คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวกีฬา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ททท.น่าน จับมือพันธมิตร จัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025”ชวนวิ่งรับลมหนาวกลางข่วงเมืองน่าน ดึงนักท่องเที่ยวสุขภาพร่วมกว่า 4,000 คน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 31 ตุลาคม 2568เวลา 17.30 น. ณ ห้องคอนเวนชั่น ฮอลล์ โรงแรมดิ อิมเพรส น่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน — จังหวัดน่านจัดการประชุม “ขับเคลื่อนเมืองน่านสู่การเป็น

สมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน” โดยมี นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมประกาศเจตนารมณ์ “น่านเมืองสร้างสรรค์” อย่างเป็นทางการ

ในการนี้ มี ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน คณะทำงานขับเคลื่อนน่านเมืองสร้างสรรค์ สื่อมวลชน และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกำหนดแนวทางพัฒนาจังหวัดน่านในมิติของหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน

สู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ในระดับนานาชาติ นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า จังหวัดน่านมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ในวันนี้ (31 ตุลาคม 2568) จังหวัดน่านได้รับการคัดเลือกให้เป็น สมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN)

ในสาขา หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดในการยกระดับคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เวทีโลก ทั้งนี้ จังหวัดน่านได้กำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ไว้ว่า“Living Crafts and Folk Art for Sustainability”หรือ “สืบสานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2566–2585)

ภายใต้วิสัยทัศน์ “น่านเมืองสร้างสรรค์และเมืองอัจฉริยะ เชื่อมโยงอนุภูมิภาคสู่สากล ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ยั่งยืน”
การได้รับการรับรองเป็นเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน

และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการต่อยอดอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน ทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรม หัตถกรรมพื้นบ้าน และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้ “น่านเมืองสร้างสรรค์” เป็นเมืองแห่งคุณค่าที่ยั่งยืนต่อไป/ ข่าว/ พ.อ.พยอม บุญทร/ภาพ/ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม/ บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

ททท.สำนักงานน่าน จับมือพันธมิตร จัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025”ชวนวิ่งรับลมหนาวกลางข่วงเมืองน่าน ดึงนักท่องเที่ยวสุขภาพร่วมกว่า 4,000 คน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน ร่วมกับบริษัท รูทแมพ จำกัด พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน จัดกิจกรรม “Amazing Nan Marathon 2025” ณ บริเวณข่วงเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว

ภายในงานมีการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ระยะทาง ได้แก่ Marathon 42 กิโลเมตรHalf Marathon 21 กิโลเมตรMini Marathon 10 กิโลเมตรFun Run 5 กิโลเมตรโดยมีนักวิ่งและผู้ติดตามเข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 4,000 คน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและคึกคักใจกลางเมืองน่าน

กิจกรรมได้รับเกียรติจาก นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานราชการและภาคเอกชนร่วมในพิธี อาทิ เทศบาลเมืองน่าน, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน, องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) น่าน, การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดน่าน (กกท.น่าน) รวมถึงพันธมิตรจากภาคเอกชนในพื้นที่

การจัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025” ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนภาพลักษณ์ของจังหวัดน่านในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตลอดจนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ยังได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ “น่าน เมืองสร้างสรรค์แห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านของ UNESCO” ซึ่งจังหวัดน่าน น่าน…ก้าวสู่ “เมืองสร้างสรรค์แห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน” ของ UNESCOจังหวัดน่านยังได้รับข่าวดีระดับนานาชาติ เมื่อ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศผลการคัดเลือกสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ (UNESCO Creative Cities Network – UCCN) ประจำปี 2025 โดย “จังหวัดน่าน” ได้รับการประกาศให้เป็นสมาชิกเครือข่ายในสาขา หัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts & Folk Art)

การนำเสนอของจังหวัดน่านโดดเด่นด้วยแนวคิด “ปราชญ์ท้องถิ่น – ชุมชน – ธรรมชาติ” (Artisans – Community – Nature) ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของเมืองเก่าที่มีชีวิต (Living Old City) ซึ่งงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ไม่เพียงถูกอนุรักษ์ไว้ แต่ยังคงถูกผลิต ใช้ และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

น่านมีความโดดเด่นทั้งด้าน ผ้าทอไทลื้อและลายน้ำไหลอันเป็นเอกลักษณ์, งานเครื่องเงินของชาวอิ้วเมี่ยน, งานจักสานและงานไม้แกะสลักหัวเรือแข่งพญานาค, รวมถึง มรดกเตาเผาโบราณบ่อสวก และ จิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” อันเป็นที่รู้จักในระดับโลก ตลอดจนหัตถกรรมร่วมสมัยอย่าง ย่ามเถาวัลย์ป่าของชาวมละบริ (GI) ซึ่งเป็นตัวอย่างของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนอย่างกลมกลืน

การได้รับการรับรองจากยูเนสโกในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของจังหวัดน่าน ในการยืนยันศักยภาพของเมืองเล็กที่มีคุณค่าเชิงวัฒนธรรมและความยั่งยืน ต่อยอดสู่การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และชุมชนอย่างมีคุณภาพ การจัดงาน “Amazing Nan Marathon 2025” ในครั้งนี้ จึงนับเป็นกิจกรรมที่สะท้อนภาพลักษณ์ของ “น่าน” ได้อย่างสมบูรณ์ — เมืองแห่งสุขภาพ ศิลปะ และวัฒนธรรม ที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสเสน่ห์ของ “เมืองสร้างสรรค์” ท่ามกลางธรรมชาติและรอยยิ้มของผู้คนเมืองน่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พัทยาจัดยิ่งใหญ่ “DIWALI Festival 2025” ฉลองเทศกาลแห่งแสงสว่าง สานสัมพันธ์ไทย–อินเดีย กระตุ้นการท่องเที่ยว/4 องค์กรจับมือแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร สร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน

แชร์เนื้อหานี้

ค่ำวันที่ 24 ต.ค.68 ที่บริเวณริมชายหาดเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดงาน เทศกาลดิวาลี เฟสติวัล 2025 (DIWALI Festival 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–26 ตุลาคม 2568 โดยมีนายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา, พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ผกก.สภ.เมืองพัทยา, นายสุขราช กาลรา นายกสมาคมนักธุรกิจไทย–อินเดีย, นายประเสริฐ ศักดิ์จิระพงศ์ เลขาสมาคมนักธุรกิจไทย–อินเดีย นายลักษมัน ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียพัทยา คณะกรรมการจัดงาน สมาชิก อบจ.ชลบุรี ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ต่างเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

เทศกาลดิวาลี พัทยา 2025 จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ เมืองพัทยา สมาคมนักธุรกิจไทย–อินเดีย พัทยา และสมาคมอินเดีย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ยกระดับภาพลักษณ์เมืองพัทยาให้เป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางวัฒนธรรมนานาชาติ รวมถึงสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างชุมชนไทยและอินเดีย

ภายในงานมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าอินเดียหลากหลายประเภท ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เช่น ส่าหรี ของตกแต่ง และอาหารอินเดียแท้ ๆ นอกจากนี้ยังมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตสไตล์บอลลีวูด การแสดงศิลปวัฒนธรรมอินเดีย การประกวดแต่งกายสไตล์ภารตะ และซุ้มสักการะพระแม่ลักษณมี สร้างบรรยากาศแห่งสีสันและความศรัทธา

สำหรับ เทศกาลดิวาลี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดีปวาลี” เป็นเทศกาลแห่งแสงสว่าง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะของแสงเหนือความมืด ความรู้เหนือความไม่รู้ และความดีเหนือความชั่วร้าย ถือเป็นเทศกาลสำคัญทางจิตวิญญาณของชาวฮินดู ซิกข์ เชน และชาวอินเดียทั่วโลก ที่เฉลิมฉลองด้วยความปีติและความศรัทธาในทุกปี


4 องค์กรจับมือแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร สร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน
มีรายงานว่า ได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร โดยมี 4 องค์กรเข้าร่วมแข่งขันเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยใช้กีฬาเป็นสื่อกลาง ประกอบด้วย ทีมตำรวจตรวจคนเข้าเมืองชลบุรี, ทีมตำรวจท่องเที่ยวพัทยา, ทีมสมาคมนักข่าวพัทยา (ทีมเพื่อนต้น) และทีมชมรมผู้ปกครองโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ กิจกรรมกำหนดแข่งขันที่สนามฟุตบอลหญ้าจริง T.N.D. หรือสนามผู้ใหญ่ดอน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
นายสุวัฒนชัย หอมชื่น กรรมการสมาคมนักข่าวพัทยา ในฐานะโต้โผใหญ่ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ บอกว่า ได้จัดกิจกรรมฟุตบอลกระชับมิตรเป็นประจำในทุกช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีด้วยเป็นเดือนเกิด เพื่อให้ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการร่วมกันทำงานเพื่อสังคมต่อไป โดยจะมีทีมฟุตบอลต่างๆ ส่งตัวแทนร่วมแข่งขัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง

อย่างไรก็ดี ในกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลดังกล่าวได้รับเกียรติจาก พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สวญ.ส.ทท.4 กก.บก.ทท.1 นายวิศรุต เย็นฉ่ำ อาจารย์ผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ ส่งทีมฟุตบอลเข้าร่วมแข่งขัน คุณซันนี่ แวร์เนอร์ อุปนายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดงาน และนายอัมพร แสงแก้ว นายกสมาคมนักข่าวพัทยา เข้าร่วมงาน โดยหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันได้จัดเลี้ยงรับประทานอาหารร่วมกันด้วยความเป็นกันเอง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “หัวหิน” จัดมวยมันส์ ‘LEGEND FIGHTING CHAMPIONSHIPS 2025’ ยกระดับนครหัวหินเป็นศูนย์กลาง “Sports Tourism”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.68 การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เดอะเลเจ้นท์ อารีน่า และศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน พร้อมระเบิดศึกความยิ่งใหญ่กับการแข่งขันมวยไทยระดับนานาชาติ “Legend Fighting Championships 2025 – มวยไทยสร้างชาติ” ภายใต้แนวคิด “มวยไทยสร้างชาติ สร้างเศรษฐกิจไทย สร้างคุณค่ามวยไทยสู่เวทีโลก” โดยมี “วิว เยาวภา บุรพลชัย” อดีตฮีโร่เหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ เป็นผู้จัดการแข่งขันรายการนี้ เพื่อขับเคลื่อนพลัง “มวยไทย” ให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก และยกระดับนครหัวหินให้กลายเป็นศูนย์กลาง “Sports Tourism” เมืองแห่งกีฬา ศิลปะ และวัฒนธรรมของประเทศไทย

ศึกแห่งศักดิ์ศรีกำลังจะปะทุขึ้นที่หัวหิน เวทีแห่งเกียรติยศนี้จะเป็นการปะทะกันระหว่างทีมนักมวยไทยและทีมนักมวยต่างชาติ ในสังเวียนที่ผสานความดั้งเดิมของมวยไทยคาดเชือกกับความเข้มข้นของมวยไทยสวมนวม เพื่อชิงถ้วยเกียรติยศแห่งพลัง “มวยไทยสร้างชาติ” ในวันเสาร์ที่ 25 ต.ค. นี้ เวลา 18.00 – 20.00 น. ณ เวทีมวยชั่วคราว หัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบฯ งานนี้เข้าชมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายรายชื่อคู่มวยสุดเดือดทั้ง 7 คู่ คู่ที่ 1 (พิกัด 56.7 กก.) Akram Ouchibi (ประเทศโมร็อกโก)  ปะทะ เพชรสายรุ้ง ศ.เดชดำรงค์ (ประเทศไทย) คู่ที่ 2 (พิกัด 61 กก.) Ye Yint Nung

(ประเทศเมียนมาร์)  ปะทะ สกัดเพชร พ.ประภัศร์ลูกพ่อโต (ประเทศไทย) คู่ที่ 3 (มวยหญิง พิกัด 53 กก.)  Negin Afshin Shahinfar (ประเทศอิหร่าน) ปะทะ หงส์พิรุณ ก.ประเสริฐยิม (ประเทศไทย) คู่ที่ 4 (พิกัด 58 กก.) Akdahe Boujamaa (ประเทศโมร็อกโก) ปะทะ  นิเชาร์ ส.เพียรทอง (ประเทศไทย) คู่ที่ 5 (พิกัด 59 กก.) Othmane Irhouza (ประเทศโมร็อกโก) ปะทะ  อุดมเล็ก ณุ ปราณบุรี (ประเทศไทย) คู่ที่ 6 (พิกัด 63.5 กก.)  Shokhzod Zafar Ugli Azamatov (ประเทศอุซเบกิสถาน) ปะทะ รัชชานนท์ เอกเมืองนนท์ (ประเทศไทย) คู่ที่ 7 (พิกัด 64 กก.) Younes Rhali (ประเทศโมร็อกโก) ปะทะ  วันมีชัย ป.ศรสิงห์ (ประเทศไทย) ถ่ายทอดสดทั่วประเทศทาง ช่อง 8 หมายเลข 27 ชมสดออนไลน์ได้ทาง Facebook / YouTube : LFC Legend Fighting Championships
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “บังดุล” นักวิ่งจิตอาสาชาวปัตตานี วิ่งภารกิจ “ปัตตานีพิชิตภูมะเขือ” 60 จังหวัด ใต้ – เหนือ – อีสาน กว่า 2,500 กิโล เข้าสู่วันที่ 23 การวิ่ง เข้าประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 2 แล้ว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 22 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “บังดุล” หรือ นายอับดุล สารีเต๊ะ อายุ 51 ปี นักวิ่งจิตอาสาชาวปัตตานี ซึ่งออกวิ่งเป็นวันที่ 23 ของการวิ่ง และวันที่ 2 ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านอำเภอทับสะแก เข้าสู่อำเภอเมืองประจวบฯ ตามภารกิจ “ปัตตานีพิชิตภูมะเขือ” โดยเริ่มต้นจาก อ.มายอ จ.ปัตตานี มุ่งหน้าสู่ จังหวัดเชียงราย และจะวกกลับเข้าสู่ภาคอีสาน มุ่งหน้าสู่ ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ระยะทางรวมกว่า 2,500 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางร่วม 3 เดือน โดยหวังระดมเงินบริจาคจากประชาชนเพื่อนำไปสนับสนุนการสร้างกำแพงกั้นเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงจัดหาสิ่งของจำเป็นมอบให้ทหารในพื้นที่

สำหรับครั้งนี้ “บังดุล” เขาเริ่มต้นวิ่งโดยใช้เส้นทางสายเอเชีย ผ่านจังหวัดสงขลา สตูล ตรัง กระบี่ พังงา ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และจะเข้าสู่ภาคกลาง และ ราชบุรี สุพรรณ อ่างทอง นครสวรรค์ กำแพงเพชร เชียงใหม่ สุดที่เชียงราย ก่อนลงมาโซน อุตรดิตย์ เพชรบูรณ์ และเข้าสู่ภาคอีสาน ไปสิ้นสุดที่ศรีสะเกษ ซึ่งถือเป็นภารกิจวิ่งที่ยาวและเข้มข้นที่สุดของบังดุล โดยทุกวันจะวิ่งวันละราว 50 กิโลเมตร แบ่งเป็นเซตละ 10–15 กิโลเมตร

ในการวิ่งครั้งนี้ บังดุลไลฟ์ผ่าน TikTok ชื่อ “นักวิ่ง จิตอาสา” พร้อมสะพายสัมภาระและติดตั้งโทรศัพท์บนโครงเหล็กอลูมิเนียมเพื่อถ่ายทอดสด ระหว่างทางมีประชาชนที่พบเห็นต่างร่วมให้กำลังใจและบริจาคเงินตลอดเส้นทาง สำหรับบังดุล เขาคือสัญลักษณ์ของการเสียสละเพื่อชาติ และยืนยันว่า การกลับมาวิ่งเพื่อชายแดนไทยครั้งนี้ เป็นการแสดงจุดยืนว่า “คนไทยจะไม่ยอมให้ใครรุกรานแผ่นดิน” สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถร่วมสมทบทุนบริจาคได้ที่ บัญชี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาปาลัส หมายเลข บ/ช 02-0088-256-366
/////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดฉากสุดยิ่งใหญ่ Big Event รับทัพนักกีฬา 20 จว.ภาคอีสาน สู่ “โคราชเมืองกีฬา” ในศึก “ย่าโม โคราชเกมส์”

แชร์เนื้อหานี้

“เจ้าเหรียญทอง” จะเป็นใคร มาร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ ไปพร้อมกัน 20 – 30 ต.ค. นี้ ที่โคราชไฟกระถางคบเพลิงถูกจุดขึ้น ระเบิดศึก “ย่าโม โคราชเกมส์” ศักดิ์ศรีแห่งกีฬานักเรียนท้องถิ่น รวมเหล่า ขุนพล 16 ชนิดกีฬา ตัวเต็ง จาก อปท. 20 จว.ภาคอีสาน ร่วมคว้าเจ้าเหรียญทองกันแบบดุเดือด ตลอดการแข่งขัน 10 วัน ด้าน อบจ.โคราช เจ้าภาพ เนรมิตพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่อลังการ สมศักดิ์ศรี “โคราชเมืองกีฬา”

วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ เมนสเตเดียม สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ. นครราชสีมา เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบคัดเลือก ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 40 “ย่าโม โคราชเกมส์” โดยมี นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขันกล่าวรายงาน พร้อม รองผู้ว่าราชการจังหวัด คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเป็นเกียรติ ในพิธีเปิด พร้อมส่งนักกีฬา เข้าร่วมการแข่งขัน

ทั้งนี้ พิธีการเริ่ม เวลา 17.30 น. วงโยธวาทิตเข้าสู่สนามบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ เปิดตัวด้วยการแสดงไฮไลท์ พิธีเปิดจากนักแสดงกว่า 100 ชีวิต ก่อนที่ขบวนพาเหรดคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จาก 20 จังหวัด ภาคอีสาน เข้าสู่สนาม และชมการแสดงนาฏมวยไทย จากนั้นเป็นการเชิญธงชาติ ธงกีฬานักเรียน อปท. แห่งประเทศไทย ธงประจำ จ.นครราชสีมา ธง อบจ. 19 จังหวัด และ ธง อบจ.นครราชสีมา ขึ้นสู่เสาธง และ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขัน กล่าววัตถุประสงค์การจัดแข่งขันกีฬา ต่อประธานพิธีเปิด พร้อมกันนี้ ประธานในพิธีกล่าวต้อนรับคณะผู้บริหาร นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และกล่าวเปิดการแข่งขัน จากนั้น นักกีฬา ได้วิ่งคบเพลิงจุดไฟกระถางคบเพลิง และปิดท้ายด้วยการจุดพลุดอกไม้ไฟที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ และสะกด อารมณ์ผู้ชมทั้งสนาม ถือเป็นการเสร็จสิ้นพิธีเปิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“สามัคคีคือพลัง” มาร่วมชม ร่วมเชียร์ พร้อมให้กำลังใจทัพนักกีฬาทั้ง 16 ชนิดกีฬา จาก 20 จังหวัด ภาคอีสาน และร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีให้การต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ที่ได้เดินทางมาร่วมชมการแข่งขัน และยังถือ โอกาสเดินทางมาท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างเม็ดเงินสะพัด ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ ตลอดระยะเวลา 10 วันของการแข่งขัน ในศึก “ย่าโม โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 20 – 30 ตุลาคมนี้ ณ สนามกีฬาภายในจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับกีฬาที่ใช้ทำการแข่งขัน จำนวน 16 ชนิดกีฬา ทั้งประเภทชาย – หญิง ประกอบด้วย (1) ฟุตบอลชาย
ณ สนาม มทส. / สนามกีฬา รร.ศีรษะละเลิง (2) ฟุตบอลหญิง ณ สนามกีฬา ม.วงษ์ชวลิตกุล / สำนักช่าง อบจ. / วิทยาลัยนครราชสีมา และสนามกีฬา 80 พรรษาฯ (3) ฟุตซอล (ช/ญ) ณ สนามกีฬา ทต.บ้านใหม่ / สนามกีฬา สสจ.นม. / สนามกีฬา ม.วงษ์ชวลิตกุล / สนาม รร.ราชวิทยาลัย / อาคารลิปตพัลลภ – อาคารชาติชายฮอลล์ สนามกีฬา 80 พรรษาฯ (4) วอลเลย์บอลในร่ม ณ สนาม รร.สุรนารี / สนาม มทร.อีสาน / สนาม มทส. (5) วอลเลย์บอลชายหาด ณ สนามกีฬา 80 พรรษาฯ (6) เปตอง ณ สนามกีฬา 80 พรรษาฯ (7)

หมากรุกไทย ณ หอประชุม 90 ปี รร.ราชสีมาวิทยาลัย (8) หมากออสไทย ณ หอประชุม 90 ปี รร.ราชสีมาวิทยาลัย (9) หมากล้อม ณ หอประชุม 90 ปี รร.ราชสีมาวิทยาลัย (10) เทเบิลเทนนิส ณ หอประชุม รร.เตรียมน้อมฯ โคราช (11) เซปักตะกร้อ ณ MCC HALL เดอะมอลล์ โคราช (12) แบดมินตัน ณ สนามแบดฯ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธร ภาค 3 (13) E-SPORT ณ ห้องโคราชฮอลล์ เซ็นทรัล โคราช (14) เทคบอล ณ MCC HALL เดอะมอลล์ โคราช (15) กรีฑา ณ เมนสเตเดียม สนามกีฬา 80 พรรษาฯ และ (16) จักรยานขาไถ ณ ห้องโคราชฮอลล์ เซ็นทรัล โคราช

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

หนุ่มโรงงานขับมอไซค์ชนสิบล้อดับติดใต้ท้องรถหนุ่มโรงงานขับมอเตอร์ไซด์ด้วยความเร็วสูงชนรถบรรทุกไก่ตัดหน้ากระทันหัน.เบรคไม่ทันชนอย่างแรงร่างกระเด็นอัดก็อปปี้อยู่ใต้ท้องรถตายคาที่ จุดเกิดเหตุ บริเวณ ถนน 224.หน้าโรงงานคาร์กิล อำเภอโชคชัย จ.นครราชสีมา

เมื่อวันที่ 21ตุลาคม.2568 เวลา 7.50 น เกิดอุบัติเหตุพนักงานของโรงงานคาร์กิล ตำบลกระโทก อำเภอโชคชัย.จังหวัดนครราชสีมา ขับขี่รถมอเตอร์ไชด์ทะเบียน1กต.2399 สระบุรี ขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนกับรถบรรทุก10ล้อ หมายเลขทะเบียน 89-1967.นครราชสีมา คนขับสิบล้อ ทราบชื่อในเวลาต่อมา นายไพศาล ศรีสุข อยู่บัานเลขที่.30 หมู่1 บ้านโคกสะอาดตำบล อรพิม อำเภอ ครบุรี จังหวัดนครราชสีมาได้ขับรถบรรทุกมาส่งไก่ ของบริษัท คาร์กิล ตำบลกระโทก อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา

ช่วงเวลา 7.50น.ได้ขับรถกลับ ออกจากโรงงานดังกล่าวพนักงานรักษาความปลอดภัยได้โบกรถให้ตนเองขับออกไปช่วงจังหวะนั้นได้มีมอเตอร์ไชด์ของพนักงานโรงงานดังกล่าว ขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนกลางรถบรรทุกเข้าอย่างแรงทำให้คนขับมอเตอร์ไชด์กระแทกกับตัวรถแล้วมุดไปคาอยู่ใต้ท้องรถเสียชีวิตทันที
ซึ่งสภาพรถมอเตอร์ไซค์มีสภาพพังยับเยินหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าตนได้ยินเสียงดังมาจากกลางถนนเห็นรถบรรทุกวิ่งออกมาจากโรงงาน.และ รถมอไซค์โรงงานเดียวกัน วิ่งมาบนถนนสาย224 อำเภอโชคชัย-ครบุรีด้วยความเร็วสูง.พุ่งชนรถบรรทุกด้วยความแรงเป็นเหตุให้คนขับขี่มอไชด์เสียชีวิตทันที

นายไพศาลคนขับขี่รถบรรทุกบอกว่าตนส่งไก่เสร็จแล้วกำลังจะกลับไปยังบริษัท เอสแอนด์พี ที่อยู่ห่างออกไป 30 กิโลเมตร ระหว่างขับรถกลับได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นชึ่งตนก็ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก พร้อมกันนีั.ตำรวจ สภ.โชคชัยเร่งสืบสวนหาสาเหตุ ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ตามกฎหมายต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ เดินทางกว่า 200 โล เพื่อมอบสิ่งของและความสุข ให้กับ นักเรียน โรงเรียน ตชด. / แนนซี่ นำทีม ชมรมโฮปฯ แจกข้าวเหนี่ยวหมูและน้ำดื่ม

แชร์เนื้อหานี้
TTT

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 นายจุมพล ศรวิเศษ นายกสมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ พร้อมด้วย คณะกรรมการ และ กำลังเจ้าหน้าที่ นำข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนม นม เครื่องปรุง เสื้อผ้า ผ้าห่ม เครื่องปริ้น และกระดาษ เดินทางกว่า 200 กิโลเมตร เพื่อมอบสิ่งของ อุปโภค และ บริโภค ดังกล่าว ให้กับ คณะครู และ เด็กๆ

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตะโกปิดทอง หมู่ที่ 8 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคณะครูและเด็กๆ พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำอาหารเลี้ยงเด็กๆ และคณะครู

ก่อนจะลงสนามทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ อาทิ แข่งฟุตซอล เล่นดีดลูกแก้ว ฯลฯ ก่อนจะถ่ายรูปหมู่แล้วเดินทางกลับสมุทรปราการโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตะโกปิดทอง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาห่างจากชายแดน ไทย-พม่า ประมาณ 4 กิโลเมตร

และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตร หากต้องเดินทางไปกลับเพื่อซื้อสิ่งของจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง โดยภายในโรงเรียน มี ครูตำรวจ 8 ท่าน ครูพลเรือน 5 ท่าน และมีนักเรียน จำนวนประมาณ 250 คน มีการจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งมีนักเรียนบางส่วนพักอาศัยอยู่ที่โรงเรียน

นายจุมพล ศรวิเศษ นายกสมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ กล่าวว่า วันนี้ทางสมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ / ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา / และทีมภาคประชาชนที่จังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมกันนำสิ่งของปัจจัยต่าง ๆ โดยทางสมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ

ได้มาเป็นตัวแทนมอบให้กับน้อง ๆ นักเรียน โรงเรียน ตชด. อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เพื่อให้น้อง ๆ ได้รับความสุข ได้รับสิ่งที่ดี ๆ จากทางกลุ่มชมรมอาสาในพื้นที่สมุทรปราการ
ครูประจำโรงเรียน กล่าวว่า ทางโรงเรียนก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ยังเล็งเห็นความสำคัญของเด็กชายแดนตรงนี้ วันนี้เด็ก ๆ ก็มีความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ อิ่มทั้งกาย อิ่มทั้งใจ และมีความสุขมาก


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

แนนซี่ นำทีม ชมรมโฮปฯ แจกข้าวเหนี่ยวหมูและน้ำดื่ม ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันสวรรคต ร.9แนนซี่ นำทีม ชมรมโฮปฯ แจกข้าวเหนี่ยวหมูและน้ำดื่ม ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันสวรรคต ร.9

วันที่ 13 ตุลาคม 2568 นางสาวปิยนุช(แนนซี่) พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา ได้นำทีม เจ้าหน้าที่ และ อาสาสมัคร นำข้าวเหนียวหมูและน้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด แจกตามประชาชน ตามชุมชน 5 แห่ง

ชุมชนเก้าไร่ท้ายบ้าน / ชุมชนคลองหัวลำภู ท้ายบ้านใหม่บางปู / ชุมชนหาดอัมรา / ชุมชนบ่อขยะ ท้ายบ้าน / ชุมชนสะพานปูน คลองศาลาแดง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

เนื่องในวาระครบ ๙ ปี วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือ “วันนวมินทรมหาราช”

นางสาวปิยนุช(แนนซี่) พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา กล่าวว่า วันนี้ทางชมรมโฮปฯ ได้นำข้าวเหนียวหมูและน้ำดื่มจำนวน 500 ชุด ไปแจกตามชุมชนต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

เนื่องในวันครบรอบสวรรคต พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 โดยวันนี้ได้ไปแจกที่ ชุมชนเก้าไร่ท้ายบ้าน / ชุมชนคลองหัวลำภู ท้ายบ้านใหม่บางปู / ชุมชนหาดอัมรา / ชุมชนบ่อขยะ ท้ายบ้าน / ชุมชนสะพานปูน คลองศาลาแดง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ศึกศิลปะมวยไทยลพบุรี – จิตรเมืองนนท์สัญจร” เพื่อส่งเสริมเยาวชนและอนุรักษ์ศิลปะมวยไทย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 18.00 น. ณ บริเวณอาคารศูนย์กีฬา โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ลพบุรี
พลเอกชนินทร์ สิงหนาถนิติรักษ์ (ผู้ทรงคณวุฒิพิเศษกองทัพบก) ประธานจัดการแข่งขัน”ศึก ศิลปะมวยไทยลพบุรี – จิตรเมืองนนท์สัญจร” นายเจตพงศ์ โชคสวัสดิ์วลกุล (นายอำเภอโคกสำโรง)

พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต (ผกก.สภ.โคกสำโรง) ผอ.ดร.ศักดิ์ดา คำโส (ผอ.รร.จุฬาภรณฯ ลพบุรี) นายกัณพงศ์ แช่ภู่ นายณัฏพงษ์ อารยางค์กูร

(ประธาน กต.ตร.สภ. โคกสำโรง) นายปรีชา กิจรัตนกาญจน์ นายนิธิโรจน์ หงษ์ยนต์ พร้อมด้วยคณะกรรมจัดการแข่งขันชกมวย ประชนเข้าร่วมงานฯ

“ศึกศิลปะมวยไทยลพบุรี – จิตรเมืองนนท์สัญจร” การจัดงานในครั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. สมทบทุนปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ลพบุรี
  2. จัดซื้ออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยด้านการจราจรและอื่นๆให้กับสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง
  3. เพื่อนำรายได้ไปสนับสนุนการพัฒนาโรงพยาบาบาล
    โคกสำโรง และนอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์สำคัญ ในการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะมวยไทย
  4. ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทย ให้ยังคงอยู่ในสังคมไทย และส่งต่อไปสู่คนรุ่นใหม่ในอนาคต งานในครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง ค่ายมวยจิตรเมืองนนท์, โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬา
    ภรณราชวิทยาลัย ลพบุรี, คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง, (กต.ตร.สภ.โคกสำโรง) และวัดเขาลังพัฒนา

งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแห่งการแสดงออกถึงความสามารถของนักมวยไทยทั้งรุ่นเยาว์และรุ่น ใหญ่ หากยังมีเจตนารมณ์อันงดงามในการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งในด้านการศึกษา ความปลอดภัยงานด้านจราจร งานของตำรวจ สภ.โคกสำโรง และการพัฒนาสาธารณสุของชุมชนอำเภอโคกสำโรงอีกด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี
อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / “ปั่นสู่นครนาคา” คึกคัก! อบจ.บึงกาฬ ชวนคนรักสุขภาพ ร่วมปั่นตามรอยเส้นทางพญานาค “นาคารูท” และร่วมงาน “14 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ”

แชร์เนื้อหานี้

ที่ถนนข้าวเม่าริมโขง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ นายไตรภพ รำเพยพล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “ปั่นสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ” ประจำปี 2568

ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ “14 ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ” โดยมีนายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ นายแพทย์ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นเกียรติพิธีเปิด

ซึ่งกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 ตุลาคม 2568 โดยมีกิจกรรมหลากหลายทั้งบันเทิง วัฒนธรรม และกิจกรรมเพื่อสุขภาพ ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ “ปั่นสู่นครนาคา” กิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักปั่นทั่วประเทศได้มาร่วมสัมผัสเสน่ห์เมืองบึงกาฬ ตามเส้นทางการท่อง

เที่ยวแห่งความเชื่อความศรัทธา “นาคารูท” โดยนักปั่นจะได้สักการะหลวงพ่อใหญ่ พระคู่บ้านคู่เมืองบึงกาฬ ที่อำเภอเมืองบึงกาฬ, สักการะปู่อือลือที่เกาะดอนโพธิ์ อ.บึงโขงหลง และตามรอยหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภูทอก อำเภอศรีวิไล ฯลฯ

นายไตรภพ รำเพยพล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ โดยนางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และคนบึงกาฬ ยินดีต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวที่มาชมจังหวัดบึงกาฬ ตลอดจนนักปั่นจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งการจัดงานปั่นครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ จะจัดงานให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป

และนอกจาก กิจกรรมปั่นจักรยานแล้ว ระหว่างวันที่ 5 – 7 ตุลาคม 2568 ภายในงานยังอัดแน่นไปด้วยความสนุกและสีสัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ เสียงอีสาน, เวียง นฤมล, ไหมไทย หัวใจศิลป์ และสาวน้อยเพชรบ้านแพง ตลอดจนการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเยาวชนในพื้นที่, การประกวดเต้น “บาสโลบ” และการประกวดธิดานาคา โดยตลอดทั้ง 3 วันของการจัดงาน เปิดให้เข้าชมฟรี
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สองล้อหัวใจอาสา “โปลิสนรา” ปั่นน้ำใจ เติมรอยยิ้มให้เด็กกำพร้า เมืองนรา พร้อมกิจกรรมสันทนาการ เสียงหัวเราะ ประทับใจ

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (5 ต.ค.68) ที่ สภ.เมืองนราธิวาส พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส ในฐานะประธานกลุ่ม “สองล้อรู้ใจ โปลิสนรา” นำสมาชิกกว่า 30 คน ร่วมจัดกิจกรรม “สองล้อรู้ใจ โปลิสนรา ครั้งที่ 2” เดินหน้าทำความดีด้วยหัวใจ จัดทริปขับขี่มอเตอร์ไซค์เยี่ยมและมอบสิ่งของแก่บ้านเด็กกำพร้า 2 แห่งในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส ได้แก่ บ้านเด็กกำพร้ายะกัง และ มูลนิธิบ้านเด็กกำพร้าดารุลอีมาน

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัย เคารพกฎจราจร ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในกลุ่มผู้รักมอเตอร์ไซค์ พร้อมทั้งสนับสนุนการทำกิจกรรมเพื่อสังคมและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

โดยบรรยากาศเริ่มต้นที่ลานอเนกประสงค์ สภ.เมืองนราธิวาส โดยมี พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ กล่าวเปิดกิจกรรมอย่างเป็นทางการ จากนั้นสมาชิกกลุ่มได้ตรวจสภาพรถและอุปกรณ์นิรภัย ก่อนออกเดินทางสู่บ้านเด็กกำพร้ายะกัง ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ พร้อมร่วมมอบเงินทุนการศึกษาและสิ่งของจำเป็นให้แก่เด็ก ๆ

ต่อมาคณะสองล้อรู้ใจฯได้เดินทางต่อไปยังมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้าดารุลอีมาน ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อมอบของบริจาค ร่วมแจกไอศกรีม สร้างรอยยิ้มด้วยกิจกรรมสันทนาการ และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับเด็กๆในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง

ทั้งนี้กิจกรรมในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งผู้ให้และผู้รับ สะท้อนพลังแห่งน้ำใจของกลุ่ม “สองล้อรู้ใจ โปลิสนรา” ที่ไม่เพียงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ หากแต่ขับเคลื่อนด้วย หัวใจของความดีและจิตอาสา
/////////
ข่าว/กรียานราธิวาส

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / เปิดการแข่งขันกีฬาสีโรงเรียนฝวาหมินกงลิ ประจำปีการศึกษา 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 23 กันยายน 2568 นายณัฐวัฒน์ โชติกสถิตย์ ประธานสภาเทศบาลเมืองชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธาน
ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีประจำปีการศึกษา 2568 ร่วมกับ

นายประชา วิโรจน์ทินกร ในฐานะ ประธานมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ นายอรรถสิทธิ์ ลิมสถายุรัตต์ ผู้รับใบอนุญาต โรงเรียน

ฝวาหมินกงลิ ดร. มยุรีย์ ทิพย์ญาณ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะผู้บริหารโรงเรียน นักกีฬา กองเชียร์ที่รักทุกคน

นายอรรถสิทธิ์ ลิมสถายุรัตต์ กล่าว โรงเรียนฝวาหมินกงลิ การจัดการแข่งขันกีฬาสีทางโรงเรียนจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่ง

เสริมให้นักกีฬา มีทักษะด้านกีฬาพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคี ปลูกฝังให้นักกีฬาเล่นกีฬาด้วยน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้

ชนะ รู้อภัย ห่างไกลยาเสพติด ดังคำขวัญที่ว่า เสียเหงื่อให้กับการกีฬาดีกว่าเสียน้ำตาให้กับยาเสพติด ในการแข่งขันกีฬา แบ่ง

นักกีฬา กองเชียร์ออกเป็น 4 สี ได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน สีม่วง และ สีชมพู โดยมีนักกีฬาและกองเชียร์เข้าร่วมทั้งหมด 1,600 คน

โรงเรียนได้รับการสนับสนุนวงดุริยางค์ 1. วงโยธวาทิตมณฑลทหารบกที่ 44 2. วงโยธวาทิตโรงเรียนสอาดเผดิมวิทยา 3. วงโย

ธวาทิตโรงเรียนนิรมลชุมพร 4. วงโยธวาทิต โรงเรียนสวีวิทยา 5. วงโยธวาทิต โรงเรียนท่าแซะรัชดาภิเษก ได้รับการสนับสนุน เจ้า

หน้าที่จราจร การให้ความสะดวกปลอดภัยกับนักกีฬากองเชียร์ รับสนับสนุนรถพยาบาลจากมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์และ

คณะผู้ปกครองทุกท่านในการ จัดริ้วขบวนกีฬาสีเป็นอย่างดี ทางโรงเรียนจึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้


นายณัฐวัฒน์ โชติกสถิตย์  ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีโรงเรียนฝวาหมินกงลิ ประจำปีการศึกษา 2568 ในครั้งนี้ ผมได้เห็นถึงความสามัคคีในการทำงานและได้เห็นถึงการปลูกฝังให้นักกีฬา กองเชียร์ มีน้ำใจนักกีฬา และมีทักษะในการเล่นกีฬาเสมอมา สี่สีที่แบ่งออกเพื่อความสะดวกในการ แข่งขันขอให้เด็กๆจำไว้ว่า สุดท้ายแล้วเราจะกลับมาเป็นสีเดียวกันคือขาวแดง ผมได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาหลายครั้ง เห็นถึงความพร้อมเพรียง ความคิดสร้างสรรค์ ความสามัคคี พัฒนาขึ้นทุกปี เป็นที่น่าชื่นชมยินดีนัก ขอให้นักกีฬา กองเชียร์เล่นกีฬาอย่างมีน้ำใจนักกีฬา สนุกสนานและปลอดภัยกันทุกคน

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514