คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวอาชญากรรม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 2 แสนเม็ดกลางสวนยางพารา ที่บึงกาฬ

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.เวลาประมาณ 09.30 น. ณ ที่ว่าการอำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ นายวงศกร มองเพชร ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อำเภอโซ่พิสัย พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนมาก โดยมียาบ้าชนิดสีแดง 214,000 เม็ด และชนิดสีเขียว 4,040 เม็ด รวมทั้งสิ้น 218,040 เม็ด

การตรวจยึดครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 02.30 น. นายสำรวย หัตถมาศ กำนันตำบลถ้ำเจริญ ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่าพบถุงพลาสติกห่อวัตถุต้องสงสัยวางอยู่บริเวณเถียงนาสวนยางพาราของนายสมัคร อินไชยา หมู่ที่ 10 ตำบลถ้ำเจริญ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ จึงได้ประสานนายวงศกร มองเพชร ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอโซ่พิสัยที่ 5

ร่วมกับฝ่ายปกครองตำบลถ้ำเจริญ เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบห่อถุงพลาสติกสีดำ ภายในมีวัตถุบรรจุหีบห่อเขียนตัวอักษร Y1 จำนวน 35 ห่อ และวัตถุอีก 3 ก้อน ห่อด้วยกระดาษซึ่งมีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัว A เขียนอยู่ข้างห่อ เมื่อตรวจสอบภายในหีบห่อดังกล่าว พบยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกสีน้ำเงินแบบกดปิดเลื่อนเปิด โดยแบ่งเป็นถุงละ 200 เม็ด และคละสีแดง เขียว และชมพู รวมจำนวน 107 มัด

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสมัคร อินไชยา เจ้าของเถียงนาและสวนยางพารา ให้การว่าเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ตนได้เข้ามาหยอดน้ำกรดยางพารา และสังเกตเห็นห่อถุงพลาสติกสีดำวางอยู่ใต้ถุนเถียงนา จึงเกิดความสงสัยและแกะดูเบื้องต้น พบว่าเป็นยาบ้าที่เคยเห็นจากข่าว จึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลถ้ำเจริญ และกำนันตำบลถ้ำเจริญ เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดได้เข้าดักซุ่มเฝ้ารอผู้ที่อาจจะเข้ามาหยิบยาบ้าดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น.

ไม่พบผู้ต้องสงสัยเข้ามายังจุดเกิดเหตุ จึงได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบสิ่งของทั้งหมดโดยละเอียดอีกครั้ง และนำยาบ้าทั้งหมดไปตรวจนับโดยละเอียด ซึ่งยืนยันว่ายาบ้าทั้งหมดที่ตรวจยึดได้คือชนิดกลมแบน สีแดง จำนวน 214,000 เม็ด และชนิดกลมแบน สีเขียว จำนวน 4,040 เม็ด รวมทั้งสิ้น 218,040 เม็ด เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจยึดยาบ้าจำนวนดังกล่าวเป็นของกลางทั้งหมด และนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโซ่พิสัย เพื่อดำเนินการสืบสวนหาผู้กระทำผิดและขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ขนไม่พะยูง รับสารภาพได้ค่าจ้าง 15,000 บาท ต่อเที่ยว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าที่ พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ร.ต.อ.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล, ร.ต.ต.ใจเทพ สาลี รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล, ด.ต.ธนพนธ์ เกิดเขาทะลุ ผบ.หมู่.ส.ทล.๔ กก.๒ บก.ทล. ส.ต.อ.มาตภูมิ รัตนคช ผบ.หมู่.ส.ทล.๔ กก.๒ บก.ทล. ร่วมกับ นามเจ้าพนักงานตำรวจ กก.5 บก.ปทส. นำโดย ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ สมบุญ รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล, ร.ต.ท.สมพร วิเศษสวัสดิ์ รอง สว.(ป.), ด.ต.วิสุท กันตังกุล ผบ.หมู่.ส.ทล.๔ กก.๒ บก.ทล. เจ้าพนักงานตำรวจ ปทส.ภ.จว.ชุมพร นำโดย ร.ต.อ.จำนง เต็งประยูร รอง สว.กก.สส.ภ.จว.ชพ. ,ร.ต.ต.ประสาน สุวรรณโณ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.ชพ. ,จ.ส.ต.ณัฐวุฒิ มึสติ ผบ.หมู่.กก.สส.ภ.จว.ชพ เจ้าพนักงานกอ.รมน.จว.ชพ. นำโดย พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ จนท.ฝ่ายการข่าวฯ ,จ.ส.อ.อรรถพล คลี่บำรุง ,จ.ส.อ.พงศ์ศิลป์ รุ่งอาญา ,จ.ส.อ.ธนวรรธน์ บรรจงศิริทัศน์

 ทำการจับ1.นายสมัย (สงวนนามสกุล)  อายุ 31 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1 1998 00083 53 4 บ้านเลขที่ 66 หมู่ 10 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยของกลาง ไม้พะยูง ความยาวประมาณ 2 เมตร รวมทั้งสิ้น 73 ท่อน(ไม้หวงห้ามประเภท ก.) .รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฌ 5915 กทม. เลขตัวถัง MP1TFR40JMT007548 หมายเลขเครื่องยนต์ 4JJ3WD6023 จำนวน 1 คัน  โทรศัพท์ ยี่ห้อเรดมี่ สีดำ ระบบทรูมูฟ หมายเลข 0957808116 จำนวน 1 เครื่อง เลขIMEI(ช่องซิม1) 865504060168585 เลขIMEI(ช่องซิม2)865504060168593
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำ รถวิทยุฯ 2406 ออกตรวจพื้นที่ภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ขณะตรวจมาถึงบริเวณถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.470-471  (ขาเข้า กทม.) ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร  ได้พบรถกระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฌ 5915 กทม. ได้ขับรถแซงรถวิทยุฯ 2406 ของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม มาในช่องทางเดินรถทางขวา ด้วยความเร็ว และมีเหตุสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการเปิดสัญญาณไฟวับวาบ เพื่อเรียกรถคันดังกล่าวให้หยุด เพื่อตรวจสอบและว่ากล่าวตักเตือน เมื่อรถคันดังกล่าวจอดชิดบริเวณขอบทางด้านซ้าย พบ นายสมัย เครือสีดา (ทราบชื่อภายหลัง)  เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบใบขับขี่ และสอบถามนายสมัยฯ ว่าตนได้บรรทุกสิ่งใดมา เบื้องต้น นายสมัยฯ แจ้งว่าบรรทุกทุเรียนมาจาก อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสังเกตเห็น นายสมัยฯ  แสดงอาการพิรุธ ลุกลี้ลุกลน จึงขอทำการตรวจสอบภายในรถ ก่อนจะทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงความบริสุทธิ์ให้ นายสมัยฯ ดูจนเป็นที่พอใจก่อนทำการตรวจค้นและนายสมัยฯ ยินยอมให้ตรวจค้น จากการตรวจสอบพบ  ท่อนไม้ซึ่งยังไม่ได้แปรรูป จำนวนหนึ่ง บรรทุกอยู่ภายในตู้ทึบของรถคันดังกล่าว ที่นายสมัยฯ ขับขี่มา จากการสอบถามนายสมัยฯ เบื้องต้นให้การว่า ท่อนไม้ที่บรรทุกมานั้น เป็นไม้พะยูง เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวนายสมัยฯและรถบรรทุกคันดังกล่าวพร้อมท่อนไม้ที่บรรทุกอยู่ในรถกระบะ มาทำการตรวจสอบโดยละเอียด ที่ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงท่าแซะ  เจ้าหน้าที่สอบถามนายสมัยฯ ให้การว่า ไม้ที่ตนบรรทุกมานั้น เป็นไม้พะยูง โดยตนได้บรรทุกมาจาก พื้นที  จังหวัดสงขลา ซึ่ง มีชายชาวมาเลเซีย จำนวน 4 คน พร้อมรถบรรทุกติดแผ่นป้ายทะเบียนมาเลเซีย(จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้) นำไม้พะยูงมาให้ตน ซึ่งนัดรับกั บริเวณริมป่าทึบข้างทางและไม่ทราบจุดที่แน่นอน ในพื้นที่ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และนำไปส่ง บริเวณ ริมแม่น้ำโขง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดยตนได้รับการว่าจ้างจาก จากนายชัยยพล ถาวรหิรัญพัทธ์ โดยได้ติดต่อและรับงานดังกล่าว ผ่านทางแอบพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งใช้ชื่อ”ขุนเดช” ได้รับค่าจ้างครั้งล่ะ 15,000 บาท  โดยค่าจ้างดังกล่าว ได้รับโอนผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลขบัญชี 0908287878 ชื่อบัญชี นายชัยยพล  ถาวรหิรัญพัทธ์ โดยนายสมัยฯ ให้การเพิ่มเติมว่าตนได้รับการว่าจ้างให้บรรทุกไม้พะยูง จากนายชัยยพลฯ มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 จนกระทำถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและจับกุมในครั้งนี้ 

จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าไม้พะยูงขนาดความยาวประมาณ 2 เมตร จำนวน 73 ท่อน เป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก.(ไม้หวงห้ามธรรมดา) ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.2530 ลำดับที่ 53 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ นำไม้หวงห้ามเคลื่อนที่โดยไม่ได้รับอนุญาต(ไม่มีใบเบิกทาง) ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484

นายสมัย เล่าว่า บรรทุกมาจากสะเดาหาดใหญ่จะนำไปที่จังหวัดหนองคายโดย ได้รับค่าจ้างขนไม้มาเที่ยวละ 15,000 บาทโดยครั้งนี้ได้ขนไม้พะยูงมาเป็นครั้งที่ สี่ ส่วนเที่ยวที่ผ่านมาไปลงที่หนองคายในครั้งนี้จะไปที่โพนพิสัยบริเวณริมแม่น้ำโขง เพื่อนที่รับจ้าง แนะนำมาให้ไปขนไม้ปกติก็จะมีอาชีพรับจ้างทั่วไปขนข้าวขนของขนย้ายบ้านย้ายของให้กับชาวบ้าน อยู่ตลอดส่วนใหญ่ที่ผมเดินทางเข้าไปรับไม้ก็จะเป็นเที่ยวสุดท้ายตลอดส่วนไม้น่าจะมีจำนวนมากกว่านี้เยอะครับ
เจ้าหน้าที่ ตั้งข้อกล่าวหาว่า .

มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 วรรค2(2) นำไม้หวงห้ามเคลื่อนที่โดยไม่ได้รับอนุญาต(ไม่มีใบเบิกทาง) ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 39 ผู้ถูกจับกุมทราบข้อกล่าวหาและสิทธิของผู้ถูกจับข้างต้นแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวพร้อมของกลางนำส่ง พงส. สภ.ท่าแซะ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ด.ช.วัย 15 ถูกเตะสลบคาโรงเรียน ครอบครัวจี้เรียกร้องความเป็นธรรม ยันไม่เคยขอโทษ /สามี ยิงภรรยาเข้ากกหู ทะลุ ท้ายทอย 1 นัด ดื่มเหล้า เสพยา ถกเถียงกัน เกิดหึงหวง

แชร์เนื้อหานี้

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เฉลิมชาติ โคตรธิสาร” ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี โดยในคลิปจะเห็นนักเรียนชายที่สวมเสื้อแขนสั้นสีแดง เตะเข้าที่ใบหน้าของนักเรียนชายอีกคนที่สวมชุดนักเรียน จนสลบคาที่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะช่วยดึงร่างของเด็กที่ถูกทำร้ายขึ้นมา พร้อมโพสต์ข้อความว่า
“หลานชายถูกเตะหลับคากลางอากาศ ช่วยหน่อยนะครับ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ช่วยแนะนำด้วยครับ เด็กอายุ 13 ปี คู่อริเป็นลูกทหาร เหตุเกิดที่ จ.อุบลฯ”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านหนองหว้า ตำบลหนองหว้า อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อพูดคุยกับครอบครัวของเด็กชาย ก (เด็กชายวายุ โสดากุล อายุ 15 ปี) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยเด็กชายวายุได้โชว์บาดแผลตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหลัง ข้อศอก และริมฝีปากที่ยังคงแดงอยู่ ซึ่งสามารถเห็นบาดแผลได้ชัดเจน แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้วด.ช.วายุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 โดยเริ่มจากการที่รุ่นน้องมาตบหัวตน ตนจึงตบหัวกลับในวันนั้น วันถัดมารุ่นน้องได้เรียกตนไปพูดคุยที่บริเวณหลังพระใหญ่ ตนจึงไปคนเดียว โดยเข้าใจว่าอาจจะไปเล่นตะกร้อ เพราะรุ่นน้องได้พาเพื่อนในห้องอีก 2 คนมาด้วย ไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย หลังจากนั้นจึงถูกทำร้ายร่างกายจนรู้สึกเหมือนหมดสติ จำเหตุการณ์ไม่ได้ และมารู้สึกตัวอีกครั้งประมาณ 2 ทุ่ม พบว่าตนเองปากแตก เจ็บท้ายทอย มีรอยช้ำบริเวณท้ายทอย ศอกทั้งสองข้าง และแผ่นหลัง


หลังเกิดเหตุ ตนและฝ่ายคู่กรณียังไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด แต่เห็นว่าคู่กรณีโพสต์โน้ตในอินสตาแกรมว่า“เงินก็ให้ไปแล้ว ยังเอาคลิปไปลงอีก”ซึ่งตนไม่ทราบว่าอีกฝ่ายพูดถึงเงินจำนวนใด เพราะไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด ทั้งที่พ่อของอีกฝ่ายได้พูดคุยทางโทรศัพท์ว่าจะโอนเงินค่าเยียวยาจำนวน 10,000 บาท ให้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการนัดเจรจาใด ๆด.ช.วายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุฝ่ายคู่กรณีก็ไม่ได้มาขอโทษ และตนยังคงรู้สึกโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังจากเหตุการณ์ตนได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และโรงพยาบาลเบญจลักษ์ ซึ่งแพทย์ระบุว่ามีอาการฟกช้ำตามร่างกายและเจ็บบริเวณท้ายทอย

ด้านนายสุรพล โสดากุล อายุ 44 ปี บิดาของ ด.ช.วายุ เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ติดต่อผู้ปกครองของคู่กรณีก่อนเพื่อพูดคุย แต่ในตอนแรกอีกฝ่ายไม่ยอมเข้ามาไกล่เกลี่ย อ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดน จึงขอรอหมายเรียกหรือหมายศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต่อมาผู้ปกครองของคู่กรณีได้ติดต่อกลับมาว่า หากกลับมาจากชายแดนเมื่อใด จะขอเปิดใจพูดคุยอีกครั้งนายสุรพลกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่ได้รับการขอโทษใด ๆ จากทั้งฝ่ายนักเรียนคู่กรณีหรือผู้ปกครอง และทางโรงเรียนก็เพียงแจ้งว่าจะดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยคลิปวิดีโอเท่านั้น ไม่มีการติดต่อหรือดูแลเยียวยานักเรียนผู้เสียหายแต่อย่างใด โดยหลังจากเหตุการณ์ ด.ช.วายุ ยังไม่ได้กลับไปเรียน และตนมีแผนจะย้ายบุตรมาเรียนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ แทน เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของลูกชาย

ทั้งนี้ ครอบครัวของ ด.ช.วายุ ได้แจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นวันถัดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนพุทธเมตตาวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยทางคู่กรณีได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้/////

ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สามี 32 ปี อยู่อาศัยกับภรรยา วัย 19 ปี ขณะนั่งดื่มเหล้าขาว เสพยา ถกเถียงกัน เกิดหึงหวง เปิดกล่องปืนสั้น 9 มม.ยิงเข้ากกหู ทะลุ ท้ายทอย 1 นัด ก่อนโทรบอกน้าสาว ให้มาช่วยเมีย ร้องไห้กอดร่างอยู่ ตร.รุดสอบหาปืน

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา 11.45 น. เจ้าหน้าที่ สภ.เบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่บ้านเสียว หมู่ 12 ตำบลเสียว อำเภอเบญจลักษ์ จึงรุดออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 134 บ้านเสียว ในที่เกิดเหตุในบ้านปูน ห้องโล่ง ประตูกระจกแบบเปิดออกสองข้าง ภาพที่ปรากฎด้านในห้อง พบร่องรอยการต่อสู้ พบคราบรอยเลือดกระจายอยู่เต็มพื้นปูน พบกล่องปืน 1 กล่อง พบลูกกระสุนปืน 9 มม.จำนวนหนึ่ง ราว 11 นัด ที่ห่อไว้ในถุงพลาสติก พบขวดเหล้าขาว 1 ขวด พบซองห่อยาบ้า ที่ยังมียาบ้าอยู่ 2 เม็ด และปล่อยว่าง 1 ช่อง สอบเบื้องต้น มีผู้ที่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส กำลังส่ง รพ.เบ็ญจลักษ์ ทราบชื่อ นางสาว ภัคนันท์ ปัทราช หรือ อุ้ม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 บ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบ็ญจลักษ์ ได้มาอาศัยอยู่กับสามี ราว 3 เดือนเศษ

ที่บ้านเลขที่ 134 บ้านเสียว หมู่ที่ 12 ตำบลท่าคล้อ ในฐานะสามีภรรยากัน กับ นายคมสัน ทองสุ หรือ บรีส อายุ 32 ปี มาอยู่ด้วยกัน 3 เดือนเศษ ขณะที่อุ้ม มีลูกติด 1 คน อายุ 4 ขวบเศษ โดยเบื้องต้น นายบรีส เป็นผู้ก่อเหตุยิงภรรยาตนเอง 1 นัด กระสุนเข้าที่ท้ายทอย ทะลุโหนกแก้ม อาการสาหัส 50/50 ถูกส่งต่อเข้า รพ.เบ็ญจลักษ์ และส่งต่อไปที่ รพ.ศรีสะเกษ โดยมีพ่อแม่ตามไปดูแลด้วย อาการหนัก 50/50 ยังไม่ได้สติ ขณะที่ในที่เกิดเหตุยังไม่พบอาวุธปืน โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามหารอบบ้านแล้ว ปรากฏว่ายังไม่พบ ซึ่งหลังนายบรีส ได้สติ จะได้สอบถามอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัว นายบรีส ไว้ที่เตียงไม้ไผ่หน้าบ้าน และพยายามสอบถามหาสาเหตุ โดยนายบรีส ยังอยู่ในอาการที่มึนเมา แต่ไม่ทราบว่าเมายาบ้า หรือ เมาเหล้าขาว ได้เล่าแบบเมาๆ ว่า ตนรับว่าตนเป็นคนยิงมีย แต่ตนรักเมียตนมาก ที่ยิงตนไม่รู้สึกตัว เพราะตนเมา ตนไม่เคยทำร้ายเมีย และรับว่า เมื่อวานเย็นเสพยา ไป 1 เม็ด แต่ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้า คุยกันอยู่กับเมีย จากนั้นตนก็ไม่รู้เลยว่า ยิงเมียตนตอนไหน

นาง พัชนี ผิวนวล อายุ 31 ปี ( เสื้อสีเนื้อ ) น้าของอุ้ม เล่าว่า น้องสาวตน ได้มาอยู่อาศัยกับนายบรีส 3 – 4 เดือนแล้ว ในฐานะสามีภรรยา แต่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้จดทะเบียนกัน โดยน้องสาวตนมีลูกติด 1 คน อยู่ระดับอนุบาล 2 แต่ให้อาศัยอยู่กับตายายเลี้ยง อยู่บ้านเก่า ที่บ้านหนองยาง หมู่ที่ 7 ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบ็ญจลักษ์ ที่รู้เพราะนายบรีส โทรบอกว่า ให้มาช่วยภรรยาตนด้วย เพราะภรรยาเขาถูกยิง แค่นั้นก็วางวาย ตนก็ให้สามีตนขับรถมาจากบ้านเหล่ายอด มาดู ก็พบเห็น นายบรีส กำลังล้างเลือดออกจากแขน จากตัว เพราะเขากอดเมียเขา หลังเขายิงเมีย ก่อนเจ้าหน้าที่ รพ.เบ็ญจลักษ์ จะมาถึง และนำตัวภรรยาส่ง รพ.

ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จาก ภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เข้าตรวจสอบเขม่าดินปืนในมือ ในร่างกายของนายบรีส และเก็บหลักฐานในที่เกิด ซึ่ง พันตำรวจเอก เกื้อประยูร หลักบุญ สารวัตรสอยสวนเวร สภ.เบ็ญจลักษ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อหากับนายบรีส คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน มาในที่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีใบอนุญาต รอการสอบสวนอีกครั้ง
////////////////////////////
ภาพ/ข’าววนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภูธร​ร้อยเอ็ด​ รวบแสงจันทร์​ผู้ต้องหาฆ่าชิงทองจากสุรินทร์ หนีมามุกดาหาร เตรียมข้ามลาวแต่ไม่สำเร็จ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 สืบเนื่องจากกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อนายแสงจันทร์ กิ่งก้านนาค ก่อเหตุฆ่าชิงทองคำนายประทีป คงทวี อายุ 63 ปี โดยใช้มีดแทงบริเวณลำคอเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเลขที่ 58 หมู่ 14 ตำบลนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่โดยจะข้ามแม่น้ำโขงไปแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ทางจังหวัดมุกดาหาร แต่ไม่สามารถหาทางข้ามได้จึงย้อนกลับมาที่จังหวัดร้อยเอ็ด และถูกจับกุมได้ในที่สุด

พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด ร่วมตรวจสอบและสอบสวนการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของ สภ.เมืองสุรินทร์ โดยตำรวจชุดสืบสวน “สุรสีห์” สามารถจับกุมตัวได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดร้อยเอ็ด ขณะผู้ต้องหากำลังจะลงจากรถเพื่อเดินทางต่อกลับจังหวัดสุรินทร์ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนตั้งใจจะไปยืมเงินผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ให้ยืมพร้อมกับดุด่า ต่างๆ นานา ด้วยความโกรธก็เลยกลับออกมา โดยไม่ยืมเงิน แต่พอออกมาก็ได้มาพบกับนายบอม รู้จักแต่ชื่อเล่น เป็นชาวกัมพูชาที่รู้จักกัน ชวนตนเข้าไปในบ้านผู้ตายใหม่

จากนั้นรายบอมได้เอาปืนจี้บังคับให้ตนเอามีดแทงที่ลำคอด้านขวาของจนเสียชีวิต แล้วนายบอม ก็เข้าไปค้นในห้องผู้ตาย ซึ่งเปิดประตูอยู่ พบว่ามีทองใส่อยู่ในกล่อง จึงนำออกมาแบ่งให้ตนส่วนหนึ่ง แยกย้ายกันหลบหนีไปโดยคาดว่านายบอมจะกลับไปกัมพูชาส่วนตนเอง กลัวความผิด จึงตั้งใจจะหนีข้ามฝั่งไปแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว โดยใช้เส้นทางจังหวัดมุกดาหาร แต่ไม่สามารถข้ามไปได้ เนื่องจากหาเรือรับจ้างไม่ได้ โดยตนไม่โดยสารรถยนต์ข้ามทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เนื่องจากกลัวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ จึงตั้งใจที่จะจ้างเรือพายหนีข้ามแม่น้ำโขงไป สปป.ลาว แทน แต่ปรากฏว่าเจ้วของเรือไม่กล้าพาไป เนื่องจากกระแสน้ำในแม่น้ำโขงไหลเชี่ยวมาก จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับ โดยนั่งรถโดยสารมาลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อจะต่อรถกลับบ้านที่สุรินทร์ กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ดังกล่าว ทั้งนี้ มีทองรูปพรรณที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหาขณะที่ถูกจับกุม ประกอบด้วย สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และพระเลี่ยมทอง น้ำหนักรวมประมาณ 13 บาท หรือราว 200 กรัม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งมอบให้กับตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ข่าวอาชญากรรม #จับฆ่าชิงทอง #สุรินทร์ #ร้อยเอ็ด #มุกดาหาร #จะหนีข้ามโขงแต่ไม่รอด #มีดแทงคอฆ่าชิงทอง #ตำรวจ #ประทีปคงทวี #แสงจันทร์กิ่งก้านนาค #ข่าววันนี้

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปค.เมืองมุกดาหาร ตรวจเข้มสถานบันเทิง ตามมาตรการจัดระเบียบสังคม – ยาเสพติด! /นรข.มุกดาหาร โชว์ผลงานจับเรือขนหมูเถื่อนขณะลักลอบข้ามโขงส่งลาว ยึด 11 ตัว

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 16 มิถุนายน 2568 นายชายสิทธิ์ สุวรรณโชติ นายอำเภอเมืองมุกดาหาร มอบหมายให้ นางสาวธัญญารัตน์ เหล่าบุตรศรี และนายเจริญ ครองยุติ ปลัดอำเภอ

พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.เมืองมุกดาหาร ที่ 2 บูรณาการร่วมกับ นายจิรวัฒน์ ใจสำราญ ผู้บังคับกองร้อย อส.จังหวัดมุกดาหาร สมาชิก อส.จังหวัดมุกดาหาร ที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร, กอ.รมน.จังหวัดมุกดาหาร และเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ออกตรวจตราสถานบริการและพื้นที่เสี่ยงในเขตเมือง

การตรวจครั้งนี้ครอบคลุมสถานประกอบการชื่อดังในพื้นที่ ได้แก่ ตะวันแดงมุกดาหาร, โฟล์คพระนครมุกดาหาร, นิยมเล่า 90s รวมถึงบริเวณถนนมุกสุวรรณรักษ์ (วงแหวนรอบใน) เพื่อป้องกันการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติสถานบริการ และป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานบริการตามนโยบายของรัฐบาล

การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการจัดระเบียบสังคมและเสริมสร้างความปลอดภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องฝ่ายปกครองอำเภอเมืองมุกดาหาร #ตรวจสถานบันเทิง #ต่อต้านยาเสพติด #อสเมืองมุกดาหาร #ตะวันแดงมุกดาหาร #โฟล์คพระนคร #นิยมเล่า90s #มุกดาหาร #ข่าวภูมิภาค #ข่าวด่วนมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

นรข.มุกดาหาร โชว์ผลงานจับเรือขนหมูเถื่อนขณะลักลอบข้ามโขงส่งลาว ยึด 11 ตัว

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 นาวาโท รุ่งเรือง มาสุทธิ หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ออกลาดตระเวนบริเวณบ้านหว้านน้อย ต.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร กระทั่งเวลา 05.30 น.

ตรวจพบเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ลำหนึ่ง ล่องมาจากฝั่ง สปป.ลาว เข้าจอดริมตลิ่งแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพบชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน กำลังลำเลียงกรงเหล็กบรรจุสุกรมีชีวิต 7 กรง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว กลุ่มชายดังกล่าวเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งหลบหนีไปเข้าทางแนวป่าริมแม่น้ำโขง

จากการตรวจสอบพบสุกรมีชีวิตรวม 11 ตัว (สุกรดำ 9 ตัว สุกรขาว 2 ตัว) บรรจุในกรงเหล็ก 7 กรง เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางพร้อมกับเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ 1 ลำ และประสานงานกับ ด่านศุลกากรมุกดาหาร และ ด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สถานีเรือมุกดาหาร #นรข #ขนสุกรเถื่อน #ลักลอบข้ามโขง #ความมั่นคงชายแดน #ข่าวด่วนมุกดาหาร #หมูเถื่อน #แม่น้ำโขง #ชายแดนไทยลาว

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / น้ำป่าหลากตัดขาดถนนสายหยิงสนั่นคำชะอี! หนุ่มวัย 26 ก่อเหตุยิงรุ่นใหญ่วัย 37 ดับข้างวงเหล้า ก่อนซิ่งเวฟหลบหนี​/อุบัติเหตุสลด! หนุ่มขับรถพุ่งชนตอม่อสะพาน ไม่รอด/​สลด! พี่ชายใช้ปืนยิงน้องดับคาบ้าน ขอเงินแต่ได้น้อยไม่พอใจ

แชร์เนื้อหานี้

มุกดาหาร – เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 14 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค้อ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่บ้านหนองหญ้าปล้อง หมู่ที่ 4 ต.บ้านเหล่า อ.คำชะอี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 114 พบศพนายสถาพร ยืนยั่ง อายุ 37 ปี นอนเสียชีวิตในสภาพสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขาสั้น มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเหนือคิ้วซ้าย 1 นัด นอกจากนี้พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 3 ปลอกตกอยู่ใกล้ศพ

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมเพื่อนรวม 3 คน นั่งดื่มสุรากันเพื่อฉลองการกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุคือนายมานะศักดิ์ คนขยัน อายุ 26 ปี หรือ “เต้า” ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 60 เมตร ได้เดินเข้ามาหากลุ่มผู้ตายแล้วตะโกนถามว่า “มึงมีปัญหาอะไรกับกู” จากนั้นใช้อาวุธปืนยิงลงดิน 1 นัด และยิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัด ก่อนผู้ตายจะลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปหา นายเต้าจึงยิงใส่ผู้ตาย 1 นัด กระสุนเจาะเข้าบริเวณเหนือคิ้วซ้ายเสียชีวิตคาที่ ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟหลบหนีไป

ภายหลังเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับบิดาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ลูกชายเคยมีประวัติเสพยาบ้า และมีพฤติกรรมเมาแล้วอาระวาด แต่ไม่เคยทำร้ายคนในครอบครัว ส่วนมากจะทุบของในบ้าน วันเกิดเหตุตนกำลังจะเข้านอนจนมีเพื่อนบ้านมาแจ้งว่าลูกชายยิงคนตาย เมื่อออกไปดูก็พบว่าเป็นความจริง จากนั้นลูกชายก็หลบหนีไป ไม่สามารถติดต่อได้ และอยากวอนให้ลูกชายเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่โดยเร็ว

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านค้อ เปิดเผยว่า กำลังเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าอาจยังหลบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนหากพบเบาะแสแจ้งได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน

กดาหาร​ -​อุบัติเหตุสลด! หนุ่มขับรถพุ่งชนตอม่อสะพานทางเข้าโรงงานน้ำตาลสหเรือง กู้ภัยเร่งช่วยแต่ไม่รอด

เมื่อเวลา 03.40 น.วันที่ 16 มิถุนายน 2568 มูลนิธิการกุศลมุกดาหารได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์นเรนทรว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนสะพานบริเวณทางเข้าโรงน้ำตาลสหเรือง บนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดภายในรถ 1 ราย

ทีมกู้ภัยเต็กก่ามุกดาหาร พร้อมรถอุปกรณ์ตัดถ่าง และชุดไฟส่องสว่าง จึงได้รุดไปยังพื้นที่เกิดเหตุโดยเร่งด่วน เมื่อไปถึง พบรถยนต์กระบะอีซูซุ D-max Hilander สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บง 4810 มุกดาหาร สภาพด้านหน้าพุ่งชนกับบริเวณตอม่อสะพานอย่างแรงจนด้านหน้าของรถยุบเข้ามาถึงห้องคนขับ

พบคนขับเป็นชายได้รับบาดเจ็บสาหัสติดอยู่ภายในห้องโดยสาร ทีมกู้ภัยจึงเร่งใช้อุปกรณ์ตัดถ่างช่วยเหลือนำตัวออกมาจากรถและนำส่งโรงพยาบาลมุกดาหาร โดยผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาอุบัติเหตุมุกดาหาร #รถชนสะพาน #กู้ภัยเต็กก่ามุกดาหาร #ทางหลวงชนบท3019 #ข่าวอุบัติเหตุ #ศูนย์นเรนทร #บางทรายใหญ่ #มุกดาหาร #ข่าววันนี้​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-

5259777​

มุกดาหาร​ -​สลด! พี่ชายใช้ปืนยิงน้องดับคาบ้าน หลังมาขอเงินแต่ได้น้อยไม่พอใจ ถือมีดพร้าบุกเข้ามาในบ้านเลย ถูกยิงสวน

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สภ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 8 ตำบลหนองบัว อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร พนักงานสอบสวนเวรพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตคือ นายสุรสิทธิ์ ไชยเพชร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 หมู่ 2 ตำบลหนองบัว นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงภายในบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 4 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายนิกร ไชยเพชร อายุ 56 ปี พี่ชายของผู้ตาย และเป็นเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธปืน

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายนิกรให้การว่า นายสุรสิทธิ์เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำมาได้เพียง 2 วัน ได้เข้ามาขอเงินภายในบ้านซึ่งตนก็ให้ไปแล้ว แต่ผู้ตายยังไม่พอใจ กลับออกไปแล้วถือมีดพร้าบุกเข้ามาอีกครั้ง ด้วยความตกใจจึงใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายนิกร พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนของกลางไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

ข่าวอาชญากรรม #ยิงกันตาย #พี่ชายยิงน้องชาย #มุกดาหาร #ดงหลวง #เหตุสะเทือนขวัญ #ข่าววันนี้​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.มุกดาหารสกัดจับยาบ้ากว่า 178,000 เม็ดซุกริมถนนเลี่ยงเมือง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 17.30 น. พ.ต.ท.เจษฎากร ไชยศรีหา สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้รับแจ้งจากสายลับว่าอาจมีการลักลอบรับ-ส่งยาเสพติดบริเวณถนนเลี่ยงเมืองมุกดาหาร พื้นที่ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาพ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคํา ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร , พ.ต.ท.ฉัตรมงคล บุญกลาง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองมุกดาหาร และลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่เวลา 18.00 น. กระทั่งเวลา 21.00 น. ตรวจพบกระสอบปุ๋ยวางทิ้งไว้ริมถนนใกล้ทางเข้าบ้านนาเตย จำนวน 2 กระสอบ เป็นกระสอบปุ๋ยสีเขียวและสีขาว ภายในบรรจุยาบ้ารวมทั้งหมด 30 ห่อ

จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่ายาบ้าแต่ละห่อมีลักษณะพันด้วยกระดาษสีขาว มีตัวอักษร A สีเขียว และเทปกาวสีน้ำตาล โดยรวมแล้วพบยาบ้าทั้งหมดประมาณ 178,000 เม็ด แบ่งเป็นยาบ้าเม็ดสีแดง WY จำนวน 176,220 เม็ด และเม็ดสีเขียวอักษร Y1 จำนวน 1,780 เม็ด จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับยาบ้า #ยาเสพติด #ตำรวจมุกดาหาร #ชุดสืบสวน #สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร #ยาบ้า178000เม็ด #มุกดาหาร #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวภาคอีสาน #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ฉก.ทหารพราน 2107 มุกดาหาร ยึดบุหรี่-เบียร์-บุหรี่ไฟฟ้า ลักลอบนำเข้าข้ามแม่โขง /ตำรวจมุกดาหารสกัดจับยาบ้ากว่า 178,000 เม็ดซุกริมถนนเลี่ยงเมือง

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2107 ชุดปฏิบัติการที่ 2 บ้านนาโพธิ์ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ตรวจยึดสินค้าต้องห้ามลักลอบนำเข้าจาก สปป.ลาว

บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ บ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 6 ตำบลโพธิ์ไทร พบกระสอบถุงปุ๋ยสีส้มเธอวางอยู่ริมแม่น้ำโขง ตรวจสอบภายในพบ เบียร์ต่างประเทศ จำนวน 1 ลัง (24 กระป๋อง) บุหรี่ต่างประเทศ จำนวน 7 ห่อ (70 ซอง) และ บุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ Lsmbelee จำนวน 5 เครื่อง

ไม่พบผู้กระทำผิดในที่เกิดเหตุ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางและนำของส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไปข่าวมุกดาหาร #ชายแดนแม่น้ำโขง

ลอบนำเข้า #ทหารพราน #ตรวจยึดของกลาง #บุหรี่เถื่อน #บุหรี่ไฟฟ้า #เบียร์ต่างประเทศ #ดอนตาล #ฉกทพ2107​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

ตำรวจมุกดาหารสกัดจับยาบ้ากว่า 178,000 เม็ดซุกริมถนนเลี่ยงเมือง

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 17.30 น. พ.ต.ท.เจษฎากร ไชยศรีหา สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้รับแจ้งจากสายลับว่าอาจมีการลักลอบรับ-ส่งยาเสพติดบริเวณถนนเลี่ยงเมืองมุกดาหาร พื้นที่ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาพ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคํา ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร , พ.ต.ท.ฉัตรมงคล บุญกลาง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองมุกดาหาร และลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่เวลา 18.00 น. กระทั่งเวลา 21.00 น. ตรวจพบกระสอบปุ๋ยวางทิ้งไว้ริมถนนใกล้ทางเข้าบ้านนาเตย จำนวน 2 กระสอบ เป็นกระสอบปุ๋ยสีเขียวและสีขาว ภายในบรรจุยาบ้ารวมทั้งหมด 30 ห่อ

จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่ายาบ้าแต่ละห่อมีลักษณะพันด้วยกระดาษสีขาว มีตัวอักษร A สีเขียว และเทปกาวสีน้ำตาล โดยรวมแล้วพบยาบ้าทั้งหมดประมาณ 178,000 เม็ด แบ่งเป็นยาบ้าเม็ดสีแดง WY จำนวน 176,220 เม็ด และเม็ดสีเขียวอักษร Y1 จำนวน 1,780 เม็ด จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับยาบ้า #ยาเสพติด #ตำรวจมุกดาหาร #ชุดสืบสวน #สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร #ยาบ้า178000เม็ด #มุกดาหาร #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวภาคอีสาน #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชายคลุ้มคลั่งปีนรูปปั้น หักมือเจ้าเมืองหนองสูง

แชร์เนื้อหานี้

เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจที่อนุสรณ์สถานท้าวไกรสรราช ชายป่วยจิตเวชก่อเหตุทุบทำลายรูปปั้น เจ้าเมืองคนแรกของอำเภอหนองสูง ก่อนนำดาบมาเผาพร้อมกับเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่ตามจับตัวไว้ได้ พบป่วยจิตเวช

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 4 มิถุนายน 2568​ ที่ผ่านมา เกิดเหตุชายคนหนึ่งปีนขึ้นไปบนรูปปั้น “ท้าวไกรสรราช” ณ บริเวณอนุสรณ์สถานท้าวไกรสรราช ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ก่อนสวดคาถาเสียงดังกึกก้อง แล้วใช้หินทุบทำลายแขนรูปปั้นทั้งสองข้าง จากนั้นกระโดดลงมาและวิ่งหลบหนีไปยังบ้านพักที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 800 เมตร

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีชาวบ้านทยอยเดินทางมาดูความเสียหายบริเวณอนุสรณ์ โดย นายรักษ์วงศ์ จันปุ่ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านหนองสูงเหนือ ระบุว่าผู้ก่อเหตุคือ นายวุฒิชัย หรือ ข่อหล่อ ได้ปีนขึ้นไปทุบรูปปั้นและนำดาบไม้จากตัวรูปปั้นกลับบ้าน พร้อมทั้งนำเสื้อผ้าและดาบไม้ไปจุดไฟเผาทิ้ง

ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้าน พบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิตเวช ขาดการรับประทานยารักษา และมีความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดสติและลงมือก่อเหตุในครั้งนี้

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​​มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ถนนลื่นฝนตก! รถกระบะเสียหลักลื่นไถลข้ามเลนชนประสานงา บาดเจ็บ 7 ราย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 มิถุนายน 2568 เกิดอุบัติเหตุรถชนประสานงาระหว่างรถกระบะ 2 คัน บริเวณหน้าเทศบาลตำบลคำชะอี จ.มุกดาหาร ขณะเกิดฝนตก กล้องวงจรปิดจากร้านกาแฟริมถนนสายหมายเลข 12 (คำชะอี – มุกดาหาร) บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ชัดเจน

รถกระบะสีดำ ทะเบียน กจ 5415 มุกดาหาร ซึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว มุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอคำชะอี ได้เสียหลักเนื่องจากถนนลื่นจากฝนตกหนัก ลื่นไถลข้ามเลนไปชนกับรถกระบะสีขาว ทะเบียน กท 7596 มุกดาหาร ที่แล่นสวนทางมา


จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 7 ราย โดยเป็นผู้ที่นั่งมาในรถกระบะสีดำ 5 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเด็กทารกอายุประมาณ 7-8 เดือนอยู่ด้วย และมีผู้ที่นั่งมาในรถกระบะสีขาวอีก 2 ราย ได้ผู้บาดเจ็บเช่นกัน โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดหน่วยกู้ชีพได้นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอคำชะอี

อุบัติเหตุ #มุกดาหาร #คำชะอี #ฝนตกถนนลื่น #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้ #กล้องวงจรปิด #รถชนประสานงา​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​