เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าฯจ.น่าน พาสื่อมวลชนชมความคืบหน้าการก่อสร้างหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ที่ บริเวณจุดก่อสร้าง หอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นำคณะสื่อมวลชน และหน่วยงานต่าง ๆ เยี่ยมชมความคืบหน้าการก่อสร้างหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก โดยมี นายพรชัย ยงนพกุล ตัวแทนมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน มอบหมายให้เข้ามาช่วยดูแลบริหารงานโครงการฯ ได้อธิบายพร้อมให้ข้อมูลการก่อสร้างโครงกาาร


สำหรับโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก ตั้งอยู่บนพื้นที่จำนวน 9 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา ประกอบด้วย หอศิลปวัฒนธรรม อาคารหอประชุมอเนกประสงค์ อาคารบริการ สวนพฤกษศาสตร์ และลานกิจกรรม คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2568 ซึ่งมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ฯ สนับสนุนงบประมาณ การก่อสร้างทั้งหมดรวมถึงงบประมาณ ในการบริหารจัดการตลอดอายุสัญญา มีวัตถุประสงค์การดำเนิน โครงการภายใต้หลัก “การพัฒนาที่ยั่งยืนของพลเมืองน่าน ผ่านการรับรู้ เรียนรู้ และนำไปใช้อย่างเข้าใจ” บุคลากรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จะส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ สร้างโอกาสความเสมอภาคเพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบสำคัญของประเทศไทยต่อไป

หอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก มีพื้นที่อาคารและสิ่งก่อสร้างในโครงการ ได้แก่ อาคารหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและส่วนบริการ อาคารหอศิลปฯ มีพื้นที่ 4600 ตรม. ภายในประกอบด้วย ห้องพิพิธภัณฑ์ในรัชการที่ 9 , ห้องประวัติศาสตร์ศาลากลางหลังเก่า, ห้องนิทรรศการหมุนเวียน และพื้นที่สร้างสรรค์ทางปัญญาที่นำเสนอในรูปแบบดิจิทัล , ห้องสมุดดิจิทัล , พื้นที่ co working space , อาคารหอประชุมพื้นที่ 3400 ตรม. ที่มีที่นั่ง 267 ที่ และชั้นบนประกอบไปด้วยห้องซ้อมดนตรีไทยเดิม ดนตรีไทยสากล และห้องซ้อมดนตรีย่อยอีก 9 ห้อง และยังมีห้องแสดงสิ่งของมีค่าที่แสดงผลงานชิ้นเอกเช่น เครื่องเงินน่าน ,ผ้าทอมือ , เงินตราโบราณ ทั้งยังมีอาคารจอดรถ มีที่จอดรถชั้นใต้ดินซึ่งสามารถจอดรถยนต์ได้ 40 คัน และรถจักรยานยนต์ 27 คัน นอกจากนี้ ยังแบ่งพื้นที่สำหรับอาคารศูนย์เรียนรู้เมืองน่าน ลานกิจกรรมหน้าพระบรมรูปฯ ลานกิจกรรมหน้าศูนย์เรียนรู้ สวนวัฒนธรรม

การก่อสร้างในโครงการดังกล่าวได้คำนึงถึงและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร และรองรับแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว ซึ่ง จ.น่าน อยุูในบริเวณที่ 3 ที่ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบ มีการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย มาตรฐาน NFPA และรองรับ universal design อีกทั้ง ยังยึดมาตรฐานสถาบันอาคารเขียวไทย ( Trees) โดยตั้งเป้าต้องได้รับระดับ platinum
นายพรชัย กล่าวว่า ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างดำเนินการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก คืบหน้าประมาณ 30% เร็วกว่ากำหนดเวลา 5 วัน เมื่อแล้วเสร็จ สถานที่แห่งนี้ยังมีหลักสูตรรองรับให้กับ เยาวชนจังหวัดน่าน ที่สนใจเรียน ใน 4 หลักสูตรต่าง ๆ อาทิ หลักสูตรดนตรีทั้งดนตรีพื้นเมือง ดนตรีไทยเดิม ดนตรีไทยสากล ดนตรีซิมโฟนีออร์เคสตรา หลักสูตรสอนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาล้านนา

หลักสูตรการทำธุรกิจ และหลักสูตรการเป็นพลเมืองดีเพื่อสังคม โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย กระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามสัญญาอนุญาตให้มูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ เป็นผู้สนับสนุนการดำเนินโครงการฯ และงบประมาณในการก่อสร้างอาคารใหม่ การรื้อถอน การบริหารจัดการงบบุคลากร, ค่าสาธารณูปโภค, ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยไม่ใช้งบประมาณของราชการแม้แต่บาทเดียว ทั้งนี้ จะไม่มีการเก็บค่าใช้บริการ ค่าสมาชิก ค่าเข้าร่วมกิจกรรม ค่าประชุม หรือค่าตอบแทนอื่นๆ จากผู้ใช้บริการใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการนำพื้นที่ทั้งหมดหรือบางส่วนให้บุคคลอื่นใช้ประโยชน์ส่วนตน รวมถึงไม่มีการปล่อยเช่าพื้นที่ว่างเปล่า

ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวทิ้งท้าย จังหวัดน่าน ยังมีโครงกาพัฒนาไปพร้อมๆ กับการก่อสร้างฯ อีกหลายโครงการ เช่น การเอาเสาไฟฟ้าลงดิน การพัฒนาสวนศรีเมือง เพิ่มเลนจักรยานและช่องทางวิ่ง ตลอดช่วงเมืองเก่าน่าน ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดด้วย/

บุญยงค์ สดสอาด ทีมงานสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มือทำรวย หวยทำจนนะโยม สายมู ชาวอ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ แก้บน ถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 4.

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 2 ตุลาคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดคลองกะพั้ว ต.บ้านโคน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ สายมูแห่กราบไหว้ขอพรองค์ท้าวเวสสุวรรณ์ ขนาดความสูง 19 เมตรรวมฐาน สีทอง ที่มีความสูงที่สุดในเขตภาคเหนือตอนล่าง ตั้งเด่นสง่า อยู่ภายในวัดคลองกะพั้ว และกราบสักการะท้าวเวสสุวรรณ ขนาดความสูง 5 เมตร สีดำน้ำมันปู กันอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ได้มีนายชัยสุรพัส สินธนัชพุทธิกร และนางกุลณี นากแก้วเทศ ชาวอำเภอพิชัย ได้นำเครื่องสักการะพร้อมน้ำแดง น้ำมันตะเกียง พวงมาลัย ดอกกุหลาบสีแดงมาถวายและแก้บนแก่องค์ท้าวเวสสุวรรณ เนื่องจากตนเอง ได้ถูกเลอตเตอรี่รางวัลที่ 4 เพราะได้ตั้งจิตอธิฐานขอให้ได้ถูกรางวัลลอตเตอรี่พร้อมกันนี้ยังได้นำเงินจำนวน 2 พันบาท ใส่ตู้เพื่อถวายเป็นเครื่องสักการะท้าวเวสสุวรรณในการทอดกฐินสามัคคีสร้างองค์ท้าวเวสสุวรรณ ขนาด 12 เมตร ที่ระหว่างดำเนินการสร้าง

นางกุลณี นากแก้วเทศ ชาวอำเภอพิชัย เปิดเผยว่า ตนเองได้ตั้งจิตอธิฐานระลึกถึงองค์ท้าวเวสสุวรรณที่วัดคลองกะพั้ว หากท้าวเวสสุวรรณที่วัดคลองกะพั้ว ศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ตนเองถูกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาลกับเขา ซักครั้ง
เมื่อผลปรากฏว่า ตนเองถูกลอตเตอรี่ จริง เป็นรางวัลที่ 4 ตนเองพร้อมสามีจึงตั้งใจที่จะไปกราบไหว้ท้าวเวสสุวรรณที่วัดคลองกะพั้วให้ได้ ซึ่งในวันนี้ ได้มีโอกาศจึงชวนสามีมากราบสักการะท้าวเวสสุวรรณพร้อมกับนำดอกกุหลาบ พวงมาลัย น้ำมันตะเกียง เพื่อถวายแด่องค์ท้าวเวสสุวรรณ ที่มีความสูง 19 เมตรรวมฐาน โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวก็ได้เดินทางมาร่วมขอโชคขอลาภด้วยจากนั้นได้มีการจุดธูปเสี่ยงทายซึ่งปรากฏเป็นเลข 235

พร้อมกันนี้ชาวบ้านที่ติดตามมาเพื่อลุ้นโชค ยังได้มีการล้วงลูกปิงปองในไหที่วางอยู่ด้านหน้าท้าวเวสสุวรรณองค์สีดำมันปูขนาดความสูง 5 เมตร ผลปรากฎเลขที่ล้วงได้จากลูกปิงปองคือ 12 ซึ่งต่างก็พากันนำโทรศัพท์ถ่ายรูปไว้และบางคนก็นำกระดาษมาจด เพื่อนำไปเสี่ยงโชคในงวด วันที่ 16 ตุลาคม ที่จะมาถึง

นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / วันประมงฯ 2567 รณรงค์ให้ประชาชนนึกถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์

แชร์เนื้อหานี้

ที่ริมแม่น้ำน่าน เชิงสะพานพัฒนาภาคเหนือ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2567 เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ และเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยมีนายคฑาวุธ ปานบุญ ประมงจังหวัดน่าน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการเจ้าหน้าที่สังกัดกรมประมงเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2549 กำหนดให้วันที่ 21 กันยายน ของทุกปีเป็นวันประมงแห่งชาติ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ ให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเพียงพอ และมีความยั่งยืน โดยจัดให้มีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำทั่วประเทศ และขอความร่วมมือจากประชาชน งดจับสัตว์น้ำทุกชนิด ในวันที่ 21 กันยายน ของทุกปี จังหวัดน่านโดนักงานประมงจังหวัดน่าน ได้จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ โดยได้รับการสนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดน่าน จำนวน 200,000 ตัว จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ ปลาตะเพียนขาว และบ้า เพื่อนำไปปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อให้สัตว์น้ำที่ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ได้เจริญเติบโตแพร่ขยายพันธุ์ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับแหล่งน้ำ และยังเป็นการฟื้นฟูและเพิ่มผลผลิตทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำในธรรมชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพประมงและเป็นแหล่งอาหารของชุมชน นำไปสู่ความมั่นคงทางด้านอาหารที่ยั่งยืนต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาตมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตชด.235 รวบ 2 หนุ่มห้วยไร่ ขนยาบ้า 60,000 เม็ด ฉก.ทหารพราน​21 ยึดจักรยานยนต์ 6 คัน ขณะเตรียมลักลอบส่งข้ามแม่น้ำเหืองให้นายทุนลาว

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 1 ตุลาคม​ 2567 ภายใต้การอำนวยการโดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.​พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง​ผบช.ตชด.รรท.ผบช.ตชด.และ พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค.2 โดย พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผกก.ตชต.23,พ.ต.ท.ธนพล ท้าวหนู รอง ผกก.ตชด.23 ร.ต.อ.สมควร เบญจมาตร รรท.ผบ.ร้อย ตชด.235 จับกุมการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด

ร.ต.อ.เสถียร พัฒนะโชติ รองผบ.ร้อย ตชด.235 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติด นักบินมาจาก จ.อำนาจเจริญ โดยมารับยาบริเวณดอนปลาแดก ตรงข้ามกับบ้านศรีนคร อ.ธาตุพนม ฯ จึงได้ออกตรวจสอบ พบรถต้องสงสัยตรงตามที่สายลับรายงาน จึงได้ขับติดตามไป พอรถต้องสงสัยได้สังเกตุว่ามีรถติดตามได้ขับหนี มุ่งหน้าไปทาง จ.มุกดาหาร และเสียหลักตกลงข้างทางบริเวณหน้า รร.บ้านอุ่มเหม้า ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนมฯ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น โซลูน่า วีออส สีดำ ทะเบียน ศธ 7826 กรุงเทพมหานคร ที่ถนนชยางกูร บ้านโนนงาม หมู่ที่ 5 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

พบว่าที่พื้นภายในห้องโดยสารด้านหน้าฝั่งซ้ายด้านข้างคนขับมีกระสอบสีขาวจำนวน 1 กระสอบ วางอยู่เมื่อเปิดออกดูพบห่อกระดาษเทียนไขสีเหลือง จำนวน 30 มัด แกะออกดูพบว่าเป็นยาบ้ามัดละ 2,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมดจำนวน 60,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวนายทองใบ รุ่งเรือง หรือ เป๊าะ อายุ 44 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ที่ 6 ต.ห้วยไร่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ คนขับรถ พร้อมกับ นายวุฒิไกร อ่อนชาติ หรือ อ้น อายุ 33 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 6 ต.ห้วยไร่ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย และทำการตรวจยึดยาบ้าทั้งหมดพร้อมด้วยรถยนต์ไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เลย​ -​ฉก.ทหารพราน​21 ยึดจักรยานยนต์ 6 คัน ขณะเตรียมลักลอบส่งข้ามแม่น้ำเหืองให้นายทุนลาว

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม 2567 พันเอก อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ข้ามไปยังฝั่งสปป.ลาว โดยมีนายทุนจากลาว ได้สั่งซื้อ จากนายทุนฝั่งไทย ในพื้นที่บ้านนากระเซ็ง หมู่ที่4 ตำบลอาฮี อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย จึงสั่งการให้ ร.ท.อาคม คำจุลฬา​ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2102 ฉก.ทพ.21 พร้อมชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ สภ.โพนทอง , ฝ่ายปกครองอำเภอท่าลี่ และผู้นำชุมชน ซุ่มเฝ้าตรวจตามจุดเสี่ยง/จุดเพ่งเล็ง ครั้นต่อมาเมื่อเวลา 04.15 ได้มีเรือจากฝั่ง สปป.ลาว พายข้ามมาจอดริมตลิ่งฝั่งไทย

จากนั้นได้มีชายไม่ทราบสัญชาติประมาณ 3 คน เดินขึ้นมาเข็นรถจักรยานยนต์ลงไปริมตลิ่ง ชุดซุ่มจึงได้แสดงตัว เมื่อกลุ่มชายดังกล่าว มองเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็ตกใจทิ้งรถจักรยานยนต์และวิ่งลงเรือกีบพายหนีข้ามแม่น้ำเหืองไปยังฝั่ง สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบตามบริเวณพื้นที่ดังกล่าวพบรถจักรยานยนต์จำนวน 6 คัน ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ honda CRF 300 L สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ honda PCX 160 ป้ายทะเบียน กล 5302 ชลบุรี

รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda wave110 i สีแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda wave110 i สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน 1 กส 926 ภูเก็ต จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Yamaha Grand filano สีแดง ป้ายทะเบียน 7ขอ 4562 กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Yamaha Grand filano สีเทา ไม่ติดป้ายทะเบียน จึงได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ทั้ง 6 คันไว้เป็นของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพนทอง ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่21 #ทหารพรานที่2102​ #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี​ #กองทัพภาคที่2

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านร้องขอ อยากให้ที่ดินป่าช้า สาธารณะประโยชน์ เป็นของวัด การรังวัดป่าโคกศิลา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ปักธงชัย ไม่รับรอง อ้างกรรมสิทธ์

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 กลุ่มชาวบ้าน ออกมาร้องทุกข์ การรังวัด ของเจ้าหน้าที่รังวัด บริเวณติดป่าช้า สาธารณะประโยชน์ วัดป่าโคกศิลา ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา กลุ่มชาวบ้านเล่าว่า อยากให้ที่สาธารณะประโยชน์ตรงนี้ เป็นของวัด เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นป่าช้ามานานหลายสิบปีแล้ว ด้านนายอักษรย่อ (น)นามสมมุติ ผู้อ้างกรรมสิทธ์ ซึ่งนำเจ้าหน้าที่มารังวัด เล่าว่า ผมมีโฉนดนำมาแสดง ถูกต้อง และได้เสียภาษีตามกฎหมาย

พระสมชาย สร้อยฉิมพลี เจ้าอาวาส วัดโคกศิลา เล่าว่า เดิมทีนายอักษรย่อ(น) นามสมมุติ เจ้าของที่ มีที่ดินติดกับวัด 39 ไร่ ขายไปแล้ว 30 ไร่ เหลืออีก 9 ไร่ ซึ่งติดกับป่าช้าวัด จึงเป็นที่มาของการอ้างกรรมสิทธิ์ มารังวัดในครั้งนี้ ทั้งนี้ นายชุมพล หาญตะคุ กำนัน ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย กล่าวว่า เจ้าของที่ มีโฉนดนำมาแสดง

แต่การออกโฉนดให้เมื่อหลายสิบปีก่อน ออกให้ได้อย่างไร ทั้งๆที่ ยังเป็นพื้นที่พิพาท และหมุดที่ปักไว้ก็ไม่มีตามโฉนดตามที่เจ้าของที่นำมาแสดงเป็นหลักฐาน และการที่ เจ้าของที่ นำเจ้าหน้าที่มารังวัด ก็ไม่ได้แจ้งกำนันไว้ล่วงหน้า การรังวัดในครั้งนี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต. ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย ไม่รับรอง รอกระบวนการพิสูจน์ ต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน / รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จนท.ทุกฝ่าย ร่วมแก้ปัญหาชาวบ้านหัวดง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่บริเวณลานวัดหัวดง หมู่ที่5 ตำบลคลองเกตุ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ได้มีประชาชนมากกว่าหนึ่งร้อยคนรวมตัวเรียกร้อง ขอความเป็นธรรม จากกรณีชาวบ้านกับผู้นำหมู่บ้าน ต่างมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เดือนร้อนถึงหน่วยงานรัฐ คณะสงฆ์ภายในอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ต้องเดินทางแก้ไขปัญหาของชาวบ้านหัวดง

นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข ฝ่าย อส. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองเกตุ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเดินทางเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในการที่ประชาชนได้ออกมาหาขอสรุปร่วมกันความทราบถึงพระครูภัทรปัญญาวุธ (พระครูเภก) เจ้าคณะอำเภอโคกสำโรง ได้มอบหมายให้เจ้าคณะตำบลคลองเกตุ เขต2 รวมถึงพระสังฆาธิการเดินทางถึงบริเวณวัดหัวดง ที่ชาวบ้านได้รวมตัวกันอยู่ประมาณ
180 คน

โดยสาเหตุ เริ่มจากผู้นำหมู่บ้าน จะนำน้ำ จากลำคลองที่พัดไหลผ่าน ต้องการจะระบายน้ำเข้าบริเวณสระน้ำภายในวัดหัวดง เผื่อไว้ใช้น้ำรดต้นไม้ยามฤดูแล้ง รวมถึงจัดงานลอยกระทงที่จะมาถึงนี้ และจะปรับปรุงภูมิทัศน์รอบๆสระให้สะอาดเช่นแต่เก่าก่อน และเมื่อมีเหตุเกิดอัคคีภัยก็ไม่ต้องเดินทางไปรับน้ำจากที่อื่นๆที่ไกลออกไป เนื่องจากปัจจุบันนี้สระน้ำดังกล่าวเริ่มมีวัชพืชขึ้นภายในสระ และมองดูไม่สะอาดตา จึงจะปรับปรุงสระให้ดียิ่งๆขึ้นและกลับมาใช้ได้ในยามจำเป็นที่ต้องการใช้น้ำ

แต่มีชาวบ้านบางส่วนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการที่จะนำน้ำดังกล่าวเข้ามาเก็บในสระเก็บไว้   โดยมีข้ออ้างว่าน้ำสกปรกมากเกินไป ไม่สะอาดเพียงพอที่จะนำน้ำมาเข้าไว้ในสระน้ำดังกล่าว   ทางฝ่ายนายอำเภอโคกสำโรง และเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขอำเภอโคกสำโรง ผู้ที่เกี่ยวข้องและคณะสงฆ์อำเภอโคกสำโรง ได้เดินตรวจสภาพบริเวณสระน้ำ รวมถึงน้ำที่จะนำเข้ามาไว้ในสระภายในวัดหัวดง
โดยในที่ประชุมสรุปผลออกมาได้ว่า ต้องให้ฝ่ายสาธารณะสุขออกมาวัดค่าของน้ำ ที่อยู่ภายในสระ กับน้ำที่จะนำเข้ามาได้มาตรฐานความสะอาดพอๆกันหรือไม่ และให้ฝ่ายปกครอง คณะกรรมการวัด รวมถึงชาวบ้านหัวดงทุกท่าน รอผลภายใน 1 สัปดาห์ แล้วค่อยนำน้ำเข้าภายในสระ โดยจะต้องมีขั้นตอนกรองน้ำที่ถูกต้องตามระบบการกรองน้ำเข้าสระ ทุกฝ่ายจึงตกลงเห็นชอบตามมติที่ออกมา และสุดท้ายได้มีการแต่งตั้งไวยาวัจกรวัดกัวดง ขึ้นมา 2 ท่าน รวมถึงคณะกรรมการ 18 ท่าน พร้อมทั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อีก อีก 3 ท่านเป็นโดยตำแหน่งหน้าที่ จากนั้นชาวบ้านจึงได้แยกย้ายกันกลับ
สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี นายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / น่าน ทดสอบสัญญาณเตือนภัยน้ำท่วม พร้อมกัน 7 จุด ในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 1 ตุลาคม 25 67 จังหวัดน่าน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมทดสอบสัญญาณเตือนภัยน้ำท่วม พร้อมกัน 7 จุด ในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ซึ่งมีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมคณะทีมงานร่วมทดสอบสัญญาณ สำหรับหอเตือนภัย ในพื้นที่จังหวัดน่าน มีทั้งหมด 7 จุด ประกอบด้วย อำเภอเมืองน่าน อำเภอภูเพียง (2 จุด) อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอเวียงสา สำหรับแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนเมื่อเกิดเหตุวิกฤตภัยพิบัติในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสถานการณ์จะเกิดน้ำท่วมในพื้นที่

โดยจากนี้จะมีการทดสอบระบบเป็นประจำ ซึ่งจะทำการเปิดเพลงชาติ ทุกเช้าวันพุธ เวลา 08.00 น. และจะมีการทดสอบสัญญาณเตือนภัยเป็นประจำอย่างต่อเนื่องการทำงานของระบบหอเตือนภัย และการปฏิบัติตนเมื่อได้ยินเสียงเตือนภัย โดยผู้นำในท้องที่ติดตาม ประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ จากนั้นประสาน ปภ.จังหวัด ในการให้สัญญาณเตือนภัย ปภ.จังหวัดขออนุมัติผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ความเห็นชอบในการปล่อยสัญญาณเตือนภัย จากนั้น ปภ.จังหวัด แจ้งศูนย์เตือนภัยแห่งชาติ ดำเนินการปล่อยสัญญาณเตือนภัย (สั่งการผ่านระบบดาวเทียม หรือระบบอินเทอร์เน็ต ไปยังหอเตือนภัย)

ระดับการแจ้งเตือน -เตือนฝนตกหนัก (M11) แจ้งเตือนเรื่องฝนตกหนัก อาจมีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง -เตือนฝนตกหนักมาก (M12) แจ้งเตือนเรื่องฝนตกหนักมากในพื้นที่ อาจก่อให้เกิดอุทกภัย มีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ให้ประชาชนเก็บของมีค่าและอุปกรณ์ไฟฟ้าขึ้นที่สูง เก็บของใช้จำเป็น อาหารแห้ง ยารักษาโรค น้ำดื่ม เพื่อเตรียมการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย -แจ้งน้ำป่าไหลหลาก (M4) แจ้งเกิดน้ำป่าไหลหลาก ขอให้ออกจากพื้นที่ ไปยังที่สูงโดยด่วน ให้ประชาชนทำการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที/

บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ทางหลวงประจวบฯ จับหนุ่มสตูล ยึดยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ก่อนหลุดลงภาคใต้

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 30 กันยายน 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ 3 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมมาตร สังข์ทอง ผกก.สอบสวนภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.หญิง กมลทิพย์ สุทธิมรรคผล ผกก.พฐ.ประจวบฯ ร.ต.อ.เวิน ไชยอาษา รองสารวัตรตำรวจทางหลวงประจวบ 3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกัน ตรวจยึดและทำบันทึกจับกุมของกลางเป็นยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในตะกร้าผักผลไม้คลุมมาด้วยผ้าใบสีดำ จำนวน 65 ตะกร้า บนท้ายรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อยี่ห้อ Hino 500 สีขาว หมายเลขทะเบียน ส่วนหัว 71-9691 สงขลา หมายเลขตัวพ่วง 71-9692 สงขลา โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายอมร (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดสตูล และนายวีระพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดตรัง ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่ง เจ้าหน้าที่ปปส.ภาค 7 ดำเนินการต่อไป

โดยสืบเนื่องจาก ร.ต.อ.เวิน ไชยอาษา รองสารวัตรตำรวจทางหลวง ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 10 นาย ตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัดกวดขันวินัยจราจร และตรวจความพร้อมการใช้งานของรถบรรทุกที่วิ่งบนถนน บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 378 – 379 บ้านดงไม้งาม ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน ระหว่างนั้นได้มีรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวขับเข้ามาถึงด่าน ปรากฏว่าไม่มีบังโคลนคลุมล้อด้านท้ายรถ จึงได้เรียกตรวจปรากฏว่าผู้ขับขี่มีอาการพิรุธ และผู้โดยสารที่นั่งรถมาด้วย คือ นายวีระพงษ์ ได้วิ่งหลบหนี จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาได้ และตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกมาบนท้ายรถปรากฏว่าเป็นยาบ้าจำนวนมากซึ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกปิดผนึกอย่างแน่นหนาใส่ไว้ในตะกร้าผักผลไม้เรียงมาบนท้ายรถบรรทุกจำนวน 65 ตะกร้า รวมจำนวนประมาณ 10,300,000 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาสอบสวนและทำบันทึกจับกุมที่สถานีตำรวจทางหลวง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นต่อไป

นายอมร อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นคนขับยอมรับสารภาพกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้นำรถบรรทุกพ่วงซึ่งเป็นของพ่อมาขับรับจ้างขนยาบ้าจากอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นำไปส่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจะมีรถมารอรับ ซึ่งครั้งนี้ได้ทำเป็นครั้งที่ 2 ได้ค่าจ้างครั้งละ 200,000 บาท โดยก่อนหน้านี้ได้รับจ้างบรรทุกข้าวสาร จากกรุงเทพฯลงภาคใต้ ซึ่งครั้งนี้ได้เปลี่ยนมารับจ้างบรรทุกยาบ้าแทน และได้ใช้ผ้าใบคลุมให้ดูคล้ายกับบรรทุกสิ่งของทั่วไป

////////////////////////////

ข่าว ณฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กต.ตร.สภ.พัทยา ร่วมอำลา 8 นายตำรวจ สู่วันเกษียณที่ภาคภูมิ

แชร์เนื้อหานี้

ค่ำวันที่ 30 ก.ย.67 ที่ร้านอีสานกาฬเวลา ถนนเฉลิมพระเกียรติพัทยาสายสาม สภ.เมืองพัทยา โดย พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ร่วมกับ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา โดย นายชัยรัตน์ รักทอง ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา จัดงาน “เกษียณสำราญ งานสำเร็จ เสร็จสมบูรณ์” งานเลี้ยงสังสรรค์อำลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดที่เกษียณอายุราชการ “จากวันที่ภาคเพียร..สู่วันเกษียณที่ภาคภูมิ” ภายใต้ค็อนเซ็ปต์ Cowboy Night Party

สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สภ.เมืองพัทยา ที่เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รวมจำนวน 5 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ท.เดชนะ อำนาจมั่นคง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา , ร.ต.อ.ทินพันธ์ พิลึก, ร.ต.อ.วินัย เนติสุทธิการ, ร.ต.อ.สุโทธนะ พึ่งภพ และ ร.ต.อ.เสริมชัย มะณีกุล ผบ.หมู่-รอง สว.สภ.เมืองพัทยา

และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 25 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รวมจำนวน 3 นาย ประกอบด้วย ร.ต.ท.มาโนช วรชุน ,ร.ต.ต.หปุณณัฐฐา พลายเถาะ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองพัทย และ ด.ต.พัชรินทร์ ทองบ่อ ผบ.หมู่(ธร.)สภ.เมืองพัทยา

ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน อาทิ นางอำพร แสงแก้ว นายกสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบันเทิงเมืองพัทยา นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา นายประมวล ทองใบ ที่ปรึกษา กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา และนายสุขราช กาลรา ประธานชุมชนวอล์กกิ้งสตรีท

ทั้งนี้ ในงานได้มีการออกร้านจากผู้ประกอบการเมืองพัทยาให้บริการซุ้มอาหารนานาชนิดพร้อมเครื่องดื่ม ก่อนมีกิจกรรมบันเทิงสร้างสีสัน และจับรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมกิจกรรมโดยพบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / ลูกสะตอ แห่ชิงเปรต สารทเดือนสิบ คนใต้ชลบุรี แน่นวัดหนองใหญ่ / พัทยาเตรียมจัดพิธี “นวราตรี” วันแห่งชัยชนะ 9 วัน 9 คืน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 29 ก.ย.67 มีรายงานว่า สมาคมชาวใต้ชลบุรี โดย นายสมคิด อุ่นเรือน นายกสมาคมชาวใต้ชลบุรี ได้จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นชาวภาคใต้ งานบุญสารทเดือนสิบ ประจำปี 2567 ซึ่งได้รับเกียรติจากนายสมสิน ทิพย์มณี ประธานที่ปรึกษาสมาคมชาวใต้ชลบุรี ให้เกียรติร่วมงานท่ามกลางพี่น้องชาวใต้ในเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีที่เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ด้วยสมาคมชาวได้ชลบุรี ได้ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสามัคคี สร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกและประชาชนทั่วไป อีกทั้งเพื่อรักษาและเผยแพร่วัฒนธรรมขนบธรรมเนียม รวมถึงปลูกฝังคุณธรรมร่วมกัน และมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลและละสาธารณะประโยชน์ให้สังคมตลอดมา

ในปีนี้ ทางสมาคมชาวใต้ได้กำหนดการจัดงานบุญสารทเดือนสิบขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 42 เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องชาวใต้ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่สามารถจะเดินทางกลับ
ภูมิลำเมาได้ร่วมประกอบงามบุญในครั้งนี้โดยทั่วกัน โดยมุ่งเน้นรูปแบบการจัดงานให้เหมือนกับประเพณีทางภาคใต้ที่ได้ดำเนินงานเฉกเช่นเป็นประจำทุกปี

ภายในกิจกรรมปีนี้ไฮไลท์ที่น่าสนใจคือการแข่งขันปีนเสาน้ำมัน และพิธีชิงเปรต เป็นประเพณีของภาคใต้ที่ทำกันในวันสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีเมืองมนุษย์ 15 วัน โดยมาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งถือว่าเป็นวัน “รับเปรต” หรือ วันสารทเล็ก ลูกหลานต้องเตรียมขนมมาเลี้ยงดูให้อิ่มหมีพีมันและฝากกลับเมืองเปรต ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 นั้นคือวัน ” ส่งเปรต ” กลับคืนเมือง เรียกกันว่า วันสารทใหญ่

กระตุ้นท่องเที่ยวมูเตลู! พัทยาเตรียมจัดพิธี “นวราตรี” วันแห่งชัยชนะ 9 วัน 9 คืน

 วันที่ 29 ก.ย.67 มีรายงานว่า ผู้สื่อข่าวแขนงต่างๆ เข้าร่วมงานแถลงข่าวเตรียมจัดงานพิธีนวราตรี และงานแห่ประเพณี เนื่องในวันแห่งชัยชนะ ประจำปี 2567 โดยเทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี ร่วมกับสมาคมอินเดียชลบุรี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ ในพิธีแถลงข่าวมี นางอำพร แก้วแสง ผู้ก่อตั้งเทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี พร้อมด้วย ดร.ดีโอ กูมาร์ ซิงค์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี, นายนเรช จันเดอร์ รองนายกสมาคมอินเดียชลบุรี, นายปราชาญ บาตต์ อุปนายกสมาคมอินเดียชลบุรี และนายเซเรช นักธุรกิจคุชราฏ พัทยา ร่วมพิธี สำหรับพิธีนวราตรี และงานแห่ประเพณี เนื่องในวันแห่งชัยชนะ ประจำปี 2567 ถือเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกของเทวาลัยมหากาลีอวตาร จักรวาลชนนี โดยร่วมกับคณะกรรมการสมาคมอินเดียชลบุรี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสักการะบูชา และสรรเสริญแห่งองค์พระแม่ทุรคา โดยไฮไลท์ของงานจะมีขึ้นในวันที่ 8 ต.ค. 67 - มีพิธีสวดโซฮา อารตีถวายพระแม่ โดยพราหมณ์คณะบารมี เริ่มตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป ส่วนวันที่ 9 ต.ค. 67 - ช่วงเช้าพราหมณ์ทำพิธีสวดถวายและอารตีไฟถวายพระแม่ หลังจากเสร็จพิธี ช่วงเวลา 16.00 น. จะมีการตั้งขบวนแห่องค์พระแม่และองค์เทพ จากเทวาลัยเคลื่อนขบวนไปยังถนนพัทยาสายสอง มุ่งหน้าลงสู่ถนนเลียบชายหาด วงเวียนปลาโลมา ซึ่งจะมีจุดพักให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะบูชา 4 จุด ประกอบด้วย ร้านอาหารอินเดีย Indigo ถนนพัทยา สาย 2 ร้านอาหารอินเดีย Rasoi ถนนพระตำหนัก ร้านอาหารอินเดีย Mumbai se ถนนพัทนา สาย 2 และร้านอาหารอินเดีย Peshwa ถนนเลียบชายหาด หลังจากนี้นั้นขบวนจะกลับมาที่เทวาลัยและเริ่มพิธีในเวลา 19.00น.

และในวันที่ 10 ต.ค. 67 ช่วงเวลา 19.00 น.พราหมณ์ทำพิธีสวดถวายพระแม่ การแสดงการร่ายรำ หรือที่เรียกว่า เต้นดานเดีย วัฒนธรรมจากประเทศอินเดีย ทั้งนี้ขอมห้ผู้มีจิตศรัทธาในองค์พระแม่ทุก ๆพระองค์ มาร่วมงานนวราตรีตลอด 9 วัน 9 คืน ณ เทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี

สำหรับนวราตรี คืออีกหนึ่งเทศกาลสำคัญทางศาสนาของชาวฮินดูทั่วโลก เป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะขององค์พระแม่ทุรกาที่ปราบอสูรได้สำเร็จ หลังจากต่อสู้กันมาเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน (นวราตรี) และยังเป็นการฉลององค์พระแม่ทุรกา ทั้ง 9 องค์ จะเป็นวันที่ทุกคนจะไม่ทานเนื้อสัตว์ ไม่ดื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ปฏิบัติตัวที่ผิดศีล ทั้งนี้ภายในพิธีจะมีการจัดเต้นดานเดีย วัฒนธรรรมจากประเทศอินเดียที่ได้รับความนิยมในอินเดีย ในจังหวัดคุชราฏ และการในครั้วสมาคมคุชราฏ พัทยา ก็ได้สนับสนุนเต้นดานเดีย อีกทั้งภายในงานจะมีโรงทานอาหารอาหารมังสวิรัติไทยและอินเดีย ให้บริการผู้ร่วมงาน จึงขอเชิญชวนผู้ศรัทธาเข้าร่วมงาน ระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567 ณ เทวาลัยมหากาลีอวตารจักรวาลชนนี เมืองพัทยา จ.ชลบุรี