คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ คุมเข้มขนส่งน้ำมันชายแดน พบส่วนหนึ่งย้ายมาจากด่านช่องเม็ก หลังถูกห้ามส่งออก ก่อนส่งข้ามสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 2 แทน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นายวรญาณ บุญณราช วรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพโรจน์ ไทยพุทรา ไพโรจน์ ไทยพุทรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พ.อ.วุฒิชัย สุคนธวัฒน์ วุฒิชัย สุคนธวัฒน์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาย

ในจังหวัดมุกดาหาร และนางกนกวรรณ สุขศิริ กนกวรรณ สุขศิริ นายด่านศุลกากรมุกดาหาร ร่วมตรวจสอบรถบรรทุกขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมข้ามสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 2 จากจังหวัดมุกดาหารไปแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ณ บริเวณด่านพรมแดนมุกดาหาร

จากการตรวจสอบพบว่า รถบรรทุกน้ำมันที่มีการส่งออกผ่านด่านพรมแดนมุกดาหารตามปกติมีจำนวน 18 คัน รวมปริมาณน้ำมันทั้งสิ้น 720,000 ลิตร แยกเป็นหจก.น้ำเพชรมุกดาหาร (ปตท.) ต้นทาง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ปลายทาง แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จำนวน 8 คัน รวม 320,000 ลิตร

บริษัท เอสบีเอ็ม อินเตอร์ จำกัด (บางจาก) ต้นทาง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ปลายทาง แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จำนวน 8 คัน รวม 320,000 ลิตรบริษัท ปัทมวัชร การปิโตรเลียม จำกัด (บางจาก) ต้นทาง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ปลายทาง แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว จำนวน 2 คัน รวม 80,000 ลิตร

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบรถบรรทุกขนส่งน้ำมันจำนวน 15 คัน ซึ่งย้ายเส้นทางมาจาก ด่านศุลกากรช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี ภายหลังถูกห้ามไม่ให้ส่งออกในพื้นที่ดังกล่าว และ

เปลี่ยนมาใช้เส้นทางด่านพรมแดนมุกดาหารแทน โดยมีปลายทางเป็นนครปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ และแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว รวมปริมาณน้ำมัน 637,000 ลิตร แยกเป็นน้ำมันเบนซิน 237,000 ลิตร และน้ำมันดีเซล 400,000 ลิตร

โดยการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการคุมเข้มตรวจสอบการส่งออกน้ำมันเชื่อเพลิงและ ยุทธ์ภัณฑ์ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ว่ามีความเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายผิดปกติหรือไม่

มุกดาหาร #ตรวจเข้มชายแดน #รถน้ำมัน #ด่านช่องเม็ก #สะพานมิตรภาพไทยลาว #ศุลกากรมุกดาหาร #ข่าวชายแดน #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ/ข่าว เดวิท – ธวัชชัย โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.โคราช ตรวจเข้ม รร.กลางเมือง / ผบก.โคราชย้ำชัด ข่าวลือชาวต่างชาติแฝงตัว สั่งคุมเข้มด่านตรวจที่พัก ห้ามบินโดรน / ตำรวจทางหลวงลำตะคองสกัดไอซ์ล็อตใหญ่ 500 กก. มูลค่า 300 ล้าน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 ระหว่างเวลา 10.00–12.30 น. สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอเมืองนครราชสีมา ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยและความมั่นคง ภายใต้มาตรการเฝ้าระวังบุคคลต่างชาติที่อาจเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่ โดยเฉพาะกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นทหารรับจ้าง

การปฏิบัติการครั้งนี้นำโดย พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ โคขุนทด รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมด้วย ร.ต.อ.สากล รอดคำทุย รองสารวัตรป้องกันปราบปราม (ร้อยเวร 20) และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ นางสาวสมทรง เขียวเกษม ปลัดอำเภอเมืองนครราชสีมา รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองนครราชสีมา และคณะฝ่ายปกครอง

เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบโรงแรมและที่พักในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเดอร์ฟอร์จูน, โรงแรม KS พาวิลเลี่ยน, โรงแรมซิตี้ ปาร์ค, โรงแรมแคนทารี่, โรงแรมโครานารี, โรงแรมเดอ วี ลอฟท์, โรงแรมเซ็นเตอร์ พอยต์ และโรงแรมไทยโฮเต็ล 2

จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยหรือชาวต่างชาติที่เข้าข่ายเป็นทหารรับจ้างเข้าพักแต่อย่างใด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กำชับและประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการโรงแรม หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยหรือมีพฤติการณ์ผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย

การลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการเชิงรุกในการดูแลความสงบเรียบร้อยและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา.

ภาพ นายประสิทธิ์ วนะชกิจ / ข่าว กันตินันท์ เรืองประโคน จ.นครราชสีมา

ผบก.โคราชย้ำชัด ข่าวลือชาวต่างชาติแฝงตัว ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ สั่งคุมเข้มด่านตรวจที่พัก ห้ามบินโดรน และเล่นว่าว

เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 11.00 น ที่ ห้องสวนปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุม เตรียมความพร้อมและติดตามผลการปฏิบัติสถานการณ์ด้านแนวชายแดน ไทยกัมพูชา

โดยมี พ.ต.อ.นิรันดร์ แก้วอิน รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา , พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ศิริชัย ศรีชัยปัญญา ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา,พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.สภ.โพธิ์กลาง , พ.ต.อ.ศิวภาคย์ พวงจันทร์ ผกก.สภ.จอหอ , พ.ต.อ.โกสินทร์ สะอาดวงศ์ ผกก.สภ.มะเริง , พ.ต.อ.พิเชษฐ์ จันทรัตน์ ผกก.สภ.พลกรัง เข้าร่วมประชุม

พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ชี้แจงกรณีกระแสข่าวที่มีการแชร์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการพบ ชาวต่างชาติหรือบุคคลต้องสงสัยแฝงตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์เชิงป้องกันจากความห่วงใยของเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และช่วยกันเป็นหูเป็นตา โดยยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่พบพฤติกรรมหรือสิ่งผิดปกติที่เป็นภัยต่อความมั่นคงแต่อย่างใด

พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ ระบุว่า ในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาได้ปฏิบัติตามข้อสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 3 อย่างเคร่งครัด โดยมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจตราพื้นที่เสี่ยง รวมถึงสถานที่พักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และบ้านเช่า เพื่อคัดกรองบุคคลต้องสงสัยหรือวัตถุที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความเข้มแข็ง และจนถึงขณะนี้

ยังไม่พบสิ่งผิดปกติทั้งในส่วนของบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัย สำหรับการดูแลชาวต่างชาติในพื้นที่นั้น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในแต่ละปีเกือบ 9 ล้านคน ตำรวจภูธรได้บูรณาการร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติเป็นประจำอยู่แล้ว และในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันได้เพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษ แต่ยังไม่พบความผิดปกติใด ๆ

ในส่วนกรณีการบินโดรน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้มีการกำชับและประชาสัมพันธ์ข้อห้ามการบินโดรนในช่วงสถานการณ์พิเศษดังกล่าว โดยเมื่อได้รับแจ้งจากประชาชน เจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจสอบทุกกรณี และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบโดรนหรือการกระทำใดที่เป็นภัยต่อความมั่นคงพร้อมกันนี้

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ บุคคลต้องสงสัย หรือเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ขอให้รีบแจ้งสายด่วน 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทันที อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนงดการแจ้งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่และการให้บริการประชาชนในเหตุเร่งด่วนอื่น ๆ

ภาพ ประสิทธิ์ วนะชกิจ/ข่าว กันตินันท์ เรืองประโคน จ.นครราชสีมา

ตำรวจทางหลวงลำตะคองสกัดไอซ์ล็อตใหญ่ 500 กก. มูลค่าเกือบ 300 ล้าน

กลางดึกสีคิ้ว คนร้ายไหวตัวทิ้งรถหลบหนี เมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายใต้นโยบาย “ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง” สามารถสกัดตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทเอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ ได้จำนวนมากถึง 12 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม

บริเวณริมถนนหน้าหน่วยสอบสวนตำรวจทางหลวงสีคิ้ว กิโลเมตรที่ 155 อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา การปฏิบัติการครั้งนี้นำโดย พ.ต.ท.ปริญญ์ โคตรมณี สวญ.ส.ทล.3 กก.8 บก.ทล. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภาณุ พละศักดิ์ สว.ส.ทล.3 กก.8 บก.ทล., พ.ต.ต.ธีรพงศ์ ตาบัวตูม สว.(สอบสวน), ร.ต.อ.ณัฐพล ฤทธิรงค์ รอง สว.(สอบสวน) รวมถึงข้าราชการตำรวจทางหลวงชุดปฏิบัติการ

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับไม่ประสงค์ออกนาม ว่าจะมีขบวนการลำเลียงยาเสพติดใช้รถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ต้นทาง มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดนครราชสีมา

เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังเฝ้าระวังบนถนนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 เมื่อพบรถต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณเรียกให้หยุดตรวจ แต่ผู้ขับขี่ได้จอดรถบริเวณไหล่ทาง ก่อนเปิดประตูวิ่งหลบหนีไปในความมืด ทิ้งรถยนต์ไว้ในที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบภายในรถ พบกระสอบสีดำจำนวน 12 กระสอบ บรรจุยาไอซ์เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังตรวจยึดรถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ซึ่งตรวจสอบพบว่าใช้ทะเบียน กษ 7347 นครราชสีมา และพบแผ่นป้ายทะเบียน กษ 183 พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 แผ่น คาดว่าเป็นการสวมทะเบียนเพื่ออำพรางการขนส่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด และนำส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีมาดำเนินคดี

ภาพ ประสิทธิ์ วนะชกิจ/ข่าว กันตินันท์ เรืองประโคน จ.นครราชสีมา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รถน้ำมัน รอข้ามด่านมุกดาหาร หลังกองทัพภาคที่ 2 คุมเข้มชายแดนช่องเม็ก

แชร์เนื้อหานี้

ตามคำสั่งของ กองทัพภาคที่ 2 ที่ให้ควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท รวมถึงยุทโธปกรณ์และสิ่งของที่เกี่ยวข้อง ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี

โดยงดการส่งออกเฉพาะสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ มีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ส่งผลให้รถบรรทุกน้ำมันจำนวนมากไม่สามารถข้ามแดนไปยัง สปป.ลาว ได้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความเคลื่อนไหวการขนส่งน้ำมันผ่านด่านพรมแดนมุกดาหาร บริเวณ สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 (มุกดาหาร–สะหวันนะเขต) อ.เมือง จ.มุกดาหาร พบรถขนส่งน้ำมันจอดรอข้ามแดนกว่า 20 คัน

จากการสอบถามพนักงานขับรถรายหนึ่งเปิดเผยว่า การจอดรอข้ามด่านลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะวันจันทร์จะมีรถเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีคำสั่งห้ามขนส่งทางฝั่งอุบลราชธานี

ต้องจับตาว่าจะมีรถน้ำมันหลั่งไหลมาใช้เส้นทางด่านมุกดาหารเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากหากมีการนำส่งน้ำมันผ่านมุกดาหารแล้วต่อไปยัง กัมพูชา จะทำให้ระยะทางและต้นทุนการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

คุมส่งออกน้ำมัน #ช่องเม็ก #ด่านมุกดาหาร #สะพานมิตรภาพไทยลาว #ข่าวชายแดน #โลจิสติกส์ #กองทัพภาคที่2 #มุกดาหาร #อุบลราชธานี #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้__////ภาพ/ข่าว เดวิท – ธวัชชัย โชคชัย มุกดาหาร รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สตูลจับมือโคราช ดันอันดามันสู่ตลาดอีสาน เปิด Roadshow Andaman ครั้งที่ 3 กลางเซ็นทรัลโคราช

แชร์เนื้อหานี้

กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เดินหน้าขยายตลาดการท่องเที่ยวและสินค้าชุมชนสู่ภูมิภาคอื่นของประเทศ ล่าสุดจัดกิจกรรม “Roadshow and Consumer Fair Andaman สินค้าชุมชนและบริการท่องเที่ยวของเครือข่ายการท่องเที่ยวระดับประเทศ” ครั้งที่ 3 อย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 11 – 14 ธันวาคม 2568 โดยมีผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายการท่องเที่ยวจากทั่วประเทศเข้าร่วมอย่างคึกคัก พิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก นางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมให้การต้อนรับและสนับสนุนการจัดงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภายในงานมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน อาทิ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุรินทร์, พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา, พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา, ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดสตูล, นายประคัลภ์ ศรีจุฑารัตน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช, ประธานอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้แทนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (จังหวัดภูเก็ต ระนอง กระบี่ พังงา ตรัง และสตูล) รวมถึงผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร ผู้แทนภาคเอกชน ผู้ประกอบการ สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ด้าน นางสาวภัชกุล ตรีพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล ในนามผู้แทนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวดำเนินการโดย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล ในฐานะหน่วยงานหลัก มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวโดยชุมชนของกลุ่มจังหวัดอันดามัน ซึ่งมีอัตลักษณ์โดดเด่นทั้งด้านภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ อุทยานธรณีโลกสตูล (UNESCO Global Geopark) ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย

การจัดงานครั้งนี้มุ่งนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของเครือข่ายการท่องเที่ยวระดับประเทศ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สร้างโอกาสทางการตลาด เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันอย่างยั่งยืนสำหรับกิจกรรม Roadshow and Consumer Fair Andaman ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีผู้ประกอบการจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการรวม 240 ผู้ประกอบการ แบ่งจัดครั้งละ 60 ผู้ประกอบการ

โดยแต่ละจังหวัดจัดแสดงจังหวัดละ 10 บูธ นำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมแล้วในครั้งที่ 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (23 – 26 ตุลาคม 2568)ครั้งที่ 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 กรุงเทพมหานคร (21 – 24 พฤศจิกายน 2568)ครั้งที่ 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา (11 – 14 ธันวาคม 2568)และเตรียมจัด ครั้งที่ 4 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 20 – 23 ธันวาคม 2568

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรม Table Top Sale เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้พบปะ แลกเปลี่ยน และเจรจาธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสร้างเครือข่ายทางการค้าและต่อยอดความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในระยะยาวในโอกาสนี้ นางสาวภัชกุล ตรีพันธ์ ได้กล่าวขอบคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี และเชิญประธานกล่าวเปิดงาน Roadshow and Consumer Fair Andaman ครั้งที่ 3 อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักและความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

ภาพ นายประสิทธิ์ วนะชกิจ /ข่าว กันตินันท์ เรืองประโคน จ.นครราชสีมา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “คณะสงฆ์–ส่วนราชการโคราชผนึกกำลัง แถลงจัดงานทำบุญเมือง 558 ปี ตักบาตรพระหมื่นรูป 8 มี.ค. 69”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมปทุมญาณมุนี วัดบึงพระอารามหลวง คณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น ได้แถลงข่าวเตรียมจัดงานมหามงคล “ทำบุญเมืองนครราชสีมา 558 ปี ตักบาตรพระ 10,000 รูป” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2569 เวลา 06.00–08.30 น. บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ใจกลางเมืองนครราชสีมา

การแถลงข่าวนำโดย พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดบึงพระอารามหลวง พร้อมด้วย พระมงคลรัตนสุธี รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา (ธรรมยุต) วัดศาลาลอย และ พระโกวิทกิตติสาร รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ร่วมประกาศเชิญชวนประชาชนชาวโคราชและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศร่วมงานบุญใหญ่ประจำปี

ภาครัฐและองค์กรท้องถิ่นร่วมสนับสนุนอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายพรพนา แสนการุณ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา, นายธนากร ประพฤธิพงษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา และ นายชัชวาล วงจร รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา

คณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสำนึกในความสำคัญของการธำรงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรบนแผ่นดินไทย อีกทั้งยังเป็นวาระสำคัญเนื่องในโอกาสที่เมืองนครราชสีมามีอายุครบ 558 ปี โดยจะมีการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 10,000 รูป ซึ่งถือเป็นกิจกรรมทางศาสนาครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของจังหวัด

พร้อมกันนี้จะจัดพิธี ทักษิณานุปทาน น้อมถวายเป็นพุทธบูชาและอุทิศเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
,สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ,พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมถึงอุทิศส่วนกุศลแด่ ท้าวสุรนารี วีรสตรีผู้ปกป้องเมืองนครราชสีมา

ทั้งนี้ คณะจัดงานเชิญชวนประชาชนชาวโคราชร่วมกันทำบุญใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองและประชาชนในปี 2569

ภาพ นายประสิทธิ์ วนะชกิจ /ข่าว กันตินันท์ เรืองประโคน จ.นครราชสีมา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ นครปฐม ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พื้นที่ภาคกลาง

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 11.00 – 15.30 น. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นประธาน ณ ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยิและผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคกลาง

จังหวัดนครปฐม โดย นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้แจ้งสถานการณ์ การดำเนินการเตรียมการของเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสามัคคีมุขมาตย์ ชั้น 4 ส่วนต่อขยาย ณ ศาลาจังหวัดนครปฐม ที่ประชุมแจ้งสถานการณ์ในพื้นที่ภาคกลาง การติดตามสถานการณ์ และคาดการณ์แนวโน้มฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคกลาง ดังนี้

1.ด้านการบูรณาการเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในระยะสั้น
2.การดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมและลดการเผาในพื้นที่เกษตร
3.การดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมและลดการเผาในพื้นที่ป่า
4.การดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมและลดมลพิษในพื้นที่เมือง (ยานพาหนะ/โรงงานอุตสาหกรรม/การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่)

5.การดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และการประชาสัมพันธ์ประเด็นเน้นย้ำ กำชับในการปฏิบัติของเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2569 ในพื้นที่ภาคกลาง
1.การแจ้งเตือน ติดตามเฝ้าระวัง วิเคราะห์สถานการณ์สื่อสารข้อมูลประชาชน ทราบในช่องทางต่างๆเป็นระยะ พร้อม หากมีสถานการณ์อันตราย ให้แจ้งเตือนประชาชนผ่านระบบ cell broadcast

2.การควบคุมและลดการเผาในพื้นที่เกษตร ร่วมกันกำหนดพื้นที่ควบคุมการเผา ช่วงเวลา และเงื่อนไขการเผา
3.การควบคุมและลดการเผาในพื้นที่ป่า จัดกำลังลาดตระเวนพื้นที่ อย่างต่อเนื่อง จัดทำแนวกันไฟ ปิดป่าในช่วงสถานการณ์วิกฤต
4.การควบคุมและลดมลพิษในพื้นที่เมือง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและดำเนินการเชิงรุก บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้o

5.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้กลไกลท้องถิ่น ท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้บริหารท้องถิ่น เฝ้าระวัง ติดตาม บรูณาการร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข เคาะประตูบ้านพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชน ป้องปราบการลับลอบเผา ในพื้นที่เกษตร ที่โล่ง และพื้นที่ริมทาง พร้อมสร้างการตระหนักรู้ มาตราการข้อกฎหมาย และบทลงโทษกรณีฝ่าฝืนแก่ประชาชน
6.กรณีสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้น ให้ยกระดับการแก้ไขปัญหาในทุกมิติ ใช้ระบบศูนย์สั่งการเบ็ดเสร็จ อำนวยการ และแก้ไขปัญหาจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
………………………………………………………..
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กสทช. ” ปักหลักสู้ ” น้ำท่วมใต้” ระดมทุกกลไกป้องกันระบบสื่อสารไม่ให้ล่ม เพื่อให้ประชาชนขาดการติดต่อ

แชร์เนื้อหานี้

สำนักงาน กสทช. ” ปักหลักสู้ ” น้ำท่วมใต้” ระดมทุกกลไกป้องกันระบบสื่อสารไม่ให้ล่ม

ประสานผู้ประกอบการ ทุกรายอัดสัญญาณเน็ต เครือข่ายโทรศัพท์ เพื่อให้ประชาชนไม่ขาดการติดต่อ

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์

และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน กสทช. เขต 41

โดย จ.ยะลา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี สงขลา สตูล และนราธิวาส ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ครอบคลุม เป็นวงกว้าง

โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ภาค 4 และ เขต 41

ลงพื้นที่ เร่งด่วนเพื่อดูแลประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบด้านการสื่อสาร

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้น้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมมากที่สุด ทำให้ระบบการ สื่อสารบางพื้นที่เริ่มประสบปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ต เนื่องจากการไฟฟ้าแจ้งดับไฟในบางพื้นที่ จึงกระทบกับสถานี

ฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ (cell ste) แต่ได้ประสานไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นำเครื่องปั่นไฟไฟไปเสริม และนำรถโมบายล์จาก จ.นครศรีธรรมราช มาช่วยเสริม เพื่อให้ระบบการสื่อสารใช้งานได้

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ภาค 4 และเขต 41 ได้มีการประสานงานกับเครือข่ายวิทยุสมัครเล่น

ให้เตรียมความพร้อมและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจแจ้งเตือนภัย และการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เช่น ให้ข้อมูล

สถานการณ์และเส้นทางการเดินทางให้กับทีมอาสากู้ภัยต่าง ๆ ที่จะเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงประสานศูนย์สายลม ซึ่งเป็น แม่ข่ายวิทยุสื่อสาร

“ผมได้สังให้สำนักงาน กสทช. ภาคใต้ รายงานสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และประสานผู้ให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างใกล้ชิด

เพราะขณะนี้ในหาดใหญ่น้ำท่วมสูง การไฟฟ้าถูกตัดขาด ส่งผลต่อระบบการสื่อสารในบางพื้นที่” นายไตรรัตน์ กล่าว

ตอริก สหสันติวรกุล รายงานสดจากพื้นที่ จังหวัดปัตตานี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ เชียงราย พร้อมคณะ ลงพื้นที่อำเภอเวียงชัย ขับเคลื่อนนโยบายรัฐ เร่งแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนหน่วยงานที่

เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่อำเภอเวียงชัย เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่และมอบแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เน้นย้ำให้ผู้นำท้องที่ทุกระดับ ทั้งนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกัน “x-ray พื้นที่” เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาสำคัญของประชาชน อาทิ

ปัญหาสัญชาติ ยาเสพติด และมิจฉาชีพออนไลน์ พร้อมย้ำให้ทุกฝ่ายปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า–หมอกควันในช่วงหน้าแล้งที่จะถึงนี้

ระหว่างการลงพื้นที่ ผู้นำท้องที่ได้รายงานปัญหาเร่งด่วนหลายประเด็น โดยเฉพาะผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ที่ทำให้บางพื้นที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนยันว่าไม่เคยประสบปัญหามาก่อน อีกทั้งบางพื้นที่การเกษตรยังประสบปัญหาน้ำ

ไม่เพียงพอ ขณะที่ทรัพยากรและอุปกรณ์ดับไฟป่ามีไม่ครบครัน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในพื้นที่

พร้อมกันนี้ ยังพบว่าตลิ่งแม่น้ำลาวในหลายจุดเกิดการพังทลาย ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมโดยเร่งด่วน นอกจากนี้ ท้องถิ่นยัง

ได้เสนอประเด็นการพัฒนาพุทธสถานพระเจ้ากือนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ติดข้อจำกัดด้านกฎหมาย ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มศักยภาพ นอกจากนี้ยังมีเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินทำกินอีกด้วย

การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจของจังหวัดเชียงรายในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน โดยมุ่งแก้ปัญหาเชิงพื้นที่อย่างเร่ง

ด่วน รวมถึงผลักดันนโยบายรัฐบาลให้เกิดผลจริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในอำเภอเวียงชัยอย่างยั่งยืนต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการชลประทานเชียงใหม่ เข้าร่วมการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำและหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งเชียงใหม่และลำพูน วางแผนป้องกันภัยแล้ง

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธ ที่ 3 ธ.ค. 68 นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแผนการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2569 พื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน) โดยมี นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1, นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่, นายจิรชัย พัฒนพงศา ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 1, นายสุภรณ์วัฒน์ สุรการ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำพูน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชลประทาน กลุ่มผู้ใช้น้ำเชียงใหม่ และลำพูน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 1 ถนนทุ่งโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นายจิรชัย พัฒนพงศา ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวว่า ปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยของประเทศไทยในปี 2568 สูงกว่าปกติ 9 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ลานีญา ปัจจุบันเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีน้ำก็บกัก 279.327 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 105.41 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าปี 67 ประมาณ 1.164 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 0.41 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำเก็บกัก 255.827 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 97.27 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปี 67 ประมาณ 37.122 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 16.97 เปอร์เซ็นต์ อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ปีนี้มีปริมาณน้ำเต็มเก็บกักเต็มความจุ พร้อมกันนี้ได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำ ส่งน้ำเป็นรอบเวร โดยจะเริ่มส่งน้ำก้อนแรก ในวันที่ 2 ม.ค. 69 ไปสิ้นสุดวันสุดท้าย 28 พ.ค. 69 รวม 21 รอบเวร อัตราการส่งน้ำรวมทั้งหมด 80 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งปีนี้ได้ส่งน้ำน้อยกว่าปีทีที่ผ่านมา ในปี 67/68 ที่ผ่านมา ได้ส่งน้ำ 21 รอบเวร ปริมาณน้ำรวม 91.41 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงยังคงมีปริมาณมาก

นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวว่า พื้นที่สองฝั่งแม่น้ำปิงตอนบน ตั้งแต่ด้านท้ายฝายแม่แฝกจนถึงบริเวณเหนือเขื่อนภูมิพล มีความต้องการใช้น้ำจากแม่น้ำปิงมากขึ้นในด้านอุปโภค-บริโภค (ประปา) และด้านการเกษตร แต่แม่ม่น้ำปิงมีปริมาณต้นทุนจำกัดโดยเฉพาะฤดูแล้ง จึงจำเป็นต้องส่งน้ำจากเขื่อนแม่งัดฯ ให้การสนับสนุนเป็นประจำทุกปี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำปิงตอนบนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมดำเนินการตามมาตรการของสำนักงานชลประทานที่ 1 ในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ประหยัดน้ำเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้กรณีฝนทิ้งช่วงในฤดูฝนหรือต่อเนื่องไปในฤดูแล้งปีถัดไป จึงได้มีการจัดการประชุมในวันนี้

พร้มดำเนินการตามนโยบายของกรมชลประทาน และแผนการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดที่ทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้วางไว้ 6 มาตรการ คือ 1.ประตูระบายน้ำ/ฝาย เปิด รับน้ำเฉพาะการอุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ตามแผนการเพาะปลูกและจัดสรรน้ำที่กำหนดไว้เท่านั้น 2.จะรักษาเสถียรภาพของตลิ่งลำน้ำปิง เพื่อความมั่นคงของตลิ่ง และควบคุมการปิดกั้นทางน้ำที่จะเป็นอุปสรรคในการบริหารจัดการน้ำ 3.เฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำ คู คลองและแหล่งน้ำต่างๆ 4.การประปาส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น สูบน้ำได้ตามปกติ 5.ขอความร่วมมืองดเลี้ยงปลาในกระชังในแม่น้ำปิงและในระบบชลประทาน (คลองส่งน้ำ/เหมืองส่งน้ำ) และ 6.ขอความร่วมมือสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเพื่อการเกษตร สูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกตามปฏิทินการสูบน้ำที่ได้วางแผนรอบเวรไว้แล้ว

มีการจัดทำแผนที่และข้อมูลเจ้าหน้าที่ พร้อมเบอร์โทรของผู้ดูแลในส่วนงานต่างๆ อย่างชัดเจน ทั้งฝาย ประตูระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำ รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำกลุ่มต่างๆ เพื่อให้การบริหารน้ำและการประสานงานได้สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก่อนส่งน้ำได้ให้กลุ่มผู้ใช้น้ำติดตามข่าวสถานการณ์น้ำต้นทุน เพื่อวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ทางกลุ่มไลน์ “ลุ่ม น้ำปิง” พร้อมแจ้งความต้องการเพาะปลูกพืชให้เจ้าหน้าที่ เพื่อวางแผนการเพาะ

ปลูกและแผนการส่งน้ำ ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนและความต้องการ ร่วมประชุมชี้แจงแผนการบริหารจัดการน้ำประจำปี เพื่อร่วมจัดทำข้อตกลงการส่งน้ำและการใช้น้ำร่วมกัน ส่วนช่วงระหว่างส่งนน้ำ ในพื้นที่เพาะปลูกพืชให้เป็นไปตามแผนฯ ใช้น้ำตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด แจ้งผลการส่งน้ำ และช่วยติดตามแก้ไขปัญหาการส่งน้ำร่วมกับเจ้าหน้าที่ และสามารถขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำฯ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และหลังส่งน้ำ จะมีการแจ้งผลความก้าวหน้าการเพาะปลูกพืช / ผลผลิต เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบและเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป…

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ รมว.กระทรวงมหาดไทย ประธานพิธีเจริญพระพระพุทธมนต์ วันคล้ายวันสวรรคตครบ 100 ปี 25 พฤศจิกายน 256

แชร์เนื้อหานี้

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 100 รูป ในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วันคล้ายวันสวรรคตครบ 100 ปี 25 พฤศจิกายน 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาสวันประสูติครบ 100 ปี 24 พฤศจิกายน 2568

วันที่ 24 พ.ย. 68 เวลา 07.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีเจริญพระพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 100 รูป ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า และถวายพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา เนื่องในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตครบ 100 ปี 25 พฤศจิกายน 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา เนื่องในโอกาสวันประสูติครบ 100 ปี 24 พฤศจิกายน 2568

โดยมี หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคส่วนต่าง ๆ ประชาชนจิตอาสา และประชาชนร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก ณ วัดพระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม การนี้ พระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ หลังจากนั้น สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ และคณะสงฆ์ รวม 100 รูป รับบิณฑบาต

รัฐบาลกำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตครบ 100 ปี 25 พฤศจิกายน 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดาเนื่องในโอกาสวันประสูติครบ 100 ปี 24 พฤศจิกายน 2568 ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในนามรัฐบาล ดำเนินการจัด 1. พิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล 2. พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า

และพิธีวางพุ่มดอกไม้ถวายสักการะสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา 3. การตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า และพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ

เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดาเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และ 4. กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และสาธารณกุศล ถวายพระราชกุศลถวายพระกุศล เพื่อแสดงความจงรักภักดี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพระกรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ระหว่างวันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2568
จำรัส ตุ้มท่าไม้ ผู้สื่อข่าวประจำ จ.นครปฐม