คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวอาชญากรรม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สลด เด็กน้อยฝาแฝดกับเพื่อน จมดับ 3 ราย ต่อหน้าน้องวัย 4 ขวบ ด้าน ญาติๆต่างร่ำไห้แทบขาดใจ

แชร์เนื้อหานี้

***เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 31 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ จุดอำเภอราษีไศล รับแจ้งเหตุมีเด็กจมน้ำสูญหาย จำนวน 3 ราย ที่หนองน้ำกลางทุ่งนา บ้านดอนม่วง ตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ หลังทราบเรื่องได้ประสานมูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ จุดอำเภออุทุมพรพิสัย สนับสนุนชุดกู้ภัยทางน้ำ จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือ
***ที่เกิดเหตุ เป็นหนองน้ำ อยู่กลางทุ่งนา ห่างจากตัวหมู่บ้าน ประมาณ 1 กิโลเมตร พบชาวบ้านอยู่ในหนองน้ำช่วยกันค้นหาร่างของเด็กทั้ง 3 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ น้องน้ำ เด็กหญิงปภัสสร บัวใหญ่ อายุ 9 ปี น้องฟ้า เด็กหญิงจารุวรรณ เถาหอม อายุ 10 ปี และ น้องฝน เด็กหญิงจุฑามาศ เถาหอม อายุ 10 ปี ซึ่งน้องฟ้าและน้องฝน เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการช่วยเหลือหลังจาก ช่วยกันนำร่างของของเด็กหญิงทั้ง 3 คน ขึ้นจากน้ำ ก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาลอำเภอราษีไศล เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยชีวิ เด็กหญิงทั้ง 3 คน สุดท้ายก็ไม่สามารถทำการยื้อชีวิตไว้ได้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเสียใจของญาติพี่น้องของเด็กหญิงทั้ง 3 คน ญาติบางคนถึงขณะเป็นลมล้มพับ กลางโรงพยาบาลอำเภอราษีไศล

***น้องพีช อายุ 4 ขวบ เด็กชายที่เป็นเพื่อนเล่นกับกลุ่มเด็กหญิงที่เสียชีวิตทั้ง 3 คน เล่าให้ฟังว่า ตนและพี่ๆพากันปั่นจักรยานเล่น รอบหมู่บ้าน ก่อนที่จะไปยังหนองน้ำกลางทุ่งนา ตอนแรกก็หยอกล้อเล่นกันข้างหนองน้ำ แต่พี่สาวทั้ง 3 คน เห็นว่าชุดเปื้อนเลยตัดสินใจ ลงไปเล่นน้ำในหนองน้ำ ก่อนจะเห็นพี่พากันจมลงไปในน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยความตกใจ ตนจึงรีบวิ่งเข้ามาภายในหมู่บ้าน เพื่อตามหาผู้ใหญ่ให้มาช่วย

***นางราตรี เถาหอม อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นย่าของ น้องฟ้า น้องฝน (เด็กฝาแฝด) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเลี้ยงเด็กแฝดทั้งสองมาตั้งแต่เด็กทั้งอายุได้ 1 เดือน เลี้ยงมาจนตอนนี้เด็กทั้งคน อายุได้ 10 ปี ซึ่งตอนนี้ทั้งสองคนเรียนอยู่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนหน้านี้ ตนไม่เคยคิดเลยว่าหลานของตนทั้งสองคนจะออกไปเล่นน้ำในสระ เพราะหลานทั้งสองปกติจะไม่ชอบเล่นน้ำ โดยปกติหลานทั้งสองคนจะขอออกไปปั่นจักรยานเล่นแค่บ้านป้า และละแวกใกล้บ้านพอถึงเวลาก็จะกลับบ้าน ตนได้บอกหลานทุกเสมอว่าถ้าออกไปเล่นก็ให้รีบกลับบ้าน จนถึงช่วงเกิดเหตุมีคนวิ่งมาบอกว่าหลานของตนจมน้ำเสียชีวิตตนรู้สึกตกใจ และรีบออกไปยังจุดเกิดเหตุ พอไปเห็นเหตุการณ์ทำให้ตนรู้สึกใจหาย ทำใจไม่ได้ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนต้องมาสูญเสียหลานไป

***นางราตรี กล่าวต่อไปว่า หลานของตนทั้ง 2 คน เป็นเด็กดีเรียนหนังสือเก่ง เป็นเด็กมีความรับผิดชอบ เป็นระเบียบเรียบร้อย ดูจากเสื้อผ้ารองเท้าที่ใส่จะจัดเรียงกันเป็นระเบียบ หลานทั้งสองจะช่วยทำงานบ้านล้างจานหุงข้าวกวาดบ้าน ตนหวังมาตลอดถ้าหลานทั้งสองของตนโตขึ้นจะช่วยทำงานแบ่งเบาภาระและเลี้ยงดูตนในยามแก่เฒ่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 วัน ตนฝันว่าหลานแฝดของตนจมน้ำเสียชีวิต 1 คน ตื่นขึ้นมาตนจึงเอาฝ้ายผูกแขนเพื่อเรียกขวัญหลาน และก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ช่วงกลางวันมีอีกามาร้องในละแวกบ้านตนพอตกกลางคืนมีหมาหอนตลอดทั้งคืนตน ซึ่งตนได้ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลางมาบอกเหตุร้ายในครั้งนี้

***นางอุทัย เบิกบาน อายุ 56 ปี ย่าของน้องน้ำ ปภัสสร อายุ 9 ปี หนึ่งในเด็กหญิงที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า น้องพีชได้วิ่งมาบอกตนที่บ้านด้วย ว่า น้องน้ำ น้องฟ้าและน้องฝน จมน้ำ ด้วยความตกใจ ตนจึงรีบวิ่งไปยังหนองน้ำและกระโดดลงไปเพื่อหาร่างน้อง แต่ด้วยน้ำค่อนข้างลึกทำให้ตนไม่สามารถช่วยน้องได้ จึงได้ขับจักรยานยนต์และตะโกนบอกให้ชาวบ้านในหมู่บ้านให้เข้ามาช่วยกัน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึง จึงพบร่างน้อง และช่วยกันปั้มหัวใจ ก่อนที่จะนำส่งมายังโรงพยาบาลอำเภอราษีไศล ตนจึงตามมาด้วย เพราะความเป็นห่วงหลานที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด แต่สุดท้าย เมื่อรู้ว่าน้องได้สิ้นใจแล้ว ตนจึงร้องไห้ด้วยความเสียใจก่อนจะเป็นลมหมดสติไป ซึ่งตอนนี้น้องฝน อายุเพียง 9 ปี และยังเรียนอยู่เพียง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลับมาต้องเสียชีวิต ทำห้ตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.เชียงรายจับกุม ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางยาบ้า 19 กระสอบ รวม 3,800,000 เม็ด และ รถยนต์ 1 คัน เหตุเกิดพื้นที่ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย

แชร์เนื้อหานี้

31 พ.ค.2568 เวลา 11.50 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ร่วมกับ
สภ.เมืองเชียงราย, สภ.บ้านดู่, สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายอาโซ อายุ 26 ปี ที่อยู่ หมู่ 1 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นายอาตือ ไม่ทราบนามสกุล สัญชาติเมียนมา ( บาดเจ็บ)

    พร้อมของกลาง 1 ยาบ้า จำนวน 19 กระสอบ รวม 3,800,000 เม็ด
    2 รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า CRV สีดำ ทะเบียรน เชียงราย บรรทุกยาเสพติดเหตุเกิด ถนนหลังสนามบินแม่ฟ้าหลวง หมู่ที่ 10 บ้านปางลาว ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย

    พฤติการณ์ เจ้าหน้าตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาเสพติดบริเวณถนนข้างสนามบินแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมือง จว.เชียงราย โดยใช้รถยนต์สีดำ จึงออกสืบสวนติดตามจับกุมต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ เลขทะเบียน เชียงราย จอดอยู่บริเวณถนนหลังสนามบินแม่ฟ้าหลวง ฯ

    จึงแสดงตนขอทำการตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับหลบหนีและได้ประสบอุบัติเหตุตกร่องน้ำ พบผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 อยู่ในรถ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ โดยนายอาตือ ผู้ต้องหาที่ 2 ได้รับบาดเจ็บจึงนำตัวส่งรักษาตัวที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ตรวจค้นในรถพบยาบ้า จำนวน 19 กระสอบ รวม 3,800,000 เม็ด จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    …สมจิตรแสงบัลลังค์รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายกรัฐมนตรี นำทัพตำรวจลุยเดือด ปราบยาเสพติดทั่วประเทศ ยึดยาบ้า 29.93 ล้านเม็ด ไอซ์และคีตามีน 4,443 กิโลกรัม เฮโรอีน 126 กิโลกรัม ยึดอายัดทรัพย์สิน 1,900 ล้านบาท

    แชร์เนื้อหานี้

    นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ว่าปัญหายาเสพติดถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทย รัฐบาลจึงได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ครอบคลุม และเป็นระบบ ทั้งการตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ด้วยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงการปราบปรามจับกุมผู้ค้า และการยึดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้กระทำผิดรายสำคัญ พร้อมทั้งมีระบบฟื้นฟูและติดตามผู้เสพ เพื่อป้องกันไม่ให้กลับเข้าสู่วงจรอีก และเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพเกิดผลในทางปฏิบัติรัฐบาลได้ผลักดัน ยุทธศาสตร์ SEAL – STOP – SAFE อย่างเข้มข้นSEAL: ปิดล้อมพื้นที่ต้นทาง สกัดยาไม่ให้ทะลักเข้าไทยSTOP: หยุดยั้งการแพร่ระบาดในประเทศ โดยกวาดล้างผู้ค้าอย่างเด็ดขาดSAFE: ทำให้ชุมชนปลอดภัย ลูกหลานไทยห่างไกลยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สนองนโยบายดังกล่าวทันที พร้อมเปิดยุทธการเชิงรุกปราบปรามยาเสพติดแบบเข้มข้นทั่วประเทศ ปิดล้อม–บุกจับ–ขยายผล-ยึดทรัพย์ ทั้งคน ทั้งเส้นทางการเงิน ทั้งทรัพย์สิน ไม่มีละเว้น!

    ล่าสุดวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแถลงผลการปฏิบัติ พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร./ประธานอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส. รวมถึง ผบก.ในสังกัด เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน ที่ผ่านมา (1 เม.ย. – ปัจจุบัน) หลังจากการเปิดปฏิบัติการ SEAL – STOP – SAFE กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้เดินหน้า ปิดล้อม–บุกจับ–ขยายผล-ยึดทรัพย์ เครือข่ายรายสำคัญได้กว่า 31 คดี ผู้ต้องหา 34 คนยึดยาบ้า 29.93 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 126 กิโลกรัม, ไอซ์และคีตามีน 4,443 กิโลกรัม ยึดอายัดทรัพย์สิน 1,900 ล้านบาท ยุทธการเชิงรุกในการสกัดกั้นและขยายผลการปราบปรามยาเสพติดในครั้งนี้ รายละเอียด ดังนี้- สกัดกั้นจากชายแดนภาคเหนือ 10 คดี ผู้ต้องหา 17 คน ของกลาง ยาบ้ากว่า 29.93 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 70 กิโลกรัม, ไอซ์และคีตามีน 2,476 กิโลกรัม-

    สกัดกั้นจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 คดี ผู้ต้องหา 8 คน ของกลาง ไอซ์ 697 กิโลกรัม- สกัดกั้นในพื้นที่ภาคใต้ไม่ให้ผ่านไปยังประเทศที่สาม 4 คดี ผู้ต้องหา 9 คน ของกลาง ไอซ์ 1,132 กิโลกรัม- สกัดกั้นลักลอบลำเลียงยาเสพติด ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ปลายทาง ได้แก่ ออสเตรเลีย, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และกินี ตามโครงการ AITF 15 คดี ของกลาง ไอซ์ 137.68 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 57.26 กิโลกรัม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลเปิดปฏิบัติการ “SEAL-STOP-SAFE” เมื่อ 1 ก.พ.68 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เพิ่มความเข้มในการสกัดกั้นจับกุมในพื้นที่ชายแดน โดยให้ทุกหน่วยเปิดปฏิบัติการบุกทะลวงเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดรายสำคัญแบบไม่ให้ตั้งตัว เข้าถึงเป้าหมายอย่างเฉียบขาด ทลายจุดพักยา และเส้นทางลำเลียงอย่างเด็ดขาด พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรู บ้านพักหรู เงินสด ทองรูปพรรณ หรือทรัพย์สินที่ซุกซ่อนในรูปแบบซับซ้อน ทุกชิ้นถูกกวาดล้างอย่างไม่ปรานีและไม่มีหลุดรอดแม้แต่รายการเดียว

    ปฏิบัติการนี้สอดรับนโยบายอย่างเข้มข้น และที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ “จับคนผิด” แต่ไล่ล่าทุกเส้นทางการเงิน ขยายผลถึงทรัพย์สิน ดำเนินการยึด อายัด และฟ้องร้องตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่มีละเว้น ไม่มียกเว้น! ทำให้มีผลการจับกุมและยึดทรัพย์สิน “เพิ่มขึ้นทุกมิติ” เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 และผลการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (7 เดือน)-ปิดล้อมตรวจค้น 25,745 เป้าหมาย, 6,549 เครือข่าย จับกุมผู้ค้ารายย่อย 34,563 คน ยึดยาบ้า 152 ล้านเม็ด, ไอซ์ 13,335 กิโลกรัม, อาวุธปืน 1,798 กระบอก, ระเบิด 4 ลูก และยึดทรัพย์สิน 2,795 ล้านบาท-จับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทุกข้อหาทั่วประเทศ 158,832 คดี ผู้ต้องหา 157,881 คน จับกุมตามหมายจับ 3,899 คน ดำเนินคดีข้อหาสมคบ สนับสนุน 2,338 คดีข้อหาฟอกเงิน 181 คดี ของกลางยาเสพติด ยาบ้า 645.93 ล้านเม็ด, ไอซ์ 34,223 กก., เฮโรอีน 938 กก., คีตามีน 4,471 กก. และยาอี 271,329 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 8,064 ล้านบาท พร้อมทั้งได้สั่งการให้ขยายผลถึงระดับเครือข่ายและผู้สั่งการ ถือเป็นสัญญาณเตือนแรง! ถึงกลุ่มค้ายาที่ยังเหลืออยู่ว่า “ไม่มีที่ยืนในแผ่นดินไทย!”ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหายาเสพติดได้ โดยหากพบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สจป.1 แม่ฮ่องสอน สั่งจับตาเส้นทางมอดไม้ 4 เขตรอยต่อข้ามจังหวัด ล่าสุด ลาดตระเวนพบอีก 2 จุด ตรวจยึดไม้พร้อมของกลางหลายรายการ

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 30 พ.ค.68 นายเกษม คำมา ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยา กรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน และ นายสมจินต์ เนตรประดิษฐ์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ได้สั่งการ กำชับเน้นย้ำ ให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าทุกอำเภอในการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการ เข้ม

    งวดการลาดตะเวนตามจุดพื้นที่เสี่ยง และจับ ตาเส้นทางมอดไม้ พื้นที่รอยต่อข้ามจังหวัด 4 จุด ซึ่งประกอบไปด้วย พื้นที่เขตรอยต่อ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน – บ้านแม่โถ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ / อ.สบเมย จ.แม่ฮ่อง สอน – อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ / อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน – อ.แม่ แจ่ม จ.เชียงใหม่ และอ.ปาย จ.แม่ ฮ่องสอน – อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่

    ซึ่งจากการบูรณาการออกลาดตระเวนตามพื้นที่เป้าหมาย เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดไม้แปรรูปประดู่ และ ไม้สักท่อน พร้อมของกลางหลายรายการ โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ค 68 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจยึดไม้ประดู่ทั้งไม้ท่อนและไม้แปรรูป และอุปกรณ์กระ ทำผิด 2 จุด ในพื้นที่ อ.ขุนยวม และ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่ง จุดที่ 1 ในพื้นที่ อ.ขุนยวม เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.3 (ขุนยวม), เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ขุนยวม, คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านต่อแพ และเจ้าหน้าที่ทหารพรานร้อยที่ 3603ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ บริเวณป่าห้วยผักห้า ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม

    จังหวัดแม่ฮ่องสอน คณะเจ้าหน้าที่ฯ ชุดดังกล่าวได้ทำการตรวจยึดไม้สักท่อน จำนวน 1 ท่อน ปริมาตร 1.289 ลบ.ม. คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง จำนวน 256- บาท คิดเป็นค่าเสียหายที่รัฐพึงได้รับเป็นเงิน จำนวน 77,400- บาท และได้ตรวจยึดอุปกรณ์การประทำผิด จำนวน 4 รายการ ประกอบไปด้วย รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ทะเบียนรถ บว 8415 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ พร้อมบาร์ ขนาด 25 นิ้ว ไม่ทราบยี่ห้อ สี ส้มขาว หมาย เลขเครื่อง 20180/06 จำนวน 1 เครื่อง รอกโซ่มือยก ยี่ห้อ LEVER HOIST สีส้ม ขนาด 3 ตัน ยาว 1.5 เมตร จำนวน 1 ชุด, และ โซ่นอกลากรถ ขนาด 3 หุน G43 USA พร้อมตะขอ 2 ข้าง จำนวน 1 เส้น ซึ่ง ไม้สักท่อนของกลางเก็บรักษาไว้ที่หน่วยฯ มส.3 (ขุนยวม)

    ส่วนจุดที่ 2 ในพื้นที่ อ.แม่ลาน้อย นายอำนวย ยอดคำ หัวหน้าสายตรวจปราบปรามฯ สจป.ที่.1 สาขาแม่ฮ่องสอน สายที่ 2 พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยฯ มส.4 (แม่ลาน้อย) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 36 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ว่าการอำเภอแม่ลา น้อย เข้าดำเนินการตรวจสอบ บริเวณป่าห้วยข้าวหลาม เขตปก ครองบ้านหัวลา หมู่ที่ 7 ต.สันติคีรี อ.แม่ลา น้อย จ.แม่ฮ่องสอน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย พบมีการลักลอบตัดและแปร รูปไม้ประดู่ จำนวน 3 แผ่น/เหลี่ยม ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดไม้ของกลางมาเก็บรักษาที่หน่วยฯได้ 1 แผ่น ส่วนอีก 2 แผ่น ไม่สามารถนำออกมาได้เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ไกลจากจุดที่รถจะเข้าถึงได้และมีน้ำหนักที่มากไม่สามารถเคลื่อนย้ายด้วยกำลังคนจึงขอพนักงานสอบสวนทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ.

    สุกัลยา บัวงาม / ภาพ/ข่าว แม่ฮ่องสอน

    สมจิตร แสงบันลังค์ ทีมข่าว บก. รายงาน.

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี / รวบ 2 นักบินพร้อมยาบ้าร่วม 1 ล้านเม็ด หลังขับแคมรี่หลบหนีการสกัดของ จนท.มุกดาหาร

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พล.ต.ต. ไพโรจน์ ไทยพุทธรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นายชาคริต ชุมจันทร์ นายอำเภอดอนตาล ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ผ่านเส้นทางตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.อุกฤษฎ์ สังฆะมณี ผกก.สภ.ดอนตาล พ.ต.ท. ภูวนาท สุขรมย์ รอง.ผกก ป. ร.ต.อ.รังสรรค์ สกุลไทย รอง สวป. ร่วมกับจ่าเอกสุรชัย ปราณี ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตาล และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านที่ 1, 2 และ 6 ตั้งจุดสกัดตามเส้นทางต้องสงสัย

    ต่อมา เจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์เก๋งโตโยต้า แคมรี่ สีดำ หมายเลขทะเบียน กบ 50 อุบลราชธานี ขับผ่านเข้ามาบริเวณหมู่บ้านคำเตาเหล็ก ม.4 เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ชุดปฏิบัติการที่ 2 ติดตามรถคันดังกล่าว ซึ่งพยายามขับหลบหนีไปตามเส้นทางบ้านนาคำน้อย-เหล่าหมี และเมื่อถึงบริเวณสะพานบ้านโคกสว่าง คนร้ายได้หยุดรถและเปิดประตูหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง

    เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 คน และตรวจค้นรถยนต์ พบกระสอบปุ๋ยสีเขียว 5 กระสอบ วางอยู่บริเวณเบาะหลัง ภายในบรรจุยาบ้ารวมประมาณ 998,000 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลางและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    จับยาบ้าเกือบล้านเม็ด #จับแก๊งค้ายา #มุกดาหาร #ดอนตาล #ข่าวด่วน #ปราบยาเสพติด #ไล่ล่าคนร้าย #ข่าวอาชญากรรม #ตำรวจภูธร #ฝ่ายปกครอง

    ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภาค 3 นครราชสีมา แถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติด ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2568 เวลา 10.00 น. ณ สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ต. ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมาตำรวจภูธรนครราชสีมา สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง และ ปปส.ภาค 3 ร่วม แถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดพล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว

    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ )
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด

    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ

    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเองอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด

    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯสกลนคร เปิดปฏิบัติการเด็ดปีกนักค้า ตามนโยบายการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบธวัชบุรีโมเดล จ.สกลนคร

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 27พฤษภาคม 2568 เวลา09.00น.เป็นต้นไป ภายใต้การอำนวยการของนายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นายพิสิษฐ์ แร่ทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร (ความมั่นคง) /นายเอกภพ โสภณ ปลัดจังหวัดสกลนคร,นายปัณณวิชญ์ กุลตังคะวณิชย์ นายอำเภอบ้านม่วง /ผอ.ศป.ปส.อ.บ้านม่วง นายไพโรจน์ ฦาชา ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านม่วง

    เปิดปฏิบัติการเด็ดปีกนักค้าเพื่อเป็นการป้องกันเหตุและการกระทำผิดกฎหมาย ตามนโยบายการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามรูปแบบธวัชบุรีโมเดล จังหวัดสกลนคร ได้สั่งการให้นายสุวรรณ สุโน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมเจ้าหน้าที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนที่12 อำเภอบ้านม่วง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ่อแก้ว ชุดปฏิบัติการตำบลบ่อแก้ว

    ได้ลงพื้นที่ดำเนินการติดตามผู้หลีกเลี่ยง ไม่ยินยอมเข้ารับการคัดกรองหาสารเสพติดในร่างกาย(Re x-ray)และผู้ไม่ผ่านกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพยาเสพ

    ติดโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน(CBTX) ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สกลนครโมเดล ณ ศาลาประชาคมบ้านบ่อแก้ว หมู่ที่ 14 ต.บ่อแก้ว อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร จำนวนยอดที่ติดตาม ณ วันนี้ 104 ราย เข้ากระบวนการบำบัด จำนวน 6 ราย จับกุมดำเนินคดี 12 ราย

    รายที่ 1 ของกลาง : ยาบ้าจำนวน 12 เม็ด (ตรวจค้น) โดยกล่าวหาว่า : เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รายที่ 2 ของกลาง : 1. ยาบ้า จำนวน 10 เม็ด 2. เครื่องกระสุนปืนขนาด 380 มม.จำนวน 21 นัด 3. เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 40 นัด

    โดยกล่าวหาว่า: 1. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย 2. มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” 3. มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน รายที่ 3 – รายที่ 12

    โดยกล่าวหาว่า: เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย สถานที่จับกุม พื้นที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอบ้านม่วงจังหวัดสกลนคร
    จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านม่วง เพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป

    สราวุต อ่อนทรวง ภาพ/ข่าว รายงาน

    สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมบัติหรือวัฒน์ บันดาลโทสะ ตีด้วยท่อนไม้ นายจเรหรือยา บุญทิ้ง ตายคามือ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น.พ.ต.ท.ภูมินทร์ เอี่ยมอ่อง ร้อยเวร พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรชุมแพ ได้รับแจ้งทางวิทยุจาก สภ.ย่อยโนนหันว่ามีเหตุฆ่ากันตายที่หมู่บ้านหลังโนนชาด หมู่ที่ 9 ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ

    จึงรายงานให้ พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผู้กำกับการฯซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาทราบ จึงพร้อมด้วยชุดสืบสวน สายตรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุพบศพผู้ตายอยู่ในลักษณะนอนหงาย ใส่กางเกงขายาวสีดำเสื้อยืดสีขาวนอนขวางถนนภายในหมู่บ้าน จาก

    การชันสูตรพลิกศพสันนิษฐานว่าถูกตีด้วยของแข็งหรือของมีคมจนใบหน้าเละเป็นที่น่าหวาดเสียวแก่ผู้พบเห็นทราบชื่อผู้ตายภายหลังว่านายจเรหรือยา บุญทิ้ง อยู่เลขที่ 61 หมู่ บ้านหนองครอง ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ ขอนแก่นและ จนท.ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ก่อเหตุซึ่งนั่งรอมอบตัวอยู่ที่เกิดเหตุพร้อมของกลางจอบ 1เล่มไม้ยาว 1เมตร 1ท่อน

    ทราบชื่อนายสมบัติหรือวัฒน์ แนวประเสริฐ อายุ 51ปี อยู่เลขที่ 46 หมู่ 9 บ้านหลังโนนชาด ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ ซึ่งประวัติพึ่งพ้นโทษมาณ 3 เดือนในข้อกล่าวหาบุกรุกเคหสถานแล้วมาก่อเหตุ

    มูลเหตุและแรงจูงใจเกิดจากการทะเลาะวิวาทในวงสุราประกอบกับผู้ก่อเหตุมีอาการมึนเมาและเสพสารเสพติดไปจำนวนมาก จึงเกิดบันดาลโทสะคว้าได้ท่อนไม้กระหน่ำตีที่ศรีษะและใบหน้าผู้ตายไม่ยั้งมือแล้วลากศพไปไว้ที่ถนน เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 9 บ้านหลังโนนชาด ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

    เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายสมบัติหรือวัฒน์ แนวประเสริฐ ผู้ต้องหา ทราบว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมผู้ต้องพร้อมของกลางเพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป

    จ่ากบ รายงาน

    สมบัติหรือวัฒน์ บันดาลโทสะ ตีด้วยท่อนไม้ นายจเรหรือยา บุญทิ้ง ตายคามือ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

    วันอังคาร ที่ 27 พฤษภาคม พ ศ.2568 เวลาประมาณ 11.10 น
    พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก สภ ชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอาวุโส พ.ต.ต.ภูมินทร์ เอี่ยมอ่อง พงส ร.ต.อ.นัฐพล จันฤาชา หัวหน้าสถานีตำรวจชุมชนโนนหัน ร.ต.ท.บุญมา ทศแก้ว นางสุภานันท์ เมืองสอน กำนันตำบลโนนหัน ตรวจสอบเหตุ และนายวิโรจน์ แพ่งศรีสาร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนหัน สังเกตการณ์ฆ่ากันเสียชีวิตสถานที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 46 หมู่ 9 บ้านหลังโนนชาต ตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น


    เบื้องต้นนายสมบัติ อายุ 51ปี ผู้ก่อเหตุกับผู้ตาย นายจเร บุญมั่ง อายุ 61 ปี เลขที่ 67 หมู่ 8 บ้านหนองคอง ตำบลโนนหัน
    ผู้ก่อเหตุให้การว่าตนกับผู้ตายได้ทะเลาะกันบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นนายสมบัติ จึงได้ใช้ไม้ฟาดผู้ตาย เป็นเหตุให้เสียชีวิต แล้วลากผู้ตายไปไว้บริเวณกลางถนนหน้าบ้านที่เกิดเหตุ (ความคืบหน้ารายงานต่อไป)


    วินสื่อรัฐทีวีขอนแก่น/สมมาตร แอ๋มไร่/ภาพข่าว

    ​สื่อรัฐทีวี-สื่รัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ มุกดาหาร ลงพื้นที่ช่วยเหลือครอบครัว “ภูมิลา” ผู้ประสบเหตุ “ต้นไม้โค่นทับรถ” สูญเสียพ่อแม่ เหลือลูกสาววัยเรียน

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยเหล่ากาชาดจังหวัด ชมรมแม่บ้านมหาดไทย นายอำเภอนิคมคำสร้อย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุต้นไม้โค่นทับรถยนต์ขณะเดินทาง บริเวณบ้านเลขที่ 117 หมู่ 4 บ้านหนองนกเขียน ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร

    เหตุสลดเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บนถนนสายบ้านชัยมงคล-บ้านหนองนกเขียน ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับรถกระบะโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน บฉ 3270 มุกดาหาร ส่งผลให้ นายสุพจน์ ภูมิลา อายุ 54 ปี และนางทองเลข ภูมิลา อายุ 49 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ป่วย ส่วนลูกสาววัย 16 ปี ที่นั่งอยู่แคปด้านหลังได้รับบาดเจ็บขาดสายหัก และถูกนำส่งโรงพยาบาลนิคมคำสร้อย ล่าสุดอาการปลอดภัยแพทย์อนุญาตให้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านได้

    นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัว ซึ่งผู้เสียชีวิตมีลูกสาวกำลังเรียนอยู่ชั้น ม 5 โรงเรียนร่มเกล้าพิทยาสรรพ์ ส่วนลูกชายอายุ 29 ปี ปัจจุบันมีงานทำและมีครอบครัวแล้ว เบื้องต้นได้มอบเงิน จาก เหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 100,000 บาท มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ 20,000.บาทชมรมแม่บ้านมหาดไทย 20,000.บาท เงินช่วยเหลือตามระเบียบสำนักนายกฯ 80,000.บาท ชมรมดอกช้างน้าวบาน 23,000 บาท พร้อมหน่วยงานต่างๆ ให้การช่วยเหลือเป็นเงิน กว่า 400,000.บาท

    นายวรญาณ บุญณราช ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจและให้กำลังใจ พร้อมให้แนวทางการดูแลเยียวยาช่วยเหลือ โดยมอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมขอให้ชุมชนช่วยกันให้กำลังใจประคับประคองครอบครัวให้ดำเนินชีวิตได้ต่อไป

    ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้กล่าวแสดงความเสียใจ พร้อมให้แนวทางในการดูแลและเยียวยาแก่ครอบครัว และขอความร่วมมือจากชุมชนร่วมกันเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อประคับประคองครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้กำลังใจจากผู้ว่า #มุกดาหาร #ข่าวมุกดาหาร #ต้นไม้

    ล้มทับพ่อแม่ #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #นิคมคำสร้อย #กำลังใจถึงครอบครัว #ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร #เหล่ากาชาดมุกดาหาร #ข่าวชุมชน #ช่วยเหลือฉุกเฉิน #อุบัติเหตุต้นไม้ล้ม #ส่งกำลังใจให้น้องศิริรัตน์ #นิคมคำสร้อย #ข่าวเศร้า #ร่วมแสดงความเสียใจ #เยียวยาจิตใจ #เราจะไม่ทิ้งกัน #น้ำใจชาวมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

    สื่อรัฐทีวี-สื่รัฐนิวส์ / -​ทพ.2107 สกัดจับคนนามสกุลดัง ลักลอบขน จยย. ข้ามโขงส่ง สปป.ลาว

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ร.อ.พิชิตพล เคนดา ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะทหารพรานที่ 2107 (ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2107) ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำรถจักรยานยนต์

    ข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ ม.1 ต.ดอนตาล อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ จ.ส.ต.เมธาสิทธิ์ เนตรแสงศรี ผบ.ชป.4 (บ้านตาลใหม่) จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทำการซุ่มเฝ้าตรวจ บริเวณพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง

    ครั้นเมื่อเวลา 19.20 น. ชุดปฏิบัติการได้ตรวจการณ์เห็นเรือกีบติดเครื่องยนต์ วิ่งเข้ามายังฝั่งไทยจากนั้นได้มีชายว 2 คน นำรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 i สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จูงลงบันไดเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำโขง และนำรถจักรยานยนต์ขึ้นเรือกีบติดเครื่องยนต์

    ชุดปฏิบัติการจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ แต่เมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งหลบหนีแต่เจ้าหน้าที่สามารถวิ่งตามไปจับกุมตัวไว้ได้ 1 ราย

    คือ นายสมโภชน์ ศรีลาศักดิ์ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 86 ม.4 บ.นาห้วยกอก ต.ดอนตาล จึงได้ควบคุมตัวพร้อมตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    ลักลอบขนรถส่งข้ามลาว​ #ขบวนการค้ารถข้ามชาติ​ #ชายแดนไทยลาว​ #ทหารพราน2107​ #ดอนตาล​ #มุกดาหาร​ #ข่าวภูมิภาค​ #ข้ามโขง​ #สกัดจับ​ #ข่าวด่วน​

    ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​