เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ขายทั้งวัน! ชาวบ้านแอบถ่ายคลิปขณะชายข้างบ้านไม่ทราบขายอะไรมีคนเดินเข้า-ออก แบบหลบๆซ่อนๆ มาซื้อทั้งวันทั้งคืนจนหมาเห่าตลอดทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568​ ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากหญิงรายหนึ่งพร้อมคลิปชายข้างบ้านถือไม้วิ่งเข้ามาในบ้านที่เปิดร้านขายน้ำปั่นเพื่อที่จะทำร้ายหมา เพราะหมาเห่าบ่อยเกินไป

จนทำให้ชายข้างบ้านเกิดอาการไม่พอใจ โดยที่หมาเห่านั้น เธอได้เปิดเผยว่า เพราะมีคนมาหาชายคนข้างบ้านตลอดทั่งวัน โดยไม่รู้ว่าเข้ามาทำอะไรกัน อยากให้ผู้สื่อข่าวเป็นสื่อกลางนำคลิปนี้ เผยแพร่ให้ทางเจ้าหน้าที่ในจังหวัดมุกดาหารได้รับรู้ เพราะที่ผ่านมาได้มีการแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านแล้วแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ บ้านสามขา หมู่ 9 ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นที่ระบุว่าเป็นที่เกิดเหตุโดยระหว่างการเก็บภาพชายคนดังกล่าวที่ชาวบ้านเรียกว่านายเขียว ได้ไล่ผู้สื่อข่าวไม่ให้เก็บภาพบริเวณหน้าบ้านของตนเอง จากการสอบถามชาวบ้านบริเวณรอบๆ

ไม่มีใครกล้าให้สัมภาษณ์เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะที่ผ่านมาถูกจับแล้วก็ปล่อยมา ปล่อยมา ก็มาก่อกวนขายเช่นเดิม โดยในแต่ละวันจะมีเพื่อนของนายเขียวแวะมาบ้านเกือบทุกวันละได้มีการซื้อขายอะไรกันไม่รู้ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นยาเสพติด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง สภ. คำป่าหลายพร้อมกับส่งคลิปเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการในของการสืบสวนและจัดการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อไป #ลักลอบค้า #ตำบลคำป่าหลาย #จังหวัดมุกดาหาร
ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภูธร ภาค 3 แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 1คน พร้อมสารไอซ์ 599 กิโลกรัม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. ณ บก.สส.ภ.3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมาพล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 1 คน พร้อมสารไอซ์จำนวน 599 กก. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท. อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติอย่างเป็นระบบ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.3 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รอง ผบช.ภ.๓ /รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.3พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติดพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมานายมานพ แสงโสทร ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 3ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ กวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ โดยให้ร่วมกันบูรณาการด้านการข่าว การแลกเปลี่ยนข่าวสารรวมถึงการร่วมมือกันในการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามพื้นที่แนวชายแดน และพื้นที่ตอนใน โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชร ผบก.สส.ภ.3 พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ธรรมนูญ ฉิมวงษ์ รอง.ผบก.สส.ภ.3 พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง.ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ทศพร เพียรปรุ ผกก.สืบสวน ๒ บก.สส.ภ.๓ พ.ต.อ.พรเทพ ทุ้ยแป ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง พ.ต.อ.อิทธิพัทน์ ศรีมั่น ผกก.สภ.พระทองคำ, พ.ต.อ.ศิวภาคย์ พวงจันทร์ ผกก.สภ.บ้านปรางค์ สั่งการให้

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน นำโดย พ.ต.ท.คำพู พลอยผักแว่น รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส., ร.ต.อ.หญิง เพ็ญแข ชัยรัตน์กรกิจ/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส., เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระทองคำ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านปรางค์ และได้ร่วมบูรณาการสนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ,เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ฯ,เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ข่าวยาเสพติดจังหวัดอุดรธานี ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๒ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
นายอภิชาติ หรือรัก พรรณศรี อายุ 41 ปี เลขประจำตัวประชาชน3460200166990 ที่อยู่ 146 ม.4 ต.สงเปลือย อ.นามน จว.กาฬสินธุ์
พร้อมของกลาง 1.สารไอซ์ น้ำหนักประมาณ 599 กิโลกรัม 2.โทรศัพท์ จำนวน 1 เครื่อง ตรวจยึดของกลาง -รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน (ราคาประเมิน 300,000 บาท) โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดหรือสารไอซ์)โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า

ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุม สืบสวนทราบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดชาว สปป.ลาว จะทำการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน จว.บึงกาฬ ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เข้าสู่พื้นที่ภาคกลางตอนในขอ ประเทศไทย ผ่านพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 โดยเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวใช้ รถยนต์กระบะ ในการขนลำเลียงยาเสพติด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 , กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ร่วมกันสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จนกระทั่ง พบว่ารถยนต์กระบะต้องสงสัย มีการเคลื่อนตัวออกมาจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจาก จว.บึงกาฬ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวจะลำเลียงนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนเข้าไปยังพื้นที่ภาคกลางตอนในของประเทศไทย และเชื่อว่าเครือข่ายยาเสพติด ดังกล่าวจะใช้เส้นทางที่เคยวิ่งลำเลียงยาเสพติดมาก่อนหน้านี้ จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนในการจับกุม โดยวางกำลังตามเส้นทางที่คาดว่าเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวจะใช้เป็นเส้นทางใน การลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ โดยวางกำลังเฝ้าดู พร้อมทั้งสะกดรอยติดตาม และเพื่อให้ทราบถึงขบวนการเครือข่ายในการลำเลียงยาเสพติด และผู้สั่งการในการลำเลียงยาเสพติดจึงได้ขับรถยนต์ติดตาม และพบว่ารถยนต์กระบะดังกล่าวบรรทุกสิ่งของบริเวณท้ายกระบะบรรทุกโดยใช้ผ้าใบปกคลุมปิดบังสิ่งของไว้ โดยรถยนต์กระบะดังกล่าววิ่งมาจาก จว.บึงกาฬ จนกระทั่งมาถึง ต.สระพระ อ.พระทองคำ จว.นครราชสีมา ซึ่งเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวรู้ตัวว่ามีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับขี่ติดตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมเห็นดังนั้น จึงสั่งให้กำลังที่ได้แบ่งหน้าที่กันแล้วเข้าทำการสกัดกั้นตรวจค้นจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวที่บริเวณถนนสาธารณะตลาดพระทองคำ ม.1 ต.สระพระ อ.พระทองคำ จว.นครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจค้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ นายอภิชาติ หรือรัก พรรณศรี เป็นผู้ขับขี่ จึงทำการตรวจค้นตัว และรถยนต์ ผลการตรวจค้นพบ ถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ จำนวน 8 ห่อใหญ่ ด้านในห่อด้วยกระสอบสีขาว อยู่บริเวณกระบะบรรทุกของรถยนต์กระบะคันดังกล่าว และพบโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อOPPO สีม่วง-ขาว จำนวน 1 เครื่อง สอบถาม นายอภิชาติฯ ให้การรับว่า โทรศัพท์ดังกล่าว นายอภิชาติ ฯ เป็นผู้ใช้งาน

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมจึงนำตัวนายอภิชาต ฯ พร้อมของกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวนายอภิชาติ ฯ พร้อมของกลาง มายัง กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 3 เพื่อตรวจเก็บพยานหลักฐาน จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อทราบถึงขบวนการและเครือข่ายยาเสพติด สอบถามนายอภิชาติ ฯ รับว่าตนเองได้รับการว่าจ้างจากนายเปี๊ยก ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง โดยติดต่อผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยให้นายเปี๊ยก ให้ตนเองขับรถยนต์กระบะไปรอรับยาเสพติดที่บริเวณ อ.บุ่งคล้า จว.บึงกาฬ จากนั้นให้จอดรถทิ้งไว้จะมีคนนำรถของตนไป ให้ตนเองรออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็มีโทรศัพทแจ้งให้ตนเองไปเอารถกลับมา ต่อจากนั้น จึงได้มีการเชิญตนเองเข้ากลุ่มแอพพลิเคชั่นไลน์ และมีการแชร์โลเคชั่นตลอดเส้นทาง ซึ่งตนเองจะใช้เส้นทางตามโลเคชั่นที่ส่งมาในกลุ่มไลน์ จนกระทั่งมาถึงบริเวณแยกไฟแดง อ.พระทองคำ จว.นครราชสีมา จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับได้ที่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขยายผลทราบว่า เครือข่ายลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว คือ เครือข่าย “มังกรบิน” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าเพชรบุรี ชวนเที่ยวงาน “พระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38” ตระการตากับพลุหลากสีบนยอดเขาวัง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 ที่บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระนครคีรี) อ.เมือง จ.เพชรบุรี ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานพระนครคีรี–เมืองเพชร ครั้งที่ 38 ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่องาน “วิมานฟ้าพระนครคีรี อัญมณีแห่งสยาม” พร้อมด้วย จ่าสิบเอก ประภาส อินทนู รองนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี นายพันธุ์ธัช หิรัญจิรวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี ร่วมแถลงข่าว โดยมี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการ YEC หอการค้าจังหวัดเพชรบุรี ผู้ประกอบการท่องเที่ยว หน่วยงานต่างๆ ในชุดไทยอย่างสวยงามร่วมรับฟัง

ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ กล่าวว่า งาน “พระนครคีรี–เมืองเพชร” เป็นงานประจำปีของจังหวัดเพชรบุรี ที่จัดติดต่อกันมาอย่างยาวนานซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 38 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 ก.พ. – 2 มี.ค.68 ณ บริเวณพระนครคีรี(เขาวัง) บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ และบริเวณโดยรอบ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 9

และเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่อย่างหาที่สุดมิได้ต่อ จ.เพชรบุรี ตลอดจนเพื่อสืบสานศิลปะวัฒนธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในจังหวัดเพชรบุรี โดยจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.68 เวลา 17.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมชมขบวนแห่เทิดพระเกียรติ และขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่สวยงามหลากหลายจากทุกภาคส่วน

สำหรับกิจกรรมในปีนี้ มีการสาธิตงานสกุลช่างเมืองเพชร 14 งานช่าง ทั้งงานปูนปั้น งานจำหลักหนังใหญ่ งานฉลุยฝังลายไม้มูก งานแกะสลักไม้ งานตอกกระดาษ งานประดับกระจก งานเขียนลายรดน้ำ งานแทงหยวก ฯลฯ นิทรรศการจัดแสดงและสาธิตวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ 8 ชาติพันธุ์ กิจกรรม DIY งานหัตถกรรมพื้นบ้านหรือผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย(CPOT) นิทรรศการและสาธิตงานศิลปะร่วมสมัย การแสดงศิลปะวัฒนธรรมการแสดงพื้นบ้านที่เวทีโรงโขนบนเขาวัง การแสดงเทิดพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์ชีวิตเสียงสะท้อนแห่งความทรงจำ “ร่วมย้อนจิรกาล…สู่วิมานพระนครคีรี” ทุกคืน ชมฟรี 200 ที่นั่งต่อวันเท่านั้น พร้อมทั้งได้ตื่นตาตื่นใจกับกิจกรรมสาธิต ภายใต้แนวคิด “เพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของ UNESCO (Phetchaburi City of Gastronomy)”

มีทั้งอาหารชาติพันธุ์ อาหารพื้นบ้าน – พื้นถิ่น ของชุมชน 8 อำเภอ อาหารเชิงสร้างสรรค์ และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมอื่นๆ พร้อมทั้งตระการตากับการประดับไฟสีและไฟย้อมแสงโบราณสถานบนพระนครคีรี มีการจุดพลุหลากสีอย่างสวยงามทุกคืน มากกว่า 3,000 ลูก ภายใต้มาตรการป้องกันผลกระทบจากการจุดพลุบนพระนครคีรี

ตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษนอกจากอิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลายเมนู และได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขทุกรสชาติทั่วบริเวณบนพระนครคีรีหรือเขาวัง และรอบอุทยานฯ ร.4 แล้ว ยังได้มาร่วมทำบุญกับสำนักงานกาชาดจังหวัดเพชรบุรี สลากกาชาดใบละ 100 บาท ลุ้นรางวัลใหญ่มากมาย และอย่าพลาด มากดชัตเตอร์ เช็คอิน ชมไฟสีสัน แสง สี เสียง ชมความอลังการจากการจุดพลุ ทุกค่ำคืน พร้อมทั้งเลือกซื้อสินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารแปรรูป และกิจกรรมมากมายจากทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี ได้ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรี ชมรมถ่ายภาพจังหวัดเพชรบุรี จัดนิทรรศการภาพถ่าย และนิทรรศการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism และพิเศษสุดกับกิจกรรม Studio ถ่ายภาพกับชุดไทยในคอนเซปต์ “แต่งไทยสไตล์พริบพรี” และจัดทำจุดเช็คอินถ่ายภาพให้กับนักท่องเที่ยวและผู้มาร่วมงาน

โดยเน้นทัศนียภาพของสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์เป็นแบ็คกราวน์ รวมไปถึงการจัดหาร้านชุดไทยในพื้นที่เพชรบุรีมาร่วมกิจกรรมให้เช่าชุดไทยในราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมชมงานได้มีประสบการณ์แต่งไทยสไตล์พริบพรี เที่ยวงานพระนครคีรียามค่ำคืนอีกด้วย จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวเพชรบุรีและนักท่องเที่ยว มาเที่ยวงานพระนครคีรี -เมืองเพชร ครั้งที่ 38 “วิมานฟ้าพระนครคีรี อัญมณีแห่งสยาม”ได้ตามวันดังกล่าว.


สลด! สาวทับสะแกผูกคอดับใต้ต้นมะม่วง เหตุเครียดติดหนี้ปั่นสล็อตออนไลน์        วันที่ 13  ก.พ. 2568 พ.ต.ท. สุชาติ รุ่งเรือง รอง ผกก. สส. สภ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์รับแจ้งว่า มีเหตุคนผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง หมู่ 2 ต.นาหูกวาง  จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบศพ น.ส.ณัฐพร ยอดอิน อายุ 22 ปี ที่อยู่ 22/3 หมู่ที่ 10 ต.นาหูกวาง  ในที่เกิดเหตุมีนายสุกิจ เผ่าพัฒน์ สามีแจ้งว่าผู้ตายเครียดจากการเล่นการพนันสล็อตอนไลน์ในโทรศัพท์มือถือ  ทราบว่ามีการยืมเงินผู้อื่นมาเล่น โดยออกจากบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 12:00 ของวันนี้ แต่พบผู้เสียชีวิตประมาณ 17:15 น. สอบถาม นายจตุรงณ์ ยอดอิน บิดาและ นายสุกิจฯ สามี ไม่ติดใจใจสาเหตุการเสียชีวิต จากนั้นได้ร่วมกับแพทย์โรงพยาบาลทับสะแกทำการชันสูตรพลิกศพ ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายหรือบาดแผลแต่อย่างใด จึงมอบร่างให้ญาติไปดำเนินการตามประเพณี  สำหรับปัญหาจากการปั่นสล็อตออนไลน์ พบว่าที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตแล้วหลายรายจากหลายท้องที่จากการผูกคอตาย เนื่องจากมีความเครียดเรื่องหนี้สิน บางรายนำเงิน 10,000 บาทที่ได้รับโอนจากรัฐบาลไปเติมเงินเพื่อเล่นการพนันออนไลน์จนหมดภายในวันเดียว
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชื่นมื่น!! คู่รัก15 คู่ จดทะเบียนสมรสสร้างตำนานรักบนหินสามวาฬ มีคู๋สมรส LGBTQ 2 คู่

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 14 ก.พ.68 ที่บริเวณภูสิงห์หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ อำเภอเมืองบึงกาฬ เทศบาลตำบลโคกก่อง สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ อุทยานป่าภูสิงห์หินสามวาฬจังหวัดบึงกาฬ ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ โดยมี นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ

นายบัวพันธ์ วงศ์จันทร์ นายกเทศมนตรีโคกก่อง นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ นายกริชชัย ศิลปะรายะ ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ นายประชุม จตุเทน ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน มาร่วมนำขบวนบ่าวสาว เข้าสู่พิธีจดทะเบียน ซึ่งมีนายธีระพล ขุนพาลเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ มาเป็นนายทะเบียนผู้ลงนามในใบสำคัญการสมรสของคู่บ่าวสาว

กิจกรรมจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรักวันวาเลนไทน์เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอุทยานภูสิงห์หินสามวาฬให้เป็นที่รู้จักและมาเที่ยวชม มากขึ้นและส่งเสริมกระแสการท่องเที่ยวจากเทศกาลวันแห่งความรัก ให้คู่รักหรือคู่สมรสที่มีวัตถุประสงค์ได้มาจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก “14 ก.พ.วันวาเลนไทน์” โดยมีคอนเซบป์ส่งเสริมให้ครอบครัวมีความอบอุ่นมั่นคงดังครอบครัวของปลาวาฬทั้ง 3 พ่อแม่ลูก และอยู่กันรักมั่นคงดังหินสามวาฬ โดยมีคู่รัก 15 คู่ มาจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์

ผู้ว่า จุมพฏ กล่าวอีกว่า จังหวัดบึงกาฬ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ดังนั้น การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬ ให้เป็นที่รู้จักแก่ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬ มากขึ้น อีกทั้งร่วมแสดงความยินดีแก่คู่สมรส

ที่มาจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ การจดทะเบียนสมรสนับเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีแก่สถาบันครอบครัว อันเป็นรากฐานที่มั่นคง และสำคัญของสังคมไทย คู่สมรสที่มาร่วมจดทะเบียนสมรสในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดียิ่ง เป็นการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างความรัก สร้างฐานะให้เป็นปีกแผ่นมั่นคง

ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองบึงกาฬ ได้ตระหนักถึงการส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีของบุคคลในครอบครัวอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นการให้บริการประชาชนทางการลงทะเบียนจึงได้จัดโครงการจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ “รักดั่งขุนเขา ของเราสองคน”

วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อส่งเสริมสถาบันครอบครัว พร้อมส่งเสริมสนับสนุนการให้ความสำคัญในวันแห่งความรัก และเพื่อเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรม “วิ่งขึ้นภู ดูหินสามวาฬ” ชวนนักวิ่ง นักท่องเที่ยวมาร่วมกิจกรรมในวันที่แสนจะพิเศษ บรรยากาศภายในงานนอกจากจะอบอวลไปด้วยความรักของหนุ่มสาวแล้ว ยังครื้นเครงไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเหล่านักวิ่งทั้งหลาย ทำให้ในวันนี้ออกมาอบอุ่นและสมบูรณ์แบบมากที่สุด
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล //บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านร่วม 100 คน ลุกขับไล่ เจ้าอาวาสองค์ใหม่ ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง และดูแลวัด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านทุ่งเคล็ด หมู่ที่ 3 ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากกรณีมี คำสั่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ที่ ๐๐๕/๒๕๖๘ เรื่อง อนุญาต ให้พระประสิทธิ์ สัญจร เข้าอยู่วัดบ้านทุ่งเคล็ด

โดยมีบทบัญญัติแห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๙ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ว่าด้วยการ
ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ในมาตรา ๓๘ ในกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ใด้ ให้แต่งตั้ง ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส มีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าอาวาส

จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๘ (๑)(๓) ห้ามบรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งมิได้รับอนุญาตของเจ้าอาวาสเข้าไปอาศัยในวัด จึงให้ พระประสิทธิ์ สัญจร เข้ามาอยู่วัดบ้านทุ่งคล็ด และดูแลจัดการวัดบ้านทุ่งคล็ด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสั่ง ณ วันที่ …๑๕…. เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
ลงชื่อ (พระครูสังฆรักษ์ สำราญ อภิชาโต) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด รองเจ้าคณะอำเภอทับสะแก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ขณะที่พระประสิทธิ์ สัญจร ได้รับการแต่งตั้งให้มีอำนาจดูแลวัดบ้านทุ่งเคล็ด พร้อมถือหนังสือสั่งการไป แต่เมื่อชาวบ้านเห็นดังกล่าว จึงได้เข้าไปสอบถามว่ามาทำไม มาทำอะไร จึงมีเสียงปะทะคารมกระทบกระทั่งกับชาวบ้าน จนชาวบ้านได้เข้าไปห้อมล้อมขับไล่ให้ออกไปจากวัด โดยมี พ.ต.ท.สุทิน ทัดรัตน์ สว.สส.สภ.ทับสะแก พร้อมชุดสืบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปราบ เข้าควบคุมสถานการณ์ป้องกันเหตุ

น.ส.อมรทิพย์ ภู่ระย้า ( คนเสื้อดำ ) ให้การว่า ตนเองได้เดินเข้าไปสอบถามพระประสิทธิ์ ว่ามาทำไม และมาทำอะไร เพราะชาวบ้านเขาไม่ต้อนรับเจ้าอาวาสองค์ใหม่ จึงบอกให้นิมนต์กลับ แต่เกิดมีปะทะคารมกัน จนชาวบ้านลุกฮีอตะโกนขับไล่ (ตามคลิป)

นอกจากนี้ชาวบ้านยังรวมตัวกันถือป้ายแสดงข้อความเชิงสัญลักษณ์ในการแสดงออก “ด้วยความเคารพศรัทธา พวกเราชาวบ้านขอเห็นพ้องร่วมกันในการแสดงความประสงค์ที่จะขอคัดค้านคำสั่งถอดถอนพระอาทิตย์ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด และขอโต้แย้งคัดค้านคำสั่งแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาสรูปใหม่เนื่องจากไม่สามารถเข้าร่วมกับชาวบ้านในชุมชนได้ขอความเป็นธรรมและสนับสนุนให้พระอาทิตย์กลับเข้ามาเป็นเจ้าเอาวาสเช่นเดิม โดยชาวบ้านจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปกป้องเช่นเดิม

////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกัลยาณมิตร ร่วมสงเสด็จ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) /พลเอก ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ุ นำพลังบุญ บูรณะอุโบสถวัดศรีกะอาง จ.นครนายก

แชร์เนื้อหานี้

พลเอก ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ุ นำพลังบุญ บูรณะอุโบสถวัดศรีกะอาง จ.นครนายก วัดสำคัญประดิษฐาน “พระพุทธพิชิตมาร” พระพุทธรูปสำคัญที่ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ทรงประทานพระนาม 15 ก.พ.68 พลเอกปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ุ , ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 , ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกัลยาณมิตร ร่วมพลังบุญทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบทุนบูรณะอุโบสถวัดศรีกะอาง จ.นครนายก ยอดปัจจัยร่วมบุญกว่า 6 แสนบาท

ในการนี้ มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญทอดผ้าป่า 7 หมื่นบาท ถวายเป็นพุทธบูชา เป็นพลังบุญเพื่อพระพุทธศาสนาสามารถร่วมบุญ ซ่อมแซมกระเบื้องหลังคาอุโบสถ และซ่อมแซมถังเก็บน้ำ วัดศรีกะอาง เพิ่มเติมได้ที่
ธนาคารกรุงไทย , เลขบัญชี 212 068 9946 , วัดศรีกะอาง (เปลี่ยนหลังคาโบสถ์และซ่อมแซมถังน้ำ)

**ประวัติ ความสำคัญ แผนงาน ของวัดศรีกะอาง *ประวัติ วัดศรีกะอางตั้งอยู่ที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก ก่อตั้งเมื่อ ปีพุทธศักราช 2515 โดยมีเจ้าอาวาสรูปแรก คือ
หลวงปู่จำรัส อินทรกำแหง (ฉายา ฐิติจาโค) ซึ่งท่านดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2515 – 2536 ในระหว่างปีพุทธศักราช 2522 – 2536 ได้มีการก่อสร้างพระพุทธชินราชจำลอง ความสูง 30 เมตร, ก่อสร้างพระพุทธรูปจำลอง 3 พี่น้อง, ก่อสร้างพระสีวลี, ศาลาไม้, กุฏิบูรพาจารย์ และเสนาสนะอื่น ๆ ในช่วงต่อมา ระหว่างปีพุทธศักราช 2536 – 2566 มีพระครูวรญาณโสภณ (หลวงพ่ออาทร) เป็นเจ้าอาวาส โดยได้มีการก่อสร้างอุโบสถขึ้นในปี 2540 (ยังไม่ได้ฝังลูกนิมิตจนถึงปัจจุบัน) ก่อสร้างถนนเส้นทางในวัด และบันไดทางขึ้นพระพุทธชินราช โดยในระหว่างนี้ทางวัดได้รับวิสุงคามสีมาเรียบร้อยแล้ว ตามทะเบียนเลขที่วิสูงคามสีมา ในปัจจุบันตั้งแต่ พุทธศักราช 2566 – 2568 มีพระมหาฆโณทัย โฆสคุโณ เป็นเจ้าอาวาส

*ความสำคัญ ของวัดศรีกะอางและพระพุทธรูปมีความสำคัญ กล่าวคือ เป็นพระพุทธชินราชที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานนามว่า “พระสัมพุทธะสักยะมุนีโลกนาถ” มีพระพุทธรูปพระประธาน ในพระอุโบสถปางสะดุ้งมาร ได้รับพระราชทานพระนามจาก สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ว่า “พระพุทธพิชิตมาร” โดยบริเวณผ้าทิพย์หน้าพระพุทธรูปได้รับพระราชทานพระนามาภิไธยย่อ ญสส. ประดิษฐานไว้

นอกจากนี้ยังได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดีย ไว้ในอุโบสถด้วย และความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ วัดศรีกะอางนี้ เป็นวัดธรรมยุติกนิกายตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน โดยในอดีตที่ผ่านมา วัดนี้เคยเป็นที่พำนักของ พ่อแม่ครูอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ หรือพระกรรมฐานสาย พระอาจารย์ มัน ภูริทัตเถระ ได้เดินทางธุดงค์มาพักค้างแรมเจริญสมนธรรม อาทิเช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาป้อง จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาละวัน จ.นครราชสีมาหลวงพ่อวิริยังค์ จ.กรุงเทพฯ และอีกหลายรูป

*แผนงาน ของวัดที่สำคัญ กล่าวคือ การอบรมสั่งสอนสาธุชนของหมู่บ้านโดยรอบวัดและประชาชนโดยทั่วไปให้หันมาสนใจในธรรมะและคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการรักษาศีล ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ยังมีการบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะ ที่ถูกสร้าง ขึ้นมาเป็นเวลานานมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้ ตามปกติ เช่น การซ่อมแซมเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถที่ชำรุดแตกหักทำให้น้ำรั่วซึมลงมา การปรับปรุงซ่อมแชมถังเก็บน้ำซีเมนต์ การปรับปรุงแหล่งต้นน้ำ เพื่อให้กักเก็บน้ำได้ยาวนาน รวมไปถึงการสวดถอนและการเตรียมการฝังลูกนิมิตในอนาคตอันใกล้

ขอเชิญชวน พุทธศาสนิกชน ร่วมพลังบุญ และ ขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ ครับ อานิสงส์การสร้างโบสถ์ https://www.sarakuntho.org/ มูลนิธิพุทธภูมิธรรม นำโดยอาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิฯ นำนมัสการพระธาตุพนมจำลอง (พระธาตุเจดีย์สิริมงคลนวรัตน์) ถวายบุญกุศลแด่ทุกภพภูมิ เปิดมงคลบวงสรวงฯ ณ วัดสระแก้ว จังหวัดขอนแก่น ในพลังบุญ เปิดงานนมัสการพระธาตุ และทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างกำแพงแก้วและซุ้มประตูวัด เป็นมหามงคลเพื่อแผ่นดิน ขอให้ทุกท่านมีส่วนในผลบุญ รับมงคลบารมีนี้ ให้เจริญสุข เจริญทรัพย์ เจริญอำนาจบารมี เจริญธรรม ตราบถึง พระนิพพาน…

มูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกัลยาณมิตร ร่วมสงเสด็จ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และ ปฏิบัติบูชา สวดมนต์อธิษฐานจิตถวายเป็นพุทธบูชา เป็นพลังบุญเพื่อแผ่นดิน ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ 15 ก.พ.2568

หลังจากได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2567 จนถึงวันที่ 14 ก.พ.2568 รวมระยะเวลา 73 วัน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน

ขณะที่ยอดจำนวนประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) หลังจากประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย จนถึงการอัญเชิญกลับสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งสิ้น 2,993,737 คน

ขอร่วมอนุโมทนาบุญและส่งพลังบุญนี้ ให้แด่กัลยาณมิตรทุกท่าน เจริญสุข เจริญธรรม ตราบถึง มรรค ผล นิพพาน เทอญ…

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาค 2 แถลงข่าวทหารพราน “Seal Stop Safe” รวบ 3 ผู้หาขนยาไอซ์ 658 กก. ยาบ้ากว่าแสนเม็ด ริมโขง บ้านแพง นครพนม /และ ตชด.235 ยึดยาบ้า 1 ล้านเม็ด งานพระธาตุพนม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568​ ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.คณิต กลิ่นศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2, พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย นายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนมพ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ใจสุข ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 แถลงข่าว ตรวจยึดยาบ้ากว่า 1,00,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.ธาตุพน จ.นครพนม

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 10.00 นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 สืบทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ อ.ธาตุพนม โดยใช้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น ไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 3446 กระบี่ เป็นพาหนะ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมประชุมวางแผนเพื่อตรวจค้นจับกุม

โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็นชุดเฝ้าสังเกตการณ์และสะกดรอยติดตาม ตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่พบ รถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งตรงตามที่ได้รับแจ้ง กำลังขับมาตามเส้นทางถนนชยางกูร หมายเลข 212 มุ่งหน้าไปในเขตเทศบาล ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับรถ ได้แสดงท่าทีพิรุธ ไม่ยอมหยุดรถ พร้อมเร่งเครื่องยนต์เพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในห้วงนี้มีการจัดงานนมัสการพระธาตุพนม ในบริเวณเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม ทำให้มีรถบนท้องถนนหนาแน่น และเกรงจะเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้มาเที่ยวงาน

จนกระทั่งรถของเจ้าหน้าที่ขับมาถึงภายในซอยบ้านดอนกลาง หมู่ที่ 9 ต.ธาตุพนม พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้อยู่ในบริเวณชายป่าริมถนน และพบห่อวัตถุต้องสงสัยขนาดใหญ่บรรจุอยู่ท้ายกระบะรถจำนวน 4 ห่อ แต่ไม่พบผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบห่อวัตถุต้องสงสัย

ปรากฏว่าเป็นห่อบรรจุยาบ้าจำนวน 101 ก้อน ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนประมาณ 1,090,000 เม็ด ซึ่งเชื่อว่าเป็นของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้นำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ขขเด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

​ตชด.235 ธาตุพนม ไล่ล่ายึดยาบ้ากลางงานพระธาตุพนม 1 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568​ ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.คณิต กลิ่นศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2, พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย นายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนมพ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ใจสุข ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 แถลงข่าว ตรวจยึดยาบ้ากว่า 1,00,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.ธาตุพน จ.นครพนม

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 10.00 นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 สืบทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ อ.ธาตุพนม โดยใช้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น ไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 3446 กระบี่ เป็นพาหนะ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมประชุมวางแผนเพื่อตรวจค้นจับกุม

โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็นชุดเฝ้าสังเกตการณ์และสะกดรอยติดตาม ตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่พบ รถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งตรงตามที่ได้รับแจ้ง กำลังขับมาตามเส้นทางถนนชยางกูร หมายเลข 212 มุ่งหน้าไปในเขตเทศบาล ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับรถ ได้แสดงท่าทีพิรุธ ไม่ยอมหยุดรถ พร้อมเร่งเครื่องยนต์เพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในห้วงนี้มีการจัดงานนมัสการพระธาตุพนม ในบริเวณเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม ทำให้มีรถบนท้องถนนหนาแน่น และเกรงจะเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้มาเที่ยวงาน

จนกระทั่งรถของเจ้าหน้าที่ขับมาถึงภายในซอยบ้านดอนกลาง หมู่ที่ 9 ต.ธาตุพนม พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้อยู่ในบริเวณชายป่าริมถนน และพบห่อวัตถุต้องสงสัยขนาดใหญ่บรรจุอยู่ท้ายกระบะรถจำนวน 4 ห่อ แต่ไม่พบผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบห่อวัตถุต้องสงสัย ปรากฏว่าเป็นห่อบรรจุยาบ้าจำนวน 101 ก้อน ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนประมาณ 1,090,000 เม็ด ซึ่งเชื่อว่าเป็นของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้นำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งานคืนสู่เหย้า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน เพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคีระหว่างศิษย์เก่า

แชร์เนื้อหานี้

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์จัดงานคืนสู่เหย้า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน “จากศูนย์จัดการศึกษาจังหวัดน่าน สู่ วิทยาลัยน่าน”
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ มหาวิททยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน รองศาสตราจารย์ ดร.สุภาวิณี สัตยาภรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดงาน งานคืนสู่เหย้า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน “จากศูนย์จัดการศึกษาจังหวัด น่าน สู่ วิทยาลัยน่าน” จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

  1. เพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคีระหว่างศิษย์เก่า ให้ได้พบปะสานสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อทำประโยชน์ต่อสถาบันร่วมกันได้ในอนาคต
  2. เพื่อสานความสัมพันธ์อันดีและสร้างความสามัคคีระหว่างศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน เปิดโอกาสให้นักศึกษารุ่นปัจจุบันพบปะสังสรรค์กับรุ่นพี่ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่นักศึกษาจะได้เปิดโลกทัศน์ในเส้นทางการทำงาน และ
  3. เพื่อระดมทุนการศึกษาให้กับศิษย์ปัจจุบันที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นการช่วยเหลือและให้โอกาสทางการศึกษาในรูปแบบ “พี่ส่งน้องเรียน”
    การจัดกิจกรรมในวันนี้ เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจระหว่างบุคลากรวิทยาลัยน่าน ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ที่เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือจากศิษย์เก่า ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุน ผลักดันกิจกรรมของวิทยาลัยให้เกิดความเข้มแข็งต่อไปในอนาคต ทางวิทยาลัยน่านเชื่อว่าศิษย์เก่าจะเป็น
    ดีให้กับศิษย์ปัจจุบัน เป็นแรงผลักดันให้วิทยาลัยมุ่งผลิตบัณฑิตคุณภาพสู่สังคมต่อไปเพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยรองศาสตราจารย์ ดร.สุภาวิณี สัตยาภรณ์ อธิบการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏอตรดิถ์ได้มอบโล่รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
    วิทยาลัยน่าน ประจำปี พ.ศ. 2568 ดังนี้
  4. นาย บุญยงค์ สดสอาด (นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน) ศิษย์เก่ารัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต
  5. นาย เรืองเดช ริกากรณ์ (ผู้จัดการการประปาสวนภูมิภาค สาขาเถิน จังหวัดลำปาง) ศิษย์เการัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต3.นายบวรนันท์ มโนวร (นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพุ่งศรีทอง) ศิษย์เก่ารัฐ
    ประศาสนศาสตรบัณฑิต4 .นาง พธิดา สุทธิพันธุ์ (ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนเปอร์ปอมโลจิสติกส์และเปอร์ปอมเจริญยนต์)ศิษย์เก่ารัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต
    4.พันตำรวจโท ยศดนัย ชัยวงศ์ (สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเทิง จังหวัดเชียงราย) ศิษย์เก่านิติศาสตรบัณฑิต5.ร้อยตำรวจเอก กมล อุปเสน (รองสารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเวียงสา
    จังหวัดน่าน) ศิษย์เก่านิติศาสตรบัณฑิต6.จ่าสิบตำรวจโท สัจวัจน์ สุทธหลวง (ผู้บังคับหมู่ ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธธรปัวจังหวัดน่าน) ศิษย์เก่าครุศาสตรบัณฑิต
  6. นาง พิศมัย อุ่มมี (ผู้จัดการสำนักงานบริษัท AIA อ.ปัว) ศิษย์เก่าบริหารธุรกิจบัณฑิต และ
  7. นาย เสกสรรค์ พิศจารย์ (ผู้ช่วยผู้จัดการร้านเซเว่น อิเลฟเว่น สาขาบ่อเกลือ)ศิษย์เก่าบริหารธุรกิจม บริหารธุรกิจบัณฑิงานคืนสู่เหย้า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน”จากศูนย์จัดการศึกษาจังหวัดน่าน สู่ วิทยาลัยน่าน”การจัดงานคืนสู่เหย้า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน “จากศุนย์การศึกษาจัดหวัดน่าน สู่ วิทยาลัยน่าน” จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อการพบปะสังสังสรรค์และสร้างความผูกพันระหว่างศิษย์ปัจจุบันและทิษย์เก่าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมกับเป็นการสร้างเครือข่ายศิษย์เก่าเพื่อร่วมพัฒนาวิชาการและวิชาชีพ เปิดโอกาสให้ศิษย์เก่าได้มี

โอกาสสนับสนุนทรัพยากร ทุนการศึกษา ตลอดจนการคัดเลือกศิษย์เก่าดีเด่นที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และนำมายกย่องเชิดชูเกียรติประวัติให้เป็นที่รู้จักแก่สังคมภายนอกนับเป็นการรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานของหน่วยงานเชิงประจักษ์ได้เป็นอย่างดีวิทยาลัยน่าน จัดตั้งที่ตำบลทุ่งศรีทองนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.ศ. 2547 ดำเนินรานภายได้ชื่อศูนย์จัดการศึกษาจังหวัดน่าน และผลิตบันฑิตหลากหลายสายสขาวิชา ทั้งนิติศาสตร์พัฒนาชุมชน ปฐมวัย รัฐประศาสนศาสตร์ บริหารธุรกิจ จวบจนกระทั่งปรับเป็นวิทยาลัยน่าน เปิดสอนสารัฐประศาสนศาสตร์ และการจัดการ ได้ขยายโอ

การทางการศึกษา ผลิตบัณฑิตสู่ตลาดงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลลอด สอดคล้องกับกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยที่มุ่งมั่นผลิตบัณฑิตคุณภาพ เป็นคน เก่ง ดี มีจิตอาสา พัฒนาเป็นผู้ประกอบการ และที่สำคัญคือ ต้องเป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อทำประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้เห็นว่าเรามีเครือข่ายความร่วมมือของศิษย์เก่าที่เข้มแข็ง การจัดงานคืนสู่เหยาในวันนี้แม้จัดเป็นครั้งแรก เห็นได้ว่าทุกคนพร้อมใจกันมาชุมมุมได้มากขนาดนี้ก็เป็นที่น่าชื่นใจ นับว่าเป็นการประกาศรวมพลังสามัคคีของชาว มรอ.น่านทุกคน ที่จะร่วมแรงร่วมใจสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและวิชาชีพ ส่งเสริมมสนับสนุนมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาลัยน่าน ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน /ฐกำภู พุ่มทิพย์ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกมวยไทยการกุศลวัดเขาพระบาท ณ.สนามมวยชั่วคราววัดเขาพระบาท ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง

แชร์เนื้อหานี้

ศึกมวยไทยการกุศลวัดเขาพระบาท ประธานจัดการแข่งขันนายปรีชา สกุลเชื้อ (ผู้ใหญ่บ้านแลง ) วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ศึกมวยไทยการกุศลวัดเขาพระบาท ประธานกล่าวเปิดงานในพิธี นาย อนุศรณ์ แสงกล้า นายอำเภอเมืองระยอง ได้ให้เกียรติเปิดงานการแข่งขัน ศึกมวยไทยการกุศลวัดเขาพระบาท แพ้ให้เกียรติคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวยทั้งคู่


จัดโดยคณะกรรมการวัดเขาพระบาท รายได้ทั้งหมดหักค่าใช้จ่ายมอบให้วัดทั้งหมด และผู้สนับสนุนอีกหลายท่านขึ้นคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวย
นาย พัลลภ ช่วยพิทักษ์ (นายก ต้อย บ้านแลง ) ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
นาง สมร จันทิมา ปลัด อบต.บ้านแลง นาวาตรี ผดุง สุขขา ประธานสภา อบต.บ้านแลง


นายชูศักดิ์ ภิญโญ ( เอ๊ะ ) สมาชิก อบต.บ้านแลงส.อบต ณรงค์ สิงหเขตต์ ฝ่ายจัดการแข่งขันส.อบต.เยล รองนายกอานนท์ ธรรมเจริญ อันนี้กับอันเนี้ยอันนี้หรอประสานงานนายอดุล คำเน้ย PEC สนับสนุนเป็นงานประจำปีวัดเขาพระบาท
ณ.สนามมวยชั่วคราววัดเขาพระบาท ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง
เอ.คนข่าวรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โคกสำโรง ลพบุรี ประชุมคณะกรรมการ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง ครั้งที่ 1/2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธโคกสำโรง พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.โคกสำโรง ประธานในที่ประชุม พระครูสุนทรปรีชากิจ (อ.แดง) กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา ประธานร่วม
ปธ.พิธีกล่าวเปิดประชุม เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ตามคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดลพบุรี

ที่ 7/2568 ลง 28 มกราคม 2568 มีผล วันที่ 15 มกราคม 2568 เรื่องเสนอให้ที่ประชุมทราบตามระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ.2567 ให้มีการประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการ โดยให้เลือกจากกรรมการ (ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจ) ให้ดำเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการ ตามวรรค

หนึ่ง ภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่มีการแต่งตั้งกรรมการครบถ้วนแล้ว
สำหรับวิธีการประชุม และลงมติให้เป็นไปตามข้อ 42 การเลือกผู้ใดเป็นประธานกรรมการแล้ว ให้หัวหน้าสถานีตำรวจประกาศให้ทราบ
ทั่วไปและรายงานให้ กต.ตร. จังหวัด ทราบ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ที่ประชุมมีมติ

ผลการคัดเลือก โดยในที่ประชุมมีการเสนอชื่อ นายณัฏฐพงษ์ อารยางกูร ให้ดำรงค์ตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง และคณะ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง ในที่ประชุมต่างลงความเห็นตรงกันให้นายณัฏฐพงษ์ อารยางกูร เป็นประธาน กต.ตร.สภ.โคกสำโรง โดยมีวาระ 2 ปี โดยมีองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ และวาระการดำรงตำแหน่ง ดังต่อไปนี้

  1. องค์ประกอบ
    1.1 หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.2 ปลัดอำเภอโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.3 รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจจฎธรโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.4 รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธธรโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.5 รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง เป็นกรรมการ
    1.6 นางสาว สุรีรัตน์ วรปัญญา
    เป็นกรรมการ (นายกเทศมนตรีตำบลโคกสำโรง)
    1.7 นาง กิติพร แตงชุ่ม
    เป็นกรรมการ (นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำโรง)
    1.8 นาย สำรวย งามขำ
    เป็นกรรมการ (กำนันตำบลโคกสำโรง)
    1.9 ดาบตำรวจ พฤกษ เหมาะสมัย
    เป็นกรรมการ ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง
    1.10 นาย ประธาน สุนทโร
    เป็นกรรมการ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาโคกสำโรง
    1.11 นาย ศักดิ์ดา คำโส
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา
    1.12 นาย สนอง แท่นสูงเนิน
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน
    1.13 นาย ประสิทธิ์ เจียรดำรงรัศมี
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ
    1.14 นาย พล วงษ์ธนาพฤกษ์
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ
    1.15 นาย ณัฏฐพงษ์ อารยางกูร
    เป็นประธาน กต.ตร.สภ.โคกสำโรง (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจโรงแรม)
    1.16 นางสาว วริศรา แผ่สุวรรณ
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ
    1.17 นาย ปรีชา กิจรัตนกาญจน์
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาองค์กร สังคม
    1.18 พระครูสุนทรปรีชากิจ
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา
    1.19 นาย นิธิโรจน์ หงษ์ยนต์
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน
    1.20 นาย ประมวล มีนุ้ย
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน
    1.21 พ.ต.ท.เสริญราษฏร์ แก้วปนทอง
    สารวัตรอำนวยการ เป็นเลขานุการ
    1.22 ร้อยตำรวจโท รุ่งศักดิ์ นิ่มประสารทรัพย์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
    1.23 จ่าสิบตำรวจ นพพร ป้องบุญจันทร์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
  2. หน้าที่และอำนาจ
    รับแนวทางและนโยบายการพัฒนา และการบริหารงานตำรวจจาก ก.ต.ช. ไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผล ตามนโยบายต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน ภาพ/ข่าว รายงาน