คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว PR

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี/ จัดกิจกรรมโครงการและค่ายเยาวชนกล้าดี ปีที่ 10 ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “พลังสร้างสรรค์เมืองน่านยั่งยืน”27/10/2568 – 77

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 27 ตุลาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารวิชาคาม 1 ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน

เป็นประธานเปิดโครงการและค่ายเยาวชนกล้าดี ปีที่ 10 ประจำปี 2568 โดยมี นายศิริพงษ์ สุขเสริมศาล หัวหน้าแผนกเสริมสร้างทัศนคติภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าววัตถุประสงค์โครงการฯ และ นายสำรวย ผัดผล ประธานมูลนิธิฮักเมืองน่าน กล่าวต้อนรับ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน

สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และเยาวชนกล้าดีจากพื้นที่ต่างๆ โดยก่อนการเปิดกิจกรรม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ยืนไว้อาลัย เพื่อแสดงออกถึงความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในด้านการอนุรักษ์ป่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำนายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า

โครงการ “กล้าดี” เป็นกิจกรรมที่ช่วยปลูกฝังแนวคิดให้เยาวชนกล้าแสดงออกในทางสร้างสรรค์ กล้าทำความดี และมีจิตอาสาเพื่อส่วนรวม โดยเฉพาะในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่แสดงถึงพระราชปณิธานอันแรงกล้าที่จะทรงงานด้านการอนุรักษ์ป่า

ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ รวมถึงนวัตกรรม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของจังหวัดน่านในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยในช่วงท้าย รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันสนับสนุนโครงการกล้าดีอย่างต่อเนื่องตลอด 9 ปีที่ผ่านมา พร้อมเชิญชวนให้เยาวชนทุกคนร่วมสานต่อเจตนารมณ์ “กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง” เพื่อร่วมสร้างเมืองน่านให้น่าอยู่และยั่งยืนสืบไป

นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้จัดกิจกรรม “Nan Youth Design Camp” หรือค่ายพัฒนาเยาวชนกล้าดี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมของเยาวชนรุ่นใหม่ ผ่านกิจกรรมออกแบบคิดเชิงสร้างสรรค์ (Design Thinking) และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดยความร่วมมือระหว่าง จังหวัดน่าน ,

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) , มูลนิธิฮักเมืองน่าน , และหน่วยงานภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนจังหวัดน่านได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างจิตสำนึกในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ราบงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 24 ตุลาคม 2568 กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี นำโดย นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้บริษัท ฯ เพื่อน้อมนำไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ประจำปี 2568 ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน โดยมี นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่

ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ข้าราชการ และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธี เป็นจำนวนมาก การจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินในครั้งนี้ นับเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาติ และสะท้อนเจตนารมณ์

ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ที่มุ่งมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และส่งเสริมคุณค่าชุมชนในทุกภูมิภาคให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยปีนี้เริ่มต้นภาคแรกที่วัดพระธาตุแช่แห้ง

พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน ถือเป็นวัดประจำปีเถาะ
ตามความเชื่อล้านนา ภายในวัดประดิษฐานพระธาตุแช่แห้ง

ปูชนียสถานสำคัญคู่เมืองน่าน และศูนย์รวมจิตใจ
ของชาวน่านและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม 2568 ร่วมวางพวงมาลาดอกไม้สักการะ เบื้องหน้าพระราชานุสาวรีย์ ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันพฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม 2568 นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร

นำข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ อัยการ ข้าราชการพลเรือน ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น และพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร ร่วมวางพวงมาลาดอกไม้สักการะ เบื้องหน้าพระราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เนื่องในวันปิยมหาราช ประจำปี 2568 เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงมีต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย

ทั้งด้านการปกครอง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การทหาร การศึกษา สังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ประกอบ พระราชกรณียกิจหลายอย่างที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนคนไทย โดยพระราชกรณียกิจที่สำคัญอย่างยิ่งประการหนึ่ง

คือ “การเลิกทาส” ซึ่งถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในประวัติศาสตร์ไทย การเลิกทาสในแบบของพระองค์ท่าน เป็นไปอย่างมีขั้นตอนและสงบเรียบร้อย ไม่มีการปะทะกันหรือก่อให้เกิดสงครามแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ทางด้านศิลปวัฒนธรรมทรงเปลี่ยนแปลงประเพณีหลายอย่างให้ทันสมัย และเป็นไปแบบสากล เช่น เลิกประเพณีหมอบคลานเข้าเฝ้า

เปลี่ยนมาเป็นให้ยืนหรือนั่งเก้าอี้แทนและใช้ถวายคำนับตามแบบฝรั่งแสดงความเคารพ การเปลี่ยนทรงผม โดยแต่เดิมชายไทยไว้ทรงหลักแจว (มหาดไทย)

มาเป็นทรงสากล ผู้หญิงเดิมไว้ผมปีก (ผมทัด) เปลี่ยนมาไว้ ผมยาว ประเพณีการแต่งกายก็เช่นกัน เริ่มมีการสวมถุงเท้า รองเท้า ใส่เสื้อนอก มีผ้าผูกคอ หรือแต่งเครื่องแบบเวลาเข้าเฝ้า ออกแบบชุดข้าราชการที่เรียกว่าเสื้อราชแปตแตน ต่อมาเรียกราชปะแตนท์ หรือแปลว่า แบบหลวง นุ่งผ้าสีม่วง

โจงกระเบนตามแบบไทยเดิม ทรงจัดระบบเงินตราใหม่ โดยยกเลิกระบบเงินพดด้วง หน่วยเงินเฟื้องโดยสร้างหน่วยเงินขึ้นใหม่ให้ใช้เหรียญบาท เหรียญสลึง เหรียญสตางค์แทน ด้านสาธารณูปโภค โปรดให้เริ่มดำเนินการประปาขึ้นโดยเก็บกักน้ำที่คลองเชียงราก จังหวัดปทุมธานี

แล้วขุดคลองประปาสำหรับส่งน้ำเข้ามาจนถึงคลองสามเสน พร้อมทั้งฝังท่อเอกและอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้ราษฎรมีน้ำสะอาดใช้ พระราชกรณียกิจนานัปการของพระองค์ ล้วนเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทย และเพื่อการพัฒนาประเทศให้

ก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยะประเทศ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้นี้ ทำให้ประชาชนคนไทยทุกคนเทิดพระองค์ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณมิเสื่อมคลาย และพร้อมใจถวายพระราชสมัญญานามพระองค์ว่า “พระปิยมหาราช”

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคองเผยสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคอง

แชร์เนื้อหานี้

สถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคองวันนี้ ปริมาณน้ำมีมากน้อยเพียงใด และจะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำ ของประชาชนหรือไม่ อย่างไรนายไพฑูรย์ ยังรักษา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เผยว่า

สถานการณ์น้ำวันนี้ อยู่ที่ 115 ล้านลูกบาศก์เซนติเมตร คิดเป็นความจุอยู่ที่ประมาณ 37% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ววันเดียวกัน อยู่ที่ประมาณ 108 ล้านฯ หรือ 34% ต่างกันประมาณ 7 ล้าน

หลังจากพ้นฤดูฝน คือ วันที่ 1 พ.ย.2568 คาดการณ์ว่าน้ำจะเข้าอ่างประมาณ 110 – 115 ล้านฯ ประมาณความจุ 40 กว่าเปอร์เซ็น แผนการใช้น้ำของเราเดี๋ยวจะมีการประชุม GMC ถ้าน้ำไม่ถึง 50% การทำนาปัง หรือปลูกพืชฤดูแล้ง เราจะงดให้การสนับสนุนก่อน น้ำใช้ในการอุปโภค บริโภค เราจะให้ความสำคัญก่อน ให้ใช้ประมาณ 70 ล่านฯ ฤดูแล้งประมาณ 23 ล้านฯ ฤดูฝนประมาณ 35 ล้านฯ

รักษานิเวศน์ฤดูฝนอยู่ที่ 26 ล้านฯ ฤดูแล้งประมาณ 25 ล้านฯ แผนที่เราวางไว้ ปัจจุบันฝนตกในปีนี้ ค่าเฉลี่ย ที่โคราชประมาณ 1000 มิล/ปี ตอนนี้ฝนตกแล้วประมาณ 806 มิล คิดเป็นเปอร์เซ็น คือ 82%

น้ำเข้าอ่างอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าล้านฯ แต่ปีนี้ น้ำเข้าอ่างแล้ว 81 ล้านฯ ล่าสุดเมื่อเช้า เข้าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านฯ กว่าๆ ค่าเฉลี่ยของน้ำเข้าอ่างแต่ละปี อยู่ที่ประมาณ 260 ล้านฯ

การบริการจีดการน้ำในตอนนี้คือ ฝนตกท้ายเขื่อนค่อนข้างเยอะ โซนท้ายเขื่อนลงมา น้ำเริ่มท่วม จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ เกิดน้ำท่วม เราบริหารการจัดการน้ำ โดยการปิดเขื่อนวันพุธที่ผ่านมา โดยอาศัยน้ำที่ตกท้ายเขื่อน นำมาบริหารการจัดการท้ายเขื่อน การบริหารการจัดการน้ำ.ไม่น่ามีปัญหา

แต่ต้องมีความปราณีต เราจะเน้นการใช้น้ำอุปโภค บริโภค เป็นหลัก น้ำในปีนี้มีมากกว่าปีที่แล้ว ผมรับประกันน้ำใช้เพื่ออุปโภค บริโภค ไม่น่าขาด ฝากถึง ประชาชนใช้น้ำให้ประหยัด

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ครอบครัวพาณิชย์พิศาล ร่วมกับชมรมโฮปฯ จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันเกิด คุณแม่ธัญยธรณ์ ฯ แจกข้าวสารอาหารแห้ง จำนวน 1,000 ชุด ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ และผู้พิการ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ตุลาคม 2568 ที่ วัดมหาวงษ์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ครอบครัวพาณิชย์พิศาล ร่วมกับชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันเกิด

คุณแม่ธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ประธานกิตติมศักดิ์ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา คหบดีผู้ใจบุญ แจกข้าวสาร ถุงละ 5 กิโลกรัม และอาหารแห้ง

ประกอบไปด้วยปลากระป๋อง 1 แพ็ค บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 แพ็ค และขนมปังปิ๊บ 1 ปิ๊บ ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ และผู้พิการ ในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 1,000 ชุด

โดยมีนายอัครนันท์ พาณิชย์พิศาล นางสาวปิยนุชพาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา นายธนิตพงษ์-นางทิพย์ประภา วรัณวงศ์เจริญ

พร้อมด้วยกัลยาณมิตร ผู้ใจบุญ ตลอดจนคณะกรรมการ อาสาสมัครชมรมโฮปฯ และสมาคมกู้ภัยจังหวัดสมุทรปราการ

ร่วมกันแจกข้าวสาร และอาหารแห้ง และไอศรีม ให้กับผู้ยากไร้ และผู้พิการ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขทั้งผู้รับและผู้ให้

จากนั้น เป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยได้รับความเมตตาจากพระครูสมุทรวชิรธรรม (สราวุฒิ โรจนธมฺโม) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระอาจารย์สวย แห่งวัดกลางวรวิหาร นำคณะพระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์

คุณแม่ธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล พร้อมครอบครัวพาณิชย์พิศาล ชมรมโฮปฯ และกัลยาณมิตร ผู้ใจบุญ ร่วมกันถวายภัตตาหารเพล จตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์

พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ำ รับพร ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล * ปล่อยเสียง**นางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / สภ.โคกสำโรง ภ.จว.ลพบุรี ร่วมพิธีวันพระราชทานธงชาติไทย

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 29 ก.ย.68 เวลา 08.00 น. ณ ที่หน้าว่าการอำเภอโคกสำโรง
นายเจตพงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง ประธานพิธี พร้อมด้วย นางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง

พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.ฯ พ.ต.ท.มนตรี เล่ห์อิ่ม รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ต.ชยพล ตรีโอษฐ์ สวป.(ชส.)ฯ พร้อมข้าราชการ
ตำรวจ ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น เข้าร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน 2568

28 กันยายน วันพระราชทานธงชาติไทย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชบัญญัติธงขึ้นใหม่ในพุทธศักราช 2460 เนื่องจากในสมัยนั้นไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 กับประเทศสัมพันธมิตร ซึ่งส่วนใหญ่ธงจะมีสามสี ธงชาติไทยในสมัยนั้นจึงเป็นรูปสี่เหลี่ยมรี ขนาดกว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน

มีแถบสีน้ำเงินแก่กว้าง 1 ส่วน ซึ่งแบ่ง 3 ของขนาดกว้างแห่งธงอยู่กลาง มีแถบขาวกว้าง 1 ส่วน ซึ่งแบ่ง 6 ของขนาดความกว้างแห่งธงข้างละแถบ แล้วมีแถบสีแดงกว้างเท่าแถบขาวประกอบชั้นนอกอีกข้างละแถบ และเรียกธงนี้ว่า “ธงไตรรงค์” และทรงกำหนดความหมายของสีธงชาติไว้ว่า สีแดง หมายถึง ชาติ คือประชาชน สีขาว หมายถึง ศาสนา

และสีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ ซึ่งธงไตรรงค์ หรือธงชาติไทย ถือเป็นสัญลักษณ์อันสูงสุดของชาติเป็นสิ่งเตือนใจให้อนุชนได้รำลึกถึงการเสียสละเลือดเนื้อของบรรพบุรุษเพื่อรักษาไว้ซึ่งแผ่นดิน และร้อยดวงใจคนทั้งชาติให้เป็นหนึ่ง หล่อหลอมความรักสามัคคี สร้างเสริมความภูมิใจในความเป็นชาติ ก่อเกิดเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการพัฒนาชาติไทยให้วัฒนาสถาพร

คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 28 กันยายนของทุกปีเป็นวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) และเริ่มในวันที่ 28 กันยายน 2560 เป็นวันแรก

(โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ) รวมทั้งกำหนดให้มีการชักและประดับธงชาติไทยในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติและเป็นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย

และวันที่ 28 กันยายน 2563 นับเป็นวันครบรอบ 103 ปีของการพระราชทานธงชาติไทย สำหรับประเทศไทยนั้นถือเป็นประเทศที่ 54 ของโลก ที่มีวันธงชาติ

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / วัดหูรอจัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศบูรพาจารย์ และท่านผู้มีพระคุณพร้อมกับเจริญพระพุทธมนต์มงคลอายุ 51 ปี พระมหาศุภชัย กิตฺติปาโล

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น นายกเลิศเชาวน์ ลือชัย นายก อบต. นาทุ่ง มาเป็นประธาน จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศบูรพาจารย์ และท่านผู้มีพระคุณ เจริญพระพุทธมนต์

มงคลอายุ 51 พระมหาศุภชัย กิตฺติปาโล เจ้าคณะตำบลขุนกระทิง เจ้าอาวาสวัดหูรอ ร่วมกับ ดร.อรทัย มีแสง นายกพุทธสมาคมจังหวัดชุมพร และกำนันผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับประชาชน ณ วัดหูรอ ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

พระครูบัณฑิตธรรมธาดา รักษาการเจ้าคณะจังหวัดชุมพร เจ้าอาวาสวัดเกาะแก้วดุสิยารังสฤษฐ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับ พระครูถาวรสีลาจาร เจ้าคณะธรรมยุตอำเภอเมืองชุมพร เจ้าอาวาสวัดเขาดิน พร้อมกับ พระอโนมคุณมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะธรรมยุตจังหวัดชุมพร เจ้าอาวาสวัด สามแก้ว

พระภิกษุสงฆ์ สามเณร พุทธบริษัท เข้าร่วมกิจกรรม พิธีสวดพระพุทธมนต์ ทอดผ้าบังสุกุล ถวายไทยธรรม รวมถึงพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยพระสงฆ์ทรง

สมณศักดิ์ 9 รูป นายกเลิศเชาวน์ ลือชัย ประทาน จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล สมาทานศีล อาราธนาศีล สมาทานศีล อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ถวายไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ำรับพร เสร็จพิธี

พระครูบัณฑิตธรรมธาดา ปาฐกถาธรรม แสดงธรรมบรรยายให้ พุทธบริษัท ที่เข้าร่วมกิจกรรม พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศบูรพาจารย์ และท่านผู้มีพระคุณ เจริญพระพุทธมนต์มงคลอายุ 51

กล่าวถึงความเป็นมาของวัด หูรอ ถึงประวัติของวัดที่มีมาอย่างยาวนาน และชื่นชมเจ้าอาวาสท่านปัจจุบันบรรยากาศภายในวัดวันนี้ มีพ่อแม่พี่น้องได้นำอาหารเข้ามาเลี้ยงเป็นโรงทานจำนวนมาก และมีรสชาติ

อร่อยมากจนหมดแผงตลาดโงทาน ที่อาหารรสเด็จของอาหารก็มี ส้มตำรสเด็จ ขนมจีนน้ำยาที่ขึ้นชื้อ และที่ขาดไม่ได้ก็เป็น โรตีใส่ไข่ใส่กล้วย ทอดมันปลา พร้อมกับเครื่องดื่มจำนวนมาก

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /กฟผ. เปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า รักษ์โลกต้นแบบแห่งแรกณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ทับสะแก ประจวบฯ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 26 กันยายน 2568 นายเมธาวัจน์ พงศ์รดาภิรมย์ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (รวธ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดสถานีชาร์จ EleX by EGAT ณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ทับสะแก Green Charging Station จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้ร่วมกับพันธมิตรสร้างเป็นสถานีชาร์จต้นแบบจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับเกียรติจาก นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย Mr.Goh Chee Kiong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัท ชาร์จพลัส อิเล็กทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Charge+) นายนพดล สรวงประเสริฐ พลังงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณณิศรา ธัมมะปาละ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน กฟผ.นายภูศเดช ภัคดีพันธ์ ผจก.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอทับสะแก นายสายชล ชนะภัย รองนายกอบต.นาหูกวาง นายภัทรดนัย สมศรี รองประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก นางพิมลรรณ วงศ์ทิม ประธานชมรมครูอำเภอทับสะแก นายมหยศ โกศิน หัวหน้าศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ทับสะแก นายพนม ปัถวี หัวหน้าแผนกโรงไฟฟ้าทับสะแก และหน่วยงานพันธมิตรเข้าร่วมพิธี

สถานีชาร์จแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง กฟผ. และ Charge+ โดยติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จำนวน 2 เครื่อง ขนาด 180kW และ 120kW รองรับการชาร์จพร้อมกันได้ถึง 4 คัน ผู้ใช้สามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน EleXA ทั้งยังเตรียมพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Charge Plus พร้อมระบบ Roaming รองรับผู้ใช้งานจากประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ช่วยให้การใช้งานข้ามพรมแดนหรือข้ามเครือข่ายเป็นไปอย่างไร้รอยต่อการออกแบบสถานีชาร์จยึดแนวคิด “Enlighted EcoCharge” ที่มุ่งเน้นให้เป็นมากกว่าจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และต้นแบบด้านพลังงานสะอาด โดยใช้วัสดุที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม อาทิ


พื้นคอนกรีต EGAT AshNova ผลิตจากเถ้าลอย (Fly Ash) ซึ่งเป็นวัตถุพลอยได้จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง ช่วยลดการใช้ซีเมนต์ซึ่งเป็นทรัพยากรจากธรรมชาติและสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตซีเมนต์ได้สูงถึง 58%
หลังคา Polycarbonate ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล โดย บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด
สีโพลียูรีเทน ซึ่งมีค่า VOC (Volatile Organic Compounds หรือ สารระเหยอินทรีย์) ต่ำ จากบริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อลดการฟุ้งกระจายของสารระเหยอินทรีย์ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

สถานีชาร์จ EleX by EGAT แห่งนี้จึงเป็นการผสานพลังงานสะอาด นวัตกรรมวัสดุรีไซเคิล และการออกแบบเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม สะท้อนเจตนารมณ์ของ กฟผ. ในการขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน

////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649645443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ททท.น่านประชุมเตรียมความพร้อมจัดการแข่งขัน “Amazing Nan Marathon 2025”

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 25 กันยายน 2568 09.30 น. ณ ห้องประชุมโรงแรมเวียงแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายให้นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน

เป็นประธานเปิดการประชุมเตรียมความพร้อมการแข่งขันวิ่ง “Amazing Nan Marathon 2025” โดยมีนายโยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ที่ประชุมได้รับทราบว่า ททท.สำนักงานน่าน ร่วมกับบริษัท รูท แมพ จำกัด และภาคีเครือข่าย ได้กำหนดจัดการแข่งขันวิ่ง “Amazing Nan Marathon 2025” ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568

ณ บริเวณข่วงเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ Marathon 42 กิโลเมตร, Half Marathon 21 กิโลเมตร, Mini Marathon 10 กิโลเมตร และ Fun Run 5 กิโลเมตร คาดว่าจะมีนักวิ่งและผู้ติดตามเข้าร่วมกว่า 4,000 คน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับที่พัก ร้าน

อาหาร ร้านกาแฟ สายการบิน รวมถึงชุมชนท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวในเขตเมืองน่านและพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ เทศบาลเมืองน่าน สนับสนุนสถานที่จัดกิจกรรม, สถานีตำรวจภูธรเมืองน่าน อำนวยความสะดวกด้านการจราจร,

โรงพยาบาลน่านและโรงพยาบาลภูเพียง สนับสนุนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และรถพยาบาลฉุกเฉิน รวมถึงแขวงทางหลวงชนบทน่าน สนับสนุนเส้นทางวิ่งและไฟฟ้าส่องสว่าง

การจัดการแข่งขันครั้งนี้นับเป็นกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่จังหวัดน่านในระดับประเทศและนานาชาติ/ภาพข่าว/สนง.ปชส.น่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / คณะนักท่องเที่ยวออสเตรเลีย–สหรัฐฯ เยือนน่านต่อเนื่องปีที่ 3 มอบเงิน 2 แสนบาทช่วยผู้ประสบภัยพายุ “วิภา” หนุนท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน

แชร์เนื้อหานี้

จังหวัดน่านยังคงเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ล่าสุด คณะนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยเข้าพักนานถึง 10 วัน เลือกพักที่ “น่านบูติคโฮเทล” โรงแรมรางวัล ASEAN Sustainability Award ในฐานะโรงแรมสีเขียวระดับอาเซียน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน

ปีนี้ แม้การเดินทางเดือนสิงหาคมถูกยกเลิกเพราะผลกระทบจากพายุ “วิภา” แต่คณะนักท่องเที่ยวเกือบ 40 คนจากออสเตรเลียยังคงแสดงน้ำใจ ด้วยการ ระดมทุน 200,000 บาท มอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดน่าน แบ่งเป็น มอบให้นักเรียนโรงเรียนบ้านดอนศรีเสริมกสิกร 50 คน , มอบให้โรงพยาบาลน่าน เพื่อใช้ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบการช่วยเหลือครั้งนี้เกิดจากการผลักดันของ นางดวงพร เต็งไตรรัตน์ ชาวน่านที่ไปใช้ชีวิตในออสเตรเลียกว่า 60 ปี แต่ยังคงกลับมาเยือนบ้านเกิดทุกปี

พร้อมพาเพื่อนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น ภายใต้ความร่วมมือกับทีมงาน “Nan Dream Team” ที่จัดกิจกรรม เช่น เยี่ยมชมฟาร์ม ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และร่วมทำกิจกรรมในชุมชนในโอกาสนี้ นายโยธิน ทับทิมทอง ผอ.ททท.สำนักงานน่าน ได้มอบของที่ระลึกเพื่อขอบคุณคณะฯ ที่ร่วมสนับสนุนการท่องเที่ยวจังหวัดน่าน

จากนั้น คณะนักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม โครงการทหารพันธุ์ดีน่าน ฐานปฏิบัติการแสงเพ็ญ ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง โดยมี พลเอกวิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา และ พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 ให้การต้อนรับ พร้อมนำชมการดำเนินงาน และร่วมทำกิจกรรมทำอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ไก่ประดู่หางดำ ผักเชียงดา กบ และไข่ ซึ่งสร้างความประทับใจแก่คณะนักท่องเที่ยวอย่างมาก

ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน ภาพ-ข่าว