม่ หมู่ที่ 3 บ้านนาเผือก หมู่ที่ 4 และบ้านสลี หมู่ที่ 6 ตำบลจอมพระ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

    เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการห้ามเผาในพื้นที่การเกษตร และกระตุ้นให้เกษตรกรตระหนักถึงผลกระทบจากการเผา ซึ่งทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชน การเผายังส่งผลทำให้สภาพดินเสื่อมโทรม พื้นที่เพาะปลูกขาดความอุดมสมบูรณ์ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ผลผลิตลดลง

    นอกจากนี้ยังได้แนะนำแนวทางการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรแบบปลอดการเผาให้แก่เกษตรกร ภายใต้ 9 ทางเลือกจัดการเศษวัสดุทางการเกษตร ได้แก่ การไถกลบทดแทนการเผา การผลิตปุ๋ยหมัก การนำเศษวัสดุมาทำอาหารเลี้ยงสัตว์ ผลิตพลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิงอัดแท่งหรืออัดก้อน ผลิตฟางอัดก้อนเพื่อจำหน่าย การใช้เป็นวัสดุคลุมดิน เป็นต้น/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จับสาววัยรุ่นสร้างตัว เปิดร้านตัดผมพ่วงค้าบุหรี่ไฟฟ้า มุกดาหาร

    แชร์เนื้อหานี้

    ​เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์​ 2568​ พ.ต.ท.เจษฎากร ไชยศรีหา สว.สส. สภ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร และ ร.ต.อ.ธนากร ปาวะพรม สืบทราบว่า มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ อ.นิคมคำสร้อย จึงได้รายงาน พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ โพธิ์จันทร์ ผกก.สภ.นิคมคำสร้อย และ พ.ต.ท.อนุพงศ์ ศรีสุข รอง ผกก.สส. ทราบ และ

    ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อขออนุมัติหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมาย โดยได้สนธิกำลังกับนายธีรวัฒน์ หมีคำ ปลัดอำเภอนิคมคำสร้อย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าทำ การตรวจค้นบ้านเลขที่ 30 ม.11 ต.นิคมคำสร้อย อ.นิคมคำสร้อย

    โดย ร.ต.ท.โยฤทธิ์ แสนสุข ได้แสดงตัวเป็นผู้มีชื่อตามหมายค้นให้นาง บุญทรง ปัททุม ผู้ครอบครองสถานที่ และเป็นมารดาของผู้ต้องหา และผู้ต้องหาทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นได้ แสดงหมายค้นพร้อมทั้งอ่านให้ฟัง และให้นางบุญทรง ตรวจดูอีกครั้งจนเป็นที่พอใจ ซึ่งนางบุญทรง ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นได้ด้วยความสมัครใจ

    ผลการตรวจค้นที่บริเวณห้องร้านตัดผม พบพ็อตบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัวบรรจุยาได้จำนวน 125 ชิ้น และบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งจำนวน 191 ชิ้น ซุกซ่อนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ ซึ่ง น.ส.กุลยารัตน์ ปัททุม อายุ 29 ปี ยอมรับว่าเป็นของตน โดยได้สั่งซื้อทาง ออนไลน์ จากเว็บไซด์ INFYGOD เพื่อนำมาแบ่งจำหน่ายให้กลุ่มผู้สูบในพื้นที่ เจ้าหน้าที่

    จึงได้ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดไว้เป็นของกลาง พร้อมกับแจ้งข้อหากับ น.ส.กุลยารัตน์ว่าได้กระทำผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วย พาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ ผ่านพิธีการศุลกากร

    สอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตนเองจริง จึง ได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.นิคมคำสร้อย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวหัวหิน เซ็ง! รูปปั้น “คนสู้ฉลาม” ประติมากรรมริมหาดมูลค่าเกือบ 4 แสนบาท ตั้งแค่ 2 สัปดาห์ ถูกมือดีทำลาย

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 17 ก.พ.68 จากที่ทางเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ ร่วมกับ มูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน นำรูปปูนปั้น “คนสู้ฉลาม” ขนาดความสูง 1.90 เมตร มูลค่า 359,000 บาท ที่ถอดแบบมาจากรูปปั้นคนสู้ฉลาม ประติมากรรมเก่าแก่สัญลักษณ์ในอดีตของหัวหินเกือบ 70 ปี ที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและนำกลับมาปั้นตั้งใหม่บนโขดหินริมทะเล

    บริเวณศาลเจ้าแม่ทับทิมหัวหิน ทางลงชายหาดหัวหิน เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อให้ชาวหัวหินและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม ได้ถ่ายภาพและเป็นจุดเชคอินให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ขณะที่เทศบาลเมืองหัวหินเตรียมแนวทางในการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณดังกล่าวให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาเยี่ยมชมธรรมชาติทะเลอันสวยงาม และได้ทราบเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองหัวหิน

    ล่าสุดผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่า รูปปั้น “คนสู้ฉลาม” ที่ตั้งบริเวณชายหาดหัวหินดังกล่าว ถูกคนทำลายได้รับความเสียเสียหาย จึงไปตรวจสอบพบว่าที่บริเวณฟันฉลามทั้งบนและล่างถูกมือดีทุบหักหายไปทั้งแถบ กลายเป็นฉลามฟันหลอดูแล้วไม่สวยงาม และวาดสัญลักษณ์รูปตาไว้ที่บริเวณช่องปากฉลามแทน
    จากการสอบถามชาวหัวหินหลายคนต่างให้ความเห็นว่าดูแล้วไม่สวยงาม อีกทั้ง

    รูปปั้นดังกล่าวต้องการให้เป็นสัญลักษณ์ชายหาดหัวหินเวลานักท่องเที่ยวมาเยือนได้ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกไม่น่าทำลาย สำหรับสัญลักษณ์รูปตาดังกล่าว ที่ผ่านมาหลายปีเห็นมีวาดไว้ทั่วตามที่สาธารณในเมืองหัวหิน ดูแล้วสกปรกตาไม่สมเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบกลับเฉย เมื่อเกิดเรื่องนี้อยากให้ดำเนินการอย่างจริงจังเสียที.
    นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ฝ่ายปกครอง บุกทลายร้านบังท็อป ขายน้ำกระท่อม กัญชา บุหรี่เถื่อน และ บุหรี่ไฟฟ้า บาท / ร่วมงานบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ 21-27 กพ.68

    แชร์เนื้อหานี้


    ***เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 68 นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ น.ส. อมร นามบุตร ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองศรีสะเกษ พร้อม นายศรายุธ สีละออง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ อส.

    ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองสาธารสุขเทศบาลเมืองศรีสะเกษ บุกตรวจค้นร้านบังท็อป ซึ่งเป็นร้านขายน้ำกระท่อม ยาแก้ไอ กัญชา บุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์การเสพ ให้กับกลุ่มวันรุ่นในตัวเมืองศรีสะเกษ เพื่อเป็นการป้องปรามการขายน้ำกระท่อมในพื้นที่ศรีสะเกษที่กำลังแพร่หลายในหลายพื้นที่ของจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งใกล้สถานศึกษา และใกล้กับสถานที่ราชการ

    ***โดย ร้านบังท็อป เป็นร้านขายน้ำกระท่อม ยาแก้ไอ กัญชา บุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์การเสพ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นร้านใหญ่ในเขตตัวเมืองศรีสะเกษ ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน มีหอพักของนักศึกษา มากมาย และตั้งห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เพียง 500 เมตร

    ***นายเอ (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนเป็นเพียงคนเฝ้าร้านซึ่งเจ้าของร้านจะให้ค้าจ้างเป็นชั่วโมง ซึ่งตนจะได้ชั่วโมงละ 35 บาท โดยที่มาทำงานเฝ้าร้านนี้เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ และไม่มีงานทำ พอมีคนมาชวนให้มาทำงานตนเลยมาทำงานเฝ้าร้านให้ ซึ่งไม่รู้ว่าที่ทำไปนั้นมันผิดกฎหมาย

    ***ขณะที่ นายบี (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นอีกคนที่เป็นมือต้มน้ำกระท่อม เปิดเผยว่า ตนมีหน้าที่ต้มน้ำท่อมให้กับทางร้านเพื่อเอาไปขายให้กับลูกค้าที่มาซื้อ โดยได้ค้าจ้างในการต้ม หม้อละ 80 บาท ซึ่งต้มหม้อหนึ่งทางร้านจะสามารถนำไปกรอดใส่ขวด 1.5 ลิตรได้ประมาณ 70-80 ขวด

    และเอาไปขายขวดละ 45-50 บาท ซึ่งวันๆหนึ่งจะต้มน้ำกระท่อมให้กับทางร้านวันละ 7-10 หม้อ ส่วนน้ำกระท่อมที่ทางร้านขายจะมีอยู่ 7-8 รสชาติ เช่น ต้มแบบรสดั้งเดิม, รสองุ่น, รสแอปเปิ้ล, รสลิ้นจี่, รสบลูฮาวาย, รสแตงโม และรสแคนตาลูป โดยรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ รสดั้งเดิม และแต่ละรสชาติจะใส่ยาแก้ไอ้ ยาแก้แพ้ ลงไปด้วย

    ***นอกจากนี้ชุดจับกุมยังได้บุกไปทลายห้องพักแห่งหนึ่ง เลขที่ 111 ที่อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ซึ่งเช่าห้องเปิดเป็นโกดังเก็บทั้งยาแก้ไอ บุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า โดยภายในห้องจะมีกล้องวงจรติดไว้เพื่อเอาไว้ดูความเคลื่อนไว้อีกด้วย โดยจาการสอบถามคนดูแลห้องเช่า เปิดเผยว่า มีใครก็ไม่รู้เปิดขอเช่าห้องไว้ในราคาห้องวละ 1,500 บาท ต่อเดือน ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งมาขอเช่านานแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้ไม่สนใจว่าห้องดังกล่าวจะมีคนมาพักหรือไม่ รู้แต่เพียงว่าห้องดังกล่าวจะมีคนมาเปิดเข้าออกอยู่เป็นประจำ

    ***ด้าน น้องๆนักศึกษา ที่เช่าอยู่ห้องข้างๆ เล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่นานมานี้ ตนเคยไปบอกเจ้าของหอพักแล้วว่าห้องข้างๆมีกลิ่งเหม็นคล้ายกลิ่นกัญชา แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งตนก็ไม่กล้าที่ไปบอกคนที่เข้าออกห้องนี้ เพราะแต่ละครั้งที่มีคนเข้าออกห้องนี้ก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เลยต้องทนกลิ่นเหม็นแบบนี้มาตลอด

    ***ทั้งนี้การบุกจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนเข้ามากับทางอำเภอเมืองศรีสะเกษ จึงได้มีการตรวจสอบ และเข้าจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งร้านบังท็อป ร้านนี้ถือจับกุมมาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่ละครั้งที่ถูกจับกุมก็จะถูกแค่ปรับ รอลงอาญา จึงทำให้เจ้าของร้านกล้าที่จะกลับมาขายอีกครั้ง นอกจากนี้บุหรี่เถื่อนที่จับกุมได้ สังเกตได้ว่าจะขนส่งมาโดยใช้ ไปรษณีย์ไทย เขต 9 ส่งมายังหอพักที่เข้าจับกุมดังกล่าว

    ***เบื้องต้นของกลางที่ตรวจยึดได้ มี น้ำกระท่อม, ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้, บุหรี่ไฟฟ้า, บุหรี่เถื่อน, กัญชา และเงินสด 8,178 บาท มูลค่าของกลางกล่าว 1 แสนบาท เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะได้รวบรวมหลังฐานและขอกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    //////////////////////////////////////
    ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

    ชาวบ้านอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันนึ่งข้าวเหนียว ติดแปะกับโครงไม้ไผ่ขนาดใหญ่ เพื่อทำเป็นข้าวจี่ยักข์ เตรียมย่างจริง สุกจริง กินได้จริง ร่วมงานบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ 21-27 กพ.68

    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ วัดบ้านหนองม้า ตำบลหนองม้า อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวักศรีสะเกษ ชาวบ้าน ชาย – หญิง ผู้สูงวัย ผู้นำชุมชนหมู่บ้าน กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.หนองม้า ได้ออกมาร่วมกันทำข้าวจี่ยักข์ พร้อมกับการจัดตบแต่งรถที่บรรทุกข้าวยักข์ ข้าวจี่ใหญ่ ซึ่งเป็น 1 แห่งใน 5 จุด 5 ตำบล และ 1 เทศบาล ของอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ที่ชาวบ้านกำลังร่วมแรง ร่วมใจรัก ออกมานึ่งข้าวเหนียวให้สุก นำมาติดเข้ากับโครงไม้ไผ่ที่ทำขึ้นขนาดขนาดใหญ่ เตรียมการในการที่จะนำมาย่าง หรือจี่ ข้าวจี่ยักษ์ เตรียมตบแต่งรถ ที่จะบรรทุกเข้าจี่ยักษ์ ร่วมขบวนนางรำ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม 1 อำเภอ 1 กิจกรรมสร้างสรรค์

    ในงาน ประเพณีบุญเข้าจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ณ.หน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยในวันเปิดงานวันแรก วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ทุกตำบลจะจัดขบวนแห่เข้าจี่ยักข์ และของดีประจำตำบลตนเอง พร้อมด้วยสาวสวยนางรำ จำนวน 60 ถึง 100 คนต่อขบวน ที่มีทั้งหมด 7 ขบวน เดินทางแห่ข้าวจี่ยักษ์ เข้าสู่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ

    ซึ่งได้มีการจัดนิทรรศการ ผลผลิตทางการเกษตร ผ้าไหมโพธิ์ศรีสุวรรณ สินค้าหัตถกรรม และอื่นๆ ที่เป็นของดี ที่สร้างรายได้ให้กับชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จะได้นำมาแสดง นำมาออกร้าน มาจัดนิทรรศการ โชว์และจำหน่าย ให้แก่นักท่องเที่ยว ที่จะมาร่วมงาน ซึ่งงานบุญประเพณีเข้าจี่โพธิ์ศรีสุวรรณ ได้จัดมาเป็นประจำทุกปี ตลอดระยะเวลากว่า 28 ปีต่อเนื่องกันมาแล้ว
    ซึ่งวันนี้ได้มี นายเทิดไท แสงผล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และนางขวัญตา คิดดี ปลัดอวุโส อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ

    พร้อมด้วยนายก อบต.หนองม้า กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ชาวบ้านส่วนหนึ่ง ที่ได้ร่วมกันออกมานึ่งข้าว เพื่อนำไปติดแปะกับโครงไม้ไผ่ ทำข้าวจี่ยักษ์ ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง กว่า 1 เมตร ความยาวราว 2.50 เมตร โดยหลังจากนี้เมื่อทำการติดแปะข้าวเหนียว ที่นึ่งสุกเสร็จแล้ว ให้รอบทำข้าวจี่ยักษ์เสร็จ จะได้ทำการก่อไฟถ่านไว้ด้านล่าง ใต้ก้อนข้าวจี่ยักข์ เพื่อย่าง หรือจี่ข้าวจี่ยักษ์นี้ ให้สุกเหมือนการทำข้าวจี่ปกติ ที่สามารถรับประทานได้เมื่อสุกแล้ว พร้อมจะนำไข่ไก่มาชุบ ทา ขณะย่างไปด้วย จะทำให้เข้าจี่ค่อยๆ สุก และจะส่งกลิ่นหอมเหมือนข้าวจี่ ที่จี่เป็นก้อนเล็กๆ ตามปกติเช่นกัน

    โดย นายเทิดไท แสงผล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และนางขวัญตา คิดดี ปลัดอวุโส อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ พร้อมด้วยนายก อบต.หนองม้า กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านที่มาทำข้าวจี่ยักข์ร่วมกัน ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ว่า งานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 27 กุมภาพันธ์ 2568 ณ.สนามหน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยในงานจะมีการจัดขบวนแห่ข้าวจี่ยักข์ เพื่อการทำบุญ เพราะหลังจากร่วมขบวนแห่เสร็จ จะนำข้าวจี่ไปถวายพระ ซึ่งจะมีทั้งข้าวจี่แบบธรรมดาปกติของชาวบ้านที่จะจี่ไปถวายพระคุณเจ้า และข้าวจี่ยักษ์ ที่ทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ

    จะมีงานบุญประเพณีข้าวจี่นี้ เป็นงานประจำปีของชาวบ้าน ชุมชน ทุกหมู่บ้าน ตำบล นอกจากนั้นในงานจะมีการ ออกร้าน นิทรรศการของชุมชน ตลาดนักโบราณ การแข่งขันการตำข้าวซ้อมมือ, การแข่งขันการทำข้าวจี่หรรษา, การปิดตาป้อนข้าวจี่ แต่งหน้าสวย, การแข่งขันตำส้มตำลีลาปลาร้าสุก, การประกวดธิดาข้าวจี่ ที่มีเงินรางวัล กว่า 1 แสนบาท, การประกวดไก่บ้านสวยงาม, การประกวดผลผลิต ทางการเกษตร, การแข่งขันชกมวยไทย ทั้งชาย – หญิง, การแล่น หรือ วิ่งเอาบุญ เที่ยววัดไตรสามัคคี เกาะนาค วังบาดาล เป็นต้น จึงอยากเรียนเชิญนักท่องเที่ยว ทุกท่าน ทั่วโลก มาเที่ยวงาน งานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 27 กุมภาพันธ์ 2568 ทุกอย่างเที่ยวชมฟรี
    ////////////////////////////ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์