คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / คณะกรรมการ ประเมินผล โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศิล 5 ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.00 น. พระครูสุธีวชิรธรรม เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ฝ่ายธรรมยุต)เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และ นายคารม คำ

พิทูรย์ ปลัดจังหวัดขอนแก่นให้เกียรติเป็นประธาน โครงการขับเคลื่อนสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศิล 5(ตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี) ประธานขับเคลื่อนระดับหน กล่าวเปิดการลงพื้นที่ เลขา

คณะกรรมกาารขับเคลื่อนระดับหนแนะนำคณะกรรมการประจำหน ประธานฝ่ายสงฆ์จุดธูปเทียนกล่าวนำบูชาพระรัตนตรัยเปิดกรวยถวายหน้าพระพุทธรูป

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ประธานฝ่ายฆราวาสเปิดกรวยถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยมีพุทธศาสนิกชนร่วมงาน นายสิงหภณ ดีนาง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 6 ขอนแก่น นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ

พ.ต.ท.ชาญศักดิ์ สุนทะโรจน์ รองผู้กำกับการ(สอบสวน)สถานีตำรวจภูธรชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอาวุโส นางเนตรทิพย์ เจริญวัย

ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น นายทินกร น้อยตำแย ผู้แทนวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารท้องถิ่น คหบดี

กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและพุทธศาสนิกชนร่วมประกอบพิธี ณ.วัดแจ้งสว่างนอก เขตเทศบาลตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ ขังหวัดขอนแก่น.

ภาพ/ข่าว กบ ชุมแพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อดีต ผช.ผบช.ทบ. ห่วงใยกำลังพล ประสานเสี่ยตัน และเฮิร์บแลนด์ ‘ส่งหัวใจไปแนวหน้า’ ด้าน ส.นักข่าวพัทยาไม่พลาดส่งทีมนำเสนอข่าวดีๆ สู่สังคม

แชร์เนื้อหานี้

เนื่องด้วยที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เกิดเหตุการณ์สถานการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เกี่ยวกับดินแดนและอำนาจอธิปไตย ส่งผลให้เกิดการสู้รบบริเวณชายแดนอย่างตึงเครียด ทหารบริเวณแนวชายแดนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและประเทศชาติอย่างเหน็ดเหนื่อยและมีความเสียสละเป็นอย่างมาก ประชาชนคนไทยและทุกฝ่ายหวังว่าเหตุสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นี้จะดีขึ้นตามลำดับ

ทางบริษัท เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ จำกัด ได้รับความอนุเคราะห์จาก พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก คุณกชพร เวโรจน์ หัวหน้าพรรคก้าวอิสสระ (อดีตพรรครวมแผ่นดิน) และนายตัน ภาสกรนที โดยมอบหมายให้นายณัฐพล ทองคำ และ น.ส.ณัฏฐ์นลิน เชี่ยวชาญธนกิจ เป็นผู้ดำเนินการทำหน้าที่แทน รวมทั้งการสนับสนุนของสมาคมนักข่าวพัทยา โดย นายอัมพร แสงแก้ว นายกสมาคมนักข่าวพัทยา

      ซึ่งได้จัดเตรียมสิ่งของอุปโภค-บริโภคจำนวนหนึ่ง นำไปมอบให้แก่ทหารกล้า เพื่อสนับสนุนและเป็นขวัญกำลังใจที่ดีให้แก่กำลังพล และเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนบริเวณกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด โดยในกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องทหารในครั้งนี้ ได้รวมน้ำใจจากหลายภาคส่วน และสมาคมนักข่าวพัทยา โดย นายอัมพร แสงแก้ว นายกสมาคมนักข่าวพัทยา ได้จัดส่งทีมงานผู้สื่อข่าวลงพื้นที่รายงานข่าวในกิจกรรมอันเป็นประโยชน์เพื่อให้กำลังใจกำลังพล และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนในครั้งนี้

ซึ่งได้มีการมอบข้าวสารเป็นข้าวหอมมะลิจำนวน 500 กิโลกรัม น้ำดื่มจำนวนกว่า 1,000 ขวด เครื่องยังชีพ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ส่วนตัวที่จำเป็นสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์สื่อสาร รวมทั้งยารักษาโรคเบื้องต้น โดยแพทย์แผนจีนจิตอาสา ที่ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องทหารในครั้งนี้เช่นกัน

ด้าน นาวาเอก ทนงศักดิ์ จันทร์งาม หัวหน้ากองกิจการพลเรือน กองบัญชาการป้องกันขายแดนจันทบุรีและตราด ผู้แทนรับมอบ ได้กล่าวว่า ต้องขอบคุณในน้ำใจของทุกคนที่มีให้ทหารในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของมากมายและยิ่งใหญ่ แค่เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ทุกท่านนำมามอบให้ ก็ถือเป็นการแสดงออกถึงน้ำใจที่ดีให้พวกเรามากมายแล้ว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บิ๊กวีเตรียม”คุ้มครอง” จนท.ถูกกลั่นแกล้งหลังจับยาเสพติดของผู้มีอิทธิพล และ กฎห้ามขายกระท่อมริมถนน หรือในชุมชน / จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ส.ค.68 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังเรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามโครงการโปรแกรมการฟื้นฟูผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ “มิติด้านครอบครัว) โดยมีนายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการกรรมการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5, นายสุรินทร์ จันทร์เทพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส คอยให้การต้อนรับ

ซึ่งภายในงานได้มีการอนุญาตให้พ่อแม่พี่น้องและเครือญาติ เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีความมั่นคง จำนวน 44 คน อย่างใกล้ชิด ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวพบปะญาติและผู้ต้องขังในเรื่องของกำลังใจ ที่ส่วนใหญ่หลงผิดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมทั้งได้อนุญาตให้ผู้ต้องขังสอบถามข้อสงสัยต่างๆด้านกฎหมาย ที่ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีการช่วยเหลือผู้ต้องขัง หากได้รับโทษไปแล้วเหลือประมาณ 30 ปี จะพ้นโทษก็จะนำผู้ต้องขังมาควบคุมตัวที่เรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อให้ทางเครือญาติได้เข้าเยี่ยมได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น แทนที่จะต้องเดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำต่างพื้นที่ และต้องเสียเนเสียทอไปโดยเปล่าประโยชน์

ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ผมได้กำหนดนโยบายชัดเจนว่า จะต้องทำให้ตากใบและสุไหงโกลกเป็นพื้นที่สีขาวปลอดจากการค้ายาเสพติด ประเทศไทยต้องไม่ถูกมองว่าเป็นแหล่งส่งออกยาเสพติด เพราะจะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งตัวชี้วัดใหม่ของเราจะไม่ใช่เพียงจำนวนการจับกุม แต่ต้องมุ่งไปถึงผู้บงการและผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่ไปจับกุมขบวนการค้ายามักถูกใส่ร้ายหรือถูกร้องเรียน จนบางครั้งถูกย้ายตำแหน่ง ในขณะที่คนที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดกลับอยู่ได้นาน เรื่องนี้เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก เราจะมีมาตรการปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ทำงานตรงไปตรงมา

“สำหรับเรื่องกระท่อม แม้จะถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่กลับกลายเป็นปัญหาใหม่ เพราะถูกนำไปใช้ผิดกฎหมาย ทำให้มีผู้เสพติดจำนวนมาก และต้องเสียเงินบำบัด รัฐบาลจึงเตรียมออกกฎกระทรวงห้ามขายกระท่อมในตลาดสด ริมถนน หรือพื้นที่สาธารณะ อนุญาตเฉพาะให้ใช้ภายในครัวเรือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และสิ่งที่เราประกาศไว้ใน 120 วัน วันนี้เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงและการตื่นตัวแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่ต้องแก้ไข ผมหวังว่าเมื่อครบกำหนด 120 วัน หรือเข้าสู่ปีใหม่ เราจะสามารถเฉลิมฉลองร่วมกับประชาชนได้ว่า

ปัญหากระท่อมและยาเสพติดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญตัวชี้วัดใหม่ของเราคือการดึงผู้ที่ก้าวพลาดไปใช้ยาเสพติดให้กลับคืนสู่สังคมได้ รัฐบาลควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบำบัด ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องรับภาระเอง นอกจากนี้เรายังต้องยกระดับความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ หากมีการปล่อยปละละเลยจนทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในชุมชน และนี่คือสิ่งที่เราจะเดินหน้าแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมปลอดจากยาเสพติด” พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว
/////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” น้อมนำแนวพระราชดำริสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุม 1 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” โดยได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ประกอบด้วย

นายอภิศักดิ์ สรวิสูตร ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพื้นที่ 4 (ภาคใต้) พร้อมด้วย นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ นายสุชาติ ใจดี หัวหน้าแผนกระดับ 8 โครงการส่วนพระองค์ 902 ผู้ประสานงานฟาร์มตัวอย่างฯภาคใต้ และนายซูไฮดี บาซอ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัตนาการผลิต โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ศึกษาพัฒนาพิกุลทองฯที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เกษตรกร คณะครู อาจารย์ นักศึกษา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังการเสวนาในครั้งนี้

ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการดำเนินงานของศูนย์ฯ และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกร รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้สามารถน้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร อันจะนำไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนของรายได้

สำหรับเวทีเสวนาแบ่งการพูดคุยออกเป็น 2 รอบหลัก ได้แก่ รอบที่ 1 ผู้แทนแต่ละหน่วยงานได้สะท้อนบทบาทและแนวคิดในการขับเคลื่อนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งสำนักงาน กปร. เน้นสนับสนุนการวางแผนและงบประมาณเพื่อให้ศูนย์ฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ มุ่งส่งเสริมการวิจัย ทดลอง และถ่ายทอดวิธีการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้ถูกยกให้เป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดชี้ให้เห็นศักยภาพของเกษตรกรในพื้นที่ควบคู่กับข้อจำกัดด้านข้อมูลตลาด และเสนอให้เพิ่มการสนับสนุนเชิงระบบ

รอบที่ 2 ผู้แทนหน่วยงานได้แลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติจริงและข้อเสนอแนะ โดยสำนักงาน กปร. ระบุข้อท้าทายสำคัญในการเชื่อมโยงผลผลิตกับตลาด เช่น ข้อมูลที่ยังไม่ทั่วถึงและการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ พร้อมเสนอให้พัฒนาระบบข้อมูลตลาดที่เข้าถึงง่าย ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ยกตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการวางแผนการผลิตพืชผักปลอดสารเพื่อตลาดท้องถิ่น โดยมีองค์ประกอบสำคัญคือการเลือกชนิดพืช การบริหารจัดการแปลง และการเข้าถึงข้อมูลตลาด ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้มีบทบาทเชื่อมโยงเกษตรกรกับข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดและผู้ดำเนินรายการเสนอการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันด้านการตลาด และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อเสริมอำนาจการต่อรองด้านราคาและการจำหน่าย

สำหรับการเสวนาครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเผยแพร่องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับตลาดต้องอาศัยการทำงานบูรณาการระหว่างนโยบายส่วนกลาง องค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาและฟาร์มต้นแบบ รวมทั้งกลไกสนับสนุนจากหน่วยงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืน อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดนราธิวาสและภาคใต้อย่างยั่งยืน
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเล เตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางทะเล

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้(13 ส.ค. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44, น.อ.ชำนาญ สอนแพง รอง ผอ.ศรชล.จว. ชพ.

ร่วมในพิธีเปิดการฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร จัดขึ้น ระหว่าง วันที่ 13 – 15 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมมรกตทวิน อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุทางทะเลในพื้นที่

เรือโท ณัฐพล สนธิโพธิ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ศรชล. จังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ศรชล.จังหวัดชุมพร จัดการฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการฝึกซ้อมทบทวนแผนการปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน

ให้มีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งตรวจสอบ อุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุในทะเล เพื่อนำข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนเผชิญเหตุของจังหวัดชุมพร รวมทั้งจัดให้มีการฝึกการปฏิบัติการในทะเล

โดยแบ่งการฝึกออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย การอบรมให้ความรู้จากวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถของสำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ศรชล.ภาค 1 และช่วงที่ 2 เป็นการฝึกภาคสนาม ภาคทะเล เป็นการฝึกจำลองจากสถานการณ์จริง ที่เคยเกิดเหตุ

ในทะเลพื้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อให้หน่วยงานและผู้เข้าร่วมการฝึก ได้ทบทวนแผนเผชิญเหตุการบัญชาการเหตุการณ์ รวมทั้งการประสานสอดคล้อง ระหว่าง หน่วยปฏิบัติภาคทะเลกับภาคพื้น ตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพ การทำงาน แบบบูรณาการ ณ บริเวณพื้นที่ทางทะเลหน้าหาดปากน้ำชุมพร ต.ปากน้ำชุมพรฯ

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จังหวัดชุมพรมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลความยาว กว่า 200 กิโลเมตร ที่ผ่านมามีภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุทางทะเล เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีเหตุการณ์ที่สำคัญอาทิ พายุเกย์ หรือเรือขนส่งสินค้าอับปาง รวมทั้งเรือประมงของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ในการฝึกครั้งนี้ มีทั้งการอบรมให้ความรู้ การฝึกเชิงปฏิบัติการ และการฝึกภาคสนาม การทบทวนแผนปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งตรวจสอบเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นข้อมูล จัดทำเป็นแผนเผชิญเหตุของจังหวัด เตรียมความพร้อมในการรับมือกับอุบัติภัยหรือภัยพิบัติทางทะเลของจังหวัดชุมพรต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โคกสำโรง ร่วมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ตรวจค้นหาผู้เสพยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น. พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก. สภ. โคกสำโรง พร้อมข้าราชการตำรวจ และคณะกรรมการ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง ภจ.ว.ลพบุรี คณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการคุ้ม ทุกคุ้ม ร่วมดำเนินโครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืนเพื่อ “แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยการบำบัด”

ด้วยสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง ได้ดำเนินการโครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืนเพื่อแก้ไข ปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568 ณ หมู่บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 และบ้านใหม่พัฒนา

หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแขม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และได้ทำการสำรวจกลุ่มเปราะบาง (ผู้ป่วป่วยติดเตียง) ปรากฏว่า มีจำนวน 4 ราย และจะมีการมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงดังกล่าวให้ผู้ป่วย จึงเดินทางพร้อมคณะฯ เพื่อมอบสิ่งของหลายรายการให้กับทางผู้ป่วยในพื้นที่ดังนี้

  1. พื้นที่ บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 จำนวน 2 ราย
  2. พื้นที่บ้านใหม่พัฒนา หมู่ที่ 2 จำนวน 2 ราย. และหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สุข แก่ผู้ป่วยบ้างไม่มากก็น้อย ผลการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดไม่พบสารเสพติดในจำนวน 21 คน และได้นำผู้บำบัดส่งต่อความยั่งยืนสู่ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม อบต.หนองแขม โดยมี นางพิมพ์พรรณี มีสุดเพียร นายก อบต.หนองแขม พร้อมคณะผู้บริหาร รับมอบไว้ดูแล และนัดหมายการร่วมทำกิจกรรมต่างๆหลังจากนี้ไปอีกให้ครบ 1 เดือน

สนอง แท่นสูงเนิน
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวฯ /คณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จังหวัดลพบุรี. ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / คืบหน้า “ส.ส.อรอุมา” จับมือไฟฟ้าเซกา แก้ปัญหาไฟฟ้าทางการเกษตร

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอรอุมา บุญศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขต 2 พร้อมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สาขาเซกา ลงพื้นที่บ้านโชคอำนวย หมู่ 16 ตำบลท่ากกแดง อำเภอเซกา เพื่อเร่งติดตั้งและขยายระบบไฟฟ้าบริเวณเส้นทางสัญจรในพื้นที่เกษตรกรรม ตามข้อร้องขอของประชาชน

โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการสัญจร และสนับสนุนการทำเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ชาวบ้านจากบ้านศรีอำนวยพร หมู่ 8 และบ้านโชคอำนวย หมู่ 18 ได้ร้องขอให้ ส.ส. ช่วยผลักดันการขยายเขตไฟฟ้าทางการเกษตร นำไปสู่การลงพื้นที่สำรวจร่วมกันระหว่าง ส.ส., กฟภ.สาขาเซกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายรามิล ปฐมบงกฎสกุล หัวหน้าแผนกบริการลูกค้า กฟภ.สาขาเซกา เปิดเผยว่า ถนนเส้นนี้ไม่เคยมีการยื่นเรื่องมาก่อน ขณะนี้ผู้นำชุมชนและ ส.ส. จะเร่งรวบรวมเอกสารจากผู้เดือดร้อนส่งให้ กฟภ. ภายในวันที่ 15 สิงหาคม หลังจากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขออนุมัติงบประมาณโดยเร็วที่สุด

ด้านนางอรอุมา บุญศิริ ส.ส.บึงกาฬ เขต 2 กล่าวว่า อันดับแรกต้องขอบคุณความร่วมมือทุกฝ่าย การไฟฟ้าเซกา ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่สะท้อนปัญหามา รู้สึกดีใจและการไฟฟ้าเซกาก็ตอบรับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที จากการได้พูดคุยกับทางไฟฟ้าเซกาทำให้เราเข้าใจในระบบของการทำงานของการไฟฟ้ามากขึ้นจุดไหนคือจุดไหน

จะได้นำการทำงานในลักษณะนี้มาชี้แจงให้ผู้นำชุมชนพี่น้องประชาชนทราบ ถ้าต้องการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว จะให้ความร่วมมืออย่างไรจัดเตรียมเอกสารอย่างไร หากทำตามที่การไฟฟ้าแนะนำจัดทำเอกสารให้ครบถ้วนตามขั้นตอน ปัญหาต่างๆจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายก.อบจ. ส่งแบคโฮ 3 คัน ผลักดันเรือมุกดาหารปริ้นท์เซสที่เกยตื้น กลับลงแม่น้ำโขง สำเร็จ / พี่ชายคลั่ง! ยิงดับน้องชายแท้ ๆ 5 นัด เหตุ “เมาแล้วชอบหาเรื่องขัดแย้ง”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 สืบเนื่องจากเกิดเหตุเรือ “มุกดาหารปริ้นท์เซส” เกยตื้นบริเวณบันไดอาคารท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองมุกดาหาร ต่อมา นายภูมินทร์ สิเนหะวัฒนะ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร จึงได้ประสานความร่วมมือกับนายว

รายุทธ สงวนพวก เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ขอสนับสนุนรถแบคโฮของ อบจ.มุกดาหาร จำนวน 3 คัน เข้าทำการผลักดันเรือที่ติดอยู่กับพื้นถนนคอนกรีตเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าตลาดอินโดจีนมุกดาหาร

การปฏิบัติงานดำเนินไปในช่วงกลางคืน ท่ามกลางการทำงานอย่างระมัดระวังของเจ้าหน้าที่ โดยมีนายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหารร่วมปฏิบัติการด้วย

จนสามารถดันเรือหลุดออกจากฝั่งและลอยกลับลงสู่แม่น้ำโขงได้สำเร็จ ก่อนเคลื่อนย้ายไปจอดที่ท่าเทียบเรือถนนสำราญชายโขงเหนือ เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร เพื่อความปลอดภัย

มุกดาหาร #เรือมุกดาหารปริ้นท์เซส #แม่น้ำโขง #กู้เรือ #ข่าวมุกดาหาร #องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร #เทศบาลเมืองมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

พี่ชายคลั่ง! ยิงดับน้องชายแท้ ๆ 5 นัด เหตุ “เมาแล้วชอบหาเรื่องขัดแย้ง”

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 พ.ต.อ.ประยุทธ​ เรือน​ทองคำ​ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ได้รับแจ้งว่า มีเหตุยิงกันตาย ที่บ้านเลขที่ 124 หมู่ 8 บ้านโคกสูงน้อย ตำบลคำอาฮวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จึงสั่งการให้

พ.ต.ท.กิตติวัฒน์ คนหาญ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองมุกดาหาร เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบศพ นายอาทิตย์ อินธิแสน อายุ 42 ปี นอนตายใต้ถุนบ้าน บนโต๊ะแคร่ ถูกยิงด้วยปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด .32 จำนวน 5 นัด เข้าที่ลำตัว เสียชีวิตคาที่ ในลักษณะนอนหงาย

ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายวุธ อินธิแสน อายุ 48 ปี พี่ชายแท้ ๆ ของผู้ตาย นั่งรอมอบตัวพร้อมอาวุธปืนของกลาง เบื้องต้นรับสารภาพว่าเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจากผู้ตายมักดื่มสุราจนเมาและก่อเหตุทะเลาะวิวาทบ่อยครั้งแล้วเอาอาวุธ

ปืนออกมาโชว์ ตนจึงบอกให้เอาไปเก็บโต้เถียงกันไปมา แล้วแย่งปืนกัน จนบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงน้องชายจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ธ.ก.ส.มุกดาหาร ขับเคลื่อนมาตรการตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM 2.5 จ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรแล้วกว่า 37 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุมธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดมุกดาหาร นายอติพิชญ์ จันทร์เพ็ง ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดมุกดาหาร แถลงข่าวยกระดับมาตรการสนับสนุนการตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของภาคเกษตรยุคใหม่ที่มุ่งสู่การผลิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในการนี้มีนายชัยวัฒน์ โภคสวัสดิ์ ผู้บริหารโรงงานน้ำตาลสหเรืองมุกดาหาร และนายวิละ สุดวิเศษ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยมุกดาหาร ร่วมแถลงข่าวด้วย

นายอติพิชญ์ เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ตัดอ้อยสดในอัตรา 69 บาทต่อตัน ในฤดูการผลิตปี 2567/2568 ภายใต้กรอบ Green Box ตามพันธกรณี WTO ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตอย่างยั่งยืน

โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้วจำนวน 4,326 ราย รวมปริมาณอ้อยสดทั้งสิ้น 541,582.190 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 37,369,171.11 บาท ซึ่งนับเป็นความสำเร็จเชิงรูปธรรมในการลดการเผาอ้อยที่เป็นต้นตอของฝุ่น PM 2.5

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. จังหวัดมุกดาหาร ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท สหเรือง จำกัด ในการรับซื้ออ้อยปลายฝน และสนับสนุนการตัดอ้อยสดในเชิงพาณิชย์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่ธนาคารให้ความสำคัญในการพัฒนาเกษตรไทยอย่างยั่งยืน

ด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงงานน้ำตาลสหเรืองมุกดาหารได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ตัดอ้อยสดในอัตรา 40 บาทต่อตัน สำหรับฤดูการผลิตที่จะถึงนี้ทางโรงงานจะจำกัดการรับซื้ออ้อยเผาไม่เกิน 15% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบในแต่ละวัน เพื่อร่วมลดปัญหาฝุ่น PM 2.5

“อ้อยไฟไหม้นั้นจะต้องเข้าคิวรอนานถึง 48 ชั่วโมง เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาตัดอ้อยสดมากขึ้น” นายชัยวัฒน์ กล่าว

ธกส #มุกดาหาร #อ้อยสดลดฝุ่น #PM25 #เกษตรปลอดการเผา #BCGmodel #ตัดอ้อยสด #ลดฝุ่นพิษ #อ้อยมุกดาหาร #เกษตรยั่งยืน #ข่าวมุกดาหาร #สิ่งแวดล้อม #โรงงานน้ำตาลสหเรืองมุกดาหาร #สมาคมชาวไร่อ้อยมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศาล จ.ชุมพร จัดพิธีทางศาสนาและถวายพวงมาลา เนื่องในวันรพี

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 08.30 น. ที่ศาลจังหวัดชุมพร ตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ศาลจังหวัดชุมพร ได้จัดกิจกรรม เนื่องในวันรพี “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” ซึ่งตรงกับวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและคุณูปการของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

โดยมีนายมงคล ฌายีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.อ.สิทธิชัย โกศล รอง เสธ.มทบ.44 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร และข้าราชการตำรวจในสังกัด นายจรินทร์ ก๋งม้า ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมพร และ

หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ศาล อัยการ ทนาย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเป็นเกียรติในพิธี สำหรับกิจกรรม “เนื่องในวันรพี” เริ่มจากพิธีทางศาสนา เสร็จแล้ว พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะหน้าพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

นายมงคล ฌายีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร ได้กล่าวถวายสดุดี และยืนสงบนิ่งเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่าน พระผู้มีคุณูปการในการพัฒนาปฏิรูปประเทศไทยยุคเปลี่ยนผ่านในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนา ปรับปรุงการเรียนการสอนวิชากฎหมาย ระบบกฎหมาย และระบบ

การศาลยุติธรรมของประเทศไทย ให้เจริญรุดหน้าทัดเทียมอานารยประเทศในยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก เป็นรากฐานให้ระบบการศึกษากฎหมาย และระบบงานศาลไทยมีความเจริญ ก้าวหน้ามั่นคง เป็นที่ศรัทธาเชื่อมั่นของประชาชนในหลักนิติธรรมตราบจนถึงทุกวันนี้

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ จุลศักราช 1236 ตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2417 มีพระนามเมื่อแรกประสูติว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์ที่ 2 ในเจ้าจอมมารดาตลับ พระองค์ทรงพัฒนาระบบงานยุติธรรมทั้งระบบ และมีการจัดทำประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

เพื่อให้ศาลสามารถตัดสินคดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีฝ่ายธุรการคอยให้ความสะดวก และทรงได้วางนโยบายให้ศาลสามารถตัดสินคดีโดยปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอารยประเทศ ด้วย

คุณาณุปการอันล้นพ้น เนติบัณฑิตยสภาจึงได้ถวายการยกย่องพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เป็น “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” เมื่อปี 2497 ทั้งเริ่มต้นเรียกวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เป็น “วันรพี” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 9.00 น.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โดยส่วนอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับกลุ่มงานกฎหมาย จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ณ ห้องประชุมโรงแรมแพร่นครา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมโรงแรมน่านตรึงใจ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมีนายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 เป็นประธานการประชุม มีวัตถุประสงค์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ และนำความคิดเห็นมาใช้เป็น

แนวทางการในพัฒนาพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและขัดแย้งกันของกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมการประชุมจากหลายภาคส่วน เช่น

ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผู้เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้ขออนุญาต หรือผู้ได้รับอนุญาตให้กระทำการในอุทยานแห่งชาติ

วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้อยู่อาศัยหรือทำกิน ภายใต้โครงการอนุรักษ์ และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖

ผู้ได้รับอนุญาตให้เก็บหาหรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่สามารถเกิดใหม่ ทดแทนได้ในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอุทยานแห่งชาติตลอดจนประชาชนทั่วไป

หน่วยงานรัฐ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวนรวมทั้งสิ้น 1๕0 คน แบ่งเป็น พื้นที่จังหวัดน่าน 78 คน และพื้นที่จังหวัดแพร่ 72 คน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน