คลังเก็บหมวดหมู่: ทหารบก (ทบ.)

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มทบ.44 เปิดบ้านทหารใหม่ (Open House) ผลัดที่ 1 รุ่นปี 2568 ที่ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923154 วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44 ให้เกียรติมาเป็นประธาน ในพิธีการจัดกิจกรรมเปิดบ้านทหาร

ใหม่ Open House รุ่นปีพุทธศักราช 2568 ผลัดที่ 1 ของมณฑลทหารบกที่ 44 ร่วมกับ รองเสนาธิการ นายทหาร ข้าราชการ ทหารกองประจำการ และญาติของทหารกองประจำการทุกท่าน

หัวหน้ากองยุทธการ มณฑลทหารบกที่ 44 กล่าวรายงานการจัดกิจกรรม การเปิดบ้านทหารใหม่ (Open House) ผลัดที่ 1 รุ่นปี 2568 พอสังเขปดังนี้ ตามที่มณฑลทหารบกที่ 44 ได้รับทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1 ประจำปีพุทธศักราช 2568 และเข้ารับการฝึกหลักสูตรทหารใหม่ ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568

จนถึงปัจจุบันนั้น กองทัพบก มีนโยบายให้หน่วย เปิดค่ายต้อนรับผู้ปกครอง เพื่อให้สามารถเข้าเยี่ยมบุตรหลานได้ในวันอาทิตย์ ตั้งแต่สัปดาห์แรก ตลอดระยะ

เวลาของหลักสูตรการฝึก ได้เห็นถึงสถานที่การฝึก และได้ทำความรู้จักผู้บังคับหน่วยทหาร บุคลากรทุกระดับชั้น รวมไปถึงความเป็นอยู่ของบุตรหลาน ก่อให้เกิด ความสบายใจ คลายความวิตกกังวล

ทั้งนี้ กองทัพบกได้กำหนดให้หน่วยฝึกทหารใหม่ทุกหน่วย จัดกิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่ ในวันเสร็จสิ้นการฝึกก่อนมีการ ปล่อยลาพักกลับบ้าน ให้ผู้ปกครอง ได้มีโอกาสรับทราบ

การเปลี่ยนแปลง ของบุตรหลานในระหว่างที่เข้ามารับราชการ เป็นทหารกองประจำการ โดยได้จัดการแสดงของทหารใหม่ ให้ผู้ปกครองและญาติได้รับชมจำนวน 3 ชุด ดังนี้ การแสดงศิลปะต่อสู้ป้องกันตัว มวยไทย การแสดงชุด ดาบปลายปืน การแสดงชุด ยิงปืนฉับพลัน

วัตถุประสงค์ การจัดกิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่ของหน่วยมณฑลทหารบกที่ 44 ในวันนี้ 4 เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับทหารใหม่ ในโอกาสผ่านการฝึก โดยมีผู้ปกครองร่วมเป็นสักขีพยานแห่งความภาคภูมิใจ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง

ทหารใหม่ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมหน่วยทหาร เพื่อเสริมสร้างสายใยความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วย กับครอบครัวทหารใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ การสมัครเป็นทหารกองประจำการในผลัดต่อๆ ไป

พล.ต.สมคิด ชูเผือก เปิดเผยว่า ในนามของข้าราชการมณฑลทหารบกที่ 44 รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ญาติของทหารใหม่ รุ่นปี พุทธศักราช 2568 ผลัดที่ 1 ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมการเปิดบ้านทหารใหม่ ในวันเสร็จสิ้น การฝึก กิจกรรมใน

ครั้งนี้เป็นนโยบายของกองทัพบก เพื่อให้ครอบครัวมีโอกาสร่วมแสดงความยินดี เยี่ยมชมหน่วยทหาร ได้รับรู้ถึงภารกิจ และบทบาทหน้าที่ของทหาร ความเป็นอยู่ในการฝึกทหารใหม่ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวกับหน่วยทหาร

ผมขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พระบารมีแห่งองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้โปรด ดลบันดาลพระราชทานพร ให้ผู้เข้าร่วมพิธีทุกท่าน และทหารใหม่ ทุกนาย มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีจิตใจที่มั่นคง และปลอดภัยจากภยันตราย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มณฑลทหารบกที่ 46 จัดอบรมให้ความรู้ด้านการประชาสัมพันธ์และกิจการพลเรือนแก่ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/2568 / จัดอบรมให้ความรู้ด้านการประชาสัมพันธ์และกิจการพลเรือนแก่ทหารใหม่

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 19.00 น. ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

พลตรี ขจรศักดิ์ อินทร์ทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46 มอบหมายให้ กองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 46 ดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้แก่ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ด้านการประชาสัมพันธ์ รวมถึงภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลเรือนของกองทัพบก

เนื้อหาการอบรมมุ่งเน้นให้ทหารใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของหน่วย การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การประพฤติตนอย่างเหมาะสมทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารกับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ

ภายในกิจกรรมยังได้จัดให้มีการ ตอบคำถามแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเปิดโอกาสให้น้องทหารใหม่ได้แสดงความคิด เห็น เสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม พร้อมทั้งมีการ มอบของรางวัล เพื่อสร้างแรงจูงใจและกำลังใจในการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น

กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งเสริมความรู้และทัศนคติที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นทหารของพระราชาและของประชาชน ตามเจตนารมณ์ของกองทัพบกในการพัฒนาเยาวชนชายไทยให้เป็นกำลังสำคัญของชาติอย่างมีคุณภาพกองทัพภาคที่4ศูนย์ประชาสัมพันธ์มณฑลทหารบกที่46

มณฑลทหารบกที่ 46 จัดอบรมให้ความรู้ด้านการประชาสัมพันธ์และกิจการพลเรือนแก่ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/2568

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 19.00 น. ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

พลตรี ขจรศักดิ์ อินทร์ทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46 มอบหมายให้ กองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 46 ดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้แก่ทหารใหม่

ผลัดที่ 1/2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ด้านการประชาสัมพันธ์ รวมถึงภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลเรือนของกองทัพบก

เนื้อหาการอบรมมุ่งเน้นให้ทหารใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของหน่วย การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การประพฤติตนอย่าง

เหมาะสมทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารกับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ

ภายในกิจกรรมยังได้จัดให้มีการ ตอบคำถามแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเปิดโอกาสให้น้องทหารใหม่ได้แสดงความคิด เห็น เสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม พร้อมทั้งมีการ มอบของรางวัล เพื่อสร้างแรงจูงใจและกำลังใจในการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น

กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งเสริมความรู้และทัศนคติที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นทหารของพระราชาและของประชาชน ตามเจตนารมณ์

ของกองทัพบกในการพัฒนาเยาวชนชายไทยให้เป็นกำลังสำคัญของชาติอย่างมีคุณภาพกองทัพภาคที่4RTศูนย์ประชาสัมพันธ์มณฑลทหารบกที่46

ตอริก สหสันติวรกุล สำนักข่าวไทยจากปัตตานี รายงาน

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมภริยา ร่วมสมโภชพระธาตุท่าอุเทนอย่างยิ่งใหญ่ ประชาชนแห่มอบดอกไม้-ผูกผ้าขาวม้าให้กำลังใจ

แชร์เนื้อหานี้


วันที่ 28 มิถุนายน 2568 พุทธศาสนิกชน “ลูกพระธาตุ หลานพระธรรม” และชาวจังหวัดนครพนมหลายพันคนต่างหลั่งไหลมารวมตัวกันด้วยใจศรัทธา ณ อำเภอท่าอุเทน เพื่อร่วมพิธีสมโภชองค์พระธาตุท่าอุเทนอย่างพร้อมเพรียง หลังจากการบูรณะโบราณสถานที่สำคัญและศูนย์รวมจิตใจแห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2

พร้อมภริยา ผศ.สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานชมรมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มีพระครูบริหารบรมธาตุ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุท่าอุเทน ประธานฝ่ายสงฆ์ และ ว่าที่ ร.ต.รวยรุ่ง ใครบุตร นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รอง ผวจ.นครพนม นายชินวัตร ทองปรีชา นายอำเภอท่าอุเทน นายกานต์ แก้วมาตย์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าอุเทน ข้าราชการและประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมในพิธี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของงานบุญครั้งใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธาและเพื่อความเป็นสิริมงคล

พิธีอันศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นขึ้นในเวลา 10.09 น. ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ก่อนเข้าสู่พิธีสงฆ์ พุทธศาสนิกชนและผู้เข้าร่วมงานได้ชื่นชมการแสดงสุดตระการตาจากนางรำคณะแม่บ้านทหาร (ร.3 พัน.3) และการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสานจากนางรำอำเภอท่าอุเทนกว่า 160 ชีวิต ที่ร่วมกันร่ายรำบูชาองค์พระธาตุท่าอุเทนอย่างพร้อมเพรียง สร้างความประทับใจและความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง ยังความปลาบปลื้มใจจากสายฝนและความผูกพันของชาวบ้าน

ภายหลังจากการแสดง พิธีทางศาสนาได้ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ แม่ทัพภาคที่ 2 พิธีได้ร่วมปิดทองโปรยดอกไม้ พระธาตุจำลองและห่มผ้าองค์พระธาตุท่าอุเทน นอกจากนี้ ยังมีการมอบพระธาตุท่าอุเทนจำลองให้กับผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุในครั้งนี้ด้วย สิ่งที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้ร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง คือ หลังเสร็จสิ้นพิธี ฝนได้ตกลงมาโปรยปรายราวกับพรมน้ำมนต์ ชโลมให้ทุกท่านที่มาร่วมพิธีได้รับความเย็นฉ่ำและเติมเต็มความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ให้กับบรรยากาศโดยรวม เป็นภาพที่สร้างความประทับใจและเชื่อว่าเป็นนิมิตหมายอันดี


นอกจากนี้ ตลอดทั้งงาน ชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบข่าวการมาเยือนของแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจ และแสดงออกถึงความเคารพรักด้วยการมอบดอกไม้และผูกผ้าขาวม้าให้กับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 อย่างใกล้ชิด และร่วมถ่ายภาพด้วยสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันและศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อท่านอย่างแท้จริง


บทบาทสำคัญของ พลโท บุญสิน พาดกลาง ในการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุท่าอุเทนนั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยท่านพร้อมด้วย ผศ.สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ได้เป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อระดมทุน ซึ่งการทอดผ้าป่าครั้งนั้นได้รับยอดเงินบริจาคสูงถึง มากกว่า 2 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยให้คงอยู่สืบไป


สำหรับการจัดพิธีสมโภชในวันนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของการบูรณะองค์พระธาตุท่าอุเทนเท่านั้น แต่ยังเป็นการรวมพลังศรัทธาครั้งยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนิกชน ที่ได้ร่วมกันจารึกประวัติศาสตร์แห่งความร่วมมือและความศรัทธาอันแรงกล้าในการธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาและมรดกอันล้ำค่าของชาติไทย.ช่วงหนึ่ง พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึง กรณีเกิดการกระทบกระทั่งและมีปากเสียงขึ้นระหว่างกองกำลังทหารไทยและทหารกัมพูชาขณะลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ทับซ้อน เพราะต่างอ้างเป็นพื้นที่ของตน ก่อนจะได้แยกย้ายเว้นระยะห่างต่อกันในที่สุดนั้น ซึ่งทางแม่ทัพภาค 2 กล่าวถึง ไทยยังคงยึดถือแผนที่ 1:50,000 ตร.กม.

ซึ่งทางไทยและกัมพูชายังยึดถือแผนที่เขตแดนคนละฉบับกัน จึงทำให้ต่างก็อ้างดินแดนของตน ซึ่งต่อมาต่างก็เว้นระยะถอยห่างเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะนอกจากนี้ กรณีที่มีข่าวชาวกัมพูชาได้พยายามเดินทางขึ้นไปเยี่ยมชมบริเวณปราสาททั้งสองแห่ง และร้องเพลงและแสดงสัญญาลักษณ์นั้น ได้กล่าวว่า เป็นสิทธิทั้งสองประเทศตามข้อตกลงร่วมกัน แต่ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ของไทยก็ได้เข้าไปอธิบายและป้องปรามไม่ให้กระทำการดังกล่าวที่จะนำไปสู้การขัดแย้ง จนเมื่อเป็นที่เข้าใจต่อกันจึงไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วง

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กลุ่ม บ.น้ำตาลครบุรี โคราช จัดกิจกรรม รวมน้ำใจ สู่ชายแดนตาเมือนธม

แชร์เนื้อหานี้

น้ำตาลครบุรีผนึกพลังชาวครบุรี รวมพลรถบรรทุกอ้อยขนยางเก่า
รวมน้ำใจสู่ชายแดน”ตาเมือนธม”

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) โดยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ได้ดำเนินกิจกรรม ” ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด ชาวครบุรี โคราช รวมน้ำใจให้แนวหน้า ระดมยางรถเก่าสร้างบังเกอร์ “ เพื่อร่วมส่งกำลังใจจากแนวหลังให้แก่เหล่าทหารหาญประจำการอยู่แนวหน้า ที่กำลังตั้งมั่นปกป้องอธิปไตยในแถบพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

สำหรับการดำเนินโครงการนี้ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยได้รับความร่วมมือร่วมใจอย่างเต็มที่จากองค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องประชาชนตำบลจระเข้หิน อำเภอครบุรี และคณะจิตอาสาพระราชทานอำเภอครบุรี

จังหวัดนครราชสีมา ร่วมด้วยช่วยกันระดมเสบียง ข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม น้ำตาล ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ เครื่องปั่นไฟสนาม กระสอบปุ๋ย กระสอบน้ำตาล น้ำมันรถบรรทุกสนับสนุนโดยโรงงานน้ำตาลครบุรี ก่อนเคลื่อนคาราวานรวมน้ำใจให้แนวหน้าออกจากลานจอดรถบรรทุกอ้อยของโรงงานน้ำตาลครบุรีนำไปส่งมอบให้แก่กองทัพที่ปราสาทตาเมือนธม

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “แม่ทัพกุ้ง” ลงพื้นที่มุกดาหาร มอบพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร ลั่น “ไม่กลัวคุณไสยหมอผีเขมร” – ชาวบ้านแห่ต้อนรับอบอุ่น มอบแจ่วแมงแคง ดอกกุหลาบแดง เป็นกำลังใจ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน 2568 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะ เดินทางไปยังวัดศรีบุญเรือง เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร เพื่อ

ถวาย “พระพุทธปฏิมา ปางสะดุ้งมาร” สมัยอู่ทอง แด่พระราชรัตนโมลี เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่อนำประดิษฐานภายในอุโบสถของวัด

ในพิธีดังกล่าวมี นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร, พลตำรวจตรีไพโรจน์ ไทยพุทรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ข้าราชการระดับจังหวัด และประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธีด้วย

ขณะเดินทางถึงประตูวัด พลโท บุญสิน ได้ลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางชาวบ้านที่มารอต้อนรับแน่นขนัด หลายคนผูกผ้าขาวม้าตามประเพณีอีสาน มอบ

ดอกกุหลาบ และ “แจ่วแมงแคง” อาหารพื้นบ้านยอดนิยม พร้อมขอถ่ายรูปและเซลฟี่อย่างคึกคัก โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดคุยทักทายกับชาวบ้านด้วยภาษาอีสานอย่างเป็นกันเอง สร้างความประทับใจแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก

ภายหลังพิธี แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงาน พร้อมตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวว่ามีหมอผีจากฝั่งกัมพูชาร่ายมนต์ใส่

ตน โดยกล่าวว่า “ผมไม่กลัวหรอกครับ ไม่มีคุณไสยหรือมนต์ดำใดจะทำลายคุณงามความดีที่เรายึดถือได้ ความดีของเราต่างหากที่คุ้มครองเรา”

พลโทบุญสินพาดกลาง #แม่ทัพภาคที่2 #กองทัพภาคที่2 #วัดศรีบุญเรือง #มุกดาหาร #แม่ทัพภาคอีสาน #ข่าววันนี้

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ​แม่ทัพภาค 2 นำคณะ พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2 เยี่ยมทหารบาดเจ็บเหตุ ฮ.ตก พร้อมมอบกระเช้าและเงินเป็นกำลังใจ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2568 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 2 รุ่นที่ 2 (พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2) เดินทางเข้าเยี่ยมมอบกระเช้าผลไม้ และเงินเพื่อให้กำลังใจนายทหาร 8 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เฮลิคอปเตอร์ตกกระแทก

พื้น ขณะปฏิบัติภารกิจผลัดเปลี่ยนกำลังพลและส่งเสบียงยังฐานปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ มารอมอบดอกไม้และถ่ายเซลฟี่กับแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นจำนวนมาก

โดยผู้บาดเจ็บประกอบด้วยทหารพรานจาก กรมทหารพรานที่ 23 จำนวน 5 นาย, นักบิน 2 นาย และช่างเครื่องอีก 1 นาย และในโอกาสเดียวกัน นางสาวธนชนก

สุริยเดชสกุล ผู้แทนนักศึกษา พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2 ได้ร่วมมอบเงินสนับสนุนเพื่อเป็นกำลังใจแก่ทหารผู้บาดเจ็บ พร้อมกล่าวให้กำลังใจและชื่นชมในความเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติด้วย

ทั้งนี้ ทหารที่ได้รับบัตรเจ็บขณะนี้มีอาการปลอดภัยทั้งหมด โดยมีเพียงทหารพราน 1 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บมากกว่านายอื่น เนื่องจากขาซ้ายหักและแพทย์ผู้รักษาได้การผ่าตัดใส่เครื่องยึดให้เป็นเรียบร้อยแล้ว

พลโท บุญสิน ได้กล่าวให้กําลังใจนายทหารที่บาดเจ็บและครอบครัวที่มาเฝ้า โดยได้สอบถามถึงอาการทหารที่ได้รับบาดเจ็บแต่ละคนด้วยความห่วงใยว่าเป็น

อย่างไรบ้าง โดยมีแพทย์ผู้ให้การรักษาได้อธิบายถึงขั้นตอนการรักษาผู้บาดเจ็บแต่ละรายว่าได้ให้การรักษาอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงมีอาการบาดเจ็บเนื่องจากการถูกกระแทกอย่างแรงบริเวณแขนขาและชายโครง โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้

กล่าวอวยพรให้ทหารทุกนายหายจากอาการบาดเจ็บเป็นปกติโดยเร็ววันบุญสินพาดกลาง #แม่ทัพภาคที่2 #เยี่ยมทหารบาดเจ็บ #เฮลิคอปเตอร์ตก #โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ #วารินชำราบ #อุบลราชธานี #ศาลโลก

#ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #ทหารกัมพูชา #ทหารเขมร #ข่าวด่วน #ความมั่นคงชายแดน #ข่าวสุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #พนมดงรัก #สุรินทร์

#ปะทะชายแดน #ThaiArmy #BorderConflict #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาควาย #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #ช่องบก #สามเหลี่ยมมรกต #ข่าววันนี้​ ภาพ/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ป.5 พัน.25 ตรวจสภาพความพร้อมรบกองร้อยเตรียมพร้อม “กองทัพภาคที่ 4”

แชร์เนื้อหานี้

รักสงบ รบไม่ขลาด ค่ายเขตอุดมศักดิ์ ตรวจความพร้อมรบ (11 มิ.ย.58) พ.ท. พิทยาคม พงษ์สุพรรณ์ ผบ.ร.25 พัน.1 เป็นประธานการตรวจสภาพความพร้อมรบของ ร้อย.ร.เตรียมพร้อม ทภ.4 ตามแผนการใช้กำลังรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยตรวจสอบความพร้อมของกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ รวมถึงความรู้ตามตำแหน่งหน้าที่ เพื่อให้มีความพร้อมต่อการปฏิบัติงานป้องกันชายแดนและภารกิจที่ได้รับมอบหมายเมื่อสั่ง ณ ลานพื้นแข็ง หน้าศาลาเขตอุดมศักดิ์ ค่ายเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง จ.ชุมพร

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / คลื่นแนวหลัง แห่มอบของให้กำลังใจทหารปราสาทตาเมือนธมไม่ขาดสาย เจ้าของเคกแบรนด์ดัง มาสเตอร์เค้ก รุดมอบขนมเค้กจำนวน 1,000 กล่องให้กำลังใจ จนท.ทหาร

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.68 เวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบว่าตลอดทั้งวันมีประชาชนนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่ม มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่กันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน รวมทั้งยังถือโอกาสเข้าไปเที่ยวชมตัวปราสาทตาเมือนธมอย่างคึกคักอีกด้วย โดยไม่สนใจกับสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นอีกด้วยขณะที่ เวลาประมาณ 15.00 น.นายบุญมี อาสาศร เจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์”มาสเตอร์เค้ก ชื่อดัง หรือฉายา”มาสเตอร์เค้กสัญจรทั่วไทย”เป็นชาวจังหวัดปทุมธานีอดีตเชฟโรงแรม ช่วงโควิดระบาดผันตัว

ออกจากโรงแรมหันมาทำเค้กเดินสายขายหิ้วไป ตามบริษัทและหน่วยงานต่างๆจนประสบความสำเร็จในการทำอาชีพขนมเค้ก แลพกลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์เค้กแบรนด์มาสเตอร์เค้กชื่ดังในวันนี้ได้ถือโอกาส ช่วงสถานการณ์ชายแดนดังกล่าว เดินทางจากจังหวัดปทุมธานี เพื่อนำเค้กอร่อยอร่อย ประกอบด้วย ขนมเค้ก เค้กช็อกโกแลต เค้กหน้าฝอยทอง หน้าคอฟฟี่ครีม เค้กหน้าแยม และเค้กผลไม้ จำนวน 1,000 กล่อง คิดเป็นเงินมูลค่า กว่า 100,000 บาท มามอบให้พี่น้องทหารกล้าของไทย ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ได้ทานและลิ้มลองรสชาติเค้กจากเชฟระดับโรงแรม 5 ดาว และที่สำคัญเพื่อให้กำลังใจให้พี่น้องเจ้าหน้าที่ทหารชายแดนที่ช่วยดูแลรักษาอธิปไตย

โดยเจ้าหน้าที่ทหารต่างพากันชิมเค้กและมีการป้อนเค้กเข้าปากกันอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย ขณะที่ประชาชนบางราย ต่างถือโอกาสพากันขอถ่ายภาพและให้กำลังจนท.ทหารคนดัง ที่ยืนประจันหน้าโต้เถียงกับทหารกับพูชาตามที่ปรากฎเป็นคลิปในโลกโซเชี่ยลที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นอย่างยิ่งส่วนบรรยากาศที่ประตูด่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิงฯตลอดทงั้วันพบว่า เป็นไปอย่างเงียบเหงา ชาวกัมพูชาและชาวไทยเดินทางเข้าออกตามปรกติ แต่บางตาลง จะมีการอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้า-ออกด่านได้ เช่นรถขนส่งสินค้า

สินค้าที่จำเป็นต่างๆ ผู้ป่วย ผู้ที่มาทำธุรกิจค้าขาย โดยมีทหารประจำฐานกลางเป็นผู้คัดกรองอย่างเข้มงวด ส่วนเรื่องมาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดนช่องจอม จนท.ในพื้นที่ยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งเกี่ยวกับมาตรการต่างๆที่จะตอบโต้ประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาบางราย ได้ปิดร้านค้าที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม เดินทางกลับไปยังประเทศกัมพูชาเพื่อรอให้สถานการณ์ปกติก่นจึงค่อยกลับมาเปิดร้าน แต่ส่วนใหญ่ยังคงเปิดร้านค้าขายกันอยู่ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเหงา ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้ามาเที่ยวซื้อสินค้าเหมือนเช่นเดิม เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ชายแดน

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รองแม่ทัพ “ณัฏฐ์” นำทีมทหารไทยเจรจากัมพูชา สำเร็จ! คลี่คลายสถานการณ์ช่องบก กลบคูเลต คืนสู่สภาพเดิม ก่อนประชุม JBC

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา โดย พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพล

สนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย นำโดยพลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย

พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่บริเวณช่องบก

จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบการปรับการวางกำลังให้กลับไปสู่แนววางกำลังเดิมเมื่อปี พ.ศ.

2567 เพื่อลดการเผชิญหน้า พร้อมทั้งกลบคูติดต่อ(คูเลต) กลับไปสู่สภาพเดิม สร้างบรรยากาศที่เกื้อกูลต่อการประชุม JBC ใน 14 มิ.ย. 68 ซึ่งเป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้ กลไกคณะกรรมการชายแดน
ส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางหารือการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่องในอนาคต

ขณะที่ พลตรี ณัฏฐ์ ได้โพสต์ทาง facebook ว่า คุยกันอย่างลูกผู้ชาย…ไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่เสียความสัมพันธ์ ไม่เสียเศรษฐกิจ …ชนะโดยไม่ต้องรบ…บันทึกไว้ ณ วันที่ 8 มิ.ย.68 ณ ช่องอานม้า และช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีชายแดน

ไทยกัมพูชา #MOU43 #ณัฏฐ์ศรีอินทร์ #รองแม่ทัพภาค2 #ความมั่นคงชายแดน #ปัญหาเขตแดน #JBC #ศาลาตรีมุข #ข่าวการเมือง #ข่าวด่วน #ทหารไทย

#ทหารกัมพูชา #ทหารเขมร #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ไทย #กัมพูชากองทัพบก #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องบก #ความมั่นคง #ข่าวทหาร #ความร่วมมือชายแดน​

เดวิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “รองแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก เผยข้อเท็จจริง 11 ข้อ ปมปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา รุกล้ำกว่า 400 ครั้ง” ลั่น! อย่าดันถึงศาลโลก เปิดใจคุยกันแบบลูกผู้ชายดีกว่า

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 7 มิถุนายน 2568 พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความในใจและเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการรุกล้ำอธิปไตยของฝ่ายกัมพูชาที่เกิดขึ้นกว่า 400 ครั้ง แม้ฝ่ายไทยจะประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับได้รับการตอบสนองเพียงเล็กน้อย พล.ต.ณัฏฐ์ เปิดเผยข้อเท็จจริง 11 ประการที่สรุปใจความได้ดังนี้:

1.ไทย-กัมพูชามีปัญหาเรื่องเส้นเขตแดนมายาวนานเนื่องจากยึดถือหลักฐานแผนที่ที่ต่างกัน
2.แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นผลผลิตจากสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ ค.ศ.1907 เป็นแผนที่มาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด

  1. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่าเพื่อแก้ไขปัญหาการยึดเส้นเขตแดนที่แตกต่างกันตามข้อ 1 และข้อ 2 จึงตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) ขึ้นมาเพื่อร่วมกันจัดทำแนวเขตแดนระหว่างกันให้ชัดเจนและเป็นเป็นที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่าย โดยผลผลิตสุดท้ายคือ หลักเขตแดน และแผนที่
  1. ขณะที่ JBC ทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้การทำงานราบรื่นทั้งสองฝ่ายจึงมีข้อตกลง MOU43 สาระสำคัญข้อ 5 ระบุไม่ให้ทั้งสองฝ่ายดัดแปลงภูมิประเทศตามแนวชายแดนซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสันปันน้ำ
  2. ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาละเมิด MOU43 มาโดยตลอด ขยายชุมชน สร้างกาสิโน ปลูกพืชไร่ประชิดชายแดน ที่เป็นการทำลายสันปันน้ำ เราประท้วง 400 กว่าครั้งแต่ให้ความร่วมมือแก้ไขน้อยมาก ในขณะที่ฝั่งเราเป็นเขตอุทยานเข้าไปทำอะไรไม่ได้
  1. พื้นที่ช่องอานม้า ก่อนเกิดเหตุเผาศาลาตรีมุข(28 ก.พ.68) ทหารกัมพูชาวางกำลังห่างชายแดนไม่น้อยกว่า 500 ม. เราก็วางกำลังห่างระยะใกล้เคียงกัน ย่านกลางนั้นเป็นพื้นที่แห่งสันติภาพไปมาหาสู่ ประสานงาน พูดคุยแก้ปัญหากัน
  2. วันที่ 28 ก.พ.68 กัมพูชาเผาศาลาตรีมุข เคลื่อนกำลังขึ้นมาวางที่ต้นพญาสัตบรรณซึ่งล้ำอธิปไตยไทยเข้ามาประมาณ 150 ม. รวมถึงขุดคูเลททำลายสันปันน้ำละเมิด MOU43
  3. ฝ่ายเราพยายามแก้ปัญหาโดยสันติ อดทนอดกลั้น เจรจาขอให้ถอนกำลังที่รุกล้ำอธิปไตยไทยออกไปหลายครั้งแต่เขมรก็ไม่ยอมถอน สุดท้ายมีการใช้อาวุธเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68
  1. ผู้บังคับบัญชาของไทยทุกระดับพยายามแก้ไขปัญหาโดยสันติ เจรจาขอให้ถอนกำลังจากจุดที่รุกล้ำ แต่เขมรอ้างว่ากำลังส่วนนี้วางอยู่เดิมมาตั้งแต่ก่อนมี MOU43 ซึ่งไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอนเพราะถ้ามีกำลังวางอยู่จุดนี้เมื่อปีที่แล้ว(ส.ค.67) ผมจะเดินผ่านจุดนี้เข้าไปที่ศาลาตรีมุขได้อย่างไร
  2. เขมรอ้างว่าถูกรุกราน ไทยไม่แก้ปัญหาโดยสันติ จะขยายความขัดแย้งสู่ศาลโลก ทั้งๆที่สองประเทศมีกลไกแก้ไขปัญหาร่วมกันอยู่ โดยอ้างว่าปัญหาจะได้จบ ถามว่ามันจะจบได้อย่างไร?
  1. กัมพูชายังเสริมกำลังทหาร อาวุธยุทโปกรณ์ พยายามจะนำกำลังขยายไปควบคุมพื้นที่อื่นๆตลอดแนวชายแดนทั้งๆที่พื้นที่เหล่านั้นเดิมทั้งสองฝ่ายไม่มีการวางกำลัง เป็นป่าเป็นเขา ถ้าเราเอากำลังไปวางเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยก็เผชิญหน้ากัน ทำเพื่ออะไร?
  2. กติกาสองบ้านเรามีอยู่ เรามาเปิดหน้าคุยกันอย่างลูกผู้ชายดีกว่าไหม ถ้าเรื่องถึงโรงถึงศาลลูกหลานเราก็จะเป็นปรปักษ์กันตลอดไป จะเกิดประโยชน์อะไรถ้าคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​