เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / SME D Bank จัดอบรมสัมมนา“TikTok Shop” สร้าง Content กระตุ้นผู้ประกอบการรายย่อย SMEs ใช้โซเซียลเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมโรงแรมบีเคเพลส อ.เมือง จ.บึงกาฬ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมมือ หอการค้าจังหวัดบึงกาฬ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ สมาพันธ์ SMEsจังหวัดบึงกาฬ วิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)บึงกาฬ และ YEC จัดอบรมสัมมนา “TikTok Shop” สร้าง Content กระตุ้นผู้ประกอบการรายย่อย SMEs ใช้โซเซียลเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ โดยมี นายชาญวุฒิ ศรีเครือ คลังจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานพิธีเปิด

พร้อมด้วย นางสาวสิรีรัตน์ วิเชียรแก้ว สรรพากรพื้นที่บึงกาฬ นายวัชระ ศรีคัฒนพรหม รองผอ.ผู้จัดการเขตเขต 9 SMEBank นายบุญเพ็ง ลามคำ ประธานหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ นางสาวพชรธรณ์ ชาลี ผู้จัดการ ธพว.บึงกาฬ นางชลธร มณีขัติย์ ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ บึงกาฬ นายเอกชัย สิงห์บัณฑิต ผจก.ธนาคารกรุงเทพ บึงกาฬ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดบึงกาฬ นางกางวาร ทุ่งคำ ผจก.ธกส.บึงกาฬ ว่าที่ ร.ต.คมกฤษย์ เจนใจ ผจก.สนง.ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)บึงกาฬ นายอัมพร พรมเริงศักดิ์ ประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย จ.บึงกาฬ ผู้ประกอบการ นักศึกษา นักเรียน และผู้สนใจ ร่วมกิจกรรม

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น ภายใต้งาน “TikTok Shop สร้าง Content ยังไงให้ยอดขายทะลุเป้า” ให้กับผู้สนใจในจังหวัดบึงกาฬและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้มีโอกาสเติมเต็มความรู้การทำตลาดออนไลน์ TikTok มีอาจารย์สาทร อ่อนคำ ท่านเป็น TikTok Experts 2024 ของ TikTok Thailand ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาแนะนำเทคนิคต่างๆ ในวันนี้ อาทิหลักการตลาดสำหรับโลกออนไลน์และการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์บน TikTok รูปแบบของ Content วิดีโอสั้นสำหรับนธุรกิจ ธุรกิจ Affiliate การขายสินค้าแบบนายหน้า การหารายได้บน Tiktok Shop การผลิต Content วิดีโอสั้น การขายสินค้าของตัวเองให้เร็วและได้ผล เป็นต้น

ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจ สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น กระตุ้นยอดขาย สร้างรายได้ รวมถึงเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายทางธุรกิจในอนาคต นางสาวพชรธรณ์ ชาลี ผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank สาขาบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดอบรมสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ และผู้สนใจ นำไปใช้กับเครื่องมือทางการตลาดของ TikTok และสร้างคอนเทนต์ให้สินค้าของตัวเองเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง

ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจของผู้ประกอบการในจังหวัดบึงกาฬ ได้เติบโตและปรับตัวเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราเชื่อมั่นว่าการนำเสนอต้นทุนทางการเงินและความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีในธุรกิจนั้นเป็นโอกาสสำคัญแก่ผู้ประกอบการ และเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาธุรกิจแบบดั้งเดิมให้ก้าวไปสู่การใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความมั่นคงและความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ งาน.AsiaEntertainment Expo 2024 (AEE2024)หรือ (AACF2024) ที่ 15 ดาราเอวีตัวท็อปจากญี่ปุ่น

แชร์เนื้อหานี้

ผ่านพ้นไปแล้วกับงาน AsiaEntertainment Expo 2024 (AEE2024)หรือ (AACF2024) ที่ 15 ดาราเอวีตัวท็อปจากญี่ปุ่น ได้แก่ เรมุ ซูสุโมริ, ไซกะ คาวา
คิตะ, มายูกิ อิโตะ, มะนะ ซากุระ, ริริ นานะซีโมริ, มินาโมะ, เรน โกโจ, อายากะ
ยามางิชิ, ยูมิ ยาซึงาเกะ, ฮิบิกิ โอซีกิ, คาเรน ยุซริฮะ, มิซีริ นากาฮามะ, คานะ โมริ
ซาวะ, เรอิ คามิกิ เดินทางมาพบปะกับ แฟน ๆ ในไทย เป็นเวลา 2 วัน

23-24 พ.ย. ที่ผ่านมา ณ MIRACLE GRAND CONVENTION HOTEL โดยมีแฟนคลับทั้งไทย และ จากนานาชาติ เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น พร้อมกิจกรรมดี ๆ มากมาย เริ่มงานทั้ง 2 วัน ด้วยการเดินพรมแดงของ น้อง ๆ ทั้ง 15 คน ที่ให้เหล่าแฟนๆ ได้เจอ กับน้อง ๆ ถ่ายรูปถ่ายคลิป น้อง ๆ จะมา แนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จัก จากนั้นจะเป็น

ช่วงเวลาของกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น 1 on 1 Photo Time ที่ได้ถ่ายรูปคู่กับน้องๆ
,COSPLAY SHOW มี 3 ธีม ห้องเรียน, เมดคาเฟ่ และเรือนจำ ซึ่งทั้ง 15 สาว
จะเวียนกันเป็นรอบ ๆ ออกมาในชุดคอสเพลย์ ให้แฟน ๆ ได้ถ่ายภาพถ่ายคลิปวิดีโอกัน อย่างเต็มที่, Love Trip Limited Edition Blind Box

กลุ่มสุ่มรุ่น Love Trip ซึ่งจะได้ ลุ้นว่า จะได้รับการสารภาพรักจากน้อง ๆ
หรือ เดทกับน้อง ๆ แบบความสุข 2 เท่า และยังมีกิจกรรมพูดคุยบนเวที นำมาโดย
“เทพบุตรนิ้วทองคำ” คาโตะ ทากะ ตำนานดาราเอวีชายชื่อดังที่ปัจจุบันอายุ 65 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงและหล่อมาก รวม ทั้งมีน้อง ๆ ทั้ง 15 คน ที่วนเวียนกันขึ้นมา
พบปะแฟนพูดคุยกับแฟนๆ ในช่วง Happy Talking Time

นอกจากนั้น ยังมีสินค้าแรร์ไอเทมสุด พรีเมียม! จากซูเปอร์สตาร์สุดฮอต ที่มี
จำหน่ายภายในงาน AEE 2024 เท่านั้น ไม่ ว่าจะเป็น แก้วน้ำสุด Exclusive สกรีนลาย สาวสุดฮอต, หมอนอิงสุดนุ่มสกรีนลายสาว สุดฮอต, พวงกุญแจอะคริลิก, สติกเกอร์แม่ เหล็ก, สแตนดี้อะคริลิก, เสื้อสกรีนลาย สาว ๆ และโปสเตอร์สาว ๆ ทั้ง 15 คน

การจัดงาน AACF ครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อ ให้แฟน ๆ ได้พบปะกับดาราเอวีที่ตัวเองชื่น ชอบ อารมณ์ไม่แตกต่างกับงาน Meet and Greet ที่จัดขึ้นภายในกรอบที่ถูกต้องตามกฎหมายไทยและสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาร่วมงานครั้งนี้เกินกว่า 60% ซึ่งสร้างความสุขให้กับแฟน ๆ ที่ ได้มาหาดาราที่ตัวเองติดตามผลงาน ส่วน ตัวของศิลปินเอง ก็ได้รับพลังแรง
สนับสนุนจากคนที่เชียร์เธออยู่ ทำให้งาน อบอวลไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม

ถือเป็นอีกหนึ่ง Event Soft Power ที่สร้างรายได้เม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทย กับกิจกรรมหลากหลายมากมาย ที่ถ่ายทอดออกมา เป็นกิจกรรมสนุกสนาน ไม่ออกไปในทางที่เสื่อมเสียเลยแม้แต่น้อย หวังว่าคงจะมี จัดกิจกรรมแบบนี้ในปีต่อๆไปอื่นนะครับ

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ / มิสแกรนด์ประจวบฯ 2025 เข้าพบรองผู้ว่าราชฯ รอบไฟนอล 30 พ.ย. นี้ ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 27 พ.ย.67 ที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับคุณภาติยะ นิ่มน้อย ผู้ได้ลิขสิทธิ์ในการจัดกองประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025 นายทิวัตถ์ แจ่มสว่าง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะผู้จัดการประกวดฯ และผู้เข้าร่วมประกวดฯ 11 ท่าน โดยทางคณะผู้จัดการประกวดฯ

ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการค้นหาสาวงามที่จะเป็น ตัวแทนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปประกวดในเวที มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 เวทีประกวดสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีจุดประสงค์ในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ในการนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ให้โอวาทแก่คณะผู้จัดฯและผู้เข้าร่วมประกวดฯ ก่อนที่จะมีการจัดการประกวดขึ้น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกองประกวดฯ สำหรับการจัดประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025

เป็นการคัดเลือกสาวงามที่มีความเพียบพร้อมทั้งความงาม สุขภาพที่ดี มีสติปัญญา เพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดเดินทางไปประกวดเวทีระดับประเทศ โดยจะจัดการประกวดมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2025 รอบไฟนอลในวันที่ 30 พ.ย.67 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้น ที่ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน (Bluport Huahin) ไป ไฮไลท์ของงานเตรียมพบกับ “อิงฟ้า วราหะ” , “หลิน มาลิน” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ คนล่าสุด

//////////////

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ศึกมวยไทยวันลอยกระทงเขื่อนสียัดพัฒนา จัดโดย.อบต.ท่าตะเกียบ/และศึกรวมพลคนเขาบายศรี สามัคคีรวมใจต้านภัยยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

15 พฤศจิกายน 2567 ประธานเปิดงานการแข่งขันนายบุญมี บัวรุ่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบและนายสมศักดิ์ พรมภิบาล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบน้าแดงให้เกียรติคล้องพวงมาลัยเป็นกำลังใจให้กับนักมวยในศึกนี้ และชิงถ้วยรางวัลดุเดือดจาก

นายทวี สาธุชาติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบ และชิงถ้วยรางวัลไหว้ครูสวยงาม ศิลปะมวยไทยยอดเยี่ยม จากผู้ใหญ่แพง ศรีมณี และชิงถ้วยรางวัลชิงแชมป์จาก ท่านศิริพงษ์ รัศมี (อดีตสส. เขตหนองจอก ) ประกบคู่มวย

โดย ไพโรจน์ น้ำดื่มโชคปรีชา ผู้ใหญ่เเพง ศรีมณี ฟรีซ์ ระยองเอ๋ โชคปรีชา โขง ฉลามชัย ครูเจี๊ยบ ศึกนี้ชมฟรีตลอดงาน ณ.เวทีมวยชั่วคราว เขื่อนสียัดพัฒนา ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
เอ.คนข่าวรายงาน

ศึกรวมพลคนเขาบายศรี สามัคคีรวมใจต้านภัยยาเสพติด ประธานกล่าวเปิดงานการแข่งขัน

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ดร.พีระพงษ์ ไพรินทร์ และให้เกียรติคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวยทั้งคู่ สนับสนุนโดย รศ.ดร.ณัฐพงศ์ บุญเหลือ
คุณ นัทธี สุวรรณมาโจ คุณชัยพยัพ หอมกลิ่น PTT สงวนสิน
คุณสมจิตร แว่นแก้ว คุณกฤษ คุ้มพรรค์

นายกโก๊ะ ท่าทราย บูม เด็กเซียน คุณชัยยนต์ สมภูงา เสี่ยโห บางพลี แดง เขาทราย แซม บางบัวทอง ดร.ศรายุทธ แสนมี เสี่ยสมหมาย สกุลเมตตา เสี่ยชาย ทุ่งสง รายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันชกมวยศึกครั้งนี้ ณ.สนามมวยชั่วคราวข้างวัดเขาบายศรี ต.เขาบายศรี อ.ท่าไหม จ.จันทบุรี


เอ คนข่าวรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ เกษตรท่าวังผา น่าน มอบเมล็ดพันธุ์ผักให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย2567 / รมว.เอกนัฏ เปิดโร้ดแม็ป 3 ปี ดันไทย ฮับโกโก้แห่งอาเซียน

แชร์เนื้อหานี้

26 พฤศจิกายน 2567 นายสันติ มณีอ่อน เกษตรอำเภอท่าวังผา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และประธานชมรมศิษย์เก่าแม่โจ้จังหวัดน่าน ได้ส่งมอบเมล็ดพันธุ์ผักและกล้าผัก ภายใต้โครงการผลิตพืชพันธุ์ดีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติของกรมส่งเสริมการเกษตร และภายใต้โครงการเมล็ดพันธุ์แห่งความดี ชุบชีวีหลังน้ำลด ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย

บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย มูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยแม่โจ้ สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และชมรมศิษย์เก่าแม่โจ้จังหวัดน่าน ให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย (น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม) ด้านพืช เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 อำเภอท่าวังผา 10 ตำบล 54 หมู่บ้าน เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 645 ราย ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์ผัก จำนวน 6 ชนิด

ได้แก่ เมล็ดถั่วฝักยาว เมล็ดผักคะน้าลูกผสม เมล็ดพริกขี้หนูลูกผสม เมล็ดผักกาดขาวปลีลูกผสม เมล็ดผักกวางตุ้งต้นลูกผสม และเมล็ดมะเขือเปราะพวงหยกจักรพันธ์ และกล้าผักในถาดหลุม จำนวน 6 ชนิด ประกอบด้วย กล้าถั่วพู กล้ากะหล่ำปลี กล้ามะเขือเทศ กล้าพริกใหญ่ กล้าพริกชี้ฟ้า และมะเขือเปราะเจ้าพระยา/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

รมว.เอกนัฏ เปิดโร้ดแม็ป 3 ปี ดันไทย ฮับโกโก้แห่งอาเซียน เชื่อมท่องเที่ยวด้วยซอฟต์พาวเวอร์โชว์ศักยภาพ “ดีพร้อม” ยกระดับผู้ประกอบการโกโก้สู่สินค้า GI โกยรายได้เพิ่มอีก 8 พันล้านบาท

ค่ำวานนี้ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.30 น. ณ ร้าน โกโก้ วัลเลย์ คาเฟ่ ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำผู้บริหารจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมติดตามความสำเร็จการส่งเสริมอุตสาหกรรมโกโก้ในพื้นที่จังหวัดน่าน

เพื่อเร่งเดินหน้าประเทศไทยสู่ฮับโกโก้ของอาเซียน สนองยุทธศาสตร์ผู้นำแหล่งผลิตและตลาดผลไม้เมืองร้อนของรัฐบาล โดยมีแผนระยะ 3 ปี เชื่อมโยงกับซอฟต์พาวเวอร์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) รุกพัฒนาผู้ประกอบการโกโก้ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านการพัฒนาในแต่ละภูมิภาคก้าวสู่การเป็นสินค้า GI เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์ของท้องถิ่นที่เน้นความโดดเด่นในเชิงคุณภาพ และอัตลักษณ์ทางรสชาติ ด้วยการพัฒนาความรู้ เทคโนโลยี และมาตรฐานต่าง ๆ

คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจอีกกว่า 8 พันล้านบาท พร้อมชูต้นแบบความสำเร็จ โกโก้วัลเล่ย์ ธุรกิจโกโก้ครบวงจรตั้งแต่การปลูก แปรรูป การสร้างแบรนด์ และแหล่งท่องเที่ยว สามารถสร้างรายได้ให้ครัวเรือนโดยรอบกว่า 300 ครัวเรือน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” พร้อมมุ่งสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน และมุ่งเซฟอุตสาหกรรมไทยที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมอยู่คู่กับชุมชน

เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการสร้างรายได้และเป็นการกระจายมูลค่าเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะ “เกษตรอุตสาหกรรม” ซึ่งเกษตรกรไทยมีศักยภาพและมีการเพาะปลูกในทุกภูมิภาค โดยจะมุ่งสนับสนุนทั้งพืชเศรษฐกิจเดิม และพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โกโก้ ที่สามารถสร้างมูลค่าตั้งแต่ผลสด เมล็ดแห้ง และการแปรรูปเป็นสินค้าสร้างสรรค์ อีกทั้งยังพบว่าตั้งแต่โกโก้เริ่มได้รับความนิยมในไทย ยังเป็นแรงจูงใจในหลายด้าน เช่น โมเดลธุรกิจคาเฟ่ ท่องเที่ยว คนรุ่นใหม่ที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการเกษตร พร้อมนี้รมว.อุตสาหกรรมได้เวิร์คช็อปการผลิตช็อคโกแลตจากโกๆอีกด้วย
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM)

ได้กำหนดให้จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ต้นแบบการปลูกโกโก้ทั่วประเทศภายใต้แนวคิด “น่านโมเดล” โดยมุ่งหวังสร้างความนิยมการปลูกพันธุ์โกโก้น่าน 133 ที่เป็นสินค้า GI โดยการเพิ่มจำนวนพื้นที่เพาะปลูกและจำนวนผู้ประกอบการ สร้างต้นแบบธุรกิจ หรือดีพร้อมฮีโร่ขึ้น โดยมีผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คือโกโก้วัลเลย์ (Cocoa Valley) ต้นแบบธุรกิจโกโก้ครบวงจรของน่านที่มีศักยภาพตั้งแต่การปลูก แปรรูปจนถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จากการเข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมต้นแบบอัจฉริยะ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่พร้อมเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโลก โดยทุกวันนี้โกโก้วัลเลย์ ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของจังหวัดน่าน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบโกโก้และช็อกโกแลต และขณะเดียวกันธุรกิจนี้ยังได้ส่งต่อความรู้การปลูกโกโก้ให้กับเกษตรกรในชุมชน สร้างรายได้ และผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนโดยรอบมากกว่า 300 ชุมชน เช่น กลุ่มขายผลสดโกโก้ กลุ่มชนเผ่า กลุ่มย้อมผ้า ทำให้คนในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีการพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกโกโก้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร และสปา เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ได้สอดรับกับความต้องการตลาด เช่น เครื่องสำอาง เครื่องดื่มสำเร็จรูป คราฟท์ช็อกโกแลต/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์ / เมืองพัทยาประชุมเตรียมจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week & The Way Life Never War 2025/ตลาดผ้ามือสองพัทยาคึกคัก ไทย-เทศแห่ช้อปปิ้งรับอากาศหนาว/เปิดแล้ว KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมน อร่อยไฟลุก! เจ้าแรกในพัทยา

แชร์เนื้อหานี้

เวลา 13.30 น. วันที่ 25 พ.ย.67 ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมพิจารณา พื้นที่การจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week & The Way Life Never War 2025 โดยมี นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายประสาร นิกะจิ๊ นายกสมาคมบูรพามอเตอร์ไซค์เคิลคลับ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือเตรียมความพร้อมจัดงาน

เมืองพัทยาร่วมกับสมาคมบูรพามอเตอร์ไซค์เคิลคลับ นำโดยนายประสาร นิกะจิ๊ นายกสมาคมฯ เตรียมจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week & The Way Life Never War 2025 ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. 2568 ที่บริเวณสวนสาธารณะ ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก ซอยชัยพฤกษ์ 2 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองพัทยา

ทั้งนี้ ในการประชุมได้พูดคุยในเรื่องของการจัดสถานที่จอดรถที่ต้องมีความปลอดภัย ดูแลได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากแต่ละปีทีพี่น้องชาวไบเกอร์เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องช่วยกันดูแลไม่ทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแต่ละปีได้รับความร่วมมือที่ดีจากพี่น้องชาวไบเกอร์และผู้ร่วมงานเป็นอย่างดี

เมืองพัทยาจัดอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ประจำปี 2568

วันที่ 26 พ.ย.67 ที่โรงแรมแกรนด์เบลล่า พัทยา จ.ชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีจัดอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ประจำปี 2568 โดยมีสมาชิกสภาเมืองพัทยา วิทยากร สื่อมวลชนและผู้เข้ารับการอบรมรวม 80 คน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

การอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ประจำปี 2568 ในครั้งนี้ ฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ส่วนพัฒนาชุมชนและส่งเสริมอาชีพ สำนักสวัสดิการสังคม โดยจัดการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และงานบริการสู่สากล” ให้แก่กลุ่มอาชีพ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่ม Pattaya Brand และผู้ประกอบการรายย่อยเมืองพัทยา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.67 โดยวิธีการบูรณาการร่วมกับภาครัฐและเอกชน

จัดอบรมให้ความรู้ รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบริหารจัดการธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และงานบริการ ด้วยทุนทางวัฒนธรมและภูมิปัญญาถึงอัตลักษณ์ของพื้นที่ เพื่อต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจ มีคุณภาพ มีมาตรฐานสร้างมูลค่าระดับสู่สากล สามารถเข้าสู่ตลาดการค้าภายในประเทศ และขยายสู่ตลาดการค้าระดับโลกได้ เป็นการสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง นำไปสู่การสร้างสรรค์เศรษฐกิจชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ต้นแบบรับการรับรองผลิตภัณฑ์ผ่านตราสัญลักษณ์ EEC Select 2025 และจะได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ยกระดับสู่สากล มีช่องทางการจัดจำหน่ายในมิติต่างๆ ร่วมกับเครือข่ายทั้งในระดับภูมิภาค ประเทศ และระดับนานาชาติที่เข้มแข็ง อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันศักยภาพพื้นที่ในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้ การอบรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนวิทยากรจาก ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9, อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี, สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก, EEC Select , EEC Connext และกลุ่มอาชีพต้นแบบจากพนัสนิคม

ตลาดผ้ามือสองพัทยาคึกคัก ไทย-เทศแห่ช้อปปิ้งรับอากาศหนาว

ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศในเขตพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก จากผลกระทบมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มเคลื่อนผ่านอ่าวไทย และเข้าสู่ฤดูหนาวประจำปี 2567 อย่างเป็นทางการ

วันที่ 26 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บริเวณตลาดแกรนด์ฮอล์ พัทยาใต้ ซึ่งเป็นตลาดสินค้ามือหนึ่งและมือสองที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา พบว่าเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้มาใช้บริการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

ทั้งนี้ พบว่าในส่วนของพื้นที่จำหน่ายเสื้อแขนยาว เสื้อคลุมและผ้าห่มมือสองมีผู้เข้าไปเลือกหาและเตรียมเครื่องนุ่งห่มไว้ใช้คลายหนาวในช่วงนี้ซึ่งอากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ กันตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าสินค้าประเภทดังกล่าวมีรายได้ขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวในระดับที่น่าพอใจ

เปิดแล้ว KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมน อร่อยไฟลุก! เจ้าแรกในพัทยา

นายวิเชียร โอซาว่า หรือ “นาย” เจ้าของแบรนด์ร้าน KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมน เล่าว่า เริ่มต้นจากความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอรสชาติ และวัฒนธรรมสไตล์ต้นตำหรับขนานแท้จากญี่ปุ่น ในแบบที่แตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปในเมืองพัทยา เพราะกลางร้านมีโซนโต๊ะนั่งแบบเคาน์เตอร์ จะได้เห็นฝีมือของเชฟผู้มากประสบการณ์ ในการควงตะหลิว พ่นไฟ ปรุงอาหารกันแบบสดๆ อย่างพิถีพิถัน เพื่อเพิ่มอรรถรส และแสดงความสดของอาหาร ในการนำมาปรุงแต่ละเมนู

ซิกเนเจอร์ของร้าน จะเป็นอาหารที่ปรุงจากเตาเทปปันทั้งหมด อาทิเช่น โทริไฟเออร์ เนื้อไก่คัดสรรสุดพิเศษ ผัดกับพริกแดง รสชาติจัดจ้าน เอาใจคนชอบเผ็ด ที่สำคัญมีการโชว์ ไฟเออร์ ตื่นตาตื่นใจ ต่อมาเป็น โมยาชิไฟเออร์หมู, ฟูจิยามะ ชิริโทริยากิหมู,โอโคโนมิยากิ คะชะคะชะ สไตล์, โทโรทามะยากิ และอาหารอื่นๆมากกว่า 100 เมนู ให้เลือกสั่งมาลิ้มลองในราคาเริ่มต้นที่ 100 บาท

สำหรับบรรยากาศของร้านตกแต่งสไตส์ญี่ปุ่นตั้งแต่ภายนอกร้าน เมื่อเข้าไปจะได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับเสียงดังฟังชัดทุกคน มีทั้งโซนนั่ง เคาน์เตอร์, โซนโต๊ะนั่งทั่วไป หรือโซน VIP ที่นั่งได้ 8 คนเป็นห้องที่มีโต๊ะนั่งบนเบาะหย่อนขาลงไปได้แบบสบายๆ ผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ต้องไม่ควรพลาด

ร้าน KACHA KACHA เทปปันยากิ ฮอร์โมนตั้งอยู่ ติดกับถนนพัทยากลาง บริเวณทางลงสามแยกชายหาดพัทยากลาง เปิดให้บริการทุกวันตั้งเปิดทำการ 16.00 น. ถึง 23.00 น. ติดตามโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ KACHA KACHA หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร. 084-686-5555

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/นายกพัทยาโชว์เจ๋ง! นำทีมเปิดตัวสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ – ตรวจวัดค่าระดับเสียง/เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาโฉมใหม่ ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตื่นตาพลุนานาชาติ 4 หมื่นนัด

แชร์เนื้อหานี้

นายกพัทยาโชว์เจ๋ง! นำทีมเปิดตัวสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ – ตรวจวัดค่าระดับเสียง ชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile เฝ้าระวังสภาพปัญหามลพิษทางอากาศยกระดับความห่วงใยนักท่องเที่ยว

ช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ย. 67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมรองนายกเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา และผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ริมชายหาดพัทยา เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ – ตรวจวัดค่าระดับเสียง ชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile เพื่อเฝ้าระวังสภาพปัญหามลพิษทางอากาศ

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ให้ข้อมูลว่า ในปัจจุบันสถานการณ์มลพิษทางอากาศนับเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆ ของประเทศโดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ และมีปริมาณสูงมากในอากาศจนดูคล้ายกับมีหมอกหรือควันลอยอยู่ในอากาศตลอดเวลา การรับสัมผัส PM2.5 ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพของประชาชนและอาจนำไปสู่สาเหตุการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ ปอด ผิวหนัง และกระแสเลือดได้

เมืองพัทยาได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบสภาพปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น อันเห็นได้ชัดเจนจากการประกาศนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่มั่งคั่งภายใต้การมุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม ผู้บริหารเมืองพัทยาจึงได้อนุมัติงบประมาณสำหรับดำเนินการจ้างเหมาตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบสภาพปัญหามลพิษทางอากาศ ด้วยวิธีตามมาตรฐานของค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI)

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของเมืองพัทยา จำนวน 1 สถานี ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท แยกพัทยากลาง ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมพื้นที่เมืองพัทยาด้วยเป็นสถานีแบบติดตั้งถาวร หากเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤตมีปรากฏการณ์ Smog ประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยาเกิดความวิตกกังวลและอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพและการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันรวมถึงการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการเฝ้าระวังสถานการณ์และคลายความวิตกกังวลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

เมืองพัทยาจึงมีนโยบายเพิ่มสถานีตรวจวัดอากาศ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในเมืองพัทยา ด้วยสถานีตรวจวัดอากาศชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile จำนวน 1 สถานี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยจะเคลื่อนย้ายทุกๆ 15 วัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขีดความสามารถในการปฏิบัติงานได้สะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ โดยผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถตรวจวัดระดับมลพิษทางอากาศและเสียง พร้อมแสดงผลการตรวจวัดได้แบบ Real Time Monitoring บนจอแสดงผล LED ประจำสถานีตรวจวัดอากาศชนิดเคลื่อนย้าย Trailer Mobile และสามารถสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อมของเมืองพัทยาให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

โดยจะได้มีการรายงานผลการตรวจวัดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ PRPATTAYA เป็นประจำทุกวัน และเว็บไซต์เมืองพัทยา https://pattaya.go.th แบบ Real Time Monitoring เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังสภาพปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น และเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและการแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นได้ต่อไปเช่นกัน

ทีเส็บดันสุดจัดเต็ม! เผยเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาโฉมใหม่ ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตื่นตาพลุนานาชาติ 4 หมื่นนัด

งานเทศกาลพลุเมืองพัทยา จากจุดเริ่มตื่นต้นระดับเมืองที่ร่วมคิดร่วมทำกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนเมืองพัทยา ด้วยประสบการณ์ ความสร้างสรรค์ และการต่อยอดกิจกรรมต่างๆ จากอดีต จนปัจจุบันถูกยกระดับเติบโตอย่างก้าวกระโดดส่งานระดับนานาชาติ ภายใต้ชื่อ “งานเทศกาลพลนานาชาติเมืองพัทยา” งานที่ไม่ได้เป็นเพียงความภาคภูมิใจของชาวเมืองพัทยาเท่านั้น หากแต่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ

“เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2554 และได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่าวประเทศเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี จนปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานจากทุกมุมโลกรวมทั้งสิ้งสิ้นกว่า 275,000 คน มีร้านค้าร่วมออกร้านกว่า 250 ราย สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 2,261 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น กระตุ้นและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเมืองพัทยาอย่างยั่งยืน” ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวจากงานระดับเมือง เดินหน้าสู่งานระดับประประเทศ และยกระดับขึ้นสู่การเป็นงานระดับนานาชาติ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ให้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกองค์กรทุกภาคส่วน โดยหนึ่งในองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการเข้าร่วมยกระดับงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยานั่นก็คือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ”

โดยสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคกลางได้ร่วมคิดร่วมพัฒนาผลักดันส่งงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาเข้าประกวดจนได้รับรางวัลระดับโลก ภายใต้ชื่อรางวัล IFEA/Haas & Wilkerson Pinnacle Awards ในประเภท Best Emergency Preparedness & Risk Management Plan ระดับโกลด์ ประจำปี 2024 ทีเส็บสำนักฯภาคกลางได้ร่วมกับเมืองพัทยา ในการดำเนินงานส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์เมืองพัทยา ในฐานะไมซ์ซิตี้หนึ่งเดียวของภาคตะวันออก เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและยกระดับงานเทศกาลศักยภาพพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ภายใต้โต้โครงการที่เรียกว่า MICE Flagship Events ซึ่งเป็นการยกระดับงานเทศกาลขึ้นสู่ระดับนานาชาติ งานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORK FESTIVAL) นับเป็นหนึ่งในงานเด่นในไมซ์ซิตี้ (Flagship Event)
ที่ได้ยกระดับสู่งานเทศกาลระดับนานาชาติ และได้สร้างชื่อเสียงการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับเมืองพัทยาอย่างต่อเนื่อง

คาดว่างานนี้จะดึงผู้เข้าชมงานหลากหลายกลุ่มจากต่างประเทศและในประเทศได้เพิ่มขึ้น และยังเป็นงานที่ส่งเสริมภาพลักษณ์เมืองพัทยา ในฐานะเมืองที่มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพงานระดับนานชาติ รวมถึงสนับสนุนการบูรณาการการทำงานร่วมกันกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาให้เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองไมซ์ระดับโลก ดร.สุรัชสาห์ ทองมี ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า ที่ผ่านมา งานพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORK FESTIVAL) ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยการคว้ารางวัล Asia Festival City 2024 จากสมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ (International Festivals & Events Association 198 FEA) เป็นรางวัลสำหรับเมืองที่จัดงานระดับเอเชีย 3 ปีซ้อน และได้รางวัลระดับโกลด์ “2024 IFEAVHAAS&WILKERSON PINNACLE AWARDS COMPETITION” ในประเภท Best Emergency Preparedness & Risk Management Plan ซึ่งเป็นงานระดับโลกของ IFEA World”

ไม่หยุดเพียงแค่นั้น สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคกลาง ยังร่วมกับเมืองพัทยาอย่างต่อเนื่อง ในการพลิกโฉมใหม่ให้กับงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา เพื่อการสร้างความจดจำ สะท้อนอัตลัตลักษณ์ของงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 นี้ “ทีเส็บ ได้ดำเนินการในจัดทำแผนงานกลยุทธ์การตลาดและประชาสัมพันธ์ในระยะ 3 ปี และออกแบบอัตลักษณ์งานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORKS FESTIVAL) เพื่อทำให้เกิดภาพจำ และยกระดับการจัดงานเทศกาลสู่ระดับนานาชาติ ให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม เสริมสร้างให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนโดยอัตลักษณ์ของงานเทศกาลพลุนานาชาติใหม่นี้จะเริ่มใช้ในปี 2567 อันจะเป็นการสร้างความรับรู้และเป็นที่จดจำในฐานะที่เป็นงานเทศกาลระดับโลกอีกด้วย ภายใต้การทำงานของทีเส็บที่มุ่งเน้นให้เกิดการสร้าง Festival Design ซึ่งเป็นกลยุทธ์การสร้างงานเทศกาลที่ดึงเนื้อหา (Content) ผนวกกับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เข้ามาเป็นส่วนเสริม เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางด้านการตลาดทำให้เกิดความน่าสนใจและภาพจำที่มากขึ้นในระดับนานาชาติ” ดร.สุรัชสาน์ ทองมี กล่าว

และในปีนี้ คาดว่าทุกคนจะได้เห็นงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาที่มีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ทั้งแสง สี เสียง และที่ขาดไม่ได้ สีสันของพลุหลายหมื่นนัดจะกลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้ง โดยปีนี้จะมีคอนเสิร์ตและการแสดงสนุกๆ เช่นเดิม พร้อมพลุตระการตากว่า 40,000 นัด ทั้งจากประเทศไทยและจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเซอร์เบีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง เยอรมัน และอังกฤษ”ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานเทศกาลพลุนานาชาติกันให้มากๆ ซึ่งมั่นใจได้เรื่องความปลอดภัย ทางเมืองพัทยาร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาสาสมัครจากหลายภาคส่วนร่วมวางแผนเตรียมต้อนรับผู้เข้าร่วม ให้มีความปลอดภัยสูงสุด เหมาะสมกับรางวัล Best Emmergency Preparedness & Risk Management Plan ที่เพิ่งได้มา” นายกเมืองพัทยา กล่าวทิ้งท้าย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เทศกิจเมืองมุกดาหาร เอาจริง จับปรับรถบรรทุกหินสร้างเขื่อน/ผบ.มทบ.210/รอง ผบ.นบ.ยส.24 (2) ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานมอบนโยบาย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน​ 2567​ ภายใต้การอำนวยการของนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้สั่งการให้ นายณัชยุทธ อินไชยา นักจัดการเทศกิจชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ เทศบาลเมืองมุกดาหาร ออกตรวจตราตรวจสอบเหตุรถบรรทุกหิน ดิน ทราย ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ตามนโยบายของรัฐบาลและหนังสือสั่งการของจังหวัดมุกดาหารที่แจ้งมายังเทศบาลเมืองมุกดาหาร ให้แก้ไขปัญหาเรื่องรถบรรทุกไม่มีวัสดุปกคลุมสิ่งของระหว่างขนส่ง

ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ขับรถยนต์ออกตรวจตามาถึงบริเวณสี่แยกคำสายทอง ถนนมุกสุวรรณรักษ์ (วงแหวนรอบใน) พบรถกึ่งพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-8919 อุบลราชธานี บรรทุกหินใหญ่จำนวนมากจนล้นขึ้นมาเหนือขอบกระบะอย่างเห็นได้ชัดเจนโดยไม่มีผ้าใบคลุมทับ จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ นายสาโรจน์ สงวนจีน คนขับรถบรรทุกให้การว่าขับรถบรรทุกขนหินใหญ่มาจากอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี และ

จะนำไปลงที่บริเวณจุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งตำบลบางทรายน้อย อำเภออำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร และยอมรับว่าไม่ได้ใช้ผ้าใบคลุมทับหินที่กระบะรถจริง เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง มาตรา 55 ขับขี่รถซึ่งบรรทุกหิน และวัตถุดังกล่าวได้ตก หล่น ปลิว ฟุ้งกระจาย ลงบนถนน เปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท

อนึ่ง มีข้อน่าสังเกตว่าหากเป็นการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกผู้ประกอบการมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท และนายทะเบียนอาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนคนขับมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ส่วนรถบรรทุกน้ำ

หนักเกินตามที่กฎหมายกำหนดความผิดตามพระราชบัญญัติทางหลวง กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่กลับไม่ปรากฏว่าหน่วยงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร แขวงทางหลวงมุกดาหาร และแขวงทางหลวงชนบทมุกดาหาร ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแต่อย่างใด

กรมการขนส่ง #กรมทางหลวง #กรมทางหลวงชนบท #จังหวัดมุกดาหาร #เทศบาลตำบลนาสีนวน #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น #รถบรรทุกหนักเกินกฎหมายกำหนด #รถบรรทุกไม่มีผ้าใบคลุมทับสินค้า

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

ผบ.มทบ.210/รอง ผบ.นบ.ยส.24 (2) ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานมอบนโยบาย ข้อสั่งการ และข้อเน้นย้ำ แนวทางการปฏิบัติงานของหน่วย นบ.ยส.24

​ที่ห้องประชุม หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี ฉัฐชัย มีชั้นช่วง รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)

โดยได้รับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงาน สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ในห้วง ที่ผ่านมา พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อสั่งการ และข้อเน้นย้ำ แนวทางการปฏิบัติงาน รวมถึงรับทราบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ เพื่อกำหนดแนวทางการบูรณาการในการพัฒนาความร่วมมือด้านการข่าวในพื้นที่รับผิดชอบสู่แผนการปฏิบัติ พร้อมทั้งให้กำลังใจกับกำลังพลที่เสียสละในการปฏิบัติงานต่อไป

โดยมี พันเอก ศรณณัฐ นวลมณี รองผู้อำนวยการส่วนบัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (รอง ผอ.ส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24 (5)) พร้อมด้วยส่วนอำนวยการ นบ.ยส.24 ให้การต้อนรับ​ ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เรื่อง กำหนดพื้นที่ที่มีความเร่งด่วนจำเป็นเร่งด่วน และผู้รับผิดชอบเพื่อสกัดกั้น ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด

ปีงบประมาณ 2568 ซึ่งมอบให้กองทัพภาคที่ 2 จัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปราม และยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) รับภารกิจในการกัดกั้น ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด และแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 25 อำเภอชายแดนของ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย, จังหวัดหนองคาย, จังหวัดบึงกาฬ, จังหวัดนครพนม, จังหวัดมุกดาหาร, จังหวัดอำนาจเจริญ, จังหวัดอุบลราชธานี

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) กล่าวว่าในห้วงที่ผ่านมา มีสถิติการจับกุมตรวจยึดยาเสพติดของ นบ.ยส.24 ภายใน 57 วัน จับกุมผู้ต้องหาเย้ยอำนาจรัฐ จำนวน 321 คน สกัดกั้นตรวจยึดยาบ้า จำนวน 24,647,483 เม็ด ยาไอซ์ 1,193.548 กิโลกรัม เฮโรอีน 91.83 กิโลกรัม เคตามีน 3.79 กิโลกรัม ยาอี 6 กิโลกรัม ฝิ่น 0.66 กิโลกรัม

ภาพ/ข่าว : นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

‘รักษ์มุกดาหาร’ร้องผู้ว่าฯ ตรวจสอบ 157 -จริยธรรม ขนส่ง ทางหลวง เทศบาล กรณีละเว้นรถหิน-กรวด-ทราย บรรทุกหนัก เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567​ ร้อยตำรวจตรี สุเทียน ทองโสม ประธานชมรมรักมุกดาหาร ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และประมวลจริยธรรม ที่ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร

สืบเนื่องจากในห้วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 มีรถบรรทุกหิน กรวด และทราย ซึ่งคาด ว่าเป็นรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและไม่มีผ้าใบปิดคลุม อันเป็นการกระทำผิดกฎหมาย วิ่ง ผ่านถนนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลนาสีนวน องค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ไทร เทศบาลเมืองมุกดาหาร เทศบาลตำบลบางทรายใหญ่ เทศบาลตำบลบางทรายน้อย เทศบาลตำบลชะโนด และเทศบาลตำบลหว้าน ใหญ่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2034 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 238 (ทางเลี่ยงเมืองมุกดาหาร) ถนน มุกสุวรรณรักษ์

ทางหลวงชนบทหมายเลข มห 4023 (ตาคแคน-หนองหอย) ก่อให้เกิดฝุ่นละอองเป็น จํานวนมากทําให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางหลวงและทางสาธารณะ ทําให้เกิดความไม่ปลอดภัยและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทำให้ภาครัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากมาดำเนินการซ่อมแซมและบำรุงรักษา โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทํางานเชิงรุก หมั่นตรวจตรากวดขัน และบังคับใช้กฎหมายในเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ไม่มีผ้าใบปิดคลุมอย่างจริงจังต่อเนื่อง

ดังนั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด อันเป็นการป้องกันภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับ ประชาชนและสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน และเพื่อป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการทุจริต จึงขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลนาสีนวน องค์การบริหารส่วน ตำบลโพธิ์ไทร เทศบาลเมืองมุกดาหาร เทศบาลตำบลบางทรายใหญ่ เทศบาลตำบลบางทรายน้อย เทศบาล ตำบลชะโนด และเทศบาลตำบลหว้านใหญ่ ขนส่งจังหวัดมุกดาหาร แขวงทางหลวงมุกดาหาร แขวงทาง หลวงชนบทมุกดาหาร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ว่าได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ มีการกระทำ ความผิดต่อ แหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่

มีการกระทําความผิดวินัย ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติงานรวดเร็วทันต่อเวลาและ สถานการณ์ ไม่ทำงานเป็นแบบอย่างด้วยการเป็นข้าราชการที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ ปฏิบัติตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน หรือไม่”ทั้งนี้ หากหน่วยงานดังกล่าวข้างต้นยังคงเพิกเฉยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อยู่อีก ตนจะยื่นร้องเรียนต่อกระทรวงต้นสังกัดของหน่วยงานนั้นๆ สำนักงาน ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการทางวินัยและคดีอาญาต่อไป” ร้อยตำรวจตรี สุเทียน กล่าว

ศูนย์ข่าวมุกดาหารรถบรรทุกหนักเกินกฎหมายกำหนด #รถบรรทุกไม่คลุมผ้าใบ #จังหวัดมุกดาหาร #กรมการขนส่ง #กรมทางหลวง #กรมทางหลวงชนบท #กระทรวงคมนาคม #กระทรวงมหาดไทย

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / บ้านเอื้ออาทร จัดงาน “วันสถาปนากองทุนแม่ของแผ่นดิน” ประจำปี 2567

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 น. ที่ ชุมชนเมืองย่อยที่ 19 (บ้านเอื้ออาทร) ตำบลสระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว นางจริยาภรณ์ ดลทรัพย์ ประธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน

ชุมชนเมืองย่อยที่ 19 (บ้านเอื้ออาทร) เป็นประธานการเปิดงานวันสถาปนากองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2567 โดยมี นายชัยเวช ประวัติดี ประธานชุมชนเมืองย่อยที่ 19 (บ้านเอื้ออาทร) พร้อมด้วยคณะกรรมการ ชุมชนฯและประชาชนเข้าร่วมงานในครั้งนี้

โดยบรรยากาศ มีการฟ้อนรำอวยพร 4 ภาค กองทุนแม่ของแผ่นดิน และ ฟ้อนรำเชิญเที่ยวจังหวัดสระแก้ว โดยทีมชุดการแสดงมาจาก บ้านหนองกะพ้อ ชุมชนเมืองย่อยที่ 21 นำทีมโดย นางฐิติรัตน์ สักยะพรต (ครูปู)

นางจริยาภรณ์ ดลทรัพย์ ประธานกองทุนแม่ฯ กล่าวว่า สำหรับการจัดงานวันสถาปนากองทุนแม่ของแผ่นดิน เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมร่วมกันแสดงพลังความสามัคคี ถวายความจงรักภักดี

เพื่อสืบสานพระราชปณิธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ และเข้าใจถึงประวัติความเป็นมาของการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน รวมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกองทุนแม่ของแผ่นดิน (บ้านเอื้ออาทร) ชุมชนเมืองย่อยที่ 19

สมาคมสื่อสร้างสรรค์ เพื่อสังคม จัดกิจกรรม “ต้านภัยหนาวให้กับเด็ก และ เยาวชน ในพื้นที่ประสบภัย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10:00 น. สมาคมสื่อสร้างสรรค์ เพื่อสังคม นำโดย นายอภิรัฐ กุนกันไชย นายกสมาคมสื่อสร้างสรรค์ เพื่อสังคม ที่ปรึกษา สมาชิกวุฒิสภา ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ ที่ปรึกษา ประธานอนุกรรมมาธิการกิจการด้านทหารวุฒิสภา

จัดกิจกรรม ภายใต้โครงการ “แผ่นดินเดียวกัน” ที่หมู่บ้านดอยแหลม หมู่ที่ 13 ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ณ คริสตจักรบ้านดอยแหลม มอบเสื้อกันหนาว เครื่อง อุปโภคบริโภค จำนวนหลายรายการ ให้กับเด็ก จำนวน 40 คน และครอบครัว ร่วมกับผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาและกลุ่มอาสาเมตตาบารมีอีกด้วย.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รถตู้ป้ายแดงกลับจากส่งผู้ป่วยไปรักษาตัวนครปฐม ชนท้ายรถเทรนเลอร์ เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 1 ราย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 02.10 น.วันที่ 24 พ.ย.67 พ.ต.ท.จักราวุธ กลางคาร สารวัตรสอบสวน สภ.ห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถตู้ชนท้ายรถบรรทุกมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ ช่วงระหว่าง หลัก กม.ที่ 330-331 หมู่ที่ 12 บ้านคลองหินจวง ต.ห้วยยาง จีงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานอำเภอทับสะแก หน่วยกู้ชีพและกู้ภัย อบต.ห้วยยาง รุดไปตรวจสอบและช่วยเหลือผู้ระสบอุบัติเหตุ

ที่เกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้า ป้ายแดง ทะเบียน ก-0650 ชุมพร กำลังจะเดินทางไป จ.ชุมพร ชนท้ายรถบรรทุกเทรนเลอร์ ทะเบียนตัวแม่ 71-9704 ตัวพ่วง 82-1796 บรรทุกน้ำ ของ บ.ทวินัน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยภายในรถตู้ พบผู้เสียชีวิตทันที 3 ราย ทราบชื่อ 1.นาย มนัต ซูเยาว์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/37
หมูที่ 6 ต.นาทุ่ง อเมืองชุมพร จ.ชุมพร เป็น สมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ต.ชุมโค อ.ประทิว จ.ชุมพร เป็นคนขับ 2.จ.ส.ต.กิดติพันธ์ ขวัญสมคิด อายุ 39
ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 1 ต.ตากแดด อ.เมืองขุมพร จ.ชุมพร

เป็น ตชด.41 ช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.ชุมพร 3.นายเกรียงไกร
รุ่งช่วง อายุ 52 ปี พนักงานขับรถยนต์สำนักงาน สสจ.ชุมพร อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่ที่ 11 ต.ทุ่งคา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร 4.ด.ต.สุรศักดิ์ ขันธ์ศิลป์ อายุ 47 ปีอยู่บ้านเลขที่ 87/5 หมู่ที่ 8 ต.นาทุ่ง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร (ได้รับบาดเจ็บ) เป็นเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการสืบสวน ภ.จว.ชุมพร เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และนำตัวผู้เสียชีวิต ส่ง รพ.ทับสะแก

จากการสอบถาม นายแผน พันธิ์รุณ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 83 หมู่ 5 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ทราบว่า ตนเองได้ขับรถบรรทุกน้ำดื่ม มาจาก จ.พระนครศรีอุธยา มุ่งหน้าไป จ.ภูเก็ต ในช่องทางเดินรถซ้ายสุดติดไหล่ทาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถกำลังขึ้นเนินได้มีรถยนต์ตู้คันดังกล่าว พุ่งชนท้ายรถอย่างแรง เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว สอบถาม ด.ต.สุรศักดิ์ฯ ทราบว่า ตนและคณะได้เดินทางกลับจากส่งผู้ป่วยจิตเวชไปรักษาตัวที่ จ.นครปฐม กำลังมุ่งหน้า กลับไป จ.ชุมพร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ นายมนัตฯ ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์คันดังกล่าว มีอาการวูบหลับ ใน ชนท้ายรถบรรทุกอย่างแรง เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

ขณะที่ นายธวัชชัย แดงฉ่ำ นายก อบต.ห้วยยาง กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กรมทางหลวงเร่งติดตั้งไฟถนนเพชรเกษมทั้งฝั่งขาเข้า กทม.และขาล่องไปภาคใต้ ตั้งแต่หน้าสหกรณ์โคนมเนินดินแดงถึงจุดกลับรถน้ำตกสายสอง เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นต่อเนื่องและเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยว 14 จว ภาคใต้ ซึ่งกรณีดังกล่าวหลายฝ่ายได้เรียกร้องให้ดำเนินการตั้งแต่รถทัวร์เสียหลักชนต้นไม้ใหญ่ใกล้ทางเข้าหาดวนกร เมื่อเดือนธันวาคม 2566 นายอำเภอทับสะแกได้นำจิตอาสาไปตัดต้นไม้ข้างทางยาวหลายร้อยเมตร เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ยามค่ำคืน พร้อมติดป้ายเตือนในระวังในการใช้ความเร็ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการขึ้น

///////////////
ท่าน
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443