คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / คุณยาย อายุ 86 ปี คนจังหวัดนครราชสีมา ออกตลาดขายขนม ช่วยเบาภาระครอบครัว

แชร์เนื้อหานี้

คุณยายมีชื่อว่า นางฝ่าย หลุนกระโทก อายุ 86 ปีอีกสี่เดือนจะครบ 87 ปี มีสัมโนครัวที่ ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ปัจจุบัน คุณยายไม่มีบ้าน ได้ เช่าห้องอยู่ที่ ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา อยู่กับ ลูกสาว 2 คน หลานชาย 1 คน ลูกสาวอายุ 40 กว่าชื่อนาง(ก)นามสมมุติ และอีกคนอายุ 50 กว่าชื่อนาง(ข)นามสมมุติ ส่วนหลานชาย อีก 1 คน อายุ 26 ปี ไม่มีวุฒิการศึกษา ไม่มีอาชีพติดตัว จึงหาเงินได้น้อย คุณยายเล่าว่า ลูกสาวทำงานเป็นแม่บ้านที่ รพ.มหาราช ลูกสาวอีกคน ช่วยทำขนมที่บ้าน ลูกสาวทั้งสองคนเลิกกับสามีนานแล้ว และลูกสาวทั้งสองคนป่วยด้วยโรคกระดูกทับเส้น ทำงานได้ไม่เต็มร้อย รายได้จึงไม่เพียงพอ

คุณยาย หู ไม่ค่อยได้ยิน และ จะปวดขาบ่อยๆ เพราะเดินมาก บางวันปวดมากทนไม่ไหว ก็นอนลงไปตรงที่นั่งขายของ คุณยายเล่าต่อไปว่า ตัวเองนั้น สมัยยังสาว ทำงานเป็นลูกจ้างที่ กทม. หลังจากนั้น กลับมาอยู่ โคราช เมื่ออายุได้ 30กว่า จากนั้นจึงขายขนมเรื่อยมา จนถึงวันนี้ คุณยายได้ขายขนมมาเป็นเวลา 50 กว่าปีแล้ว ขนมที่คุณยายขายคือ ขนมไทย ใส่ไส้ห่อใบตอง ขนมกล้วย ขนม ตาล สมัยนั้นคุณยายจะเอาขนมใส่ตะกร้าใบใหญ่และหิ้วสองมือ ปัจจุบันใส่ตะกร้าใบเล็กขาย ขนมที่คุณยายขาย จะเป็นขนมที่ทำสำเร็จมาแล้ว เช่น บ๊วย ท๊อฟฟี่ ขนมปังกรอบสอดไส้ ขนมเหล่านี้ หลานสาวคุณยายซึ่งเป็นลูกของนาง(ก)จัดหามาให้ คุณยายได้ขายทุกวันนี้

สถานที่คุณยายขายมีสองที่ คือ ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย (ที่อยู่ปัจจุบัน)และในตัวอำเภอเมืองนครราชสีมา คุณยายเล่าต่อไปว่า ได้นั่งรถประทาง สาย โชคชัย – นครราชสีมา เข้าไปขายในเมือง บริเวณ กรมที่ดิน เดินต่อไป ธ.ออมสิน เดินต่อไป ศาลากลางจังหวัด และ รพ.มหาราช อาจจะนั่งรถเมย์บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเดิน เพราะได้ขายไปด้วย หากวันไหนขายที่ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย(ที่อยู่ปัจจุบัน) คุณยายจะนั่งวินไปขาย บางวันก็เดินไป ระยะทางประมาณ เกือบครึ่งกิโลเมตร จากที่พัก ไปยัง ตลาดไนท์กระโทก ขายขนมเสร็จ เวลา 20.00 น.หากคุณยายไม่มีรถกลับบ้าน หาวินมอไซค์ไม่ได้ ก็จะมีแม่ค้าใจบุญที่ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย ขับรถมอไซค์พ่วงมาส่งยังที่พัก

ส่วนรายได้จากการขายขนม คุณยายเล่าว่า ขายในเมืองนครราชสีมาโดยเฉลี่ย ได้วันละ 1000 บาท หักค่ารถ และต้นทุน เหลือกำไรวันละ ร้อยกว่า ถึง สองร้อยกว่าบาท หากขายที่ตลาดไนท์กระโทก อ.โชคชัย รายได้โดยเฉลี่ย วันละ 200 บ.รวมต้นทุน

กันตินันท์ เรืองประโคน/ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แขวงทางหลวงน่านที่ 1 จัดการประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการก่อสร้างทางจักรยาน ทางหลวง 1168 ตอน น่าน – น้ำใส

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (22 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน นายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการก่อสร้างทางจักรยาน ในทางหลวงหมายเลข 1168 ตอน น่าน – น้ำใส

โดยมี พระราชนันทวัชรบัณฑิต รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง และ นายพงษ์ศิลป์ ผาลา นายอำเภอภูเพียง พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ท่านผู้แทนภาคเอกชน

ท่านผู้นำท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมการประชุมฯ โดยมี นายมงคปิ่นสกุล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงน่านที่ 1 เป็นผู้กล่าวรายงาน

การประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและยกระดับ การท่องเที่ยว น่านสู่ท่องเที่ยวคุณภาพสูง ในโครงการก่อสร้างทางจักรยาน

ในทางหลวงหมายเลข 1168 ตอน น่าน – น้ำใส รวมระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เพื่อให้ประชาชนสองข้างทาง นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ สามารถมาออกกำลังกาย

ทั้งการปั่นจักรยานและการวิ่งที่ปลอดภัยและใกล้บ้าน ใกล้ที่พัก เป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพของคนน่าน และส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำในเขตเมืองน่าน โดยผู้เข้าร่วมการประชุมการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันนี้ จะช่วยให้ทุกภาคส่วนในท้องถิ่น

ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการดำเนินการโครงการฯ และลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น/บุญยงค์ สดสอาด ยายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ร่วมงานประเพณีแห่พระคันธารราฐ ลอดซุ้มประตูเมือง “มหาสงกรานต์โคราช”12-15 เมย.2568 ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

แชร์เนื้อหานี้

ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๕ เมษายน ๒๕๖๘ ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสวนสุรนารี (สวนรัก) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา๙ เมษายน ๑๘.๐๐ น. เชิญร่วมแถลงข่าวการจัดงานสืบสานประเพณีแห่พระคันธารราฐ ลอดซุ้มประตูเมือง “มหาสงกรานต์โคราช” ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร

๑๒ เมษายน ๑๐.๐๐ น. ชมการประกวดเจดีย์ทราย ณ สวนสุรนารี (ส่วนรัก)
๑๖.๓๐ น. พิธีอัญเชิญพระคันธารราฐ ออกจากพระเจดีย์ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร
๑๗.๐๐ น. เชิญร่วมขบวนแห่อัญเชิญพระคันธารราฐ เดินทางตามเส้นทางถนนจอมพล ประชาชนร่วมโปรยดอกไม้ตลอดสองข้างทาง เดินทางไปยังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

ชมริ้วขบวนอัญเชิญพระคันธารราฐแบบประเพณีไทยอีสาน และชมขบวนแห่สงกรานต์ (Songkran Carnival) สุดตระการตา
๑๘.๐๐ น. ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระคันธารราฐ ร่วมสรงน้ำพระคันธารราฐ เขียนคำอธิษฐานบนผ้าทองผ้าเงิน และชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ณ ศาลาไทย ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

๑๓ เมษายน ๐๗.๐๙ น. ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระสงฆ์ ๒๙ รูป เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทย ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
๑๔.๐๐ น. ชมการแข่งขันประกวดขั่วหมี่โคราช และตำส่มโคราช ๒๔ กระทะเหล็ก ณ สวนสุรนารี (สวนรัก) ๑๖.๐๐ น. ชมการขั่วหมี่โคราชกระทะยักษ์ บนถนนเล่นสงกรานต์จังหวัดนครราชสีมา “ถนนขั่วหมี่” มากิ๋นขั่วหมี่โคราชกันเด้อ ณ สวนสุรนารี (สวนรัก)

๑๗.๐๐ น. พบกับพิธีเปิดงานสุดอลังการ ร่วมต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ๑๗.๒๐ พิธีสวดขอขมา พิธีสรงน้ำพระคันธารราฐ สรงน้ำพระสงฆ์ รดน้ำขอพรผู้สูงอายุ กิจกรรมไฮไลท์พิธีแห่พระคันธารราฐลอดซุ้มประตูเมือง (ประตูชุมพล) เพื่ออัญเชิญกลับวัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร ร่วมจับชายผ้าทองผ้าเงิน ความยาว ๕๕๗ เมตร และสรงน้ำพระคันธารราฐตลอดสองข้างทางถนนจอมพล ๑๙.๓๐ น.

ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมของเด็ก เยาวชน และศิลปินพื้นบ้าน ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร ๑๔ เมษายน ๑๐.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. สรงน้ำพระคันธารราฐ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน ๑๕ เมษายน ๑๘.๐๐ น. พิธีอัญเชิญพระคันธารราฐเข้าสู่พระเจดีย์ และพิธีห่มผ้าพระเจดีย์ ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร

๑๓-๑๕ เมษายน ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ – ๒๑.๓๐ น. ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสวนสุรนารี (สวนรัก) พบกับกิจกรรมจัดเต็ม เล่นน้ำเสริมมงคลบนถนนราชดำเนิน อุโมงค์น้ำมนต์ ๙ วัด สรงน้ำพระพุทธรูปประจำวันเกิด ถ่ายภาพจุดเช็คอินโคราชเมืองน่าเที่ยว ร่วมกิจกรรมการประกวดทางศิลปวัฒนธรรม ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงดนตรีร่วมสมัย

กันตินันท์ เรืองประโคน / รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าเพชรฯ ไปร่วมงานเปิดงาน ตามไปดูกัน ธารน้ำใจหลั่งไหลร่วมบริจาคของรางวัลงาน “มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว และงานกาชาด ครั้งที่ 15”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานงานวันรวมน้ำใจให้กาชาดจังหวัดประจวบฯ เพื่อรับสิ่งของและเงินสดสนับสนุนในการออกร้านกาชาด ในงาน “มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว และงานกาชาด ครั้งที่ 15” ประจำปี 2568

โดยมี พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ปลัดจังหวัดฯ นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน

เข้าร่วมกิจกรรมฯ พร้อมทั้งร่วมรดน้ำขอพรจากผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เนื่องในวันสงกรานต์ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นตามแบบประเพณีไทย สำหรับงานท่องเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ มหัศจรรย์เมืองสามอ่าว และงานกาชาด ครั้งที่ 15

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 เม.ย. – 4 พ.ค.68 ที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9 หน้าศาลากลางจังหวัดฯ และถนนเลียบชายทะเลอ่าวประจวบฯ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ

และหารายได้สนับสนุนกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ของสำนักงานเหล่าชาดจังหวัดฯ ภายในงานมีการจัดโซนแสดงนิทรรศการของส่วนราชการ 20 กระทรวง ภายใต้แนวคิด “Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ”

เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับทราบถึงแนวทางและเป้าหมายการพัฒนาของจังหวัดใน 10 ประเด็น ส่วนในวันเปิดงาน 25 เม.ย.68 จะมีการจัดขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรมของทั้ง 8 อำเภอ

เคลื่อนออกจากกองบิน 5 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.มาตามเส้นทาง ถ.สละชีพ เข้าสู่บริเวณสถานที่จัดงานสวนสาธารณ เฉลิมพระเกียรติ ร.9 พร้อมด้วยชุดการแสดงประกอบขบวน

ขณะที่ในพิธีเปิดงานบนเวทีกลาง จะมีการแสดงแสง สี เสียง ชุด “ผีพุ่งไต้” ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวหัวหิน พร้อมการจุดพลุสวยงามตระการตา
นอกจากนี้ ในแต่ละค่ำคืนของการจัดงาน ทั้ง 8 อำเภอจะมีการจัดชุดการแสดงมินิไลต์ แอนด์ ซาวน์ บนเวทีกลาง สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 คืนละ 1 ชุดการแสดง เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์วิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละอำเภอให้ผู้ร่วมงานได้รับชม

พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การประกวดสาวงามเมืองสามอ่าว / การประกวดสินค้าเกษตร / การแข่งขันกีฬามวยไทย ตะกร้อลอดบ่วง / กิจกรรมเดินแบบผ้าไทย ใครใส่ก็สวย โดยนายแบบและนางแบบกิตติมศักดิ์ / กิจกรรม Night Run เดิน-วิ่ง ชมเมืองสามอ่าว / กิจกรรมการออกร้านกาชาด รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าโอทอป สินค้าชุมชน

คาราวานสินค้าอุปโภคบริโภค และการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียงในทุกค่ำคืน โดยในวันสุดท้ายของการจัดงานจะมีการหมุนวงล้อออกรางวัลสลากกาชาดการกุศล ลุ้นรางวัลใหญ่รถยนต์ 3 คัน

พร้อมของรางวัลอื่นๆ มากมาย จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมชมงานดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

ผู้ว่าเพชรฯ นำทีมบุกค้นเรือนจำกลางเพชรบุรี หาสิ่งผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติด

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี เปิดปฏิบัติการบุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางเพชรบุรี อ.แก่งกระจาน เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด รวมถึงสิ่งของผิดกฎหมายหรือของต้องห้ามภายในเรือนจำ โดยได้สนธิกำลังร่วมกับ หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภาค 7 ฝ่ายปกครอง อ.แก่งกระจาน สภ.แก่งกระจาน สาธารณสุข อ.แก่งกระจาน และ จนท.ราชทัณฑ์ กว่า 100 นาย โดยมี นายมิตรารุณห์ พรหมอินทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเพชรบุรี นำเข้าตรวจค้นจุดต่างๆ ภายในเรือนจำ อาทิ ล็อกเกอร์เก็บของของผู้ต้องขัง

ห้องนอน ห้องน้ำ และตามจุดสุ่มเสี่ยงต่างๆ ซึ่งผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายหรือสิ่งของต้องห้ามแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังได้สุ่มทำการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขัง จำนวน 150 คน ผลปรากฎว่าไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะผู้ต้องขังแต่อย่างใด

ร้อยตำรวจโท ภพชนกฯ กล่าวว่า จ.เพชรบุรีได้รับการประสานจากเรือนจำกลางเพชรบุรี โดยได้บูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานในการปฏิบัติการบุกจู่โจมตรวจค้นภายในที่พักของผู้ต้องขัง เพื่อค้นหาสิ่งของผิดกฎหมายและสิ่งของต้องห้ามต่างๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาในเรือนจำ

ไม่ว่าจะเรื่องของยาเสพติด อาวุธ หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้ามเด็ดขาด ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของต้องห้ามหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ส่วนผลการตรวจปัสสาวะก็ไม่พบปัสสาวะสีม่วงในกลุ่มผู้ต้องขัง สำหรับเรือนจำกลางเพชรบุรี เป็นเรือนจำขนาดกลาง

มีผู้ต้องขังรวมทั้งสิ้น 2,530 คน เป็นผู้ชาย จำนวน 2,177 คน เป็นผู้หญิง จำนวน 323 คน เป็นกลุ่มที่รอการตรวจพิสูจน์ความผิด รวมถึงกลุ่มที่ถูกตัดสินโทษแล้วและมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

ผู้ว่าประจวบฯ เปิดศูนย์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์ ตั้งเป้าเสียชีวิตน้อยกว่า 5 คน

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (หลังใหม่) นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 โดยมีนายธนวัฒน์ เรืองเดช หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ คณะกรรมการและคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล และช่วงวันหยุด พ.ศ. 2568

จังหวัดประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร ตชด. มูลนิธิ อาสาสมัคร อปพร. จิตอาสาพระราชทาน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานร่วมพิธี ภายหลังผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้กล่าวเปิดศูนย์ฯ พร้อมรับมอบของสนับสนุนจุดตรวจจุดบริการช่วงเทศกาลสงกรานต์จากภาคเอกชนแล้ว ได้ชมการสาธิตการใช้เครื่องมือ การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนจากองค์กรการกุศล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเป็นประธานปล่อยขบวนรณรงค์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน มูลนิธิกู้ภัย ร่วมกันออกปฏิบัติงานในช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.68 พร้อมตั้งจุดตรวจจุดบริการประชาชนริม ถ.เพชรเกษม เพื่อให้บริการประชาชนที่สัญจรผ่านพื้นที่ จ.ประจวบฯ ตลอดระยะทางกว่า 200 กม. เดินทางอย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

นายธนวัฒน์ เรืองเดช กล่าวว่า การเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ในวันนี้ ใช้ชื่อการรณรงค์ว่า “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” มีการกำหนดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2568 โดยมีมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1. มาตรการด้านการบริหารจัดการ 2. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม 3. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ 4. มาตรการ

ด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย 5. มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนมุ่งเน้นลดสาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดดื่มไม่ขับ การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ การคาดเข็มชัดนิรภัย และการรณรงค์ลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม โดยบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐภาคเอกชน ภาคประชาชน อาสาสมัคร จิตอาสาพระราชทานและองค์กรสาธารณกุศล เพื่อลดความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนจากปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 ในระดับประเทศ มีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ 2,044 ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต 287 ราย และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) 2,060 ราย ส่วนสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 ของจังหวัดประจวบฯ มีจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ 58 ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต 9 ราย และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) 55 ราย ซึ่งเป้าหมายในการดำเนินการของจังหวัดประจวบฯ คือ

จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) ของจังหวัดลดลงไม่น้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ทำให้จังหวัดประจวบฯ มีเป้าหมาย ดังนี้ การเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่า 41 ครั้ง ผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 5 ราย และผู้บาดเจ็บ (Admit) น้อยกว่า 41 ราย. นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

เจ้าคณะภาค 15 เปิดงาน “เดือนห้านมัสการหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี” ครบรอบ 154 ป


เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 ที่วัดกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ พระธรรมวชิรสิทธาจารย์ เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดคลองวาฬ พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเปิดงานเดือนห้านมัสการหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี ครบรอบ 154 ปี โดยมี พระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ (มหานิกาย)

เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี พร้อมด้วยพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นางอรษา โอ่เอี่ยม รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฯ นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอกุยบุรี หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แขกผู้มีเกียรติและ พุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน โดยก่อนเปิดงานมีขบวนแห่อัญเชิญหลวงพ่อในกุฏิ เพื่อให้ชาวบ้านกราบนมัสการบูชาพร้อมเครื่องสักการะ ซึ่งงานดังกล่าวทางวัดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มานมัสการปิดทองรูปหล่อ “หลวงพ่อในกุฏิ” ในระหว่างวันที่ 10-18 เมษายน 2568 เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน


“หลวงพ่อในกุฏิ” เดิมชื่อมาก หรือบุญมาก ท่านเกิดในราวปีมะเส็ง สมัยแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศ กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นน้องคนสุดท้องของ 3 พี่น้อง คือ ท่านอินทร์ ท่านม่วง และท่านมาก ท่านมีพี่น้องสี่คน น้องคนสุดท้องเป็นผู้หญิง ท่านเป็นคนปักษ์ใต้โดยกำเนิดน่าจะอยู่จังหวัดชุมพร ตระกูลของหลวงพ่อเป็นตระกูลที่มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก เมื่ออายุครบบวชท่านและพี่ชายได้ออกบวชและครองสมณเพศตลอดชีวิต หลวงพ่อทั้งสามเชี่ยวชาญเรื่องเวชกรรม ไสยศาสตร์ และวิปัสสนากัมมัฏฐาน

เมื่อบวชเป็นเวลาพอสมควรแล้วจึงชวนกันออกธุดงค์ มีความแตกฉานในสรรพวิชาทั้ง 3 องค์ เมื่อได้อยู่จำพรรษาที่วัดเดิมกันมาตามสมควรแล้วจึงได้ชักชวนกันเดินธุดงค์โดยหลวงพ่ออินทร์ เลือกมาจำพรรษาที่เมืองกำเนิดนพคุณ หรือเมืองบางสะพาน ปัจจุบันมีรูปเหมือนของท่านประดิษฐานอยู่ที่วัดเขาโบสถ์ อำเภอบางสะพาน หลวงพ่อม่วง น้องคนกลาง เลือกจำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งระหว่างบ้านกรูดและทับสะแก ถ้ำแห่งนั้น คือ ถ้ำคีรีวงศ์ และกลายเป็นวัดถ้ำคีรีวงศ์ ในปัจจุบัน ส่วนหลวงพ่อมาก หรือหลวงพ่อในกุฏิ เลือกจำพรรษาที่เมืองกุยบุรี ที่วัดกุยบุรี วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมีแม่น้ำกุยบุรีไหลผ่านทางด้านหลังวัดและตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

ที่พระภิกษุจะต้องออกไปบิณฑบาตในเวลาเช้า นับเป็นสับปายะของผู้อยู่อาศัยถึงจะไม่ไกลจากหมู่บ้านแต่ก็ปราศจากเสียงอื้ออึงเข้ามารบกวน สมเป็นที่หลีกอยู่ของสมณะผู้ใคร่หาความสงบ หลวงพ่อในกุฏิเป็นผู้ที่ใฝ่ใจในด้านหาความสงบทางจิตยู่แล้ว จึงได้รับอาราธนาจากเจ้าเมืองและชาวกุยบุรี ปกครองวัดกุยบุรีตลอดมา ปฏิปทาของหลวงพ่อในกุฏิ ท่านเป็นผู้เคร่งครัดในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน และชำนิชำนาญคล่องแคล่วด้านไสยศาสตร์คาถานับว่าหลวงพ่อเป็นผู้มีอาคมขลังพร้อมทั้งเป็นผู้มีเมตตาจิตอย่างสูง ทั้งเป็นผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย คือเมื่อพูดคำใดแล้วจะต้องเป็นอย่างนั้น

เมื่อเป็นดังนี้ชาวเมืองกุยบุรี เมืองคลองวาฬ เมืองปราณ ตลอดจนถึงเมืองใกล้เคียงจึงได้ศรัทธาเลื่อมใสในบุญบารมีเป็นอันมาก เมื่อใดได้รับทุกข์ก็จะต้องหาโอกาสมาบนบานศาลกล่าว ขอให้ช่วยปัดเป่าให้ผ่อนคลายหายจากทุกข์นั้นๆ ครั้นเมื่อได้รับความสำเร็จแล้วหรือสมความปรารถนาจากที่ตนได้บอกกล่าวกับหลวงพ่อไว้แล้วก็จะต้องนมัสการและปิดทองที่ตัวท่านเป็นจำนวนมาก แม้ในปัจจุบันรูปเหมือนหลวงพ่อในกุฏิก็ยังมีคนมาปิดทองท่านอยู่ตลอดมา.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

พ่อเมืองประจวบฯ นำทีม “ลงแขก – ลงคลอง” กำจัดปลาหมอคางดำให้หมดจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่คลองบางนางรม

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมร่วมด้วย ช่วยกัน “ลงแขก – ลงคลอง” กำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ “Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ” ที่คลองบางนางรม บริเวณด้านหลังสำนักงานประมงจังหวัดประจวบฯ อ.เมืองประจวบฯ โดยมี นายสมนึก พรหมศร ประมงจังหวัดฯ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ นายบรรพต รัตนจันทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดฯ

นายธนวัฒน์ เรืองเดช หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ และชาวประมงพื้นบ้านร่วมกิจกรรม เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ และการมีส่วนร่วมในการกำจัดปลาหมอคางดำให้กับทุกภาคส่วน ควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานประมง เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ชาวประมงพื้นบ้าน และผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดฯ

มาร่วมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ช่วยกันจับปลาหมอคางดำออกจากคลองบางนางรม พร้อมมีกิจกรรมสาธิตการทำน้ำหมักชีวภาพโดยสถานีพัฒนาที่ดินประจวบฯ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการได้ร่วมกันทำน้ำหมักชีวภาพด้วย ก่อนร่วมกันปล่อยปลากะพงขาว ขนาด 5-7 นิ้ว ซึ่งเป็นปลาผู้ล่าลงสู่คลองบางนางรมเพื่อไปกินลูกปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ

นายสมนึก พรหมศร กล่าวว่า จ.ประจวบฯ พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่ 8 อำเภอ ซึ่งสำนักงานประมงจังหวัดฯ ได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของกรมประมง เพื่อควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการกำจัดโดยการ “ลงแขก ลงคลอง” และการนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 67 ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 68 และยังต้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในทุกอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อควบคุมจำนวนปลาหมอคางดำให้เหลือน้อยที่สุด ให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ ไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำประจำถิ่น ซึ่งที่คลองบางนางรมนี้ได้มีการทำกิจกรรมลงแขกลงคลองไปแล้ว 4 ครั้ง

พบว่าปลาหมอคางดำเริ่มลดน้อยลง จึงได้ปล่อยปลากะพงผู้ล่าลงไป ทั้งนี้ จากการดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำมากว่า 1 ปี พบความชุกชุมในแหล่งน้ำลดลงชัดเจน เหลือเพียงลำคลองไม่กี่แห่งที่ยังมีความชุกชุม ส่วนการระบาดในบ่อเลี้ยงของเกษตรกรที่เลี้ยงแบบบ่อธรรมชาติ หลังจากที่ได้มีการรับซื้อปลาหมอคางดำจากเกษตรกรเพื่อนำไปทำน้ำหมักชีวภาพก็พบว่าไม่ค่อยมีปลาหมอคางดำหลงเหลือแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ จ.ประจวบฯ ได้รับโควต้ารับซื้อปลาหมอคางดำจากกรมประมงเพิ่มอีก 104 ตัน เพื่อเร่งกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ” เป็นปลื้ม “น.ส.เกตน์ศิรณี บุญมา ฮ.นกเอี้ยงตาโตผู้จัดละคร ผู้กำกับโทรทัศน์ MV TV

แชร์เนื้อหานี้

ได้รับ การแต่งตั้งตำแหน่งผู้ช่วย น.ส. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อย่างเป็นทางการ โดยได้เป็นข้าราชการการเมือง ผ่านการพิจารณาเห็นชอบและ อนุมัติ จากรัฐสภา ถูกต้องตามกฏหมาย น.ส.เกตน์ศิรณี บุญมา ( ฮ.นกเอี้ยงตาโต ) กล่าว ” ตนดีใจมาก ที่ ท่าน สว. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา ได้คัดเลือก ตนเอง เข้ารับมอบตำแหน่ง หน้าที่ผู้ช่วย สว. ซึ่งเล็งเห็นถึง ความสามารถ ศักยภาพ ในการทำงาน การเสียสละตนเพื่อสังคม และ แผ่นดิน ในกิจกรรม ต่างๆ ที่ตนได้ทำมา อาทิ โครงการร้อยมือล้านใจช่วยเด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งปีนี้ เข้าสู่ปีที่13. ที่ตนได้ อุทิศตน

โดย ปณิธาน ส่วนหนึ่งของชีวิตขออุทิศตนเพื่อสังคม พร้อมตอบแทนคุณแผ่นดิน เพราะเราคือคนของแผ่นดิน และ ที่สำคัญ ที่ผ่านมา ตนก็ ลงพื้นที่ ไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย สร้างสรรค์ ส่งเสริมด้านการศึกษาในท้องถิ่นทุรกันดารแก่ เยาวชน ได้เสริมสร้าง สร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆแก่ผู้สูงอายุ จัดหาอุปกรณ์เครื่องทางการแพทย์ สนับสนุนให้แก่ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยติดบ้าน ร่วมถึง ส่งเสริม ด้านการอาชีพที่ยั่งยืน แก่พ่อแม่พี่น้องประชาชน ในทุกๆ พื้นที่ที่ได้ลงจัดกิจกรรม
มาตลอดระนะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา อย่างจริงจัง และ จริงใจ

ตนขอ ปฏิญาณตน จะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ขออุทิศตน ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน ก้าวตาม สนับสนุน
นโยบายที่สร้างสรรค์ ตามที่ สว. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา ที่มอบหมายหน้าที่ให้ตน เป็นอย่างดีด้วยความรัก ความซื่อสัตย์ ความตั้งใจ ที่จะทำต่อแผ่นดิน ” ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ กำลังใจที่มอบให้แก่ น.ส.เกตศิรณี บุญมา ( ฮ.นกเอี้ยงตาโต ) กราบขอบคุณคุณแม่สุมาลี ตันตยกุล และ พี่ๆ น้องๆ ลูกๆ ครอบครัวที่สนับสนุน เป็นกำลังใจให้ตลอดมา

จุฬาเฮิร์บเปิดแคมเปญใหญ่รับซัมเมอร์
“เสิร์ฟผิวสวยท้าแสง” แจกกันแดดจุฬาเฮิร์บฟรีทั่วไทย
พร้อมลุ้นรางวัลรวมกว่า 1.5 ล้านบาท

จุฬาเฮิร์บมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการดูแลผิวที่เข้าถึงคนไทยทุกพื้นที่ พร้อมเดินหน้าสร้างสุขภาพผิวที่ดีผ่านการกระตุ้นการป้องกันแสงแดดอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ บริษัท เจแอลซี กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เมคอัพสกินแคร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ภายใต้แบรนด์ “จุฬาเฮิร์บ” แบรนด์ไทยที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน เปิดตัวแคมเปญใหญ่รับซัมเมอร์ “จุฬาเฮิร์บเสิร์ฟผิวสวยท้าแสง” แจกกันแดดฟรีทั่วไทย ภายใต้แนวคิดที่ต้องการมอบสุขภาพผิวที่ดีให้คนไทยทั่วประเทศ ผ่านตู้กดครีมกันแดดจุฬาเฮิร์บฟรี กว่า 100 ตู้ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดตัวล่าสุดของจุฬาเฮิร์บ “กันแดดแตงโม 3D Aura” กันแดดหน้าพุ่ง พร้อมปกป้องผิวทุกมิติ รวมทั้งสามารถแสกน QR CODE

เพื่อร่วมสนุกพร้อมลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท โดยภายในงานพบกับ คุณแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ พรีเซ็นเตอร์แบรนด์จุฬาเฮิร์บ เป็นตัวแทนร่วมรณรงค์การดูแลผิวหน้าท้าแดดในแคมเปญนี้ด้วย
การจัดแคมเปญนี้ขึ้นนับเป็นการขับเคลื่อนแบรนด์จุฬาเฮิร์บให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการ “ทาครีมกันแดด” ก่อนออกจากบ้าน นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้งตู้แจกกันแดดจุฬาเฮิร์บไว้ตามจุดต่างๆ ในช่วงสงกรานต์ พร้อมกันนี้ยังผลักดันแนวคิดการเข้าถึงการดูแลผิวอย่างเท่าเทียม ได้จัดตั้งตู้แจกกันแดดจุฬาเฮิร์บในช่วงวันแรงงานอีกด้วย
โดยประชาชนทั่วไปสามารถทดลองใช้กันแดดจุฬาเฮิร์บฟรีได้ง่าย ๆ เพียงไปที่ตู้แจกกันแดดของแบรนด์จุฬาเฮิร์บ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ พร้อมร่วมกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลผ่านการสแกน QR Code ที่ตู้ หรือจากหลังซองสินค้าจุฬาเฮิร์บที่ร่วมรายการ

โดยแคมเปญ “เสิร์ฟผิวสวยท้าแสง” นี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2568 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 35 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมเตรียมมอบของรางวัลให้กับผู้ร่วมสนุกมากมาย อาทิเช่น iPhone 16, ทองคำหนัก 1 สลึง, บัตรกำนัลแทนเงินสดมูลค่า 1,000 บาท, รถจักรยานยนต์ Honda Scoopy และของรางวัลใหญ่ Toyota Yaris Cross รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
นายอาทิตย์ สีตาไว ผู้บริหารแบรนด์จุฬาเฮิร์บ กล่าวว่า “เรามุ่งหวังให้แคมเปญนี้เป็นมากกว่าการทำการตลาด แต่คือภารกิจเพื่อสังคม เราอยากให้คนไทยใส่ใจการปกป้องผิวด้วยวิธีที่ง่าย เข้าถึงได้ และสามารถสนุกกับกิจกรรมในแบบที่จุฬาเฮิร์บตั้งใจจัดแคมเปญนี้ขึ้นเพื่อตอบแทนลูกค้าจุฬาเฮิร์บรวมถึงคนไทยทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาของการทำตู้แจกกันแดดฟรีทั่วประเทศ”

โดยการเปิดตัวแคมเปญนี้จะมีขึ้นในวันที่ 8 เมษายน 2568 เวลา 10.00 – 12.00 น. ณ บริษัท คัดไว้ มีเดีย จำกัด & บริษัท ธรรมตา แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด พร้อมทั้งเรียนเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมงานพร้อมเก็บภาพบรรยากาศ และสัมภาษณ์ คุณแพนเค้ก รวมถึงรับฟังข้อมูลรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ณ วันดังกล่าว พร้อมสามารถทดลองใช้ตู้กดกันแดดจุฬาเฮิร์บฟรีภายในงาน
ซึ่งแคมเปญนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของแบรนด์จุฬาเฮิร์บ ในการเดินหน้าสู่การเป็น แบรนด์ที่เข้าใจคนไทย และใส่ใจในสุขภาพผิวของทุกคนอย่างแท้จริง “จุฬาเฮิร์บ สวยจบ..ครบทุกสภาพผิว”

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “หมอมาร์ท” เปิดเวที ‘MUT นครนายก 2025’ชูคอนเซ็ปต์ซินเดอเรลล่ายุคใหม่สู่เส้นทางจักรวาล

แชร์เนื้อหานี้

นับว่าเป็นเวทีระดับจังหวัดแรก ๆ ที่เสือปืนไวในการเปิดตัวการประกวดก่อนใคร สำหรับ “MUT นครนายก 2025” (Miss Universe Nakhon Nayok 2025) โดย “หมอมาร์ท-นพ.ชัยพล บัณฑิตสิงห์” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์ส นครนายก ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ณ SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีแขกผู้มีเกียรติ อาทิ คุณคมสันต์ สุมะนาถ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครนายก คุณราเมศ ลิ่มสกุล วัฒนธรรมจังหวัดนครนายก สื่อมวลชน และสาวงามผู้สมัครเข้าร่วมชิงมงกุฎ กันอย่างคับคั่ง
หมอมาร์ท-นพ.ชัยพล บัณฑิตสิงห์ แพทย์ด้านความงามและผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์ส นครนายก เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจในการจัดประกวด มิสยูนิเวิร์ส นครนายก 2025 มาจากการที่ได้เคยปรับรูปหน้าให้กับนางงาม ศิลปินนักแสดงมาแล้วหลายท่าน โดยเฉพาะนางงามไทยมีโครงหน้าที่สวยเป็นเอกลักษณ์มาก อีกทั้งยังเคยเป็นสปอนเซอร์เวทีการประกวดนางงามมาก่อน จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้อยากจะลองเข้ามาจัดเวทีประกวดบ้าง เพราะเป็นเรื่องท้าทายความสามารถมาก จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้นางงามที่สวยครบเครื่องเป็นตัวแทนในระดับจังหวัดไปประกวดเวทีใหญ่ระดับประเทศ ที่เลือกเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพราะเห็นถึงศักยภาพของผู้จัดอย่าง “คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ที่การันตีว่าหยิบจับอะไรไม่เคยผิดหวัง นอกจากนี้เวทีมิสยูนิเวิร์สยังมีคนไทย “คุณแอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เป็นเจ้าของเวที โดยในปีนี้ประเทศไทยยังเป็นเจ้าภาพในการจัดประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2025” ครั้งที่ 74 อีกด้วย เรียกว่าทุกอย่างลงตัวจึงขอซื้อลิขสิทธิ์การจัดประกวด มิสยูนิเวิร์ส นครนายก 2025 ที่เลือกนครนายก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ผมมีความผูกพันเป็นการส่วนตัว และเป็นจังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพฯ พร้อมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิต ที่น่าสนใจมากมาย

“ผมวางคอนเซ็ปต์การจัดประกวด มิสยูนิเวิร์ส นครนายก 2025 ไว้คือ ‘New era of Cinderella’ ซินเดลเรลล่า ในยุคสมัยใหม่ไม่ต้องพึ่งนางฟ้าและไม่ต้องรอเจ้าชาย ผมต้องการส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงไทยให้ลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งและพึ่งตนเองได้ ซึ่งมีทั้งความเก่งกล้า เฉลียวฉลาดและมีความสามารถรอบด้าน เหมาะสม ที่ไม่เพียงจะเป็นตัวแทน มิสยูนิเวิร์ส นครนายก 2025 เท่านั้น ผมยังมองการณ์ไกลไปถึงเวทีระดับจักรวาลด้วยครับ อยากให้ทุกคนติดตามการประกวด มิสยูนิเวิร์ส นครนายก 2025 ต่อไป รับรองว่าจะมีเซอร์ไซส์ โดยเฉพาะการเก็บตัวสาวงามผู้เข้าประกวด ที่ไม่เหมือนใคร”
ทางด้าน คริส ปัญญา ผู้จัดการกองประกวด กล่าวว่า การจัดประกวด มิสยูนิเวิร์ส นครนายก 2025 จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดการส่งเสริมและสนับสนุนที่ดีจาก หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชนทุกแขนง และแฟนนางงาม อยากให้ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาสมัครกันเยอะ ๆ เวทีนี้เปิดกว้าง มาชิงมงกุฎเพชรที่เลอค่า Rio Bright Dimond และที่สำคัญคือ เวทีเราจะช่วยตอกย้ำความเป็น Soft Power อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วยครับ

สำหรับแขกคนสำคัญที่มาร่วมงาน อาทิ บิวตี้-วรัญชนา ระดมเล็ก รองผู้จัดการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์,เรย์-อิสรียาร์ มาลัยศรี Miss Thailand World 1991 , ณฉัตร-วัลเณซ่า แฮร์มันน์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี2012 , ทารีน่า โบเทส มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2022 , แพรว-แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง รองอันดับ 1 Miss Supranational 2022 , นิพนธ์ สนธิ , ชายแฮ็คส์-ดร.วโรดม ศิริสุข , เล้ง-ณัฐพล นิลดอนหวาย,แสตมป์-พรวศิน เรืองนุกูล จากซีรีส์วาย ลอยแก้ว , ชยเวฐน์ สมวงษ์, ปภพ ด่านชัยวิโรจน์, พิมพ์ฬวีร์ เปรมเกษม, สุรเกียรติ ยาวะโนภาส, ธนากร นาคสวัสดิ์, ชัญญาภัสร์ ก่อพาราภิรมย์, กานติมา นาคสวัสดิ์, รัฐพล มุกดาสนิท, วรกร วงศกรเมือง , ดร.จุมพล โพธิสุวรรณ, ดร.รัชดาภรณ์ เกตุเทศ, ดร.ณรามิล วิชณุซัน คุ้มรักษ์, ดร.ปุณิกา เพ็ญสุวรรณ และ ธงดนัย แตงอวบ โดยมี ตวง-สาวิกา กาญจนมาศ, ซีเกมส์-อาทิตย์ เมฆอากาศ และ ฟองเบียร์-ศศิธร สติใหม่ ดำเนินรายการงานแถลงข่าว

“MUT นครนายก 2025”ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยม จาก ท่องเที่ยวและกีฬานครนายก ,วัฒนธรรมจังหวัด นครนายก, RIO BRIGHT DIAMOND ,Z-RO, ASLAN WEALTH , AMERIS CLINIC , มิตรมาร์เก็ต ดอนเมือง, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผม CALI, สบู่ AMOUR, บรรพบุรุษหมูกรอบ, SCB NEXTTECH, CHANNEL 8 และ RBK ORGANIZATION
ทั้งนี้ “MUTนครนายก 2025”เปิดรับสมัครสาวงามตั้งแต่วันนี้จนถึง 20 เมษายน 2568 และวันที่ 21 เมษายน 2568 จะประกาศสาวงามที่เข้ารอบ จากนั้น เข้าร่วมกิจกรรมเก็บตัวที่จังหวัดนครนายกในระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤษภาคม 2568 และรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในวันที่ 7 มิถุนายน 2568
แฟนนางงามสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ FB : มิสยูนิเวิร์สนครนายก (https://www.facebook.com/photo/?fbid=122094541172808489&set=a.122094541202808489)MissUniverseNakhonNayok #MissUniverseNakhonNayok2025 #มิสยูนิเวิร์สนครนายก #นครนายก #The74thMissUniverse #MissUniverse #TheNewEraofMUT #MGIxMUT #MissUniverseThailand #คุณหมอมาร์ท #PDชัยพล #ชัยพลบัณฑิตสิงห์ #MissUniverseThailand2025

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พ่อเมืองศรีสะเกษ นำเกษตรกร ตัดลูก ตัดใจ ตัดแต่งผล ทุเรียนภูเขาไฟ เพื่อประสิทธิภาพผลผลิต ให้ได้ทุเรียน GI ที่มีคุณภาพ เนื้อเนียนนุ่ม ละมุนลิ้น กลิ่นไม่ฉุน

แชร์เนื้อหานี้


***เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ที่สวนพี่พัชรินทร์ ซึ่งเป็นสวนทุเรียนในบ้านพิงพวยตะวันออก ตำบลพิงพวย อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ตัดลูก ตัดใจ ตัดแต่งผลทุเรียนภูเขาไฟ” ประจำปี 2568 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต โดยมี
นายสุชาติ กลิ่นทองหลาง เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่ เข้าร่วมกิจกรรม

***นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรม “ตัดลูก ตัดใจ ตัดแต่งผลทุเรียนภูเขาไฟ” ปี 2568 จัดขึ้นเพื่อเป็นกิจกรรมรณรงค์ให้เกษตรกร ดูแลจัดการทุเรียนให้มีคุณภาพ โดยการตัดลูกส่วนเกิน แต่เหลือลูกไว้อย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ แม้มีผลทุเรียนเยอะแยะเต็มต้น แต่เกษตรกรตัดใจได้ เพื่อรักษาผลทุเรียนให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด เป็นการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รับทราบและมั่นใจ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ได้รับการดูแล เอาใจใส่ ตั้งแต่เริ่มต้นเกษตรกรต้องพิถีพิถัน เฝ้าดูทะนุถนอมเหมือนลูก ไม่ปล่อยให้คลาดสายตา มีใจรักในทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ

***ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลังที่สำคัญของจังหวัด เป็นหนึ่งในประเด็นการขับเคลื่อนวาระจังหวัด “เกษตรบูรณาการ” อีกทั้งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยจังหวัดศรีสะเกษถือเป็นแหล่งปลูกทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ปลูกทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษทั้งหมด 20,463 ไร่ คาดการณ์ว่าในปี 2568

จะมีพื้นที่ให้ผลผลิต 13,568 ไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2,392 ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 21.40 % เพาะปลูกใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ ขุนหาญ และอำเภอศรีรัตนะ ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ดินภูเขาไฟที่มีลักษณะเหนียว อนุภาคดินละเอียดสลับกับหินหยาบสีแดง ระบายน้ำดี มีธาตุอาหารชนิดต่างๆ ที่จำเป็นต่อพืชในปริมาณสูง ส่งผลให้ทุเรียนมีรสชาติดี เนื้อทุเรียนแห้ง เส้นใยละเอียด ละมุนลิ้น กลิ่นไม่ฉุน เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

***ดังนั้นในห้วงเดือนมีนาคม-เดือนเมษายน เกษตรกรชาวสวนทุเรียน ทำการตัดแต่งทุเรียนภูเขาไฟผลเล็ก ลดจำนวนลูกทุเรียนภูเขาไฟเพื่อลดการสูญเสียน้ำ หากไม่ตัดแต่งอาจเกิดปัญหาน้ำเลี้ยงไม่พอ ลูกจะเล็กลง แม้เกษตรกรเสียดายผลทุเรียน แต่ต้องตัดใจ ถ้าอยากได้ทุเรียนลูกสวย ไม่เน้นปริมาณ เน้นที่คุณภาพสู่ผู้รอบริโภค ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ เกรดพรีเมียม จึงขอเชิญชวนผู้สนใจได้แวะมาชิมลิ้มลองทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากอัตลักษณ์รสชาติที่โดดเด่น “เนื้อเนียนนุ่ม ละมุนลิ้น กลิ่นไม่ฉุน” จนเป็นที่ยอมรับ
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์


สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / คุมประพฤติประจวบฯ เปิดโครงการ (ค่ายพลังใจ) ให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา ผู้ถูกคุมความประพฤติ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 27 มีนาคม 2568 ที่วัดหุบตาโครต ตำบลสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายวราวุฒิ จิรประภานนท์ นายอำเภอสามร้อยยอด ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มสำหรับผู้ถูกคุมความประพฤติ

(ค่ายพลังใจ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี นายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร.ต.ต.นิติ เนตรสว่าง นายก อบต.สามร้อยยอด นายณัฐกร ปิยะจันทร์ ผอ.ส่วนควบคุมฯ เรือนจำจังหวัดประจวบฯ พ.ต.ต.ธวัชชัย หลวงอี่ สวป.สภ.สามร้อยยอด นายปิยะชาติ ไฮ้คง หน.กลุ่มยุทธศาสตร์และอำนวยการ

สนง.คุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ พร้อม เจ้าหน้าที่ และ อาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดประจวบฯ ( อ.ส.ค.ประจวบฯ ) ร่วมกิจกรรม โดยมี พระครูโสภณธำรงกิตติ์ เจ้าอาวาสวัดหุบตาโคตร ได้กล่าวสัมโมทนียกถา ให้ศีลให้พรแก่ผู้เข้ารับการบำบัดเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

วัตถุประสงค์ โครงการดังกล่าว เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติที่ได้รู้จัก เข้าใจ และตระหนักในคุณค่าของตนเองและผู้อื่นมากขึ้น 2.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิตและการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นของผู้ถูกคุมความ ประพฤติ 3.เพื่อให้ผู้ถูกคุกคุมความประพฤดีตระหน้าในศักยภาพของคน

และสามารถสร้างแผนในภาร แก้ไขปัญหาของตนเองได้ในวิถีทางที่สังคมยอมรับ การจัดโครงการฯ ในวันนี้ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติด หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติ จำนวน 30 คน โดยใช้เวลา 2 คืน 3 วัน ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    กฟผ. ยืนยันเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมายังไม่กระทบต่อการจ่ายไฟฟ้าให้ประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อน

    การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขอยืนยันว่า จากการตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนผ่านเครื่องมือวัดต่าง ๆ ที่ติดตั้งไว้ที่เขื่อนและรอบอ่างเก็บน้ำของ กฟผ. พบว่า เขื่อนของ กฟผ. ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเมียนมาร์

    โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเขื่อนสิริกิติ์ 637 กิโลเมตร วัดอัตราเร่งที่สันเขื่อนได้ 0.00052g ทั้งนี้เขื่อนออกแบบให้รองรับแผ่นดินไหว 0.1-0.2g ทั้งนี้ กฟผ. อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ อาฟเตอร์ช็อค โดยจะดูแลการจ่ายไฟฟ้าโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน

    ///////////////////

    ณัฐธภพ พันสาย / ผู้สื่อข่าวพิเศษ / จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จังหวัดน่าน จัดงาน “ท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ ดูอัตลักษณ์น่าน Nan Cultural Learning Tourism”

    แชร์เนื้อหานี้

    สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน จัดงาน “ท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ ดูอัตลักษณ์น่าน Nan Cultural Learning Tourism” ในโครงการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยทุนทางวัฒนธรรม กิจกรรมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาย่านเมืองเก่าเพื่อการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ด้านศิลปวัฒนธรรม จังหวัดน่าน จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ บริเวณข่วงน้อย อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมีนางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิด

    โครงการฯ ดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ฟื้นฟูกิจกรรมของแหล่งเรียนรู้ ด้านศิลปวัฒนธรรม ให้เป็นที่รู้จักในระดับท้องถิ่นระดับชาติ และนานาชาติ เตรียมความพร้อมประชาชนในพื้นที่ได้เรียนรู้เอกลักษณ์ทาง ศิลปวัฒนธรรม รองรับการพัฒนาพื้นที่ และร่วมกันขับเคลื่อนเมืองน่านสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์และเมืองมรดกโลก เปิดพื้นที่แหล่งเรียนรู้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ สร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชุมชนในจังหวัดน่าน

    โดยภายในงานพบกับ ร้านค้าสินค้าวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น นิทรรศการพื้นที่แห่งการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ด้านศิลปวัฒนธรรม การเวิร์คช็อป และการสาธิตจากวิทยากรของแต่ละแหล่งเรียนรู้ จากแหล่งเรียนรู้ 14 แหล่งเรียนรู้ เส้นทางท่องเที่ยว 5 เส้นทาง ประกอบด้วย
    เส้นทางที่ 1 เส้นทางหัตถศิลป์ถิ่นน่าน
    เส้นทางที่ 2 เส้นทางอาหารตำรับเจ้า เชิดชูอาหารถิ่น The lost taste
    เส้นทางที่ 3 เส้นทางมรดกภูมิปัญญา มรดกทางวัฒนธรรม สู่มรดกโลก
    เส้นทางที่ 4 เที่ยวชุมชน ยลวิถี “งามศิลป์ ถิ่นนครวัฒนธรรม”
    เส้นทางที่ 5 เส้นทางสายบุญ ยลพุทธศิลป์เมืองน่าน

    นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีศิลปวัฒนธรรม ในเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป อาทิ การแสดงสะล้อ ซอ ปิน ซอล่องน่าน จาก พ่อครูอรุณศิลป์ ดวงมูล, คณะซอกรกฎ บ้านซาวหลวง และคณะซอคำไทด์ สาธิตการทำอาหาร แกงผักอะหยิอะเหยาะ, แกงสนัด และแกงแค การแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย โดย สถาบันการศึกษา กลุ่มกิจกรรม องค์กร ชมรม และชุมชน การแสดงวงดนตรีร่วมสมัยจากวง Sweet Hours เป็นต้น/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมต.ว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเปิดงาน“คอนเสิร์ตนครเพลง โคราชมรดกโลก” ในงานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2568

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “คอนเสิร์ตนครเพลง โคราชมรดกโลก” ในงานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2568 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ท่านผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ททท.นครราชสีมา วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมกิจกรรม

    จัดโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับ บริษัทมาจอยกัน จำกัด ผู้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อฯ ประจำปี 2567 ภายใต้โครงการการอนุรักษ์และส่งเสริมการรักษาขนบธรรมเนียมภาษาท้องถิ่นเมืองโคราชและบทเพลงโคราช

    นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายนำวัฒนธรรมไทยมาสืบสาน รักษา และต่อยอดไปสู่มิติใหม่ ๆ ให้เกิดการสร้างคุณค่าทางสังคมและมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของไทยเพื่อสนับสนุนมิติทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมและขับเคลื่อน Soft Power การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโดยมุ่งยกระดับมหกรรมวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นระดับชาติเพื่อเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยว

    ของคนไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก กระทรวงวัฒนธรรมมีความยินดี ที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับผู้รับทุน จัด “คอนเสิร์ตนครเพลง โคราชมรดกโลก” ในงานฉลองชัยชนะ ท้าวสุรนารี ประจำปี 2568 โดยได้รวบรวมศิลปินที่มีชื่อเสียง และเป็นความภูมิใจของชาวโคราช กว่า 20 ชีวิต มาไว้ในการแสดงครั้งนี้ โครงการฯ นี้ นับว่าเป็นการนำวัฒนธรรมพื้นบ้านของไทย
    มาสืบสาน รักษา ต่อยอดผ่านมิติของผลงานเพลงและสร้างชื่อเสียงให้กับ จ. นครราชสีมา

    นายธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสือปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาสื่อฯ ได้ให้ทุนสำหรับผู้สนใจผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ หลากหลายรูปแบบ สำหรับ“คอนเสิร์ตนครเพลง โคราชมรดกโลก” โครงการฯ นี้ อยู่ภายใต้โครงการการอนุรักษ์และส่งเสริมการรักษาขนบธรรมเนียมภาษาท้องถิ่นเมืองโคราชและบทเพลงโคราช ใช้ดนตรี บทเพลง มิวสิกวิดีโอ มาถ่ายทอดเรื่องราววัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย กองทุนพัฒนาสื่อฯ
    ต้องขอขอบคุณผู้รับทุน และศิลปินโคราชกว่า 20 ชีวิต ที่มาช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองโคราชแล้ว โครงการนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน ในอนาคตเราอาจจะมีศิลปินหน้าใหม่เป็นคนโคราช ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

    สำหรับ “คอนเสิร์ตนครเพลง โคราชมรดกโลก” จัดแสดงในวันที่ 27 มีนาคม 2568 เวลา 18.00 น. ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา มีศิลปินชาวโคราชที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ มนัสวิน นันทเสน (ติ๊ก ชีโร่) , สุนารี ราชสีมา , สมจิตร จงจอหอ , กำปั่น บ้านแท่น , ศรายุทธ สุปัญโญ , เจเน็ต เขียว , อรวรรณ เย็นพูน (ปุ้ม สาว สาว สาว) , เอ มหาหิงค์ , ตั๊กแตน ชลดา ,ศรลักษณ์ สวนจะบก , เฉลิมศักดื์ อังศุพันธุ์ ,

    สามารถ คำโคกกรวด , แสนรัก เมืองโคราช ,ภิชชาพร หอมขุนทด (ขิม The Voice Kids) , สหรัฐ โอเลียรี่ (เควิน The Voice) ,ชัยณรงค์ พรหมบุปผา (เอส The Voice) ,อาชาไนย ธรรมนิยาย ,ณรงค์ บุญเลี้ยง ,สรธร ชิ้นจอหอ (ขุนสมาน) ,นันทิตา ฆัมภิรานนท์ (เบลล์ Thailand Got’s Talent) และชุมพล สุปัญญา ร่วมด้วยการนำเสนอมิวสิควิดีโอ 5 บทเพลงขับร้องโดยศิลปินโคราช ผีมือการกำกับของปรัชาญา ปิ่นแก้วเพลงร่วมสมัยผสมผสานภาษาถิ่นโคราชและมีเนื้อหาสอดคล้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ประเพณี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมของชุมชน แหล่งท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมา

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน