คลังเก็บหมวดหมู่: การเมือง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายกโต้ง เล็งพัฒนาเส้นทางเข้าแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกสีเสียด มาบอำมฤต/รวบมิจฉาชีพแอบอ้างเป็น “หัวหน้าภาคเฉพาะกิจในส่วนพระราชวัง–จนท.กอ.รมน.” ต้มเหยื่อสูญกว่า 4.8 หมื่นบาท

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 พ.ย.68 ที่น้ำตกสีเสียด หมู่ 13 ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร (นายกโต้ง) นายอภิชาติ มากยอด นายปรีชา งามผิว นายอติชาต วรรณณีต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร เขตอำเภอปะทิว ได้เดินทางไป

พบปะกับผู้นำท้องที่นำโดย นายศราวุธ ทองเหลือ กำนันตำบลดอนยาง ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย แพทย์ สารวัตร ผู้นำท้องถิ่น นำโดย นายกฤษณ์ สุขแก้ว นายก อบต.ดอนยาง สมาชิกสภา อบต.นายณพล เอื้องเรืองโรจน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลมาบอำมฤต สมาชิกสภาฯ กลุ่มพลังสตรี อำเภอเมืองรอบนอก ตำบลสะพลี ทรัพย์อนันต์ ปากคลอง ดอนยาง ชุมโค และประชาชนในพื้นที่

นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร (นายกโต้ง) เปิดเผยว่า ต้องการมาพบปะกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เพื่อมารับฟังปัญหาในการพัฒนาพื้นที่ เพราะองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร มีงบประมาณที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาท้องถิ่นร่วมกับ เทศบาล และ อบต.ได้หากได้รับการร้องขอ เช่นถนนเส้นทางที่จะเข้ามาเที่ยวน้ำตกสีเสียด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามร่มรื่น แต่ปัจจุบันถนนทางเข้าชำรุดเป็นหลุมหลายแห่ง

เท่าที่ทราบเป็นเขตติดต่อทั้ง อบต.ดอนยางและเทศบาลตำบลมาบอำมฤต อีกทั้งในพื้นที่น้ำตกยังเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ ในเบื้องต้นจากการประชุม ท้องถิ่น ต้องการให้ อบจ.เข้ามาร่วมพัฒนาเส้นทาง ดังนั้น จะส่งเครื่องจักรกล หนักเข้ามาช่วยพัฒนาปรับปรุงเส้นทางเบื้องต้นก่อน และหากเทศบาล หรือ อบต.ได้จัดทำแผนโครงการไว้ สามารถที่จะส่งโครงการเข้าไปขอรับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้ามาพัฒนาเส้นทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวได้ต่อไป

นอกจากนี้ยังได้พบปะพูดคุยประเด็นปัญหาต่างๆในการพัฒนา แนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน และได้เปิดตัว นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ รองนายก อบจ.ชุมพร ที่จะส่งลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทยในครั้งต่อไปด้วย

ด้านนายอนวัช สุคนธฉายา อดีต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 หรือผู้ใหญ่ติ๊ก ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวที่น้ำตกสีเสียดซึ่งสามารถที่จะเข้ามา กางเต็นท์ หรือพาบุตรหลานมาเล่นน้ำ ถ้ามาเป็นหมู่คณะสามารถ โทรหาผู้ใหญ่ติ๊กได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0921654595
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

รวบมิจฉาชีพแอบอ้างเป็น “หัวหน้าภาคเฉพาะกิจในส่วนพระราชวัง–จนท.กอ.รมน.” ต้มเหยื่อหวังฝากเข้าทำงาน สูญกว่า 4.8 หมื่นบาท ก่อนนัดรับเงินงวดสุดท้ายไม่รอดถูกล่อซื้อคาวัด

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 081-892-3514 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ชุมพร ผนึกกำลังเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดชุมพร เปิดปฏิบัติการจับกุมชายวัย 42 ปี หลังแอบอ้างตำแหน่งใหญ่โตระดับ “หัวหน้าภาคเฉพาะกิจในส่วนพระราชวัง” ควบ “เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.” หลอกลวงชาวบ้านว่าสามารถฝากเข้าทำงานราชการได้ แลกกับเงินก้อนโตรวมหลายครั้ง รวมมูลค่ากว่า 48,000 บาท ก่อนถูกวางแผนล่อซื้อขณะนัดรับเงินรอบสุดท้ายที่ศาลาวัด

เหตุจับกุมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว นายจิระศักดิ์ หรือหนุ่ม (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ภายในศาลาวัดท่ายางกลาง (วัดพิชัยยาราม) ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมของกลางธนบัตรล่อซื้อ 15,000 บาท, โทรศัพท์มือถือ และเอกสารส่วนตัวของผู้เสียหายหลายรายการ นอกจากนี้ยังพบชุดสีกากีติดป้ายชื่อปลอม อ้างตำแหน่ง “หัวหน้าภาคเฉพาะกิจในส่วนพระราชวัง” เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง

ผู้เสียหาย นายอภิชาตฯ อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า ถูกผู้ต้องหาหลอกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่าสามารถฝากให้ไปขับรถประจำหน่วยงานของ กอ.รมน. เป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว ดูแลเหตุอุทกภัยและงานชลประทานในพื้นที่จังหวัดชุมพร อีกทั้งอ้างว่าจะให้ไปรายงานตัวที่ค่ายวิภาวดีรังสิต พร้อมส่งข้อมูลปลอมว่าตนมีภารกิจจับยาเสพติด ประชุมต่างจังหวัด ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อสนิทใจ

แรกเริ่ม ผู้ต้องหาเรียกเก็บเงิน 100,000 บาท อ้างว่าเป็น “ค่าดำเนินการเข้าทำงาน” ก่อนจะต่อรองเองเหลือ 63,000 บาท โดยให้หักส่วนที่เหลือจากเงินเดือนในอนาคต ผู้เสียหายจึงนำเงินสด 48,000 บาท พร้อมเอกสารสำคัญต่าง ๆ ส่งมอบให้ตามนัดหมาย

แต่ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ต้องหายังนัดขอเงินเพิ่มอีก 15,000 บาท อ้างเป็นค่าชุดปฏิบัติการและอุปกรณ์ทำงาน เจ้าหน้าที่จึงวางแผนล่อซื้อ และสามารถจับกุมได้ทันทีหลังรับเงินและซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง

ต่อเนื่องจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ตรวจค้นห้องพักรายวันของผู้ต้องหาในโรงแรมแห่งหนึ่ง พบชุดเครื่องแบบสีกากีปลอม ป้ายชื่อปลอม และเอกสารสำคัญของผู้เสียหายจำนวนมากวางกองอยู่ในห้องพัก ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา อ้างตกงาน มีปัญหาการเงิน จึงซื้อเครื่องแบบและเครื่องหมายมาหลอกชาวบ้านเพื่อหาเงินใช้

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา “ฉ้อโกง” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมรายงานเรื่องต่อสำนักงานอัยการจังหวัดชุมพรทันที หน่วยงานรัฐและหน่วยงานด้านความมั่นคง ไม่มีนโยบายรับเงินหรือเอกสารส่วนตัวเพื่อแลกกับการบรรจุเข้าทำงานเด็ดขาด หากพบการติดต่อในลักษณะนี้ให้ปฏิเสธทันที และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพประเภทนี้

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วิเคราะห์การเมืองนราธิวาส เขต 1 “สจ.โป่ง” ขยับแรง จับตาแรงสั่นสะเทือนตระกูล “ยาวอหะซัน”ชี้ชัด

แชร์เนื้อหานี้

วิเคราะห์การเมืองนราธิวาส เขต 1 “สจ.โป่ง” ขยับแรง จับตาแรงสั่นสะเทือนตระกูล “ยาวอหะซัน”ชี้ชัด : การเมืองยุคใหม่ ประชาชนคือศูนย์กลางพื้นที่การเมืองนราธิวาส เขต 1 กำลังถูกจับตามองถึงการแข่งขันที่อาจจะเข้มข้นขึ้นในอนาคต หลังการปรากฏตัวของ นายปารมี พิมานแมน (สจ.โป่ง) อดีต ส.อบจ. และเลขานุการสภา อบจ.นราธิวาส

ที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าพร้อมลงสนาม ส.ส. ด้วยการศึกษาข้อมูลและสอบถามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยเชื่อว่าการเมืองยุคใหม่ที่ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายผ่านโซเชียลมีเดีย จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกตั้งการเมือง ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มขยับเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะใน เขต 1 จังหวัดนราธิวาส ที่ถือเป็น “สนามหลัก” ของตระกูลการเมืองใหญ่ “ยาวอหะซัน” ซึ่งครองพื้นที่มายาวนานหลายสมัย

ล่าสุดชื่อของ นายปารมี พิมานแมน หรือ ‘สจ.โป่ง’ อดีตเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส และสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังมีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวเตรียม “ขยับสนาม” จากท้องถิ่นสู่เวทีการเมืองระดับประเทศ โดยระบุความพร้อม “เกือบ 90%” ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 1 นราธิวาส

ชื่อของ “สจ.โป่ง” นายปารมี พิมานแมน จึงถูกมองว่าเป็น “ตัวแปรใหม่” ที่น่าสนใจในสมการนี้ เพราะไม่ได้มาจากสายตระกูลการเมือง หากแต่เติบโตจาก “ระบบราชการท้องถิ่น” และ “เครือข่ายภาคแรงงาน–เอกชน–การทูต”ซึ่งการมีบทบาททั้งในภาคธุรกิจแรงงานระหว่างประเทศ และการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ “สจ.โป่ง” มีจุดแข็งด้าน ความเข้าใจเชิงนโยบาย และการเข้าถึงคนทำงานจริงในพื้นที่

สำหรับ นายปารมี พิมานแมน โปรไฟล์แน่น เครือข่ายหลากหลาย แม้ “สจ.โป่ง” จะมาจากเส้นทางการเมืองท้องถิ่น แต่เส้นสายและเครือข่ายของเขากลับโยงกว้างกว่าที่หลายคนคิด ทั้งด้านแรงงาน การศึกษา และการทูต

  • ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาสมาคมการค้าพัฒนาแรงงาน
  • ที่ปรึกษาบริษัทเอ็นเอส สยาม จำกัด บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ
  • กรรมาธิการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดนราธิวาส
  • คณะกรรมการระดับสุขภาพพื้นที่ อบจ.นราธิวาส
  • และที่น่าสนใจคือบทบาท ที่ปรึกษาเอกอัครราชทูตบังคลาเทศ ประจำประเทศไทย ด้านแรงงานต่างด้าว (ตั้งแต่ปี 2568 ถึงปัจจุบัน)

นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่ง เลขาสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนราธิวาส สะท้อนภาพ “คนทำงานภาคสนาม” ที่มีสายสัมพันธ์กับทั้งภาคแรงงานและกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ทั้งนี้คู่แข่งตัวจริง “วัชระ ยาวอหะซัน” – แชมป์เก่า 3 สมัย อีกฟากหนึ่งของสนามคือ นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส. 3 สมัย ปัจจุบันสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นลูกชายของ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็นตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่มายาวนาน

โดยในรอบหลายปีที่ผ่านมา เขต 1 นราธิวาสแทบจะเป็น “ฐานเสียงเหนียวแน่น” ของบ้านยาวอหะซัน ทว่าในยุคที่สังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาท และประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจึงเริ่มเห็นได้ชัดอย่างไรก็ตา “สจ.โป่ง” ชี้ชัด : การเมืองยุคใหม่ ประชาชนคือศูนย์กลาง

ซึ่งจากบทสัมภาษณ์เชิงลึกของ “สจ.โป่ง” สะท้อนแนวคิดทางการเมืองที่เน้น “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” มากกว่าเกมอำนาจ เขาระบุว่า “ประชาชนสมัยนี้รับรู้ข่าวสารเร็ว ไม่ว่าจะอยู่เชียงใหม่หรือมาเลเซีย ก็รู้ว่าพื้นที่นราธิวาสเกิดอะไรขึ้น… การตัดสินใจของประชาชนจะเป็นคำตอบทั้งหมด”

เขายังทิ้งประโยคสำคัญที่สะท้อนแนวทางทางการเมืองของตัวเองว่า “เราไม่มองแพ้หรือชนะ แต่ถามว่าประชาชนได้อะไร ถ้าได้ เราก็พร้อมลง”โดยน้ำเสียงดังกล่าวสะท้อนถึงการพยายามสร้างภาพลักษณ์ “นักการเมืองรุ่นใหม่” ที่ไม่ยึดติดกลุ่มอิทธิพล แต่เน้นนโยบายที่จับต้องได้ในระดับท้องถิ่นแม้ยังไม่มีการประกาศพรรคการเมืองที่จะสังกัดอย่างเป็นทางการ แต่จากถ้อยคำของ “สจ.โป่ง” ที่ระบุว่า “อยู่ที่ว่าเคมีตรงกัน” ทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า เจ้าตัวอาจกำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับหลายพรรคในส่วนกลาง

แหล่งข่าวทางการเมืองท้องถิ่นระบุว่า หาก “สจ.โป่ง” ตัดสินใจลงสมัครจริง เขต 1 จะกลายเป็นสนามแข่งขันที่ “น่าจับตาที่สุด” ของจังหวัด เพราะเป็นการท้าทายอำนาจของตระกูลการเมืองใหญ่ที่ครองพื้นที่มายาวนานสำหรับสนามเลือกตั้งนราธิวาส เขต 1 จึงอาจไม่ได้เป็นเพียงการชิงเก้าอี้ ส.ส. อีกครั้ง แต่คือ บททดสอบระหว่าง “การเมืองสายตระกูล” กับ “การเมืองสายประชาชน”ทั้งนี้“สจ.โป่ง” จะสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในฐานะผู้ท้าชิงหน้าใหม่ได้หรือไม่?หรือ “วัชระ ยาวอหะซัน” จะยังคงรักษาฐานเสียงของตระกูลได้ต่อไป?คำตอบสุดท้ายคงต้องรอฟังจาก “ประชาชนในพื้นที่” ที่วันนี้ดูจะพร้อมตัดสินด้วยข้อมูล มากกว่าอิทธิพลแบบเดิม
///////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดตัว “ประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยะลา เขต 1 พรรคภูมิใจไทย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 พย. 68 ผู้สื่อข่าวปัตตานีได้มีโอกาสพบคนการเมืองจากภรรคภูมิใจไทย จึงแสดงบัตรนักข่าว และแนะนำำตัวเองว่า
เป็นนักข่าวในพื้นที่ปัตตานี เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษของสำนักข่าวไทย ประจำ จ.ปัตตานี จึงขออนุญาต สัมภาษณ์ นายสิระภพ ดวงสอดศรี ผช.รมต กระทรวงยุติธรรม และะเป็นผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทยด้วยเลยขอท่านสัมภาษณ์ ภายในร้านอาหาร แห่งหนึ่งในย่านเศรษฐกิจ ผู้คนพลุกพล่าน ตรง ถนนสาย มอ.ปัตตานี

จากกรณีเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2568 ที่ผ่านมานั้น ท่ามกลางกระแสการเมืองร้อนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ ทางด้านพรรคภูมิใจไทย ได้ขยับหมากรุกตัวสำคัญอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว “นายประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ” ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยะลา เขต 1 ซึ่งนับเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกจับตามากที่สุดในเวทีเลือกตั้งรอบนี้

สวัสดีครับท่าน ก่อนขอแสดงงความยินดีที่ท่านได้รับตำแหน่งงทางการเใหเมืองให้เให้ป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ที่มาเจอกันโดยบังเอิญ ท่านให้เกียรติสัมภาษณ์ผมขอขอบพระคุณท่านมากๆครับ ถึงเรื่องของการเปิดตัว คนมั่งคั่งเจ้าสัวใน จ.ยะลา คือ “ประสิทธิ์ชัย” ลงชิงชัยเก้าอี้ ส.ส.เขต 1 จ.ยะลา
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงตั้งคำถามแรก‘ ท่านมาอยู่ในตำแหน่งงทางการเมืองมาจากความตั้งใจ จริง หรือ…ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง ?

นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การเลือก “ประสิทธิ์ชัย” มาเป็นตัวแทนพรรคในเขต 1 จังหวัดยะลา ไม่ได้เกิดจากโควต้า ไม่ได้เลือกจากศาสนา ไม่ได้ตั้งใจจะเน้นว่าเป็น “ไทยพุทธ” คนเดียวในสนาม แต่เลือกเพราะ “หัวใจ” และ “ความสามารถ” ที่จะทำหน้าที่เป็น “ตัวแทนของประชาชนทุกศาสนา ทุกชุมชน”“เราไม่ได้เลือกเขาเพราะเขาเป็นไทยพุทธ หรือเพื่อความแตกต่างทางศาสนา แต่เลือกเพราะเขาเป็นคนที่ฟังพี่น้องประชาชนได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะพุทธ มุสลิม หรือศาสนาใดก็ตาม”

@พื้นฐานที่แข็งแรง…จากรุ่นสู่รุ่นประสิทธิ์ชัย มาจากครอบครัวนักการเมืองที่คนในพื้นที่รู้จักกันดี — พี่ชายของเขาคือ นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ อดีต ส.ส.ยะลา 6 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองน้ำดีที่ทำงานช่วยเหลือชาวบ้านมายาวนาน แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าภูมิหลังคือ “การลงมือทำงานที่ต่อเนื่อง” – หากจะมองตระกูลนี้ มีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ยากไร้คน ที่ยากไร้ พวกเค้ามักส่งเสริมการสร้างอาชีพในชุมชน และให้โอกาสกับกลุ่มเปราะบาง มานานกว่าทศวรรษ โดยไม่ต้องรอถึงช่วงเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวเลยถามเลยงัดต่อเนื่อง ถึงประเด็น เหตุผลหลักที่พรรคภูมิใจไทย เลือกนายประสิทธิ์ ทางด้าน นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และ เป็นผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย เผยว่า ตอนนึงในบทสัมภาษณ์ราว2 ชม. ระบุว่า ในการพิจารณาว่าที่ผู้สมัครสส. ของพรรคภูมิใจไทย แต่ละเขตการเลือกตั้ง โดยพรรคมีความเหให้็นพ้องว่า เราให้ความสำคัญกับคุณสมบัติ ความตั้งใจ และความสามารถจริง ไม่ใช่เรื่องภาพลักษณ์ หรืออิทธิพลแฝง หรือแม้แต่กระแสชั่วคราวอย่างโลกออนไลน์ โซเชียลมีเดีย์ ถ้าถามว่าดีไหม “ดีสิ” แต่โซเชียลมีเดียร์นั้นมันจะเป็นดาบสองรมทันทีหากนักการเมืองทุกคนนำมาใช้เป็นเครื่องมือในทางที่ผิดและไร้จรรยาบรรณ ซึ่งมารยาททางการเมืองเค้าไม่ใช้กันวิถีอย่างนี้ ”ผอ.พรรคภูมิใจไทยกล่าว“

“นายประสิทธิ์ชัย เป็นคนที่เรามองว่า ไม่เพียงแต่เข้าใจความต้องการของคนในพื้นที่ แต่ยังสามารถเป็นสะพานเชื่อมใจคนในชุมชนพุทธและมุสลิมได้อย่างแท้จริง”แต่นี่ไม่ใช่ .. แค่ลงเลือกตั้ง แต่เรามาพร้อมทีมงานเข้มแข็ง ทำด้วยใจจริง และพรรคสนับสนุนให้เป็นจริง สิ่งนี้คือ เบื้องหลังการเปิดตัวครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจนจากระดับผู้บริหารพรรค โดยนายทพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ให้การสนับสนุนโดยตรง พร้อมด้วยผู้ใหญ่ในพื้นที่และทีมงานคุณภาพที่พร้อมสนับสนุนการทำงานทั้งในและนอกสภา

ผู้สื่อข่าวได้ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ The Stringer Today เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568ซึ่งกระทู้ดังกล่าว ผู้ติดตามก็ว่า 2 แสนคนโดยผมจะเจาะรายระเอียดสำคัญๆมา เนื่องจากในกระทู้นั้นโดนบล็อกภายหลังจากตั้งกระทู้ถามีถึงชาวจ.ยะลา ว่าทำไมต้องเลือก “ประสิทธิ์ชัย”?

  • ทำไมต้องเลือก “ประสิทธิ์ชัย”?
  • เป็นผู้สมัครที่ “ไม่ได้มาเพื่อแข่งขัน” แต่ “มาเพื่อรับใช้”
  • เข้าใจพื้นที่ รู้จักปัญหาทุกซอกทุกมุมของเขต 1
  • เชื่อมโยงได้ทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม
  • มีประสบการณ์ครอบครัวด้านการเมืองที่ไม่ทิ้งประชาชน
  • ได้รับการสนับสนุนจากพรรคและทีมผู้บริหารระดับชาติ
  • ภายหลังจากนั้น ก็จบการสนทนาสั้นๆกับทาง ผอ.พรรคภูมิใจไทย

บทสรุปจาก “พี่ใหญ่”
“เรามั่นใจว่าเขาคือคนที่ดีที่สุดในเวลานี้ ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นใคร แต่ว่าเพราะเขาทำอะไรให้พี่น้องประชาชนมาตลอด และเราก็มั่นใจว่าถ้าได้โอกาสครั้งนี้ เขาจะทำได้มากกว่าที่เคย” บทสรุปจาก “พี่ใหญ่”“เรามั่นใจว่าเขาคือคนที่ดีที่สุดในเวลานี้ ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นใคร แต่ว่าเพราะเขาทำอะไรให้พี่น้องประชาชนมาตลอด และเราก็มั่นใจว่าถ้าได้โอกาสครั้งนี้ เขาจะทำได้มากกว่าที่เคย” ต่อมา ได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าเพิ่มเติม ของนายสิรภพอีกว่านอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าหากประชาชนในจังหวัดยะลา (เขต1) กำลังมองหา “ตัวแทนของชาวบ้าน ที่เข้าใจปัญหาในพื้นที่จริง และะลงพื้นที่จริง จิตใจดี เมตตา มีหัวใจเพื่อส่วนรวม ที่สำคัญเลยคือ ไม่แบ่งแยกศาสนา และกล้าที่จะพูดแทนประชาชน”

พรรคภูมิใจไทยได้เลือก “นายประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ” มาเป็นทางเลือกให้พี่น้องประชาชน ที่พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองในเวทีการเมืองระดับชาติ ด้วยผลงานและเจตนาที่ชัดเจน ถึงเวลาแล้ววที่ต้องตัดสินใจด้วยตัวของท่านเองให้เข้าไปมีบทบาท มาเป็นกระบอกเสียงให้ชาวยะลาเขต1 เป็นตัวแทนของพลังงานร่วมสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีอย่างยาวนานในพื้นที่ที่เรียกได้ว่า เป็นระเบียงแห่งงเมทองมักกะหฺ์ ประชาชนทุกคนจะได้เห็นภาพ กลิ่นอายความจริงที่ชาวบ้านมึเงินสำหรับใช้จ่ายในครัวเรือน จุนเจือพ่อแม่ เพราะมั่นใจได้เลยว่า เศษฐกิจที่ซบเซาในเมืองจ.ยะลา กลับมายุคเฟื้องฟูอีกครั้ง เลือก นายประสิทธิ์ ยะลาเขต1 คนใหม่ ที่ใครๆ ทุกศาสนาเข้าถึงได้ ด้วยสโลแกนว่า “เสียงจากประชาชน ต้องมีคนจริงใจ เป็นกระบอกเสียงแทน”

ตอริก สหสันติวรกุล ผู้สื่อข่าว TOPNEWS รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สส.อีฟ สส.ศรีสะเกษเขต 5 สส.ใหม่ป้ายแดงลงพื้นที่ชายแดนร่วมกับผู้ใจบุญจิตอาสาเพื่อทำถนนให้ทหารไทย

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมพ.ศ 2568 นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล สส.อีฟ สส.ศรีสะเกษเขต 5 ได้ลงพื้นที่พร้อมภาคประชาชนจิตอาสาตามโครงการ ตั้มสายบุญทุกดิน-ทุกค่าย และรถไถดินดิน โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนรถขนหิน

จากโรงโม่หินปรางค์ทรัพย์ โรงโม่ศิริสิน โยธาการ และโรงโม่หิน ศิลาภู และเจ้าของรถดั๊มผู้ใจบุญที่เข้ามาร่วมโครงการมากกว่า 50 คัน การทำบุญครั้งนี้ได้รับการร่วมมือและประสานงานจากเสี่ยแมน-แม็คโคร แดงสติ๊กเกอร์ อนุพงษ์ สมเพชร และกรมป่าไม้ ตชด

การจัดทำโครงการในครั้งนี้เพื่อทำถนนให้กับทหารตระเวนชายแดน เส้นทางช่าปีกา-พลานตากผ้า-โดนไป เพื่อให้สะดวกและปลอดภัยต่อการเดินทางของเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาดินแดนไทยของเรา

นอกจากนั้นสส.อิฟ สส.ศรีสะเกษเขต 5 ยังได้ให้กำลังใจและร่วมรับประทานอาหารกับเจ้าหน้าที่ทหารตระเวนชายแดนเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และพี่น้องประชาชนจิตอาสาทุกๆ

คนอย่างเป็นกันเองโดยมีชาวบ้านตำบลห้วยจันทร์ มาร่วมทำอาหารให้ทุกคนได้ล้อมวงทานข้าวกันอย่างอร่อยและอบอุ่น
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รมช.อามินทร์ เปิดโครงการเร่งรัดทำหมันสุนัข-แมว จ.นราธิวาส คุมโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่เสี่ยง จ.นราธิวาส

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่โรงเรียนนราสิกขาลัย ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เปิดโครงการเร่งรัดผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมวเพื่อควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่เสี่ยงจังหวัดนราธิวาส

ปีงบประมาณ 2569 ภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรคคนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี โดยมีนายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายจักรพงษ์ ขานโบ ปศุสัตว์จังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดโครงการเร่งรัดผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว เพื่อควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่เสี่ยง จังหวัดนราธิวาสประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ

กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ว่าปัญหาประชากรสุนัขและแมวจรจัด เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งด้านสุขอนามัย ความปลอดภัยของประชาชน และที่สำคัญคือความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ และเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องเฝ้าระวัง อย่างใกล้ชิด แม้ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสยังไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิตก็ตาม

ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้เป็นอย่างยิ่ง และได้น้อมนำพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ตามโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการเร่งรัดผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว

เพื่อควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ไม่ใช่แค่การควบคุมประชากรสัตว์ แต่ยังเป็นการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างยั่งยืน และช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคนและสัตว์ ซึ่งจะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในชุมชน โดยตั้งเป้าหมายขยายผลโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 30% ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้านนายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนิน

โครงการในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ในการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย การควบคุมประชากรสัตว์จรจัดอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถติดต่อสู่คนได้ และกรมปศุสัตว์จะยังคงเดินหน้าประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประชากรสุนัขและแมว และการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ทั้งนี้นายอามินทร์ ได้มีการมอบนโยบายในการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน พบปะประชาชน และมอบปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกร อีกทั้งได้รณรงค์ส่งเสริมการบริโภคไข่ไก่ โดยภายในงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ พบปะประชาชน และมอบปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ประกอบด้วย มอบ ส.ป.ก. 4-01 จำนวน 41 ราย มอบพันธุ์สัตว์ (โคพื้นเมือง, กระบือ, แพะ ฯลฯ) และเวชภัณฑ์ให้เกษตรกร


มอบพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 100 กก. และหญ้าอาหารสัตว์ 70 กก.แจกอาหารสุนัข-แมว จำนวน 500 กก.และแจกไข่ไก่เพื่อรณรงค์การบริโภค จำนวน 1,000 ฟองพร้อมกันนี้ได้เยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับการผ่าตัดทำหมันสัตว์เลี้ยง การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการเลี้ยงสัตว์ปลอดโรค เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในพื้นที่
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศึกเลือกตั้งสมรภูมิโคราชเดือด “บุญจง ภูมิใจไทย” หวังกวาดที่นั่ง สส. โคราช

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลา 11.00 น. ณ ที่ว่าการอำเภอหนองบุนมาก จ.นครราชสีมา นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเลือกตั้งสมัยหน้าที่จะมาถึงนี้ พรรคภูมิใจไทย หวังว่าที่นั่งในพื้นที่โคราชเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

พร้อมทั้งได้เตรียมตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่ดีมีคุณภาพเอาไว้พร้อมแล้ว เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนในนามพรรคภูมิใจไทย ได้ลงพื้นที่อำเภอหนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เพื่อพบปะกำนันผู้ใหญ่บ้าน กว่า 400 คน

ให้แนวทางนโยบายโครงการคนละครึ่ง ตามนโยบายรัฐบาล ยุคนายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรี ที่มอบโครงการคนละครึ่งคนละ 2,000 บาทให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้ให้ความรู้ความเข้าใจ

ให้กับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน เป็นตัวแทนไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ชาวอำเภอหนองบุญมาก ที่จะได้เงินคนละครึ่ง เพื่อเป็นเงินช่วยเหลืือรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

ด้าน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อไปว่ารัฐบาลชุดนี้มีเวลาทำงานได้เพียง 4 เดือน หรือ120 วันก็จะทำการยุบสภา และ แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตนเองในฐานะอดีต สส.นครราชสีมา และ สังกัดพรรคภูมิใจไทย คงอาสาพี่น้องประชาชนชาวอำเภอหนองบุญมาก

เพื่อให้สนับสนุนตนอีกครั้ง และขณะนี้มีผู้ประสงค์เข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พร้อมส่งลงเลือกตั้ง สส.นครราชสีมา ทั้ง 16 เขต มีความคาดหวังว่าพรรคภูมิใจไทย จะสามารถกวาด สส.นครราชสีมาเข้ามาได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และจะพัฒนาโคราชให้เจริญเติบโตต่อไป

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นณ์ตวรรณ เบอร์ 2 ภูมิใจไทย กราบพ่อแม่ แถลงชัยชนะ หลังทิ้งห่างคู่แข่งกว่า 8 พันคะแนน

แชร์เนื้อหานี้

***บรรยากาศที่ทำการพรรคภูมิใจไทย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เต็มไปด้วยความคึกคักและเสียงเฮฉลองชัย หลังจาก น.ส.จินต์วรรณ ไตรสรณกุล หรือ “อีฟ” ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคภูมิใจไทย กวาดคะแนนนำห่างคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทยอย่างไม่เป็นทางการ

***ผลคะแนนนับไปแล้ว 95% เบื้องต้น น.ส.จินณ์ตวรรณ หมายเลข 2 พรรคภูมิใจไทย ได้ 40,093 คะแนน ขณะที่ น.ส.ภูริกา สมหมาย หรือ “กุ้ง” ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ได้ 31,349 คะแนน ห่างกัน 8,744 คะแนน

***ทั้งนี้ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย มีแกนนำสำคัญร่วมฉลองชัย ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ไตรศุรี ไตรสรณกุล (กวาง) เลขาธิการรัฐมนตรี, นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ, นายธีระ ไตรสรณกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส. และบิดา–มารดาของผู้ชนะเลือกตั้ง โดยในบางช่วงบรรยากาศอบอุ่นถึงขั้นมีการกอดและหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ

***หลังทราบผลไม่เป็นทางการ น.ส.จินณ์ตวรรณ ได้นำพวงมาลัยมากราบพ่อแม่ พร้อมกล่าวขอบคุณพี่น้องชาวศรีสะเกษ เขต 5 ที่มอบความไว้วางใจ “วันนี้เราเห็นชัยชนะของเรา คือความร่วมมือของพี่น้องศรีสะเกษ เขต 5 ที่ส่งสัญญาณอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเมือง”
***น.ส.จินณ์ตวรรณ กล่าวต่อว่า ปัจจัยแห่งชัยชนะเกิด

จากหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารจัดการปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชาที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนมองว่าเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลเดิม เพราะพื้นที่ศรีสะเกษเคยเป็นจุดที่ต้องอพยพ แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแล อีกทั้งการลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เข้าถึงประชาชนได้จริง “สิ่งที่ต้องทำทันทีคือการเตรียมหาข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดน และแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ จะทำให้ดีที่สุด ให้ประชาชนเห็นความจริงใจ” น.ส.จินณ์ตวรรณ ย้ำ

***ขณะที่บรรยากาศฝั่งพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดย น.ส.ภูริกา ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ แต่แจ้งว่าจะทำการแถลงผ่านเพจพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดหีบเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ คนทยอยมาใช้สิทธิกันต่อเนื่อง ชาวบ้าน เผยอยากได้ สส. ที่ช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนอย่างจริงจัง

แชร์เนื้อหานี้

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหลังเปิดหีบเลือกตั้งซ่อม สส. ศรีสะเกษ เขต 5 เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 ก.ย. 68 พี่น้องประชาชนต่างออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันคึกคัดตั้งแต่เช้า โดยผู้สื่อข่าวได้ลงสังเกตการในเขตเทศบาลตำบลขุนหาญ ตำบลสิ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ หน่วยเลือกตั้งที่ 7 เขตเลือกตั้งที่ 5 ตำบลสิ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่มี นส.ภูริกา สมหมาย (กุ้ง) ผู้สมัคร สส. เขต 5 หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ลูกสาวของอดีต สส.อมรเทพ ที่เสียงลงกะทันหัน มาเลือกตั้งที่หน่วยนี้ นอกจากนี้ยังมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาใช้สิทธิเลือกตั้งกัน

***โดยเวลา 08.49 นส. ภูริกา สมหมาย หรือ กุ้ง ผู้สมัคร สส. เขต 5 หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ก็ควงแขนคุณแม่ มาเข้าคูหาใช้สิทธิอเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากใช้สิทธิเลือกตั้งเสร็จ นส.ภูริกา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนเข้ามาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกับคุณแม่ ตอนนี้ตนรู้สึกปลอดโปร่งและอากาศแจ่มใสมาก ก่อนที่จะออกมาจากบ้านตนได้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพรจากคุณพ่ออมรเทพ สมหมายขอให้ตนได้รับชัยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ และตนก็มั่นใจว่าจะเอาชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้

***ด้าน นางมาลัย ศรีมงคล อายุ 52 ปี แม่ค้าในตลาดสด เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ตนอยากได้ สส. ที่จะเข้าไปเป็นปากเป็นเสียง อยากได้ สส. ที่เก่งมีความสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงภัยสงครามตนอยากให้มันเคลียปัญหาให้เสร็จๆ และอยากให้ สส. เข้าไปช่วยเรื่องเศรษฐกิจเรื่องราคาข้าวราคามัน และดูเรื่องราคาปุ๋ยที่แพงเกิน ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพปลูกพืชผักสวนครัวจำหน่ายก็จะมีกำไรพอได้เลี้ยงชีพบ้าง ส่วยเรื่องชายแดนตอนนี้ตนยังมีความกังวลอยู่กลัวว่าจะเกิดเหตุยิงปะทะกันขึ้นมาอีกเห็นว่าวันที่ 1 ตุลาคม ให้เตรียมอพยพ ต้นอยากให้รีบช่วยแก้ปัญหาให้จบๆ

***ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนบรรยากาศที่หน่วยเลือกตั้งในตำบลอื่นบนว่า บรรยากาศช่วงเช้าส่วนมากจะมีผู้สูงอายุเข้ามาใช้สิทธิก่อนเป็นส่วนมาก ทั้งนี้การเลือกตั้งซ่อน สส. เขต 5 ในครั้งมีอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นกัน คือ ผู้สมัคร สส. เขต 5 ของพรรคภูมิใจไทย หมายเลข 2 คือ นส.จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล (อีฟ) ไม่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตที่ตัวเองลงสมัคร เนื่องจากไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านมาที่เขต 5 แต่ก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติในการลงสมัคร สส. แต่อย่างใด ทำให้การลงคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้จะไม่มีภาพของ นส.จินณ์ตวรรณ เข้าคูหากาเลือกตัวเอง ทั้งนี้การเลือกตั้งซ่อม สส. ศรีสะเกษ เขต 5 มีผู้สมัครลงชิงชัยเพียง 2 คน เป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และจากพรรคภูมิใจไทย โดยมีเขตเลือกตั้งอยู่ 2 อำเภอ คือ อำเภอขุนหาญ และอำเภอภูสิงห์ มีหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 236 หน่วย ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 127,143 คน

ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศรีสะเกษ อาจารย์อีฟ จินณ์ตวรรณ” เบอร์ 2 ภูมิใจไทย ลุยหาเสียงขุนหาญ ชูนโยบายเกษตร ชายแดน พูดแล้วทำ

แชร์เนื้อหานี้

การเมืองเขต 5 ศรีสะเกษคึกคัก “อาจารย์อีฟ” จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 2 ลงพื้นที่อำเภอขุนหาญ เดินเคาะประตูบ้าน พบปะชาวบ้านอย่างถึงพริกถึงขิง ชูนโยบายช่วยเกษตรกร ลดต้นทุนค่าปุ๋ย–แก้ราคาพืชผลตกต่ำ พร้อมควบคู่แก้ปัญหาชายแดน ย้ำจุดยืนพรรคภูมิใจไทย “พูดแล้วทำ” ไม่ซ้ำรอยการเมืองแบบเดิม บรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างคึกคัก ชาวบ้านในพื้นที่ให้การต้อนรับด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น โดยอาจารย์อีฟเผยว่า จากการลงพื้นที่ทำให้ทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลังเลือกผู้แทนพรรคเดิมต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี แต่ไม่เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม มีเพียงวาทกรรมการเมืองซ้ำ ๆ

“พรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ เราจะทำตามที่บอกกับพี่น้อง ประชาชนไม่อยากได้การเมืองแบบเก่า ๆ อีกต่อไป” อาจารย์อีฟกล่าว พร้อมย้ำถึงแนวทางการหาเสียงที่มุ่งตรงสู่ความต้องการของพื้นที่จริง ไม่ใช่คำสัญญาลอย ๆสำหรับนโยบายหลัก พรรคภูมิใจไทยเตรียมแก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ตกต่ำ ทั้งข้าวและมันสำปะหลัง ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากต้องเป็นหนี้ค่าปุ๋ย พรรคได้วางโรดแมปชัดเจน โดยเริ่มแก้ปัญหามันสำปะหลังก่อน จากนั้นจะขยายไปสู่ราคาข้าว และดำเนินมาตรการลดต้นทุนการผลิตควบคู่กัน

ในด้านความมั่นคงชายแดน อาจารย์อีฟระบุว่า แม้อำเภอขุนหาญและอำเภอภูสิงห์จะไม่ใช่พื้นที่กระสุนตกโดยตรง แต่ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการอพยพหนีภัย รวมถึงปัญหาเงินเยียวยาผู้ประสบภัยโดยตรงและสัตว์เลี้ยงที่เสียหายจำนวนมาก จึงต้องเร่งเข้ามาจัดการอีกทั้งยังมีปัญหาหมุดแดนบริเวณช่องสะงำจากบันทึกความเข้าใจ (MOU 43) ที่ทำให้เกิดการรุกล้ำพื้นที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญความเสี่ยง พรรคภูมิใจไทยประกาศจะผลักดันให้มีการเจรจาและหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นคงให้พี่น้องประชาชนชายแดน/////

ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สนง.กกต.จว.มุกดาหาร​ ตรวจติดตามและนิเทศสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดมุกดาหาร​ ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 เวลา 10.00​ นาฬิกา นายจักรินทร์​ ชาลีพุทธ​าพงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมุกดาหาร​ มอบหมายให้

นายพิเชฐ สุภัคชูกุล หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง พร้อมด้วย นางสาวมยุรี วงศ์ศรีธนกุล พนักงานการเลือกตั้งชํานาญการ​ และบุคลากรช่วยปฏิบัติงานตามโครงการตรวจติดตามฯ

ดำเนินการตรวจติดตามการดำเนินกิจกรรมและนิเทศสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ประจำปี 2568 ณ สำนักงานสาขาพรรคเสรีรวมไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประจำจังหวัดมุกดาหาร เขต 1 ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร​ จังหวัด​มุกดาหาร​

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สํารวจข้อมูล สาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด​ ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร​ ในการดําเนินกิจกรรม ทางการเมืองให้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของกรรมการสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัด​ เพื่อให้การดำเนินการทางการเมืองเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย


โดยมี​ ร.ต.​ต.สุ​เทียน​ ทอง​โสม​ หัวหน้าสาขาพรรคเสรีรวมไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคณะกรรมการสาขา ให้การต้อนรับและชี้แจงการดำเนินกิจกรรม ซึ่งผลการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย////ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​