คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวอาชญากรรม

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รถบรรทุกพ่วงพลิกตะแคงกลางวงเวียนยักษ์มุกดาหาร คาดสาเหตุถนนไม่ได้มาตรฐาน​ความปลอดภัย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 06.13 น. วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 นายอดุลย์ ศิริมันต์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพ่วงพลิกคว่ำบริเวณวงเวียนทางเข้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป้องกันฯ พร้อมรถกู้ภัยและรถดับเพลิงเร่งเข้าตรวจสอบและเฝ้าระวังเหตุซ้ำซ้อน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการเก็บกู้

ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วงยี่ห้อวอลโว่ หมายเลขทะเบียน 73-9898 สมุทรปราการ พลิกตะแคงอยู่บริเวณขอบถนนเลนด้านนอกของวงเวียน มุ่งหน้าไปทางจังหวัดนครพนม สภาพรถได้รับความเสียหาย กระจกบังลมหน้าหลุดออกมาทั้งแผ่น

จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากถนนบริเวณรอบวงเวียนดังกล่าวมีระดับไม่เท่ากัน โดยเลนด้านในซึ่งติดกับเกาะกลางวงเวียนมีความสูงกว่าด้านนอก ทำให้เมื่อรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าโค้งและเตรียมเลี้ยวออกจากวงเวียน จึงเสียสมดุลและพลิกคว่ำในที่สุด

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณใกล้เคียงจุดที่เคยเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงพลิกตะแคงเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านและผู้ใช้ถนนต่างแสดงความกังวล พร้อมทั้งเรียกร้องให้กรมทางหลวงชนบท หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งส่งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางถนนเข้าตรวจสอบและปรับปรุงถนนโดยด่วน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

รถบรรทุกพลิกคว่ำ #วงเวียนยักษ์มุกดาหาร #ถนนไม่ได้ระดับ #อุบัติเหตุซ้ำซ้อน #มุกดาหาร #ความปลอดภัยทางถนน #สะพานมิตรภาพไทยลาว2 #กรมทางหลวงชนบท #กระทรวงคมนาคม

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เสาไฟฟ้าล้มทับ นายธนภัทร แก้วกาญจน์ ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ขณะปฎิบัติหน้าที่ ถามหาคนรับผิดชอบ

แชร์เนื้อหานี้

ร.ต.อ. สมนึก ฉิมมี รอง สวย. ( สอบสวน ) สภ. เคียนซา แจ้งว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ16.00น.
ขณะปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวนได้รับแจ้งจากศูนย์สื่อสารของสถานีตำรวจภูธรเคียนซาเหตุเสาไฟฟ้าล้มทับคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงเดินทางไปดูผู้ตายและบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเคียนซา

พบศพนายธนภัทร แก้วกาญจน์ อายุ 24ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ 107 หมู่ที่ 4 ตาย.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา และนายณัฐวรรธน์ นิ่มนุ้ย อายุ 29 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่80/8 หมู่ที่ 3 ต.ตะปาน อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์จากนั้นร่วมกับแพทย์และญาติทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย และมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา

จากนั้นเดินทางมาที่เกิดเหตุ ซึ่งที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนซอยแสงธรรม เป็นดินลูกรัง ข้างถนนมีรอยเซาะของน้ำ มีเสาไฟฟ้าแรงสูงปักเป็นแนวอยู่ทางด้านขวาของถนนซอย จุดที่พบว่าเป็นจุดปักเสาไฟฟ้าขนาด14 เมตร ข้างขวามีรอยเซาะดิน และเสาไฟฟ้าได้ล้มมาทางสวนยางพาราอยู่ด้านซ้ายของถนนซอย สอบถามนายบุญธรรม รามขาว หัวหน้าคุมงาน ได้ความเบื้องต้นว่าตามเวลาเกิดเหตุผู้ตายและ

นายรัฐวรรธน์ นิ่มนุ้ย ได้ขึ้นไปปรับปรุงสายไฟฟ้าที่เกิดเหตุ และเสาไฟฟ้าเกิดล้มมาทางสวนยางพาราอยู่ทางด้านซ้ายของถนนซอย ทำให้ผู้ตายเสียชีวิตในเวลาต่อมาและนายณัฐวรรธน์ นิ่มนุ้ย ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะได้ดำเนินการต่อไป

ที่พบศพ โรงพยาบาลเคียนซา หมู่ที่2 ตาย.เคียนซา อยู่.เคียนซา จะ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 15.36น. เอกสารฉบับนี้แสดงว่า ร.ต.อ. สมนึก ฉิมมี ได้รับคำแจ้งความของท่านไว้แล้ว ( ติดต่อพนักงานสอบสวน โทร 0969821534 หรือ สถานีตำรวจ/กองกำกับการ โทร. 077387111 )
เลขคำแจ้งความที่ CC7105526801227G

เนื่องจาก ผู้รับเหมาเดินเสาไฟฟ้ากล่าวว่า การไฟฟ้าสุราษฯ เป็นผู้ปักเสาร์ไฟฟ้าเอง น่าจะเป็นสาเหตุให้เสาไฟฟ้าล้มทับนายธนภัทร แก้วกาญจน์ จนเสียชีวิต แล้วหน่อยงานไหนจะออกมารับผิดชอบ ต้องติดตามตอนต่อไป

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 68 ในกรณีที่ลูกชายหัวแก้วหูแหวน เสาหลักของบ้านได้เข้าทำงานกับผู้รับเหมาของการไฟฟ้าได้ 6 วัน กลับต้องมาสังเวยชีวิต เนื่องด้วยถูกเสาไฟล้มทับ จนเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้รับเหมาจะเยียวยา 2 แสนบาท แล้วปิดคดี แต่ทางบ้านเสียค่าทำศพให้ลูกชายไป 2 แสนกว่าบาทแล้ว ในตอนแรกลั่นว่าจะให้ล่วงหน้า 40,000 บาท ญาติขอเพิ่มอีก 30,000 บาท ในเบื้องต้น สรุปไม่ว่าจะ 30,000 หรือ 40,000 หรือจะเป็น 2 แสน ก็ยังไม่ได้สักแดงเดียว

ญาติร้องขอความเป็นธรรม เท่าที่จะมีที่ไปร้อง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับเลย ญาติท้อใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้เป็นมารดา ร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจเสียตรงนั้นให้ได้ จึงร้องข้ามจังหวัดจากสุราษฎร์ธานี มายังadmin เพจดัง ของเมืองแปดริ้ว
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากญาติของผู้เสียชีวิต admin ตกลงรับปากที่จะช่วยเหลือ และจะมีทีมข่าวพร้อมทนายความ ยิงตรงลงใต้ ช่วยจัดการในเรื่องนี้ แต่ admin คงไม่ได้ไปด้วย ได้แต่ส่งทีมงานที่มีคุณภาพไป เนื่องจากทีมงานต้องนั่งเครื่องบิน ส่วน admin กลัวเครื่องบินจะตก เลยขอไม่ไปดีกว่า ขอประสานงานอยู่ที่แปดริ้วจะดีกว่า

ฝ่ายทางผู้รับเหมาได้อ้างว่า ตนเองนั้นมีสถานะทางการเงินไม่ค่อยจะดีนัก และไม่ใช่คนรวยตอนนี้ก็ไม่มีเงิน ขัดสนไปหมด สรุปง่ายๆกะว่าจะเบี้ยวนั่นแหละ #เลยขอแถลงสถานะทางบ้านสักนิด บอกว่าไม่ค่อยมีฐานะ เงินไม่มี แต่ดูเอาแล้วกันนะครับ รถเกือบ 20 คัน อุปกรณ์แต่ละอย่าง รถเบนซ์อีก 1 คัน บ้านหลังโตสุดหรูอีก 1 หลัง คร่าวๆก็น่าจะประมาณ 30 กว่าล้านบาท ขายรถสักคันหนึ่งยังไม่เจ๊งเลย ตรงไหนที่ผมพูดไม่ถูก และยังมีกรณีที่ไปยกเลิกสัญญาของประกันสังคม

บอกว่าล้มเลิกธุรกิจแล้ว แล้วยังประกอบธุรกิจอันนี้หมายความว่ายังไง คงต้องสอบกันยาว อ้างว่าการไฟฟ้าไม่รับผิดชอบ แต่เขาอยู่ในความดูแลของคุณ คุณเป็นนายจ้าง คุณก็ต้องรับผิดชอบสิ หรือผมพูดไม่ถูก ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กดี ทำงานส่งเสียน้องๆได้ร่ำเรียน บ้านฐานะยากจน และต้องดูแลพ่อที่ป่วยอีก ถือเป็นเสาหลักของบ้านโดยแท้จริง แต่มนุษย์ที่เห็นแก่ได้อย่างเดียว ก็มักจะเป็นแบบนี้ไม่ค่อยเห็นใจคนอื่น งานศพไปทุกคืน แต่ก็ยังไม่เยียวยาอะไร ไปให้เขาถ่ายรูป แบบว่าได้หน้าเพราะว่าข้าไปงานทุกคืน ไปแต่ตัวเงินไม่จ่าย ไปเพื่อ
….คืนสุดท้ายอารมณ์ไม่ดีด้วย ทุบโต๊ะในงานศพอย่างแรง แล้วลั่นว่า กลับดีกว่าไม่งั้นมีเรื่องแน่

สุดท้ายอยากจะบอกว่า หากในวันนี้กลับกลายเป็นลูกของคุณ ที่ต้องมาจบชีวิตในสถานการณ์แบบนี้ถามว่าถ้าผู้ว่าจ้าง เขาเป็นแบบที่คุณเป็นอยู่ในทุกวันนี้ แล้วไม่เยียวยาอะไรเลย คุณจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง กับการต้องเสียลูกชายไป และนายจ้างยังไม่มีทีท่าว่าจะเยียวยาสักแดงเดียว…….มนุษย์คิดได้ก็คือมนุษย์ ถ้ามนุษย์คิดไม่ได้ก็คือ…… ทีมข่าวแปดริ้วจะใช้ความสามารถที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์ที่สุด เพื่อคืนความเป็นธรรม ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้ได้….

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จับได้อีก! ทหารเรือ นรข.”สถานีเรือบึงกาฬ” ร่วมหน่วยความมั่นคง สกัดจับยาบ้าล๊อตใหญ่ 1 ล้านเม็ด กลางดึก

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 17 พ.ค.68 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.)เขตหนองคาย สถานีเรือบึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข.มอบหมายให้ น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข. เป็นผู้แทนในการแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,006,000 เม็ด

ภายใต้อำนวยการของ พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข โดยมี น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย, น.ท.โอรส พุทธโค หัวหน้าสถานีเรือบึงกาฬ พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ แก้วสมนึก รองผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ, พ.อ.เรวัฒ ธรรมจิรเดช รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, กอ.รมน.จังหวัดบึงกาฬ, ตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดบึงกาฬ, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ, ผู้แทนกองร้อย ตชด.244, ผู้แทนตำรวจน้ำบึงกาฬ ผู้แทนนายด่านศุลกากรบึงกาฬ, ผู้แทน บก.อส.จ.บึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เวลา 23.00 น. ที่ผ่านมา ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ แจ้งว่ามีสายลับรายงานสืบทราบมาว่าจะมีการขนลักลอบยาเสพติดข้ามฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่ บริเวณริมแม่น้ำโขงระหว่างบ้านท่าไคร้ หมู่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ ได้รายงาน น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย ได้ทราบ จึงสั่งการให้ ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ พร้อมเจ้าหน้าที่ นรข.ได้จัดชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ ออกวางกำลังเข้าตรวจในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าไคร้ ตลอดแนวคาดว่าจะมีการกระทำผิด

กระทั่งเวลา 02.00 น.ของวันที่ 16 พ.ค. เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังซุ่มอยู่บริเวณริมโขงบ้านท่าไคร้ ตรวจพบรถยนต์1คัน วิ่งมาพร้อมรถจักรยานยนต์ 1 คัน มาจอดดับไฟบริเวณริมโขง ชุดปฏิบัติการได้ซุ่มเฝ้าตรวจพบมีชายจำนวน 2 คน กำลังยกวัตถุหีบห่อคล้ายยาบ้าเสร็จแล้วรีบขับรถออกไป เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ จึงส่งสัญญาณใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืน

ให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ ผู้ต้องสงสัยกลับเร่งเครื่องยนต์หลับหนีเข้าไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 212 – บก.3013 จึงประสานหน่วยความมั่นคงแจ้งพิกัดรถต้องสงสัย ได้ทำการติดตามค้นรถยนต์ต้องสงสัยขนยาเสพติดถึงบ้านห้วยสามยอด ต.โป่งเปื่อย อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ในระหว่างไล่ล่าติดตามตรวจค้นรถยนต์ดังกล่าว

ผู้ต้องสงสัยมีพฤติการณ์หลบหนีเจ้าหน้าที่ นรข.ทหารเรือจึงตัดสินใจขับรถพุ่งชนรถเก๋งของกลาง ส่งผลให้ทั้งเจ้าหน้าที่ นรข.ทหารเรือ และผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บสาหัส สามารถตรวจยึดของกลางรถเก๋งยี่ห้อ นิสสัน ซันนี่ นีโอ สีบรอนเงิน ทะเบียน กฉ 4045 นครพนม จำนวน 1 คัน ผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ทราบชื่อต่อมา ชื่อนาย เอ็ม(นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ชาวตำบลหอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ

โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงลงไปตรวจดูเปิดดูด้านในรถเก๋งยี่ห้อ นิสสัน ซันนี่ นีโอ สีบรอนเงิน ทะเบียน กฉ 4045 นครพนม พบว่าเป็นยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จึงได้นำของกลางทั่งหมดตรวจสอบเพิ่มเติมที่ หน่วยสถานีเรือบึงกาฬ นรข.เขตหนองคาย ซึ่งจากการตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่าทั้ง 3 กระสอบ เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 171 แพ็ค รวมเป็นเป็นยาบ้าทั้งสิ้นจำนวน 1,006,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดบันทึกจับกุมและนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.หอคำ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้าน น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข. กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การว่ามารับยาบ้าจากคนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน(ชื่อพงศ์) ส่งแล้วโดยไม่ได้คุยอะไรกันต่อ เงินจะยังไม่ได้ต้องส่งของล็อตนี้ไปจังหวัดกาฬสินธุ์ก่อนถึงจะได้ แต่มาโดนจับเสียก่อน ผู้ต้องหาก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการแจ้งเบาะแสสืบสวนขยายผลต่อได้ นรข.

ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานบูรณาการร่วมกันในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ในการแก้ปัญหาอีกส่วนหนึ่งจะนำกำลังพลหน่วย นรข.พบปะประชาชน เยาวชน มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจปัญหายาเสพติด และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบคือครอบครัว โดยจะกลับไปให้ข้อมูลที่ดีกับประชาชนให้ความร่วมมือลดละเลิกยาเสพติด

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ด่านศุลกากรมุกดาหารเข้ม จับคนขับรถบรรทุกลักลอบนำยาบ้าข้ามสะพานมิตรภาพ 2 / ​จนท.กรมควบคุมโรค ตรวจร้านแพเจ้าสำราญ ปฏิบัติตามกฎหมายยาสูบและแอลกอฮอล์

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม สืบเนื่องจากนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ทปษ.ด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร และนาวสาวลลิตา อรรถพิมล ผอ.ศภ.2 มีนโยบายให้เข้มงวดในการตรวจสอบการกระท่าความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

นายกรณ์ชัย ปัญญาวัฒนพงศ์ นายด่านศุลกากรมุกดาหาร ได้รับข้อมูลว่าจะมีการลักลอบนำยาบ้าเข้ามาในราชอาณาจักรจึงได้สั่งการให้ นายสานุ ศิลปไชย ผู้อํานวยการ ส่วนควบคุมทางศุลกากร และนายปริญญา ผลมั่ง หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร ร่วมกับ ร้อยทหารพรานที่ 2105 ฉก.ทพ.21 ด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหาร และ ตชด.234 ทำการตรวจค้นรถบรรทุกต้องสงสัย ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 70-1187 / 70-1188 นครพนม ขณะแล่นมาจอดที่บริเวณช่องขาเข้าด่านพรมแดนมุกดาหาร

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต )พบยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกซุกซ่อนบริเวณที่ใส่ของด้านขวาข้างประตูผู้ขับขี่ รวมจำนวน 372 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายปองคุณ แซ่หว่อง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 325 หมู่ที่ 5 ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ผู้ขับขี่ดำเนินคดีในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ลักลอบนำเข้ายาบ้าสะพานมิตรภาพ2 #ด่านพรมแดนมุกดาหาร #ด่านศุลกากรมุกดาหาร #จังหวัดมุกดาหาร​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

​จนท.กรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ร้านแพเจ้าสำราญ ตรวจเข้มการปฏิบัติตามกฎหมายยาสูบและแอลกอฮอล์

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เจ้าหน้าที่ติดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร เข้าทำการตรวจสอบร้านอาหารแพเจ้าสำราญ เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ว่าทางร้านได้มีการปฏิบัติให้เป็น

ไปตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ อาทิ การติดแสดงเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่ การห้ามโฆษณา/สื่อสารการตลาด ผลิตภัณฑ์ยาสูบ และการติดป้ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ซึ่งในครั้งนี้เมื่อพบการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเจ้าหน้าที่จะได้ทำบันทึกแจ้งเตือนให้ทางร้านดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามที่กฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงตรวจร้านแพเจ้าสำราญ #คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้า #โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ #แพเจ้าสำราญ #จังหวัดมุกดาหาร #กรมควบคุมโรค #กระทรวงสาธารณสุข

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ออกมาโต้แล้ว!! พ่อน้องแพนยันไม่ได้บุกรุก-ลักทรัพย์ ตามที่ถูกยายแจ๋วแจ้งความ “เอาเสื้อผ้าเครื่องใช้ของลูกกลับมาทำบุญให้จากบ้านที่ตนและลูกอยู่อาศัยก็เป็นความผิดหรืออย่างไร?”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายเพิน วงค์กระโซ่ พ่อของน้องแพน ผู้ป่วยป่วยเป็นมะเร็งปากเสียชีวิต เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏอยูในสื่อต่างๆ ว่า มีทนายความคนหนึ่งได้พานางแจ๋ว หรือยายแจ๋ว ขวัญม่วง ยายของน้องแพน ไปแจ้งความดำเนินคดีตนกับพวกรวม 7 คน

ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยกล่าวหาว่าบุกรุกบ้านและลักทรัพย์ ในบ้านที่น้องแพนอาศัยอยู่ก่อนเสียชีวิตนั้น นั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะบ้านหลังดังกล่าวตนกับนางสาวจิดาภา เดิมชื่อสุกัลยา หรือ น้องแพน วงศ์กระโซ่ นายวิชิต วงค์กระโซ่ และ ด.ญ.กนกกาญจน์ หรือน้องต้นข้าว วงค์กระโซ่ ลูกของนายวิชิต ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกและหลานของตน ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวมานานหลายปีตั้งแต่เกิด

ซึ่งน้องแพนขณะเสียชีวิตก็อายุ 34 ปี แล้ว ทรัพย์สินภายในบ้านก็เป็นของตนและลูกที่อยู่อาศัยกันภายในบ้านนั้นดังกล่าว ส่วนยายแจ๋ว กับนางสาวสมจิตรหรือน้าเตี้ย ทรัพย์ประเสริฐ ลูกสาว ไม่เคยมาพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันตนและลูกหลานเลย โดยนางแจ๋วและน้าเตี้ยพักอาศัยอยู่ในบ้าน

อีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของบ้านที่ตนกับลูกพักอาศัย ยายแจ๋วและน้าเตี้ยจะเข้ามาบ้านหลังเฉพาะในช่วงเวลาที่จะต้องมาคอยดูแลน้องแพม ตามที่น้องแพมได้จ่ายเงินเป็นค่าดูแลให้กับน้าเตี้ยไว้ในแต่ละเดือน แต่ทั้งยายแจ๋วและน้าเตี้ยไม่เคยมานอนพักเป็นประจำ โดยตอนกลางคืนก็จะกลับไปนอนพักที่บ้านของตัวเอง

ในช่วงวันเกิดเหตุญาติทางจังหวัดมุกดาหารได้เดินทางมาร่วมพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล 100 วันให้กับน้องแพน โดยหลังวันงานเสร็จสิ้นก็ได้เดินทางกลับมุกดาหาร และได้นำเอาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ของน้องแพนกับวิชิตและเสื้อผ้าของน้องต้นข้าว กลับไปด้วย โดยในตู้เสื้อผ้าก็มีแต่เสื้อผ้าของน้องแพนกับน้อวต้นข้าว ตอนที่ขนสิ่งของขึ้นรถเป็นเวลาประมาณ 15.30 น.

ยายแจ๋วกับน้าเตี้ย ก็อยู่ด้วยและเห็นเหตุการณ์โดยตลอด โดยยายแจ๋วยังได้ทักท้วงว่าเป็นคนออกเงินซื้อตู้เสื้อผ้า ขณะที่ตนรับทราบมาว่าน้องแพนเป็นคนซื้อตู้เสื้อผ้า แต่ก็ไม่อยากให้มีปัญหากระทบกระทั่งกันประกอบกับในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าของน้องแพนและของหลานสาวอยู่ภายใน จึงไม่อยากนำออกจากตู้ เลยสอบถามให้ยายแจ๋วคิดมูลค่าตู้เสื้อผ้าดังกล่าว

ว่าจะต้องจ่ายเงินให้เท่าไหร่จึงจะเอาตู้เสื้อผ้ากลับไปได้ ซึ่งนางแจ๋วก็ตอบว่าต้องจ่ายให้ 3,000 บาท จึงได้มีการจ่ายเงินให้กับนางแจ๋วไป และจากนั้นญาติก็ได้เดินทางกลับมุกดาหาร โดยไม่ได้มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านมานานร่วม 5 เดือน จึงได้มีทนายความพายายแจ๋วไปแจ้งความดำเนินคดีตนกับพวกดังกล่าว

ทั้งนี้ ตนและลูกหลานญาติพี่น้องอยากจะฝากความในใจไปถึงยายแจ๋วและน้าเตี้ย ว่า พวกเรายังคงรักและเคารพยายและน้าฉันญาติผู้ใหญ่เหมือนเดิม อยากให้กลับมารักใคร่ผูกพันกันเช่นเดิม ไม่อยากให้ไปเชื่อคนที่มายุแหย่ให้พวกเราผิดใจกัน โกรธเคืองกัน ฟ้องร้องกัน

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยายและน้าจะรู้เรื่องดีที่สุดว่าที่จริงแล้วไม่ได้มีการบุกรุกและไม่ได้มีการลักเอาทรัพย์สินของยายกับน้าเตี้ยไปแต่อย่างใด เป็นเพียงเอาทรัพย์สินของน้องแพนกลับมาเพื่อระลึกถึงเป็นการเตือนความทรงจำ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่น้องแพนเท่านั้น ส่วนเรื่องทรัพย์มรดกของน้องแพนก็อยากให้มีการพูดคุยกันในวงญาติเพื่อจะได้จบเรื่องดังกล่าวด้วยดีต่อกัน นายเพินกล่าว

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อุทยานแห่งชาติน้ำตก ห้วยยางบุกจับผู้ต้องหาลักลอบล่าสัตว์ป่า คุ้มครองในพื้นที่ป่าสงวน หลังพบหลักฐานการกระทำผิดกฎหมายหลายข้อหา

แชร์เนื้อหานี้

นายนพพร ประทุมเหง่า ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สาขาเพชรบุรี) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ หย.2 (น้ำตกขาอ่อน) ได้ออกตรวจลาดตระเวนในพื้นที่ป่าบ้านหนองโปร่ง (ช่องหนองบอน) และจับกุม นายชิต (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 464 ตำบลชัยเกษม อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นผู้ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย

เจ้าหน้าที่พบซากลิงกัง 1 ซาก พร้อมของกลางอื่นๆ ประกอบด้วย อาวุธปืนลูกซองเดี่ยว 1 กระบอก กระสุน 9 นัด มีดพก 1 ด้าม หนังสติ๊ก 1 อัน ไฟคาดหัว 3 อัน กระสอบปุ๋ยสีขาว 1 ใบ และเปลนอน 1 ผืน ณ จุดเกิดเหตุในป่าหนองโปร่ง บ้านหนองโปร่ง หมู่ที่ 9 ตำบลชัยเกษม อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นายจิรายุ พูลทวี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง กล่าวว่า ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรงหลายข้อ ทั้งตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ฐานเก็บหาของป่าและกระทำการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐานล่าและครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง

และพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐานนำออกและทำอันตรายต่อทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์และอาวุธเข้าไปในเขตอุทยาน และยิงปืนภายในอุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังถูกร้องขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สถานีภูธรธงชัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ​การดำเนินงานตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการปราบปรามการลักลอบล่าสัตว์ป่าคุ้มครองและการบุกรุกพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเข้มงวดตรวจตราเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทหาร กกล.สุรศักดิ์มนตรี ยึดเฮโรอีน-ยาบ้า ขณะลักลอบนำข้ามโขงมาส่งมุกดาหาร/นบ.ยส.24 ปฏิบัติการ Seal Stop Safe ตรวจยึดของกลางยาบ้า จำนวน 355 มัด710,000 เม็ด อ.บ้านแพง จ.นครพนม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ร.ต.กฤษดา มุลมาตย์ ผู้บังคับหมวดสกัดกั้นฯ ที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (กกล.สุรศักดิ์มนตรี) ได้จัดกำลังออกซุ่มตามจุดเสี่ยงจุดล่อแหลม บริเวณ บ้านพาลุกา ม.4 ต.ชะโนด อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร

ได้ตรวจพบเรือแล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว เห็นคนบนเรือโยนกระสอบขนาดใหญ่ขึ้นมาไว้บริเวณริมตลิ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าไปตรวจสอบ แต่เมื่อคนที่อยู่บนเรือเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้รีบขับเรือแล่นกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว

จากการตรวจสอบพบว่าภายในกระสอบเป็นยาเสพติดประเภทที่ 1(ยาบ้า) ที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษไข พิมพ์อักษร Y 1 มีถุงพลาสติกใส่ห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง รวม 14 มัด จำนวน 86,000 เม็ด

และยังตรวจพบเฮโรอีน จำนวน 1 แพ็ค น้ำหนัก100กรัม จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทหารยึดเฮโรอีนยาบ้าขณะลักลอบนำข้ามแม่น้ำโขงส่งมุกดาหาร #จังหวัดมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

นบ.ยส.24 ปฏิบัติการ Seal Stop Safe ตรวจยึดของกลางยาบ้า จำนวน 355 มัด ประมาณ 710,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24)

ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 1500 อำนวยการให้ พันเอกอินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 (ผบ.ฉก.ทพ.21)

ซึ่งได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการขนย้ายยาเสพติดจากฝั่ง สปป.ลาว มาพักคอยในพื้นที่เพื่อลำเลียงขนย้ายเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงสั่งการให้ ร้อยโทวันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 (ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21)

จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าทำการเฝ้าตรวจพื้นที่ตามภาพข่าว บริเวณริมตลิ่งลำห้วยม่วง บ้านปากห้วยม่วง หมู่ที่ 2 ตำบลนาเข อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ตรวจพบชายต้องสงสัย จำนวน 2 คน เดินแบกกระสอบสิ่งของต้องสงสัย

เดินมาตามเส้นทางในภูมิประเทศ เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวขอตรวจสอบกระสอบสิ่งของต้องสงสัย เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ กลุ่มชายดังกล่าวได้ทิ้งสิ่งของและอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไป

จากการตรวจสอบพบภายในบรรจุยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 3 กระสอบ (ประมาณ 710,000 เม็ด) หน่วยจึงได้ประสานหน่วยงานความมั่นคง ในพื้นที่ ร่วมบันทึกภาพผลการตรวจพบ

และนำยาเสพติดของกลาง มายัง บก.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 เพื่อทำการตรวจนับอย่างละเอียด และนายราชวัชร์ เพ็ชร์ไพรฑูรย์ นายอำเภอบ้านแพง เป็นประธานการแถลงข่าว

พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม เข้าร่วม ณ บก.ร้อย ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 บ.ปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม พร้อมทั้งได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้ สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

เด​วิท​ ​โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จนท.ทหาร ตรวจเข้มรถเข้าออกด่านมุกดาหาร ขณะหน่วยงานกังขาเหตุใดศุลกากรปล่อยคนขับรถขนบุหรี่ไฟฟ้า

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า ที่ด่านพรมแดนมุกดาหาร เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 และเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังสุรนารี เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร -สะหวันนะเขต) อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจตรารถโดยสารที่วิ่งเข้าออกสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะรถโดยสารประจำทางที่วิ่งระหว่างประเทศ สายมุกดาหาร-สะหวันนะเขต โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตรวจพบว่ารถโดยสารระหว่างประเทศสายมุกดาหาร-สะหวันนะเขต หมายเลขทะเบียน 10-0716 มุกดาหาร ได้มีการดัดแปลงพื้นที่ด้านหลังห้องโดยสารทำเป็นช่องลับและใช้ซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าและของผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าได้กว่า 4,000 แท่ง และสินค้าหนีภาษีศุลกากรอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ คดีตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวยังสร้างความกังขาให้กับหน่วยงานที่ตรวจยึดว่า เหตุใดด่านศุลกากรมุกดาหาร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในเรื่องการปราบปรามดำเนินคดีเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร และสินค้าหนีภาษี กลับไม่ดำเนินคดีกับพนักงานขับรถโดยสารคันดังกล่าว ทั้งที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าอาจมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนในการกระทำความผิด

เนื่องจากการนำเอาสิ่งของซึ่งเป็นกระสอบและกล่องขนาดใหญ่เข้ามาไว้ในรถโดยสาร ทั้งยังนำไปซุกซ่อนไว้ในบริเวณที่ถูกดัดแปลงให้เป็นช่องลับ โดยปกติการนำพัสดุหรือสิ่งของใดๆขึ้นมาบนรถย่อมจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานขับรถซึ่งเป็นผู้ควบคุมรถ อีกทั้ง บขส. ยังมีระเบียบขั้นตอนการส่งพัสดุภัณฑ์ ว่าต้องกรอกใบฝากส่งพัสดุภัณฑ์ ระบุที่อยู่ผู้รับและผู้ส่ง หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับและผู้ส่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพัสดุภัณฑ์เพื่อป้องกันสิ่งของผิดกฎหมายหรือยาเสพติด ไว้ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างชัดเจน

ดังนั้น การที่ด่านศุลกากรมุกดาหารไม่ดำเนินคดีกับพนักงานขับรถโดยสารที่บรรทุกบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักรดังกล่าว ย่อมอาจทำให้สังคมเกิดข้อครหาถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างโปร่งใสหรือมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

ด่านศุลกากรมุกดาหารไม่ดำเนินคดีกับพนักงานขับรถโดยสารบรรทุกบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักร #ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่โปร่งใส #ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ #จังหวัดมุกดาหาร #บขส #ปปช #ปปท #กรมศุลกากร #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /อุกอาจ! โชเฟอร์ขับรถโดยสารมุกดาหาร-สะหวันนะเขต ซุกบุหรี่ไฟฟ้า 4,200 แท่ง ใส่ช่องลับของรถ บขส. ระหว่างประเทศ จนท.ศุลกากรตรวจปล่อยออกจากด่านแต่ทหารตามไปตรวจพบจับดำเนินคดี

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 และเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่ามุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร -สะหวันนะเขต) อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ได้ตรวจรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ สายมุกดาหาร-สะหวันนะเขต) หมายเลขทะเบียน 10-0716 มุกดาหาร ขณะวิ่งข้ามสะพานมิตรภาพ 2 จากแขวงสะหวันนะเขต​ เข้ามาที่ด่านพรมแดนมุกดาหาร เมื่อเปิดดูบริเวณที่เก็บสัมภาระใต้ท้องรถพบกล่องกระดาษขนาดใหญ่ต้องสงสัยจำนวน 6 กล่อง

จึงได้นำมาเปิดตรวจสอบพบว่าภายในเป็นบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 1,200 แท่ง แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานกำลังจะขึ้นไปตรวจค้นที่ด้านบนรถ ปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านซึ่งเข้ามาร่วมตรวจค้นด้วยบอกกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารว่าข้างบนรถตรวจแล้วไม่พบอะไรมีแต่กล่องขนมและได้ปล่อยให้รถโดยสารคันดังกล่าวแล่นออกไปจากด่านพรมแดน

แต่ต่อมาผู้บังคับบัญชาของหน่วยทหารทราบเรื่องว่ามีการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลและกองทัพบกมีนโยบายให้กวดขันจับกุมโดยเด็ดขาด จึงได้สอบถามว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ขึ้นไปตรวจได้ด้านบนด้วยหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีเจ้าหน้าทหารขึ้นไป ทางผู้บังคับบัญชาจึงได้ให้ติดตามรถโดยสารคันดังกล่าวไปทำการตรวจค้นที่ด้านบนรถโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตม.มุกดาหาร ตชด.234 ชุดสืบสภ.เมืองมุกดาหาร ตำรวจน้ำ ติดตามไปพบรถโดยสารคันดังกล่าวไปจอดอยู่ที่ด้านหลังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดมุกดาหาร

จึงได้ขึ้นไปทำการตรวจค้นที่ด้านบนรถพบว่าที่บริเวณด้านท้ายสุดของห้องโดยสาร มีการดัดแปลงทำเป็นช่องลับภายในพบกล่องบรรจุบุหรี่ไฟฟ้าอีกจำนวน 15 กล่อง

ภายในบรรจุบุหรี่ไฟฟ้ารวมจำนวน 3,000 แท่ง นอกจากนี้ยังพบเสื้อกันฝนและขนมขบเคี้ยวอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ผ่านพิธีศุลกากร จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ดำเนินคดี

ส่วนคนขับรถโดยสารประจำทางคือนายสมบัติ โคตรสงคราม อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 13 ตำบลนิคมคำสร้อย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรมุกดาหารแจ้งว่าจะกันตัวไว้เป็นพยาน

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อ.ศรีสัชนาลัยจัดยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ายาเสพติด.

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าวันพุธที่ 30 เมษายน 2568ตั้งแต่เวลา 08.00 – 13.00 น.อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ภายใต้การอำนวยการของ นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยโดย นายเอกสิฏฐ์ วิไลศิลป์ นายอำเภอศรีสัชนาลัย เปิดปฏิบัติการ “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย” ภายใต้โครงการ ศรีสัชนาลัย สีขาว โดยบูรณาการความร่วมมือกับ พ.ต.อ.วรวิทย์ คชไกรผกก.สภ.บ้านแก่ง มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอศรีสัชนาลัย

ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชป.ปส.สภ.บ้านแก่ง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอศรีสัชนาลัยที่ 6 ขับเคลื่อนโครงการ “ศรีสัชนาลัย สีขาว” ภายใต้โครงการจังหวัดสุโขทัย และมหาดไทยสีขาว เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งภัยยาเสพติด Safe Zone No Drugs และขับเคลื่อนนโยบายจัดระเบียบสังคมปราบปรามผู้มีอิทธิพล ของกระทรวงมหาดไทย

โดยร่วมกันเปิดปฏิบัติการยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย ในพื้นที่บ้านโป่ง หมู่ที่ 6 ตำบลสารจิตร อำเภอศรีสัชนาลัย การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ได้มอบหมายให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เป็นสายลับเข้าไปสังเกตุการณ์ในพื้นที่เป้าหมาย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 2 ราย รายละเอียดดังนี้

ผู้ถูกจับรายที่ 1 พบของกลางเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 7 เม็ด จึงได้ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ผู้ถูกจับรายที่ 2 พบของกลางเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 30 เม็ด จึงได้ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต”


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุม พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแก่ง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันระหว่างนายอำเภอ เจ้าคณะอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ที่ดำเนินการจัดทำพิธีลงนาม MOU แก้ไขปัญหายาเสพติด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตจำนงค์ในการร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของทุกภาคส่วน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

ณ บ้านโป่ง หมู่ที่ 6 ตำบลสารจิตร อำเภอศรีสัชนาลัย
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย