เรื่องทั้งหมดโดย admin

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทักษิณ’ ช่วย ‘ภูมิพันธ์’ หาเสียง อ้อนชาวบึงกาฬ เลือกเป็นนายกอบจ.คนใหม่

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (19 ม.ค. 68) เวลา 9.00 น. ที่จังหวัด​บึงกาฬ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามกีฬาโรงเรียนบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับว่าที่ร้อยตรี ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ชิง นายก อบจ.บึงกาฬโดยทันทีที่นายทักษิณเดินทางมาถึงเวทีมีมวลชนจำนวนมากรอต้อนรับ สวมเสื้อสีแดง พร้อมผ้าคาดหัวที่สกรีนเบอร์ผู้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทำให้บริเวณหน้าเวทีปราศรัยกลายเป็นลานสีแดง หลายคน ชูป้ายให้กำลังใจนายทักษิณบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายทักษิณ กล่าวทักทายว่า “คิดฮอดหลาย”พร้อมบอกว่า เมื่อกี้ถูกสาวบึงกาฬจีบหลายคนบอกว่าตนเองยังหล่ออยู่ ความจริงมันเฒ่าแล้วเดือนกรกฎาคมนี้จะอายุ 76 แล้วแต่ หัวใจยังสะออนอยู่ หัวใจยังอยู่กับพี่น้องประชาชนยังอยากคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยพี่น้อง บ้านเมืองนี้หลัง หลายคนบอกว่าคิดถึงผมจริงหรือเปล่าครับ สิ่งหนึ่งที่ผมมีความเกี่ยวข้องกับคนบึงกาฬตรงๆคือเมื่อปี 2546 ตอนนั้นผมเป็นนายกไปประชุมครม.สัญจรที่ภูเก็ต ได้สั่งยกเลิกมติครม.สมัยคุณชวน ที่บอกว่าไม่ขยายพื้นที่ปลูกยางพารา ผมให้เพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราอีก 1ล้านไร่ ซึ่งวันนี้บึงกาฬก็ล้านไร่ไปแล้ว

จากที่ตนออกไปมันขาดการบริหารอย่างมีเป้าหมายไปเยอะ เรียกว่าบริหาร โดยไม่บริหาร บ้านเมืองก็เลยแย่ไปหลายจุด ในฐานะที่ตนเองเป็นอดีตนายกฯ ได้รับพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ จึงคิดว่าอยากทำให้บ้านเมืองดีขึ้นวันนี้ท่าทางคนบึงกาฬอารมณ์ดี สงสัยจะไม่มีความทุกข์ ถามว่ามีทุกข์หรือมีหนี้หรือไม่ และไปลงทะเบียนเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้แล้วหรือไม่ ราคายางพาราดีขึ้นไหม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬใครดูข่าวที่นายกรัฐมนตรีไปเปิดบ้านเพื่อคนไทยบ้างผ่อนเดือนละ 4,000 บาท มีคนแห่ไปกดจอง 23​ ล้านคน ซึ่งโครงการแรกเพิ่งสร้างได้ 4,700 หลังต้องจับฉลากกันตาตั้งเลยนายทักษิณ ถามต่อถึงปัญหายาเสพติดในพื้นพื้นที่​ โดยถามว่าต้องการให้จัดการหรือไม่เอาแบบไหนดี ตอนตนไปหาเสียงช่วยนายกอบจ. ที่อุดรธานีก็ได้ฝากบอกพี่น้องกลับไปบอกพ่อค้ายาเสพติด​ ว่าทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณไม่ใช่ไม่ชอบพ่อค้ายาแต่เกลียดเลย ถ้ายังขายยาอยู่มันอยู่ด้วยกันไม่ได้ พร้อมฝากบอกชาวบึงกาฬเช่นเดียวกันว่าทักษิณมาแล้วแม้จะแก่แล้วก็เหมือนเดิม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬว่า อยากให้สร้างบ้านเพื่อคนไทยบ้างหรือไม่ ซึ่งบ้านเพื่อคนไทยไม่ใช่บ้านเพื่อคนจนแต่เป็นบ้านให้ทุกคนที่มีความฝันอยากมีบ้านได้มีบ้าน เมื่อก่อนเราอยากมีบ้านต้องหาเงินดาวน์ก่อน แต่เมื่อเก็บเงินได้ ราคาบ้านก็ขยับขึ้น วันนี้จึงเอาที่หลวงซึ่งเป็นที่รถไฟที่ติดกับรถไฟฟ้า ที่จะมีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในอนาคตมาเป็นพื้นที่ที่ทำโครงการ ส่วนในต่างจังหวัดก็ใช้ที่ของกรมธนารักษ์ ที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างโดยที่เชียงใหม่กำลังจะเริ่มทำ ส่วนที่บึงกาฬ เดี๋ยวให้นางนพร​ เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมช่วยดู ว่าที่ตรงไหนที่ไม่ได้ใช้ เหมาะสมกับการทำที่อยู่อาศัยหรือไม่ เราจะได้มาสร้างกัน

วันนี้กะว่าจะสร้างทั่วประเทศ 1,000,000 ยูนิต แต่ยังไม่พอเพราะยังมีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองแม้จะหนักแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการก่อสร้างการรับจ้าง ที่สำคัญคือบ้านเพื่อคนไทยใช้ระบบส้วมไฟฟ้า ส่วนเรื่อง Entertainment Complex ว่ามันก็เหมือนที่ลาสเวกัส มีสนามกีฬา มีหอประชุม มีการจัดงานอะไรสารพัดอย่าง มีสวนน้ำ มีบางคนจะเสนอแม้กระทั่งจะสร้างที่เล่นสก็บนหิมะ แต่พื้นที่ใหญ่ ๆ นี้จะใช้พื้นที่ไม่ถึง 10% ทำเป็นคาสิโน เหมือนที่สิงคโปร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาใช้ตังค์ มาท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละแห่ง จะสร้างงาน​ 20,000 คน และเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทเพื่อรายได้ต่างๆเข้าประเทศ อันนี้เป็นแนวที่รัฐบาลได้ทำต่อเนื่องจากจากรัฐบาลที่แล้ว หลังจากถามความเห็นและมีคนคัดค้านน้อยมาก

โดยจะต้องทำให้มีการควบคุมให้ถูกต้อง คนไทยจะไปเล่น ต้องเป็นคนมีฐานะ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวหมดตัวอันนี้เราจะดูแลอย่างใกล้ชิดและถูกต้องตามหลักตามที่ประเทศพัฒนาแล้วเขาทำกันนายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลรับช่วงมาก็เป็นหนี้ตั้ง 60% ของจีดีพี วันนี้จึงต้องพยายามทำให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ให้เงินสะพัดคล่องขึ้นให้ประชาชนมีเงินใช้ เอาให้เหมือนตอนตนอยู่ไทยรักไทย”วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีเงินในกระเป๋าเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วงออกมาก็เจอตั๋วจำนำ ก่อนครบเทอมของรัฐบาลนี้ล้วงกระเป๋าไปตั๋วจำนำหาย ปี 2569 ล้วงไปมีเงินแล้ว และในปี2570

กลับมาอีกทีจะล้วงไม่ลงเพราะเงินเยอะไป แน่นกระเป๋า ที่พูดมีความตั้งใจและมั่นใจว่าเอาไหวแน่แม้ตอนนี้จะลำบากก็ต้องสู้เอาจนได้ ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะไร แพ้แต่เมีย” นายทักษิณกล่าววันนี้เราต้องยอมรับว่าเงินมันแห้ง หาเงินเท่าไหร่เขาก็ดูดกลับไปหมด ซึ่งตนเองเรื่องนี้ ตนเองไม่ยอม คนต่างจังหวัดทำงานแทบตายแม้จะมีเงินน้อยนิดก็ต้องให้มีสภาพคล่องอยู่ในจังหวัด คนต่างจังหวัดเหมือนปลาวางไขในคลองถ้าเขาดูดน้ำไปหมดก็วางไข่ไม่ได้ วันนี้จะดูดกลับให้พี่น้องถ้าเขาไม่ให้ดูดน้ำคลองกลับตนเองก็ยอมเติมน้ำขวด ขอเวลาตนนิดหนึ่ง ทำเต็มที่ คิดไม่หยุดและไม่หยุดทำและไม่หยุดส.ท.ร.(เสือกทุกเรื่อง)

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนเองกลับมาลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ กับตนเองหน้าตาเหมือนกันหรือไม่ ตามตนเองหาเสียง ตอนตั้งพรรคไทยรักไทย ตอนตนเองเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศนายกอิ๊งค์อายุ 8 ขวบ พวงมาลัยดาวเรืองนายกฯ เขาสวมตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เขาอยู่กับการเมืองมาวิธีคิดวิธีพูดก็เหมือนกันระหว่างไปอยู่ต่างประเทศเขาก็ไปหาตนเองแทบทุกเดือน ขณะท้องก็ไปหาแต่งงานยังไปจัดพิธีที่ฮ่องกง เพราะมาร่วมงานที่เมืองไทยไม่ได้ ถือว่าเป็นลูกที่ใกล้ชิดมาก ดังนั้นวิธีคิดวิธีพูดวิธีทำงานเหมือนกันแม้ไม่ได้คุยกันแต่เวลาเขาให้สัมภาษณ์มันตรงกับเราทุกอย่าง ดังนั้นท่านก็มีนายกตัวจริงคือแพทองธาร มีเงาอยู่ข้างหลังคือเงาแก่ ๆ คนนี้

นายทักษิณ ยังระบุว่า บึงกาฬ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดี มียางพาราเป็นฐานเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปเราต้องพัฒนาบึงกาฬ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวให้ได้ ให้ราคายางพาราเพิ่มขึ้น พี่น้องชาวบึงกาฬจะได้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะ ไร แม้แต่เมียตื้นตัน ใจที่พี่น้องชาวบึงกาฦมากันเยอะ แดดออกก็ไม่หนี น่ารักมาก แบบนี้ผมต่องขยันมาแล้ว ซี่นใจจริงๆ ผมเป็นโรค ที่ถ้าไปไหนแล้วประชาชนมาให้การต้อนรับกันเยอะๆ จะมีความสุข ท่าให้คนแก่มีความรู้สึก กระชุ่มกระชวย แล้วรู้สึกไม่แก่ มาวันนี้จึงขอคะแนนเสียงให้ เลือกนายกอบจ.คนหนุ่มๆ ไฟแรง แล้วมีคนแก่ๆ ให้คําปรึกษา มีรัฐมนตรีมนพร และสส.นิพนธ์ คอยเป็นพี่เลี้ยง แบบนี้ใช้ให้เต็มที่เลย ถึงเวลา ต้องเปลี่ยนนายก อบจ. เอานายกภูมิพันธ์ เบอร์ 1 และอย่าลืมเลือกสมาชิก อบจ.เข้าไปด้วย ไม่งั้น ทํางานคนเดียวลําบาก” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า พี่น้องน่ารักกัน จริงๆ ขอขอบคุณมากที่แดดออกก็ไม่หนี แสดงว่ายัง พอรักตนมากอยู่ อยากให้ตนมาหาบ่อยๆ หรือไม่ เลือกเบอร์ 1 หน่อย อย่างน้อยตนก็แวะมานั่งกินกาแฟไข่กระทะกับนายก อบจ.คนใหม่ จะได้แวะมาหาพี่ น้องประชาชน ขอฝากนายภูมิพันธ์ เบอร 1 ไว้ให้เป็นนายก อบจ.คนใหม่ ตนเป็นคนบ้ายอ อยากยอตน ง่าย นิดเดียวแค่เลือกนายก อบจ.และทีมให้ตน ตนก็มี ความสุข ยัง ไงก็ขอพี่น้องชาวนบึงกาฬ ตนมาขอถึงที่แล้ว ยังไงก็ขอเบอร์ 1 และทีม สจ.ทั้งหมด ให้เป็นกําลังใจตน ตนจะได้มาห่างานพี่น้องต่อไป

ข่าว/ภาพ​ ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /117 ปี ของดีเวียงป่าเป้า คนแห่เที่ยวโชว์ของดีจากภูมิปัญญาท้องถิ่น จ.เชียงราย

แชร์เนื้อหานี้

117ปีของดีเวียงป่าเป้าคนแห่เที่ยว เน้นโชว์ของดีจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
ความเป็นอัตตาลักษณ์เวียงป่าเป้า อำเภอเวียงป่าเป้า จ.เชียงรายเป็นอำเภอทางใต้ของจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่กว้างใหญ่ ลักษณะเขาสลับที่ราบมีประกันประมาณ60,000คน

ประกอบด้วย ชนพื้นเมือง ม้ง ลาหู่ ลีซอ กะเกรี่ยง ประกอบด้วย 7ตำบลคือตำบสันสลี ตำบลเวียง ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่างิ้ว ตำบลเวียงกาหลง ตำบลแม่เจดีย์ และตำบลแม่เจดีย์ใหม่. อำเภอเวียงป่าเป้ามีภูเขาสูงชันเป็นอันดับ 5-6ของประเทศ และมีแหล่งกำเนิดต้นน้ำสายสำคัญมีความแปลกไหลขึ้นไปทางทิศเหนือคือแม่น้ำลาว ไหลไปรวมกับน้ำกก ของเชียงราย

จากประวัติการก่อตั้งอำเภอฯช่วงปีพ.ศ.2448 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่6ได้เสด็จประภาสเยี่ยมราษฎรภาคเหนือ ได้ประทับที่อำเภอแห่งนี้ณ หอ พลับพลา ต่อมาเรียกชื่อพลับพลาเพี้ยนเป็นหอประภา ในปีพ.ศ 2478 แต่เกิดไฟไหม้ที่ว่าการอำเภอ หอพลับพลาเสียหาย ขุนวร อุทัยธวัช (ช่วง บุญนาค) ได้ย้ายอำเภอข้ามถนนไปทางทิศตะวันตก อาณาเขตติดต่อกับอำเภอดอยะสะเก็ด จ.เชียงใหม่

ต่อมาได้ทำการยกฐานะจากกิ่งอำเภอ เป็นอำเภอเวียงป่าเป้า2450 จนถึงปัจจุบัน รวมอายุได้ 117ปี อำเภอเวียงป่าเป้าโดยนายพงษ์ศักดิ์ คงเพชรแก้ว นายอำเภอเวียงป่าเป้า จึงได้จัดงาน117ปีของดีเวียงป่าเป้า โดยมีการนำของดีทั้ง7ตำบลเอามาอวดโชว์ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว อาทิเช่นเครื่องปั้นดินเผาเวียงกาหลงฯลฯ

ในครั่งนี้จะสามารถทำให้อำเภอเวียงป่าเป้าเป็นที่รู้จักให้นักท่องเที่ยวแวะเยี่ยมเยียน อำเภอเวียงป่าเป้ายังมีน้ำพุร้อนแม่ขะจาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เป็นจุดพักรถก่อนขึ้นดอยนางแก้วไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และพักรถก่อนขึ้นมายังจังหวัดเชียงราย อีกด้วย

งานของดีเวียงป่าเป้า ตักขึ้นระหว่างวันที่16-23 มกราคม 2568 ณที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้า ในงานดังกล่าวมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดงานอย่างเป็นทางการ ในงานดังกล่าวมีการออกร้านมัจฉากาชาดอำเภอเวียงป่าเป้า มีของรางวัลมากมาย และมีบูธส์เกษตรแม่ปูนหลวง

โครงการหลวง นำผักปลอดสารพิษจำหน่ายให้กับผู้สนใจรักสุขภาพ สภาวัฒนธรรมอำเภอเวียงป่าเป้าได้นำสมุนไพรพื้นบ้านต้มบริการให้ผู้สนใจ “ยาเมือง” อนึ่งยังมีโอท็อปเครื่องจักรสานไม้ไผ่ ของกินพื้นบ้านจิ้นส้ม หรือส้มหมูจำหน่ายให้กับประชาชนที่ชื่นชอบอาหารพื้นเมือง

นายพงษ์ศักดิ์ คงเพชรแก้ว นายอำเภอเวียงป่าเป้ากล่าวว่าหากนักท่องเที่ยวและประชาชนทราบข่าวนี้เชิญแวะแอ่วงาน117ปีของดีเวียงป่าเป้าแวะอุดหนุนสินค้า ผลิตภัณฑ์ชุมชนซึ่งเป็นของดีอำเภอเวียงป่าเป้า.
นายธนกฤต วรรมณี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตำรวจไทยสุดยอด!!! เจอเด็กญี่ปุ่นแล้ว สถานทูตญี่ปุ่นมารับตัวกลับประเทศโดยปลอดภัย

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (18 มกราคม 2568) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยว่า กรณีเยาวชนชายชาวญี่ปุ่นที่หายตัวไป ญาติไม่สามารถติดต่อได้หลังจากเดินทางมาประเทศไทยนั้น ล่าสุดตำรวจพบตัวแล้ว และได้ประสานทางการญี่ปุ่นรับตัวกลับประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สร้างความยินดีกับครอบครัวและชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าครอบครัวเยาวชนชายคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือกรณีเยาวชนดังกล่าวเดินทางมายังประเทศไทยแล้วไม่สามารถติดต่อได้ ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยช่วยตรวจสอบ ต่อมา พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. เร่งตรวจสอบจนพบเยาวชนชายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุเยาวชนชายชาวญี่ปุ่นได้เล่นเกมออนไลน์เกมหนึ่ง ซึ่งสามารถเล่นได้กับผู้อื่นแบบสาธารณะ จนกระทั่งสนิทสนมกับบุคคลหนึ่งในเกม และถูกชักชวนมายังประเทศไทย เยาวชนชายคนดังกล่าวจึงเดินทางมายังประเทศไทยโดยไม่แจ้งให้ทางครอบครัวทราบ จากนั้นทางครอบครัวไม่สามารถติดต่อได้ จึงขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และตำรวจญี่ปุ่น ก่อนมีการประสานกับตำรวจไทยให้ช่วยติดตามตรวจสอบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร.ได้ติดตามจนพบตัวเยาวชนดังกล่าว โดยใช้เวลาเพียง 1 วัน หลังได้รับแจ้ง และได้ประสานสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยให้รับตัวกลับประเทศโดยปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยล่าสุดทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดย พ.ต.อ.นาโอโตะ วาตานาเบะ ผู้ช่วยทูตตำรวจญี่ปุ่น , นายซาโต้ โทโมโนริ เลขานุการโท และกงสุล และ นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เพื่อแสดงความขอบคุณในการให้ความช่วยเหลือติดตามตัวเยาวชนชายชาวญี่ปุ่น จนกระทั่งสามารถพากลับประเทศอย่างปลอดภัยในเวลาอันรวดเร็ว

ทั้งนี้ รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับข้าราชการตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดูแลนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด โดย พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. และตำรวจทุกพื้นที่ ทุกหน่วยงาน ใส่ใจในการช่วยเหลือทุกกรณีอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับเยาวชนไทยด้วย จึงขอฝากเตือนเด็กและเยาวชนให้ระมัดระวังการติดต่อพูดคุยกับบุคคลแปลกหน้าในเกมออนไลน์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อาจมีผู้ไม่หวังดีชักชวนให้ทำเรื่องที่ไม่สมควรได้ และขอฝากพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้คอยดูแลบุตรหลานในการเล่นเกม หรือใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างระมัดระวัง และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เหมาะสมแก่บุตรหลาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตราย หรือเดือดร้อนเป็นภัยกับตัวเอง

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภูธรจ.น่าน รวบแก๊งคนร้ายหลอกลงทุนทำงานสร้างรายได้

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 18 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ลานอาคารที่ทำการ ภ.จว.น่าน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศปอส.ตร. และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ ภ.5/ผอ.ศปอส.ภ.5

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นบริษัท R/GA ประเทศไทย สาขาน่าน มีพฤติการณ์ชักชวนประชาชนทั่วไปให้ลงทุนทำงานสร้างรายได้ ศปอส.ภ.จว.น่าน จึงได้ปฏิบัติการภายใต้ยุทธการ “ปราบซิมม้า ล่าบัญชีผี” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในครั้งนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศปอส.ตร. ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จึงได้สั่งการให้ ศปอส.ภ.จว.น่าน เร่งรัดดำเนินการเชิงรุกเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อป้องกันไม่ให้ขยายความเดือดร้อนออกไปเป็นวงกว้างเพิ่มขึ้น

หลังจากได้รับสั่งการ ผบก.ภ.จว.น่าน ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ภ.จว.น่าน รับผิดชอบทำการสืบสวนและสอบสวนคดีดังกล่าวทันที และเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ เมฆคะ ผกก.สืบสวน ภ.จว.น่าน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.น่าน บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน พฐ.จว.น่าน กอ.รมน.จว.นน. และฝ่ายปกครองในพื้นที่ นำหมายค้นศาลจังหวัดน่านเข้าทำการตรวจค้นที่ตั้งบริษัท R/GA ประเทศไทย สาขาน่าน ได้ทำการตรวจยึดพยานหลักฐานต่างๆ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน
จากการสืบสวนพบว่า บริษัทดังกล่าวมีการประกาศรับสมัครโฆษณาชักชวนทำงานผ่านแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ต และแอบอ้างว่าเป็นการทำงานเพื่อเพิ่มยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน แต่เมื่อสมัครสมาชิก

เพื่อเริ่มทำงานจะต้องจ่ายเงินประกันการทำงานกำหนด 1 ปี ให้กับบริษัทกำหนดไว้ 9 ระดับ คือ J1-J9 ซึ่งหากอยากมีรายได้มากก็ต้องเลือก J ระดับสูง โดยมีรายได้รวมจาก 5 ช่องทาง นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างบริษัท R/GA ที่มีอยู่จริง และออกช่วยเหลือการกุศลต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสมาชิก ซึ่งในพื้นที่ จว.น่าน ได้มีผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเป็นระดับแม่ทีมในการร่วมกันชักชวนประชาชนตามช่องทางต่างๆ อันเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดน่าน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะได้ขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องและกลุ่มบัญชีม้าต่อไป สำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้นั้น เป็นมาตรการเชิงรุกในการเร่งรัดเข้าไปทลายบริษัทหรือขบวนการพวกนี้ สามารถขยายผลเจอผู้เสียหายกว่า 2,000 ราย และสามารถขยายผลต่อจนสามารถหยุดยั้งความเสียหายเฉพาะที่ตรวจพบในพื้นที่ จว.น่าน ไว้ที่ประมาณ 1 ล้านบาทเศษ เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะหยุดอยู่ที่ระดับ J1-J3 ไม่บานปลายไปกว่านี้ ถ้าปล่อยไปถึงระดับ J4-J9 ก็อาจจะเสียหายมากจนเป็นคดีระดับประเทศขึ้นได้

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศปอส.ตร. ได้ฝากความห่วงใยแจ้งไปยังพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าจะมีผู้เสียหายทั่วประเทศอีกจำนวนมาก ที่กำลังพยายามหาช่องทางช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ให้รีบเข้าไปแจ้งความตามสถานีตำรวจต่างๆ ใกล้บ้านได้เลย เพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และคนร้ายในขบวนการนี้ ตลอดจนติดตามทรัพย์สินมาคืนให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายในคดีนี้ต่อไป และขอเตือนให้ระวังการเข้าไปลงทุนในลักษณะนี้ที่จะนำไปสู่การถูกหลอกลวงสูญเสียทรัพย์สิน/ บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รพ.กรุงเทพพัทยา เปิดศูนย์กุมารเวชโฉมใหม่ ดูแลสุขภาพเด็กครบวงจร / ฉลองก้าวย่างสู่ปีที่ 27 “ข่าวเด็ดออนไลน์” แฮปปี้เบิร์ธเดย์ บก.นก

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 18 มกราคม 2568 ที่ล๊อบบี้ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ได้จัดงานเปิดศูนย์กุมารเวช โฉมใหม่ โดยมีแพทย์หญิงพีรพรรณ เจรจาปรีดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา กล่าวต้อนรับ และประธานสภาเมืองพัทยา นายบรรลือ กุลละวณิชย์ กล่าวแสดงความยินดี แพทย์หญิงพาสินี จันทรสูนย์ กล่าวถึงศักยภาพของศูนย์กุมารเวช พร้อมพาเยี่ยมชมศูนย์กุมารเวชและหอผู้ป่วยเด็กโฉมใหม่ แพทย์หญิงพีรพรรณ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ในการเปิดศูนย์กุมารเวชโฉมใหม่ครบวงจรระดับประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างสังคมแห่งสุขภาพที่ดี โดยเริ่มต้นตั้งแต่เด็ก การเปิดศูนย์แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับการดูแลรักษาที่ครอบคลุมทุกด้าน แต่ยังเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเติบโตและสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตของชาติ

ศูนย์กุมารเวชโฉมใหม่นี้ เป็นความภาคภูมิใจ เนื่องจากศูนย์กุมารเวชครบวงจรของเราจะเป็นสถานที่ที่รวมแพทย์เฉพาะทางทุกสาขา โดยดูแลตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 15 ปี ครบทั้งองค์รวมด้านสุขภาพ การพัฒนาอารมณ์, การเสริมสร้างทักษะชีวิต และการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของเด็ก ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขามาร่วมมือกัน เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลอย่างครบถ้วนและสมดุลในทุก ๆ ด้าน 

 สิ่งที่เรามุ่งหวังไม่ใช่แค่การให้รักษาที่มีคุณภาพและการบริการ แต่ยังต้องการสร้างสภาพแวดล้อมของศูนย์ที่เอื้อต่อการรักษา เป็นที่ประทับใจสำหรับผู้ปกครองเด็ก ๆ ที่มารับบริการ เราจึงมีการสร้างสรรค์บรรยากาศใหม่ของศูนย์กุมารเวช ให้เป็นมิตร กับเด็ก ๆ  โดยนำเอาเหล่าสัตว์น่ารักต่าง ๆ มาตั้งทีมต้อนรับเด็ก ๆ นำโดย พี่สิงโต เลโอลัส และเหล่าผองเพื่อน เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์การมาพบคุณหมอให้ตื่นเต้นสำหรับเด็กและประทับใจเมื่อมารับบริการ


การเปิดศูนย์กุมารเวชโฉมใหม่ครบวงจร ในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลสุขภาพเด็ก เรามีความเชื่อมั่นว่า ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ, ภาคเอกชน, และองค์กรต่าง ๆ ศูนย์นี้จะเป็นศูนย์กลางในการดูแลสุขภาพเด็ก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองและเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี
 นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสวนาสุขภาพเด็กที่น่าสนใจ หัวข้อดูแลสุขภาพเด็กอย่างไร ให้ห่างไกลโรคในวัยเรียน”  โดย พญ.กานต์ชนก สารบรรณ  กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อในเด็ก เสวนาเติบโตสูงสมวัย โดย              นพ.จิระวัฒน์  พฤกษศรี กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคต่อมไร้ท่อ และการแสดงสนุกสนาน พร้อมกิจกรรม ให้เด็ก ร่วมสนุก แพ็กเกจดูแลสุขภาพเด็ก ราคาพิเศษ ท้ายกิจกรรมยังมี การจับรับรางวัลบัตรจูเนียร์ มูลค่า 4,500 บาท 2 รางวัล บัตรส่วนลด มูลค่ากว่า 12,000 บาท ในการมาใช้บริการรพ.กรุงเทพพัทยา

 ศูนย์กุมารเวช รพ.กรุงเทพพัทยา พร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางกว่า 11 สาขา หน่วยดูแลทารกวิกฤต NICU หน่วยดูแลผู้ป่วยเด็กวิกฤต PICU ที่พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าลูกน้อยของคุณเจ็บป่วยเวลาใดก็ตาม

ฉลองก้าวย่างสู่ปีที่ 27 “ข่าวเด็ดออนไลน์” แฮปปี้เบิร์ธเดย์ บก.นก กิตติคม แขกเหรื่ออวยพรคับคั่ง

ค่ำวันที่ 18 ม.ค.68 ที่ร้านอาหารมุมอร่อย นาเกลือ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายกิตติคม ธีวรางกูล บรรณาธิการข่าวเด็ดออนไลน์ และผู้บริหารศูนย์ข่าวเนชั่น ภาคตะวันออก ได้จัดเลี้ยงสังสรรค์เนื่องในโอกาสครบรอบก้าวย่างที่ปี 27 “ข่าวเด็ดออนไลน์” และเลี้ยงฉลอฃวันคล้ายวันเกิดปีที่ 61 ของ บก.นก กิตติคม

ภายในงานได้จัดเลี้ยงอาหารค่ำ ก่อนแขกผู้มีเกียรติ นำโดย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา นายสุรศักดิ์ ทุมมานนท์ บรรณาธิการทนสพ.สยาม และนายสุทัศน์ บุญช่วยเหลือ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ไทยรัฐกรุ๊ป ภาคตะวันออก

ในกิจกรรมได้รับเกียรติจากแขกเหรื่อเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งภาคข้าราชการ เอกชน ชุมชน สมาคมและห้างร้านต่างๆ โดยพบว่าบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กองทัพภาค 2 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล จ.นครราชสีมา วันกองทัพไทย ปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ (18 ม.ค. 68) เวลา 08.09 น. ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครราชสีมา พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำเหล่าข้าราชการกองทัพภาคที่ 2 ประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2568 เพื่อร่วมกันน้อมรำลึกถึงวีรกรรม วีรกษัตริย์ยอดนักรบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และบรรพชนทหารกล้า ที่ได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญ สละเลือดเนื้อ และชีวิตเพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยให้เป็นมรดกของชนรุ่นหลังมาจนถึงทุกวันนี้

อันเป็นแบบอย่างที่เหล่าทหารทั้งหลายควรยึดถือ และตระหนักถึงภาระหน้าที่ที่มีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการดำรงไว้ซึ่งความผาสุกของประชาชน ประกอบด้วย พิธีสงฆ์ ณ พุทธศาสนสถานค่ายสุรนารี, พิธีสักการะพระพุทธวิชัยเสนีย์นาถ, และศาลพระนครราช, พิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี, (ประตูชุมพล), พิธีสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ประตูค่ายสุรนารี), พิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรไทย, พิธีถวายเครื่องราชสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ 5 และพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จากนั้น เวลา 14.45 น. ที่ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี จัดให้มีการแสดง จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 การแสดงจักรยานยนต์ทางยุทธวิธี ชุดที่ 2 การแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย ชุดที่ 3 การแสดงวีรกรรมหาราชกู้ชาติสร้างแผ่นดิน ชุดที่ 4 การแสดงชุดปฏิบัติการโดรน และชุดปฏิบัติการพิเศษของกองพล

ทหารราบที่ 3 และการแสดงยุทโปกรณ์ทางทหาร และเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ของกองทัพอากาศ ต่อมาเวลา 15.55 น. แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ของหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ใช้กำลังสวนสนามทั้งสิ้น 1,873 นาย โดยมี พันเอก ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 เป็นผู้บังคับการกองผสม ประกอบด้วย 1 กองบังคับการกองผสม, 4 กรม, 17 กองพัน และ 2 กองร้อยวิ่ง และแม่ทัพภาคที่ 2

นำกำลังพลที่ร่วมในพิธีทุกนายเปล่งสัจจะวาจาปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล อันแสดงถึงความพร้อมเป็นทหารของชาติโดยสมบูรณ์ อีกทั้งเพื่อให้กำลังพลทุกนายได้ยึดมั่น และรักษาสัจจะวาจาที่ได้ให้ไว้ต่อธงชัยเฉลิมพลอย่างเคร่งครัด ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่กำลังพลทุกนายจะต้องปฏิบัติไปตลอดชีวิตในฐานะทหารของชาติ พร้อมทั้งให้มีความตั้งใจแน่วแน่

ที่จะช่วยกันปฏิบัติภารกิจในความรับผิดชอบอย่างเต็มความสามารถด้วยความเสียสละ มีความอดทน มีความรัก ความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตลอดจนประพฤติปฏิบัติตนอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และอุดมการณ์ของการเป็นทหารอาชีพ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับส่วนรวม ประชาชน และปกป้องค้ำจุนประเทศชาติให้มีความมั่นคง เพราะทหารมีหน้าที่พิทักษ์ ปกป้องรักษาแผ่นดิน และบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุขสืบไป

ภาพ/ข่าว : กองทัพภาคที่ 2
กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /แถลงข่าว ร้อย.ฉก.ตชด.237 จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางเคตามีน 320 กก. 80 ล้านบาท อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ กองบังคับการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 บ้านนาเพียง ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24)

มอบหมายให้ พันเอก ศิวดล ยาคล้าย ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการส่วนอำนวยการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ/ผู้บัญชาการกองบังคับการควบคุมที่ 1 (ร.3)

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี แถลงข่าวร่วมกับ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และ พันตำรวจเอกวุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องในพื้นที่

กรณีกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 (หน่วยงานหลัก) จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย พร้อมของกลางเคตามีน 320 กก. โดยมีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 เวลา 00.15 น. หน่วยได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีขบวนการเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จึงจัดกำลังทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่ดังกล่าว

ต่อมาตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยทะเบียน 3 กธ 9564 กทม. จึงตรวจสอบทะเบียนรถคันดังกล่าว พบว่าไม่ใช่คนในพื้นที่จังหวัดนครพนม จึงขับรถไล่ติดตามดูพฤติการณ์ จนถึงรีสอร์ท แห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นบุคคล

ต้องสงสัย ทั้ง 2 ราย และตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบของกลางยาเสพติด เคตามีน จำนวน 8 กระสอบ น้ำหนัก 320 กก. ปัจจุบันกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ทำการสืบสวนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้อง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร #กองทัพภาคที่2 #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี #กองทัพบกroyalthaiarmy ภาพ/ข่าว : นายพรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ ​รายงาน​ 092-5259777​

ชุดสืบ สภ ผึ่งแดด เร่งล่าวัยรุ่นเดนนรก ปิดถนนคำซะอี ขว้างก้อนหินจนสาววัยรุ่นกระเด็นตกรถเจ็บสาหัส

ภาพน้องผู้หญิงถูกของแข็งกระทบใบหน้าบาดเจ็บบริเวณตาและดั้งจมูก สืบเนื่องจากวัยรุ่นรวมตัวกันประมาณ10 กว่าคน เดินตะเวนริมถนน เส้นทางมุกดาหาร – คำชะอี บริเวณบ้านคำผึ้ง ตำบลผึ่งแดด อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ก่อนจะก่อเหตุปาหวดและก้อนหิน ใส่วัยรุ่นที่เดินทางกลับบ้านหลังจากเที่ยวงานกาชาดและงานของดีมุกดาหารวันสุดท้าย เมื่อประมาณเที่ยงคืนวันที่15 มกราคม ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นจุดกลับรถ บ้านคำผึ้ง ตำบลผึ่งแดด ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 กว่าคนออกมาทำร้ายวัยรุ่นต่างถิ่นที่ผ่านไป-มา โดยคาดว่ากลุ่มวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวน่าจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งช่วงกลางคืนของวันที่ 15 มกราคม ช่วงเที่ยงคืนได้ยินเสียงรถจักยานยนต์ขับวนไปมาบริเวณนั้นจะได้ยินเสียงตะโกนว่าเอามันๆ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้หญิงถูกทำร้ายบาดเจ็บ พร้อมกับ มีผู้ชายบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ ผึ่งแดด ได้พบกับกลุ่มผู้เสียหาย โดยหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า คนที่บาดเจ็บหนักสุด เป็นเพื่อนผู้หญิงซึ่งตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมุกดาหาร เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่ตนเองพร้อมเพื่อนกลับจากเที่ยวงานกาชาดในตัวเมืองมุกดาหาร โดยมากันประมาณ 9 คน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบกลุ่มวัยรุ่นถือมีด ถือขวด และก้อนหิน เดินกันอยู่เต็มถนน พอพบกับกลุ่มตนซึ่งมีจำนวนคนน้อยกว่า กลุ่มคนดังกล่าวก็เริ่มปาหิน ขวด ก้อนดินเข้าใส่ แต่โชคร้ายน่าจะเป็นก้อนหินหรือไม่ก็ขวดได้ไปกระแทกเข้าใบหน้าของเพื่อนผู้หญิงที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับเพื่อนชายจนกระเด็นตกจากรถได้บาดเจ็บสาหัส เพื่อนที่มาด้วยจึงได้นำส่งโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มคนก่อเหตุห็ได้วิ่งเข้าไปในป่ากล้วยข้างทาง

พ.ต.อ.จิรวิทย์ ปานยิ้ม ผกก.สภ.ผึ่งเเดด เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่พร้อมกับเรียกกลุ่มเพื่อนผู้เสียหายมาให้ข้อมูลเบื้องต้น
แล้ว สำหรับอาการของผู้บาดเจ็บนั้นล่าสุดอยู่ในอาการที่ปลอดภัยพบการบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ซึ่งจะทำการผ่าตัดบริเวณจมูกอีกครั้ง โดยขณะนี้พอทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อขอหมายจับและติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชุมนุมสิงห์สองล้อ! เตรียมจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week ครั้งที่ 28 ททท.คาด นทท.ร่วมงาน 3-4 หมื่นคน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 17 ม.ค.68 ที่ลานเครื่องบิน ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา จ.ชลบุรี ได้มีการแถลงข่าวจัดงาน Burapa Pattaya Bike Week & The Way Life Never War 2025 โดยมี ดร.เกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย ปลัดเมืองพัทยา นายประสาร นิกาจิ๊ นายกสมาคมบูรพามอเตอร์ไซค์เคิลคลับ นายบรรจง บัณฑูรประยุกต์ รองประธานสภาเมืองพัทยา นายชัยวัฒน์ ตามไท ผอ.ททท.พัทยา คุณหทัยรัตน์ โพธิ์เกตุ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าฯ ร่วมแถลงข่าว

ด้วยเมืองพัทยาได้ร่วมกับสมาคมบูรพามอเตอร์ไซค์เคิลคลับ กำหนดจัดโครงการสัปดาห์มอเตอร์ไซค์และเสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ครั้งที่ 28 ” BURAPA PATTAYA BIKE WEEK & THE WAY OF LIFE NEVER WAR 2025″ ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. 2568 ที่บริเวณสวนสาธารณะ ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก ซอยชัยพฤกษ์ 2 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

ทั้งนี้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีความต้องการการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม อาทิเช่น การรณรงค์การขับขี่อย่างปลอดภัย สร้างจิตสำนึกที่ดีในการขับขี่รถจักรยานยนต์ และเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยแต่ละปีมีชาวไบค์เกอร์จากทั่วโลกเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

และล่าสุดในขณะมีพี่น้องไบค์เกอร์ต่างประเทศที่ตอบรับในกลุ่ม อาทิ ประเทศอาเซียน สแกนดิเนเวีย อาหรับ ซาอุดิอาระเบีย โดยทาง ททท.คาดว่าโครงการสัปดาห์มอเตอร์ไซค์และเสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ครั้งที่ 28 นี้ จะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นคนตลอดการจัดงาน และถือเป็นโครงการที่น่าสนใจผลักดันเป็นอีเว้นต์ระดับนานาชาติด้วย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทำเนียนถามตำรวจ ขอเปลี่ยนตั๋วรถไฟ สุดท้ายโดนรวบพร้อมยาไอซ์ 100 กก.มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท หลังอ้างมาขอรับลังพริกแกงที่สถานีรถไฟเมืองประจวบฯ

แชร์เนื้อหานี้

เวลา 15.00 น.วันที่ 17 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.หญิง สุภาพร ดวงกันยา สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟเมืองประจวบฯ ว่าพบพัสดุสินค้าบรรจุกล่องโฟมและกระสอบปุ๋ยสีขาวหลายใบ ปลายทางอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา วางไว้ที่หน้าสถานีรถไฟเป็นเวลา 2 วัน แต่ยังไม่มีผู้ใดมาติดต่อขอรับ เมื่อตรวจสอบภายในพบเป็นยาเสพติดขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

หลังได้รับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปราบปราม ฝ่ายสืบสวน พร้อมตำรวจชุดตรวจพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เกิดเหตุ ต่อมา พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายประสูติ หอมบรรเทิง นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมลงพื้นที่ตรวจนับของกลางภายในห้องทำงานของสถานีรถไฟเมืองประจวบฯ โดยห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพขณะตรวจนับจำนวนของกลาง โดยอ้างว่าขอขยายผลหาตัวผู้กระทำผิดก่อน

ต่อมาในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่รถไฟ กำลังทำการตรวจนับจำนวนของกลางอยู่นั้น ปรากฏพบชายต้องสงสัยแต่งตัวลักษณะคล้ายนักท่องเที่ยวทำทีเข้ามาขอรับสินค้าเป็นพริกแกงเผ็ดกับเจ้าหน้าที่รถไฟ และเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังตรวจนับของกลาง จึงได้เดินออกไปนอกสถานีรถไฟแล้วโทรศัพท์พูดคุยกับใครคนหนึ่ง ต่อมาได้เดินกลับเข้ามาสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ภายในสถานีรถไฟ ว่าสามารถขอเปลี่ยนตั๋วเที่ยวรถไฟได้หรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวปกติจึงได้ให้บริการโดยแนะนำว่าให้ไปติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่รถไฟ หลังจากนั้นไม่เกิน 2 นาที

ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังตรวจนับยาเสพติดของกลางอยู่นั้น พบว่าชายนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวมีลักษณะบุคลิกน่าสงสัยคล้ายกับบุคคลในภาพกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟ จึงได้รวบตัวไว้ทันควันเพื่อสอบปากคำ ซึ่งปรากฏว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวยอมรับสารภาพว่าจะมารับสินค้าจริง แต่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของยาเสพติดดังกล่าว โดยยาเสพติดที่พบเป็นยาไอซ์น้ำหนักรวมกว่า 100 กิโลกรัม มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทราบชื่อ นายกิตติวุฒิ อายุ 24 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมของกลางทั้งหมดไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อหาตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยเจ้าหน้าที่รถไฟเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นมาจากเมื่อวันที่ 16 มกราคม 68 ที่ผ่านมามีพัสดุฝากส่งมาจากสถานีรถไฟบางซื่อ กทม.ปลายทางหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ต่อมาได้ขอเปลี่ยนมาลงไว้ที่สถานีรถไฟเมืองประจวบคีรีขันธ์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ไม่มีผู้ใดมาติดต่อขอรับเจ้าหน้าที่จึงได้เกิดสงสัยว่าปลายทางแจ้งส่งสถานีหาดใหญ่ แต่ทำไมเปลี่ยนใจมาลงที่สถานีรถไฟอำเภอเมืองประจวบ และที่หน้ากล่องพัสดุไม่ระบุชื่อผู้รับจึงได้ตรวจสอบพบว่าภายในเป็นยาเสพติด จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สภ.บัวใหญ่ จับจุม นายชนาเทพ จันทร์หนองแวง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจ.สีคิ้ว ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้(วันศุกร์ ที่ 17 ม.ค.68) เวลา 13.30 น.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐพันธุ์เชร์ผบ.ตร.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์รอง ผบ.ตร.(สส)มอบหมายให้
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)พร้อมด้วย
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีนผบช.ภ.3พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์รอง ผบช.ภ.3
พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่นรรท.ผบก.ภ.จว.นครราชสีมาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจแก่ประชาชนและสื่อมวลชน ที่เกิดในพื้นที่ สภ.บัวใหญ่ คือ นายชนาเทพ จันทร์หนองแวง อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ จ.10/2568 ลงวันที่ 13 มกราคม 2568

โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้, พาผู้อื่นไปเพื่อกระทำอนาจาร โดยขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย และลักทรัพย์โดยทำด้วยประการอื่น เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม”

ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานโดยยึดหลักกฎหมายและรอบคอบตามหลักยุทธวิธีตำรวจที่ได้ฝึกทบทวนมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ครอบครัวพี่น้องข้าราชการตำรวจ ตามที่ ผบ.ตร. ได้ฝากข้อห่วงใยซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน

ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ฝากถึงผู้เสียหายว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนอย่างตรงไปตรงมาปราศจากข้อสงสัยจากทุกฝ่าย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป ณ ภ.จว.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา