เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวศรีสาคร เดือดรวมตัวต้านความรุนแรงวางบึ้ม 2 ตชด.พ่อลูก ผู้การ ตชด.ปรับแผนหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย ส่วนทหารส่งหน่วยรบพิเศษเปิดยุทธการล่าอับดุลเลาะ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที 22 ม.ค.68 ที่โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้มีพลังมวลชนผู้นำศาสนาผู้นำท้องถิ่น ในพื้นที่ 5 หมู่บ้านของ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จำนวนกว่า 500 คน ได้พร้อมใจกันรวมตัวภายใต้การนำของ นายสะแปอิง หะมะ โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านตืองอ ประกอบพิธีละหมาดฮายัตและดูอาร์ เพื่อให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ และขอพรจากองค์อัลเลาะให้คุ้มครองเจ้าหน้าที่และประชาชน พ้นภัยและห่างไกลความรุนแรง เนื่องจากต้องการให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วมีความร่มเย็น

ต่อมาคณะมวลชนได้เดินทางไปยังบริเวณหน้าเสาธงของโรงเรียน เพื่อพร้อมใจและร่วมใจกันแสดงพลังและจุดยืนในการต่อต้านความรุนแรง โดยมีการถือป้ายข้อความ อาทิ ชาวศรีบรรพตต้องการสันติสุข ชาวบ้านศรีบรรพตไม่เอาความรุนแรง ศรีบรรพตหยุดความรุนแรง และข้อความหยุดระเบิด หยุดยิง หยุดความรุนแรง พร้อมทั้งได้มีตัวแทนของครูโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ คือ น.ส.อิสมาร่า จรกา ครูภาษาอังกฤษ ได้กล่าวสดุดีวีระกรรมรำลึกถึงคุณงามความดีของครูสุวิทย์และครูโดม ด้วยเสียงสั่นเครือและร้องไห้ต่อหน้าพลังมวลชน ท่ามกลางความเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งทีครู 2 พ่อลูก ตชด.มีแต่ให้ รวมทั้งได้มีตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวสดุดีความดีงามของครูทั้ง 2 ที่ทุกคนควรนำไปเป็นเยี่ยงอย่างในการดำรงชีวิต และช่วยเหลือพัฒนาสังคม

นอกจากนี้แล้ว ยังมีกิจกรรมของนักเรียนโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ด้วยการเขียนข้อความรำลึกถึง ครู ตชด.2 พ่อลูก ในแผ่นกระดาษสีขาวที่ตัดเป็นรูปหัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่นักเรียนจะเขียนข้อความ ถึงความรู้สึกที่นักเรียนเขียนถึงความรู้สึกต่อครูใหญ่ ครูโดม อาทิ รักครูเราคิดถึงครู ไม่น่าจากเราไปเลย ก่อนที่นักเรียนทุกคนจะนำไปติดที่บอร์ดใต้ถุนอาคารเอนกประสงค์ เพื่อใช้เป็นสานที่รำลึกถึงครูทั้ง 2 เพื่อใช้เป็นอนุสรณ์ต่อครูทั้ง 2 คนตลอดไป

ต่อมาหลังพิธีการและกิจกรรมต่างๆแล้วเสร็จ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อเด็กนักเรียน พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตชด.ภาค 4 พ.อ.พัศวีย์ โปชะดา ผบ.ฉก.ทพ.49 พ.ต.ท.ธีระโชตื ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย ตชด.447 พร้อมด้วย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ได้เป็นตัวแทนสื่อมวลชน ได้ร่วมกันนำขนมขบเคี้ยว น้ำดื่มและตุ๊กตาหลากหลายชนิด มอบให้กับเด็กนักรัยนโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ จนสร้างรอยยิ้มแทนความเศร้าจากน้ำตาที่เคยไหลออกมา กลายเป็นการสร้างความเบิกบานขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่นักเรียนทั้งหมดจะเข้าห้องเรียนเพื่อทำการเรียนการสอนกันตามปกติวันนี้เป็นวันแรก หลังจากที่โรงเรียนได้ทำการหยุดการเรียนการสอน หลังจากที่ครูสุวิทย์และครูโดม เสียชีวิต จากคนร้ายลอบวางระเบิดแล้วยิงซ้ำเมื่อวันที่ 14 ม.ค.68 ที่ผ่านมา

ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 กล่าวว่า โรงเรียนตำรวจชายแดนในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้มี 12 โรงเรียน กระจายกันอยู่ แล้วเราก็ได้เพิ่มชุดรักษ์ความปลอดภัยเพิ่มเติมทั้ง 12 โรงเรียน โดยเฉพาะพื้นที่ของโรงเรียนตำรวจชายแดนบ้านละโอ บ้านตืองอ เราได้มีการเพิ่มเติมกำลังปฎิบัติการด้านมวลชน พัฒนาสัมพันธ์สร้างความมั่นใจ ให้กับพี่น้องประชาชนและครูผู้สอน โดยเฉพาะในช่วงนี้ประชาชนและครูต่างขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่วันนี้ยังเรายังมีการเปิดการเรียนการสอนเพราะกำลังเราเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนและครูผู้สอน

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ในส่วนบุคลากรที่จะมาทดแทนหลังจากที่ครูสุวิทย์โดยได้เอาอดีตที่เป็นครูที่นี่ซึ่งสอนอยู่ที่โรงเรียน ตชด.อยู่แล้วมาสอนแทนและทำหน้าที่ครูต่อ แล้วเราก็จะมีตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งมีความรู้ทางด้านการศึกษามาเพิ่มเติม ในการที่จะพัฒนาและทำกิจกรรมของโรงเรียนต่อไป

ขณะที่ พ.อ.พัศวีร์ โปชะดา ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 49 กล่าวว่า ในการบูรณาการของกำลังในพื้นที่นั้น ในก่อนเกิดเหตุการณ์ได้ร่วมพูดคุยกับทางตำรวจ ทหารในพื้นที่ และในส่วนของปกครอง โดยเฉพาะกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่รับผิดชอบอยู่ในพื้นที่ตำบลศรีบรรพต ได้มีการแบ่งมอบการรับผิดชอบการทำงานร่วมกันทำงานทั้ง 3 ฝ่ายมากขึ้น โดยในห้วงที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุ ทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำในการเพิ่มความระมัดระวังในการทำงานในพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันในการสืบหาข้อมูลเพื่อที่จะจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้นำในพื้นที่ และได้ข้อมูลขั้นต้นมาค่อนข้างเยอะพอสมควร แล้วจะนำไปสู่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในเร็ววัน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้นำในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ตลอดจนชาวบ้านที่รักครูสุวิทย์ ซึ่งบางคนก็เคยเป็นลูกศิษย์ครูสุวิทย์ และเพื่อนร่วมงานของครูสุวิทย์ ซึ่งเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ โดยพยายามให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่อยากให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ของตำบลศรีบรรพต ซึ่งบางครั้งความรุนแรงแค่ครั้งเดียว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสียโอกาส ทั้งทางด้านการศึกษาและการพัฒนาในพื้นที่ และในส่วนหมายจับ 2 คน ที่ออกมานั้นก็ได้มาจากพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาเก็บพยานหลักฐานในพื้นที่ โดยมี DNA ในพื้นที่ และพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดนขั้นต้นก็คือบุคคลที่ก่อการหลักทั้ง 2 คน ที่สามารถออกหมายจับได้ แต่ในส่วนที่เหลือกำลังเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการติดตามและจับกุมในโอกาสต่อไป

ส่วนด้านความคืบหน้ากรณีผลการตรวจสอบอาวุธปืนของคนร้ายที่ใช้ยิงจ่อศรีษะของ ครูสุวิทย์และครูโดม หลังจากจุดชนวนระเบิดแล้วเสร็จนั้น เจ้าหน้าที่พบคนร้ายใช้อาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก เป็นอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.จำนวน 3 กระบอก และอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบะ ซึ่งผลการตรวจสอบวิถีกระสุนปืนพบว่ามีอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.และอาวุธปืนเอ็ม.16 รวม 2 กระบอก จาก 4 กระบอก นายอับดุลเลาะ บูละ เคยใช้บุกยิง อส.ทพ.หญิง นูรีซัน พรหมศรี สังกัด ร้อย ทพ.49 ขณะขายอาหารในช่วงเดือนรอมฎอน ที่ตลาดนัดดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 26 เม.ย.67 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้หลังกิจกรรมแล้วเสร็จ พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 พ.อ.พัศวีร์ โปชะดา ผบ.ฉก.ทพ.49 พ.ต.ท.ธีระโชต ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย ตชด.447 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ถือโอกาสพูดคุยในวงอาหารกลางวัน ที่ ฐานปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ซึ่งตั้งอยู่ในวัดศรีสาคร เพื่อวางแผนส่งกำลังเปิดยุทธการณ์ปลิดชีพโจรใต้ ด้วยการส่งกำลังชุดรบพิเศษและชุดป่าภูเขา ในการติดตามไล่ล่านายอับดุลเลาะ บูละ และพวก ที่หลบหนีกบดานอยู่บนเทือกเขาเมาะแต ในพื้นที่เขตรอยต่อ อ.จะนะกับ อ.ศรีสาคร ซึ่งภารกิจยุทธการในครั้งนี้ มีกำหนดการไล่ล่ากดดันการใช้บังคับกฎหมายเป็นเวลา 1 เดือน หรือ จนกว่าจะสามารถจับกุมบุคคลดังกล่าวได้ /////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มวยมหากุศล ศึกเจ้าพ่อเจ้าแม่ดาบทองตากฟ้า ณ.สนามมวยชั่วคราวตลาดสดตากฟ้า ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์

แชร์เนื้อหานี้

ศึกมหากุศลศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ดาบทองตากฟ้า ประธานกล่าวเปิดงาน นาย สิรศักดิ์ ทัศยาพันธุ์ (นายอำเภอตากฟ้า)

วันที่ 21 มกราคม 2568 ศึกมหากุศลศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ดาบทองตากฟ้า ประธานกล่าวเปิดงานศึกมหากุศล นาย สิรศักดิ์ ทัศยาพันธุ์ นายอำเภอตากฟ้า

ดำเนินงานโดย ผู้ใหญ่รุ่งชัย พิณเสนาะ และคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ดาบทองตากฟ้า ผู้สนับสนุน ส.ส. พีระเดช ศิริวัณสาณฑ์ ส.ส.เขต.5 นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย

นาย ดนุ ธนกิจวรบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล สุขสำราญ นายนิรันดร์ ดิสา ผู้ใหญ่หมู่ 3 ตำบลสุขสำราญ นายมนต์ชัย วิรธนานันท์ (เฮีย ป๋อง ) ร้านตากฟ้าการยาง นายกิติภพ วิกิจการโกศล ร้านพีระศักดิ์ปุ๋ยยาปราบศัตรูพืช,เมล็ดพันธุ์พืช

นายอำนาจ เอี่ยมสุภา กำนันตำบลสุขสำราญ คุณไพโรจน์ มั่งทอง ( ช่างเรียนรถไถฟอร์ด ) และได้ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยให้กับนักมวย และผู้สนับสนุนอีกมากมายที่ไม่ได้เอ่ยนาม

ณ.สนามมวยชั่วคราวตลาดสดตากฟ้า ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์
ประกบคู่มวยโดย หมอเต้น ขุนหมื่นฟาร์ม +จักรกฤษณ์ นิลฉ่ำ
เอ.คนข่าว รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มุกดาหารเตรียมงานฉลอง “ตรุษจีนมุก ซินจ่าว’ ครั้งที่ 5 จัดเต็มอาหาร-การแสดง 4 ชาติ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่มูลนิธิการกุศลมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตรุษจีนมุก ซินจ่าว

ระหว่างวันที่ 27 – 30 มกราคมนี้ ณ บริเวณพื้นที่ย่านเมืองเก่า (แยกโรงแรมฮั่วนํา – มูลนิธิการกุศลมุกดาหาร – ศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง) ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

นายวรญาณ กล่าวว่า จังหวัดมุกดาหารได้เตรียจัดงานเฉลิมฉลอง ตรุษจีนมุก ซินจ่าว เป็นครั้งที่ 5 โดยที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนและนักท่องเที่ยว

สำหรับปีนี้มีความพร้อมในการจัดงานให้ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม เนื่องจากหน่วยงานทุกภาคส่วนได้ร่วมใจกัน และมีความพร้อมทุกมิติ เพื่อให้ทุกคนที่มาเที่ยวชมงานจะได้สัมผัสความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งด้านอาหาร ภาษา ศิลปวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายจีน ลาว เวียดนาม รวมทั้ง 8 ชนเผ่าในมุกดาหาร

โดยมีกิจกรรมเด่นภายในงาน ประกอบด้วย กิจกรรมผู้ว่าพาไหว้ 4 ศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านมุกดาหาร การแสดงศิลปะการต่อสู้สืบสานวัฒนธรรมจีน “เอ็งกอ” การแสดงเชิดสิงห์โต

การแสดงบาสะโลป 4 แผ่นดิน และการแสดงศิลปะวัฒนธรรม ไทย จีน เวียดนาม ตลอด 4 วัน การประกวดหนูน้อยอินโดไชน่า การประกวด Cover Dance การประกวดสุนทรพจน์ การประกวดตกแต่งโคมไฟหน้าบ้านรับตรุษจีน

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีจุดเช็คอินถ่ายภาพ มากกว่า 8 จุด การแสดงดนตรี หลากหลายแนวเพลง ตลอดทั้ง 4 วัน ถนนอาหารนานาชาติ กว่า 60 ร้านค้า และกิจกรรมเช็คอินถ่ายภาพ ลุ้นรับอั่งเปารวมมูลค่ากว่า 10,000 บาท ทุกวัน

จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวแต่งตัวลุคชิลสวยงามมาถ่ายภาพกับจุดเช็คอินที่หลากหลายวัฒนธรรมสไตล์ รวมถึงร่วมกิจกรรมภายในงาน ณ ย่านเมืองเก่ามุกดาหาร ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. ของทุกวันที่จัดงาน

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /พิธีรับส่งมอบ ผู้บังคับการ ตร.ภูธรเชียงใหม่ พร้อมสานต่อเพิ่มประสิทธิภาพข้าราชการ ตำรวจ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา

แชร์เนื้อหานี้

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568
เวลา 07.30 น. พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยคุณจารุณี แก่นจันทร์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจเชียงใหม่ ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพระพุทธพิทักษ์บดีศรีล้านนา พระพุทธรูปประจำ ภ.จว.เชียงใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่

ต่อมาในเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รรท.รอง ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ทำพิธีส่งมอบแฟ้มและธงประจำหน่วย จากนั้นได้ตรวจเยี่ยมและทักทายกำลังพลในแถว

โดย พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ตนจักปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ยกระดับหน่วยงานในสังกัด ให้มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ และพร้อมให้บริการประชาชน ควบคู่กับการ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี แก่กำลังพลทุกนาย

สร้างความยอมรับเชื่อถือ รวมทั้งดำเนินการบริหารงานอย่างเป็นธรรม โดย “เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมาย ที่นำ สมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนสานต่อแนวทางการดำเนินงาน ของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้มีประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดแก่ทางราชการต่อไป.,.พิธีรับส่งมอบงานในหน้าที่ราชการ #ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ พร้อมสานต่อเพิ่มประสิทธิภาพข้าราชการ ตำรวจ ตามนโยบายผบ.ตร. เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา

สมจิตร แสงบัลลัง รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “งดงามล้ำค่า”มีน กาญจนา ณ กาฬสินธุ์ นางสาวไทยกาฬสินธุ์ ๒๕๖๘

แชร์เนื้อหานี้

“งดงามล้ำค่า”
มีน กาญจนา ณ กาฬสินธุ์ นางสาวไทยกาฬสินธุ์ ๒๕๖๘
ลูกหลาน เลือดกาฬสินธุ์
นางสาวไทยคนแรกของจังหวัด กาฬสินธุ์ และยังดำรงตำแหน่ง ทูตวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์

มีน กาญจนา นางสาว กาญจนา ณกาฬสินธุ์
Miss Kanjana Na kalasin
ชื่อเล่น มีน Nickname Meen
ภูมิใจลำเนา อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์
วันเดือนปีเกิด 22/03/2004 อายุ 20ปี
ความสามารถพิเศษ: ร้องเพลง รำไทย

Fb : Kanjana Na kalasin
Tiktok : Meen_babymene
IG : _mm.meen กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชั้นปีที่3 ฝากทุกคน ช่วยส่งแรงเชียร มีน ในการประกวดนางสาวไทย2568 นี้ด้วยนะคะ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน มอบผ้าห่มกันหนาวให้นายกสมาคมสื่อมวลชนจ.น่าน

แชร์เนื้อหานี้

น่าน เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ณ วัดมิ่งเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พระสุนทรมุนี(หลวงพ่อเสน่ห์) รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองได้เมตตามอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 10 ผืนให้กับนายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านเพื่อนำไปมอบต่อให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ยากไร้

เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศในพื้นที่จังหวัดน่าน ในช่วงฤดูหนาวมีอุณหภูมิต่ำสภาพอากาศหนาวเย็น ทำให้ประชาชนต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกายและจัดหาเครื่องแต่งกายและผ้าห่ม เพื่อรักษาความอบอุ่นแก่ร่างกาย และป้องกันการเจ็บป่วยเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งทางสมาคมสื่อมวลชนจงหวัดน่าน ได้เล็งเห็นถึง ข้อจำกัดของประชาชนในพื้นที่ตำบลไชยสถาน และ ในพื้นที่จังหวัดน่าน บางกลุ่มเช่น ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ ผู้ต้อยโอกาส และ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ผ้าห่มกันหนาวหรือทุนทรัพย์ในการจัดหาเครื่องแต่งกาย ผ้าห่มกันหนาว ในการนี้สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านขอขอบพระคุณท่านพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่านเป็นอย่างสูงที่ให้ความอนุเคราะห์เมตามอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 10 ผืนมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ และทางสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน จะนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กระทรวงกลาโหม ร่วมกับ กองทัพภาค 2 และ มทร.อีสาน พัฒนารถปฏิบัติการสื่อสารสนับสนุนด้านความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ณ กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดย กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม ร่วมกับ กองทัพภาคที่ ๒ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ลงพื้นที่ร่วมทดสอบระบบงานวิจัย โครงการพัฒนารถปฏิบัติการสื่อสารเพื่อบูรณาการระบบการสื่อสารของกระทรวงกลาโหมเพื่อเป้าหมายในการสนับสนุนด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม และเข้าช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติต่างๆ พลโท นรเศรษฐ์ พงษ์เจริญ เจ้ากรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม ตัวแทนสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมกับ พลตรี กิตติศักดิ์ ถาวร เสนาธิการกองทัพภาคที่ ๒ และ ผศ.ดร.เอนก เจริญภักดี รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ นโยบายและแผน ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

ลงพื้นที่กองทัพภาคที่ ๒ เพื่อรับชมการทดสอบระบบรถปฏิบัติการสื่อสาร ภายใต้โครงการพัฒนารถปฏิบัติการสื่อสารเพื่อบูรณาการระบบการสื่อสารของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหนึ่งในงานวิจัยโดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จากทุนวิจัยของ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และมี กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม (ทสอ.กห.) หน่วยขึ้นตรงของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับประโยชน์ ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถบูรณาการระบบสื่อสารเพื่อสนับสนุนภารกิจให้กับหน่วยงานของกระทรวงกลาโหม ในภารกิจด้านความมั่นคงและบรรเทาสาธารณภัย ในการป้องกัน รักษาผลประโยชน์สาธารณะ และช่วยเหลือประชาชน โครงการพัฒนารถปฏิบัติการสื่อสารเพื่อบูรณาการระบบการสื่อสารของกระทรวงกลาโหม เกิดขึ้นจากอุปสรรคเหตุการณ์ต่างๆ อาทิ การเกิดอุทกภัย วาตภัย หรือภัยอื่นๆ มักจะตามมาด้วยความล้มเหลวของระบบการสื่อสาร ไม่สามารถได้ข้อมูลที่ทันเวลาจากพื้นที่ประสบภัย

จึงทำให้หน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือไม่สามารถได้ข้อมูลที่ทันสมัยในการประเมินสถานการณ์และให้การช่วยเหลือได้ถูกต้องทันเวลา กระทรวงกลาโหม ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงและอีกหน้าที่หนึ่งคือเป็นผู้ช่วยในงานที่นอกเหนือจากหน้าที่ปกติ เช่น การป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย และที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหมขึ้น เพื่อเชื่อมโยงระบบการสื่อสารกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกกระทรวงกลาโหม สำหรับติดตามสถานการณ์และสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ซึ่งยังประสบปัญหาและอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารเช่นเดียวกัน กระทรวงกลาโหมจึงมีความจำเป็นที่จะวิจัยและพัฒนารถปฏิบัติการสื่อสารเพื่อบูรณาการระบบการสื่อสารของกระทรวงกลาโหมในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล การตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาเพื่อการป้องกันและรักษาประโยชน์สาธารณะ และการช่วยเหลือประชาชน

สำหรับงานวิจัยโครงการพัฒนารถปฏิบัติการสื่อสารเพื่อบูรณาการระบบการสื่อสารขอ กระทรวงกลาโหม โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เป็นผู้ดำเนินการวิจัยและพัฒนา ด้วยกองทุนของ กสทช. นั้น นับเป็นการพัฒนาระบบสื่อสารที่สามารถบูรณาการได้หลากหลาย ปลอดภัย รวดเร็ว และมีระบบทางเลือกในการใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับเหตุการณ์ สถานที่ และสภาพแวดล้อม สามารถติดตามสถานการณ์และสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล รวมถึงการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา โดยได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ระบบการสื่อสาร อุปกรณ์บันทึกภาพและเสียง รวมถึงเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า บนรถบรรทุกขนาดเล็กในเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑ คัน ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถเริ่มปฏิบัติการสื่อสารได้ภายในเวลา ๑๕ นาทีหลังจากเข้าพื้นที่สถานการณ์ และแน่นอนว่า รถปฏิบัติการสื่อสารดังกล่าว จะสามารถบูรณาการระบบสื่อสาร

เพื่อสนับสนุนภารกิจให้กับหน่วยงานของกระทรวงกลาโหม ในภารกิจด้านความมั่นคงและบรรเทาสาธารณภัยพร้อมทั้ง ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกระทรวงกลาโหมและสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสามารถติดตามสถานการณ์ในพื้นที่และได้รับข้อมูลสำคัญๆเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ณ ศูนย์บัญชาการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้เมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดย กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม (ทสอ.กห.) จะเป็นหน่วยงานแรกๆที่จะเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย สามารถดำเนินการวางแผน ประสานงาน และสนับสนุนงานด้านการสื่อสารต่างๆ ทั้งเรื่องวิทยุ คลื่นความถี่ ภาพถ่ายดาวเทียม รวมถึงการติดตั้งระบบการสื่อสารทางโทรศัพท์ ที่จะสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที หากได้รถปฏิบัติการสื่อสารฯในงานวิจัยครั้งนี้ มาช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคของระบบการสื่อสารในพื้นที่ภัยพิบัติจะทำให้การช่วยเหลือนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับการทดสอบระบบในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ ๒ ครั้งนี้ ทำการทดลองใช้งานกับระบบที่ใช้งานจริงของกองการสื่อสาร ศูนย์ดิจิทัล กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม โดยมีการจำลองสถานการณ์และทำการทดสอบแบบเต็มระบบ ในสภาวะการสื่อสารปกติและการจำลองสภาวะการสื่อสารไม่ปกติ เช่น เกิดการคับคั่งของการสื่อสารในพื้นที่ เป็นต้น หลังจากการทดสอบนี้แล้ว จะมีการนำผลลัพธ์ที่ได้มาปรับปรุงให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้งาน และจะทำการทดสอบระบบอีกครั้ง ณ กองพันระวังป้องกัน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม รวมถึงจะมีการอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความเข้าใจทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จำนวน ๓หลักสูตร ก่อนจะมีการส่งมอบรถปฏิบัติการสื่อสารในโครงการนี้ให้กับ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดย กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม เพื่อใช้ในภารกิจต่อไป

โดย พลโท นรเศรษฐ์ พงษ์เจริญ เจ้ากรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม กล่าวว่า หลังจากเสร็จสิ้นงานวิจัยและมีการส่งมอบรถปฏิบัติการสื่อสารฯแล้ว ทาง ทสอ.กห. ผู้รับประโยชน์ในงานวิจัยนี้ จะนำเครื่องมือการสื่อสารดังกล่าวมาใช้งานตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และจะมีการวางแผนงานการซ่อมบำรุงรักษา รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลการใช้งานต่างๆให้มากที่สุด เพื่อนำไปวิเคราะห์ ประเมินผล และนำมาต่อยอดในงานวิจัยครั้งต่อๆ ไปพร้อมเชื่อมั่นว่าผลของงานวิจัยครั้งนี้จะช่วยลดปัญหาและอุปสรรคต่างๆของระบบการสื่อสารเพื่อสนับสนุนงานด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม และเข้าช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆได้มากยิ่งขึ้น อีกด้วย

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อนุฯซอฟต์พาวเวอร์ เตรียมจัดงาน “รากเหง้าภูมิปัญญามวยไทย เกรียงไกรสู่ชาวโลก” ที่อุทยานราชภักดิ์ 5-6 ก.พ.นี้

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.68 ที่ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกมวยไทยลุมพินี กรุงเทพฯ ดร.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา เป็นประธานการแถลงข่าวงานมหัศจรรย์ วันมวยไทย ดังไกลสู่ชาวโลก ประจำปี 2568 “Amazing MuayThai World Festival 2025” ในวันที่ 5 – 6 ก.พ.68 ณ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ  พร้อมด้วย นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง, นายณัฐพล อันตรเสน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย, นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ, นางพัชรินทร์ สิทธิพรรณโยธา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมกิจกรรม ฝ่ายกิจกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, พล.ต.พิพัฒน์ จงวัฒนาไพศาล ผู้อำนวยการสำนักกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก และผู้ให้การสนับสนุนร่วมการแถลงข่าว

ทั้งนี้ กองทัพบก ได้ประสานความร่วมมือกับ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, การกีฬาแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง รวมทั้งภาคเอกชน และส่วนราชการต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ กำหนดจัดงานมหัศจรรย์ วันมวยไทย ดังไกลสู่ชาวโลก ประจำปี 2568 “Amazing MuayThai World Festival 2025” ในวันที่ 5 – 6 ก.พ. 2568 ณ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (สมเด็จพระเจ้าเสือ) องค์พระบิดามวยไทย ในโอกาสครบ 323 ปีแห่งวันขึ้นครองราชย์ (ในวันที่ 6 ก.พ. 2568) เพื่อส่งเสริมให้มวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติไทยและมรดกของชาติไทย

รวมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของศิลปะทางปัญญาของบรรพบุรุษไทย ในการต่อสู้ในระยะประชิด ซึ่งเป็นวิชาการป้องกันตัวของนักรบไทย อีกทั้งเป็นการสนับสนุนนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย “ปัญญา” และ “สร้างสรรค์“ เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยให้ประสบความสำเร็จ และผลักดัน “Soft Power” ไทย ด้วยการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอด สร้างสรรค์สินค้าและบริการ (Creative Culture) เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง
โดยมีกิจกรรมที่สำคัญที่เน้นไปถึงการย้อนอดีตในแง่ ประวัติศาสตร์ จารีต ประเพณี และวัฒนธรรม ที่ใช้นักแสดงกว่า 2,000 คน ประกอบด้วย 1. พิธีย้อนประวัติศาสตร์รากเหง้าสู่ความยิ่งใหญ่มวยไทย ของบรรพบุรุษไทยโบราณที่ได้คิดค้น ฝึกฝนและพัฒนาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า

เพื่อใช้ในการป้องกันตัว และปกป้องประเทศชาติจากการทำศึกสงคราม 2. การแปรรูปขบวนทหารเป็นตัวเลขไทย 323 ปี เพื่อน้อมรำลึกถึงบิดามวยไทย 3. การแสดงผลสัมฤทธิ์ของกีฬามวยไทยไปสู่ความเป็นสากล และการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยและรำไหว้ครู อันงดงามยิ่งใหญ่ของคนที่มาร่วมในพิธีทั้งคนไทยและต่างชาติ ประกอบแสง สี เสียง และการจุดพลุเฉลิมฉลองประเพณีมวยไทยอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา

สำหรับในปีนี้จะมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ พิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพ-กษัตริย์ 7 พระองค์ และสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (สมเด็จพระเจ้าเสือ), การถวายพระราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, การจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์มวยไทย, การแข่งขันชกมวยไทย, กิจกรรมส่งเสริมในอุตสาหกรรมมวยไทย, การจำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นเมืองของจังหวัดประจวบฯ กว่า 60 ร้านจากร้านดังทั่วจังหวัด และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ของดีเมืองประจวบฯ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานกว่า 10,000 คน จากสมาชิกทั่วทุกมุมโลกที่จะมาเข้าร่วมในการจัดงานฯ ครั้งนี้.

ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ เผยคำแนะนำแนวทางปฏิบัติให้กับทางวัดธรรมิการามวรวิหาร หลังรองปลัดมหาดไทยเซ็นเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ ชี้ยังรอหนังสือทางการจากกรมที่ดินเพื่อเปลี่ยนแปลงชื่อโฉนด  เชื่อทางออกการให้เช่าตามระเบียบจะไม่เข้าข่ายโลกติเตียน พร้อมปฏิเสธไม่ได้ห้ามเจ้าอาวาสวัดเปิดเผยข้อมูลกับสื่อตามที่ไวยวัจกรวัดกล่าวอ้าง หลังจาก นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เซ็นเพิกถอนการจดทะเบียนฯ และนิติกรรมต่างๆ ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมส่งเรื่องไปให้กรมที่ดินดำเนินการต่อไปนั้น

ล่าสุดวันนี้ (21 ม.ค. 68) ความคืบหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยนายรัฐวิชญ์ พาฉิมพลี ผอ.สำนักพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงการเข้าไปกำกับดูแลให้คำแนะนำกับทางวัดธรรมิการามวรวิหาร โดยในเบื้องต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากกรมที่ดิน เพื่อแจ้งไปยังกรมที่ดินส่วนกลางก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร และหลังจากนั้นทางกรมที่ดินส่วนกลางก็จะประสานทางวัดธรรมิการามวรวิหาร เพื่อเปลี่ยนโฉนดเป็นชื่อวัดธรรมิการามวรวิหาร หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของทางวัดธรรมิการามวรวิหาร ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ จะให้เช่าหรือว่าอย่างไร หากให้เช่าจะให้เช่าระยะยาวหรือไม่ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากทางมหาเถรสมาคมก่อน ในส่วนความรับผิดชอบของทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจ.ประจวบคีรีขันธ์ก็จะมีหน้าที่ โดยมีกลุ่มนิติการที่จะคอยให้คำแนะนำในเรื่องของกฎหมายการปฏิบัติ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับทางวัดธรรมิการามวรวิหาร ว่าทางเจ้าอาวาสวัดจะเลือกแนวทางไหน เช่น การให้เช่าระยะยาว หรือการให้เช่าตามระเบียบ 

สำหรับเจตนาของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่บริจาคที่ดินแห่งนี้ให้เป็นธรณีสงฆ์ด้วย เพื่อใช้สำหรับกิจของสงฆ์ จะส่งผลย้อนแย้งกันหรือไม่ โดยผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มองว่ากิจของสงฆ์คือการจัดประโยชน์ ก็จะรวมถึงการเช่าที่ดินตามที่วัดดำเนินการมาด้วย ส่วนพฤติกรรมของคณะสงฆ์จะเป็นสารตั้งต้นของประเด็นดังกล่าวที่มอบที่ดินให้กับมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ในฐานะผู้จัดการมรดก จะขัดแย้งต่อกฎของมหาเถรสมาคม ที่ดำเนินการทำการขายที่ดินธรณีสงฆ์ ประเด็นตรงนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียดอย่างลึกซึ้ง  แต่ตามหลักการแล้ว การขายที่ดินธรณีสงฆ์นั้นไม่สามารถทำได้ผอ.สำนักพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังบอกด้วยว่าตอนนี้ ยังไม่ได้เข้าหารือกับพระเทพวชิรสุธี เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร และ เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ธรรมยุต) แต่อย่างใด  ส่วนเมื่อวานนี้ตามที่ไวยาวัจกรอ้างว่าทางสำนักพุทธจะมาพบท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อวานนี้ตนไปปฏิบัติภารกิจที่อำเภอหัวหิน กลับมาก็ดึก 20.00 น. แล้ว ส่วนที่มีประเด็นว่าทางสำนักพุทธห้ามให้เจ้าอาวาสวัด ให้ข้อมูลกับสื่อนั้นไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ห้ามใดๆ สำหรับประเด็นที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องใหม่ที่ทางสำนักพุทธยังไม่เคยเจอ ส่วนระยะเวลาในการแก้ปัญหาก็ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการของทางกฎหมายด้วย เพราะมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียกว่าหลายราย

นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781


สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / บึงกาฬ มทภ.2 เยี่ยมค่ายคืนคนดีสู่สังคมผู้เสพ 102 คนรับปากไม่กลับไปเสพ

แชร์เนื้อหานี้


วันนี้ (19 ม.ค.68) ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พลโท บุญสิน พาดกลาง พร้อมด้วย พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้ลงพื้นที่เข้าเยี่ยมค่ายฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเพื่อ “คืนคนดีสู่สังคม” จำนวน 102 คน พร้อมกับเยี่ยมผู้ปกครองที่นำอาหารมาเยี่ยมเยือนและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัดและรพ.บึงกาฬ โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ

พ.ต.อ.กรณ์ ไชยเสือ ผกก.ตชด.24 พ.ต.อ.พงศ์พัชร แจ้งหมื่นไวย์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัด นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ นางสุนิสา เอมสมบุญ ยุติธรรมจังหวัดบึงกาฬ ดร.ภมร ดรุณ นายแพทย์ สสจ.บึงกาฬ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ โคตรศรีวงษ์ ผบ.ร้อย ตชด.244 ให้การต้อนรับ

หลังจากแม่ทัพภาค 2 ได้ฟังรายงานจาก ผอ.โครงการฝึกอบรมฯได้สอบถามว่าการที่จะนำผู้เสพเข้าค่ายนี้ นำมาอย่างไร ซึ่งผู้ว่าและก็ทีมงาน ช่วยกันตอบว่ามีทั้งผู้ใหญ่บ้านนำมาส่ง แล้วก็ผู้ปกครองสมัครใจมาเองก็มี ส่วนที่เข้าค่าย 4 เดือน ก็คือตั้งแต่ 2 ธันวาคม 2567-31มีนาคม 2568 นั้น งบประมาณได้มาจาก ป.ป.ส. และก็หากหมดโครงการนี้แล้ว ก็จะของบจาก ป.ป.ส.มาช่วยสานต่อเนื่องจาก ชาวบ้านที่มีลูกมีหลานติดยาทางก็เห็นชอบ

ในการที่จะนำตัวเด็กมาบำบัดรักษา ส่วนผู้ที่เข้าอบรมในโครงการ “คืนคนดีสู่สังคม”ก็คือได้มาจากทาง ผู้นำชุมชนพามาส่งและก็ผู้ปกครองและตัวเองเต็มใจเข้าค่ายมาบำบัดรักษา ซึ่งชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนก็ชื่นชอบเนื่องจากว่าบางคนก็สร้างความรำคาญให้กับชุมชนเมื่อออกจากบ้านหายไป 4 เดือน แล้วกลับเข้าสู่สังคมได้ บางคนก็อยู่ได้ด้วยการฝึกอบรมหรือมีอาชีพใหม่ๆ ถ้าหากว่ายังกระทำผิดอยู่ก็ต้องมาบำบัดใหม่ในรอบต่อไป
ซึ่งทางแม่ทัพภาค 2 กล่าวว่าบางทีถ้ามีโอกาสได้พบ

ท่านวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ก็จะช่วยของบประมาณ มาเพิ่มเติมให้ เพราะว่าบึงกาฬก็มีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นทางผ่านยาเสพติด จับกุมแต่ละทีมีแต่หลักล้านเม็ดขึ้น ถึงแม้ว่าจังหวัดบึงกาฬไม่ใช่เป็นจังหวัดเป้าหมายที่จะทำโครงการนี้ เหมือนจังหวัดสกลนคร นครพนมและจังหวัดร้อยเอ็ด แต่อย่างไรจังหวัดบึงกาฬเราก็ต้องได้ทำอยู่ในโอกาสต่อไปเพราะว่าทางรัฐบาลจะให้ทำ ทั้งหมด 77 จังหวัด
จากนั้น ทางแม่ทัพภาค 2 และคณะได้เดิน ไปเยี่ยมพูดคุยผู้เข้าค่าย คืนคนดีสู่สังคม โดยนั่งรออยู่ที่เต็นท์ด้านข้าง หลังจากพบปะ พูดคุยกับผู้เข้าอบรมแล้วต่างยืนยันว่า “จะไม่เสพ ไม่ค้าอีก”

ส่วนผู้ที่เข้าอบรมครั้งนี้อายุมากที่สุดก็คือ 56 ปี จากนั้นเดินไปเยี่ยมผู้ปกครอง ส่วนมากก็เป็นผู้หญิงที่นำข้าวปลาอาหาร มาฝากลูกๆ ทุกคนต่างยืนยันว่าโครงการนี้ดีมากเลย ที่เห็นเจ้าหน้าที่ออกไปพบปะพูดคุยแล้วก็นำลูกหลานมาช่วยบำบัดรักษา พร้อมกับสอน วิชาอาชีพต่างๆ ให้ด้วย เช่น ตัดผม ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ หรือเดินสายไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ ได้มาฝึกสอนให้ เมื่อออกจากค่ายนี้ไปแล้วก็จะมีอาชีพติดตัว สำหรับคนที่ไม่มี มีสวนยางเป็นของตัวเอง จากนั้นช่วงบ่าย

แม่ทัพภาคพร้อมคณะเดินทางต่อไปยังบ้านนากั้ง เพื่อไปตรวจเยี่ยม บก.ร้อยสกัดกั้นที่ 2 บ้านสุขประเสริฐ ต.นากั้ง อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ รับฟังบรรยายสรุป ที่วัดท่าไทรวนาวาส บ้านท่ากลิ้ง ต.นากั้ง รับฟังบรรยายสรุป ณ.จุดตรวจการณ์ดอนโคลาด พบกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ ก่อนจะเดินทางกลับ.
นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 0933199399

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / บรรยากาศซื้อขายชุดแดงตรุษจีนพัทยายังไม่คึก ผู้ประกอบการชี้ปีนี้เงียบ/คนพัทยาซื้อทอง เก็บ หลังปีใหม่ราคาพุ่งกว่า 1,000 บาทรับตรุษจีน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 20 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รายงานบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ออกมาเลือกซื้อชุดแดงเพื่อสวมใส่ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2568 ในเมืองพัทยา พบว่าช่วงก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้มีประชาชนออกมาเลือกซื้อชุดแดงตรุษจีนไม่คึกคักเท่าไรนัก

สอบถามเจ้าของร้านปู บูติค นาเกลือ เล่าว่า บรรยากาศซื้อขายชุดแดงตรุษจีนปีนี้ถ้าเทียบกับปีที่แล้วถือว่าเงียบกว่ามาก คาดว่าหยุดยาวปีใหม่หลายวันทำให้คนยังไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่เชื่อว่าเมื่อใกล้วันจ่ายจะมีประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากกว่านี้ เพราะแต่ละปีวันจ่ายจะมีลูกค้ามาเลือกซื้อชุดเพื่อสวมใส่ในเทศกาลเป็นจำนวนมาก

เมืองพัทยาได้กำหนดจัดงานเทศกาลตรุษจีนเมืองพัทยา ในวันเสาร์ที่ 25 และวันพุธที่ 29 มกราคม 2568 โดยในวันที่ 25 มกราคม 2568 มีการประกวด ตี๋-หมวย ไชนีส ชิงทุนการศึกษารวม 100,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศและสายสะพาย พัทยาที่ลานกิจกรรมสวนสาธารณะลานโพธิ์ (นาเกลือ) การแสดงมังกรและสิงโต การแสดงวงดนตรีจากวงเซฟแพลนเน็ต วันที่ 29 มกราคม 2568 มีพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษเทศกาลตรุษจีนเมืองพัทยา ที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช ศาลาว่าการเมืองพัทยา อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (พัทยา) เขา ส.ทร.5 (พัทยา) และมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน นาเกลือ

คนพัทยายังซื้อเก็บหลังปีใหม่ราคาพุ่งกว่า 1,000 บาทรับตรุษจีน ปธ.ชมรมร้านทองพัทยาชี้สถานการณ์โลกยังคงทำราคาทองผันผวน

ด้วยใกล้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 คนไทยเชื้อสายจีนมีกนิยมซื้อทองคำและทองรูปพรรณให้บุตรหลาน ตลอดจนเจ้าของกิจการซื้อให้ลูกน้องเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่รายงานบรรยากาศร้านทองพัทยา

ทั้งนี้ จากการสอบถามนายบรรจง บัณฑูรประยุกต์ ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านทอฃเทืองพัทยา ในฐานะเจ้าของห้างทองทองดีเยาวราช ปากซอย 9 ถนนพัทยากลง เปิดเผยว่า ราคาทองมีความผันผวนในช่วงก่อนปีใหม่จะอยู่ที่ประมาณบาทละ 43,000 กว่าบาท แต่พอเลยปีใหม่แล้วมีการปรับขึ้นถึง 44,000 กว่าบาท คือราคาขึ้นถึงพันบาท ทำให้ช่วงนี้ราคาทองแพง

แต่ด้วยเศรษฐกิจต่างๆ ที่กระเตื้องขึ้น ทำให้คนนิยมซื้อเพื่อออมทองเก็บไว้ ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ประชาชนซื้อทองและสะสมทองกันมากขึ้น เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ประชาชนรู้จักใช้จ่าย และหันมาเก็บเงินเก็บทองมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานการณ์ราคาทองคำจะยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่องด้วยสถานการณ์โลก ทั้งมีการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีคนใหม่ผู้นำสหรัฐฯ ทั้งสถานการณ์ความไม่สงบปัญหาในประเทศตะวันออกกลาง สงครามรัสเซียและยูเครน ทั้งหมดนี้มีผลต่อราคาทองคำด้วยเช่นกัน