เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โคกสำโรง ลพบุรี ประชุมคณะกรรมการ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง ครั้งที่ 1/2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธโคกสำโรง พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.โคกสำโรง ประธานในที่ประชุม พระครูสุนทรปรีชากิจ (อ.แดง) กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา ประธานร่วม
ปธ.พิธีกล่าวเปิดประชุม เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ตามคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดลพบุรี

ที่ 7/2568 ลง 28 มกราคม 2568 มีผล วันที่ 15 มกราคม 2568 เรื่องเสนอให้ที่ประชุมทราบตามระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ.2567 ให้มีการประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการ โดยให้เลือกจากกรรมการ (ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจ) ให้ดำเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการ ตามวรรค

หนึ่ง ภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่มีการแต่งตั้งกรรมการครบถ้วนแล้ว
สำหรับวิธีการประชุม และลงมติให้เป็นไปตามข้อ 42 การเลือกผู้ใดเป็นประธานกรรมการแล้ว ให้หัวหน้าสถานีตำรวจประกาศให้ทราบ
ทั่วไปและรายงานให้ กต.ตร. จังหวัด ทราบ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ที่ประชุมมีมติ

ผลการคัดเลือก โดยในที่ประชุมมีการเสนอชื่อ นายณัฏฐพงษ์ อารยางกูร ให้ดำรงค์ตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง และคณะ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง ในที่ประชุมต่างลงความเห็นตรงกันให้นายณัฏฐพงษ์ อารยางกูร เป็นประธาน กต.ตร.สภ.โคกสำโรง โดยมีวาระ 2 ปี โดยมีองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ และวาระการดำรงตำแหน่ง ดังต่อไปนี้

  1. องค์ประกอบ
    1.1 หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.2 ปลัดอำเภอโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.3 รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจจฎธรโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.4 รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธธรโคกสำโรง
    เป็นกรรมการ
    1.5 รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง เป็นกรรมการ
    1.6 นางสาว สุรีรัตน์ วรปัญญา
    เป็นกรรมการ (นายกเทศมนตรีตำบลโคกสำโรง)
    1.7 นาง กิติพร แตงชุ่ม
    เป็นกรรมการ (นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำโรง)
    1.8 นาย สำรวย งามขำ
    เป็นกรรมการ (กำนันตำบลโคกสำโรง)
    1.9 ดาบตำรวจ พฤกษ เหมาะสมัย
    เป็นกรรมการ ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง
    1.10 นาย ประธาน สุนทโร
    เป็นกรรมการ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาโคกสำโรง
    1.11 นาย ศักดิ์ดา คำโส
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา
    1.12 นาย สนอง แท่นสูงเนิน
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน
    1.13 นาย ประสิทธิ์ เจียรดำรงรัศมี
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ
    1.14 นาย พล วงษ์ธนาพฤกษ์
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ
    1.15 นาย ณัฏฐพงษ์ อารยางกูร
    เป็นประธาน กต.ตร.สภ.โคกสำโรง (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจโรงแรม)
    1.16 นางสาว วริศรา แผ่สุวรรณ
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ
    1.17 นาย ปรีชา กิจรัตนกาญจน์
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาองค์กร สังคม
    1.18 พระครูสุนทรปรีชากิจ
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา
    1.19 นาย นิธิโรจน์ หงษ์ยนต์
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน
    1.20 นาย ประมวล มีนุ้ย
    เป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน
    1.21 พ.ต.ท.เสริญราษฏร์ แก้วปนทอง
    สารวัตรอำนวยการ เป็นเลขานุการ
    1.22 ร้อยตำรวจโท รุ่งศักดิ์ นิ่มประสารทรัพย์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
    1.23 จ่าสิบตำรวจ นพพร ป้องบุญจันทร์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
  2. หน้าที่และอำนาจ
    รับแนวทางและนโยบายการพัฒนา และการบริหารงานตำรวจจาก ก.ต.ช. ไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผล ตามนโยบายต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน ภาพ/ข่าว รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พุทธศาสนิกชนคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแห่ร่วมเวียนเทียนคืนมาฆบูชา ปี 68 แน่นวัดชัยมงคลพัทยา

แชร์เนื้อหานี้

ค่ำวันที่ 12 ก.พ.68 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ประจำปี 2568 ตามวัดต่างๆ ในเขตเมืองพัทยา มีพุทธศาสนิกชน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากทยอยเข้าร่วมพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3

บริเวณวัดชัยมงคล (พระอารามหลวง) พัทยาใต้ พบว่า มีประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ทางวัดจัดขึ้นตลอดทั้งคืน ส่งผลให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

อนึ่ง วันมาฆบูชา ตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่มีพระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และพระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ จึงมีครบทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เดิมเรียกว่า “วันมาฆปุณณมี” หมายถึง วันที่พระจันทร์เพ็ญเต็มดวงในเดือนมาฆะ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “เปิดประทุน กินลม ชมหนัง 2025” กลับมาอีกครั้ง! ปีที่ 4 ปักหมุดย่านฝั่งธนฯ เอาใจคนรักรถเปิดประทุน และรถคลาสสิค

แชร์เนื้อหานี้

กรุงเทพฯ, 8 กุมภาพันธ์ 2568 – กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่! สำหรับงาน “เปิดประทุน กินลม ชมหนัง 2025” ซึ่งปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 4 และย้ายสถานที่มาจัดที่ ตลาดตวงทอง ไนท์มาร์เก็ต เอาใจเหล่าคนรักรถเปิดประทุนและรถคลาสสิคในย่านฝั่งธนฯ

งานนี้จัดขึ้นโดย คุณอัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร ผู้บริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิสประพัจน์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ ยาดมสมุนไพรเณอเอม และ เณอเอมรีสอร์ท หัวหิน ร่วมกับ คุณทรงสิทธา จันทรา จาก บริษัท บางกอกอีเว้นท์แมเนจเม้นท์ จำกัด และ คุณบุญเลิศ คงเจริญ และ คุณเลิศมงคล คงเจริญ ผู้บริหาร ตลาดตวงทอง ไนท์มาร์เก็ต พร้อมด้วยผู้สนับสนุนหลัก ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลังพญานาค, ยูอีคอฟ ยาอมสมุนไพรผสมมะขามป้อม และวีว่า กระดาษเปียกออร์แกนิก เบบี้ไวพส์ ไฮไลต์ของงาน

ภายในงานพบกับกิจกรรมสุดเร้าใจ! เปิดเวทีด้วยการประชันพลังแขนจาก “จอช นิโคลัส” แชมป์โลกงัดข้อ จากสมาคมกีฬางัดข้อแห่งประเทศไทย (Arm Fight Thailand) ที่จะมาท้าประลองกับผู้เข้าร่วมงาน สร้างสีสันและความสนุกสนาน ก่อนที่เหล่าบรรดาคนรักรถจะทยอยนำรถเปิดประทุนและรถคลาสสิคเข้ามาร่วมโชว์

จากนั้น คุณอัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร จะเปิดวีดิทัศน์กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ก่อนเข้าสู่ช่วงไฮไลต์ ชมภาพยนตร์กลางแจ้งสุดคลาสสิค ท่ามกลางบรรยากาศชิล ๆ ของตลาดตวงทอง ไนท์มาร์เก็ต

งานเปิดประทุนกินลมชมหนัง #รถคลาสสิค #รถเปิดประทุน #รถสะสม #งัดข้อ #ArmFightThailand #ยาดมเณอเอม #ยาดมสมุนไพร #ตลาดตวงทองไนท์มาร์เก็ต #สมาคมงัดข้อ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “จวงต๋าเฟย“ กับ ”ไม้เท้าตีสุนัข” อาวุธอันทรงพลังของ “อึ้งย้ง”

แชร์เนื้อหานี้

“วิชาไม้เท้าตีสุนัข” เป็น 1 ในสุดยอดวิชาแห่งยุทธภพของพรรคกระยาจกที่ “ท่านปรมาจารย์โจ้วซือเอี้ย” ผู้ก่อตั้งพรรคกระยาจกเป็นผู้คิดค้นขึ้น แบ่งออกเป็นทั้งหมด 36 กระบวนท่า ได้แก่ ไม้เท้าหวดสุนัข, กดหัวสุนัข, ฟาดเฉียงหลังสุนัข, ชิงไม้เท้าจากปากสุนัข, สุนัขขวางทาง, สุนัขจนตรอก, ตะครุบศัตรูพร้อมฟาดหาง, เคล็ดสลักอักษร, ไม้เท้าปราบกองพล, คงเกี้ยงนับไม้พลอง, กระบองเขี่ยสุนัขเรื้อน, ตีหญ้างูแตกตื่น, แหวกหญ้าหางูพิษ ฯลฯ โดยมี “ทั่วแผ่นดินไร้สุนัข” เป็นท่าสุดท้ายที่ถือว่าเป็น “หัวใจ” ของวิชานี้ซึ่งสามารถป้องกันการโจมตีจากศัตรูได้ทั้ง 4 ทิศ และยังมีอีก 8 เคล็ดลับที่รวมเอาไว้ด้วยกันประกอบด้วย เกาะเกี่ยว, ฟาดฟัน, พัวพัน, ทิ่มแทง, ตวัดเขี่ย, ชักนำ, ปิดป้อง และหมุนวน โดยผู้ที่จะได้รับการสืบทอดวิชานี้จะต้องเป็น “ประมุขของพรรคกระยาจก” เท่านั้น

“ไม้เท้าตีสุนัข” มีลักษณะพิเศษคือมีความแข็งเหมือนหยก และแกร่งดั่งเหล็กกล้า โดยวิชาไม้เท้าตีสุนัขนี้ “อึ้งย้ง” บุตรีคนเดียวของ “อึ้งเอี๊ยะซือ” เจ้าแห่งเกาะดอกท้อ ซึ่งเป็นประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 19 ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ขงเบ้งหญิง” เนื่องจากเปี่ยมไปด้วยปัญญายิ่งกว่าผู้ใดในยุทธภพได้รับการถ่ายทอดมาจาก “อั้งชิกกง” ประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 18เตรียมพบกับ 36 กระบวนท่า และ 8 เคล็ดลับ “ไม้เท้าตีสุนัข” อาวุธไม้ตายของ ”อึ้งย้ง“ ที่สยบศัตรูได้ทุกสารทิศใน “Legends of The Condor Heroes : The Gallants – มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่” โดย Sony Pictures ตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์เท่านั้น….

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / การ ประกวด PNU Music Contest 2025 การประกวดขับร้องอนาชีดประสานเสียงระดับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

แชร์เนื้อหานี้

สู่เทคโนโลยี นวัตกรรมระบบราง และชมกิจกรรม PNU Fair 2025 การแสดงของนักศึกษา การแข่งขัน E-Sport: E – FOOTBALL BY PNU การ ประกวด PNU Music Contest 2025 การประกวดขับร้องอนาชีดประสานเสียงระดับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การ ประกวดดาว – เดือน PNU 2025 และการจัดจำหน่ายสินค้าและอาหาร

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ในการจัดงานฯจะมีการจัดแสดงผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฯ ที่หลากหลาย และโดดเด่นอาทิเช่นงานวิจัย ที่มหาวิทยาลัยฯ ได้เข้าไป ส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ

และการพัฒนาวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่น มาสร้างให้มีมูลค่าที่สูงขึ้น ภาพรวมได้ ดำเนินการในหลายชุมชน ที่สำคัญได้พัฒนาให้สินค้าบางรายการ ได้มาตรฐาน อย. และมาตรฐานฮาลาล ทั้งหมดนี้เป็นบทบาทของนักวิจัยส่วนหนึ่งที่ได้นำองค์ความรู้ไปช่วยประชาชนในพื้นที่ให้มีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ

สำหรับมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาลำดับที่ 77 ของประเทศไทย จัดตั้งเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดใกล้เคียงเข้ารับการศึกษาในระดับอุดมศึกษามากขึ้น อันจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน อีกทั้งการพัฒนาให้จังหวัดนราธิวาส เป็นศูนย์กลางทาง

การศึกษาและวิจัย โดยเฉพาะด้านอิสลามศึกษาในภูมิภาค และที่สำคัญยังช่วยเสริมสร้างเอกภาพและความมั่นคงของชาติ การเชื่อมโยงการศึกษากับศาสนาเข้าสู่ชีวิตของประชาชน สร้างสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม วัฒนธรรม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน
///////////////////
ข่าวกรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พล.ต.ต.โชคชัย นามวงศ์ รองตร. ภูธรภาค 1 จัดฝึกซ้อมหน่วยหลักสูตรยุทธวิธีดีดีเพื่อความปลอดภัยของประชาชน..”

แชร์เนื้อหานี้

พล.ต.ต.โชคชัย นามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จัดฝึกซ้อมหน่วยระงับเหตุช่วยเหลือป้องกันเหตุโดยใช้ยุทธวิธีและอุปกรณ์อาวุธต่างๆเพื่อควบคุมสถานการณ์วิกฤตให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนและสังคม

วันที่ 11 ก.พ.68 เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ภัคพงศ์ สายอุบล ผบก. อก.ภ.1 พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ. บก.สส.ภ.1 พ.ต.ท.ชยากร บุญมา สว.ฝอ.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา/ครูฝึก และทีมงาน ร่วมชมสาธิตการฝึกระงับเหตุคนคลุ้มคลั่งโดยใช้ปืนยิงตาข่าย ประจำปี 2568 ณ ลานฝึกยุทธวิธี “ปราบไพรีอริศัตรุพ่าย” ตำรวจภูธรภาค 1

ทางด้านพล.ต.ต.โชคชัย รองผู้บัญชาการการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวเพิ่มเติมว่านโยบายดังกล่าวเป็นไปตามสั่งการของพลตำรวจเอก กิตติ์ืรัฐ พันธ์ุเพชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโท สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งให้มีการจัดฝึกอบรมและชุดยุทธวิธีดังกล่าวเพื่อใช้ในการป้องกันและปราบปรามคนร้ายหรือมิจฉาชีพตลอดจนผู้ที่อยู่ในอาการไม่ปกติหรือคลุ้มคลั่งต่างๆด้วยเหตุของโรคประจำตัวหรือด้วยเหตุป่วยต่างๆ

รวมถึงการที่มีอาวุธที่สามารถจะทำร้ายประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จัดการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ เพื่อลดความสูญเสียของประชาชนและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆทั้งในด้านของประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะว่าการใช้เครื่องมือต่างๆและเทคโนโลยีจะต้องมีการฝึกซ้อมให้มีความชำนาญและสามารถระงับเหตุได้

ทันท่วงทีไม่ให้เกิดการสูญเสียได้ใดเลยหรือสูญเสียให้น้อยที่สุดหากมีเหตุเกิดขึ้น โดยหากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการฝึกซ้อมและมีชุดยุทธวิธีดังกล่าวจะทำให้การทำงานของตำรวจง่ายขึ้นและลดการเผชิญหน้าถึงตัวกันระหว่างทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดีซึ่งจะก่อเกิดมีประสิทธิภาพต่อสังคมในการควบคุมทางสังคมที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /รอง ผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการ“กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” ปิดล้อมตรวจค้น 30 จุด 5 จังหวัด ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 118 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2568) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดในทุกมิติ ภายใต้ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ภายใต้กรอบแนวคิด Seal พื้นที่ชายแดน Stop หยุดวงจรยาเสพติด อาชญากรรมชายแดน Safe พื้นที่ปลอดภัย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ,ผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) และผู้อำนวยการศู นย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอร.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว , พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง , พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ , พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 ได้บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ พล.ท.กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 , พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรพัฒน์ บุญมา ผบก.ตชด.ภาค 3 , นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5 , นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ผู้แทนสำนักงาน ปปง. และ นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด ในวันนี้ เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมไอซ์ 999 กิโลกรัม และคีตามีน 1,200 กิโลกรัม บริเวณท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และวันที่ 10 ส.ค.67 จับกุมผู้ต้องหา 10 คน พร้อมไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กระทั่งสามารถขยายผลจนทราบถึงกลุ่มที่ลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ชายแดน ซึ่งลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับกลุ่มที่ถูกจับกุม จึงได้เฝ้าระวังพฤติการณ์เรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไอซ์ 30 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม จากการสืบสวนขยายผล มีผู้ร่วมลำเลียงยาเสพติดกับผู้ต้องหาและยังไม่ถูกจับกุม โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่เป็นกลุ่มผู้สั่งการว่าจ้างและขับรถนำทางคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติด และจากการตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด

พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาแทบไม่ถือครองทรัพย์สินเลย โดยจะใช้กลุ่มเครือญาติถือครองทรัพย์สินแทน จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้นำเงินจากการลำเลียงยาเสพติดไปฟอกเงินในธุรกิจประเภทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยให้กลุ่มเครือญาติเป็นนอมินี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ 9 หมายจับ และเปิดปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นฯ จำนวน 30 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และหนองคาย โดยสามารถขออนุมัติหมายจับ 9 หมาย ผู้ต้องหา 8 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 45 รายการ ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน 10 รายการ มูลค่าประมาณ 40,000,000 บาท, ที่ดิน 18 แปลง มูลค่าประมาณ 54,000,000 บาท, สวนลำไย 70 ไร่ 1 แปลง มูลค่าประมาณ 17,500,000 บาท, รถยนต์ 11 คัน มูลค่าประมาณ 6,600,000 บาท และรถจักรยานยนต์ 5 คัน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ประมาณ 118,300,000 บาท

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจปราบปรามเสพติดได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการ SEAL STOP SAFE อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งมีการทำงานในหลายมิติ ทั้งการลาดตระเวน สกัดกั้นตามแนวชายแดน การเฝ้าระวังบุคคลเฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดน ขยายผลกลุ่มเครือข่ายที่อยู่พื้นที่ชั้นใน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (ด่านตรวจยานพาหนะ X-RAYS ) เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อหยุดยั้ง สกัดกั้น ปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องให้สิ้นซาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ต่างทุ่มเทและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สร้างความผาสุกแก่ประเทศชาติและประชาชน

ภาพ-ข่าว สมจิตร แสงบัลลังศ์ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชุดสืบ ภ.จว.มุกดาหาร จับมือเผาทั้งเป็นพ่อค้าแตงโมวัดดอกไม้ ขณะหนีมารับงานในพื้นที่มุกดาหาร

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 20.30 น วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568​ พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผกก.สืบสวน ภ.จว.มุกดาหารพร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารได้ตามจับกุมตัวนายอรรคกร หรือเพลิน พรมด้วง อายุ 46 ปี

ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 175/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายเพลินได้ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาคำอาฮวน ต.คำอาฮวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายเพลินได้ก่อเหตุราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผานายราเชน เทพมณี อายุ 52 ปี พ่อค้าแตงโม ภายในวัดดอกไม้ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ จนทำให้ไฟลุกไหม้ท่วมตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาและต่อมาได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พนักงานสอบสวนจึงได้ขอให้ศาลอาญากรุงเทพใต้หมายจับ

นายเพลินได้กล่าวภายหลังจากถูกจับกุมตัวว่า แค้นที่ผู้ตายเป็นชู้และคบหากับเมียตนเองวันเกิดเหตุได้มีการเตรียมน้ำมันเพื่อที่จะไปเผาโดยอาศัยช่วงที่ผู้ตายเผลอจึงได้ใช้มันสาดจากทางด้านหลังแล้วจุดไฟเผาจึงทำให้ไฟลวกมือตนเองไปด้วย

จากนั้นก็ทำการหลบหนีโดยสารนั่งรถโดยสารจากกรุงเทพฯ มาที่มุกดาหารซึ่งตนเองยังไม่ขอให้รายละเอียดมากไปกว่านี้ การมาที่จังหวัดมุกดาหารนั้นไม่ได้ตั้งใจหลบหนีไป สปป.ลาว แต่มาเพราะรับงานตัดเหล็กไว้กับโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ​ตร.ภ.จว.มุกดาหาร – ตร.น้ำ – ตชด. – เทศกิจ ปูพรมค้นหาซิมพม่าริมแม่น้ำโขง พบถูกนำมาทิ้งนับพันซิม/ ตชด.ที่235 ซีลเข้ม นักบินโยนยาทิ้งกว่า 900,000 เม็ด ตามแนวชายแดน ตามนโยบาย “Seal Stop Safe”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568​พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทรา รอง ผบก.ฯ รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จังหวัดมุกดาหาร สั่งการให้ พ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคำ ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร พ.ต.ท.ฉัตรมงคล บุญกลาง รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีมีผู้พบซิมพม่า ถูกนำมาทิ้งบริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าตลาดอินโดจีน เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

โดยมี พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ10 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.ท.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.234 และนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร ร่วมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจ ปูพรมค้นหาซิมโทรศัพท์ที่บริเวณเขื่อนริมแม่น้ำโขง

ปรากฏว่านอกจากเจ้าหน้าที่จะพบซิมโทรศัพท์ของเครือข่าย truemove h และ dtac กระจายอยู่บริเวณหินเรียงริมตลิ่งเป็นจำนวนมากแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบในแม่น้ำโขงยังพบว่ามีซิมโทรศัพท์ถูกมัดรวมเป็นชุดๆ อยู่ตามริมแม่น้ำอีกนับพันซิม จึงได้ทำการเก็บรวบรวมและตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทรา รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จากการตรวจสอบซิมที่ตรวจยึดไว้ในเบื้องต้นพบว่ามีซิมที่ระบุว่าเป็นซิมพม่าอยู่บางส่วน และบางซิมหมดอายุเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 แต่เนื่องจากซิมส่วนใหญ่จมน้ำและมีคราบดินโคลนอยู่จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการล้างทำความสะอาด เพื่อตรวจเก็บข้อมูลหมายเลขซิม

และนำข้อมูลของซิมที่ตรวจยึดไว้ทั้งหมดส่งให้กับ กสทช. และบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ให้บริการเครือข่าย truemove h และ dtac ตรวจสอบว่าซิมดังกล่าวได้มีการจำหน่ายให้กับผู้ใดในเขตพื้นที่ใดบ้าง เพื่อจะได้ทำการสอบสวนสืบสวนและขยายผลว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่อย่างไร ต่อไป

ตชด.ที่235 ซีลเข้ม นักบินโยนยาทิ้งกว่า 900,000 เม็ด ตามแนวชายแดน ตามนโยบาย “Seal Stop Safe”

ตามนโยบายการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe ของรัฐบาล และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร.,พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 โดย พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ซึ่งมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 – 24 เป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อปราบปราม สกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 (สอง-สาม-ห้า) อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมควร เบญจมาตร รักษาการแทนผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ได้แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้ากว่า 900,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.เซกา จ.บึงกาฬ

โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ.68 เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.235 ได้รับแจ้งว่า พบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ถูกทิ้งไว้กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ บริเวณริมถนนสาธารณะทางหลวงชนบท บ.โนนยางคำ ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดนำมาทิ้งไว้ ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานไปยังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.237 และ ร้อย ตชด.244 บูรณาการร่วมกันออกตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุไปถึงที่เกิดเหตุพบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก คาดว่าจะเป็นยาเสพติด จึงได้วางกำลังดักซุ่มรอ จนกระทั่งถึงเวลา 06.00 น. ไม่พบผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้เข้าตรวจสอบพบ ถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ 3 ถุง ซึ่งมีรอยฉีกขาด ด้านในบรรจุห่อยาบ้าจำนวนหนึ่ง และกระสอบปุ๋ยสีขาวซึ่งบรรจุห่อยาบ้าไว้ โดยในบริเวณเดียวกันยังพบห่อยาบ้าอีกบางส่วนกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นตามริมถนน ในพงหญ้า และตกอยู่ในหนองน้ำในจุดที่เกิดเหตุ ลักษณะคล้ายกับมีคนนำมาโยนทิ้งไว้

ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดมาตรวจนับที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ผลการตรวจนับ รวมจำนวนประมาณ 900,000 เม็ด จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 กล่าวว่า ตามที่ รัฐบาล ได้เปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด.ทางกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ก็ได้เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ริมน้ำโขง ป้องกันปราบปรามยาเสพติดจากแนวชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งดำเดินการใน 3 ด้าน คือ ด้านการข่าว

การลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ค้ายาไม่สามารถขนส่งยาเสพติดได้โดยสะดวก จึงนำมาโยนทิ้งไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยตำรวจตระเวนชายแดนก็จะทำงานกันอย่างเข้มแข็ง และมุ่งมั่น เพื่อสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้มีการนำเข้ายาเสพติด สู่พื้นที่ตอนในประเทศต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธียกเสาเอกอาคารอเนกประสงค์ รร.บ้านซับเต่าโครงการช่วยเหลือประชาชน ของการฝึกคอบร้าโกลด์ 2025

แชร์เนื้อหานี้

ก่อนที่การฝึกคอบร้าโกลด์2025 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 7 มีนาคม 2568 ซึ่งใช้พื้นที่การฝึกของจังหวัดนครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ลพบุรี ชลบุรีเมื่อวันที่ (11 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 13.09 น. ได้ฤกษ์ยกเสาเอกอาคารอเนกประสงค์โรงเรียนบ้านซับเต่า ในโครงการช่วยเหลือประชาชน ของการฝึกคอบร้าโกลด์ 2025 เพื่อให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาและสันทนาการ

พลตรี มงคล หอทอง ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 เป็นประธานในพิธียกเสาเอกอาคารอเนกประสงค์ โครงการช่วยเหลือประชาชน (Humanitarian/Civic Assistance : HCA) การฝึกคอบร้าโกลด์ 2025 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านซับเต่า โดยมีกำลังพลจากกองทัพบกไทย(กองทัพภาคที่ 2) กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพมิตรประเทศ (อินเดีย) ร่วมพิธี ณ โรงเรียนบ้านซับเต่า ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี การฝึกคอบร้าโกลด์ 2025 ในปีนี้ เป็นครั้งที่ 44 กองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ อีกทั้ง ได้จัดให้มีโครงการช่วยเหลือประชาชน (Humanitarian/Civic Assistance : HCA) จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย
โครงการที่ 1 โรงเรียนหนองนกเขียนสามัคคี จังหวัดนครราชสีมา
โครงการที่ 2 โรงเรียนบ้านซับเต่า จังหวัดนครราชสีมา
โครงการที่ 3 โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง จังหวัดระยอง
โครงการที่ 4 โรงเรียนบ้านซอยสอง (อภิชาติราษฎร์อุปถัมภ์) จังหวัดจันทบุรี
โครงการที่ 5 โรงเรียนบ้านดงมะรุม จังหวัดลพบุรี

สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ โครงการที่ 2 โรงเรียนบ้านซับเต่า ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา มีกำลังพลที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 50 นาย โดยจัดจากกองทัพบกไทย (กองทัพภาคที่ 2) กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพมิตรประเทศ (อินเดีย) ร่วมก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ ขนาดกว้าง 7.80 ม. ยาว 20.30 ม. สูง 4.85 เมตร ระยะกำหนดก่อสร้างระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึง 5 มีนาคม 2568 เพื่อให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ได้นำไปใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาและสันทนาการต่อไป

กองทัพภาคที่2 การฝึกคอบร้าโกลด์2025

ภาพ/ข่าว : กองทัพภาคที่ 2
กันตินันท์ เรืองประโคนรายงาน