เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ลำพูน เปิดยุทธการปิดล้อมตรวจค้นยาเสพติด ในพื้นที่ จว.ลำพูน ตามนโยบายรัฐบาลเร่งรัดปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 17 ม.ค.68 เวลา 07.00 น. ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน โดย พล.ต.ต.บุณยวัต เกิดกล่ำ ผบก.ภ.จว.ลำพูน พร้อมด้วย พ.ต.อ.พชรพล วงศ์รจิต รอง ผบก.ภ.จว.ลำพูน , นายโยธิน ประสงค์ความดี รอง ผวจ.จว.ลำพูน , พ.ต.อ.ฐิติพล อรุณสกุล ผกก.สภ.เมืองลำพูน , พ.ต.อ.สมพงษ์ บุญมาประเสริฐ รรท.ผกก.สภ.เหมืองจี้ ,

พ.ต.อ.ดนัย ใจกล่ำ ผกก.สส.ภ.จว.ลำพูน , พ.อ.กฤติคุณ นิโลบล รอง ผอ.รมน.จว.ล.พ.(ท.) , นายอำเภอเมืองลำพูน , ขรก.ตำรวจในสังกัด ภ.จว.ลำพูน , จนท.ป.ป.ส.ภ.5 , พฐ.จว.ลำพูน , อส.จว.ลำพูน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการปฏิบัติการปล่อยแถวปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายรัฐบาลเร่งรัดปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด กว่า 76 นาย ณ ลานด้านหน้า สภ.เมืองลำพูน

โดยมี นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผวจ.จว.ลำพูน เป็นประธาน กล่าวให้โอวาทและกล่าวเปิดปฏิบัติการปล่อยแถวปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ เนื่องด้วยรัฐบาลได้มีนโยบายเร่งรัดปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยออกนโยบายในการตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ กวาดล้างยาเสพติดในพื้นพื้นที่แพร่ระบาด และให้เพิ่มประสิทธิภาพมาตรการยึดอายัดทรัพย์สินในคดียาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นยาเสพติดพร้อมกันทั่วประเทศ ในทุกพื้นที่ เพื่อทำลายวงจรการค้าและลดการแพร่ระบาดในพื้นที่เสี่ยง

การปฏิบัติการมีเป้าหมายสำคัญคือการจับกุมผู้กระทำผิดรายสำคัญ ยึดยาเสพติด และทำลายโครงสร้างเครือข่ายที่ฝังตัวในพื้นที่ ซึ่งในการปล่อยแถวในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่หลายฝ่ายใน จว.ลำพูน และประชุมติดตามการปฏิบัติเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด ณ ห้อง ศปก.สภ.เมืองลำพูน ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูนจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น ทั้งในด้านการปราบปรามและป้องกัน การเพิ่มประสิทธิภาพการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และมุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินต่อไป..

สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐทีวี / ประชุมหารือตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัด ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยยางแพรกซ้ายเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ที่อำเภอทับสะแก

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 16 มกราคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในการประชุมหารือตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายสุภาพ ศิริธนศาสตร์ ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยยางแพรกซ้าย โดยมีนายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก นางสาวสใบทิพย์ ศรีทองสุข ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานพื้นที่ 51 นายพีรสิชฌ์ อนันต์วณิชย์ชา ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายธวัชชัย แดงฉ่ำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยยาง นายสุรศิลป์ ยนปลัดยศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแสงอรุณ นายสุภาพ ศิรินธนศาสตร์ ผู้ถวายฎีกา เจ้าหน้าที่จากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมฯ

ซึ่งที่มาของการประชุมนี้ สืบเนื่องจาก นายสุภาพ ศิรินธนศาสตร์ ราษฎรในตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก กล่าวว่า ในตำบลห้วยยางและตำบลแสงอรุณ ไม่มีแหล่งเก็บน้ำตามธรรมชาติ จึงได้ทูลถวายฎีกาขอพระราชทานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำหัวยยางแพรกซ้าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง เพื่อให้ราษฎรได้มีแห่งน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภคและทำการเกษตร

ในที่ประชุมฯ ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับราษฎรผู้ทูลขอพระราชทานโครงการก่อสร้างฯและผู้เกี่ยวข้องแล้ว พบว่าพื้นที่หัวงานและแนวสันอ่างเก็บน้ำตั้งอยู่ในพื้นที่ทำกินของราษฎร ส่วนพื้นที่กักเก็บน้ำจะครอบคลุมพื้นที่ทำกินของราษฎรบางส่วนและพื้นที่บางส่วนของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหัวยยาง ซึ่งมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ จากการสำรวจเบื้องต้นดังกล่าว ยังไม่อาจคำนวณพื้นที่ได้ทั้งหมด

เนื่องจากยังไม่มีการสำรวจออกแบบ ซึ่งต้องรอผลการสำรวจออกแบบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงจะสามารถให้ข้อคิดเห็นหรือวิเคราะห์ผลต่างๆได้ ส่วนกรมทรัพยากรน้ำ ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับราษฎรผู้ทูลขอพระราชทานโครงการก่อสร้างฯ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยยาง ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและราษฎรตำบลห้วยยาง มีแนวทางให้ความช่วยเหลือโดยจะดำเนินโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยยางแพรกช้าย

ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจภูมิประเทศสำหรับออกแบบและวางโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎร ทางด้านกรมป่าไม้ ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่า พื้นที่ที่จะดำเนินโครงการเป็นพื้นที่ที่อยู่ในหุบเขา ส่วนใหญ่เป็นแปลงที่ดินทำกินของราษฎร คาบเกี่ยวกับเขตที่ป่าอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง และป่าสงวนแห่งชาติป่าทับสะแก สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม

มีพื้นที่ป่าที่อยู่ข้างเคียงเป็นป่าเบญจพรรณ คณะผู้ร่วมตรวจสอบจึงมีความเห็นว่าควรให้มีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยให้ขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ขอให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป และทางศูนย์ดำรงธรรม ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่า

1.การสร้างอ่างเก็บน้ำตามรูปแบบที่มีความจุหลักล้านลูกบาศก์เมตร และมีพื้นที่น้ำท่วมถึงในเขตอุทยานแห่งชาติฯ ต้องขอออนุญาตต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่ออกจากการเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ
2.พื้นที่ที่อยู่ในเขตป่าสงสวนแห่งชาติ ต้องขออนุญาตตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
3.กรมชลประทานจะดำเนินการจัดตั้งงบประมาณเพื่อทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และจัดทำคำขอโครงการและงบประมาณการก่อสร้าง
4.พื้นที่ของเอกชนได้มีการให้ความเห็นในราคาเบื้องต้นแล้ว ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยยางจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลงบประมาณต่อไป

สุดท้ายนี้ รองผู้ว่าฯ ได้สรุปการประชุม มอบหมายให้นายอำเภอประสานงานกับทางท้องถิ่น เข้าพูดคุยหารือกับเจ้าของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อดำเนินการต่อในขั้นตอนถัดไป และให้ทุกหน่วยงานร่วมกันศ​ึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหารือแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งด้วย

//////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กรมทางหลวง ฟังเสียงประชาชนรอบ 2 เดินหน้าปรับปรุงทางหลวง 1026 บ.ผาเวียง-บ.หนองห้า จ.น่าน

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (17 มกราคม 2568) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน นางพิมลพันธุ์ จันโทภาส นายอำเภอนาน้อย เป็นประธานเปิดการประชุมสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการ (การสัมมนา ครั้งที่ 2) โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงบนทางหลวงหมายเลข 1026 ตอน บ.ผาเวียง – บ.หนองห้า เพื่อนำเสนอสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบทางเลือกที่เหมาะสมของโครงการ ผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ผลการดำเนินงานการมีส่วนร่วมของประชาชน และแผนการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษาของโครงการฯ จากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมการประชุม

โดยการประชุมในครั้งนี้ ได้นำเสนอสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการ โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้ สำหรับพื้นที่ศึกษาโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นโครงการอยู่บนทางหลวงหมายเลข 1026 ประมาณ กม.17+000 และจุดสิ้นสุดบนทางหลวงหมายเลข 1026 ประมาณ กม.31+100 มีระยะทางประมาณ 14.1 กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ จังหวัดน่าน จำนวน 2 อำเภอ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลส้าน อำเภอเวียงสา และตำบลน้ำตก ตำบลศรีษะเกษ
อำเภอนาน้อย โดยปัจจุบันถนนโครงการมีขนาด 2 ช่องจราจร แต่บริเวณจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของถนนโครงการเป็น 4 ช่องจราจร ในการพิจารณาการพัฒนาโครงการ จึงมีการศึกษาความเหมาะสมของจำนวนช่องจราจรของถนนโครงการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

รูปแบบที่ 1 ถนน 3 ช่องจราจร โดยจะแบ่งช่องจราจรสำหรับรถด้านขึ้นเขา 2 ช่องจราจร เพื่อให้รถสามารถเร่งแซงกันขึ้นเขาได้ ส่วนรถด้านลงเขามี 1 ช่องจราจร โดยมีเกาะกลางกั้นเพื่อความปลอดภัย ซึ่งรูปแบบนี้ทำให้ต้องมีการจัดการจราจรโดยมีการสลับช่องจราจรไป-มา ระหว่างด้านขึ้นเขา และด้านลงเขา
รูปแบบที่ 2 ถนน 4 ช่องจราจร โดยจะแบ่งช่องจราจรสำหรับรถด้านขึ้นเขาและรถด้านลงเขา ฝั่งละ 2 ช่องจราจร โดยมีเกาะกลางกั้นเพื่อความปลอดภัย
ซึ่งผลการพิจารณาจำนวนช่องจราจรตามหลักเกณฑ์ในด้านต่างๆ พบว่า รูปแบบที่ 2 ถนน 4 ช่องจราจร มีความเหมาะสมที่สุด โดยมีช่องจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ข้างละ 2 ช่องจราจร มีไหล่ทางกว้างข้างละ 2.50 เมตรมีเกาะกลางแบ่งทิศทางจราจร กว้าง 2.60 เมตร เพื่อสามารถรองรับรถทั้งสองทิศทางที่ใช้ความเร็วที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความคล่องตัว และรองรับปริมาณจราจรในอนาคต

ส่วนการคัดเลือกรูปแบบเกาะกลางของโครงการสำหรับพัฒนาโครงการ มี 4 รูปแบบ ดังนี้ รูปแบบที่ 1 เกาะกลางแบบเกาะสี (Paint Median) จะเป็นเกาะกลางที่แบ่งทิศทางจราจรแบบทาสีตีเส้นบนผิวจราจร ความช่องจราจร 3.50 เมตร และไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร มีเกาะกลางแบบทาสีตีเส้น กว้าง 2.60 เมตร (รวมไหล่ทางด้านใน) รูปแบบที่ 2 เกาะกลางแบบราวกันอันตราย จะเป็นเกาะกลางแบบราวกั้น ติดตั้งที่ผิวจราจรบริเวณ เกาะกลาง ความกว้างช่องจราจร 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร และมีเกาะกลางแบบราวเหล็กกันอันตราย กว้าง 2.60 เมตร (รวมไหล่ทางด้านใน) เพื่อป้องกันไม่ให้ข้ามเกาะตัดกระแสจราจร ซึ่งจะกำหนดจุดกลับรถเป็นระยะ

รูปแบบที่ 3 เกาะกลางแบบกำแพงคอนกรีต (Barrier Median) เป็นเกาะกลางที่มีกำแพงคอนกรีตติดตั้งบริเวณเกาะแบ่งทิศทางจราจรหรือป้องกันไม่ให้รถวิ่งข้ามเกาะตัดกระแสจราจร ความกว้างช่องจราจร 3.50 เมตร และไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร มีเกาะกลางแบบกำแพงคอนกรีตกว้าง 2.60 เมตร (รวมไหล่ทางด้านใน) รูปแบบที่ 4 เกาะกลางแบบยก (Raised Median) เป็นเกาะกลางแบบถมดิน เพื่อแบ่งทิศทางจราจร เพื่อป้องกันไม่ให้รถวิ่งข้ามเกาะ ตัดกระแสจราจรความกว้างช่องจราจร 3.50 เมตร และไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร มีเกาะกลางแบบยกถมดิน กว้าง 4.60 เมตร (รวมไหล่ทางด้านใน) โดยความกว้างของเกาะสามารถออกแบบช่องจราจรเพื่อรอเลี้ยวกลับรถได้อย่างเพียงพอ ไม่กีดขวางช่องจราจรของรถทางตรงในบริเวณจุดกลับรถและ ทางแยกต่างๆ

ซึ่งจากผลการพิจารณารูปแบบเกาะกลาง พบว่า รูปแบบที่ 3 เกาะกลางแบบกำแพงคอนกรีต (Barrier Median) มีความเหมาะสมที่สุด เนื่องจากสภาพภูมิประเทศทั้งสองข้างทางเป็นภูเขาสลับเขาสูง ซึ่งเกาะกลางแบบกำแพงคอนกรีต จะช่วยป้องกันรถที่ทิศทางสวนกันชนกันได้ดีที่สุด เหมาะกับการจราจรที่ใช้ความเร็วสูงหรือในบริเวณทางโค้ง และยังสามารถขยายช่องจราจรเพิ่มเติมด้านข้างได้ง่ายในอนาคต

สำหรับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงที่ผ่านมา ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ สำรวจและเก็บตัวอย่างด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาประกอบการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) โดยมีประเด็นที่ศึกษาครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทรัพยากรสิ่งแวดลอมทางชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต ซึ่งจะนำไปศึกษาต่อในขั้นรายละเอียด (EIA) เพื่อเตรียมกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมทางหลวง จะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจาก

ทุกภาคส่วนนำมาพิจารณาประกอบการศึกษาและรายละเอียดของโครงการให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะดำเนินการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อมูลโครงการไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง โดยมีกำหนดจัดการประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 2 ในช่วงประมาณเดือนเมษายน 2568 และกำหนดจัดประชุมสรุปผลการศึกษาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 3) ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาในทุกด้านให้ประชาชนได้รับทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่ เว็บไซต์ www.ทล1026ผาเวียง-หนองห้http://xn--g4c.com/ และแฟนเพจเฟซบุ๊ก : ทล1026ผาเวียง-หนองห้า หรือ Line Official : @412pqbgd/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/เอกเอเชีย รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จัดงานรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ในวันครูแห่งชาติ ครั้งที่ 69

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 16 ม.ค.68 ที่หอประชุมพระเทพสิทธิวิมลเมตตา โรงเรียนประจวบวิทยาลัย อำเภอเมืองประจวบฯ พระธรรมวชิรสิทธาจารย์ เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง ประธานฝ่ายสงฆ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล

เนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 69 และมีนายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานในพิธีบูชาบูรพาจารย์และระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ และพิธีมอบเกียรติบัตรและโล่รางวัลแก่ครูผู้ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติประเภทต่างๆ โดยมี นางสาวชุติกาญจน์ จันทร์สุริยา รองศึกษาธิการจังหวัดรักษาการศึกษาธิการจังหวัดประจวบฯ นายธีระชัย รัตนรังษี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบฯ คณะครู บุคลากรทางการศึกษาจากสถานศึกษาต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน กว่า 700 คน

เข้าร่วมพิธี และที่อาคารอเนกประสงค์ (โดม) โรงเรียนหัวหิน พระครูอดุลธรรมพิทักษ์ เจ้าอาวาสวัดคีรีวงศาราม ประธานฝ่ายสงฆ์ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานในพิธีงานวันครู มีนายสมควร รัชตวิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบฯ เขต 2 นายประเทือง มัททวีวงศ์ ประธานชมรมครูอำเภอหัวหิน คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 800 คน เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์จำนวน 9 รูป พิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ พิธีมอบเกียรติบัตรและโล่รางวัลแก่ครูผู้ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติประเภทต่างๆ

ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้ วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่พระราชบัญญัติครูได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อปี 2488 เป็น “วันครูแห่งชาติ” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประกอบพิธีรำลึกถึงพระคุณของบูรพาจารย์ การแสดงความเคารพและสำนึกในพระคุณของครู รวมถึงส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู และความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน และส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประกอบคุณงามความดี ทำคุณประโยชน์ต่อวงการศึกษาเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และเป็นแบบอย่างให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือปฏิบัติตาม

การจัดงานวันครูในครั้งนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมพิธีทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสงานวันครู พิธีบูชาบูรพาจารย์และระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ พิธีมอบเกียรติบัตรและโล่รางวัลต่างๆ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นในด้านต่างๆ และกิจกรรมกีฬาสัมพันธ์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และสร้างความสามัคคีระหว่างครูและบุคลากรทางการศึกษาจากหน่วยงานทุกสังกัด.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แถลงข่าว งานประจำปีและของดีเมืองน่าน 2568 พร้อมแจงประเด็นผลตรวจสอบมลพิษสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 16 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยนายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เข้าร่วมการจัดกิจกรรมแถลงข่าวประจำเดือน เพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงาน

ตามนโยบายและแผนพัฒนาจังหวัด ประจำเดือนมกราคม 2568 พร้อมพูดถึงประเด็นที่สำคัญในการประชาสัมพันธ์จังหวัดพร้อมแจ้งถึงผลการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในแต่ละเดือน พร้อมนำเสนอผลการขับเคลื่อนการที่จังหวัดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวและอื่นๆ โดยมีประเด็นต่างๆ เพื่อนำเสนอให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบ

การแถลงข่าวฯ มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดน่าน วัฒนธรรมจังหวัดน่าน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน กล่าวถึงงานประจำปีและของดีเมืองน่าน 2568 โดยมีรายละเอียดได้กำหนดจัดงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568 ในระหว่างวันที่ 7-16 ก.พ. 2568 ณ เวทีกลางบริเวณริมน้ำน่าน เชิงสะพานพัฒนาภาคเหนือ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน และจัดหารายได้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านสาธารณกุศลของเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน นอกจากนั้นได้พูดถึงการจัดการประกวดนางสาวน่าน และการประกวดธิดาดอย ประจำปี 2568

จากนั้นสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 7 ร่วมกับประมงจังหวัดน่าน เกษตรจังหวัดน่าน ได้กล่าวถึงประเด็น ผลการตรวจสอบมลพิษสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมของอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน โดยจากข้อมูลผลการตรวจสอบและการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ของมลพิษ และการปนเปื้อนในสภาพแวดล้อม ที่จังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการนั้น จังหวัดน่านขอยืนยันว่าการปนเปื้อนโลหะหนักต่าง ๆ

โดยเฉพาะปรอท ในพื้นที่จังหวัดน่านยังมีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน รวมถึงสุขภาพของประชาชนเมื่อพิจารณาจากอุบัติการณ์ของโรคภัยนั้น ประชาชนยังมีความปลอดภัยในชีวิต สามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ ทั้งนี้ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงให้ความสำคัญและดำเนินการเฝ้าระวังในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง คณะทำงานฯ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังมลพิษ การปนเปื้อน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและ

แก้ไขปัญหาร่วมกันและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน ได้กล่าวถึงประเด็นการเฝ้าระวังมลพิษ ผลกระทบ และการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมพื้นที่จังหวัดน่านทั้งนี้ยังได้มีการรณรงค์เลือกตั้ง นายก อบจ. ส.อบจ. กิจกรรม “ฟังก่อนกากบาท” เปิดเวทีให้ผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์ 24 ม.ค. 2568 เวลา 17.00 น. ที่ ข่วงน้อย โดยสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ก่อนการลงคะแนนเลือกตั้ง 1 ก.พ. 2568 นี้ด้วย

อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ฝากประชาสัมพันธ์การผลักดันเลนจักรยานและลู่วิ่ง City Run ในเขตเมืองเก่า Kick off 4 ก.พ. 2568 เส้นทางรอบเมืองเก่าน่าน 7 เส้นทาง (เบื้องต้นจะดำเนินการ 2-3 เส้นทางนำร่อง) ต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จับกุม ลิน ฮเท็ต(MR.LIN HTET)เมียนมา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนับออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (15 มกราคม 2568) เวลาประมาณ 10.30 น. ภายใต้การสั่งการของพล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ฯ ปรก.บก.ตม.6

ได้สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วรรณชัย สุขแจ่มสว.ตม.จว.นครศรีธรรมราช, ร.ต.อ.สถาพร ขวัญเทพ รอง สว.ตม.จว.นครศรีธรรมราช , พร้อมชุดสืบสวน ตม.จว.นครศรีธรรมราช จับกุม : นายลิน ฮเท็ต(MR.LIN HTET) อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา ถือหนังสือเดินทางหมายเลข CC7992730

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1530/2567 ลงวันที่ 7 เมษายน 2567ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนับออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำการฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”

สถานที่จับกม : บริษัท นาบอนรับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 278 ม.2 ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช นำตัวผู้ถูกจับกุมมายัง สภ.นาบอน เพื่อจัดทำบันทึกจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาส่ง พงส.บก.สอท.2 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /SSI-BRDเอ็มโอยูร่วมธุรกิจโมดูลาร์บิลด์ดิ้ง แบรนด์ “SSI Swift Space x Bangkok Retails”/กฟผ. ขอความร่วมมืองดเผาไร่อ้อย และวัชพืช ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง

แชร์เนื้อหานี้


      
นายณรงค์ฤทธิ์ โชตินุชิตตระกูล (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือธุรกิจกับนายวุฒิวัฒน์ อรุณรัตน์รัฐกร (ที่ 3 จากขวา) ประธานกรรมการ บริษัท ดีทู พาร์ทเนอร์ส จำกัด หรือ BRD ในความร่วมมือทางธุรกิจสำหรับงานออกแบบ ผลิต ติดตั้ง จัดทำ ตลอดจนการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับงานอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง ด้วยระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ ภายใต้แบรนด์ “SSI Swift Space x Bangkok Retails” โดยนำความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัททั้งด้านวิศวกรรมเหล็ก การก่อสร้าง และด้านการออกแบบงานสถาปัตยกรรม มาส่งเสริมศักยภาพงานอาคารและงานก่อสร้างด้วยระบบก่อสร้างสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอาคารเชิงพาณิชย์
      


ทั้งนี้ มีนายณภัทร ภาณุพิชิต (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ นายนนทพงษ์ ธีรานนท์ (ซ้าย) หัวหน้าหน่วยธุรกิจระบบอาคารสำเร็จรูป SSI และนางสาวสโรชา เทียมจิตรตรักษา (ที่ 2 จากขวา) Project Development BRD ร่วมงานดังกล่าว ณ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆ นี้

///////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

กฟผ. ขอความร่วมมืองดเผาไร่อ้อย และวัชพืช โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อความปลอดภัย ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากฝุ่น PM 2.5 และรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้า

นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เกษตรกรบางกลุ่มยังคงนิยมใช้วิธีเผาผลผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว หรือหลังเก็บเกี่ยว เพื่อลดเวลาและต้นทุนด้านแรงงาน ซึ่งก่อเกิดปัญหามลพิษด้านอากาศ ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ทัศนวิสัยในการเดินทางและการคมนาคมไม่ชัดเจน กฟผ. จึงขอความร่วมมืองดการจุดไฟเผาไร่อ้อย วัชพืช และตอซังข้าว โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงระบบไฟฟ้าของประเทศ เพราะควันและเขม่าจากการเผาอาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรสู่พื้นดิน เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งอาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวม และระบบเศรษฐกิจของประเทศ

สายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ กฟผ. ดูแลและรับผิดชอบ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้าของประเทศ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่แห่งพลังงานที่เชื่อมโยงกระแสไฟฟ้าจากระบบผลิตไปยังระบบจำหน่ายซึ่งรับผิดชอบโดยการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) โดยมีการปรับแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมก่อนส่งถึงผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนและทุกครัวเรือนต่อไป ดังนั้นสายส่งไฟฟ้าแรงสูงต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่ง กฟผ. มีการดูแลบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเป็นประจำเพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง

“กฟผ. ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้แนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง งดเผาไร่อ้อยและวัชพืชทุกชนิด และขอให้ร่วมกันดูแลสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ หากพบเหตุผิดปกติหรือไม่ปลอดภัยเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. โปรดแจ้งศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. โทร. 1416” นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ กล่าวย้ำในตอนท้าย

/////////////////////

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน 0649646443

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พระพลจอมแถ นำคณะแม่ชีเข้าพบเจ้าคณะจ.ยืนยันความบริสุทธิ์-ปกป้องศาสนา​ ภายหลังสำนักพุทธมีคำสั่งให้พ้นจากวัดภายใน7วัน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร วัดศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร พระครูวินัยธรอนุชา อธิปัญโญ หรือ พระพล อดีตเจ้าอาวาสวัดดานพระอินทร์ ได้นำพระภิกษุ แม่ชี และญาติโยม เดินทางมาเข้าพบ พระราชรัตนโมลี เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร

ภายหลังจากที่เกิดกรณีถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อออนไลน์เสนอข่าวว่ามีพฤติกรรมไม่สมควรแก่สมณวิสัย มีหลักฐานการสนทนาเชิงชู้สาวกับสีกา เป็นคลิปเสียงและการสื่อสาร ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ สร้างความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา และก่อนหน้านี้หญิงผู้เสียหายได้เดินทางมาให้การกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา

โดยที่ทางคณะเดินทางมาเข้าพบเจ้าคณะจังหวัดครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ได้มีกระแสข่าวว่า อาจจะมีคำสั่งให้แม่ชีทุกคนออกจากวัด จึงได้ร่วมกันเดินทางมาขอความเป็นธรรมจากเจ้าคณะจังหวัด โดยมีแม่ชีทยอยเดินทางมาสมทบเป็นจำนวนมาก ได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พระพลและคณะแม่ชีก็ทยอยเดินทางออกมาจากสำนักงานเจ้าคณะจังหวัด

พระพล กล่าวภายหลังจากที่ได้เข้าพบเจ้าคณะจังหวัดว่า เจ้าคณะจังหวัดได้บอกว่าท่านไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่จะให้แม่ชีออกจากวัดดานพระอินทร์ ท่านไม่เคยคิด และได้ให้คำแนะนำแก่คณะที่เข้าพบว่าต่อแต่นี้ไป ไม่ว่าจะเป็นพระหรือแม่ชีขอให้ อด-อัด-อุด บริสุทธิ์ด้วยธรรม ขณะที่หญิงผู้เสียหายได้เคยมาให้ข้อมูลกับเจ้าคณะจังหวัดเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ท่านจะดูจากข้อเท็จจริง ซึ่งความจริงก็คือความจริง

นางวาสนา โยมอุปฐากพระพล กล่าวว่า เรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นเพียงเรื่องที่มีการเล่าต่อๆ กันมา ขอทุกคนให้สบายใจได้ เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ นักข่าวก็ไม่รู้ แม่ก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่มีใครรู้ดีมากกว่าคนสองคน ส่วนเรื่องที่พระพล ถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์กับสีกาอีก 5 คน นั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน วันนี้ก็ได้มีแม่ชีก็มายืนยันแล้ว ทุกท่านก็มาแสดงความบริสุทธิ์ว่ามาปฎิบัติธรรม มุ่งมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ปกป้องพระพุทธศาสนาช่วยกัน

“อยากฝากไปถึงน้องผู้หญิงที่เป็นคู่กรณีกับพระพล ว่า ขอให้มีสติแล้วก็มาปกป้องศาสนาด้วยกัน ดีกว่าจะมาทำลายซึ่งกันและกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร” นางวาสนากล่าว

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /“ลุค เบซง” (แห่ง The Fifth Element, Taken, Transporter) เร็ว แรง ทะลุไทเป ต้อนรับตรุษจีน 29 มกราคมนี้

แชร์เนื้อหานี้

เตรียมดับเครื่องชนระทึกใจไปกับผลงานล่าสุดจาก “ลุค เบซง” (แห่ง The Fifth Element, Taken, Transporter) และนักแสดงเจ้าบทบาท “ลุค อีแวนส์” (จาก Dracula Untold)

เรื่องราวของอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติด และอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่ต้องกลับมาย้อนรอยความรักของทั้งคู่ในเมืองไทเป โดยที่ไม่รู้เลยว่าสถานที่แห่งนี้มีอันตรายอันเป็นผลลัพธ์จากการกระทำในอดีตของพวกเขาเฝ้ารออยู่

“Weekend in Taipei – เร็ว แรง ทะลุไทเป“ โดย Movie Copyright (Thailand) โปรแกรมยักษ์ต้อนรับตรุษจีน 29 มกราคมนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!!!

ตัวอย่างภาพยนตร์ฉบับภาษาไทย (Official Trailer Thai Version) : https://youtu.be/WqD5XItcI8k

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จเร.ตร.แห่งชาติ ลุยตัดวงจรบัญชีม้า ภัยความมั่นคงของชาติรูปแบบใหม่ เดินหน้าปิดบัญชีม้าทั่วประเทศ

แชร์เนื้อหานี้

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า วานนี้ (13 มกราคม 2568) ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พ.ต.อ.วรธัช วิชชุวาณิชย์ อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน , น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน , นายบัญชา มนูญกุลชัย ที่ปรึกษารองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน หารือแผนปราบการกระทำผิดทางการเงินครั้งใหญ่ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ในการโกงและขโมยทรัพยากรจากคนไทยจำนวนมหาศาล

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2565 มิจฉาชีพใช้บัญชีม้าในการปล้นทรัพยากรคนไทยไปมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยใช้ infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) ของประเทศไทย และไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการโยกย้ายเงินไปสู่
คริปโตเคอเรนซี นำเงินออกนอกประเทศไปให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งข้อมูลจากการประชุมเปิดเผยว่ามีคนเปิดบัญชีม้ากว่า 2 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในวัยทำงาน โดยมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ขาดแคลนแรงงานถึง 2 แสนคน ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีแนวโน้มที่อาจจะถูกออกหมายจับ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ภาคธนาคารต้องจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจของชาติได้รับผลกระทบหนักกว่านี้

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ที่จะปิดกั้นทุกช่องทางที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการหลอกลวงประชาชน โดยตัดช่องทางการใช้บัญชีม้าในการกระทำความผิด โดยในการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะไม่ยอมให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงประชาชนได้อีกต่อไป การปิดบัญชีม้าเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายชัดเจน และจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพภายใต้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ด้าน น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนร่วมกับ ศปอส.ตร. ในการกำหนดนโยบายและการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้คนร้ายใช้ช่องทางบัญชีธนาคารหลอกลวงคนไทยให้ตกเป็นเหยื่อจากกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอีกต่อไป

Senior Inspector General Takes Action Nonstop: Cutting Off “Mule Accounts,” a New Form of National Security Threat

Today (January 13, 2025) at 10:30 a.m., Police General Thatchai Pitaneelaboot, Senior Inspector General/Director of the Police Cyber Taskforce (PCT), along with Police Major General Attasit Sutsanguan, Deputy Commissioner of The Cyber Crime Investigation Bureau ; Police Major General Phongsiam Meekhantong, Deputy Commissioner of the Tourist Police; Police Major General Chusak Khananit, Commander of the Anti-Money Laundering Bureau; and Colonel Worrathat Wichuwanich, Superintendent of the Royal Thai Police Cadet Academy, held a meeting with the Bank of Thailand.

The meeting, led by Ms. Rung Mallikamas, Deputy Governor for Financial Institutions Stability; Ms. Daranee Saechu, Assistant Governor for Payment Systems Oversight and Consumer Protection; and Mr. Buncha Manungkunchai, Advisor to the Deputy Governor for Financial Institutions Stability, focused on strategizing a major crackdown on financial crimes. The goal is to close loopholes exploited by criminals to defraud Thai citizens and drain significant national resources.

Nationwide Shutdown of Mule Accounts

Currently, over 500,000 mule accounts are being used for scams, causing immense damage to Thailand’s economy. “We must close this loophole!” said Police General Thatchai, adding that since 2022, criminals have used mule accounts to steal over 100 billion baht from Thai citizens. These accounts have been used to channel money through Thailand’s financial infrastructure and transfer funds into cryptocurrency, ultimately moving money out of the country to call center gangs, which are often part of foreign organized crime networks.

The meeting revealed that over 200,000 people have opened mule accounts, most of whom are working-age individuals. This has resulted in a labor shortage of 200,000 workers in the Thai economy. Many of these account holders are likely to face arrest warrants. The banking sector must address this issue promptly to prevent further disruption to the national economy.

Operation “Breaking the Criminal Bridge”

This meeting also marked the launch of Operation “Breaking the Criminal Bridge,” aimed at cutting off all pathways used by call center gangs to deceive citizens. By eliminating the use of mule accounts for criminal activities, Police General Thatchai emphasized the importance of aligning with the policy of Prime Minister Paetongtarn Shinawatra.

“We will no longer allow call center gangs to deceive our citizens! Shutting down mule accounts is a targeted, decisive action that will be carried out swiftly and effectively through the collaboration of all sectors,” he stated.

Urgent Action from the Bank of Thailand

Ms. Rung Mallikamas, Deputy Governor of the Bank of Thailand, assured that the Bank would urgently collaborate with the Police Cyber Taskforce (PCT) to establish policies and solutions to prevent criminals from exploiting bank accounts. This initiative aims to protect Thai citizens from becoming victims of international organized crime groups.