คลังเก็บหมวดหมู่: ทหารบก (ทบ.)

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /กลุ่มพลังมวลชน แนวหลัง นำพริกแห้ง กะปิ สิ่งดำรงชีพ บุกเข้าชายแดนช่องพระพะลัย จุด “ฐานปฏิบัติการพนมกันตุง” กองร้อย ทพ.2609 ให้กำลังใจ

แชร์เนื้อหานี้

บ่ายของวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ ฐานปฏิบัติการพนมกังตุง จุดชมวิวช่องพระพะลัย ทางเข้าสู่ช่องกะบาลกะไบ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าพืชพนมดงรักจังหวัดศรีสะเกษ อำเภอขุนหาญ ดินแดนที่มีสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดในอีสานใต้ โดยเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์ ร้อยตรี พิชิต ศรีคงรัก ผบ.กองร้อยทหารพรานที่2609 ที่สู้รบกับกองกำลังต่างชาติ ที่จะบุกรุกเข้ามายึดแผ่นดินไทย ด้วยการสู้จนต้องพลีชีพตนเพื่อรักษาดินแดนไทย เอาไว้ให้ลูกหลานชาวศรีสะเกษ ไว้ให้ประเทศไทย โดยบ่ายของวันนี้ ได้มีกลุ่มพลังมวลชน ทั้งภาครัฐ – เอกชน กลุ่มธนาคารฯ กลุ่มแพทย์แผนไทยอำเภอขุนหาญ สภาเกษตรกรจังหวัดศรีสะเกษ อื่นๆ

ได้รวบรวมพริก เกลือ น้ำปลา กะปิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง รวมทั้งทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพมามอบให้ กองกำลังทหารพราน “ฐานปฏิบัติการพนมกันตุง” กองร้อย ทพ.2609 ให้กำลังใจให้กับทหารที่รักษาพรมแดน ตามแนวชายแดน – กัมพูชา โดยมี นาย ธนัชกฤศ บุดดีเสาร์ ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอขุนหาญ ผู้แทนนายอำเภอฯ มาเป็นเกียรติในการเป็นประธานมอบ ให้กับ ร้อยเอก บัณฑิต โยดิน ผู้บังคับกองร้อย ทพ.2609 ตัวแทนของกองกำลังทหารพราน ฐานปฏิบัติการพนมกันตุง กองร้อย ทพ.2609 ที่ปักหลักรักษาดินแดนไทย อยู่ตามแนวชายแดนตรงจุดนี้


นาย ธนัชกฤศ บุดดีเสาร์ ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอขุนหาญ ผู้แทนนายอำเภอฯ กล่าวว่า วันนี้ในนนามของอำเภอขุนหาญ ต้องขอบคุณทุกท่าน ทุกองค์กร ที่มองเห็นทหารที่รักษาอธิปไตยอยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา อยู่ในขณะนี้ แม้ว่าวันนี้จะไม่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงใดๆ แต่ทหารทุกหน่วย ทุกเหล่า ก็ยังคงยืนหยัดที่จะรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ ขณะที่ทุกท่านที่อยู่แนวหลัง ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ยังคิดถึงทหารทุกคน ก็ได้พยายามรวบรวมสิ่งของต่างๆ มามอบให้ทหารด้วยความรัก อย่างแท้จริง ต้องขอขอบคุณทุกคนด้วย

โดย ร้อยเอก บัณฑิต โยดิน ผู้บังคับกองร้อย ทพ.2609 กล่าวขอบคุณ ว่า ผมเป็นผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่2609 วันนี้ก็มีความภาคภูมิใจ ที่มีคนรู้ใจ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งภาครัฐ – ภาคเอกชน ซึ่งทุกคนก็รักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน แต่การปฏิบัติจะไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ทหารก็ทำอีกอย่างหนึ่ง ส่วนราชการ หรือภาคเอกชน ประชาชน ก็ทำอีกอย่างหนึ่ง แล้วเมื่อถึงคราวที่เราต้องรักษาอธิปไตย คนไทยของเราจะแสดงออกถึงความรักชาติ

ซึ่งจุดนี้ผมมองเห็นแล้ว ผมก็ภาคภูมิใจ สิ่งของที่พวกท่านได้นำมามอบให้ในวันนี้ เป็นอำนาจกำลังรบให้กับพวกผม อำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน ซึ่งก็คือสิ่งที่มามอบให้เหล่านี้แหละ ทำให้มีกำลังใจอึดสู้ ที่จะรักษาอธิปไตยให้กับชาติไทยของเรา ยังคงมีอธิปไตยของเราอยู่สืบต่อไป ขอบคุณทุกท่านด้วยความจริงใจ ครับ
//////////////////////////ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “แม่ทัพกุ้ง” ลงพื้นที่ฐานปราสาทตาเมือนธม มอบกำลังใจทหารแนวหน้า ย้ำหนักแน่น “อย่าประมาท – เราทำถูกแล้ว”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (แม่ทัพกุ้ง) เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ณ ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยมี พลตรีสมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ร่วมปฏิบัติภารกิจด้วย

โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นแก่กำลังพล พร้อมกล่าวให้โอวาทและขอบคุณทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละ

ทั้งนี้ แม่ทัพกุ้งยังได้กล่าวย้ำว่า “ขอให้ทุกนายเชื่อมั่นว่า เราทำถูกต้องแล้ว ขอให้ตระหนักว่าผู้บังคับบัญชาทุกระดับอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเสมอ อย่าประมาท พร้อมเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ

ได้ทุกเวลา และต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา”แม่ทัพภาคที่2บุญสินพาดกลางแม่ทัพกุ้ปราสาทตาเมือนธมกองกำลังสุรนารีทหารแนวหน้าเราทำถูกแล้วให้กำลังใจทหารข่าวทหารข่าวภาคอีสานสุรินทร์​

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐทีวี / ด่วน!!! “เสียงปืนแตก” ยิงปะทะทหารกัมพูชาที่ช่องบก ล่าสุดทหารไทยปลอดภัย ยังคงตรึงกำลังเข้มในพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา อำเภอ

น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ว่าเมื่อเวลา 05.30 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี รายงานว่าได้เกิดเหตุปะทะกับกำลังทหารกัมพูชาที่เข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างสองประเทศ

ฝ่ายไทยได้ส่งชุดประสานงานเข้าพูดคุยตามแนวทางปกติ แต่เกิดความเข้าใจผิดจากฝ่ายกัมพูชาที่เข้าใจว่าเป็นการเคลื่อนกำลัง จึงเปิดฉากใช้อาวุธยิงใส่ ทำให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้ โดยการปะทะกินเวลาราว 10 นาที

ต่อมาในเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ฝ่ายไทย เพื่อยุติการปะทะ ทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังในพื้นที่

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อหาข้อยุติในประเด็นการอ้างสิทธิ์ และวางแนวทางปฏิบัติร่วมกันอย่างสันติ โดยกองทัพบกยืนยันว่า กำลังพลฝ่ายไทยทุกนายปลอดภัย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พร้อมรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ทราบในโอกาสต่อไป

กองกำลังสุรนารี #กองทัพภาคที่2 #ชายแดน

ไทยกัมพูชา #ช่องบก #กองทัพบก #ปะทะชายแดน #ความมั่นคงชายแดน #เจรจา ทวิภาคี #อุบลราชธานี #ทหารไทย #ทหารเขมร #ตรึงกำลัง #ข่าวสถานการณ์ล่าสุด

​ เด​วิท​ โชคชัย​ รายงาน​092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / แม่ทัพภาค 2 ย้ำกองทัพไทยคุมเข้มชายแดน – ปกป้องอธิปไตยเต็มที่ กรณีทหารเขมรรุกเนิน 745

แชร์เนื้อหานี้

จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ทหารกัมพูชาได้รุกล้ำเข้าพื้นที่เนิน 745 ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยมีลักษณะการสร้างฐานที่มั่น ขุดคูเลท และเสริมกำลังพร้อมอาวุธครบมือ ทหารพรานกองกำลังสุรนารีได้เข้าตรวจสอบและพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา กระทั่งได้ข้อสรุปว่าทหารกัมพูชาจะยุติการขุดคูเลทและถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน พร้อมตกลงจะนัดพบในห้วงเวลาโดยไม่มีอาวุธ และมีการลาดตระเวนร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานว่าทหารกัมพูชาบางส่วนยังคงอยู่ในพื้นที่ล้ำแดนบริเวณอื่นของช่องบกระยะห่างประมาณ 150 เมตร ซึ่งทหารไทยได้เจรจาเรียกร้องให้ถอยหลายครั้งแต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมสถานการณ์

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้ยังมีบางจุดที่เกิดความไม่เข้าใจกันซึ่งเป็นผลจากการใช้แผนที่คนละฉบับ แต่โดยรวมถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ควบคุมได้ โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยยังคงลาดตระเวนตามปกติ และมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีเป็นหลัก

ทั้งนี้ หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศ ได้มีข้อตกลงร่วมกันในหลักการ “ใครอยู่ตรงไหน ให้อยู่ตรงนั้น” หากจะมีการเคลื่อนไหวต้องแจ้งล่วงหน้าและพูดคุยกันก่อน พร้อมรอผลการดำเนินงานจากคณะอนุกรรมการปักปันเขตแดน

แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะดูแลผลประโยชน์ของชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างดีที่สุด พร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองกำลังทั้งสองประเทศ ไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย

ปัจจุบันจุดที่มีความเสี่ยงและยังไม่มีการปักปันอย่างชัดเจน ได้มีการถอนกำลังของทั้งสองฝ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ส่วนจุดที่มีการประจำการตามปกติจะยังคงอยู่เช่นเดิม โดยยืนยันว่าการแก้ปัญหาทั้งหมดจะยึดแนวทางสันติและการเจรจาเป็นหลัก

ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #ทหารเขมร #แม่ทัพภาคที่2 #กองทัพไทย #ปกป้องอธิปไตย #ข่าวชายแดน #อุบลราชธานี #เนิน745 #ความมั่นคงชายแดน​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สือรัฐนิวส์ / ผบ.ทบ.ประชุมหน่วยงานความมั่นคง นราธิวาส ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล

แชร์เนื้อหานี้

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดสถานการณ์ความรุนแรงหลายครั้ง ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา อำเภอเมืองนราธิวาส ซึ่งมีพลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/

ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม เพื่อหารือปรับแผนยุทธวิธีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง เน้นการทำงานเชิงรุกและบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน เพื่อยกระดับความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ความมั่นคงของประชาชน คือหัวใจสำคัญของภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจภายใต้ความเสี่ยงสูง พร้อมเน้นย้ำทุกภารกิจต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางซึ่งตกเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุรุนแรง จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ยืนหยัด มุ่งมั่น และปรับใช้ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลที่อาจนำไปสู่ความแตกแยกทางสังคมได้ โดยสนับสนุนกิจกรรมที่สะท้อนการต่อต้านความรุนแรง และการประณามผู้ก่อเหตุ รวมถึงการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย และความสามัคคีระหว่างพี่น้องไทยพุทธและไทยมุสลิม ในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนต่อการทำงานของภาครัฐ
////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /พิธีรับ-ส่งทหารใหม่ เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ทหารบกและทหารอากาศ ผลัดที่ 1/2568 ญาติให้กำลังใจคับคั่ง

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.50 น. ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ สัสดีจังหวัดบึงกาฬ จัดพิธีรับ-ส่ง ทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ แผนกทหารบก ผลัดที่ 1 /2568 และแผนกทหารอากาศ ผลัดที่ 1/2568

โดยได้รับเกียรติจาก นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานพิธี พร้อมด้วยนายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ พันเอกสุระชัย มีหอม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดบึงกาฬ นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ

พ.ต.อ.พิชิต คงพิทักษ์ ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ นายเฉลิมเกียรติ แผนกิจเจริญ พัฒนาการจังหวัดบึงกาฬ นายธีรวัฒน์ สนิทชน ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ปกครองร่วมพิธี โดยมีพันเอกบัณฑิต คำเคน สัสดีจังหวัดบึงกาฬ กล่าวรายงานและนำพบปะทหารใหม่ สำหรับจังหวัดบึงกาฬ

ได้ทำการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 – 11 เมษายน 2568 วันนี้เป็นการส่งทหารเข้ากองประจำการในผลัดที่ 1 แยกเป็นประจำการ

ณ มณฑลทหารบกที่ 29 จังหวัดสกลนคร จำนวน 26 นาย มณฑลหารบกที่ 21 จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 24 นาย กองทัพอากาศ กองบิน23 จังหวัดอุดรธานี จำนวน 17 นาย และกองทัพภาคที่ 1 กองทัพอากาศ ดอนเมือง จำนวน 25 นาย รวมทั้งสิ้น 92 นาย

โอกาสนี้ได้นิมนต์พระครูกิตติปัญญานุยุต (สินทำ กิตติปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีอุปถัมภ์(วัดป่าภูกระแต) พร้อมคณะะสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาประพรมน้ำพระพุทธมนต์และมอบวัตถุมงคล เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นขวัญกำลังใจ

จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ได้พบปะทหารใหม่บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและอบอุ่น พร้อมทั้งให้โอวาทขอให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ญาติ พี่น้อง ทหารใหม่ ที่จะต้องไปเข้ารับราชการทหารกองประจำการในวันนี้ว่า ขอให้มั่นใจในกองทัพ มั่นใจในผู้บังคับบัญชา จะดูแลบุตรหลานเป็นอย่างดีระหว่างการฝึกและตลอดระยะเวลาที่เข้าอยู่กองประจำ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ข่าว/ภาพ ณัฏฐ์ ณฐพรหม บึงกาฬ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มทภ.ที่4 ตรวจสอบเหตุลอบวางระเบิดและกราดยิงในพื้นที่ จ.นราธิวาส เด็กและประชาชนบาดเจ็บหลายราย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่22เม.ย.68 พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุความไม่สงบในจังหวัดนราธิวาส หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดบริเวณสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน และเหตุกราดยิงในพื้นที่บ้านฆอเลาะทูวอ อำเภอแว้ง ส่งผลให้เด็กและประชาชนได้รับบาดเจ็บรวมหลายรายเหตุการณ์แรกเกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 18.45 น. คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณริมกำแพงหลังแฟลตตำรวจ สภ.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้เด็กและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย รวมถึงเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 3-13 ปี ซึ่งเป็นบุตรหลานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะกำลังเดินทางไปเรียนอัลกุรอ่าน เจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และโรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างประกอบระเบิดแสวงเครื่องมาวางไว้บริเวณหลังรั้วแฟลต และหลบหนีไปก่อนก่อเหตุโดยมีการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ ในพื้นที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ยังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดกราดยิงใส่ประชาชนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารหน้าบ้านเลขที่ 229/11 บ้านฆอเลาะทูวอ หมู่ที่ 7 ต.แว้ง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแว้งและโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เพื่อรับการรักษา
ด้านภรรยาของ ดาบตำรวจ อนุชา ศรีสุวรรณ์ หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เมื่อทราบข่าวว่าสามีของตน

ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิง ตนตกใจและแอบกลัวว่าสามีจะเกิดอันตราย ตนและลูกจึงได้รีบเดินทางมายังโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เพื่อติดตามอาการของสามี และเมื่อทราบว่าอาการของสามีได้พ้นขีดอันตรายก็รู้สึกโล่งใจ พร้อมทั้งแสดงความหวังว่าเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้จะยุติลงเสียที โดยอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยปรองดองกัน หยุดความรุนแรง เพราะแม้ว่าเราจะมีวิถีชีวิตหรือความเชื่อที่ต่างกัน แต่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะเราก็คือคนไทยด้วยกัน

อยากให้รักกัน เหมือนที่เคยเป็นมาในอดีต”อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความรุนแรงที่สร้างความหวาดกลัวและส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้าน แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้กำชับและเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดและรัดกุมยิ่งขึ้น พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเบาะแสหรือบุคคลต้องสงสัย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร. 061-1732999 หรือสายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โทร. 1341 รวมถึงหน่วยเฉพาะกิจใกล้บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันสร้างพื้นที่ปลอดภัยและคืนความสงบสุขให้กับประชาชนทุกคน
//////////////////////////////////////////////

ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่้อรัฐนิวส์ / ปะทะเดือด!!! ชายแดนฝาง เชียงใหม่วิสามัญ 2 ศพ ยึดยาบ้า 5 เป้ รวมกว่า 5 แสนเม็ด

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 20 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 02.30 นาฬิกา กองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ

ร่วมกับ หมวดสกัดกั้นกองกำลังผาเมือง และ ชุดปฏิบัติการหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมทำลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย

บริเวณเส้นทางบ่อปูนซีเมนต์ บ้านขอบด้ง ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยสะพายเป้ ประมาณ 6 – 8 คน

จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการปะทะกันประมาณ 30 นาที สิ้นเสียงอาวุธปืน เจ้าหน้าที่ปลอดภัย

จากนั้น หน่วยจึงได้จัดกำลังพลเข้าควบคุมและตรวจสอบพื้นที่ จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบกลุ่มขบวนการเสียชีวิต จำนวน 2 ราย

ตรวจยึดยาบ้าจำนวน 5 เป้ รวมทั้งสิ้น 500,000 เม็ด, ลูกระเบิดขว้าง จำนวน 1 ลูก, กระเป๋าสัมภาระ , โทรศัพท์มือถือ และกุญแจรถจักรยานยนต์อีกด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 นาฬิกา พลตรี กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/ผู้อำนวย

การศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว และได้ส่งมอบของกลางทั้งหมดให้ สภ.ฝาง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อีกทั้งยังได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด อย่างต่อเนื่อง////

สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองแม่ทัพภาค 4 ตรวจเยี่ยม ทหารกองเกินเข้ารับราชการทหาร ประจำปี 2568 อ.เจาะไอร้องและอ.สุไหงปาดี จ. นราธิวาส

แชร์เนื้อหานี้

พล.ต.วรเดช เดชรักษา รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.(1) และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 ในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้องและอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

โดยมี พ.อ.ปัญจพล ทรัพย์บวร ผบ.ฉก.ทพ.48 และ พ.อ.มานิตย์ เผ่าพงษ์จันทร์ รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส(1) ร่วมให้การต้อนรับ

การตรวจเยี่ยมครั้งนี้เป็นการตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 โดยรองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำคณะกรรมการตรวจเลือกทหารฯ ให้ดำเนินงานทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และสามารถตรวจสอบได้

นอกจากนี้ยังได้พบปะพูดคุยกับคณะแพทย์ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และพ่อแม่ผู้ปกครองที่มารอให้กำลังใจชายไทยที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารฯ โดยได้ให้ความมั่นใจกับผู้ปกครองว่ากองทัพบกจะดูแลลูกหลานของพวกเขาอย่างดี

การตรวจเลือกทหารกองเกินฯ ในครั้งนี้เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีการเชิญชวนประชาสัมพันธ์ให้ชายไทยที่มาเข้ารับการตรวจเลือกทหารฯ และญาติผู้ปกครองได้รับทราบถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ เมื่อสมัครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพบกมารับใช้ชาติ
//////////////
ข่าว/อาอีซะห์/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นบ.ยส.24 สรุปฏิบัติงาน 6 เดือน (ต.ค.67 – มี.ค.68) สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ของรัฐบาลการแก้ไขปัญหายาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 เวลา 1000 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) มอบหมายให้ พลตรีฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่210/รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.มทบ.210/รอง ผบ.นบ.ยส.24 (2)) เป็นประธานการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญรอบ 6 เดือน (ต.ค.67 – มี.ค.68) และหารือ ประสานงาน/บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีหน่วยงาน/ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนม จำนวน 15 หน่วย และหน่วยงาน/ส่วนราชการนอกพื้นที่จังหวัดนครพนม ผ่านระบบประชุมทางไกล Video Conference (ผ่าน Zoom meeting) จำนวน 54 หน่วย ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระยอด กองบังคับการมณฑลทหารบกที่210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

ปัจจุบันสถานการณ์ยังคงมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด/เข้ามาในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบเครือข่ายและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการเชื่อมโยงกับบุคคลจาก สปป.ลาวและมีคนไทยในพื้นที่ชายแดนเป็นผู้ขนส่ง โดยได้รับค่าจ้างในราคาที่สูงซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญโดยพบว่าขบวนการลักลอบ ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ซึ่งพฤติการณ์ส่วนใหญ่จะนำยาเสพติดมาพักคอยในพื้นที่เมืองชายแดน ของ สปป.ลาว ก่อนจะใช้เรือลำเลียงมาตามแม่น้ำโขง บางพื้นที่จะนำยาเสพติดขึ้นไปพักคอยบนเกาะดอน ก่อนลักลอบนำเข้ามาในฝั่งไทยจะใช้วิธีการนำยาเสพติดที่อำพรางมาในรูปแบบต่างๆ (รูปปั้น สินค้าทางการเกษตร สินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม) ไปกระจายตามพื้นที่ และให้กลุ่มลำเลียงมารับตามจุดที่นัดหมาย เพื่อขนย้ายด้วยยานพาหนะขนาดใหญ่หรือยานพาหนะส่วนบุคคลไปตามเส้นทางชนบทที่ยากต่อการตรวจสอบ ก่อนจะนำยาเสพติดมาพักคอยตามปั๊มน้ำมัน บ้านพัก หรือรีสอร์ทในพื้นที่อำเภอตอนในต่อไป
สรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม2567 ถึง ปัจจุบัน ดังนี้

  1. มาตรการสกัดกั้น : มอบให้ กองกำลังป้องกันชายแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีสถิติการซุ่มเฝ้าตรวจ 18,838 ครั้ง,ลาดตระเวนทางบก 16,351 ครั้ง,ลาดตระเวนทางน้ำ 169 ครั้ง,จัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ 4,656 ครั้งรายละเอียดตามจอภาพ/ เป็นผลทำให้สามารถสกัดกั้นยาเสพติดที่สำคัญในพื้นที่ ณ แนวชายแดนได้ แยกเป็นยาบ้า จำนวน 64,000,005 เม็ด, ไอซ์ น้ำหนัก 2,603 กก., เฮโรอีน น้ำหนัก 124 กก.
  2. มาตรการปราบปราม : มอบให้ ตำรวจภูธรภาค 3, ภาค 4 และตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการปิดล้อมตรวจค้น 231 ครั้ง ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด จำนวน 73 คดี
    รวมผลการตรวจยึดจับกุมตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม ณ ปัจจุบัน มีการตรวจยึดจับกุม จำนวน 607 ครั้ง ผู้ต้องหา 848 ราย ของกลาง ยาบ้า 86,767,305 เม็ด,ไอซ์ 3,124.644 กิโลกรัม, เฮโรอีน 124 กก. เคตามีน 776.87 กิโลกรัม และอื่นๆ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นมากถึง ห้าพันเก้าร้อยล้านบาทเศษ (5,936,581,800 บาท)
  1. มาตรการป้องกัน : มอบให้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการปฏิบัติการจิตวิทยาและการประชาสัมพันธ์ จำนวน 1,896 ครั้ง, ฝึกอบรมพัฒนา ชรบ. จำนวน 116 ครั้ง,การปฏิบัติงานของ ชรบ. จำนวน 872 ครั้ง, การจัดระเบียบสังคม จำนวน 748 ครั้ง, การอบรมและการสร้างชุมชนเข้มแข็ง จำนวน 66 ครั้ง
  2. มาตรการบำบัดรักษา : มอบให้ สาธารณสุขจังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการดำเนินโครงการชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) จำนวน 2,852 ราย ดำเนินโครงการมินิธัญญารักษ์ จำนวน 1,421 ราย ดำเนินการรายงานในระบบข้อมูลการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ จำนวน 8,073 ราย ควบคุมตัวบุคคลคลุ้มคลั่ง จำนวน 300 ราย
    5.มาตรการบูรณาการ : เน้นให้ทุกส่วนราชการ บูรณาการร่วมกันทั้งงานด้านการข่าว และแผนงานโครงการ ต่างๆ โดยมีการดำเนินการจัดการประชุมขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหายาเสพติด 245 ครั้ง ดำเนินการประชุมโต๊ะข่าวแลกเปลี่ยนข้อมูล 106 ครั้ง กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด 94 ครั้ง
  1. มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน : มอบให้ ส่วนบังคับบัญชา, ส่วนอำนวยการ ของ นบ.ยส.24, ปปส.ภาค 3 และ ปปส.ภาค 4 เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 32 ครั้ง ดำเนินการประชุมแลกเปลี่ยนข่าวสาร จำนวน 2 ครั้ง ประสานการจับกุม และส่งมอบผู้ต้องหาข้ามประเทศ จำนวน 1 ครั้ง
    ซึ่งมีตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) หน่วยมีผลการปฏิบัติตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม ณ แนวชายแดน โดยทำการซุ่มเฝ้าตรวจ 6,540 ครั้ง, ลาดตระเวนทางน้ำ? 64 ครั้ง, ลาดตระเวนทางบก 5,383 ครั้ง, จัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ 1,530 ครั้ง ทำการปิดล้อมตรวจค้น 47 ครั้ง ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สิน คดียาเสพติด จำนวน 28 คดี รวมผลการตรวจยึดจับกุมตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) มีการตรวจยึดจับกุมจำนวน 216 ครั้ง/ ผู้ต้องหา 272 ราย ของกลาง ยาบ้า 26,970,802 เม็ด,ไอซ์ 1,216.336 กิโลกรัม, และอื่นๆ

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​