เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /เทศกาลว่าวนานาชาติ 2568 กระตุ้นการท่องเที่ยว / นายกพัทยา นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวบุกตลาดซาอุดีอาระเบีย/งานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 /สถาปนาท่าเรือแหลมฉบัง ครบรอบ 34 ปี

แชร์เนื้อหานี้

           ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจาก ททท.สำนักงานพัทยา เกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของเมืองพัทยาที่จะจัดขึ้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 คืองานเทศกาลว่าวนานาชาติบนชายหาดพัทยา Pattaya International Kite Festival โดยมีกำหนดจัดงานบริเวณชายหาดพัทยากลาง บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา จ.ชลบุรี

สำหรับเทศกาลว่าวนานาชาติ 2568 Pattaya International Kite Festival 2025 ปีนี้ มีไฮไลต์พิเศษว่าว Snoopy และว่าวยักษ์หลากหลายรูปทรงและสีสัน รังสรรค์โดยนักเล่นว่าวมืออาชีพจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจะเติมสีสันให้ท้องฟ้าพัทยาสวยงามยิ่งขึ้นท่ามกลางบรรยากาศริมชายหาดสุดคลาสสิก 

นอกจากนี้ยังมีการแสดงว่าว LED ยามค่ำคืน, การแสดง Sport Kite จากไต้หวัน, การแสดงทางวัฒนธรรมที่สะท้อนเสน่ห์ไทย, เวิร์กช็อปสอนทำว่าวและการบังคับว่าว รวมทั้งตลาดสินค้ากว่า 50 ร้าน จำหน่ายว่าวและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

นายกพัทยานำทัพผู้ประกอบการท่องเที่ยวบุกตลาดซาอุดีอาระเบีย บินตรง Roadshow to Riyadh

นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา นำทัพผู้ประกอบการพัทยา (Sellers) 16 หน่วยงาน เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในงาน Roadshow to Riyadh ณ โรงแรม Rosh Rayhaan ริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ เพื่อเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวให้กับผู้ประกอบการซาอุดิอาระเบีย (Buyers) จำนวนกว่า 50 หน่วยงาน โดยมี นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา นางจิดาภา สุวัตถาภรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงานพัทยา) นางดารัตน์ สุรักขกะ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมงาน พร้อมได้รับเกียรติจาก นางสาวธิดา สุขีลาภ อัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด เป็นประธานเปิดงาน

โดยในปี2024 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยว ชาวตะวันออกกลางเดินทางมาท่องเที่ยวใน ประเทศไทยโดยประมาณ 742,209 คน ซึ่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียส่วนหนึ่งที่ได้เดินทางเข้ามาพัทยาเป็นนักท่องเที่ยวทีมีคุณภาพ เนื่องจากพัทยามีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีสินค้าและบริการหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหลากหลายไลฟ์สไตล์ อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพ (Health &Wellnes) กลุ่มครอบครัว (Family) และกลุ่มอื่นๆ โดยภายในงาน เมืองพัทยาได้นำการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่สร้างความสนใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

เตรียมเนรมิตชายหาดจอมเทียนจัดงานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 Pattaya Squid Fair 2025 กระตุ้นสีสันเมืองท่องเที่ยว

วันที่ 11 ก.พ.68 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดให้มีการแถลงข่าวเตรียมจัดงาน เทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 Pattaya Squid Fair 2025 ในวันที่ 28 ก.พ.- 1 มี.ค.68 บริเวณชายหาดจอทเทียน (หน้าโรงแรม The Now Hotel) เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยมี นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา คุณวรรณดี เมืองแก้ว หัวหน้าสำนักปลัด อบจ.ชลบุรี นายสุรัตน์ เทพฉายโต ผอ.สำนักการท่องเที่ยวและกีฬาเมืองพัทยา นายพรชัย สังข์เอียด ปลัดอาวุโสอำเภอบางละมุง และนายอัมพร แสงแก้ว นายกสมาคมนักข่าวพัทยา ร่วมพิธีแถลงข่าว

งานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ อบจ.ชลบุรี เมืองพัทยา ททท. กรมเจ้าท่า และสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวด้วยชื่อเสียงของอาหารทะเลในจังหวัดชลบุรี

โดยงานเทศกาลปลาหมึกและอาหารซีฟู้ดริมทะเล ประจำปี 2568 Pattaya Squid Fair 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีมงาน Pirates Treasure Under The Sea ซึ่งมีการจัดดพื้นที่ออกร้านจำหน่ายอาหารทะดบจากร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ผู้จำหน่ายอาหารพื้นเมือง และผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่กว่า 50 ร้านค้า มีพื้นที่พิเศษบริการอสหารและเครื่องดื่มแบบ Local Beach Food Experience สัมผัสรสชาติแบบวัฒนธรรมอาหารทะเลท้องถิ่นชายทะเล และเวทีแสดงดนตรี

สถาปนาท่าเรือแหลมฉบัง ครบรอบ 34 ปี

 ค่ำวันที่ 11 ก.พ.68 ที่โรงแรมแกรนด์ พาลาสโซ่ พัทยา จ.ชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวต้อนรับและร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนาท่าเรือแหลมฉบัง ครบรอบ 34 ปี LCP 34th Anniversary Party : Laem Chabang Port Movies Night โดยมี ดร.มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีฯ  ด้วยท่าเรือแหลมฉบัง เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 มีความสามารถรองรับเรือสินค้าได้เพียง 74 เที่ยว และมีตู้สินค้าผ่านท่าเพียง 1,360 ทีอียู จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 34 ปี ผู้บริหารและพนักงานท่าเรือแหลมฉบัง ตลอดจนความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการขนส่ง สายการเดินเรือต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปัจจุบัน ผลประกอบกบรของท่าเรือแหลมฉบัง ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าฯ มากกว่า 9 ล้านทีอียู และติดอันดับ 1 ใน 17 ของโลก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่าเรือแหลมฉบัง ยังคงมีโครงการพัฒนาด้านต่างๆ เพี่อพร้อมรองรับการพัฒนาสู่มาตรฐานการเป็นท่าเรือระดับโลก ได้แก่ โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ AI) และ โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบ และเป็นการแสดงความขอบคุณในมิตรไมตรีทุกท่านได้ร่วมมือร่วมใจสร้างสรรค์ให้ท่าเรือแหลมฉบังบรรลุสู่เป้าหมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “หัวหิน” คึกคัก นักปั่นกว่า 600 คน เข้าร่วมแข่งขัน Hua Hin Championship Road Race 2025/“ยุทธพล” ติดตามปัญหาลิงล้นเมือง หลังกรมอุทยานฯ สร้างกรงพักลิงเพิ่ม 2 กรง/“ กองกำลังสุรสีห์ คุมเข้ม! ซีลชายแดน ”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 9 ก.พ.68 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอหัวหิน จ.ประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานกล่าวต้อนรับและปล่อยตัวนักกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 600 คน ที่เข้าแข่งขันรายการ “หัวหิน ชิงแชมป์ จักรยาน 2568” (Hua Hin Championship Road Race 2025) มี นายมนตรี มานิชพงษ์ ปลัดอำเภอหัวหิน นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน นางสาวจิราวรรณ บุญฤทธิ์ รอง ผอ.ททท.สำนักงานประจวบฯ นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางเบญจมาส อ่วมสอาด ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด มิสเตอร์จอห์น ชูท์ส ประธานชมรมจักรยานหัวหิน คุณนุชสรา เล็กกุ ผู้จัดงาน และแขกผู้มีเกียรติให้การต้อนรับ

การแข่งขัน หัวหิน ชิงแชมป์ จักรยาน 2568 ( Hua Hin Championship Road Race 2025) จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่หัวหินและพื้นที่ใกล้เคีอง สนับสนุน อ.หัวหิน ให้เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และยังช่วยการลดภาวะโลกร้อนโดยการใช้จักรยาน รวมถึงประชาสัมพันธ์แหล่งท่องท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ให้นักปั่นได้สัมผัสวิถีชุมชนท้องถิ่น เพลิดเพลินกับเส้นทางที่เป็นธรรมชาติ เนินเขา วิว และอ่างเก็บน้ำโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีจุดถ่ายรูปอันสวยงาม

โดยรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วทางชมรมฯ จะมอบให้กับกิ่งกาชาดอำเภอหัวหินนำไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนต่อไป โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแข่งขัน ระยะทาง 95 กม. / ประเภทปั่นท่องเที่ยว ระยะทาง 50 กม. ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท มีนักปั่นชาย-หญิง มืออาชีพและสมัครเล่นทั้งชาวไทย

และต่างชาติในพื้นที่และจากทั่วประเทศสนใจเข้าร่วมการแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก โดยจุดสตาร์ทจากที่ว่าการอำเภอหัวหินกลับมายังจุดเดิม พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ให้เกียรติร่วมปั่นและมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการแข่งขันรายการนี้ด้วย.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

“ยุทธพล” ติดตามปัญหาลิงล้นเมือง หลังกรมอุทยานฯ สร้างกรงพักลิงเพิ่ม 2 กรง

เมื่อวันที่ 10 ก.พ.68 ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี และผู้ริเริ่มโครงการแก้ปัญหาลิงล้นเมือง พร้อมด้วย มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า โดยนายเอ็ดวิน วิค นายชาตรี วชิระเผด็จศึก ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี

นายนพพร ประทุมเหง่า ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นายสุรศักดิ์ อนุเมธางกูร ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเพชรบุรี และผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาลิงรบกวนในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ลงพื้นที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี  เพื่อติดตามการก่อสร้างกรงพักพิงลิง กรงที่ 2 และ กรงที่ 3 รวมพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ในช่วงการดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 68 นี้

ดร.ยุทธพล กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้างกรงพักพิงลิง กรงที่ 2 และ กรงที่ 3 ซึ่งได้ดำเนินการสร้างอยู่ในขณะนี้ โดยได้รับการพัฒนาปรับปรุงจากต้นแบบกรงพักพิงลิง กรงที่ 1 ที่ได้ใช้งานอยู่ในขณะนี้ พร้อมนำทีมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเพชรบุรี และผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหา“ลิงล้นเมือง” มาลงพื้นที่สังเกตุการณ์ การดำเนินงานก่อสร้างในครั้งนี้ด้วย หากการดำเนินการก่อสร้างกรงพักพิงลิงสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย โดยได้เริ่มสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 11 ก.ย.67 และจะสิ้นสุด

สัญญาจ้างวันที่ 10 มี.ค.68 ก็จะได้ประสานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้ายลิงแสมที่มีนิสัยก้าวร้าว รุนแรง ในเขตอำเภอเมืองเพชรบุรี นำมาปรับพฤติกรรมและพักพิงไว้ ณ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย รวมไปถึงขอฝากประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนที่มีจิตศรัทธาต้องการบริจาคและสนับสนุนอาหารสำหรับลิง เช่น ผลไม้ชนิดต่างๆ สามารถติดต่อมายังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทรายได้อีกด้วย.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

“ กองกำลังสุรสีห์ คุมเข้ม! ซีลชายแดน ”

ตามนโยบายของรัฐบาล ให้หน่วยงานความมั่นคง ดำเนินมาตรการ “ซีลชายแดน” ( Seal Stop Safe ) เพื่อรักษาความมั่นคง ป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ และควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่แนวชายแดน โดยเน้นการสกัดกั้นยาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

     กองกำลังสุรสีห์ โดยพันเอกชูพงษ์ สายอุบล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้สั่งการให้ หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก/กรมทหารราบที่ 19 ร่วมกับกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 และกองร้อยทหารพรานที่ 1405 ทำการลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยง และเส้นทางเสี่ยง เพื่อควบคุมพื้นที่แนวชายแดนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดระยะทาง 283 กิโลเมตร พร้อมทั้ง ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจช่องทางสิงขร เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างเคร่งครัด ตามสั่งการของรัฐบาล และกองกำลังสุรสีห์

     ทั้งนี้ กองกำลังสุรสีห์จะยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน ป้องกันภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /“อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.”เดินหน้าโครงการ“สไปเดอร์ เว็ป”ปราบทุจริตยุคดิจิตอล เร่งอัพเกรดคอรัปชั่นเทคเพิ่มบล็อกเชน-เอไอ.เทคโนโลยีคุ้มครองคนแจ้งเบาะแส

แชร์เนื้อหานี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand)เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานเปิดงานเอฟเคไอไอ.
ฟอรั่ม “ขจัดคอรัปชั่นเพื่อประเทศไทยใสสะอาดกับโครงการใยแมงมุม”ว่า
เวทีสัมมนาครั้งนี้เห็นด้วยกับโครงการใยแมงมุม(The Spider Web) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในยุคดิจิตอลนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ป้องกันและปราบปรามการคอรัปชั่น โดยประชาชนจะมีบทบาทสำคัญและมีส่วนร่วมโดยตรงในการขจัดทุจริต พร้อมกับการขยาย
เครือข่ายใยแมงมุมในเชิงโครงสร้างและระบบไปทั่วประเทศรวมทั้งเชื่อมโยงความร่วมมือในการขจัดทุจริตกับองค์กรต่างๆซึ่งดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

และพลเอก ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เลขาธิการภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติและดร.เอกชัย เหลืองสอาด นายกสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)ยินดีร่วมมืออย่างเต็มที่
“ที่ประชุมห่วงใยประเด็นข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงความปลอดภัยของผู้แจ้งเบาะแส(whistleblowers)และประเด็นการกลั่นแกล้งจากผู้ไม่หวังดีหรือคู่แข่งที่อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้จึงให้คณะทำงานนำข้อสังเกตไปปรับปรุงแพลตฟอร์มสไปเดอร์ เว็ปโดยพิจารณาใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน(Blockchain Technology)และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Ai Technology)รวมทั้งแพลตฟอร์มทราฟฟี่ ฟองดู(Traffy Fondue)ให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด ซึ่งขอชื่นชมสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยเฉพาะดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวย

การสวทช.และทีมงานผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Traffy Fondueที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานภาครัฐกว่า15,000หน่วยงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรมในการบริหารจัดการภาครัฐ
การใช้ดิจิตอลเทคโนโลยี ที่เรียกว่าคอรัปชั่นเทคเป็นเสมือนแนวรบสุดท้ายใน สงครามปราบคอรัปชั่นเพราะการปราบแบบอนาล็อคสู่ทุจริตไม่ได้ ปัญหาคอรัปชั่นเป็นปัญหามาทุกยุคสมัยเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกคนที่จะช่วยกันขจัดคอรัปชั่นในแผ่นดินไทย“
สำหรับงาน FKII National Dialogue Forum 2025
(วาระประเทศไทย 2568) “ขจัดคอรัปชั่นเพื่อประเทศไทยใสสะอาด กับโครงการใยแมงมุม (The Spider Project by Corruption Watch)” ณ TVA Hall สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา เมื่อเร็วๆนี้
โดยมีวิทยากรได้แก่


นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบัน FKII Thailand บรรยายหัวข้อ “บทบาทของ FKII Thailand ในการสร้างเครือข่ายใยแมงมุมขจัดคอรัปชั่น (The Spider Web Solution: Eliminating Corruption for a Brighter Future)”
ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Traffy Fondue บรรยายหัวข้อ “Traffy Fondue การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการขจัดคอรัปชั่น”

ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) บรรยายหัวข้อ “สถานการณ์และพัฒนาการของคอรัปชั่นในประเทศไทย”
พลเอก ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เลขาธิการภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ บรรยาย หัวข้อ “ทำไมประเทศไทยถึงต้องมีธรรมาภิบาล”
นายชยดิฐ หุตานุวัชร ประธานสถาบันทิวา (TVA) ดำเนินการเสวนาระดมความเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้าร่วมงาน.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองร้อยทหารพรานที่ 4905 เข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับครูผู้สอนศาสนา มอบความสุข สร้างรอยยิ้มมอบอุปกรณ์กีฬา ให้แก่ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดบ้านกูมุง

แชร์เนื้อหานี้

ที่ศูนย์มัสยิดบ้านกูมุง ม.2 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
ร.อ.อำนาจ คงคารชัย ผบ.ร้อย.ทพ. 4905 มอบหมายให้ จ.ส.อ.พลากร ใสสะอาด รองผบ.ร้อย.ทพ. 4905 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เข้าพบปะพูดคุยพัฒนาสัมพันธ์ด้านการศึกษากับครูและนักเรียนของศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดบ้านกูมุง (ตาดีกา) เพื่อสอบถามถึงปัญหาข้อขัดข้องภายในโรงเรียนเกี่ยวกับการเรียนการสอน และสร้างความเข้าใจรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านต่างๆในพื้นที่ 

นอกจากนี้ยังได้มอบอุปกรณ์กีฬา อาทิ ฟุตบอล วอลเลย์บอล ตะกร้อ จำนวน 6 ลูก เพื่อสนับสนุนให้กับน้องๆ นักเรียนตาดีกา สนับสนุนเตรียมการจัดกิจกรรมกีฬาสีภายในตาดีกาประจำศูนย์มัสยิดบ้านกูมุง โดยมี ผอ.รร.กูมุงพิทักษ์วิทยา ปลัดอาวุโส อ.จะแนะ ผญบ.ม.2 ต.ช้างเผือก ตลอดจนเยาวชนเปอร์มูดอบ้านกูมุง และผู้นำศาสนาในพื้นที่ได้ร่วมจัดกิจกรรมกีฬาสีในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนในการจัดกิจกรรมกีฬาสีในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครูและนักเรียน กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนเยาวชนในพื้นที่ สร้างความรักความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในชุมชน และท้องถิ่น

ทั้งนี้การเล่นกีฬาเป็นการปลูกฝังในเรื่องความรัก ความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ปลอดภัยและห่างไกลจากยาเสพติด หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 4905 พร้อมที่จะสนับสนุนส่งเสริมเติมเต็มเพื่อเพิ่มทักษะและดึงเยาวชนให้หันมาเล่นกีฬา เพื่อให้เยาวชนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีสุขภาวะที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นนักกีฬามืออาชีพต่อไป
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / น้องปิยธิดา สาวงามเผ่าถิ่น คว้ามงกุฎธิดาดอย ในงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เวทีกลาง งานงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568 จังหวัดน่าน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดน่าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการประกวดธิดาดอย ในงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568 เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม คงความเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ วิถีชีวิตชนเผ่าที่อยู่ในจังหวัดน่าน ซึ่งจัดประกวด 4 ชนเผ่า คือ ถิ่น/ลัวะ ม้ง เมี่ยน และขมุ

โดยปีนี้มีสาวงามสมัครเข้าประกวด 22 คน โดยมีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางเหมือนใจ วงศ์ใหญ่ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน และหัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชน ร่วมมอบรางวัล สำหรับผลการประกวดธิดาดอยในปีนี้ สาวงามชนเผ่าถิ่น หมายเลข 17 นางสาวปิยธิดา จักอะโน สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดน่านส่งเข้าประกวด

คว้ามงกุฎธิดาดอยประจำปีนี้ไปครอง ได้รับเงินสด 20,000 บาท พร้อมที่นอนสปริงยางพารา 6 ฟุต มูลค่า 15,900 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท โล่รางวัล และสายสะพาย รางวัลรองชนะเลิศธิดาดอย อันดับที่ 1 ได้แก่ หมายเลข 15 นางสาวซี แซ่ว่าง อำเภอปัว ส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด12,000 บาท

Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลรองธิดาดอย อันดับที่ 2 ได้แก่ หมายเลข 22 นางสาวจิตรพร แซ่จ๋าว อำเภอบ้านหลวงส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด 10,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลรองธิดาดอยอันดับที่ 3 ได้แก่ หมายเลข 3 นางสาวพรรพษา ศรีแอ

โครงการบ้านสันติภาพและ หจก.ชนากานต์พร็อพเพอร์ตี้ส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลขวัญใจชาวน่าน ได้แก่ หมายเลข 17 นางสาวปิยธิดา จักอะโน ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย และรางวัลขวัญใจสื่อมวลชน ได้แก่หมายเลข 19 นางสาวศุภักอักษร ตุ้ยศรี ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ส่วนรางวัลธิดาประจำชนเผ่า ธิดาชนเผ่าเมี้ยนได้แก่ หมายเลข 22 นางสาวจิตรพร แซ่จ๋าว

ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ธิดาชนเผ่าม้งได้แก่ หมายเลข 15 นางสาวซี แซ่ว่าง ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ธิดาชนเผ่าถิ่น/ลัวะได้แก่หมายเลข 19 นางสาวศุภักอักษร ตุ้ยศรี ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย และธิดาชนเผ่าขมุได้แก่ หมายเลข 3 นางสาวพรรพษา ศรีแอได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจัวหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อ.หนองม่วง “จัดประเพณีแห่มังกรศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วงสุดยิ่งใหญ่อลังการ”

แชร์เนื้อหานี้

วันอาทิตย์ ที่9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.00 น. นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประธานพิธีเดินทางถึงสถานที่ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี สักการะศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง

โดยมี นายจิรยุทธ์ เตียวสมบูรณ์กิจ กรรมาธิการรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร กรรมการศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง พร้อมด้วยนายนรินทร์ คลังผา สส.จังหวัดลพบุรี เขต4 นายวิบูลย์ เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง พ.ต.อ.สมคเน ศรีนาราง ผกก.สภ.หนองม่วง ปลัดอำเภอหนองม่วงพร้อมเจ้าหน้าที่ คณะกรรมการศาลเจ้าทุกท่าน หัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้าประชาชนรอให้การต้อนรับ

จากนั้นนายจิรยุทธ์ เตียวสมบูรณ์กิจ กรรมมาธิการรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร กรรมการศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ได้กล่าวรายงาน
นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประธานได้กล่าวเปิดงานและร่วมขบวนแห่มังกรสุดยิ่งใหญ่อลังการ

ด้วยเมื่อปี พ.ศ. 2490 ชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มาอยู่ ณ ตลาดหนองม่วง ได้ตั้งศาลไม้เจ้าพ่อเจ้าแม่ขึ้น และในปีพ.ศ. 2511 ถึง พ.ศ. 2512 และได้มีผู้ศรัทธาจำนวนมากขึ้นมาตามลำดับ ทั้งในอำเภอหนอหนองม่วงและใกล้เคียง จึงได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ขึ้นใหม่อีกครั้ง เป็นอาคารคอนกรีตเพื่อให้มั่นคงทนถาวร

ณ ทะเบียนบ้านเลขที่ 335 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองม่วง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบรี เป็นศูนย์รวมผู้มีจิตศรัตศรัทธาเพื่อมาขอพรกราบไหว้สักการะ เป็นที่พึ่งทางจิตใจ และได้มีการแห่มังกร ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 เป็นการแห่มังกรในวาระครบรอบ 72 พรรษา ของรัชการที่ 9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปีนั้น และเพื่อเป็นการร่วมเทิดพระเกียรติอีกด้วย จึงได้เห็นความสำคัญประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ ประจำปี 2568 จึงเรียนเชิญรองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจ ให้กับประชาชนชาวอำเภอหนองม่วง หน่วยงานทางภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าประชาชนทั่วไปในเขตุอำเภอหนองม่วง

“ประเพณีแห่มังกรศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ตลาดหนองม่วง” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เคารพสักการะของพี่น้องประชาชนในอำเภอหนองม่วงและพื้นที่ใกล้เคียง มาเป็นเวลายาวนานกว่า 78 ปี งานประจำปีประเพณีแห่มังกรศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ตลาดหนองม่วง เป็นประเพณีที่สำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีและส่งเสริมความกตัญญู สืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่อำเภอหนองม่วง แห่งนี้ มีคนรุ่นใหม่ เข้ามาสืบทอดต่อยอดรักษาขนบ ธรรมเนียมอันดีนี้ไว้ ให้เจริญก้าวหน้าและร่วมสร้างสาธารณกุศลให้กับประชาชนต่อไปอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผงะ! ลอบทิ้งซิมพม่าของค่ายดัง กระจายเกลื่อนเขื่อนตลาดอินโดจีน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์​ 2568​ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดมุกดาหารได้รับแจ้งว่ามีผู้นำซิมโทรศัพท์มือถือมาโปรยทิ้งกระจายเกลื่อนเขื่อนริมตลิ่งแม่น้ำโขงหน้าตลาดอินโดจีน เทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร จึงได้เดินทางไปตรวจดูและพบว่าที่บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าตลาดอินโดจีนทางด้านทิศใต้ ที่พึ่งสร้างก่อสร้างเสร็จ มีซิมโทรศัพท์มือถือของTrueMove h ด้านหลังเขียนว่า ซิมพม่า(DSP) และซิม dtac

ที่ยังไม่ได้ใช้งานถูกทิ้งกระจายเกลื่อน ทั้งที่บริเวณถนนหน้าเขื่อน และบริเวณหินเรียงหน้าเขื่อนเป็นจำนวนมาก โดยมีซองบุหรี่ TEXAS 5 และ PINE CHANGE ที่มีวางขายอยู่ใน สปป.ลาว ตกอยู่ใกล้กับจุดที่ทิ้งซิมด้วย ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่มีการนำซิมพม่ามาทิ้งดังกล่าว อาจเนื่องมาจากการที่รัฐบาลไทยสั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมเครือข่ายสัญญาณในพื้นที่ของพม่า และผู้ที่เป็นเจ้าของอาจจะกลัวว่า ถ้ามีไว้ในครอบครองแล้วจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจึงได้ลักลอบนำมาทิ้งที่บริเวณดังกล่าว

ลักลอบทิ้งซิมพม่า #เขื่อนหน้าตลาดอินโดจีน #จังหวัดมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีหล่อองค์หลวงปู่ดู่ ยืน อันตรายาปิ-พระจักรพรรดิ์กินบ่เซี่ยง บรรยายธรรมโดย หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ

แชร์เนื้อหานี้

      วันที่ 9  กุมภาพันธ์ 2568  ที่บริษัท อาร์ที  อะกริเทค จำกัด ตำบลห้วยขวาง  อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม  ได้จัดพิธีเททองหล่อองค์หลวงปู่ดู่ ยืน อันตรายาปิ (ปิดอันตราย)  สูง 21  เมตร  ส่วนมือขวาและมือซ้าย  และหล่อองค์พระจักรพรรดิ์กินบ่เซี่ยง  จำนวน 4  องค์ (ขนาด 30  นิ้ว  2  องค์  และ  20  นิ้ว  2  องค์)  โดยมีหลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) เป็นองค์ประธานในพิธี  พร้อมรับฟังบรรยายธรรมโดยหลวงตาม้า  โดยมีสาธุชนที่มีจิตศรัทธาเข้าร่วมในครั้งนี้หลาย พันคน  รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายถวายองค์หลวงตาม้า

      สำหรับพิธีเริ่มเวลา  17.00 น.  โดยผู้บริหารบริษัท อาร์ที  อะกริเทค จำกัด พร้อมด้วยแขกผู้เกียรติ  จุดธุปเทียนหน้าเครื่องบรวงสรวง  หลังจากนั้น  เป็นการเริ่มเททองหล่อองค์หลวงปู่ดู่  ยืน อันตรายาปิ (ปิดอันตราย)  สูง 21  เมตร ส่วนมือขวาและมือซ้าย  ต่อด้วยเป็นการหล่อองค์พระจักรพรรดิ์กินบ่เซี่ยง  ขนาด 30  นิ้ว  2  องค์  และ  20  นิ้ว  2  องค์  ตามลำดับ

      หลังจากนั้นเวลาประมาณ  18.00 น. หลวงตาม้า  วัดถ้ำเมืองนะ นำสวดบทจักรพรรดิ์  และมอบของที่ระลึกแด่ผู้มาร่วมงาน  ต่อด้วยหลวงตาบรรยายธรรมพร้อมตอบข้อซักถามของสาธุชน และนำสวดบทพระจักรพรรดิ์ รอบ2ทุ่มครึ่ง  เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีในครั้งนี้

      นอกจากนี้  ทางบริษัทฯ  ได้จัดเตรียมโรงทานอาหารและเครื่องดื่มไว้ต้อนรับเหล่าผู้มาร่วมงาน  พร้อมแจกของที่ระลึกประกอบด้วยประคำ  ผ้ายันต์  และเงินขวัญถุง  ไว้เป็นที่ระลึกแด่ผู้มาร่วมงานในครั้งนี้อีกด้วย

สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครฐม

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทต.บ้านกรูดรณรงค์คัดแยกขยะต้นทาง ผ่านกิจกรรม“ทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 09:00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณสถานีรถไฟบ้านกรูด ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านกรูด ร่วมกับ คณะผู้บริหาร

สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน ผู้ใหญ่บ้านบ้าน และผู้นำชุมชนในเขตเทศบาล ตลอดจนผู้ประกอบการท่องเที่ยว พ่อค้าและประชาชน ร่วมกันจัดขบวนกองผ้าป่าขยะรีไซเคิล เดินรณรงค์ให้ประชาชนในเขตเทศบาลฯ คัดแยกขยะจากต้นทางโดยเคลื่อนขบวนไปยังที่ทำการเทศบาลตำบลบ้านกรูดเพื่อร่วมกิจกรรมทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ธนาคารขยะเทศบาลตำบลบ้านกรูด

นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านกรูดกล่าวว่า ในปัจจุบันเทศบาลตำบลบ้านกรูด มีจำนวนประชากรประมาณ 4,100 คน ซึ่งยังไม่ได้รวมประชากรแฝงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจด้านการ
ท่องเที่ยว ซึ่งมีธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท

ร้านอาหาร ส่งผลให้มีจำนวนขยะเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรเช่นกัน มีปริมาณขยะเดือนละประมาณ 90 ตัน หรือเฉลี่ยตกวันละ 3 ตัน ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเดือนละกว่า 200,000 บาท ซึ่งประชาชนในพื้นที่ยังขาดการคัดแยกขยะที่ถูกหลักวิชาการสุขาภิบาลและการบริหารจัดการขยะยังไม่ดีพอ

ในวันนี้ทางเทศบาลฯจึงได้ประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตลอดจนชุมชนต่างๆ จัดกิจกรรม“ทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ธนาคารขยะเทศบาลตำบลบ้านกรูด” เพื่อเป็นการรณรงค์สร้างความรับรู้ความเข้าใจ และปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะและคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล

นำไปจำหน่ายเพื่อให้มีรายได้กลับคืนสู่ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป ภายในกิจกรรมยังมีการมอบรางวัลบุคคลต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อมและมีการลงนามบันทึกข้อตกลงด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยร่วมกันระหว่างเทศบาลฯกับทางชุมชนต่างๆ สภ.ธงชัย วัด และโรงเรียนในเขตเทศบาลฯ

//////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /นรข ยึดยาบ้า1.2 ล้านเม็ดรถเก๋ง 2 คันผู้ต้องหา 4 คนหลบหนี

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 10 ก.พ.ที่หน่วยรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงหรือ สถานีเรือ นรข.บึงกาฬ บ้านพันลำ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พล.ร.ต.ณรงณ์ เอมดี ผบ.นรข.น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย พ.อ.ปราโมทย์ เนียมสำเภา รอง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.จว.บึงกาฬ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ โคตรศรีวงษ์ ผบ.ร้อย ตชด.244 นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ นายธีระพล ขุนพานเพิง นอภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม สว.ตำรวจน้ำบึงกาฬ นางสาวเบ็ญจ์ ชำกรม หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ด่านศูลกากรบึงกาฬ และส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวตรวจยึดยาบ้า 3 กระสอบ จำนวน 1,200,000 เม็ดพร้อมรถเก๋ง 2 คัน ที่บริเวณสวนยางพารา บ้านนาเจริญ ต.คำนาดี อ.เมือง จ.บึงกาฬ

พล.ร.ต.ณรงณ์ เอมดี ผบ.นรข. กล่าวว่า ในนามของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ซึ่งเราได้บูรณาการในการปฏิบัติงาน การปราบปราม สกัดกั้น ยาเสพติดไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ชั้นในของประเทศ จากนโยบายของรัฐบาลในการ “Seal Stop Safe” เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จึงได้มีการบูรณาการเพื่อปฏิบัติการตามภารกิจนี้ โดยการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,200,000 เม็ด พร้อมกับของกลางเป็นรถเก๋ง 2 คัน ซึ่งที่มาของการจับกุม เราได้ทราบข่าวจากสายข่าว และมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ จึงเป็นที่มาของการตรวจยึด ในครั้งนี้

ขณะที่ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ กล่าวถึงพฤติการณ์ในการจับกุมว่า ภายจากได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำมาส่งให้กับกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่บ้านหนองคังคา-บ้านหนองเดิ่นท่า ต.หนองเดิ่นท่า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ จึงได้จัดกำลังออกเป็น 3 ชุ พร้อมกับสั่งการให้ชุดสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สน.เรือบึงกาฬ ทำการวางแผนในการสกัดกั้น/จับกุมในพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง และพื้นที่บริเวณใกล้เคียงที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางในการลำเสียงยาเสพติดดังกล่าว

ปฏิบัติการทำการเฝ้าตรวจพื้นที่เป้าหมาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ชุดเฝ้าตรวจบริเวณสามแยก บ.โคกก่อง ต.โคกก่อง ได้ตรวจพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ต้องสงสัยลักษณะตรงกับที่สายลับรายงาน วิ่งมาบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 แล้วเลี้ยวซ้ายวิ่งไปตามทางหลวงชนบท บก.3007 มุ่งหน้าไปยัง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถเฝ้าติดตามไป พร้อมกับแจ้งให้ชุดเฝ้าตรวจทั้งหมดทราบ จากนั้น รถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวได้วิ่งลัดเลาะตามถนนเส้นต่าง ๆ

oplus_2

จนมาถึง บ.นาเจริญ ต.คำนาดี อ.เมืองบึงกาฬ ได้วิ่งเข้าไปจอดในสวนยางพารา เมื่อ จนท.ชุดเฝ้าตรวจที่ 1 ติดตามไปถึงสวนยางพาราบริเวณจุดเกิดเหตุได้ตรวจพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET และจักรยานยนต์ 1 คัน ต้องสงสัยจอดอยู่กับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ HONDA CIVIC และจักรยานยนต์ อีก 1 คัน พร้อมกับมีบุคคลต้องสงสัยยืนจับกลุ่มกันอยู่ 3 คน เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้แสดงตัวเป็น จนท.ขอทำการตรวจสอบ แต่บุคคลต้องสงสัย 1 คน ได้ขึ้นไปบนรถยนต์ HONDA CIVIC สีขาว และอีก 2 คน ขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดติดเครื่องรออยู่ แล้วขับรถทั้ง 2 คัน ออกจากจุดเกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว

oplus_2

จนท.ชุดเฝ้าตรวจที่ 1 จึงได้แจ้งไปยังชุดเฝ้าตรวจที่ 2 ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางมาถึง บ.นาเจริญ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 400 เมตร ให้ทำการติดตามรถทั้ง 2 คัน และในระหว่างนั้นชุดเฝ้าตรวจที่ 2 ได้ตรวจพบรถยนต์ HONDA CIVIC คันดังกล่าวกำลังวิ่งอยู่บนถนนภายใน บ.นาเจริญ มุ่งหน้าไปยัง บ.นาซาว ต.คำนาดี จึงได้แสดงตัวเป็น จนท.และส่งสัญญาณให้จอดรถเพื่อขอทำการตรวจสอบ แต่คนขับรถได้เร่งเครื่องยนต์ขับรถหนี จนท.จึงได้ขับรถยนต์ไล่ติดตาม เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร คนขับรถยนต์คันดังกล่าวจึงได้จอดรถอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไป ไม่สามารถไล่ติดตามได้ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนเกรงว่าจะเกิดอันตราย

จากการตรวจสอบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLETหมายเลขทะเบียน กต 5368 มหาสารคาม พบวัตถุต้องสงสัยห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 3 กระสอบวางอยู่บนเบาะภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ เมื่อทำการเปิดออกตรวจสอบพบว่าเป็นยาบ้า จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดมาตรวจสอบเพิ่มเติมที่ สน.เรือบึงกาฬ ซึ่งจากการตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่าทั้ง 3 กระสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ทั้งหมดจำนวน 207 แพค (แพคละ 3 มัด ๆ ละ 2,000 เม็ด จำนวน 186 แพค รวมเป็นยาบ้า จำนวนประมาณ 1,116,000 เม็ด และแพคละ 2 มัด ๆ ละ 2,000 เม็ด จำนวน 21 แพค รวมเป็นยาบ้า

จำนวนประมาณ 84,000 เม็ด) รวมเป็นยาบ้าจำนวนประมาณ 1,200,000 เม็ด และจากการตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน โดยละเอียดไม่พบเอกสารใด ๆ แต่จากการสืบค้นในระบบของกรมขนส่งทางบก พบว่า รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กต 5368 มหาสารคาม มีชื่อชาว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นผู้ครอบครองรถ และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ HONDA CIVIC สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 175 กาญจนบุรี มีชื่อชาว อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เป็นผู้ครอบครองรถ จึงได้ทำบันทึกตรวจยึด และนำส่ง สภ.เมืองบึงกาฬ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ รายงาน